เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 237 ต่างฝ่ายต่างมีใจ

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 237 ต่างฝ่ายต่างมีใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นี่ เป็นอย่างไรล่ะ?” พิงถิงหัวเราะใส่จิงอิ๋งที่ใบหน้าขึ้นสี มีความรู้สึกคล้ายเป็นโจรย่องเบาอยู่บ้าง กระนั้นการมาครั้งนี้ไม่ได้เสียเปล่า แม้ตัวเองจะไม่ถูกใจคนไหนเลย แต่สามารถเห็นจิงอิ๋งมีความรู้สึกดีกับชายหนุ่มคนนั้นได้ก็นับเป็นการเดินทางที่คุ้มค่าแล้ว

“ไม่อย่างไร” จิงอิ๋งใบหน้าแดงก่ำ นางไม่คาดฝันอย่างมาก ทั้งก็รู้สึกดีใจมากเช่นกัน ทว่าที่ยิ่งไปกว่านั้นคือความเขินอายอย่างเลือนราง ที่แท้ความรู้สึกที่ไม่ใช่การแอบรักข้างเดียวมันหวานซึ้งถึงขนาดนี้นี่เอง

“นี่ เจ้าข้ามแม่น้ำได้แล้ว จะมารื้อสะพานทิ้ง[1] ไม่ได้นะ!” พิงถิงถลึงตามองจิงอิ๋งอย่างโมโห ความคิดนี้มาจากนาง คนก็เป็นนางที่หามา ทั้งยังเป็นนางที่มีน้ำใจช่วยเหลือ แต่ผู้ที่ได้ประโยชน์กลับเป็นจิงอิ๋งเพียงคนเดียว ตัวเองนอกจากไม่ได้อะไรแล้วยังต้องมาสำลักน้ำลายตัวเองอีก ยามนี้แม้แต่ฟังความในใจที่แท้จริงของนางก็ยังไม่ได้อย่างนั้นหรือ?

“เจ้าเป็นสะพานอย่างนั้นหรือ?” จิงอิ๋งมั่นใจว่าแม้ตัวเองจะเป็นคนข้ามสะพาน ของบางอย่างนั้นสามารถแบ่งได้ แต่บางอย่างก็ไม่อาจแบ่งได้เช่นกัน โดยเฉพาะไม่อาจแบ่งชายหนุ่มผู้ที่สร้างความหัวเราะให้ตนเองคนนั้นได้

“เจ้าไม่พูดก็ไม่เป็นไร” พิงถิงแค่นเสียงในลำคอ ก่อนจะยิ้มร้าย “ข้าจะไปพูดกับพี่ใหญ่ว่า เจ้าเกิดรักแรกพบกับคนไม่เป็นโล้เป็นพายผู้หนึ่ง ทั้งยังแต่งกายเป็นสาวใช้ลอบไปดูคนอื่นเขาอีก ดูสิว่าพี่ใหญ่จะพะว้าพะวงเข้ามาหาเจ้าหรือไม่”

พูดแล้วก็ทำทันที พิงถิงยิ้มอย่างเริงร่าเตรียมจะเดินออกไปด้านนอก จิงอิ๋งดึงนางไว้อย่างจนใจ กล่าวทั้งถอนหายใจ “เจ้าอยากรู้อะไร? ถามมา!”

“ยามที่ชายผู้นั้นชมเจ้าว่างดงามเป็นอย่างมาก รู้สึกดีใจไม่น้อยใช่หรือไม่?” พิงถิงอยากรู้เป็นอย่างมาก นี่ใช่ที่เรียกว่าความรักทำให้คนตาบอดหรือไม่ เวลานั้นมีหญิงสาวอยู่มากมาย เห็นได้ชัดว่าคนที่งามที่สุดคืออวี๋หลิง แต่ซย่าจื่อชิงผู้นั้นคล้ายกับมองเห็นเพียงจิงอิ๋งคนเดียว

“ใช่!” จิงอิ๋งผงกศีรษะอย่างซื่อตรง ยามนี้คิดขึ้นมาแล้วยังคงรู้สึกวาบหวามในใจ สิ่งที่แอบฟังมาล้วนเป็นคนผู้นั้นที่กล่าวชมตัวเอง ดูท่าเขาก็คงมีความรู้สึกดีกับตนไม่น้อยเช่นกัน

“เช่นนั้นคิดอยากจะพบกับชายผู้นั้นแบบบังเอิญหรือเปล่า?” ในหัวของพิงถิงยามนี้เอาแต่คิดว่าจะจับคู่จิงอิ๋งกับซย่า จื่อชิงอย่างไร ตระกูลซย่า เป็นตระกูลใหญ่ที่ไม่เป็นสองรองใครในหยวนโจว การที่ซย่าจื่อชิงจะเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป เดิมทีก็เป็นเรื่องที่ถูกกำหนดไว้แล้ว และตระกูลซย่ายังมีคำสอนหนึ่งที่ทำให้ซั่งกวนฮ่าวชื่นชมมากที่สุด…เมื่ออายุครบสามสิบปีแล้วยังไม่มีบุตรสืบทอดจึงค่อยจะสามารถรับอนุภรรยาได้ แม้ว่านี่จะทำให้ลูกหลานของตระกูลซย่ามีไม่มาก แต่ก็สามารถหลีกเลี่ยงการแก่งแย่งชิงดีระหว่างภรรยาเอกและอนุได้เช่นกัน ทั้งยังป้องกันไม่ให้เรือนหลังระส่ำระสาย และนับเป็นสิ่งล่ำค่าอย่างหนึ่งที่ตระกูลซย่าสามารถสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้ ตระกูลหญิงสาวที่มีฐานะใกล้เคียงกับตระกูลซย่าก็หัวแหลมคิดจะแต่งเข้าตระกูลนี้เช่นกัน นี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ซั่งกวนฮ่าวจัดชื่อซย่าจื่อชิงไว้ในตัวเลือกอย่างไม่ลังเล

“เจ้าล่ะ? ถูกใจใครหรือไม่?” จิงอิ๋งไม่คิดให้ตนเองเอาแต่ถูกพิงถิงจูงจมูกหรอก จึงย้อนถาม นางไม่เชื่อว่าหลังจากเดินวนรอบสถานที่พำนักของแขกผู้ชายมาหนึ่งครั้ง ทั้งดูคนในรายชื่อของท่านแม่ พิงถิงก็ยังหาคนที่ถูกใจไม่ได้

“ข้าคิดว่ายังคงเป็นซย่าจื่อชิงที่นับว่าอยู่ในอุดมคติที่สุด!” พิงถิงเห็นจิงอิ๋งปกปิดสีหน้าตึงเครียดไม่ได้อยู่บ้าง ก็ถอนหายใจออกมา “น่าเสียดายที่คนเขาแค่มองแวบเดียวก็ถูกใจคุณหนูชุดเข้มที่ยิ้มได้อย่างสดใสผู้นั้นเสียแล้ว ข้าก็คงไม่ฝืนดันทุรัง ส่วนคนอื่นๆ…สวีปิ่งฮุยของตระกูลสวีแห่งจิ้นหยางก็ดูเหมือนไม่เลว เพียงแต่เขาเป็นลูกชายภรรยาเอกคนโต ไม่รู้ว่าจะสามารถรับข้าที่เป็นคุณหนูชาติกำเนิดอนุภรรยาได้หรือไม่!”

“ตระกูลสวี?” จิงอิ๋งหวนคิดอย่างละเอียด กล่าวยิ้มๆ “ผู้ชายที่ดูมาดดี ในยามที่พวกเราเข้าไป เขาก็กำลังมองพี่ชายตระกูลอิ่นที่กำลังกระโดดโลดเต้นว่าจะวางแผนจัดการให้พี่อิ๋งกลายร่างเป็นมนุษย์โคลนได้อย่างไรผู้นั้นสินะ ข้าว่าเขาก็ไม่เลวเลย ส่วนเรื่องลูกในนามภรรยาเอก ข้าคิดว่าไม่มีปัญหา ตระกูลซั่งกวนรุ่นนี้มีเพียงพวกเราสามพี่น้อง จะอย่างไรก็ย่อมสูงส่งกว่าคนพวกนั้นอยู่แล้ว!”

“คนพวกนั้น? เจ้าหมายถึงตระกูลใด?” พิงถิงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ใช่แล้ว นอกจากตระกูลอิ๋งที่ไม่มีลูกสาวภรรยาเอก ตระกูลชุยที่ไม่มีบุตรสาวสายตรง ก็เป็นตระกูลซั่งกวนที่มีคุณหนูน้อยที่สุด แม้ว่าตัวเองจะเป็นลูกอนุภรรยา แต่ยามนี้ได้เป็นลูกในนามของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อแล้ว จึงไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณหนูลูกภรรยาเอกของตระกูลพวกนั้นแม้แต่น้อย หวงฝู่อวี๋หลิง พวกนางก็ไม่ได้ดูแคลนตนเอง ไม่มีความจำเป็นที่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจตัวเองเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

“ก็มีเพียงไม่กี่ตระกูลไม่ใช่หรือ?” จิงอิ๋งหันกลับมากลอกตาใส่นาง กล่าวยิ้มๆ “อีกทั้งอวี่ไข่ อวี่ฮ่าวที่อยู่ในฐานะลูกอนุภรรยาก็ยังแต่งกับคุณหนูลูกภรรยาเอกได้ทั้งคู่ พวกเราที่อยู่ในฐานะลูกภรรยาเอกจะแต่งกับลูกชายภรรยาเอกไม่ได้เชียวหรือ? ข้าจะบอกกับท่านพ่อว่าเจ้าชอบสวีปิ่งฮุยผู้นั้น ท่านพ่อย่อมมีวิธีที่จะทำให้เขาตามมาสู่ขอถึงประตูแน่!”

“แต่หากเขาไม่ยินดีเล่า?” พิงถิงไม่ได้คิดง่ายๆ เหมือนจิงอิ๋งเช่นนั้น กล่าวอย่างกังวลเล็กน้อย “อย่างไรก็อย่าได้รีบไปเลย ข้าอยากหาโอกาสพบปะกับเขาอย่างเป็นทางการแล้วค่อยว่ากัน ขอเพียงแค่เขารู้สึกกับข้าเหมือนที่ซย่าจื่อชิงมีให้เจ้าครึ่ง หนึ่ง ข้าก็จะไปขอท่านพ่อให้ช่วยตัดสินใจ!”

“เช่นนั้นก็ดี!” จิงอิ๋งพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “แล้วเจ้ามีแผนอะไรหรือไม่? จะหาโอกาสไปพบเขาอย่างเป็นทางการอย่างไร? ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่?”

“รอข้าคิดดีๆ ก่อนค่อยว่ากันเถิด” พิงถิงเพียงมีความรู้สึกดีกับคนผู้นั้นเท่านั้น ยังไม่ได้เหมือนอย่างจิงอิ๋งที่หลังจากกลับมาก็เอาแต่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อีกทั้งเทียบกันแล้ว นางมีความกังวลมากกว่า การขบคิดก็มากตาม ไม่มีความจำเป็น ต้องใช้วิธีเดิมซ้ำๆ ในใจนางยังไม่ค่อยมีความมั่นใจต่อชาติกำเนิดของตัวเอง รู้สึกว่าลูกชายคนโตภรรยาเอกในใบรายชื่อนั้นล้วนเป็นคนที่ซั่งกวนฮ่าวเลือกไว้ให้จิงอิ๋ง

“เช่นนั้นเจ้าก็ค่อยๆ คิดเถิด ส่วนข้าจะกลับห้องก่อนแล้ว” จิงอิ๋งโกยแนบทันที พิงถิงก็ไม่ขวางนาง นางมองพิงถิงที่ถึงประตูด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหมุนกลับมา กล่าวอย่างหมดอาลัยอยู่บ้าง “ข้าลืมไปได้อย่างไรกันว่านี่มันห้องข้า?”

