เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 217 เรื่องในใจของจิงอิ๋ง

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 217 เรื่องในใจของจิงอิ๋ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พี่สะใภ้…” จิงอิ๋งเบียดตัวอยู่ข้างกายเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ทีท่าทีที่เศร้าหมองอยู่บ้าง คล้ายกับว่ามีเรื่องในใจที่ไม่อาจพูดออกมาได้ แทบไม่เหมือนตอนที่กลับมาเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง ทั่วทั้งร่างล้วนเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานและความสุขที่พร้อมจะพุ่งออกมาตลอดเวลา ความสุขเช่นนั้นคล้ายกับจะกลายเป็นฟองอากาศไปแล้ว เมื่อแสงของรุ่งอรุณมาถึงก็สูญสลายอย่างไร้ร่องรอย

“รู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก? ทำไมล่ะ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์นอนอยู่บนตั่งนุ่ม มองใบหน้าซึมเศร้าของจิงอิ๋งที่พาดอยู่บนที่นอน รู้สึกสงสารอยู่บ้าง ทั้งลูบผมนางอย่างขบขันเช่นกัน ยังคิดว่าผ่านการอบรมสั่งสอนจากเฉาซื่ออี๋มาครึ่งปีกว่าแล้วคงจะกลายเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อมด้วยกิริยาชาติตระกูลแล้วเสียอีก คาดไม่ถึงว่าต่อหน้าผู้คนกลับประพฤติตัวอย่างสง่างาม สุภาพเรียบร้อย แต่พอลับตาคนยังคงมีนิสัยเป็นเด็กน้อยที่ยังไม่โตดีเช่นนี้

“กลุ้มใจอย่างมาก ในใจนั้นอัดอั้นมาโดยตลอด รับไม่ไหวจริงๆ!” จิงอิ๋งจับมือเยี่ยนมี่เอ๋อร์ขึ้นมา ก่อนจะแนบกับหน้าของตัวเอง “พี่สะใภ้ ท่านว่าข้าเป็นคนประเภทที่จะมีก็ได้ไม่มีก็ได้ใช่หรือไม่?”

“ใครบอกว่าเจ้าจะมีก็ได้ไม่มีก็ได้?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว คนที่พูดเช่นนี้สมควรตายทั้งน่าระอาเป็นอย่างมาก ในยามนี้จิงอิ๋งกำลังอยู่ในช่วงอายุที่อารมณ์แปรปรวน ทั้งชอบคิดฟุ้งซ่าน พูดคำเช่นนั้นออกมาได้อย่างไรกัน?

“ไม่มีใครพูดเช่นนั้น เป็นข้าที่รู้สึกเอง!” จิงอิ๋งทำปากจู๋อย่างรู้สึกเศร้าอยู่บ้าง “เดือนที่แล้ว ลูกผู้พี่รองและพี่ปั๋วอวี่ตระกูลมู่หรงไปเซิ่งจิง พวกเขาพาข้าฝ่าหิมะออกไปดูดอกเหมย เที่ยวเล่นสนุกเป็นอย่างมาก”

“จากนั้นล่ะ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ค่อยๆ กระพริบตาขึ้นมา

“พวกเขาสืบข่าวเรื่องท่านพี่และคนที่ชื่อคุณหนูสุราจากข้า ถามข้าว่าโดยปกติท่านพี่ได้ติดต่อพบปะกับคนผู้นั้นหรือไม่!” จิงอิ๋งเผยยิ้มขมขื่น “ข้าบอกว่าข้าไม่รู้ ลูกผู้พี่ก็ไม่ได้ถามอันใดแล้ว แต่พี่ปั๋วอวี่กลับเอาแต่ถามอ้อมไปอ้อมมาอยู่ตลอด วันที่สองเขาก็ยังมาหาข้าโดยลำพัง กล่าวว่าอะไรนะ เขาชอบข้าเป็นอย่างมาก แต่เป็นความชอบที่เห็นข้าเป็นน้องสาวมาโดยตลอด และหญิงสาวที่เขาชอบและเลื่อมใสอย่างแท้จริงก็คือคุณหนูสุราคนนั้น ยังบอกว่าท่านพี่ทำลายน้ำใจของคุณหนูสุรา ยามนี้คุณหนูสุราคงจะเศร้าใจเป็นอย่างมาก ต้องการคนปลอบใจและช่วยบรรเทา หากข้ารู้ข่าวของคุณหนูสุราให้บอกเขาเป็นคนแรก…พี่สะใภ้ เวลานั้นในใจข้าเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แต่ไหนแต่ไรข้าก็คาดไม่ถึงว่าพี่ปั๋วอวี่จะพูดเช่นนั้นกับข้าได้”

แววตาของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ประกายความเยียบเย็นขึ้นมา มู่หรงปั๋วอวี่ ข้าจะจำเจ้าไว้!

“ข้ารู้ว่าที่ข้าชอบเขาเป็นเรื่องที่รักเพียงฝ่ายเดียว แต่ข้าก็ชอบเพียงแต่เขา ข้าก็เคยคิดเช่นกันว่า หากเขาก็ชอบข้า สามารถขอให้ท่านลุงมู่หรงตัดสินใจแทนพวกเราได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นข้าก็สามารถแต่งให้เขาได้แล้ว แต่ข้าก็รู้เช่นกันว่า คนที่ชอบเขามีมาก พี่น้องฉีอวี่เจวียนก็ชอบเขาเป็นอย่างยิ่ง ข้าถึงกระทั่งเห็นฉีอวี่เจวียนเอาแต่ตามหลังพวกเขาไปจนถึงเซิงจิ่ง” ในยามที่จิงอิ๋งหวนนึกก็ยังคงรู้สึกปวดใจ กล่าวอย่างเศร้าใจอย่างไม่เป็นตัวนาง “แต่เขาก็ไม่ควรพูดตรงๆ ว่าเขารู้ว่าข้าชอบเขา แต่เขาไม่อาจรับไว้ได้ เพราะมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ทั้งยังเอาแต่พูดพร่ำว่าท่านพี่ไม่ควรทำอย่างนั้นไม่ควรทำอย่างนี้ หรือเขาไม่รู้กันว่าท่านพี่ก็มีท่านอยู่แล้ว ไม่ควรที่จะหวั่นไหวกับผู้หญิงคนใดทั้งนั้น?”

