เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 198 พบพ่อตา

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 198 พบพ่อตา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทั่วป๋าเชียนเย่ามาถึงหน้าประตู เขาได้รับการต้อนรับจากซั่งกวนจิ่น เมื่อเห็นทั่วป๋าเชียนเย่า ซั่งกวนจิ่นย่อมมีใบหน้ายิ้มแย้มตามมารยาท น้อมตัวประสานมือโค้งคำนับแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นายท่านทั่วป๋า ท่านมาแล้ว! ทั้งฮูหยินใหญ่ นายท่านและนายน้อยรอคอยท่านให้เกียรติมาอยู่ที่หอสาลี่หิมะขอรับ!”

ทั่วป๋าเชียนเย่าหัวใจเต้นระรัว ซั่งกวนฮ่าวกลับมาแล้ว? เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อใด? แต่เขายังคงใบหน้าเปื้อนยิ้มพลางกล่าวว่า “มีเรื่องใหญ่โตอะไรที่ตระกูลซั่งกวนต้องให้คนจำนวนมากมารวมตัวกันรอข้าล่ะ? พ่อบ้านจิ่น ช่วยบอกอะไรหน่อยได้ไหม?”

“เอ่อคือ…” ซั่งกวนจิ่นพูดอย่างค่อนข้างลำบากใจว่า “เป็นเรื่องนายน้อยของข้ากับคุณหนูฉินซิน นายท่านทั่วป๋าโปรดไปเยือนหอสาลี่หิมะด้วยขอรับ!”

นายน้อยของเขากับฉินซิน? ทั่วป๋าเชียนเย่าหลุบตาลงเล็กน้อย ปิดบังแสงที่กะพริบในดวงตา แล้วคลายหัวใจที่วิตกกังวลมาตลอดลงบ้าง…ดูท่ามันจะเกิดเรื่องแล้ว!

หอสาลี่หิมะในเรือนทางใต้ นั่นเป็นสถานที่ที่ทั่วป๋าซู่เยวี่ยจัดทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับทั่วป๋าฉินซินอยู่ที่เรือนทางใต้ นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ให้ทั่วป๋าฉินซินโดยเฉพาะ เกือบทุกคนที่มีมิตรภาพกับตระกูลซั่งกวนและตระกูลทั่วป๋าต่างรู้ว่า ทั่วป๋าฉินซินมีสถานที่พิเศษเฉพาะของนางในตระกูลซั่งกวน นางมีตำแหน่งที่ไม่เหมือนใครในตระกูลซั่งกวน…แน่นอนความแตกต่างนี้เป็นเรื่องตลกในสายตาของบางคน

ทั่วป๋าซู่เยวี่ยและพรรคพวกดำเนินการทำอะไรนั้นทั่วป๋าเชียนเย่ารู้ดีทีเดียว แต่ไม่ได้ออกความคิดเห็นหรือข้อเสนอ แนะใดๆ เขาผิดหวังกับผู้หญิงสองคนนี้จนถึงขีดสุด ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการกระทำของทั้งสองคนโดยตรงซึ่งมีอยู่เพียงเหตุผลเดียว…นั่นคือการดันทุรัง

ยามที่เขาได้รับข่าวจากทั่วป๋ามู่เย่นั้น เกือบจะทรุดล้มลงกับพื้น…เขาไม่แปลกใจที่ทั่วป๋าซู่เยวี่ยและทั่วป๋าฉินซินจะมีความคิดและทำอะไรที่ไม่สนใจสถานการณ์โดยรวมเลย อาจพูดได้ว่าทั่วป๋าซู่เยวี่ยยิ่งอายุมากขึ้นเท่าใดก็ยิ่งเลอะเลือนมากขึ้นเท่านั้น หลังจากท่านผู้เฒ่าซั่งกวนเสียไป นับตั้งแต่ที่ซั่งกวนฮ่าวเข้ามาเป็นหัวหน้าตระกูล นางได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเรื่องใหญ่เรื่องเล็กก็แทบจะคล้อยตามมิมีปฏิเสธ ถือได้ว่าเป็นการตอบแทนนางที่แต่งเข้าตระกูลซั่งกวนมานานหลายปีและถูกท่านผู้เฒ่ามึนชาเสมอมา จนทำให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยหยิ่งผยองและไร้ยางอายมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ตระกูลทั่วป๋าได้รับประโยชน์มากมายเพราะนาง เขาจึงใกล้ชิดกับป้าคนนี้มากขึ้นก็หนีไม่พ้นมูลเหตุนี้

แต่เรื่องอย่างการแต่งทั่วป๋าฉินซินเข้าตระกูลซั่งกวนนั้นซั่งกวนฮ่าวได้รวมอยู่ในเรื่องสำคัญด้วย แต่การส่งคนไปโจมตีเรือนสดับวายุในตอนกลางคืนนั้นใหญ่หลวงยิ่งกว่า

บางทีอาจกล่าวได้ว่า ความเย่อหยิ่งโอหังเป็นนิสัยในช่วงหลายปีนี้ทำให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยลืมวันเวลาที่เคยกล้ำกลืนความโกรธแค้นแล้ว และลืมไปว่าอะไรคือความกลัว นอกจากนี้ยังพูดได้ว่าทั่วป๋าฉินซินขาดหลักทำนองคลองธรรม ไม่รู้ว่าอะไรคือการรู้จักบันยะบันยัง แต่ทั่วป๋ามู่เย่เขาล่ะ? เขาได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีจากตระกูลทั่วป๋า เพื่อเป็นคนประสานงานร่วมมือกับทุกกิจกรรมของทั่วป๋าซู่เยวี่ยในลี่โจวเชียว! ไม่รู้ว่าด้วยจุดประสงค์อันใด เขาตรงไปสังหารและลอบวางเพลิงที่เรือนอีกแห่งของตระกูลซั่งกวน มันจะกลายเป็นศัตรูกับตระกูลซั่งกวนโดยตรง แต่หากไม่ใช่เหตุสุดวิสัยหรือไม่ได้ตัดสินใจจะเป็นปรปักษ์กับตระกูลซั่งกวน จะไม่ใช้ลูกไม้เช่นนี้ หรือจะบอกว่าเขาเป็นคนงี่เง่าเอาแต่สุขสบายไปตามลมตามน้ำในเวลาช่วงนี้? คิดว่ามีทั่วป๋าซู่เยวี่ย ตระกูลซั่งกวนจะทนกับตระกูลทั่วป๋าโดยไม่รู้เส้นสนกลในเลยหรือ? ช่างไร้เดียงสานัก!