“พูดอย่างจริงจัง จะให้ข้าช่วยเจ้าสร้างโอกาสให้พบกับซย่าจื่อชิงผู้นั้นอย่างบังเอิญหรือไม่?” พิงถิงไม่ได้เหมือนจิงอิ๋งที่อะไรนิดเดียวก็ปล่อยผ่านแล้วก็แล้วไป ยิ้มตาหยี “ซย่าจื่อชิงผู้นั้นอะไรก็ดีไปหมด เพียงแค่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองเท่านั้น หากเจ้าไม่แสดงความรู้สึกดีๆ หรือความใกล้ชิดให้เขารู้สักหน่อย ข้าว่าเขาคงไม่อาจเป็นฝ่ายไปสู่ขอกับท่านพ่อก่อนได้หรอก”

“ไม่ต้องหรอก!” จิงอิ๋งส่ายศีรษะ “เจ้าบอกฐานะของข้าให้เขาแล้ว หากเขาชอบข้ามาก ย่อมไม่อาจล่าถอยเพราะกลัวว่าจะชนกำแพง ถ้าเขายอมละทิ้ง เพียงเพราะกังวลว่าจะถูกปฏิเสธ เช่นนั้นเขาก็ไม่คู่ควรที่จะให้ข้าชอบแล้ว!”

“เช่นนั้นพวกเราก็อย่าคิดเรื่องน่ารำคาญใจพวกนี้อีกเลย ไปเล่นกับเสี่ยวหมิงเอ๋อร์กันดีกว่า!” พิงถิงกลับเห็นด้วยกับความคิดของจิงอิ๋ง พวกนางแปลงโฉมเป็นสาวใช้ก็เป็นฝ่ายรุกมากแล้ว หากยังทำอะไรอีก คล้ายว่าจะเกินไปอยู่บ้าง ต่อไปก็คงต้องดูความสามารถของซย่าจื่อชิงแล้ว หากเขายังเอาแต่ทึมทื่อ ตัวเองค่อยเป็นฝ่ายช่วยผลักดันก็ยังไม่สาย

แต่ในความเป็นจริงซย่าจื่อชิงกลับไม่จำเป็นต้องทำให้พวกนางเสียเวลาคิดจะผลักดันอะไร ในยามนี้เขาเปลี่ยนแปลงท่าทีเสียใหม่ ถีบตัวเองไปอยู่เบื้องหน้าซั่งกวนเจวี๋ย คิดหาวิธีที่จะพูดคุยกับซั่งกวนเจวี๋ย ทำให้จางอี๋หยางที่มีความคิดเหมือนกันถึงกับอยากจะถีบเขาออกไปให้ไกล

“พวกเจ้าพบน้องสาวทั้งสองของข้าแล้วหรือ?” ซั่งกวนเจวี๋ยเลิกคิ้วขึ้น คาดไม่ถึงว่าทั้งสองคนที่น้อยครั้งจะพูดคุยกับใครกลับพุ่งเป้ามาที่น้องสาวตัวเอง ซย่าจื่อชิงยังพอฝืนพิจารณาได้อยู่ ส่วนสาเหตุที่จู่ๆ ก็ขืนไว้ เพราะท่าทีที่กระตือรือร้นขึ้นมาอย่างฉับพลันของเขา ทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยไม่แน่ใจในจุดประสงค์ของเขาอยู่บ้างว่า เป็นเพราะมีความรู้สึกดีจริงๆ หรือเพราะฐานะ ‘คุณหนูตระกูลซั่งกวน’ ต้องสังเกตให้ดีๆ เสียหน่อย แต่กับจางอี๋หยางนั้นแทบไม่ต้องคิด อย่างไรก็ต้องถูกตัดทิ้ง

“ใช่แล้ว!” ซย่าจื่อชิงรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองคงดูลนลาน แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยจงใจเข้าใกล้ผู้ใดมาก่อน ทุกคนที่พบปะพูดคุยกันล้วนเพราะเรื่องความชอบที่เหมือนกันหรือกิจการของตระกูลเท่านั้น ไหนเลยจะด้วยสาเหตุที่พูดไม่ได้ตรงๆ เช่นนี้

“พวกเราบังเอิญไปพบเรือเล็กของคุณหนูทั้งสองเข้า หลังจากเกิดเรื่องรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก อยากจะหาโอกาสแสดงความขอโทษต่อหน้าคุณหนูทั้งสองเสียหน่อย” จางอี๋หยางได้สืบข่าวมาจากพี่น้องตระกูลอิ่น สองพี่น้องคู่นั้นรู้ดีว่าตัวเองไม่มีโอกาสอุ้มหญิงงามกลับอยู่แล้ว…แม้ว่าตระกูลอิ่นจะไม่ด้อยกว่าตระกูลจาง แต่ก็พึ่งพาอาศัยตระกูลอิ๋ง ในสายตาของตระกูลใหญ่ๆ เหล่านั้น พวกเขาก็เหมือนเป็นเป็นตระกูลรองของตระกูลอิ๋ง หญิงสาวตระกูลใหญ่นั้นแม้จะต้องเลือกตระกูลที่เล็กกว่าพวกเขา ก็ไม่อาจเลือกพวกเขาเช่นกัน ลูกอนุภรรยายังพอเป็นไปได้ แต่คุณหนูทั้งสองคนที่มีฐานะเป็นลูกภรรยาเอกย่อมเป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง จุดนี้พวกเขาต่างเข้าใจดี อิ๋งอี้หังก็เข้าใจดีเช่นกัน ดังนั้นจึงบอกฐานะของผู้หญิงพวกนั้นให้พวกเขาฟังอย่างไม่คิดปิดบัง และพวกเขาก็ได้บอกใบ้จางอี๋หยางอย่างรางๆ ดังนั้นเขาจึงล่วงหน้ามากล่าวเป็นมารยาทเช่นนี้

“เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งสองท่านอย่าได้เก็บมาใส่ใจเลย!” ซั่งกวนเจวี๋ยปฏิบัติกับทั้งสองอย่างพอเหมาะพอควร ใบหน้าก็ไม่แฝงท่าทีอื่นใด มีแต่ความเป็นมิตรเท่านั้น

“จะเป็นเรื่องเล็กน้อยได้อย่างไร?” จางอี๋หยางชิงกล่าวก่อนที่ซย่าจื่อชิงจะพูด “เพราะว่ารู้สึกละอายใจ ดังนั้นจึงมาขอพี่ใหญ่ซั่งกวนมอบโอกาสขอโทษต่อหน้าคุณหนูทั้งสองให้พวกเรา”

“จื่อชิงก็คิดเช่นนี้เหมือนกันหรือ?” ซั่งกวนเจวี๋ยพยักหน้าเล็กน้อย คล้ายว่ายอมรับคำพูดของจางอี๋หยางอยู่บ้าง

“ไม่ใช่!” ซย่าจื่อชิงได้ดึงสติที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยคืนมาได้แล้ว เขาครุ่นคิดแล้วครุ่นคิดอีกอย่างจริงจัง รู้สึกว่าหากตัวเองถอยทัพกลางคัน ไม่พยายามช่วงชิงมาย่อมต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ ดังนั้นจึงบุกมาอย่างไม่มีความลังเล เขากล่าวไปอย่างตรงๆ “หลังจากจื่อชิงได้พบน้องหญิงก็เอาแต่คะนึงหาไม่ยอมลืมเลือน อยากจะขอให้พี่ใหญ่ซั่งกวนพาไปพบเสียหน่อย หากคุณหนูรองมีความรู้สึกดีกับจื่อชิง จื่อชิงก็จะไปขอท่านพ่อมาลี่โจวเพื่อสู่ขอให้เร็วที่สุด”

“จื่อชิงไม่ใช่ว่าไม่คิดจะผูกสัมพันธ์ที่เกินตัวกับคุณหนูของตระกูลซั่งกวนหรอกหรือ?” พอจางอี๋หยางได้ฟังก็ร้อนใจทันที เวลานั้นได้พบหกคน มีสี่คนที่ฐานะสูงส่งที่สุด แต่คนหนึ่งได้แต่งงานแล้ว คนหนึ่งก็มีคู่หมั้น ทั้งยังมีอีกคนที่ยังไม่โตดี เหตุใดซย่า จื่อชิงกลับคิดจะผูกสัมพันธ์เกินตัวกับคนที่ทำให้เขาใจเต้นเล่า? เป็นคุณหนูตระกูลซั่งกวนอีกคนไม่ได้รึ?

“ไม่ใช่เรื่องที่คิดจะผูกสัมพันธ์เกินตัวหรือไม่เกินตัว แต่จื่อชิงไม่อยากเสียใจไปตลอดชีวิต!” ซย่าจื่อชิงไม่กลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องตลกของคนอื่น หากสามารถมีงานแต่งที่ดีได้ ก็จะไม่ใช่เรื่องตลก แต่เป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่หากไม่เป็นไปดั่งที่หวัง ผู้ที่ถูกหัวเราะเยาะก็มีเพียงตัวเองเท่านั้น ไม่อาจจะกระทบถึงคุณหนูซั่งกวนที่หัวเราะได้อย่างใสซื่อบริสุทธิ์ผู้นั้นหรอก

“ไม่ทราบว่าทั้งสองคนรู้ได้อย่างไรว่าผู้ที่บังเอิญพบนั้นเป็นน้องสาวของข้า? เป็นพวกนางที่พูดเองหรือ?” ซั่งกวนเจวี๋ยเชื่อว่าจิงอิ๋งและพิงถิงคงไม่ถึงกับแนะนำตัวเองให้กับคนที่ไม่รู้จักได้หรอก

“เป็นพี่อิ๋งที่เผลอพูดออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ผู้ที่อยู่กับคุณหนูทั้งสองคนยังมีคุณหนูตระกูลหวงฝู่อีกสองคนด้วย!” จางอี๋หยางกล่าวยิ้มๆ คล้อยหลังก็แสร้งทำเป็นกล่าวอย่างไม่เข้าใจ “แต่ว่ายามนั้นจื่อชิงไม่อยู่ ไม่รู้ว่าจื่อชิงไปล่วงรู้ฐานะของคุณหนูทั้งสองได้อย่างไร?”

“จื่อชิงถามมาจากสาวใช้ที่จวนท่าน” ซย่าจื่อชิงมาถึงจุดนี้ ก็ไม่คิดปิดบัง “หากเสียมารยาทอย่างไร ขอพี่ใหญ่ซั่งกวนให้อภัยด้วย!”

ถามมาจากสาวใช้? ซั่งกวนเจวี๋ยมีท่าทีแปลกประหลาดอยู่บ้าง เกรงว่าตระกูลซั่งกวนจะไม่มีสาวใช้ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงขนาดนั้น จู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องที่ซั่งกวนลู่เอ่ยถึงไม่นานมานี้ว่าน้องสาวสองคนได้แต่งกายเป็นสาวใช้ หรือว่าจะเป็นพวกนาง? หากเป็นเช่นนั้น จิงอิ๋งก็คงจะมีความรู้สึกดีๆ กับซย่าจื่อชิงผู้นี้เช่นกัน…

“พี่ใหญ่ซั่งกวน?” จางอี๋หยางกระตุกยิ้มที่มุมปาก จากการกระทำของซย่าจื่อชิงก็เพียงพอให้เขาถูกคัดออกไปแล้ว ยังคิดจะมาแย่งกับตัวเอง? ช่างไม่เจียมตัวเสียจริง

“ข้าคิดว่าเรื่องนี้รอให้ข้าถามจากน้องสาวทั้งสองก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด!” ซั่งกวนเจวี๋ยเผยยิ้มเล็กน้อย “หากพวกนางคิดว่ามีความจำเป็น ข้าก็จะให้พวกเจ้าพบกัน หากพวกนางได้ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องพบ ทั้งสองคนคิดว่าเป็นอย่างไร?”