“มา มาให้พี่สะใภ้กอดหน่อยเถิด!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ขยับไปด้านหลังเล็กน้อย นางต้องขอบคุณนิสัยแปลกประหลาดของซั่งกวนเจวี๋ย ไม่ว่าจะเป็นเตียงหรือตั่งนุ่มก็ล้วนขนาดใหญ่กว่าปกติอยู่มาก ตั้งนุ่มนี้จึงพอที่จะให้นอนทั้งสองคน

จิงอิ๋งปีนขึ้นไปอย่างไม่เกรงใจ อิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ “ภายหลังข้าเจอกับฉีอวี่เจวียน พี่สะใภ้ท่านก็รู้ อวี่เจวียนและข้ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่ พวกเราทั้งสองนับได้ว่าเป็นสหายเช่นกัน นางกล่าวว่าหลังจากงานแต่งของหลิงหลง พี่ปั๋วอวี่และลูกผู้พี่รองจะท่องยุทธภพไปด้วยกัน เพื่อค้นหาสาวงาม ลูกผู้พี่รองดูเหมือนจะจริงจัง ทั้งดูเหมือนจะเล่นสนุกเช่นกัน แต่พี่ปั๋วอวี่กลับคล้ายดั่งถูกมนต์เสน่ห์ จะตามหาผู้หญิงที่สวมหน้ากากผีเสื้อให้ทั่วทุกหนทุกแห่ง แม้ว่าจะไม่พกหน้ากากผีเสื้อ ขอเพียงแค่เป็นผู้หญิงที่มีกลิ่นหอมของดอกกุ้ยฮวา เขาก็ย่อมยินดีที่จะตีสนิท แทบจะเปลี่ยนเป็นอีกคนโดยสิ้นเชิง อวี่เจวียนกล่าวว่าเขาดูแปลกประหลาดจริงๆ!”

สวมหน้ากากผีเสื้อและกลิ่นกายหอมฟุ้งของดอกกุ้ยฮวา วิธีทำความรู้จักคนของมู่หรงปั๋วอวี่ตื้นเขินเกินไปหน่อยแล้วจริงๆ! เยี่ยนมี่เอ๋อร์ตบหลังจิงอิ๋งเบาๆ เอาแต่ฟังนางพร่ำบ่นความไม่พอใจและความอัดอั้นตันใจออกมาอย่างไม่พูดอันใด

“อวี่เจวียนนั้นเคยพบคุณหนูสุราอะไรคนนั้นมาก่อน และผู้หญิงคนนั้นก็มีกลิ่นอายที่มีความพิเศษอย่างหนึ่ง แต่มันก็เท่านั้น! สิ่งที่นางคิดไม่ตกก็คือ ผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ก็ไม่เคยมีสีหน้าที่ดีให้พี่ปั๋วอวี่เลย กลับกัน ผู้หญิงคนนี้แทบจะพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่พี่ใหญ่ แต่พี่ใหญ่ไม่ได้ถูกล่อลวง แต่เป็นเขาที่ลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแทน ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น!” จิงอิ๋งกล่าวทั้งก่นบ่นและเสียใจ

“ข้าว่ามีเพียงเหตุผลเดียว!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เผยยิ้มบาง “มู่หรงปั๋วอวี่ก็เป็นลูกหลานตระกูลใหญ่ที่โดดเด่นคนหนึ่ง ไม่มีพฤติกรรมไม่ดีอะไร ทั้งไม่ได้ปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมอันใด แต่เขากลับเป็นเด็กที่ถูกตามใจจนเสียคนคนหนึ่ง หญิงสาวที่อยู่รอบกายเขา แม้ว่าจะไม่ได้ชอบเขา ก็ไม่อาจจะมองข้ามหรือไม่สนใจเขาอย่างชัดเจนเกินไปได้ ดังนั้นพอผู้หญิงคนนั้นแสดงท่าทีมองข้ามเขาออกมาอย่างชัดเจน เขาจึงรู้สึกไม่เป็นของตัวเอง พยายามคิดทุกวิธีทางเพื่อจะดึงดูดความสนใจจากผู้หญิงคนนั้น หากจะดึงดูดความสนใจจากคนอื่น สิ่งแรกที่ต้องทำให้ได้ก็คือเข้าใจในตัวอีกฝ่าย และขั้นตอนนี้ หากไม่มีความสนใจในตัวอีกฝ่ายจริงๆ ก็จะรู้สึกว่าตัวเองเพียงหุนหันพลันแล่นไปชั่วครู่ หรือหากไม่อย่างนั้นก็คงถูกอีกฝ่ายดึงดูดอย่างแท้จริงแล้ว มู่หรงปั๋วอวี่ก็คงเป็นสถานการณ์ประเภทที่สอง”

“อาจารย์ก็พูดเช่นนี้!” จิงอิ๋งเบียดอยู่ในอ้อมอกของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ทั้งยังระมัดระวังไม่ให้เบียดถูกท้องของนาง กล่าวทั้งทำปากจู๋ “วันนั้นข้าเสียใจเป็นอย่างมาก กลับมาก็แอบร้องไห้ หลิงลี่จึงไปเชิญอาจารย์เข้ามา อาจารย์ก็กอดข้าเหมือนกับพี่สะใภ้ จากนั้นก็ค่อยๆ อบรมสั่งสอนข้า แต่ว่าข้ายังคงชอบฟังพี่สะใภ้มากกว่า!”

“เจ้าเด็กขี้โกหก!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ตบหลังนางเล็กน้อย กล่าวโทษออกมา “ก็หมายความว่าเดิมทีเจ้าก็ไม่ได้เสียใจเท่าไร แต่จงใจทำเป็นเศร้าเสียใจเข้ามาหลอกพี่สะใภ้ใช่หรือไม่?”