ในขณะที่เขาขอให้ทั่วป๋ามู่เย่อย่าทำผลีผลาม เขาจึงเร่งรีบมาพร้อมกับของขวัญที่เตรียมไว้สำหรับงานแต่งงานของ

หลิงหลง เขาเชื่อสนิทใจว่า หากพวกนางทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมอันใดอีก ซั่งกวนเจวี๋ยผู้มีกำลังวังชาหนุ่มแน่นจะหักหน้าโดยถอนกองกำลังทั้งหมดของตระกูลทั่วป๋าออกจากลี่โจว ปล่อยให้ตระกูลทั่วป๋าที่ทุ่มเททำงานหนักมาหลายปีอันตรธานสูญเปล่าไป และสำหรับทั่วป๋าฉินซิน ลูกสาวคนนี้ที่ถูกตามใจจนโตขึ้นก็เสียคนมาตลอด เขาไม่ได้มีความหวังอีกต่อไปแล้ว

จากที่ทั่วป๋าฉินซินถูกเรียกว่า ‘นางมารดอกสาลี่’ และเรื่องอื้อฉาวที่แพร่กระจายไปทั่วเป็นระลอกนั้น ทั่วป๋าเชียนเย่าก็พร้อมจะละทิ้งลูกสาวคนนี้ได้ทุกเมื่อแล้ว ไม่ว่านางจะยุยงให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยสร้างความอับอายให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์หรือต่อมาก็คุกคามและล่อลวงด้วยกลอุบายทั้งหลาย ล้วนเป็นกลวิธีที่โง่เขลาเบาปัญญาไม่น่าให้อภัย หลังจากการกระทำเหล่านี้ถูกเปิดเผย นางไม่เพียงชื่อเสียงเหม็นฉาวโฉ่เท่านั้น แต่ยังทำให้ตระกูลทั่วป๋าและผู้หญิงทุกคนในตระกูลทั่วป๋ารับเคราะห์ไปด้วย หญิงสาวที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ตระกูลไหนๆ ก็ไม่กล้าต้องการ ยามที่คนเหล่านั้นเอ่ยถึง จะไม่พูดถึงทั่วป๋าฉินซินว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่จะพูดถึงคุณหนูของตระกูลทั่วป๋าว่าเป็นอย่างไรเท่านั้น คุณหนูของตระกูลทั่วป๋าทั้งที่แต่งงานแล้วและคุณหนูที่ยังไม่ได้ออกเรือนจะถูกติดร่างแหไปกับพวกนางทั้งสองคนด้วย

มีเพียงสองวิธีที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้สงบลง วิธีแรกคือให้ทั่วป๋าฉินซินแต่งงานกับลูกหลานของตระกูลชั้นสูงอื่นๆ ที่มีประวัติสูงส่งและเต็มใจจะแต่งงานกับนางในทันที จากนั้นจึงสร้างเรื่องราวความรักระหว่างทั้งสองคน เพื่อกลบข่าวลือในครั้งนี้ วิธีที่สองให้นางแต่งกับซั่งกวนเจวี๋ยทันที ไม่สำคัญว่าจะเป็นภรรยาหรืออนุภรรยา สิ่งเหล่านั้นก็จะกลายเป็นเรื่องในบ้านของซั่งกวนเจวี๋ย กล่าวอีกนัยหนึ่งว่าเป็นศึกชิงความโปรดปรานของภรรยาและอนุภรรยาของซั่งกวนเจวี๋ย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลทั่วป๋ามากนัก

แต่เขาไม่สามารถหาลูกชายของตระกูลชนชั้นสูงที่เต็มใจจะแต่งงานกับทั่วป๋าฉินซินได้จริงๆ ต่อให้จะไม่ใช่แปดตระกูลใหญ่ก็ตาม แต่ลูกชายของตระกูลชนชั้นสูงอันดับรองเหล่านั้น มีท่าทีต่อทั่วป๋าฉินซินเพียงอย่างเดียว…คือเคารพและขออยู่ห่างๆ ดังนั้นเขามีทางเลือกที่สองเท่านั้น จึงต้องทำทุกวิถีทางให้ทั่วป๋าฉินซินแต่งกับซั่งกวนเจวี๋ย

เขาตระหนักถึงการเคลื่อนไหวของทั่วป๋าซู่เยวี่ยและพรรคพวก เขาจึงจงใจปรากฏตัวในวันนี้!

ทั่วป๋าซู่เยวี่ย ‘จับชู้สาวบนเตียง’ ในตอนเช้า หลังจากนั้นเขาก็มาเป็นสักขีพยานในเหตุการณ์ ไม่ว่าซั่งกวนเจวี๋ยจะพอใจหรือไม่ ก็ต้องให้สถานะกับทั่วป๋าฉินซิน ให้เหมาะกับฐานะลูกสาวของตระกูลชนชั้นสูง ยอมถ้อยทีถ้อยอาศัย จะกล่าวได้ว่าแม้ตระกูลซั่งกวนจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมด พิสูจน์ได้ว่าทั่วป๋าฉินซินวางยาซั่งกวนเจวี๋ย กระนั้นซั่งกวนเจวี๋ยก็มิได้หลบหน้าบอกปัด นี่คือความรับผิดชอบขั้นพื้นฐานที่สุดของลูกผู้ชายอกสามศอก

อย่างไรก็ตาม ทั่วป๋าเชียนเย่าไม่มั่นใจเลย…ผู้หญิงที่โง่เขลาสองคนนั้นมีความสามารถเปลี่ยนปาฏิหาริย์ให้กลายเป็นความเสื่อมโทรม สิ่งดีงามอาจกลายเป็นสิ่งเลวร้ายเมื่อยู่ในมือของพวกนาง แล้วเรื่องเลวร้ายเช่นนี้เล่า? มันจะไม่กลายเป็น

เหตุการณ์เลวร้ายที่ควบคุมหรือ? แต่บัดนี้คำพูดของซั่งกวนจิ่นทำให้เขารู้สึกกังวลใจ ทั่วป๋าเชียนเย่าผู้น่าสงสารและฉลาดเกิดสับสนในช่วงเวลาวิกฤตนี้ นายน้อยของตระกูลซั่งกวนดูจะไม่ใช่ซั่งกวนเจวี๋ย!

