เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 227 ขอร้องอีกครั้ง

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 227 ขอร้องอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฉินซินน้อมคารวะฮูหยินใหญ่!” ทั่วป๋าฉินซินคำนับให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยอย่างเคารพนอบน้อม ทำให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพยักหน้ายิ้มอย่างพึงพอใจ ว่ากันว่าหลายวันมานี้ สองสามีภรรยาเข้ากันได้ไม่เลว แม้ว่าอวี่ไข่จะบ่นและไม่พอใจสินเดิมเจ้าสาวของตระ กูลทั่วป๋าอยู่บ้าง…หนึ่งร้อยสิบหกชั่งเท่ากัน แต่ในสินเดิมเจ้าสาวของมู่หรงชิงหวั่น เครื่องประดับอัญมณีต่างๆ ภาพอักษร และภาพวาดโบราณ ทั้งโฉนดที่ดินโฉนดบ้านกลับกินพื้นที่ไปมากกว่าหนึ่งส่วนสามเสียอีก ส่วนเครื่องเรือนหรูหราก็มีจำนวนมาก มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นเสื้อผ้าของสาวใช้แม่นมที่ติดตามชิงหวั่นเข้าตระกูลมา แต่ทั่วป๋าฉินซินกลับไม่เหมือนกัน พื้นที่และจำนวนของเครื่องเรือนเดิมทีก็มีไม่มาก แต่ภาพอักษรและภาพวาดโบราณ เครื่องประดับต่างๆ โฉนดบ้านโฉนดที่ดินกลับมีน้อยแค่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ทั้งสินเดิมของมู่หรงชิงหวั่นล้วนอัดมาอย่างเต็มเปี่ยม บางกล่องแค่เปิดออกสิ่งของก็ร่วงลงมาแล้ว คิดอยากจะปิดให้เป็นเหมือนเดิมนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ แต่ของทั่วป๋าฉินซินทุกกล่องกลับยัดของไว้เพียงแปดส่วนเท่านั้น เมื่อเปรียบ เทียบกันแล้ว มูลค่าของสินเดิมนางก็เกินมาครึ่งหนึ่งของชิงหวั่นเท่านั้น

แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เขาตกใจและรู้สึกไม่คาดฝันเป็นอย่างมากคือทั่วป๋าฉินซินแทบจะเก็บนิสัยเย่อหยิ่งและวางอำนาจของตนเองทิ้งไปอย่างสิ้นเชิง เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและเอาใจใส่ แม้จะกล่าวว่าคืนแรกของการแต่งงานจะฝืนให้ผ่านไปได้ แต่หลัง จากนั้นกลับทำให้เขาได้รับความรู้สึกอบอุ่นใจ ทั้งความหวานชื่นของคู่แต่งงานใหม่ ดังนั้น เรื่องที่ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจก็จะ

พยายามฝืนใจยอมรับไว้ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนตกอยู่ในหูตาของคนที่ทั่วป๋าซู่เยวี่ยส่งไปสอดแนม เมื่อข่าวถูกส่งกลับมาก็ทำให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพึงพอใจยิ่งนัก

“เหตุใดวันนี้จึงมีเวลาเข้ามาหายายแก่คนนี้ล่ะ?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยยิ้มอย่างชื่นมื่นมองทั่วป๋าฉินซิน “หลายวันมานี้พวกเจ้ายุ่งกับการต้อนรับแขกของแต่ละฝ่าย พรุ่งนี้จะเชิญคนจำนวนหนึ่งไปเป็นแขกที่บ้านใหม่ของพวกเจ้าอีก ยังยุ่งไม่พออย่างนั้นรึ?”

“จะยุ่งอย่างไรก็ไม่อาจลืมมาน้อมคารวะท่านได้หรอก” ฉินซินกล่าวอย่างกระเง้ากระงอด “หรือว่าจู่ๆ ฮูหยินใหญ่ก็รู้สึกว่าฉินซินขัดหูขัดตาขึ้นมา ไม่อยากจะพบฉินซินแล้ว?”

“จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ข้าหวังที่จะได้พบเจ้าทุกวันอยู่แล้ว” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยยิ้มแทบไม่เห็นดวงตา “หากพวกเจ้ารั้งตัวอยู่ในจวนได้ก็คงดี ทุกวันย่อมสามารถเข้ามาคุยเล่นกับยายแก่ที่ตัวคนเดียวอย่างข้า…จริงสิ พรุ่งนี้ข้าจะไปพูดกับฮ่าวเอ๋อร์ รอหลังจากที่บ้านใหม่ของพวกเจ้าจัดการเสร็จแล้วจะรับพวกเจ้ากลับมาอยู่ยาวที่นี่”

“ฮูหยินใหญ่อย่าได้ทำให้ท่านพ่อลำบากใจเลย” ฉินซินเผยใบหน้าที่มีความสุขแวบเดียวเท่านั้น ก่อนจะสั่นศีรษะกล่าวต่อ “จะรับพวกเรากลับมาอยู่หรือไม่ นั่นเป็นเรื่องในบ้าน อยู่ในความรับผิดชอบของท่านแม่ อีกทั้งสองวันมานี้มีเด็กที่ไม่ได้เรื่องทำให้ท่านแม่โกรธเคืองเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ช่างมันเถิด!”

“เจ้าหมายถึงฉินอวิ้น?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่ชอบคุณหนูลูกอนุคนนั้นของตระกูลทั่วป๋าแม้แต่น้อย เริ่มแรกก็พูดที่เรือนมีคู่จนทำให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อโมโหโกรธา คล้อยหลังก็ยังไม่สนใจเกียรติศักดิ์ศรีของคุณหนู ไปหาซั่งกวนเจวี๋ยอย่างตรงๆ พยายามจะกระโจนเข้าสู่อ้อมอก หลังจากถูกซั่งกวนเจวี๋ยสั่งสอนอย่างดุดันแล้ว ก็มาหาตัวเองอย่างไม่สนใจอันใด ขอร้องให้ตัวเองจัดการให้เป็นอนุภรรยาของซั่งกวนเจวี๋ย ช่างเป็นเด็กที่ไม่มีสมอง มิน่าเล่า ทั่วป๋าเชียนเย่าจึงไม่มีแผนที่จะเลื่อนฐานะลูกสาวอนุภรรยาพวกนี้ ทั้งยังพยายามหาโอกาสไม่ให้นางโผล่หน้าโผล่ตาออกมาโดยตลอด ที่แท้ก็เพราะพวกนางโง่ซ้ำโง่ซ้อนกันอยู่อย่างนี้!

“ก็ใช่น่ะสิเจ้าคะ” ฉินซินเผยยิ้มขมขื่นเล็กน้อย “นางคิดมาตลอดว่าตัวเองนั้นโดดเด่น นอกจากไม่มีชาติกำเนิดสูงส่ง ไม่ว่าจะอะไรก็ล้วนชนะข้าได้ทั้งนั้น นางอยากจะแต่งเป็นอนุ ก็ไม่ใช่เพราะข้าอยากจะแต่งกับลูกผู้พี่แต่ไม่สำเร็จหรอกหรือ!”

“มารดาผู้นั้นของนางก็ไม่ใช่คนดีอะไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนาง!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเคยพบมารดาของฉินอวิ้นมาหลายครั้ง

ในความรู้สึกคิดว่าเป็นเด็กที่ไม่รู้จักกาละเทศะคนหนึ่ง เพียงแต่รูปลักษณ์หน้าตากลับเป็นคนที่งดงามที่สุดในบรรดาภรรยาและอนุของทั่วป๋าเชียนเย่า

“เหยียนหย่าก็เป็นคนที่ไม่มีหูตา นางไม่อาจควบคุมพวกนางอย่างดีๆ ได้ ไม่ให้นางพูดจาเรื่อยเปื่อย คาดหวังตำแหน่งที่ไม่คู่ควรเป็นของพวกนาง? ช่างทำให้ตระกูลทั่วป๋าเสียหน้าจนแทบต้องแทรกแผ่นดินหนี!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยในยามนี้มีแต่คำพูดที่อยากจะต่อว่าหวังเหยียนหย่ามากมาย นางดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่หลักแหลมใช้การได้ แต่สำหรับการดูแลพวกน้องๆ จัดการควบคุมเรื่องในบ้านยังไม่มีความสามารถพอ ไม่เหมือนคุณหนูลูกภรรยาเอกที่ได้รับการสั่งสอนมาจากตระกูลดีๆ สักนิด