“ข้าเพียงอยากแบ่งปันทุกข์และสุขกับพี่สะใภ้เท่านั้น!” จิงอิ๋งระบายคำพูดในใจออกมาแล้ว ความอัดอั้นตันใจที่อยู่ในอกก็ค่อยๆ มลายหายไป ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มซุกซนขึ้นมา “พี่สะใภ้ ท่านว่าคุณหนูสุราเป็นคนแบบไหนกันแน่? ได้ยินว่า…ได้ยินมาเฉยๆ นะ พี่ปั๋วอวี่กล่าวว่าพี่ใหญ่เคยชอบนางมาก แต่หลังจากแต่งกับท่านก็คล้ายกับลืมเสียสิ้น แม้กระทั่งคุณหนูสุราบอกชอบพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ก็ยังปฏิเสธอย่างไม่ลังเลสักนิด”

เยี่ยนมี่เอ๋อร์ถอนหายใจ สิ่งที่นางเสียใจที่สุดในยามนี้คือเหตุใดจึงต้องไปปรากฏต่อหน้าพวกเขาเป็นครั้งที่สามด้วย หากคุณหนูสุราไม่ได้ปรากฏตัว หายไปเฉยๆ เช่นนี้ ก็คงไม่มีเรื่องน่าหงุดหงิดใจเกิดขึ้นมากมายถึงขนาดนี้หรอก!

“พี่สะใภ้ ท่านอย่าได้กังวลใจ! ท่านพี่ย่อมไม่อาจข้องเกี่ยวอะไรกับคุณหนูสุราคนนั้นอีกแล้ว!” จิงอิ๋งได้ยินเสียงถอนหายใจของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ก็กล่าวปลอบใจทันที

“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์แปลกใจเป็นอย่างมาก นางนั้นมั่นใจก็เพราะว่านางไม่อาจจะใช้ตัวตนของคุณหนูสุราไปปรากฏตัวอีกแล้ว แต่เหตุใดจิงอิ๋งจึงมั่นใจถึงเพียงนั้นกัน?

“เพราะว่าพี่ใหญ่มีพี่สะใภ้แล้ว ย่อมไม่ยุ่งย่ามกับผู้หญิงคนใดอีกแล้ว โดยเฉพาะผู้หญิงที่เดิมทีเขาก็มีความประทับใจที่ดีอยู่ด้วย!” จิงอิ๋งกล่าวอย่างมีเหตุผล “พี่สะใภ้ ท่านรู้ว่าก่อนตายท่านปู่มีภรรยารองคนหนึ่งหรือไม่?”

“รู้สิ!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์แย้มยิ้มเล็กน้อย “เป็นลูกอนุภรรยาคนหนึ่งของตระกูลหวงฝู่ เป็นป้าของท่านแม่ ใช่หรือไม่!”

“แต่ท่านคงไม่รู้เรื่องเกี่ยวข้องระหว่างพวกเขาเป็นแน่!” จู่ๆ จิงอิ๋งก็ลดเสียงลง “คนผู้นั้นได้ชอบพอกับท่านปู่ตั้งแต่ก่อนที่ท่านปู่จะแต่งงานแล้ว แต่ตัวท่านปู่นั้นไม่เด็ดขาดพอ ไม่ได้พยายามแต่งให้นางเข้ามาเป็นภรรยา แต่กลับแต่งท่านย่าแทน แต่ไหนแต่ไรตระกูลซั่งกวนก็ไม่เคยกล่าวไว้ว่า ไม่สามารถแต่งลูกอนุภรรยาเป็นภรรยาเอกได้ ทั้งไม่ได้บอกด้วยว่าต้องแต่งผู้หญิงแบบใดเพื่อจะมาเป็นภรรยาเอก กลับเป็นท่านปู่เองที่เห็นแก่หน้าตา คิดว่าแต่งกับลูกคุณหนูชาติตระกูลสูงส่งจึงจะนับว่ามีเกียรติและศักดิ์ศรี ดังนั้นจึงแต่งกับท่านย่าที่ชอบเขา แต่หลังจากแต่งงานไปเขาก็ยังควบคุมความรู้สึกต่อคนผู้นั้นไม่ได้ แอบไปมาหาสู่กับคนผู้นั้นลับหลังคนอื่น ภายหลังก็แต่งคนผู้นั้นเข้าตระกูลมาในฐานะภรรยารอง ท่านรู้หรือไม่ว่ายามนั้นเหล่าผู้อาวุโสของเรือนพำนักอวี้ฉิงพูดว่าอย่างไร?”

“พูดว่าอย่างไรล่ะ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาก่อน จึงรู้สึกอยากรู้อยู่บ้าง

“เหล่าผู้อาวุโสกล่าวว่าจะแต่งไม่แต่ง หรือแต่งกับใครก็เป็นเหตุผลของเขา เหล่าผู้อาวุโสไม่คิดจะยุ่ง แต่ว่า คนผู้นั้นไม่อาจจะให้กำเนิดทายาทกับตระกูลซั่งกวนได้ จิตใจของหญิงสาวนั้นมีความทะเยอทะยาน หลังจากกลายเป็นแม่คนแล้วก็จะทะเยอทะยานมากขึ้นไปอีก หากเป็นเพียงอนุภรรยาคนหนึ่ง เช่นนั้นลูกของนางก็เป็นได้เพียงลูกอนุอยู่วันยังค่ำ ไม่อาจรับช่วงต่อตำแหน่งผู้นำตระกูลได้ ทั้งไม่อาจเกิดเป็นโศกนาฏกรรมที่แก่งแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลได้ แต่นางกลับเป็นภรรยารอง ลูกของนางก็นับว่าเป็นลูกภรรยาเอกเช่นกัน เป็นไปได้ว่าอาจจะทำร้ายทายาทของตระกูลซั่งกวนเพื่อฉกชิงผลประโยชน์ให้กับลูกหลานตัวเองเช่นกัน แทนที่จะปล่อยให้เกิดปัญหาในอนาคตจนจัดการไม่ได้ มิสู้ตั้งแต่เริ่มก็ตัดความคิดของนางทิ้งเสีย ดังนั้น ในยามที่ผู้หญิงคนนั้นเพิ่งจะก้าวเข้าตระกูลมา สิ่งแรกที่ดื่มกลับไม่ใช่การแลกจอกสุรามงคล แต่เป็นยาต้มถ้วยหนึ่งที่เมื่อดื่มลงไปก็จะทำให้นางไม่อาจให้กำเนิดได้ตลอดกาล!” จิงอิ๋งเล่าอย่างมีลับลมคมนัย