“เอาตามที่พี่ใหญ่ซั่งกวนว่าเถิด!” จางอี๋หยางจนใจอยู่บ้าง ด้านซย่าจื่อชิงกลับมีความกระวนกระวายใจอยู่เล็กน้อย แต่ทั้งสองคนก็ทำได้เพียงว่าตามการจัดการของซั่งกวนเจวี๋ยเท่านั้น

———————————-

[1] ข้ามแม่น้ำแล้ว รื้อสะพานทิ้ง อุปมาว่า พอบรรลุเป้าหมายแล้ว ก็ถีบหัวส่งผู้ช่วยเหลือ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 237 ต่างฝ่ายต่างมีใจ

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 237 ต่างฝ่ายต่างมีใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นี่ เป็นอย่างไรล่ะ?” พิงถิงหัวเราะใส่จิงอิ๋งที่ใบหน้าขึ้นสี มีความรู้สึกคล้ายเป็นโจรย่องเบาอยู่บ้าง กระนั้นการมาครั้งนี้ไม่ได้เสียเปล่า แม้ตัวเองจะไม่ถูกใจคนไหนเลย แต่สามารถเห็นจิงอิ๋งมีความรู้สึกดีกับชายหนุ่มคนนั้นได้ก็นับเป็นการเดินทางที่คุ้มค่าแล้ว

“ไม่อย่างไร” จิงอิ๋งใบหน้าแดงก่ำ นางไม่คาดฝันอย่างมาก ทั้งก็รู้สึกดีใจมากเช่นกัน ทว่าที่ยิ่งไปกว่านั้นคือความเขินอายอย่างเลือนราง ที่แท้ความรู้สึกที่ไม่ใช่การแอบรักข้างเดียวมันหวานซึ้งถึงขนาดนี้นี่เอง

“นี่ เจ้าข้ามแม่น้ำได้แล้ว จะมารื้อสะพานทิ้ง[1] ไม่ได้นะ!” พิงถิงถลึงตามองจิงอิ๋งอย่างโมโห ความคิดนี้มาจากนาง คนก็เป็นนางที่หามา ทั้งยังเป็นนางที่มีน้ำใจช่วยเหลือ แต่ผู้ที่ได้ประโยชน์กลับเป็นจิงอิ๋งเพียงคนเดียว ตัวเองนอกจากไม่ได้อะไรแล้วยังต้องมาสำลักน้ำลายตัวเองอีก ยามนี้แม้แต่ฟังความในใจที่แท้จริงของนางก็ยังไม่ได้อย่างนั้นหรือ?

“เจ้าเป็นสะพานอย่างนั้นหรือ?” จิงอิ๋งมั่นใจว่าแม้ตัวเองจะเป็นคนข้ามสะพาน ของบางอย่างนั้นสามารถแบ่งได้ แต่บางอย่างก็ไม่อาจแบ่งได้เช่นกัน โดยเฉพาะไม่อาจแบ่งชายหนุ่มผู้ที่สร้างความหัวเราะให้ตนเองคนนั้นได้

“เจ้าไม่พูดก็ไม่เป็นไร” พิงถิงแค่นเสียงในลำคอ ก่อนจะยิ้มร้าย “ข้าจะไปพูดกับพี่ใหญ่ว่า เจ้าเกิดรักแรกพบกับคนไม่เป็นโล้เป็นพายผู้หนึ่ง ทั้งยังแต่งกายเป็นสาวใช้ลอบไปดูคนอื่นเขาอีก ดูสิว่าพี่ใหญ่จะพะว้าพะวงเข้ามาหาเจ้าหรือไม่”

พูดแล้วก็ทำทันที พิงถิงยิ้มอย่างเริงร่าเตรียมจะเดินออกไปด้านนอก จิงอิ๋งดึงนางไว้อย่างจนใจ กล่าวทั้งถอนหายใจ “เจ้าอยากรู้อะไร? ถามมา!”

“ยามที่ชายผู้นั้นชมเจ้าว่างดงามเป็นอย่างมาก รู้สึกดีใจไม่น้อยใช่หรือไม่?” พิงถิงอยากรู้เป็นอย่างมาก นี่ใช่ที่เรียกว่าความรักทำให้คนตาบอดหรือไม่ เวลานั้นมีหญิงสาวอยู่มากมาย เห็นได้ชัดว่าคนที่งามที่สุดคืออวี๋หลิง แต่ซย่าจื่อชิงผู้นั้นคล้ายกับมองเห็นเพียงจิงอิ๋งคนเดียว

“ใช่!” จิงอิ๋งผงกศีรษะอย่างซื่อตรง ยามนี้คิดขึ้นมาแล้วยังคงรู้สึกวาบหวามในใจ สิ่งที่แอบฟังมาล้วนเป็นคนผู้นั้นที่กล่าวชมตัวเอง ดูท่าเขาก็คงมีความรู้สึกดีกับตนไม่น้อยเช่นกัน

“เช่นนั้นคิดอยากจะพบกับชายผู้นั้นแบบบังเอิญหรือเปล่า?” ในหัวของพิงถิงยามนี้เอาแต่คิดว่าจะจับคู่จิงอิ๋งกับซย่า จื่อชิงอย่างไร ตระกูลซย่า เป็นตระกูลใหญ่ที่ไม่เป็นสองรองใครในหยวนโจว การที่ซย่าจื่อชิงจะเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป เดิมทีก็เป็นเรื่องที่ถูกกำหนดไว้แล้ว และตระกูลซย่ายังมีคำสอนหนึ่งที่ทำให้ซั่งกวนฮ่าวชื่นชมมากที่สุด…เมื่ออายุครบสามสิบปีแล้วยังไม่มีบุตรสืบทอดจึงค่อยจะสามารถรับอนุภรรยาได้ แม้ว่านี่จะทำให้ลูกหลานของตระกูลซย่ามีไม่มาก แต่ก็สามารถหลีกเลี่ยงการแก่งแย่งชิงดีระหว่างภรรยาเอกและอนุได้เช่นกัน ทั้งยังป้องกันไม่ให้เรือนหลังระส่ำระสาย และนับเป็นสิ่งล่ำค่าอย่างหนึ่งที่ตระกูลซย่าสามารถสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้ ตระกูลหญิงสาวที่มีฐานะใกล้เคียงกับตระกูลซย่าก็หัวแหลมคิดจะแต่งเข้าตระกูลนี้เช่นกัน นี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ซั่งกวนฮ่าวจัดชื่อซย่าจื่อชิงไว้ในตัวเลือกอย่างไม่ลังเล

“เจ้าล่ะ? ถูกใจใครหรือไม่?” จิงอิ๋งไม่คิดให้ตนเองเอาแต่ถูกพิงถิงจูงจมูกหรอก จึงย้อนถาม นางไม่เชื่อว่าหลังจากเดินวนรอบสถานที่พำนักของแขกผู้ชายมาหนึ่งครั้ง ทั้งดูคนในรายชื่อของท่านแม่ พิงถิงก็ยังหาคนที่ถูกใจไม่ได้

“ข้าคิดว่ายังคงเป็นซย่าจื่อชิงที่นับว่าอยู่ในอุดมคติที่สุด!” พิงถิงเห็นจิงอิ๋งปกปิดสีหน้าตึงเครียดไม่ได้อยู่บ้าง ก็ถอนหายใจออกมา “น่าเสียดายที่คนเขาแค่มองแวบเดียวก็ถูกใจคุณหนูชุดเข้มที่ยิ้มได้อย่างสดใสผู้นั้นเสียแล้ว ข้าก็คงไม่ฝืนดันทุรัง ส่วนคนอื่นๆ…สวีปิ่งฮุยของตระกูลสวีแห่งจิ้นหยางก็ดูเหมือนไม่เลว เพียงแต่เขาเป็นลูกชายภรรยาเอกคนโต ไม่รู้ว่าจะสามารถรับข้าที่เป็นคุณหนูชาติกำเนิดอนุภรรยาได้หรือไม่!”

“ตระกูลสวี?” จิงอิ๋งหวนคิดอย่างละเอียด กล่าวยิ้มๆ “ผู้ชายที่ดูมาดดี ในยามที่พวกเราเข้าไป เขาก็กำลังมองพี่ชายตระกูลอิ่นที่กำลังกระโดดโลดเต้นว่าจะวางแผนจัดการให้พี่อิ๋งกลายร่างเป็นมนุษย์โคลนได้อย่างไรผู้นั้นสินะ ข้าว่าเขาก็ไม่เลวเลย ส่วนเรื่องลูกในนามภรรยาเอก ข้าคิดว่าไม่มีปัญหา ตระกูลซั่งกวนรุ่นนี้มีเพียงพวกเราสามพี่น้อง จะอย่างไรก็ย่อมสูงส่งกว่าคนพวกนั้นอยู่แล้ว!”

“คนพวกนั้น? เจ้าหมายถึงตระกูลใด?” พิงถิงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ใช่แล้ว นอกจากตระกูลอิ๋งที่ไม่มีลูกสาวภรรยาเอก ตระกูลชุยที่ไม่มีบุตรสาวสายตรง ก็เป็นตระกูลซั่งกวนที่มีคุณหนูน้อยที่สุด แม้ว่าตัวเองจะเป็นลูกอนุภรรยา แต่ยามนี้ได้เป็นลูกในนามของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อแล้ว จึงไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณหนูลูกภรรยาเอกของตระกูลพวกนั้นแม้แต่น้อย หวงฝู่อวี๋หลิง พวกนางก็ไม่ได้ดูแคลนตนเอง ไม่มีความจำเป็นที่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจตัวเองเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

“ก็มีเพียงไม่กี่ตระกูลไม่ใช่หรือ?” จิงอิ๋งหันกลับมากลอกตาใส่นาง กล่าวยิ้มๆ “อีกทั้งอวี่ไข่ อวี่ฮ่าวที่อยู่ในฐานะลูกอนุภรรยาก็ยังแต่งกับคุณหนูลูกภรรยาเอกได้ทั้งคู่ พวกเราที่อยู่ในฐานะลูกภรรยาเอกจะแต่งกับลูกชายภรรยาเอกไม่ได้เชียวหรือ? ข้าจะบอกกับท่านพ่อว่าเจ้าชอบสวีปิ่งฮุยผู้นั้น ท่านพ่อย่อมมีวิธีที่จะทำให้เขาตามมาสู่ขอถึงประตูแน่!”

“แต่หากเขาไม่ยินดีเล่า?” พิงถิงไม่ได้คิดง่ายๆ เหมือนจิงอิ๋งเช่นนั้น กล่าวอย่างกังวลเล็กน้อย “อย่างไรก็อย่าได้รีบไปเลย ข้าอยากหาโอกาสพบปะกับเขาอย่างเป็นทางการแล้วค่อยว่ากัน ขอเพียงแค่เขารู้สึกกับข้าเหมือนที่ซย่าจื่อชิงมีให้เจ้าครึ่ง หนึ่ง ข้าก็จะไปขอท่านพ่อให้ช่วยตัดสินใจ!”

“เช่นนั้นก็ดี!” จิงอิ๋งพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “แล้วเจ้ามีแผนอะไรหรือไม่? จะหาโอกาสไปพบเขาอย่างเป็นทางการอย่างไร? ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่?”

“รอข้าคิดดีๆ ก่อนค่อยว่ากันเถิด” พิงถิงเพียงมีความรู้สึกดีกับคนผู้นั้นเท่านั้น ยังไม่ได้เหมือนอย่างจิงอิ๋งที่หลังจากกลับมาก็เอาแต่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อีกทั้งเทียบกันแล้ว นางมีความกังวลมากกว่า การขบคิดก็มากตาม ไม่มีความจำเป็น ต้องใช้วิธีเดิมซ้ำๆ ในใจนางยังไม่ค่อยมีความมั่นใจต่อชาติกำเนิดของตัวเอง รู้สึกว่าลูกชายคนโตภรรยาเอกในใบรายชื่อนั้นล้วนเป็นคนที่ซั่งกวนฮ่าวเลือกไว้ให้จิงอิ๋ง

“เช่นนั้นเจ้าก็ค่อยๆ คิดเถิด ส่วนข้าจะกลับห้องก่อนแล้ว” จิงอิ๋งโกยแนบทันที พิงถิงก็ไม่ขวางนาง นางมองพิงถิงที่ถึงประตูด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหมุนกลับมา กล่าวอย่างหมดอาลัยอยู่บ้าง “ข้าลืมไปได้อย่างไรกันว่านี่มันห้องข้า?”