“นี่ก็โทษพี่สะใภ้ไม่ได้” ฉินซินพูดแก้ต่างให้หวังเหยียนหย่า “ตั้งแต่เล็กพี่สะใภ้ก็ไม่เคยพบมารดาของตัวเองมาก่อน แม้ว่าผู้ที่เลี้ยงดูต่อจะเป็นป้าของนาง แต่ถึงจะไม่กล้าข่มเหงนางอย่างโจ่งแจ้ง แต่ก็ไม่ได้สั่งสอนอะไรที่มีประโยชน์อย่างแท้จริงเลย แม้ว่านางจะมีความสามารถหลักแหลม ประกายความโดดเด่นออกมาจากสถานการณ์เช่นนั้นได้ ทั้งยังถูกจัดอยู่ในคุณหนูตระกูลที่มีชื่อเสียง ทำให้พี่ชายใหญ่แต่งนางเป็นภรรยาเอกได้ นั่นก็นับว่ามาได้ไกลแล้ว”

ทั่วป๋าซู่เยวี่ยถอนหายใจ “เริ่มแรกฉินหลิ่งนั้นถูกนางทำให้ลุ่มหลงจริงๆ แม้ว่าจะเป็นลูกสาวภรรยาเอกคนโต แต่กลับไม่ได้รับความโปรดปรานจากพ่อแม่ ทั้งไม่ได้เป็นที่นับถือของน้องสาวน้องชาย นางที่เป็นลูกสาวภรรยาเอกคนโตนี้นับว่าไร้ความสามารถอย่างแท้จริง! เจ้าลองดูพวกน้องๆ ของตระกูลหวัง ไม่ว่าจะเป็นลูกภรรยาเอกหรือลูกอนุ เมื่อพบนางล้วนมีท่าทางแปลกๆ กระทั่งพบฉินหลิ่งก็มักจะเรียกว่าพี่เขยอย่างเย็นชา ไม่รู้ยังจะคิดว่านางเป็นลูกนอกสมรสที่ไม่อยู่ในสายตาเสียอีก”

ฉินซินทอดถอนหายใจเล็กน้อย อย่างไรหวังเหยียนหย่าก็ปล่อยวางไปดีกว่า น้องสาวทั้งสองของนาง โดยเฉพาะหวังเหยียนซิน แม้จะมีข่าวลือที่ว่านางชอบอิ๋งอี้หังมาโดยตลอด แม้แต่หวงฝู่อวี๋หลิงก็ยังมองนางเป็นศัตรูหัวใจและตะปูในตา แต่ในยามที่นางพบกับอิ๋งอี้หังก็เอาแต่แสดงท่าทีสุภาพเรียบร้อย มักจะรักษามารยาททางสังคมแต่ก็ไม่ห่างเหิน หากจังหวะพอเหมาะก็จะกล่าวทักทายอิ๋งอี้หัง ไม่เผยแววตาชมชอบอันใดแม้แต่น้อย แม้ว่าภายหลังทั้งสองคนจะไม่ได้มีบทสรุปอันใด แต่ก็ไม่อาจเหมือนตัวเอง มาถึงสุดท้ายก็จำต้องใช้วิธีเช่นนั้นมาบีบให้ซั่งกวนเจวี๋ยแต่งงานกับตน ผลลัพธ์ล่ะ? ตัวเองมีจุดจบเช่นนี้ มีคำชี้นำผิดๆ จากทั่วป๋าซู่เยวี่ย มีความทระนงตนและความบ้าบิ่น ทั้งยังเรียนนิสัยเสียที่ไม่รู้จักความเหมาะสมและยอมเสี่ยงเข้าตาจนจากหวังเหยียนหย่า

“เวลานั้นก็ไม่ควรให้นางแต่งเข้าตระกูลทั่วป๋ามา” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยนั้นนับว่าไม่พอใจและไม่ชื่นชอบในตัวหวังเหยียนหย่า กล่าวอย่างเรียบเย็น “ตอนแรกฉินเสาก็เคยบอก นางไม่อาจรับผิดชอบในตำแหน่งสะใภ้ใหญ่ของตระกูลทั่วป๋าได้ ยิ่งไม่อาจอบรมสั่งสอนพวกน้องๆ อย่างดีๆ ได้ด้วย แต่พวกเจ้าใครก็ไม่ฟังทั้งนั้น!”