“เจ้ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้สึกว่าเหล่าผู้อาวุโสทำเช่นนี้ดูใจจืดใจดำ ไม่เห็นใจคนอื่นเป็นอย่างมาก แต่กลับเป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดเช่นกัน หากไม่มียาต้มถ้วยนั้น ซั่งกวนฮ่าวก็มีความเป็นไปได้ว่าจะไม่ได้เป็นลูกภรรยาเอกเพียงคนเดียว หากฮูหยินใหญ่ที่เก่งกาจกว่าทั่วป๋าซู่เยวี่ยอยู่มากคนนั้นมีลูกของตัวเอง ก็อาจจะลงมือโหดเหี้ยมกับซั่งกวนฮ่าวได้เช่นกัน ตระกูลซั่งกวนก็คงจะเกิดวิกฤติที่ไม่คาดฝันขึ้นจริงๆ

“ในตอนที่พวกเรายังเด็ก ท่านย่ามักจะเล่าเรื่องพวกนี้ให้เราฟังเหมือนกับเล่านิทาน อยากให้พวกเรารู้ว่านางนั้นไม่เป็นสองรองใครกระมัง!” จิงอิ๋งเบ้ปาก “แต่ว่าในยามนั้นพี่ใหญ่พูดออกมาหนึ่งประโยค กล่าวว่าเขาย่อมไม่แต่งผู้หญิงที่ตัวเองชอบเข้าตระกูลมาในตระกูลทั้งที่ตัวเองมีภรรยาอยู่แล้วแน่ ไม่ว่าจะฐานะอะไรก็ล้วนเหมือนกัน ฉะนั้นพี่สะใภ้อย่าได้กังวลกับการปรากฏตัวของคุณหนูสุราผู้นั้นเลย!”

ข้าไม่เคยกังวลอยู่แล้ว! เยี่ยนมี่เอ๋อร์คลี่ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็ลูบผมสลวยของจิงอิ๋ง กล่าวถาม “เช่นนั้นเจ้าล่ะ? ยังชอบมู่หรงปั๋วอวี่หรือไม่?”

“ยังชอบอยู่!” จิงอิ๋งแย้มยิ้ม “ชอบเขามาตั้งนานขนาดนี้ หากจะพูดว่าไม่ชอบก็ไม่ชอบเลยคงจะเป็นไปไม่ได้ แต่ข้ารู้ว่า แม้เขาจะเป็นฝ่ายมาสู่ขอข้าก่อน ข้าก็ย่อมไม่แต่งกับเขาแล้ว!”

“ทำไมล่ะ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เห็นด้วยกับการตัดสินใจของจิงอิ๋งเป็นอย่างมาก แต่ก็แปลกใจอยู่บ้างเช่นกัน เด็กน้อยเพิ่งจะมีท่าทีเสียใจ เหตุใดจู่ๆ ก็ปล่อยวางได้ในชั่วพริบตาล่ะ?

“เทียบกันแล้วข้านั้นชอบเขามากกว่า และเขาก็ชอบข้าแบบน้องสาวเท่านั้น หากข้าแต่งให้เขา ข้าก็จะต้องเหนื่อย เหนื่อยมากแน่ๆ ก็เหมือนกับตอนที่พี่สะใภ้เพิ่งจะเข้าตระกูลมา ต้องทำความเข้าใจกับความชอบของทุกคนอย่างระมัดระวัง ปฏิบัติตัวดีกับทุกคน ทั้งต้องจัดการปัญหาของทุกคน…ข้าไม่ใช่พี่สะใภ้ ไม่มีความสามารถเช่นนั้น ทั้งไม่มีใจจะทำเช่นนั้นด้วย อย่างไรข้าเป็นตัวข้าก็พอแล้ว!” จิงอิ๋งมองทะลุปรุโปร่งเป็นอย่างมาก “อาจารย์พูดว่า หลังจากพวกเราฉลองปีใหม่แล้ว ข้ายังต้องกลับไปเรียนที่เซิงจิ่ง เพียงแต่รอเดือนหกปีหน้าก็จะสำเร็จการศึกษาแล้ว ข้าได้คิดดีแล้ว อย่างไรให้ท่านพ่อและพี่ใหญ่เป็นคนจัดการหาคู่ครองให้ข้าดีกว่า ในตอนงานชมดอกบัวก็หาโอกาสไปพบปะ เพียงแค่มองรื่นหูรื่นตาก็พอแล้ว อย่างอื่นก็ค่อยว่ากันไป!”

“มีความต้องการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่?” จู่ๆ เยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็รู้สึกว่าจิงอิ๋งและพิงถิงนั้นคล้ายกันเป็นอย่างมาก

“แค่ไม่ใช่พี่ปั๋วอวี่ก็พอแล้ว!” จิงอิ๋งยิ้มหวาน “เพียงแต่เวลานั้นกลัวว่าท่านพ่อและพี่ใหญ่จะไม่มีใจสนใจเรื่องของข้า พี่สะใภ้ หลานตัวน้อยของข้าจะเกิดก่อนงานชมดอกบัวใช่หรือไม่? พอท่านมีเขาแล้ว ไม่ใช่ว่าจะไม่เอ็นดูข้าแล้วหรอกนะ!”