“พูดอย่างจริงจัง จะให้ข้าช่วยเจ้าสร้างโอกาสให้พบกับซย่าจื่อชิงผู้นั้นอย่างบังเอิญหรือไม่?” พิงถิงไม่ได้เหมือนจิงอิ๋งที่อะไรนิดเดียวก็ปล่อยผ่านแล้วก็แล้วไป ยิ้มตาหยี “ซย่าจื่อชิงผู้นั้นอะไรก็ดีไปหมด เพียงแค่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองเท่านั้น หากเจ้าไม่แสดงความรู้สึกดีๆ หรือความใกล้ชิดให้เขารู้สักหน่อย ข้าว่าเขาคงไม่อาจเป็นฝ่ายไปสู่ขอกับท่านพ่อก่อนได้หรอก”

“ไม่ต้องหรอก!” จิงอิ๋งส่ายศีรษะ “เจ้าบอกฐานะของข้าให้เขาแล้ว หากเขาชอบข้ามาก ย่อมไม่อาจล่าถอยเพราะกลัวว่าจะชนกำแพง ถ้าเขายอมละทิ้ง เพียงเพราะกังวลว่าจะถูกปฏิเสธ เช่นนั้นเขาก็ไม่คู่ควรที่จะให้ข้าชอบแล้ว!”

“เช่นนั้นพวกเราก็อย่าคิดเรื่องน่ารำคาญใจพวกนี้อีกเลย ไปเล่นกับเสี่ยวหมิงเอ๋อร์กันดีกว่า!” พิงถิงกลับเห็นด้วยกับความคิดของจิงอิ๋ง พวกนางแปลงโฉมเป็นสาวใช้ก็เป็นฝ่ายรุกมากแล้ว หากยังทำอะไรอีก คล้ายว่าจะเกินไปอยู่บ้าง ต่อไปก็คงต้องดูความสามารถของซย่าจื่อชิงแล้ว หากเขายังเอาแต่ทึมทื่อ ตัวเองค่อยเป็นฝ่ายช่วยผลักดันก็ยังไม่สาย

แต่ในความเป็นจริงซย่าจื่อชิงกลับไม่จำเป็นต้องทำให้พวกนางเสียเวลาคิดจะผลักดันอะไร ในยามนี้เขาเปลี่ยนแปลงท่าทีเสียใหม่ ถีบตัวเองไปอยู่เบื้องหน้าซั่งกวนเจวี๋ย คิดหาวิธีที่จะพูดคุยกับซั่งกวนเจวี๋ย ทำให้จางอี๋หยางที่มีความคิดเหมือนกันถึงกับอยากจะถีบเขาออกไปให้ไกล

“พวกเจ้าพบน้องสาวทั้งสองของข้าแล้วหรือ?” ซั่งกวนเจวี๋ยเลิกคิ้วขึ้น คาดไม่ถึงว่าทั้งสองคนที่น้อยครั้งจะพูดคุยกับใครกลับพุ่งเป้ามาที่น้องสาวตัวเอง ซย่าจื่อชิงยังพอฝืนพิจารณาได้อยู่ ส่วนสาเหตุที่จู่ๆ ก็ขืนไว้ เพราะท่าทีที่กระตือรือร้นขึ้นมาอย่างฉับพลันของเขา ทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยไม่แน่ใจในจุดประสงค์ของเขาอยู่บ้างว่า เป็นเพราะมีความรู้สึกดีจริงๆ หรือเพราะฐานะ ‘คุณหนูตระกูลซั่งกวน’ ต้องสังเกตให้ดีๆ เสียหน่อย แต่กับจางอี๋หยางนั้นแทบไม่ต้องคิด อย่างไรก็ต้องถูกตัดทิ้ง

“ใช่แล้ว!” ซย่าจื่อชิงรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองคงดูลนลาน แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยจงใจเข้าใกล้ผู้ใดมาก่อน ทุกคนที่พบปะพูดคุยกันล้วนเพราะเรื่องความชอบที่เหมือนกันหรือกิจการของตระกูลเท่านั้น ไหนเลยจะด้วยสาเหตุที่พูดไม่ได้ตรงๆ เช่นนี้

“พวกเราบังเอิญไปพบเรือเล็กของคุณหนูทั้งสองเข้า หลังจากเกิดเรื่องรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก อยากจะหาโอกาสแสดงความขอโทษต่อหน้าคุณหนูทั้งสองเสียหน่อย” จางอี๋หยางได้สืบข่าวมาจากพี่น้องตระกูลอิ่น สองพี่น้องคู่นั้นรู้ดีว่าตัวเองไม่มีโอกาสอุ้มหญิงงามกลับอยู่แล้ว…แม้ว่าตระกูลอิ่นจะไม่ด้อยกว่าตระกูลจาง แต่ก็พึ่งพาอาศัยตระกูลอิ๋ง ในสายตาของตระกูลใหญ่ๆ เหล่านั้น พวกเขาก็เหมือนเป็นเป็นตระกูลรองของตระกูลอิ๋ง หญิงสาวตระกูลใหญ่นั้นแม้จะต้องเลือกตระกูลที่เล็กกว่าพวกเขา ก็ไม่อาจเลือกพวกเขาเช่นกัน ลูกอนุภรรยายังพอเป็นไปได้ แต่คุณหนูทั้งสองคนที่มีฐานะเป็นลูกภรรยาเอกย่อมเป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง จุดนี้พวกเขาต่างเข้าใจดี อิ๋งอี้หังก็เข้าใจดีเช่นกัน ดังนั้นจึงบอกฐานะของผู้หญิงพวกนั้นให้พวกเขาฟังอย่างไม่คิดปิดบัง และพวกเขาก็ได้บอกใบ้จางอี๋หยางอย่างรางๆ ดังนั้นเขาจึงล่วงหน้ามากล่าวเป็นมารยาทเช่นนี้

“เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งสองท่านอย่าได้เก็บมาใส่ใจเลย!” ซั่งกวนเจวี๋ยปฏิบัติกับทั้งสองอย่างพอเหมาะพอควร ใบหน้าก็ไม่แฝงท่าทีอื่นใด มีแต่ความเป็นมิตรเท่านั้น

“จะเป็นเรื่องเล็กน้อยได้อย่างไร?” จางอี๋หยางชิงกล่าวก่อนที่ซย่าจื่อชิงจะพูด “เพราะว่ารู้สึกละอายใจ ดังนั้นจึงมาขอพี่ใหญ่ซั่งกวนมอบโอกาสขอโทษต่อหน้าคุณหนูทั้งสองให้พวกเรา”

“จื่อชิงก็คิดเช่นนี้เหมือนกันหรือ?” ซั่งกวนเจวี๋ยพยักหน้าเล็กน้อย คล้ายว่ายอมรับคำพูดของจางอี๋หยางอยู่บ้าง

“ไม่ใช่!” ซย่าจื่อชิงได้ดึงสติที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยคืนมาได้แล้ว เขาครุ่นคิดแล้วครุ่นคิดอีกอย่างจริงจัง รู้สึกว่าหากตัวเองถอยทัพกลางคัน ไม่พยายามช่วงชิงมาย่อมต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ ดังนั้นจึงบุกมาอย่างไม่มีความลังเล เขากล่าวไปอย่างตรงๆ “หลังจากจื่อชิงได้พบน้องหญิงก็เอาแต่คะนึงหาไม่ยอมลืมเลือน อยากจะขอให้พี่ใหญ่ซั่งกวนพาไปพบเสียหน่อย หากคุณหนูรองมีความรู้สึกดีกับจื่อชิง จื่อชิงก็จะไปขอท่านพ่อมาลี่โจวเพื่อสู่ขอให้เร็วที่สุด”

“จื่อชิงไม่ใช่ว่าไม่คิดจะผูกสัมพันธ์ที่เกินตัวกับคุณหนูของตระกูลซั่งกวนหรอกหรือ?” พอจางอี๋หยางได้ฟังก็ร้อนใจทันที เวลานั้นได้พบหกคน มีสี่คนที่ฐานะสูงส่งที่สุด แต่คนหนึ่งได้แต่งงานแล้ว คนหนึ่งก็มีคู่หมั้น ทั้งยังมีอีกคนที่ยังไม่โตดี เหตุใดซย่า จื่อชิงกลับคิดจะผูกสัมพันธ์เกินตัวกับคนที่ทำให้เขาใจเต้นเล่า? เป็นคุณหนูตระกูลซั่งกวนอีกคนไม่ได้รึ?

“ไม่ใช่เรื่องที่คิดจะผูกสัมพันธ์เกินตัวหรือไม่เกินตัว แต่จื่อชิงไม่อยากเสียใจไปตลอดชีวิต!” ซย่าจื่อชิงไม่กลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องตลกของคนอื่น หากสามารถมีงานแต่งที่ดีได้ ก็จะไม่ใช่เรื่องตลก แต่เป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่หากไม่เป็นไปดั่งที่หวัง ผู้ที่ถูกหัวเราะเยาะก็มีเพียงตัวเองเท่านั้น ไม่อาจจะกระทบถึงคุณหนูซั่งกวนที่หัวเราะได้อย่างใสซื่อบริสุทธิ์ผู้นั้นหรอก

“ไม่ทราบว่าทั้งสองคนรู้ได้อย่างไรว่าผู้ที่บังเอิญพบนั้นเป็นน้องสาวของข้า? เป็นพวกนางที่พูดเองหรือ?” ซั่งกวนเจวี๋ยเชื่อว่าจิงอิ๋งและพิงถิงคงไม่ถึงกับแนะนำตัวเองให้กับคนที่ไม่รู้จักได้หรอก

“เป็นพี่อิ๋งที่เผลอพูดออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ผู้ที่อยู่กับคุณหนูทั้งสองคนยังมีคุณหนูตระกูลหวงฝู่อีกสองคนด้วย!” จางอี๋หยางกล่าวยิ้มๆ คล้อยหลังก็แสร้งทำเป็นกล่าวอย่างไม่เข้าใจ “แต่ว่ายามนั้นจื่อชิงไม่อยู่ ไม่รู้ว่าจื่อชิงไปล่วงรู้ฐานะของคุณหนูทั้งสองได้อย่างไร?”

“จื่อชิงถามมาจากสาวใช้ที่จวนท่าน” ซย่าจื่อชิงมาถึงจุดนี้ ก็ไม่คิดปิดบัง “หากเสียมารยาทอย่างไร ขอพี่ใหญ่ซั่งกวนให้อภัยด้วย!”

ถามมาจากสาวใช้? ซั่งกวนเจวี๋ยมีท่าทีแปลกประหลาดอยู่บ้าง เกรงว่าตระกูลซั่งกวนจะไม่มีสาวใช้ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงขนาดนั้น จู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องที่ซั่งกวนลู่เอ่ยถึงไม่นานมานี้ว่าน้องสาวสองคนได้แต่งกายเป็นสาวใช้ หรือว่าจะเป็นพวกนาง? หากเป็นเช่นนั้น จิงอิ๋งก็คงจะมีความรู้สึกดีๆ กับซย่าจื่อชิงผู้นี้เช่นกัน…

“พี่ใหญ่ซั่งกวน?” จางอี๋หยางกระตุกยิ้มที่มุมปาก จากการกระทำของซย่าจื่อชิงก็เพียงพอให้เขาถูกคัดออกไปแล้ว ยังคิดจะมาแย่งกับตัวเอง? ช่างไม่เจียมตัวเสียจริง

“ข้าคิดว่าเรื่องนี้รอให้ข้าถามจากน้องสาวทั้งสองก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด!” ซั่งกวนเจวี๋ยเผยยิ้มเล็กน้อย “หากพวกนางคิดว่ามีความจำเป็น ข้าก็จะให้พวกเจ้าพบกัน หากพวกนางได้ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องพบ ทั้งสองคนคิดว่าเป็นอย่างไร?”