“เกิดอะไรขึ้นกับฉินซิน?” ทั่วป๋าเชียนเย่าเอ่ยถามอย่างร้อนใจขณะที่เดินไปพลางว่า “ข้าได้ยินข่าวลือล่าสุดเมื่อเพิ่งมาถึงลี่โจวหยกๆ ไม่รู้ว่าควรเชื่อเรื่องนินทากาเลพวกนั้นหรือไม่ ฉินซินเป็นลูกสาวที่ข้าเลี้ยงดูประคบประหงมตามใจมาตลอด ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าจะพูดอย่างไร!”

“คุณหนูฉินซินกับนายน้อยเมื่อคืน แค่กๆ…เอ่อ…อยู่ด้วยกันขอรับ!” ซั่งกวนจิ่นเจตนาพูดอย่างคลุมเครือ เผยให้เห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนใจเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เช้าตรู่วันนี้ บรรดานายท่านก็ได้ยินข่าวลือไม่ดีบางอย่างเช่นกัน จึงรีบร้อนเดินทางทั้งคืนกลับลี่โจว ไม่คาดคิดว่าพอเข้าประตูเรือน ยังไม่ทันจะได้ดื่มชาสักถ้วย จังหวะนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของคุณหนูฉินซิน…เฮ้อ…นายท่านทั่วป๋า ท่านก็เตรียมใจไว้บ้างเถิดขอรับ!”

“เจ้าหมายความว่าฉินซินกับเจวี๋ยเอ๋อร์ ชายหญิงอยู่ห้องเดียวกันตามลำพังทั้งคืนหรือ?” ทั่วป๋าเชียนเย่ากล่าวด้วยความประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก

“ฮูหยินใหญ่มาถึงก่อน เห็นนายน้อยเดินอาภรณ์หลุดลุ่ยออกมาจากห้องของคุณหนูฉินซิน ฮูหยินใหญ่ไม่ทันตั้งตัวก็…แต่นายท่านรีบพาพวกเรากลับมาจึงชนกระแทกกันพอดี นายท่านของข้าก็ลำบากใจมาก…” ซั่งกวนจิ่นถอนหายใจแล้วพูดต่อว่า “เรื่องนี้ออกคำสั่งปิดปากได้ไม่ยาก แต่เป็นเรื่องชื่อเสียงของคุณหนูฉินซิน ปรึกษากับท่านได้จะเป็นการดีที่สุด!”

“น้องฮ่าวตั้งใจจะเปลี่ยนเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือ?” ทั่วป๋าเชียนเย่าชะงักฝีเท้า มองซั่งกวนจิ่นอย่างไม่พอใจ หากเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องปรากฏตัว

“ไม่ใช่แน่นอนขอรับ” ซั่งกวนจิ่นส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “นายท่านของข้าย่อมหวังจะเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นงานมงคล แต่งคุณหนูฉินซินเข้าเรือนอย่างถูกต้องตามประเพณี ปัญหาตอนนี้ไม่ใช่เรื่องอื่น แต่กังวลว่าคุณหนูฉินซินไม่เต็มใจที่ถูกเสียหน้าเช่นนั้น อีกอย่าง เมื่อคืนที่ผ่านมา ไม่แน่คุณหนูฉินซินอาจจะ…แล้วก็ได้ ฤกษ์แต่งงานดีที่สุดคือเลือกวันมงคลในช่วงนี้ แต่งานแต่งระหว่างคุณหนูหลิงหลงกับนายน้อยสามของตระกูลชุยก็จวนใกล้เข้ามาทุกขณะ เกรงว่าแม้แต่งานมงคลสมรสก็จะจัดเตรียมชักช้าไม่ได้ มิฉะนั้นจะยิ่งทำให้คุณหนูฉินซินน้อยเนื้อต่ำใจยิ่งขึ้น!”

“เมื่อพูดเช่นนั้นน้องฮ่าวยินดีจะรับฉินซินเข้าตระกูลซั่งกวนหรือ?” ทั่วป๋าเชียนเย่ามักจะรู้สึกแปลกๆ อยู่บ่อยครั้ง แม้ซั่งกวนฮ่าวจะไม่เคยแสดงความคิดเห็น แต่นี่ก็หมายความว่าเขาไม่ชอบฉินซินเสียแล้ว ยิ่งไม่เต็มใจจะให้ตระกูลซั่งกวนเกี่ยวดองกับตระกูลทั่วป๋ากันอีกครั้ง หรือเขาแค่ไม่อยากมีนายหญิงแซ่ทั่วป๋าโผล่ขึ้นมาในตระกูลซั่งกวนอีก จึงไม่ใช่ว่าไม่ยอมรับฉินซิน?