“ย่อมไม่เป็นเช่นนั้น!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์กอดนางไว้ในอ้อมอก จู่ๆ ก็รู้สึกง่วงนอนอยู่บ้าง หาวออกมาเบาๆ ก่อนจิงอิ๋งจะหัวเราะขึ้นมาทันที “พี่สะใภ้ พวกเรานอนหลับด้วยกันสักพักเถิด! อืม…พี่ใหญ่มาเห็นเข้าจะเตะข้าออกไปหรือเปล่าเนี่ย?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 217 เรื่องในใจของจิงอิ๋ง

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 217 เรื่องในใจของจิงอิ๋ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พี่สะใภ้…” จิงอิ๋งเบียดตัวอยู่ข้างกายเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ทีท่าทีที่เศร้าหมองอยู่บ้าง คล้ายกับว่ามีเรื่องในใจที่ไม่อาจพูดออกมาได้ แทบไม่เหมือนตอนที่กลับมาเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง ทั่วทั้งร่างล้วนเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานและความสุขที่พร้อมจะพุ่งออกมาตลอดเวลา ความสุขเช่นนั้นคล้ายกับจะกลายเป็นฟองอากาศไปแล้ว เมื่อแสงของรุ่งอรุณมาถึงก็สูญสลายอย่างไร้ร่องรอย

“รู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก? ทำไมล่ะ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์นอนอยู่บนตั่งนุ่ม มองใบหน้าซึมเศร้าของจิงอิ๋งที่พาดอยู่บนที่นอน รู้สึกสงสารอยู่บ้าง ทั้งลูบผมนางอย่างขบขันเช่นกัน ยังคิดว่าผ่านการอบรมสั่งสอนจากเฉาซื่ออี๋มาครึ่งปีกว่าแล้วคงจะกลายเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อมด้วยกิริยาชาติตระกูลแล้วเสียอีก คาดไม่ถึงว่าต่อหน้าผู้คนกลับประพฤติตัวอย่างสง่างาม สุภาพเรียบร้อย แต่พอลับตาคนยังคงมีนิสัยเป็นเด็กน้อยที่ยังไม่โตดีเช่นนี้

“กลุ้มใจอย่างมาก ในใจนั้นอัดอั้นมาโดยตลอด รับไม่ไหวจริงๆ!” จิงอิ๋งจับมือเยี่ยนมี่เอ๋อร์ขึ้นมา ก่อนจะแนบกับหน้าของตัวเอง “พี่สะใภ้ ท่านว่าข้าเป็นคนประเภทที่จะมีก็ได้ไม่มีก็ได้ใช่หรือไม่?”

“ใครบอกว่าเจ้าจะมีก็ได้ไม่มีก็ได้?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว คนที่พูดเช่นนี้สมควรตายทั้งน่าระอาเป็นอย่างมาก ในยามนี้จิงอิ๋งกำลังอยู่ในช่วงอายุที่อารมณ์แปรปรวน ทั้งชอบคิดฟุ้งซ่าน พูดคำเช่นนั้นออกมาได้อย่างไรกัน?

“ไม่มีใครพูดเช่นนั้น เป็นข้าที่รู้สึกเอง!” จิงอิ๋งทำปากจู๋อย่างรู้สึกเศร้าอยู่บ้าง “เดือนที่แล้ว ลูกผู้พี่รองและพี่ปั๋วอวี่ตระกูลมู่หรงไปเซิ่งจิง พวกเขาพาข้าฝ่าหิมะออกไปดูดอกเหมย เที่ยวเล่นสนุกเป็นอย่างมาก”

“จากนั้นล่ะ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ค่อยๆ กระพริบตาขึ้นมา

“พวกเขาสืบข่าวเรื่องท่านพี่และคนที่ชื่อคุณหนูสุราจากข้า ถามข้าว่าโดยปกติท่านพี่ได้ติดต่อพบปะกับคนผู้นั้นหรือไม่!” จิงอิ๋งเผยยิ้มขมขื่น “ข้าบอกว่าข้าไม่รู้ ลูกผู้พี่ก็ไม่ได้ถามอันใดแล้ว แต่พี่ปั๋วอวี่กลับเอาแต่ถามอ้อมไปอ้อมมาอยู่ตลอด วันที่สองเขาก็ยังมาหาข้าโดยลำพัง กล่าวว่าอะไรนะ เขาชอบข้าเป็นอย่างมาก แต่เป็นความชอบที่เห็นข้าเป็นน้องสาวมาโดยตลอด และหญิงสาวที่เขาชอบและเลื่อมใสอย่างแท้จริงก็คือคุณหนูสุราคนนั้น ยังบอกว่าท่านพี่ทำลายน้ำใจของคุณหนูสุรา ยามนี้คุณหนูสุราคงจะเศร้าใจเป็นอย่างมาก ต้องการคนปลอบใจและช่วยบรรเทา หากข้ารู้ข่าวของคุณหนูสุราให้บอกเขาเป็นคนแรก…พี่สะใภ้ เวลานั้นในใจข้าเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แต่ไหนแต่ไรข้าก็คาดไม่ถึงว่าพี่ปั๋วอวี่จะพูดเช่นนั้นกับข้าได้”

แววตาของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ประกายความเยียบเย็นขึ้นมา มู่หรงปั๋วอวี่ ข้าจะจำเจ้าไว้!

“ข้ารู้ว่าที่ข้าชอบเขาเป็นเรื่องที่รักเพียงฝ่ายเดียว แต่ข้าก็ชอบเพียงแต่เขา ข้าก็เคยคิดเช่นกันว่า หากเขาก็ชอบข้า สามารถขอให้ท่านลุงมู่หรงตัดสินใจแทนพวกเราได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นข้าก็สามารถแต่งให้เขาได้แล้ว แต่ข้าก็รู้เช่นกันว่า คนที่ชอบเขามีมาก พี่น้องฉีอวี่เจวียนก็ชอบเขาเป็นอย่างยิ่ง ข้าถึงกระทั่งเห็นฉีอวี่เจวียนเอาแต่ตามหลังพวกเขาไปจนถึงเซิงจิ่ง” ในยามที่จิงอิ๋งหวนนึกก็ยังคงรู้สึกปวดใจ กล่าวอย่างเศร้าใจอย่างไม่เป็นตัวนาง “แต่เขาก็ไม่ควรพูดตรงๆ ว่าเขารู้ว่าข้าชอบเขา แต่เขาไม่อาจรับไว้ได้ เพราะมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ทั้งยังเอาแต่พูดพร่ำว่าท่านพี่ไม่ควรทำอย่างนั้นไม่ควรทำอย่างนี้ หรือเขาไม่รู้กันว่าท่านพี่ก็มีท่านอยู่แล้ว ไม่ควรที่จะหวั่นไหวกับผู้หญิงคนใดทั้งนั้น?”