“เอาตามที่พี่ใหญ่ซั่งกวนว่าเถิด!” จางอี๋หยางจนใจอยู่บ้าง ด้านซย่าจื่อชิงกลับมีความกระวนกระวายใจอยู่เล็กน้อย แต่ทั้งสองคนก็ทำได้เพียงว่าตามการจัดการของซั่งกวนเจวี๋ยเท่านั้น

———————————-

[1] ข้ามแม่น้ำแล้ว รื้อสะพานทิ้ง อุปมาว่า พอบรรลุเป้าหมายแล้ว ก็ถีบหัวส่งผู้ช่วยเหลือ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 237 ต่างฝ่ายต่างมีใจ

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 237 ต่างฝ่ายต่างมีใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นี่ เป็นอย่างไรล่ะ?” พิงถิงหัวเราะใส่จิงอิ๋งที่ใบหน้าขึ้นสี มีความรู้สึกคล้ายเป็นโจรย่องเบาอยู่บ้าง กระนั้นการมาครั้งนี้ไม่ได้เสียเปล่า แม้ตัวเองจะไม่ถูกใจคนไหนเลย แต่สามารถเห็นจิงอิ๋งมีความรู้สึกดีกับชายหนุ่มคนนั้นได้ก็นับเป็นการเดินทางที่คุ้มค่าแล้ว

“ไม่อย่างไร” จิงอิ๋งใบหน้าแดงก่ำ นางไม่คาดฝันอย่างมาก ทั้งก็รู้สึกดีใจมากเช่นกัน ทว่าที่ยิ่งไปกว่านั้นคือความเขินอายอย่างเลือนราง ที่แท้ความรู้สึกที่ไม่ใช่การแอบรักข้างเดียวมันหวานซึ้งถึงขนาดนี้นี่เอง

“นี่ เจ้าข้ามแม่น้ำได้แล้ว จะมารื้อสะพานทิ้ง[1] ไม่ได้นะ!” พิงถิงถลึงตามองจิงอิ๋งอย่างโมโห ความคิดนี้มาจากนาง คนก็เป็นนางที่หามา ทั้งยังเป็นนางที่มีน้ำใจช่วยเหลือ แต่ผู้ที่ได้ประโยชน์กลับเป็นจิงอิ๋งเพียงคนเดียว ตัวเองนอกจากไม่ได้อะไรแล้วยังต้องมาสำลักน้ำลายตัวเองอีก ยามนี้แม้แต่ฟังความในใจที่แท้จริงของนางก็ยังไม่ได้อย่างนั้นหรือ?

“เจ้าเป็นสะพานอย่างนั้นหรือ?” จิงอิ๋งมั่นใจว่าแม้ตัวเองจะเป็นคนข้ามสะพาน ของบางอย่างนั้นสามารถแบ่งได้ แต่บางอย่างก็ไม่อาจแบ่งได้เช่นกัน โดยเฉพาะไม่อาจแบ่งชายหนุ่มผู้ที่สร้างความหัวเราะให้ตนเองคนนั้นได้

“เจ้าไม่พูดก็ไม่เป็นไร” พิงถิงแค่นเสียงในลำคอ ก่อนจะยิ้มร้าย “ข้าจะไปพูดกับพี่ใหญ่ว่า เจ้าเกิดรักแรกพบกับคนไม่เป็นโล้เป็นพายผู้หนึ่ง ทั้งยังแต่งกายเป็นสาวใช้ลอบไปดูคนอื่นเขาอีก ดูสิว่าพี่ใหญ่จะพะว้าพะวงเข้ามาหาเจ้าหรือไม่”

พูดแล้วก็ทำทันที พิงถิงยิ้มอย่างเริงร่าเตรียมจะเดินออกไปด้านนอก จิงอิ๋งดึงนางไว้อย่างจนใจ กล่าวทั้งถอนหายใจ “เจ้าอยากรู้อะไร? ถามมา!”

“ยามที่ชายผู้นั้นชมเจ้าว่างดงามเป็นอย่างมาก รู้สึกดีใจไม่น้อยใช่หรือไม่?” พิงถิงอยากรู้เป็นอย่างมาก นี่ใช่ที่เรียกว่าความรักทำให้คนตาบอดหรือไม่ เวลานั้นมีหญิงสาวอยู่มากมาย เห็นได้ชัดว่าคนที่งามที่สุดคืออวี๋หลิง แต่ซย่าจื่อชิงผู้นั้นคล้ายกับมองเห็นเพียงจิงอิ๋งคนเดียว

“ใช่!” จิงอิ๋งผงกศีรษะอย่างซื่อตรง ยามนี้คิดขึ้นมาแล้วยังคงรู้สึกวาบหวามในใจ สิ่งที่แอบฟังมาล้วนเป็นคนผู้นั้นที่กล่าวชมตัวเอง ดูท่าเขาก็คงมีความรู้สึกดีกับตนไม่น้อยเช่นกัน

“เช่นนั้นคิดอยากจะพบกับชายผู้นั้นแบบบังเอิญหรือเปล่า?” ในหัวของพิงถิงยามนี้เอาแต่คิดว่าจะจับคู่จิงอิ๋งกับซย่า จื่อชิงอย่างไร ตระกูลซย่า เป็นตระกูลใหญ่ที่ไม่เป็นสองรองใครในหยวนโจว การที่ซย่าจื่อชิงจะเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป เดิมทีก็เป็นเรื่องที่ถูกกำหนดไว้แล้ว และตระกูลซย่ายังมีคำสอนหนึ่งที่ทำให้ซั่งกวนฮ่าวชื่นชมมากที่สุด…เมื่ออายุครบสามสิบปีแล้วยังไม่มีบุตรสืบทอดจึงค่อยจะสามารถรับอนุภรรยาได้ แม้ว่านี่จะทำให้ลูกหลานของตระกูลซย่ามีไม่มาก แต่ก็สามารถหลีกเลี่ยงการแก่งแย่งชิงดีระหว่างภรรยาเอกและอนุได้เช่นกัน ทั้งยังป้องกันไม่ให้เรือนหลังระส่ำระสาย และนับเป็นสิ่งล่ำค่าอย่างหนึ่งที่ตระกูลซย่าสามารถสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้ ตระกูลหญิงสาวที่มีฐานะใกล้เคียงกับตระกูลซย่าก็หัวแหลมคิดจะแต่งเข้าตระกูลนี้เช่นกัน นี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ซั่งกวนฮ่าวจัดชื่อซย่าจื่อชิงไว้ในตัวเลือกอย่างไม่ลังเล

“เจ้าล่ะ? ถูกใจใครหรือไม่?” จิงอิ๋งไม่คิดให้ตนเองเอาแต่ถูกพิงถิงจูงจมูกหรอก จึงย้อนถาม นางไม่เชื่อว่าหลังจากเดินวนรอบสถานที่พำนักของแขกผู้ชายมาหนึ่งครั้ง ทั้งดูคนในรายชื่อของท่านแม่ พิงถิงก็ยังหาคนที่ถูกใจไม่ได้

“ข้าคิดว่ายังคงเป็นซย่าจื่อชิงที่นับว่าอยู่ในอุดมคติที่สุด!” พิงถิงเห็นจิงอิ๋งปกปิดสีหน้าตึงเครียดไม่ได้อยู่บ้าง ก็ถอนหายใจออกมา “น่าเสียดายที่คนเขาแค่มองแวบเดียวก็ถูกใจคุณหนูชุดเข้มที่ยิ้มได้อย่างสดใสผู้นั้นเสียแล้ว ข้าก็คงไม่ฝืนดันทุรัง ส่วนคนอื่นๆ…สวีปิ่งฮุยของตระกูลสวีแห่งจิ้นหยางก็ดูเหมือนไม่เลว เพียงแต่เขาเป็นลูกชายภรรยาเอกคนโต ไม่รู้ว่าจะสามารถรับข้าที่เป็นคุณหนูชาติกำเนิดอนุภรรยาได้หรือไม่!”

“ตระกูลสวี?” จิงอิ๋งหวนคิดอย่างละเอียด กล่าวยิ้มๆ “ผู้ชายที่ดูมาดดี ในยามที่พวกเราเข้าไป เขาก็กำลังมองพี่ชายตระกูลอิ่นที่กำลังกระโดดโลดเต้นว่าจะวางแผนจัดการให้พี่อิ๋งกลายร่างเป็นมนุษย์โคลนได้อย่างไรผู้นั้นสินะ ข้าว่าเขาก็ไม่เลวเลย ส่วนเรื่องลูกในนามภรรยาเอก ข้าคิดว่าไม่มีปัญหา ตระกูลซั่งกวนรุ่นนี้มีเพียงพวกเราสามพี่น้อง จะอย่างไรก็ย่อมสูงส่งกว่าคนพวกนั้นอยู่แล้ว!”

“คนพวกนั้น? เจ้าหมายถึงตระกูลใด?” พิงถิงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ใช่แล้ว นอกจากตระกูลอิ๋งที่ไม่มีลูกสาวภรรยาเอก ตระกูลชุยที่ไม่มีบุตรสาวสายตรง ก็เป็นตระกูลซั่งกวนที่มีคุณหนูน้อยที่สุด แม้ว่าตัวเองจะเป็นลูกอนุภรรยา แต่ยามนี้ได้เป็นลูกในนามของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อแล้ว จึงไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณหนูลูกภรรยาเอกของตระกูลพวกนั้นแม้แต่น้อย หวงฝู่อวี๋หลิง พวกนางก็ไม่ได้ดูแคลนตนเอง ไม่มีความจำเป็นที่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจตัวเองเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

“ก็มีเพียงไม่กี่ตระกูลไม่ใช่หรือ?” จิงอิ๋งหันกลับมากลอกตาใส่นาง กล่าวยิ้มๆ “อีกทั้งอวี่ไข่ อวี่ฮ่าวที่อยู่ในฐานะลูกอนุภรรยาก็ยังแต่งกับคุณหนูลูกภรรยาเอกได้ทั้งคู่ พวกเราที่อยู่ในฐานะลูกภรรยาเอกจะแต่งกับลูกชายภรรยาเอกไม่ได้เชียวหรือ? ข้าจะบอกกับท่านพ่อว่าเจ้าชอบสวีปิ่งฮุยผู้นั้น ท่านพ่อย่อมมีวิธีที่จะทำให้เขาตามมาสู่ขอถึงประตูแน่!”

“แต่หากเขาไม่ยินดีเล่า?” พิงถิงไม่ได้คิดง่ายๆ เหมือนจิงอิ๋งเช่นนั้น กล่าวอย่างกังวลเล็กน้อย “อย่างไรก็อย่าได้รีบไปเลย ข้าอยากหาโอกาสพบปะกับเขาอย่างเป็นทางการแล้วค่อยว่ากัน ขอเพียงแค่เขารู้สึกกับข้าเหมือนที่ซย่าจื่อชิงมีให้เจ้าครึ่ง หนึ่ง ข้าก็จะไปขอท่านพ่อให้ช่วยตัดสินใจ!”

“เช่นนั้นก็ดี!” จิงอิ๋งพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “แล้วเจ้ามีแผนอะไรหรือไม่? จะหาโอกาสไปพบเขาอย่างเป็นทางการอย่างไร? ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่?”

“รอข้าคิดดีๆ ก่อนค่อยว่ากันเถิด” พิงถิงเพียงมีความรู้สึกดีกับคนผู้นั้นเท่านั้น ยังไม่ได้เหมือนอย่างจิงอิ๋งที่หลังจากกลับมาก็เอาแต่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อีกทั้งเทียบกันแล้ว นางมีความกังวลมากกว่า การขบคิดก็มากตาม ไม่มีความจำเป็น ต้องใช้วิธีเดิมซ้ำๆ ในใจนางยังไม่ค่อยมีความมั่นใจต่อชาติกำเนิดของตัวเอง รู้สึกว่าลูกชายคนโตภรรยาเอกในใบรายชื่อนั้นล้วนเป็นคนที่ซั่งกวนฮ่าวเลือกไว้ให้จิงอิ๋ง

“เช่นนั้นเจ้าก็ค่อยๆ คิดเถิด ส่วนข้าจะกลับห้องก่อนแล้ว” จิงอิ๋งโกยแนบทันที พิงถิงก็ไม่ขวางนาง นางมองพิงถิงที่ถึงประตูด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหมุนกลับมา กล่าวอย่างหมดอาลัยอยู่บ้าง “ข้าลืมไปได้อย่างไรกันว่านี่มันห้องข้า?”