“แน่นอนขอรับ!” ซั่งกวนจิ่นตอบอย่างที่ควรจะเป็น ตราบใดที่ทั่วป๋าฉินซินไม่ได้แต่งกับซั่งกวนเจวี๋ย ซั่งกวนฮ่าวจะไม่คัดค้าน นับประสาอะไรกับเหตุผลจะคัดค้าน! เมื่อลูกนอกสมรสของตระกูลซั่งกวนแต่งงาน จะมีทางเลือกสองทาง ทางหนึ่งคือตระกูลมอบทรัพย์สินให้สร้างเนื้อสร้างตัว ยกเว้นงานเทศกาล งานมหามงคลและงานศพแล้ว หากหัวหน้าตระกูลไม่ได้เรียกร้องอัญเชิญใดๆ ก็จะไม่อนุญาตให้กลับเข้าจวนชั้นในโดยพลการ เว้นแต่พวกเขามารับมารดาผู้ให้กำเนิดไปได้ ส่วนอีกทางหนึ่งคือหัวหน้าตระกูลและลูกชายคนโตเรียกกลับมาใช้งานอีกครั้งได้ ยังคงอาศัยอยู่ในจวนชั้นในได้ดังเดิม ลูกนอกสมรสส่วนใหญ่จะเลือกวิธีแรก น้องชายที่เป็นลูกนอกสมรสเหล่านั้นของซั่งกวนฮ่าวก็จัดการด้วยวิธีนี้ พวกเขายังรับมารดาผู้ให้กำเนิดไปเลี้ยงดูเองอีกด้วย ซั่งกวนอวี่ไข่ก็เดาว่าจะเป็นเช่นเดียวกัน

“ตราบใดที่น้องฮ่าวเต็มใจจะรับแต่งฉินซินเข้ามา แล้วข้าในฐานะพ่อจะพูดอะไรได้!” ทั่วป๋าเชียนเย่ามักจะรู้สึกว่าเรื่องราวดูเรียบง่ายและสั้นห้วนเกินไป ทั่วป๋ามู่เย่บอกว่า ภรรยาเอกของซั่งกวนเจวี๋ยตั้งท้องอยู่แล้ว ในเวลานี้ ผู้ชายของตระกูลซั่งกวนโดยพื้นฐานแล้วจะมีทัศนคติอย่างหนึ่ง นั่นคือใจจดใจจ่อรอให้ลูกคลอด ไม่ต้องพูดถึงการแต่งภรรยารองรับอนุภรรยาหรือเมียบ่าว แม้แต่การเที่ยวผู้หญิงหาเศษหาเลยอย่างที่ทำบ่อยครั้งก็ไม่ได้ หรือเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นมีปูมหลังต่ำต้อยเสียจนตระกูลซั่งกวนไม่ต้องพะว้าพะวัง?

“ถ้าท่านกล่าวเช่นนี้นายท่านของข้าก็โล่งใจขอรับ!” ซั่งกวนจิ่นจงใจสร้างความสับสนและเข้าใจผิดด้วยคำพูดของ ทั่วป๋าเชียนเย่าประโยคนี้ แล้วพูดกลั้วหัวเราะว่า “ชายหญิงเมื่ออายุเหมาะสมก็ควรจะแต่งงาน คุณหนูฉินซินออกเรือนตอนนี้ไม่ถือว่าเร็วเกินไป”

“มันใช่อยู่แล้ว” ทั่วป๋าเชียนเย่าหัวเราะระรื่น สลัดทิ้งความรู้สึกไม่สบายใจออกไป แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ว่ากันว่าสตรีเมื่อถึงวัยแล้วก็ควรออกเรือน ไม่ควรอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ถ้าฉินซินไม่แต่งงานอีกล่ะก็ มันจะถึงวัยที่ต้องเสียใจ”

“พี่เชียนเย่าในที่สุดเจ้าก็มาถึงจนได้!” ซั่งกวนฮ่าวรออยู่ที่หน้าประตูของหอสาลี่หิมะตั้งนานแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าไปหาทั้งสองคนและทักทายทันที แย้มยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้มีเวลาออกไปเที่ยวข้างนอก มีบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นที่จวน เมื่อกลับถึงบ้านก็ไม่ทันตั้งตัว ข้าไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปากพูดกับเจ้าอย่างไรเลย”

“ข้าฟังพ่อบ้านจิ่นอธิบายมาบ้างแล้ว!” ทั่วป๋าเชียนเย่ายิ้มอย่างเว้าวอนแล้วพูดว่า “เรื่องของคนหนุ่มสาวบางครั้งจะเป็นแบบนี้ พวกเราพ่อแม่ทำได้แค่ตามล้างตามเช็ดให้พวกเขาก็เท่านั้น!”

“แต่ข้ายังต้องตำหนิเจ้าสักหน่อย!” ซั่งกวนฮ่าวทอดถอนใจพูดว่า “แม้จะบอกว่าผู้หญิงจะเสียเปรียบเล็กน้อยจากเรื่องแบบนี้ แต่ฉินซิน…โถ ไม่ว่าอย่างไร ลูกหลานก็ย่อมมีความสุขของเขาเอง พวกเราจึงทำได้แค่นี้! พี่เชียนเย่า โปรดยกลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าให้แต่งงานกับลูกเนรคุณที่ไม่เป็นโล้เป็นพายของข้าด้วย!”

ทั่วป๋าเชียนเย่าไม่สนผิวหน้าที่ร้อนขึ้นมานิดหน่อย หัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดว่า “ไหนๆ น้องฮ่าวยินดีจะยอมรับฉินซิน ไหนเลยข้าจะไม่เห็นด้วย!”

“ดีจริงเชียว!” ซั่งกวนฮ่าวหันกลับมาตะโกนว่า “เจ้าลูกเนรคุณ ยังไม่ออกมาโขกหัวคำนับพ่อตาอีก!”

ทั่วป๋าเชียนเย่าคลี่ยิ้มเล็กน้อย เรื่องราวคืบหน้าราบรื่นจนเขาประหลาดใจ แต่ก็ไม่สำคัญอันใดแล้ว ที่สำคัญคือฉินซิน แต่งเข้าตระกูลซั่งกวนได้ในที่สุด!

แต่…เขาอดขยี้ตาไม่ได้ ทำไมเขาถึงเห็นซั่งกวนอวี่ไข่ที่ผ้าผ่อนไม่เรียบร้อย แทนที่จะเป็นซั่งกวนเจวี๋ยเสียได้?