“มา มาให้พี่สะใภ้กอดหน่อยเถิด!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ขยับไปด้านหลังเล็กน้อย นางต้องขอบคุณนิสัยแปลกประหลาดของซั่งกวนเจวี๋ย ไม่ว่าจะเป็นเตียงหรือตั่งนุ่มก็ล้วนขนาดใหญ่กว่าปกติอยู่มาก ตั้งนุ่มนี้จึงพอที่จะให้นอนทั้งสองคน

จิงอิ๋งปีนขึ้นไปอย่างไม่เกรงใจ อิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ “ภายหลังข้าเจอกับฉีอวี่เจวียน พี่สะใภ้ท่านก็รู้ อวี่เจวียนและข้ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่ พวกเราทั้งสองนับได้ว่าเป็นสหายเช่นกัน นางกล่าวว่าหลังจากงานแต่งของหลิงหลง พี่ปั๋วอวี่และลูกผู้พี่รองจะท่องยุทธภพไปด้วยกัน เพื่อค้นหาสาวงาม ลูกผู้พี่รองดูเหมือนจะจริงจัง ทั้งดูเหมือนจะเล่นสนุกเช่นกัน แต่พี่ปั๋วอวี่กลับคล้ายดั่งถูกมนต์เสน่ห์ จะตามหาผู้หญิงที่สวมหน้ากากผีเสื้อให้ทั่วทุกหนทุกแห่ง แม้ว่าจะไม่พกหน้ากากผีเสื้อ ขอเพียงแค่เป็นผู้หญิงที่มีกลิ่นหอมของดอกกุ้ยฮวา เขาก็ย่อมยินดีที่จะตีสนิท แทบจะเปลี่ยนเป็นอีกคนโดยสิ้นเชิง อวี่เจวียนกล่าวว่าเขาดูแปลกประหลาดจริงๆ!”

สวมหน้ากากผีเสื้อและกลิ่นกายหอมฟุ้งของดอกกุ้ยฮวา วิธีทำความรู้จักคนของมู่หรงปั๋วอวี่ตื้นเขินเกินไปหน่อยแล้วจริงๆ! เยี่ยนมี่เอ๋อร์ตบหลังจิงอิ๋งเบาๆ เอาแต่ฟังนางพร่ำบ่นความไม่พอใจและความอัดอั้นตันใจออกมาอย่างไม่พูดอันใด

“อวี่เจวียนนั้นเคยพบคุณหนูสุราอะไรคนนั้นมาก่อน และผู้หญิงคนนั้นก็มีกลิ่นอายที่มีความพิเศษอย่างหนึ่ง แต่มันก็เท่านั้น! สิ่งที่นางคิดไม่ตกก็คือ ผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ก็ไม่เคยมีสีหน้าที่ดีให้พี่ปั๋วอวี่เลย กลับกัน ผู้หญิงคนนี้แทบจะพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่พี่ใหญ่ แต่พี่ใหญ่ไม่ได้ถูกล่อลวง แต่เป็นเขาที่ลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแทน ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น!” จิงอิ๋งกล่าวทั้งก่นบ่นและเสียใจ

“ข้าว่ามีเพียงเหตุผลเดียว!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เผยยิ้มบาง “มู่หรงปั๋วอวี่ก็เป็นลูกหลานตระกูลใหญ่ที่โดดเด่นคนหนึ่ง ไม่มีพฤติกรรมไม่ดีอะไร ทั้งไม่ได้ปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมอันใด แต่เขากลับเป็นเด็กที่ถูกตามใจจนเสียคนคนหนึ่ง หญิงสาวที่อยู่รอบกายเขา แม้ว่าจะไม่ได้ชอบเขา ก็ไม่อาจจะมองข้ามหรือไม่สนใจเขาอย่างชัดเจนเกินไปได้ ดังนั้นพอผู้หญิงคนนั้นแสดงท่าทีมองข้ามเขาออกมาอย่างชัดเจน เขาจึงรู้สึกไม่เป็นของตัวเอง พยายามคิดทุกวิธีทางเพื่อจะดึงดูดความสนใจจากผู้หญิงคนนั้น หากจะดึงดูดความสนใจจากคนอื่น สิ่งแรกที่ต้องทำให้ได้ก็คือเข้าใจในตัวอีกฝ่าย และขั้นตอนนี้ หากไม่มีความสนใจในตัวอีกฝ่ายจริงๆ ก็จะรู้สึกว่าตัวเองเพียงหุนหันพลันแล่นไปชั่วครู่ หรือหากไม่อย่างนั้นก็คงถูกอีกฝ่ายดึงดูดอย่างแท้จริงแล้ว มู่หรงปั๋วอวี่ก็คงเป็นสถานการณ์ประเภทที่สอง”

“อาจารย์ก็พูดเช่นนี้!” จิงอิ๋งเบียดอยู่ในอ้อมอกของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ทั้งยังระมัดระวังไม่ให้เบียดถูกท้องของนาง กล่าวทั้งทำปากจู๋ “วันนั้นข้าเสียใจเป็นอย่างมาก กลับมาก็แอบร้องไห้ หลิงลี่จึงไปเชิญอาจารย์เข้ามา อาจารย์ก็กอดข้าเหมือนกับพี่สะใภ้ จากนั้นก็ค่อยๆ อบรมสั่งสอนข้า แต่ว่าข้ายังคงชอบฟังพี่สะใภ้มากกว่า!”

“เจ้าเด็กขี้โกหก!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ตบหลังนางเล็กน้อย กล่าวโทษออกมา “ก็หมายความว่าเดิมทีเจ้าก็ไม่ได้เสียใจเท่าไร แต่จงใจทำเป็นเศร้าเสียใจเข้ามาหลอกพี่สะใภ้ใช่หรือไม่?”