“พูดอย่างจริงจัง จะให้ข้าช่วยเจ้าสร้างโอกาสให้พบกับซย่าจื่อชิงผู้นั้นอย่างบังเอิญหรือไม่?” พิงถิงไม่ได้เหมือนจิงอิ๋งที่อะไรนิดเดียวก็ปล่อยผ่านแล้วก็แล้วไป ยิ้มตาหยี “ซย่าจื่อชิงผู้นั้นอะไรก็ดีไปหมด เพียงแค่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองเท่านั้น หากเจ้าไม่แสดงความรู้สึกดีๆ หรือความใกล้ชิดให้เขารู้สักหน่อย ข้าว่าเขาคงไม่อาจเป็นฝ่ายไปสู่ขอกับท่านพ่อก่อนได้หรอก”

“ไม่ต้องหรอก!” จิงอิ๋งส่ายศีรษะ “เจ้าบอกฐานะของข้าให้เขาแล้ว หากเขาชอบข้ามาก ย่อมไม่อาจล่าถอยเพราะกลัวว่าจะชนกำแพง ถ้าเขายอมละทิ้ง เพียงเพราะกังวลว่าจะถูกปฏิเสธ เช่นนั้นเขาก็ไม่คู่ควรที่จะให้ข้าชอบแล้ว!”

“เช่นนั้นพวกเราก็อย่าคิดเรื่องน่ารำคาญใจพวกนี้อีกเลย ไปเล่นกับเสี่ยวหมิงเอ๋อร์กันดีกว่า!” พิงถิงกลับเห็นด้วยกับความคิดของจิงอิ๋ง พวกนางแปลงโฉมเป็นสาวใช้ก็เป็นฝ่ายรุกมากแล้ว หากยังทำอะไรอีก คล้ายว่าจะเกินไปอยู่บ้าง ต่อไปก็คงต้องดูความสามารถของซย่าจื่อชิงแล้ว หากเขายังเอาแต่ทึมทื่อ ตัวเองค่อยเป็นฝ่ายช่วยผลักดันก็ยังไม่สาย

แต่ในความเป็นจริงซย่าจื่อชิงกลับไม่จำเป็นต้องทำให้พวกนางเสียเวลาคิดจะผลักดันอะไร ในยามนี้เขาเปลี่ยนแปลงท่าทีเสียใหม่ ถีบตัวเองไปอยู่เบื้องหน้าซั่งกวนเจวี๋ย คิดหาวิธีที่จะพูดคุยกับซั่งกวนเจวี๋ย ทำให้จางอี๋หยางที่มีความคิดเหมือนกันถึงกับอยากจะถีบเขาออกไปให้ไกล

“พวกเจ้าพบน้องสาวทั้งสองของข้าแล้วหรือ?” ซั่งกวนเจวี๋ยเลิกคิ้วขึ้น คาดไม่ถึงว่าทั้งสองคนที่น้อยครั้งจะพูดคุยกับใครกลับพุ่งเป้ามาที่น้องสาวตัวเอง ซย่าจื่อชิงยังพอฝืนพิจารณาได้อยู่ ส่วนสาเหตุที่จู่ๆ ก็ขืนไว้ เพราะท่าทีที่กระตือรือร้นขึ้นมาอย่างฉับพลันของเขา ทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยไม่แน่ใจในจุดประสงค์ของเขาอยู่บ้างว่า เป็นเพราะมีความรู้สึกดีจริงๆ หรือเพราะฐานะ ‘คุณหนูตระกูลซั่งกวน’ ต้องสังเกตให้ดีๆ เสียหน่อย แต่กับจางอี๋หยางนั้นแทบไม่ต้องคิด อย่างไรก็ต้องถูกตัดทิ้ง

“ใช่แล้ว!” ซย่าจื่อชิงรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองคงดูลนลาน แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยจงใจเข้าใกล้ผู้ใดมาก่อน ทุกคนที่พบปะพูดคุยกันล้วนเพราะเรื่องความชอบที่เหมือนกันหรือกิจการของตระกูลเท่านั้น ไหนเลยจะด้วยสาเหตุที่พูดไม่ได้ตรงๆ เช่นนี้

“พวกเราบังเอิญไปพบเรือเล็กของคุณหนูทั้งสองเข้า หลังจากเกิดเรื่องรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก อยากจะหาโอกาสแสดงความขอโทษต่อหน้าคุณหนูทั้งสองเสียหน่อย” จางอี๋หยางได้สืบข่าวมาจากพี่น้องตระกูลอิ่น สองพี่น้องคู่นั้นรู้ดีว่าตัวเองไม่มีโอกาสอุ้มหญิงงามกลับอยู่แล้ว…แม้ว่าตระกูลอิ่นจะไม่ด้อยกว่าตระกูลจาง แต่ก็พึ่งพาอาศัยตระกูลอิ๋ง ในสายตาของตระกูลใหญ่ๆ เหล่านั้น พวกเขาก็เหมือนเป็นเป็นตระกูลรองของตระกูลอิ๋ง หญิงสาวตระกูลใหญ่นั้นแม้จะต้องเลือกตระกูลที่เล็กกว่าพวกเขา ก็ไม่อาจเลือกพวกเขาเช่นกัน ลูกอนุภรรยายังพอเป็นไปได้ แต่คุณหนูทั้งสองคนที่มีฐานะเป็นลูกภรรยาเอกย่อมเป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง จุดนี้พวกเขาต่างเข้าใจดี อิ๋งอี้หังก็เข้าใจดีเช่นกัน ดังนั้นจึงบอกฐานะของผู้หญิงพวกนั้นให้พวกเขาฟังอย่างไม่คิดปิดบัง และพวกเขาก็ได้บอกใบ้จางอี๋หยางอย่างรางๆ ดังนั้นเขาจึงล่วงหน้ามากล่าวเป็นมารยาทเช่นนี้

“เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งสองท่านอย่าได้เก็บมาใส่ใจเลย!” ซั่งกวนเจวี๋ยปฏิบัติกับทั้งสองอย่างพอเหมาะพอควร ใบหน้าก็ไม่แฝงท่าทีอื่นใด มีแต่ความเป็นมิตรเท่านั้น

“จะเป็นเรื่องเล็กน้อยได้อย่างไร?” จางอี๋หยางชิงกล่าวก่อนที่ซย่าจื่อชิงจะพูด “เพราะว่ารู้สึกละอายใจ ดังนั้นจึงมาขอพี่ใหญ่ซั่งกวนมอบโอกาสขอโทษต่อหน้าคุณหนูทั้งสองให้พวกเรา”

“จื่อชิงก็คิดเช่นนี้เหมือนกันหรือ?” ซั่งกวนเจวี๋ยพยักหน้าเล็กน้อย คล้ายว่ายอมรับคำพูดของจางอี๋หยางอยู่บ้าง

“ไม่ใช่!” ซย่าจื่อชิงได้ดึงสติที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยคืนมาได้แล้ว เขาครุ่นคิดแล้วครุ่นคิดอีกอย่างจริงจัง รู้สึกว่าหากตัวเองถอยทัพกลางคัน ไม่พยายามช่วงชิงมาย่อมต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ ดังนั้นจึงบุกมาอย่างไม่มีความลังเล เขากล่าวไปอย่างตรงๆ “หลังจากจื่อชิงได้พบน้องหญิงก็เอาแต่คะนึงหาไม่ยอมลืมเลือน อยากจะขอให้พี่ใหญ่ซั่งกวนพาไปพบเสียหน่อย หากคุณหนูรองมีความรู้สึกดีกับจื่อชิง จื่อชิงก็จะไปขอท่านพ่อมาลี่โจวเพื่อสู่ขอให้เร็วที่สุด”

“จื่อชิงไม่ใช่ว่าไม่คิดจะผูกสัมพันธ์ที่เกินตัวกับคุณหนูของตระกูลซั่งกวนหรอกหรือ?” พอจางอี๋หยางได้ฟังก็ร้อนใจทันที เวลานั้นได้พบหกคน มีสี่คนที่ฐานะสูงส่งที่สุด แต่คนหนึ่งได้แต่งงานแล้ว คนหนึ่งก็มีคู่หมั้น ทั้งยังมีอีกคนที่ยังไม่โตดี เหตุใดซย่า จื่อชิงกลับคิดจะผูกสัมพันธ์เกินตัวกับคนที่ทำให้เขาใจเต้นเล่า? เป็นคุณหนูตระกูลซั่งกวนอีกคนไม่ได้รึ?

“ไม่ใช่เรื่องที่คิดจะผูกสัมพันธ์เกินตัวหรือไม่เกินตัว แต่จื่อชิงไม่อยากเสียใจไปตลอดชีวิต!” ซย่าจื่อชิงไม่กลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องตลกของคนอื่น หากสามารถมีงานแต่งที่ดีได้ ก็จะไม่ใช่เรื่องตลก แต่เป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่หากไม่เป็นไปดั่งที่หวัง ผู้ที่ถูกหัวเราะเยาะก็มีเพียงตัวเองเท่านั้น ไม่อาจจะกระทบถึงคุณหนูซั่งกวนที่หัวเราะได้อย่างใสซื่อบริสุทธิ์ผู้นั้นหรอก

“ไม่ทราบว่าทั้งสองคนรู้ได้อย่างไรว่าผู้ที่บังเอิญพบนั้นเป็นน้องสาวของข้า? เป็นพวกนางที่พูดเองหรือ?” ซั่งกวนเจวี๋ยเชื่อว่าจิงอิ๋งและพิงถิงคงไม่ถึงกับแนะนำตัวเองให้กับคนที่ไม่รู้จักได้หรอก

“เป็นพี่อิ๋งที่เผลอพูดออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ผู้ที่อยู่กับคุณหนูทั้งสองคนยังมีคุณหนูตระกูลหวงฝู่อีกสองคนด้วย!” จางอี๋หยางกล่าวยิ้มๆ คล้อยหลังก็แสร้งทำเป็นกล่าวอย่างไม่เข้าใจ “แต่ว่ายามนั้นจื่อชิงไม่อยู่ ไม่รู้ว่าจื่อชิงไปล่วงรู้ฐานะของคุณหนูทั้งสองได้อย่างไร?”

“จื่อชิงถามมาจากสาวใช้ที่จวนท่าน” ซย่าจื่อชิงมาถึงจุดนี้ ก็ไม่คิดปิดบัง “หากเสียมารยาทอย่างไร ขอพี่ใหญ่ซั่งกวนให้อภัยด้วย!”

ถามมาจากสาวใช้? ซั่งกวนเจวี๋ยมีท่าทีแปลกประหลาดอยู่บ้าง เกรงว่าตระกูลซั่งกวนจะไม่มีสาวใช้ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงขนาดนั้น จู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องที่ซั่งกวนลู่เอ่ยถึงไม่นานมานี้ว่าน้องสาวสองคนได้แต่งกายเป็นสาวใช้ หรือว่าจะเป็นพวกนาง? หากเป็นเช่นนั้น จิงอิ๋งก็คงจะมีความรู้สึกดีๆ กับซย่าจื่อชิงผู้นี้เช่นกัน…

“พี่ใหญ่ซั่งกวน?” จางอี๋หยางกระตุกยิ้มที่มุมปาก จากการกระทำของซย่าจื่อชิงก็เพียงพอให้เขาถูกคัดออกไปแล้ว ยังคิดจะมาแย่งกับตัวเอง? ช่างไม่เจียมตัวเสียจริง

“ข้าคิดว่าเรื่องนี้รอให้ข้าถามจากน้องสาวทั้งสองก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด!” ซั่งกวนเจวี๋ยเผยยิ้มเล็กน้อย “หากพวกนางคิดว่ามีความจำเป็น ข้าก็จะให้พวกเจ้าพบกัน หากพวกนางได้ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องพบ ทั้งสองคนคิดว่าเป็นอย่างไร?”