——————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 198 พบพ่อตา

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 198 พบพ่อตา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทั่วป๋าเชียนเย่ามาถึงหน้าประตู เขาได้รับการต้อนรับจากซั่งกวนจิ่น เมื่อเห็นทั่วป๋าเชียนเย่า ซั่งกวนจิ่นย่อมมีใบหน้ายิ้มแย้มตามมารยาท น้อมตัวประสานมือโค้งคำนับแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นายท่านทั่วป๋า ท่านมาแล้ว! ทั้งฮูหยินใหญ่ นายท่านและนายน้อยรอคอยท่านให้เกียรติมาอยู่ที่หอสาลี่หิมะขอรับ!”

ทั่วป๋าเชียนเย่าหัวใจเต้นระรัว ซั่งกวนฮ่าวกลับมาแล้ว? เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อใด? แต่เขายังคงใบหน้าเปื้อนยิ้มพลางกล่าวว่า “มีเรื่องใหญ่โตอะไรที่ตระกูลซั่งกวนต้องให้คนจำนวนมากมารวมตัวกันรอข้าล่ะ? พ่อบ้านจิ่น ช่วยบอกอะไรหน่อยได้ไหม?”

“เอ่อคือ…” ซั่งกวนจิ่นพูดอย่างค่อนข้างลำบากใจว่า “เป็นเรื่องนายน้อยของข้ากับคุณหนูฉินซิน นายท่านทั่วป๋าโปรดไปเยือนหอสาลี่หิมะด้วยขอรับ!”

นายน้อยของเขากับฉินซิน? ทั่วป๋าเชียนเย่าหลุบตาลงเล็กน้อย ปิดบังแสงที่กะพริบในดวงตา แล้วคลายหัวใจที่วิตกกังวลมาตลอดลงบ้าง…ดูท่ามันจะเกิดเรื่องแล้ว!

หอสาลี่หิมะในเรือนทางใต้ นั่นเป็นสถานที่ที่ทั่วป๋าซู่เยวี่ยจัดทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับทั่วป๋าฉินซินอยู่ที่เรือนทางใต้ นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ให้ทั่วป๋าฉินซินโดยเฉพาะ เกือบทุกคนที่มีมิตรภาพกับตระกูลซั่งกวนและตระกูลทั่วป๋าต่างรู้ว่า ทั่วป๋าฉินซินมีสถานที่พิเศษเฉพาะของนางในตระกูลซั่งกวน นางมีตำแหน่งที่ไม่เหมือนใครในตระกูลซั่งกวน…แน่นอนความแตกต่างนี้เป็นเรื่องตลกในสายตาของบางคน

ทั่วป๋าซู่เยวี่ยและพรรคพวกดำเนินการทำอะไรนั้นทั่วป๋าเชียนเย่ารู้ดีทีเดียว แต่ไม่ได้ออกความคิดเห็นหรือข้อเสนอ แนะใดๆ เขาผิดหวังกับผู้หญิงสองคนนี้จนถึงขีดสุด ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการกระทำของทั้งสองคนโดยตรงซึ่งมีอยู่เพียงเหตุผลเดียว…นั่นคือการดันทุรัง

ยามที่เขาได้รับข่าวจากทั่วป๋ามู่เย่นั้น เกือบจะทรุดล้มลงกับพื้น…เขาไม่แปลกใจที่ทั่วป๋าซู่เยวี่ยและทั่วป๋าฉินซินจะมีความคิดและทำอะไรที่ไม่สนใจสถานการณ์โดยรวมเลย อาจพูดได้ว่าทั่วป๋าซู่เยวี่ยยิ่งอายุมากขึ้นเท่าใดก็ยิ่งเลอะเลือนมากขึ้นเท่านั้น หลังจากท่านผู้เฒ่าซั่งกวนเสียไป นับตั้งแต่ที่ซั่งกวนฮ่าวเข้ามาเป็นหัวหน้าตระกูล นางได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเรื่องใหญ่เรื่องเล็กก็แทบจะคล้อยตามมิมีปฏิเสธ ถือได้ว่าเป็นการตอบแทนนางที่แต่งเข้าตระกูลซั่งกวนมานานหลายปีและถูกท่านผู้เฒ่ามึนชาเสมอมา จนทำให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยหยิ่งผยองและไร้ยางอายมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ตระกูลทั่วป๋าได้รับประโยชน์มากมายเพราะนาง เขาจึงใกล้ชิดกับป้าคนนี้มากขึ้นก็หนีไม่พ้นมูลเหตุนี้

แต่เรื่องอย่างการแต่งทั่วป๋าฉินซินเข้าตระกูลซั่งกวนนั้นซั่งกวนฮ่าวได้รวมอยู่ในเรื่องสำคัญด้วย แต่การส่งคนไปโจมตีเรือนสดับวายุในตอนกลางคืนนั้นใหญ่หลวงยิ่งกว่า

บางทีอาจกล่าวได้ว่า ความเย่อหยิ่งโอหังเป็นนิสัยในช่วงหลายปีนี้ทำให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยลืมวันเวลาที่เคยกล้ำกลืนความโกรธแค้นแล้ว และลืมไปว่าอะไรคือความกลัว นอกจากนี้ยังพูดได้ว่าทั่วป๋าฉินซินขาดหลักทำนองคลองธรรม ไม่รู้ว่าอะไรคือการรู้จักบันยะบันยัง แต่ทั่วป๋ามู่เย่เขาล่ะ? เขาได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีจากตระกูลทั่วป๋า เพื่อเป็นคนประสานงานร่วมมือกับทุกกิจกรรมของทั่วป๋าซู่เยวี่ยในลี่โจวเชียว! ไม่รู้ว่าด้วยจุดประสงค์อันใด เขาตรงไปสังหารและลอบวางเพลิงที่เรือนอีกแห่งของตระกูลซั่งกวน มันจะกลายเป็นศัตรูกับตระกูลซั่งกวนโดยตรง แต่หากไม่ใช่เหตุสุดวิสัยหรือไม่ได้ตัดสินใจจะเป็นปรปักษ์กับตระกูลซั่งกวน จะไม่ใช้ลูกไม้เช่นนี้ หรือจะบอกว่าเขาเป็นคนงี่เง่าเอาแต่สุขสบายไปตามลมตามน้ำในเวลาช่วงนี้? คิดว่ามีทั่วป๋าซู่เยวี่ย ตระกูลซั่งกวนจะทนกับตระกูลทั่วป๋าโดยไม่รู้เส้นสนกลในเลยหรือ? ช่างไร้เดียงสานัก!