“ข้าเพียงอยากแบ่งปันทุกข์และสุขกับพี่สะใภ้เท่านั้น!” จิงอิ๋งระบายคำพูดในใจออกมาแล้ว ความอัดอั้นตันใจที่อยู่ในอกก็ค่อยๆ มลายหายไป ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มซุกซนขึ้นมา “พี่สะใภ้ ท่านว่าคุณหนูสุราเป็นคนแบบไหนกันแน่? ได้ยินว่า…ได้ยินมาเฉยๆ นะ พี่ปั๋วอวี่กล่าวว่าพี่ใหญ่เคยชอบนางมาก แต่หลังจากแต่งกับท่านก็คล้ายกับลืมเสียสิ้น แม้กระทั่งคุณหนูสุราบอกชอบพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ก็ยังปฏิเสธอย่างไม่ลังเลสักนิด”

เยี่ยนมี่เอ๋อร์ถอนหายใจ สิ่งที่นางเสียใจที่สุดในยามนี้คือเหตุใดจึงต้องไปปรากฏต่อหน้าพวกเขาเป็นครั้งที่สามด้วย หากคุณหนูสุราไม่ได้ปรากฏตัว หายไปเฉยๆ เช่นนี้ ก็คงไม่มีเรื่องน่าหงุดหงิดใจเกิดขึ้นมากมายถึงขนาดนี้หรอก!

“พี่สะใภ้ ท่านอย่าได้กังวลใจ! ท่านพี่ย่อมไม่อาจข้องเกี่ยวอะไรกับคุณหนูสุราคนนั้นอีกแล้ว!” จิงอิ๋งได้ยินเสียงถอนหายใจของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ก็กล่าวปลอบใจทันที

“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์แปลกใจเป็นอย่างมาก นางนั้นมั่นใจก็เพราะว่านางไม่อาจจะใช้ตัวตนของคุณหนูสุราไปปรากฏตัวอีกแล้ว แต่เหตุใดจิงอิ๋งจึงมั่นใจถึงเพียงนั้นกัน?

“เพราะว่าพี่ใหญ่มีพี่สะใภ้แล้ว ย่อมไม่ยุ่งย่ามกับผู้หญิงคนใดอีกแล้ว โดยเฉพาะผู้หญิงที่เดิมทีเขาก็มีความประทับใจที่ดีอยู่ด้วย!” จิงอิ๋งกล่าวอย่างมีเหตุผล “พี่สะใภ้ ท่านรู้ว่าก่อนตายท่านปู่มีภรรยารองคนหนึ่งหรือไม่?”

“รู้สิ!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์แย้มยิ้มเล็กน้อย “เป็นลูกอนุภรรยาคนหนึ่งของตระกูลหวงฝู่ เป็นป้าของท่านแม่ ใช่หรือไม่!”

“แต่ท่านคงไม่รู้เรื่องเกี่ยวข้องระหว่างพวกเขาเป็นแน่!” จู่ๆ จิงอิ๋งก็ลดเสียงลง “คนผู้นั้นได้ชอบพอกับท่านปู่ตั้งแต่ก่อนที่ท่านปู่จะแต่งงานแล้ว แต่ตัวท่านปู่นั้นไม่เด็ดขาดพอ ไม่ได้พยายามแต่งให้นางเข้ามาเป็นภรรยา แต่กลับแต่งท่านย่าแทน แต่ไหนแต่ไรตระกูลซั่งกวนก็ไม่เคยกล่าวไว้ว่า ไม่สามารถแต่งลูกอนุภรรยาเป็นภรรยาเอกได้ ทั้งไม่ได้บอกด้วยว่าต้องแต่งผู้หญิงแบบใดเพื่อจะมาเป็นภรรยาเอก กลับเป็นท่านปู่เองที่เห็นแก่หน้าตา คิดว่าแต่งกับลูกคุณหนูชาติตระกูลสูงส่งจึงจะนับว่ามีเกียรติและศักดิ์ศรี ดังนั้นจึงแต่งกับท่านย่าที่ชอบเขา แต่หลังจากแต่งงานไปเขาก็ยังควบคุมความรู้สึกต่อคนผู้นั้นไม่ได้ แอบไปมาหาสู่กับคนผู้นั้นลับหลังคนอื่น ภายหลังก็แต่งคนผู้นั้นเข้าตระกูลมาในฐานะภรรยารอง ท่านรู้หรือไม่ว่ายามนั้นเหล่าผู้อาวุโสของเรือนพำนักอวี้ฉิงพูดว่าอย่างไร?”

“พูดว่าอย่างไรล่ะ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาก่อน จึงรู้สึกอยากรู้อยู่บ้าง

“เหล่าผู้อาวุโสกล่าวว่าจะแต่งไม่แต่ง หรือแต่งกับใครก็เป็นเหตุผลของเขา เหล่าผู้อาวุโสไม่คิดจะยุ่ง แต่ว่า คนผู้นั้นไม่อาจจะให้กำเนิดทายาทกับตระกูลซั่งกวนได้ จิตใจของหญิงสาวนั้นมีความทะเยอทะยาน หลังจากกลายเป็นแม่คนแล้วก็จะทะเยอทะยานมากขึ้นไปอีก หากเป็นเพียงอนุภรรยาคนหนึ่ง เช่นนั้นลูกของนางก็เป็นได้เพียงลูกอนุอยู่วันยังค่ำ ไม่อาจรับช่วงต่อตำแหน่งผู้นำตระกูลได้ ทั้งไม่อาจเกิดเป็นโศกนาฏกรรมที่แก่งแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลได้ แต่นางกลับเป็นภรรยารอง ลูกของนางก็นับว่าเป็นลูกภรรยาเอกเช่นกัน เป็นไปได้ว่าอาจจะทำร้ายทายาทของตระกูลซั่งกวนเพื่อฉกชิงผลประโยชน์ให้กับลูกหลานตัวเองเช่นกัน แทนที่จะปล่อยให้เกิดปัญหาในอนาคตจนจัดการไม่ได้ มิสู้ตั้งแต่เริ่มก็ตัดความคิดของนางทิ้งเสีย ดังนั้น ในยามที่ผู้หญิงคนนั้นเพิ่งจะก้าวเข้าตระกูลมา สิ่งแรกที่ดื่มกลับไม่ใช่การแลกจอกสุรามงคล แต่เป็นยาต้มถ้วยหนึ่งที่เมื่อดื่มลงไปก็จะทำให้นางไม่อาจให้กำเนิดได้ตลอดกาล!” จิงอิ๋งเล่าอย่างมีลับลมคมนัย