“เอาตามที่พี่ใหญ่ซั่งกวนว่าเถิด!” จางอี๋หยางจนใจอยู่บ้าง ด้านซย่าจื่อชิงกลับมีความกระวนกระวายใจอยู่เล็กน้อย แต่ทั้งสองคนก็ทำได้เพียงว่าตามการจัดการของซั่งกวนเจวี๋ยเท่านั้น

———————————-

[1] ข้ามแม่น้ำแล้ว รื้อสะพานทิ้ง อุปมาว่า พอบรรลุเป้าหมายแล้ว ก็ถีบหัวส่งผู้ช่วยเหลือ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 237 ต่างฝ่ายต่างมีใจ

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 237 ต่างฝ่ายต่างมีใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นี่ เป็นอย่างไรล่ะ?” พิงถิงหัวเราะใส่จิงอิ๋งที่ใบหน้าขึ้นสี มีความรู้สึกคล้ายเป็นโจรย่องเบาอยู่บ้าง กระนั้นการมาครั้งนี้ไม่ได้เสียเปล่า แม้ตัวเองจะไม่ถูกใจคนไหนเลย แต่สามารถเห็นจิงอิ๋งมีความรู้สึกดีกับชายหนุ่มคนนั้นได้ก็นับเป็นการเดินทางที่คุ้มค่าแล้ว

“ไม่อย่างไร” จิงอิ๋งใบหน้าแดงก่ำ นางไม่คาดฝันอย่างมาก ทั้งก็รู้สึกดีใจมากเช่นกัน ทว่าที่ยิ่งไปกว่านั้นคือความเขินอายอย่างเลือนราง ที่แท้ความรู้สึกที่ไม่ใช่การแอบรักข้างเดียวมันหวานซึ้งถึงขนาดนี้นี่เอง

“นี่ เจ้าข้ามแม่น้ำได้แล้ว จะมารื้อสะพานทิ้ง[1] ไม่ได้นะ!” พิงถิงถลึงตามองจิงอิ๋งอย่างโมโห ความคิดนี้มาจากนาง คนก็เป็นนางที่หามา ทั้งยังเป็นนางที่มีน้ำใจช่วยเหลือ แต่ผู้ที่ได้ประโยชน์กลับเป็นจิงอิ๋งเพียงคนเดียว ตัวเองนอกจากไม่ได้อะไรแล้วยังต้องมาสำลักน้ำลายตัวเองอีก ยามนี้แม้แต่ฟังความในใจที่แท้จริงของนางก็ยังไม่ได้อย่างนั้นหรือ?

“เจ้าเป็นสะพานอย่างนั้นหรือ?” จิงอิ๋งมั่นใจว่าแม้ตัวเองจะเป็นคนข้ามสะพาน ของบางอย่างนั้นสามารถแบ่งได้ แต่บางอย่างก็ไม่อาจแบ่งได้เช่นกัน โดยเฉพาะไม่อาจแบ่งชายหนุ่มผู้ที่สร้างความหัวเราะให้ตนเองคนนั้นได้

“เจ้าไม่พูดก็ไม่เป็นไร” พิงถิงแค่นเสียงในลำคอ ก่อนจะยิ้มร้าย “ข้าจะไปพูดกับพี่ใหญ่ว่า เจ้าเกิดรักแรกพบกับคนไม่เป็นโล้เป็นพายผู้หนึ่ง ทั้งยังแต่งกายเป็นสาวใช้ลอบไปดูคนอื่นเขาอีก ดูสิว่าพี่ใหญ่จะพะว้าพะวงเข้ามาหาเจ้าหรือไม่”

พูดแล้วก็ทำทันที พิงถิงยิ้มอย่างเริงร่าเตรียมจะเดินออกไปด้านนอก จิงอิ๋งดึงนางไว้อย่างจนใจ กล่าวทั้งถอนหายใจ “เจ้าอยากรู้อะไร? ถามมา!”

“ยามที่ชายผู้นั้นชมเจ้าว่างดงามเป็นอย่างมาก รู้สึกดีใจไม่น้อยใช่หรือไม่?” พิงถิงอยากรู้เป็นอย่างมาก นี่ใช่ที่เรียกว่าความรักทำให้คนตาบอดหรือไม่ เวลานั้นมีหญิงสาวอยู่มากมาย เห็นได้ชัดว่าคนที่งามที่สุดคืออวี๋หลิง แต่ซย่าจื่อชิงผู้นั้นคล้ายกับมองเห็นเพียงจิงอิ๋งคนเดียว

“ใช่!” จิงอิ๋งผงกศีรษะอย่างซื่อตรง ยามนี้คิดขึ้นมาแล้วยังคงรู้สึกวาบหวามในใจ สิ่งที่แอบฟังมาล้วนเป็นคนผู้นั้นที่กล่าวชมตัวเอง ดูท่าเขาก็คงมีความรู้สึกดีกับตนไม่น้อยเช่นกัน

“เช่นนั้นคิดอยากจะพบกับชายผู้นั้นแบบบังเอิญหรือเปล่า?” ในหัวของพิงถิงยามนี้เอาแต่คิดว่าจะจับคู่จิงอิ๋งกับซย่า จื่อชิงอย่างไร ตระกูลซย่า เป็นตระกูลใหญ่ที่ไม่เป็นสองรองใครในหยวนโจว การที่ซย่าจื่อชิงจะเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป เดิมทีก็เป็นเรื่องที่ถูกกำหนดไว้แล้ว และตระกูลซย่ายังมีคำสอนหนึ่งที่ทำให้ซั่งกวนฮ่าวชื่นชมมากที่สุด…เมื่ออายุครบสามสิบปีแล้วยังไม่มีบุตรสืบทอดจึงค่อยจะสามารถรับอนุภรรยาได้ แม้ว่านี่จะทำให้ลูกหลานของตระกูลซย่ามีไม่มาก แต่ก็สามารถหลีกเลี่ยงการแก่งแย่งชิงดีระหว่างภรรยาเอกและอนุได้เช่นกัน ทั้งยังป้องกันไม่ให้เรือนหลังระส่ำระสาย และนับเป็นสิ่งล่ำค่าอย่างหนึ่งที่ตระกูลซย่าสามารถสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้ ตระกูลหญิงสาวที่มีฐานะใกล้เคียงกับตระกูลซย่าก็หัวแหลมคิดจะแต่งเข้าตระกูลนี้เช่นกัน นี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ซั่งกวนฮ่าวจัดชื่อซย่าจื่อชิงไว้ในตัวเลือกอย่างไม่ลังเล

“เจ้าล่ะ? ถูกใจใครหรือไม่?” จิงอิ๋งไม่คิดให้ตนเองเอาแต่ถูกพิงถิงจูงจมูกหรอก จึงย้อนถาม นางไม่เชื่อว่าหลังจากเดินวนรอบสถานที่พำนักของแขกผู้ชายมาหนึ่งครั้ง ทั้งดูคนในรายชื่อของท่านแม่ พิงถิงก็ยังหาคนที่ถูกใจไม่ได้

“ข้าคิดว่ายังคงเป็นซย่าจื่อชิงที่นับว่าอยู่ในอุดมคติที่สุด!” พิงถิงเห็นจิงอิ๋งปกปิดสีหน้าตึงเครียดไม่ได้อยู่บ้าง ก็ถอนหายใจออกมา “น่าเสียดายที่คนเขาแค่มองแวบเดียวก็ถูกใจคุณหนูชุดเข้มที่ยิ้มได้อย่างสดใสผู้นั้นเสียแล้ว ข้าก็คงไม่ฝืนดันทุรัง ส่วนคนอื่นๆ…สวีปิ่งฮุยของตระกูลสวีแห่งจิ้นหยางก็ดูเหมือนไม่เลว เพียงแต่เขาเป็นลูกชายภรรยาเอกคนโต ไม่รู้ว่าจะสามารถรับข้าที่เป็นคุณหนูชาติกำเนิดอนุภรรยาได้หรือไม่!”

“ตระกูลสวี?” จิงอิ๋งหวนคิดอย่างละเอียด กล่าวยิ้มๆ “ผู้ชายที่ดูมาดดี ในยามที่พวกเราเข้าไป เขาก็กำลังมองพี่ชายตระกูลอิ่นที่กำลังกระโดดโลดเต้นว่าจะวางแผนจัดการให้พี่อิ๋งกลายร่างเป็นมนุษย์โคลนได้อย่างไรผู้นั้นสินะ ข้าว่าเขาก็ไม่เลวเลย ส่วนเรื่องลูกในนามภรรยาเอก ข้าคิดว่าไม่มีปัญหา ตระกูลซั่งกวนรุ่นนี้มีเพียงพวกเราสามพี่น้อง จะอย่างไรก็ย่อมสูงส่งกว่าคนพวกนั้นอยู่แล้ว!”

“คนพวกนั้น? เจ้าหมายถึงตระกูลใด?” พิงถิงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ใช่แล้ว นอกจากตระกูลอิ๋งที่ไม่มีลูกสาวภรรยาเอก ตระกูลชุยที่ไม่มีบุตรสาวสายตรง ก็เป็นตระกูลซั่งกวนที่มีคุณหนูน้อยที่สุด แม้ว่าตัวเองจะเป็นลูกอนุภรรยา แต่ยามนี้ได้เป็นลูกในนามของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อแล้ว จึงไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณหนูลูกภรรยาเอกของตระกูลพวกนั้นแม้แต่น้อย หวงฝู่อวี๋หลิง พวกนางก็ไม่ได้ดูแคลนตนเอง ไม่มีความจำเป็นที่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจตัวเองเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

“ก็มีเพียงไม่กี่ตระกูลไม่ใช่หรือ?” จิงอิ๋งหันกลับมากลอกตาใส่นาง กล่าวยิ้มๆ “อีกทั้งอวี่ไข่ อวี่ฮ่าวที่อยู่ในฐานะลูกอนุภรรยาก็ยังแต่งกับคุณหนูลูกภรรยาเอกได้ทั้งคู่ พวกเราที่อยู่ในฐานะลูกภรรยาเอกจะแต่งกับลูกชายภรรยาเอกไม่ได้เชียวหรือ? ข้าจะบอกกับท่านพ่อว่าเจ้าชอบสวีปิ่งฮุยผู้นั้น ท่านพ่อย่อมมีวิธีที่จะทำให้เขาตามมาสู่ขอถึงประตูแน่!”

“แต่หากเขาไม่ยินดีเล่า?” พิงถิงไม่ได้คิดง่ายๆ เหมือนจิงอิ๋งเช่นนั้น กล่าวอย่างกังวลเล็กน้อย “อย่างไรก็อย่าได้รีบไปเลย ข้าอยากหาโอกาสพบปะกับเขาอย่างเป็นทางการแล้วค่อยว่ากัน ขอเพียงแค่เขารู้สึกกับข้าเหมือนที่ซย่าจื่อชิงมีให้เจ้าครึ่ง หนึ่ง ข้าก็จะไปขอท่านพ่อให้ช่วยตัดสินใจ!”

“เช่นนั้นก็ดี!” จิงอิ๋งพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “แล้วเจ้ามีแผนอะไรหรือไม่? จะหาโอกาสไปพบเขาอย่างเป็นทางการอย่างไร? ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่?”

“รอข้าคิดดีๆ ก่อนค่อยว่ากันเถิด” พิงถิงเพียงมีความรู้สึกดีกับคนผู้นั้นเท่านั้น ยังไม่ได้เหมือนอย่างจิงอิ๋งที่หลังจากกลับมาก็เอาแต่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อีกทั้งเทียบกันแล้ว นางมีความกังวลมากกว่า การขบคิดก็มากตาม ไม่มีความจำเป็น ต้องใช้วิธีเดิมซ้ำๆ ในใจนางยังไม่ค่อยมีความมั่นใจต่อชาติกำเนิดของตัวเอง รู้สึกว่าลูกชายคนโตภรรยาเอกในใบรายชื่อนั้นล้วนเป็นคนที่ซั่งกวนฮ่าวเลือกไว้ให้จิงอิ๋ง

“เช่นนั้นเจ้าก็ค่อยๆ คิดเถิด ส่วนข้าจะกลับห้องก่อนแล้ว” จิงอิ๋งโกยแนบทันที พิงถิงก็ไม่ขวางนาง นางมองพิงถิงที่ถึงประตูด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหมุนกลับมา กล่าวอย่างหมดอาลัยอยู่บ้าง “ข้าลืมไปได้อย่างไรกันว่านี่มันห้องข้า?”