ในขณะที่เขาขอให้ทั่วป๋ามู่เย่อย่าทำผลีผลาม เขาจึงเร่งรีบมาพร้อมกับของขวัญที่เตรียมไว้สำหรับงานแต่งงานของ

หลิงหลง เขาเชื่อสนิทใจว่า หากพวกนางทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมอันใดอีก ซั่งกวนเจวี๋ยผู้มีกำลังวังชาหนุ่มแน่นจะหักหน้าโดยถอนกองกำลังทั้งหมดของตระกูลทั่วป๋าออกจากลี่โจว ปล่อยให้ตระกูลทั่วป๋าที่ทุ่มเททำงานหนักมาหลายปีอันตรธานสูญเปล่าไป และสำหรับทั่วป๋าฉินซิน ลูกสาวคนนี้ที่ถูกตามใจจนโตขึ้นก็เสียคนมาตลอด เขาไม่ได้มีความหวังอีกต่อไปแล้ว

จากที่ทั่วป๋าฉินซินถูกเรียกว่า ‘นางมารดอกสาลี่’ และเรื่องอื้อฉาวที่แพร่กระจายไปทั่วเป็นระลอกนั้น ทั่วป๋าเชียนเย่าก็พร้อมจะละทิ้งลูกสาวคนนี้ได้ทุกเมื่อแล้ว ไม่ว่านางจะยุยงให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยสร้างความอับอายให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์หรือต่อมาก็คุกคามและล่อลวงด้วยกลอุบายทั้งหลาย ล้วนเป็นกลวิธีที่โง่เขลาเบาปัญญาไม่น่าให้อภัย หลังจากการกระทำเหล่านี้ถูกเปิดเผย นางไม่เพียงชื่อเสียงเหม็นฉาวโฉ่เท่านั้น แต่ยังทำให้ตระกูลทั่วป๋าและผู้หญิงทุกคนในตระกูลทั่วป๋ารับเคราะห์ไปด้วย หญิงสาวที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ตระกูลไหนๆ ก็ไม่กล้าต้องการ ยามที่คนเหล่านั้นเอ่ยถึง จะไม่พูดถึงทั่วป๋าฉินซินว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่จะพูดถึงคุณหนูของตระกูลทั่วป๋าว่าเป็นอย่างไรเท่านั้น คุณหนูของตระกูลทั่วป๋าทั้งที่แต่งงานแล้วและคุณหนูที่ยังไม่ได้ออกเรือนจะถูกติดร่างแหไปกับพวกนางทั้งสองคนด้วย

มีเพียงสองวิธีที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้สงบลง วิธีแรกคือให้ทั่วป๋าฉินซินแต่งงานกับลูกหลานของตระกูลชั้นสูงอื่นๆ ที่มีประวัติสูงส่งและเต็มใจจะแต่งงานกับนางในทันที จากนั้นจึงสร้างเรื่องราวความรักระหว่างทั้งสองคน เพื่อกลบข่าวลือในครั้งนี้ วิธีที่สองให้นางแต่งกับซั่งกวนเจวี๋ยทันที ไม่สำคัญว่าจะเป็นภรรยาหรืออนุภรรยา สิ่งเหล่านั้นก็จะกลายเป็นเรื่องในบ้านของซั่งกวนเจวี๋ย กล่าวอีกนัยหนึ่งว่าเป็นศึกชิงความโปรดปรานของภรรยาและอนุภรรยาของซั่งกวนเจวี๋ย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลทั่วป๋ามากนัก

แต่เขาไม่สามารถหาลูกชายของตระกูลชนชั้นสูงที่เต็มใจจะแต่งงานกับทั่วป๋าฉินซินได้จริงๆ ต่อให้จะไม่ใช่แปดตระกูลใหญ่ก็ตาม แต่ลูกชายของตระกูลชนชั้นสูงอันดับรองเหล่านั้น มีท่าทีต่อทั่วป๋าฉินซินเพียงอย่างเดียว…คือเคารพและขออยู่ห่างๆ ดังนั้นเขามีทางเลือกที่สองเท่านั้น จึงต้องทำทุกวิถีทางให้ทั่วป๋าฉินซินแต่งกับซั่งกวนเจวี๋ย

เขาตระหนักถึงการเคลื่อนไหวของทั่วป๋าซู่เยวี่ยและพรรคพวก เขาจึงจงใจปรากฏตัวในวันนี้!

ทั่วป๋าซู่เยวี่ย ‘จับชู้สาวบนเตียง’ ในตอนเช้า หลังจากนั้นเขาก็มาเป็นสักขีพยานในเหตุการณ์ ไม่ว่าซั่งกวนเจวี๋ยจะพอใจหรือไม่ ก็ต้องให้สถานะกับทั่วป๋าฉินซิน ให้เหมาะกับฐานะลูกสาวของตระกูลชนชั้นสูง ยอมถ้อยทีถ้อยอาศัย จะกล่าวได้ว่าแม้ตระกูลซั่งกวนจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมด พิสูจน์ได้ว่าทั่วป๋าฉินซินวางยาซั่งกวนเจวี๋ย กระนั้นซั่งกวนเจวี๋ยก็มิได้หลบหน้าบอกปัด นี่คือความรับผิดชอบขั้นพื้นฐานที่สุดของลูกผู้ชายอกสามศอก

อย่างไรก็ตาม ทั่วป๋าเชียนเย่าไม่มั่นใจเลย…ผู้หญิงที่โง่เขลาสองคนนั้นมีความสามารถเปลี่ยนปาฏิหาริย์ให้กลายเป็นความเสื่อมโทรม สิ่งดีงามอาจกลายเป็นสิ่งเลวร้ายเมื่อยู่ในมือของพวกนาง แล้วเรื่องเลวร้ายเช่นนี้เล่า? มันจะไม่กลายเป็น

เหตุการณ์เลวร้ายที่ควบคุมหรือ? แต่บัดนี้คำพูดของซั่งกวนจิ่นทำให้เขารู้สึกกังวลใจ ทั่วป๋าเชียนเย่าผู้น่าสงสารและฉลาดเกิดสับสนในช่วงเวลาวิกฤตนี้ นายน้อยของตระกูลซั่งกวนดูจะไม่ใช่ซั่งกวนเจวี๋ย!