“เจ้ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้สึกว่าเหล่าผู้อาวุโสทำเช่นนี้ดูใจจืดใจดำ ไม่เห็นใจคนอื่นเป็นอย่างมาก แต่กลับเป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดเช่นกัน หากไม่มียาต้มถ้วยนั้น ซั่งกวนฮ่าวก็มีความเป็นไปได้ว่าจะไม่ได้เป็นลูกภรรยาเอกเพียงคนเดียว หากฮูหยินใหญ่ที่เก่งกาจกว่าทั่วป๋าซู่เยวี่ยอยู่มากคนนั้นมีลูกของตัวเอง ก็อาจจะลงมือโหดเหี้ยมกับซั่งกวนฮ่าวได้เช่นกัน ตระกูลซั่งกวนก็คงจะเกิดวิกฤติที่ไม่คาดฝันขึ้นจริงๆ

“ในตอนที่พวกเรายังเด็ก ท่านย่ามักจะเล่าเรื่องพวกนี้ให้เราฟังเหมือนกับเล่านิทาน อยากให้พวกเรารู้ว่านางนั้นไม่เป็นสองรองใครกระมัง!” จิงอิ๋งเบ้ปาก “แต่ว่าในยามนั้นพี่ใหญ่พูดออกมาหนึ่งประโยค กล่าวว่าเขาย่อมไม่แต่งผู้หญิงที่ตัวเองชอบเข้าตระกูลมาในตระกูลทั้งที่ตัวเองมีภรรยาอยู่แล้วแน่ ไม่ว่าจะฐานะอะไรก็ล้วนเหมือนกัน ฉะนั้นพี่สะใภ้อย่าได้กังวลกับการปรากฏตัวของคุณหนูสุราผู้นั้นเลย!”

ข้าไม่เคยกังวลอยู่แล้ว! เยี่ยนมี่เอ๋อร์คลี่ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็ลูบผมสลวยของจิงอิ๋ง กล่าวถาม “เช่นนั้นเจ้าล่ะ? ยังชอบมู่หรงปั๋วอวี่หรือไม่?”

“ยังชอบอยู่!” จิงอิ๋งแย้มยิ้ม “ชอบเขามาตั้งนานขนาดนี้ หากจะพูดว่าไม่ชอบก็ไม่ชอบเลยคงจะเป็นไปไม่ได้ แต่ข้ารู้ว่า แม้เขาจะเป็นฝ่ายมาสู่ขอข้าก่อน ข้าก็ย่อมไม่แต่งกับเขาแล้ว!”

“ทำไมล่ะ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เห็นด้วยกับการตัดสินใจของจิงอิ๋งเป็นอย่างมาก แต่ก็แปลกใจอยู่บ้างเช่นกัน เด็กน้อยเพิ่งจะมีท่าทีเสียใจ เหตุใดจู่ๆ ก็ปล่อยวางได้ในชั่วพริบตาล่ะ?

“เทียบกันแล้วข้านั้นชอบเขามากกว่า และเขาก็ชอบข้าแบบน้องสาวเท่านั้น หากข้าแต่งให้เขา ข้าก็จะต้องเหนื่อย เหนื่อยมากแน่ๆ ก็เหมือนกับตอนที่พี่สะใภ้เพิ่งจะเข้าตระกูลมา ต้องทำความเข้าใจกับความชอบของทุกคนอย่างระมัดระวัง ปฏิบัติตัวดีกับทุกคน ทั้งต้องจัดการปัญหาของทุกคน…ข้าไม่ใช่พี่สะใภ้ ไม่มีความสามารถเช่นนั้น ทั้งไม่มีใจจะทำเช่นนั้นด้วย อย่างไรข้าเป็นตัวข้าก็พอแล้ว!” จิงอิ๋งมองทะลุปรุโปร่งเป็นอย่างมาก “อาจารย์พูดว่า หลังจากพวกเราฉลองปีใหม่แล้ว ข้ายังต้องกลับไปเรียนที่เซิงจิ่ง เพียงแต่รอเดือนหกปีหน้าก็จะสำเร็จการศึกษาแล้ว ข้าได้คิดดีแล้ว อย่างไรให้ท่านพ่อและพี่ใหญ่เป็นคนจัดการหาคู่ครองให้ข้าดีกว่า ในตอนงานชมดอกบัวก็หาโอกาสไปพบปะ เพียงแค่มองรื่นหูรื่นตาก็พอแล้ว อย่างอื่นก็ค่อยว่ากันไป!”

“มีความต้องการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่?” จู่ๆ เยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็รู้สึกว่าจิงอิ๋งและพิงถิงนั้นคล้ายกันเป็นอย่างมาก

“แค่ไม่ใช่พี่ปั๋วอวี่ก็พอแล้ว!” จิงอิ๋งยิ้มหวาน “เพียงแต่เวลานั้นกลัวว่าท่านพ่อและพี่ใหญ่จะไม่มีใจสนใจเรื่องของข้า พี่สะใภ้ หลานตัวน้อยของข้าจะเกิดก่อนงานชมดอกบัวใช่หรือไม่? พอท่านมีเขาแล้ว ไม่ใช่ว่าจะไม่เอ็นดูข้าแล้วหรอกนะ!”

“ย่อมไม่เป็นเช่นนั้น!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์กอดนางไว้ในอ้อมอก จู่ๆ ก็รู้สึกง่วงนอนอยู่บ้าง หาวออกมาเบาๆ ก่อนจิงอิ๋งจะหัวเราะขึ้นมาทันที “พี่สะใภ้ พวกเรานอนหลับด้วยกันสักพักเถิด! อืม…พี่ใหญ่มาเห็นเข้าจะเตะข้าออกไปหรือเปล่าเนี่ย?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+