“พูดอย่างจริงจัง จะให้ข้าช่วยเจ้าสร้างโอกาสให้พบกับซย่าจื่อชิงผู้นั้นอย่างบังเอิญหรือไม่?” พิงถิงไม่ได้เหมือนจิงอิ๋งที่อะไรนิดเดียวก็ปล่อยผ่านแล้วก็แล้วไป ยิ้มตาหยี “ซย่าจื่อชิงผู้นั้นอะไรก็ดีไปหมด เพียงแค่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองเท่านั้น หากเจ้าไม่แสดงความรู้สึกดีๆ หรือความใกล้ชิดให้เขารู้สักหน่อย ข้าว่าเขาคงไม่อาจเป็นฝ่ายไปสู่ขอกับท่านพ่อก่อนได้หรอก”

“ไม่ต้องหรอก!” จิงอิ๋งส่ายศีรษะ “เจ้าบอกฐานะของข้าให้เขาแล้ว หากเขาชอบข้ามาก ย่อมไม่อาจล่าถอยเพราะกลัวว่าจะชนกำแพง ถ้าเขายอมละทิ้ง เพียงเพราะกังวลว่าจะถูกปฏิเสธ เช่นนั้นเขาก็ไม่คู่ควรที่จะให้ข้าชอบแล้ว!”

“เช่นนั้นพวกเราก็อย่าคิดเรื่องน่ารำคาญใจพวกนี้อีกเลย ไปเล่นกับเสี่ยวหมิงเอ๋อร์กันดีกว่า!” พิงถิงกลับเห็นด้วยกับความคิดของจิงอิ๋ง พวกนางแปลงโฉมเป็นสาวใช้ก็เป็นฝ่ายรุกมากแล้ว หากยังทำอะไรอีก คล้ายว่าจะเกินไปอยู่บ้าง ต่อไปก็คงต้องดูความสามารถของซย่าจื่อชิงแล้ว หากเขายังเอาแต่ทึมทื่อ ตัวเองค่อยเป็นฝ่ายช่วยผลักดันก็ยังไม่สาย

แต่ในความเป็นจริงซย่าจื่อชิงกลับไม่จำเป็นต้องทำให้พวกนางเสียเวลาคิดจะผลักดันอะไร ในยามนี้เขาเปลี่ยนแปลงท่าทีเสียใหม่ ถีบตัวเองไปอยู่เบื้องหน้าซั่งกวนเจวี๋ย คิดหาวิธีที่จะพูดคุยกับซั่งกวนเจวี๋ย ทำให้จางอี๋หยางที่มีความคิดเหมือนกันถึงกับอยากจะถีบเขาออกไปให้ไกล

“พวกเจ้าพบน้องสาวทั้งสองของข้าแล้วหรือ?” ซั่งกวนเจวี๋ยเลิกคิ้วขึ้น คาดไม่ถึงว่าทั้งสองคนที่น้อยครั้งจะพูดคุยกับใครกลับพุ่งเป้ามาที่น้องสาวตัวเอง ซย่าจื่อชิงยังพอฝืนพิจารณาได้อยู่ ส่วนสาเหตุที่จู่ๆ ก็ขืนไว้ เพราะท่าทีที่กระตือรือร้นขึ้นมาอย่างฉับพลันของเขา ทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยไม่แน่ใจในจุดประสงค์ของเขาอยู่บ้างว่า เป็นเพราะมีความรู้สึกดีจริงๆ หรือเพราะฐานะ ‘คุณหนูตระกูลซั่งกวน’ ต้องสังเกตให้ดีๆ เสียหน่อย แต่กับจางอี๋หยางนั้นแทบไม่ต้องคิด อย่างไรก็ต้องถูกตัดทิ้ง

“ใช่แล้ว!” ซย่าจื่อชิงรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองคงดูลนลาน แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยจงใจเข้าใกล้ผู้ใดมาก่อน ทุกคนที่พบปะพูดคุยกันล้วนเพราะเรื่องความชอบที่เหมือนกันหรือกิจการของตระกูลเท่านั้น ไหนเลยจะด้วยสาเหตุที่พูดไม่ได้ตรงๆ เช่นนี้

“พวกเราบังเอิญไปพบเรือเล็กของคุณหนูทั้งสองเข้า หลังจากเกิดเรื่องรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก อยากจะหาโอกาสแสดงความขอโทษต่อหน้าคุณหนูทั้งสองเสียหน่อย” จางอี๋หยางได้สืบข่าวมาจากพี่น้องตระกูลอิ่น สองพี่น้องคู่นั้นรู้ดีว่าตัวเองไม่มีโอกาสอุ้มหญิงงามกลับอยู่แล้ว…แม้ว่าตระกูลอิ่นจะไม่ด้อยกว่าตระกูลจาง แต่ก็พึ่งพาอาศัยตระกูลอิ๋ง ในสายตาของตระกูลใหญ่ๆ เหล่านั้น พวกเขาก็เหมือนเป็นเป็นตระกูลรองของตระกูลอิ๋ง หญิงสาวตระกูลใหญ่นั้นแม้จะต้องเลือกตระกูลที่เล็กกว่าพวกเขา ก็ไม่อาจเลือกพวกเขาเช่นกัน ลูกอนุภรรยายังพอเป็นไปได้ แต่คุณหนูทั้งสองคนที่มีฐานะเป็นลูกภรรยาเอกย่อมเป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง จุดนี้พวกเขาต่างเข้าใจดี อิ๋งอี้หังก็เข้าใจดีเช่นกัน ดังนั้นจึงบอกฐานะของผู้หญิงพวกนั้นให้พวกเขาฟังอย่างไม่คิดปิดบัง และพวกเขาก็ได้บอกใบ้จางอี๋หยางอย่างรางๆ ดังนั้นเขาจึงล่วงหน้ามากล่าวเป็นมารยาทเช่นนี้

“เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งสองท่านอย่าได้เก็บมาใส่ใจเลย!” ซั่งกวนเจวี๋ยปฏิบัติกับทั้งสองอย่างพอเหมาะพอควร ใบหน้าก็ไม่แฝงท่าทีอื่นใด มีแต่ความเป็นมิตรเท่านั้น

“จะเป็นเรื่องเล็กน้อยได้อย่างไร?” จางอี๋หยางชิงกล่าวก่อนที่ซย่าจื่อชิงจะพูด “เพราะว่ารู้สึกละอายใจ ดังนั้นจึงมาขอพี่ใหญ่ซั่งกวนมอบโอกาสขอโทษต่อหน้าคุณหนูทั้งสองให้พวกเรา”

“จื่อชิงก็คิดเช่นนี้เหมือนกันหรือ?” ซั่งกวนเจวี๋ยพยักหน้าเล็กน้อย คล้ายว่ายอมรับคำพูดของจางอี๋หยางอยู่บ้าง

“ไม่ใช่!” ซย่าจื่อชิงได้ดึงสติที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยคืนมาได้แล้ว เขาครุ่นคิดแล้วครุ่นคิดอีกอย่างจริงจัง รู้สึกว่าหากตัวเองถอยทัพกลางคัน ไม่พยายามช่วงชิงมาย่อมต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ ดังนั้นจึงบุกมาอย่างไม่มีความลังเล เขากล่าวไปอย่างตรงๆ “หลังจากจื่อชิงได้พบน้องหญิงก็เอาแต่คะนึงหาไม่ยอมลืมเลือน อยากจะขอให้พี่ใหญ่ซั่งกวนพาไปพบเสียหน่อย หากคุณหนูรองมีความรู้สึกดีกับจื่อชิง จื่อชิงก็จะไปขอท่านพ่อมาลี่โจวเพื่อสู่ขอให้เร็วที่สุด”

“จื่อชิงไม่ใช่ว่าไม่คิดจะผูกสัมพันธ์ที่เกินตัวกับคุณหนูของตระกูลซั่งกวนหรอกหรือ?” พอจางอี๋หยางได้ฟังก็ร้อนใจทันที เวลานั้นได้พบหกคน มีสี่คนที่ฐานะสูงส่งที่สุด แต่คนหนึ่งได้แต่งงานแล้ว คนหนึ่งก็มีคู่หมั้น ทั้งยังมีอีกคนที่ยังไม่โตดี เหตุใดซย่า จื่อชิงกลับคิดจะผูกสัมพันธ์เกินตัวกับคนที่ทำให้เขาใจเต้นเล่า? เป็นคุณหนูตระกูลซั่งกวนอีกคนไม่ได้รึ?

“ไม่ใช่เรื่องที่คิดจะผูกสัมพันธ์เกินตัวหรือไม่เกินตัว แต่จื่อชิงไม่อยากเสียใจไปตลอดชีวิต!” ซย่าจื่อชิงไม่กลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องตลกของคนอื่น หากสามารถมีงานแต่งที่ดีได้ ก็จะไม่ใช่เรื่องตลก แต่เป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่หากไม่เป็นไปดั่งที่หวัง ผู้ที่ถูกหัวเราะเยาะก็มีเพียงตัวเองเท่านั้น ไม่อาจจะกระทบถึงคุณหนูซั่งกวนที่หัวเราะได้อย่างใสซื่อบริสุทธิ์ผู้นั้นหรอก

“ไม่ทราบว่าทั้งสองคนรู้ได้อย่างไรว่าผู้ที่บังเอิญพบนั้นเป็นน้องสาวของข้า? เป็นพวกนางที่พูดเองหรือ?” ซั่งกวนเจวี๋ยเชื่อว่าจิงอิ๋งและพิงถิงคงไม่ถึงกับแนะนำตัวเองให้กับคนที่ไม่รู้จักได้หรอก

“เป็นพี่อิ๋งที่เผลอพูดออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ผู้ที่อยู่กับคุณหนูทั้งสองคนยังมีคุณหนูตระกูลหวงฝู่อีกสองคนด้วย!” จางอี๋หยางกล่าวยิ้มๆ คล้อยหลังก็แสร้งทำเป็นกล่าวอย่างไม่เข้าใจ “แต่ว่ายามนั้นจื่อชิงไม่อยู่ ไม่รู้ว่าจื่อชิงไปล่วงรู้ฐานะของคุณหนูทั้งสองได้อย่างไร?”

“จื่อชิงถามมาจากสาวใช้ที่จวนท่าน” ซย่าจื่อชิงมาถึงจุดนี้ ก็ไม่คิดปิดบัง “หากเสียมารยาทอย่างไร ขอพี่ใหญ่ซั่งกวนให้อภัยด้วย!”

ถามมาจากสาวใช้? ซั่งกวนเจวี๋ยมีท่าทีแปลกประหลาดอยู่บ้าง เกรงว่าตระกูลซั่งกวนจะไม่มีสาวใช้ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงขนาดนั้น จู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องที่ซั่งกวนลู่เอ่ยถึงไม่นานมานี้ว่าน้องสาวสองคนได้แต่งกายเป็นสาวใช้ หรือว่าจะเป็นพวกนาง? หากเป็นเช่นนั้น จิงอิ๋งก็คงจะมีความรู้สึกดีๆ กับซย่าจื่อชิงผู้นี้เช่นกัน…

“พี่ใหญ่ซั่งกวน?” จางอี๋หยางกระตุกยิ้มที่มุมปาก จากการกระทำของซย่าจื่อชิงก็เพียงพอให้เขาถูกคัดออกไปแล้ว ยังคิดจะมาแย่งกับตัวเอง? ช่างไม่เจียมตัวเสียจริง

“ข้าคิดว่าเรื่องนี้รอให้ข้าถามจากน้องสาวทั้งสองก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด!” ซั่งกวนเจวี๋ยเผยยิ้มเล็กน้อย “หากพวกนางคิดว่ามีความจำเป็น ข้าก็จะให้พวกเจ้าพบกัน หากพวกนางได้ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องพบ ทั้งสองคนคิดว่าเป็นอย่างไร?”

“เอาตามที่พี่ใหญ่ซั่งกวนว่าเถิด!” จางอี๋หยางจนใจอยู่บ้าง ด้านซย่าจื่อชิงกลับมีความกระวนกระวายใจอยู่เล็กน้อย แต่ทั้งสองคนก็ทำได้เพียงว่าตามการจัดการของซั่งกวนเจวี๋ยเท่านั้น

———————————-

[1] ข้ามแม่น้ำแล้ว รื้อสะพานทิ้ง อุปมาว่า พอบรรลุเป้าหมายแล้ว ก็ถีบหัวส่งผู้ช่วยเหลือ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+