“เกิดอะไรขึ้นกับฉินซิน?” ทั่วป๋าเชียนเย่าเอ่ยถามอย่างร้อนใจขณะที่เดินไปพลางว่า “ข้าได้ยินข่าวลือล่าสุดเมื่อเพิ่งมาถึงลี่โจวหยกๆ ไม่รู้ว่าควรเชื่อเรื่องนินทากาเลพวกนั้นหรือไม่ ฉินซินเป็นลูกสาวที่ข้าเลี้ยงดูประคบประหงมตามใจมาตลอด ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าจะพูดอย่างไร!”

“คุณหนูฉินซินกับนายน้อยเมื่อคืน แค่กๆ…เอ่อ…อยู่ด้วยกันขอรับ!” ซั่งกวนจิ่นเจตนาพูดอย่างคลุมเครือ เผยให้เห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนใจเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เช้าตรู่วันนี้ บรรดานายท่านก็ได้ยินข่าวลือไม่ดีบางอย่างเช่นกัน จึงรีบร้อนเดินทางทั้งคืนกลับลี่โจว ไม่คาดคิดว่าพอเข้าประตูเรือน ยังไม่ทันจะได้ดื่มชาสักถ้วย จังหวะนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของคุณหนูฉินซิน…เฮ้อ…นายท่านทั่วป๋า ท่านก็เตรียมใจไว้บ้างเถิดขอรับ!”

“เจ้าหมายความว่าฉินซินกับเจวี๋ยเอ๋อร์ ชายหญิงอยู่ห้องเดียวกันตามลำพังทั้งคืนหรือ?” ทั่วป๋าเชียนเย่ากล่าวด้วยความประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก

“ฮูหยินใหญ่มาถึงก่อน เห็นนายน้อยเดินอาภรณ์หลุดลุ่ยออกมาจากห้องของคุณหนูฉินซิน ฮูหยินใหญ่ไม่ทันตั้งตัวก็…แต่นายท่านรีบพาพวกเรากลับมาจึงชนกระแทกกันพอดี นายท่านของข้าก็ลำบากใจมาก…” ซั่งกวนจิ่นถอนหายใจแล้วพูดต่อว่า “เรื่องนี้ออกคำสั่งปิดปากได้ไม่ยาก แต่เป็นเรื่องชื่อเสียงของคุณหนูฉินซิน ปรึกษากับท่านได้จะเป็นการดีที่สุด!”

“น้องฮ่าวตั้งใจจะเปลี่ยนเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือ?” ทั่วป๋าเชียนเย่าชะงักฝีเท้า มองซั่งกวนจิ่นอย่างไม่พอใจ หากเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องปรากฏตัว

“ไม่ใช่แน่นอนขอรับ” ซั่งกวนจิ่นส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “นายท่านของข้าย่อมหวังจะเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นงานมงคล แต่งคุณหนูฉินซินเข้าเรือนอย่างถูกต้องตามประเพณี ปัญหาตอนนี้ไม่ใช่เรื่องอื่น แต่กังวลว่าคุณหนูฉินซินไม่เต็มใจที่ถูกเสียหน้าเช่นนั้น อีกอย่าง เมื่อคืนที่ผ่านมา ไม่แน่คุณหนูฉินซินอาจจะ…แล้วก็ได้ ฤกษ์แต่งงานดีที่สุดคือเลือกวันมงคลในช่วงนี้ แต่งานแต่งระหว่างคุณหนูหลิงหลงกับนายน้อยสามของตระกูลชุยก็จวนใกล้เข้ามาทุกขณะ เกรงว่าแม้แต่งานมงคลสมรสก็จะจัดเตรียมชักช้าไม่ได้ มิฉะนั้นจะยิ่งทำให้คุณหนูฉินซินน้อยเนื้อต่ำใจยิ่งขึ้น!”

“เมื่อพูดเช่นนั้นน้องฮ่าวยินดีจะรับฉินซินเข้าตระกูลซั่งกวนหรือ?” ทั่วป๋าเชียนเย่ามักจะรู้สึกแปลกๆ อยู่บ่อยครั้ง แม้ซั่งกวนฮ่าวจะไม่เคยแสดงความคิดเห็น แต่นี่ก็หมายความว่าเขาไม่ชอบฉินซินเสียแล้ว ยิ่งไม่เต็มใจจะให้ตระกูลซั่งกวนเกี่ยวดองกับตระกูลทั่วป๋ากันอีกครั้ง หรือเขาแค่ไม่อยากมีนายหญิงแซ่ทั่วป๋าโผล่ขึ้นมาในตระกูลซั่งกวนอีก จึงไม่ใช่ว่าไม่ยอมรับฉินซิน?

“แน่นอนขอรับ!” ซั่งกวนจิ่นตอบอย่างที่ควรจะเป็น ตราบใดที่ทั่วป๋าฉินซินไม่ได้แต่งกับซั่งกวนเจวี๋ย ซั่งกวนฮ่าวจะไม่คัดค้าน นับประสาอะไรกับเหตุผลจะคัดค้าน! เมื่อลูกนอกสมรสของตระกูลซั่งกวนแต่งงาน จะมีทางเลือกสองทาง ทางหนึ่งคือตระกูลมอบทรัพย์สินให้สร้างเนื้อสร้างตัว ยกเว้นงานเทศกาล งานมหามงคลและงานศพแล้ว หากหัวหน้าตระกูลไม่ได้เรียกร้องอัญเชิญใดๆ ก็จะไม่อนุญาตให้กลับเข้าจวนชั้นในโดยพลการ เว้นแต่พวกเขามารับมารดาผู้ให้กำเนิดไปได้ ส่วนอีกทางหนึ่งคือหัวหน้าตระกูลและลูกชายคนโตเรียกกลับมาใช้งานอีกครั้งได้ ยังคงอาศัยอยู่ในจวนชั้นในได้ดังเดิม ลูกนอกสมรสส่วนใหญ่จะเลือกวิธีแรก น้องชายที่เป็นลูกนอกสมรสเหล่านั้นของซั่งกวนฮ่าวก็จัดการด้วยวิธีนี้ พวกเขายังรับมารดาผู้ให้กำเนิดไปเลี้ยงดูเองอีกด้วย ซั่งกวนอวี่ไข่ก็เดาว่าจะเป็นเช่นเดียวกัน

“ตราบใดที่น้องฮ่าวเต็มใจจะรับแต่งฉินซินเข้ามา แล้วข้าในฐานะพ่อจะพูดอะไรได้!” ทั่วป๋าเชียนเย่ามักจะรู้สึกว่าเรื่องราวดูเรียบง่ายและสั้นห้วนเกินไป ทั่วป๋ามู่เย่บอกว่า ภรรยาเอกของซั่งกวนเจวี๋ยตั้งท้องอยู่แล้ว ในเวลานี้ ผู้ชายของตระกูลซั่งกวนโดยพื้นฐานแล้วจะมีทัศนคติอย่างหนึ่ง นั่นคือใจจดใจจ่อรอให้ลูกคลอด ไม่ต้องพูดถึงการแต่งภรรยารองรับอนุภรรยาหรือเมียบ่าว แม้แต่การเที่ยวผู้หญิงหาเศษหาเลยอย่างที่ทำบ่อยครั้งก็ไม่ได้ หรือเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นมีปูมหลังต่ำต้อยเสียจนตระกูลซั่งกวนไม่ต้องพะว้าพะวัง?

“ถ้าท่านกล่าวเช่นนี้นายท่านของข้าก็โล่งใจขอรับ!” ซั่งกวนจิ่นจงใจสร้างความสับสนและเข้าใจผิดด้วยคำพูดของ ทั่วป๋าเชียนเย่าประโยคนี้ แล้วพูดกลั้วหัวเราะว่า “ชายหญิงเมื่ออายุเหมาะสมก็ควรจะแต่งงาน คุณหนูฉินซินออกเรือนตอนนี้ไม่ถือว่าเร็วเกินไป”

“มันใช่อยู่แล้ว” ทั่วป๋าเชียนเย่าหัวเราะระรื่น สลัดทิ้งความรู้สึกไม่สบายใจออกไป แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ว่ากันว่าสตรีเมื่อถึงวัยแล้วก็ควรออกเรือน ไม่ควรอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ถ้าฉินซินไม่แต่งงานอีกล่ะก็ มันจะถึงวัยที่ต้องเสียใจ”

“พี่เชียนเย่าในที่สุดเจ้าก็มาถึงจนได้!” ซั่งกวนฮ่าวรออยู่ที่หน้าประตูของหอสาลี่หิมะตั้งนานแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าไปหาทั้งสองคนและทักทายทันที แย้มยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้มีเวลาออกไปเที่ยวข้างนอก มีบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นที่จวน เมื่อกลับถึงบ้านก็ไม่ทันตั้งตัว ข้าไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปากพูดกับเจ้าอย่างไรเลย”

“ข้าฟังพ่อบ้านจิ่นอธิบายมาบ้างแล้ว!” ทั่วป๋าเชียนเย่ายิ้มอย่างเว้าวอนแล้วพูดว่า “เรื่องของคนหนุ่มสาวบางครั้งจะเป็นแบบนี้ พวกเราพ่อแม่ทำได้แค่ตามล้างตามเช็ดให้พวกเขาก็เท่านั้น!”

“แต่ข้ายังต้องตำหนิเจ้าสักหน่อย!” ซั่งกวนฮ่าวทอดถอนใจพูดว่า “แม้จะบอกว่าผู้หญิงจะเสียเปรียบเล็กน้อยจากเรื่องแบบนี้ แต่ฉินซิน…โถ ไม่ว่าอย่างไร ลูกหลานก็ย่อมมีความสุขของเขาเอง พวกเราจึงทำได้แค่นี้! พี่เชียนเย่า โปรดยกลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าให้แต่งงานกับลูกเนรคุณที่ไม่เป็นโล้เป็นพายของข้าด้วย!”

ทั่วป๋าเชียนเย่าไม่สนผิวหน้าที่ร้อนขึ้นมานิดหน่อย หัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดว่า “ไหนๆ น้องฮ่าวยินดีจะยอมรับฉินซิน ไหนเลยข้าจะไม่เห็นด้วย!”

“ดีจริงเชียว!” ซั่งกวนฮ่าวหันกลับมาตะโกนว่า “เจ้าลูกเนรคุณ ยังไม่ออกมาโขกหัวคำนับพ่อตาอีก!”

ทั่วป๋าเชียนเย่าคลี่ยิ้มเล็กน้อย เรื่องราวคืบหน้าราบรื่นจนเขาประหลาดใจ แต่ก็ไม่สำคัญอันใดแล้ว ที่สำคัญคือฉินซิน แต่งเข้าตระกูลซั่งกวนได้ในที่สุด!

แต่…เขาอดขยี้ตาไม่ได้ ทำไมเขาถึงเห็นซั่งกวนอวี่ไข่ที่ผ้าผ่อนไม่เรียบร้อย แทนที่จะเป็นซั่งกวนเจวี๋ยเสียได้?

——————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+