ทั่วป๋าฉินซินเผยยิ้มขมขื่น ทั่วป๋าฉินเสา พี่สาวคนโตของตัวเอง นอกจากหน้าตาที่ไม่ได้งดงามถึงกับมู่หรงชิงหวั่นนั้น จุดอื่นๆ ก็ล้วนไม่ด้อยไปกว่าคนอื่น ทั้งมีดวงตาที่สามารถมองเรื่องอย่างทะลุปรุโปร่ง น่าเสียดายที่นางถูกท่านพ่อใช้เป็นเครื่อง มือเชื่อมสัมพันธ์ ไม่สนใจการคัดค้านของนางก็ให้นางแต่งเป็นภรรยาคนใหม่ของอ๋องหนิง ไม่ถึงหนึ่งปีก็ตายในขณะที่ยังสาว จำได้ว่าปีนั้นนางพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าตัวเองและซั่งกวนเจวี๋ยไม่เหมาะสมกันสักนิด แต่ตัวเองก็ถูกทั่วป๋าซู่เยวี่ยหว่านล้อมให้เชื่อจนไม่ลืมหูลืมตา

“ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้วดีกว่า” ทั่วป๋าฉินซินส่ายศีรษะ “ไม่ว่าพี่สะใภ้จะอะไรอย่างไร แต่นางก็รักและเอ็นดูพวกน้องๆ ด้วยใจจริง วันนี้ยามที่ข้าเข้ามาก็ปรึกษากับอวี่ไข่เรียบร้อยแล้ว หลังจากพรุ่งนี้ย้ายไปอยู่บ้านใหม่ หากไม่มีเรื่องจำเป็นอันใดก็จะไม่กลับมา พวกเราไม่ได้เป็นที่ต้อนรับของบ้านหลังนี้เท่าใด อย่างไรรู้ตัวเสียหน่อย จะดีกับทุกคนมากกว่า!”

“เช่นนั้นพวกเจ้าไม่สนใจยายแก่อย่างข้าคนนี้แล้วหรือ?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเผยแววตาเคืองโกรธอยู่บ้าง สีหน้าก็บูดบึ้งขึ้นมาเช่นกัน

“จะกล้าได้อย่างไร!” ทั่วป๋าฉินซินกล่าวอย่างยิ้มๆ “พรุ่งนี้ต้องต้อนรับพวกสหายของอวี่ไข่และพี่ใหญ่ พวกพี่สะใภ้อีก จึงไม่อยากเชิญท่านเข้าไปรับความเหน็ดเหนื่อยด้วย แต่คาดว่าพวกเขาคงจะคึกคักอยู่สองสามวันก็จะค่อยๆ ทยอยกลับกันแล้ว รอหลังจากในบ้านเงียบสงบแล้ว ฉินซินก็จะจัดการเก็บกวาดให้สะอาดสะอ้าน รอต้อนรับท่านเป็นอย่างดี! ฮูหยินใหญ่ ฉินซินยังคงยืนยันคำนั้นอยู่ หวังว่าท่านจะให้โอกาสฉินซินดูแลในยามแก่เฒ่า ให้ฉินซินและอวี่ไข่ได้แสดงความกตัญญูกับท่านดีๆ เสียหน่อย!”

“ฮูหยินใหญ่ ข้าว่าแบบนี้ก็ดีนะเจ้าคะ รอหลังจากแขกพวกนั้นไปกันหมดแล้ว ท่านก็เข้าไปพักอยู่ชั่วคราวไม่กี่วัน ให้คุณชายรองและสะใภ้รองแสดงความกตัญญูต่อท่าน!” แม่นมหนิงเห็นทั่วป๋าซู่เยวี่ยตื้นตันใจอยู่บ้าง ก็กล่าวเอาอกเอาใจทันที

“แม่นมหนิง เจ้าพูดอะไรกัน!” ฉินซินมองแม่นมหนิงอย่างตำหนิไปที กระนั้นกลับไม่มีความหมายต่อว่าอย่างจริงจังแม้แต่น้อย แสร้งกล่าวไม่พอใจอยู่บ้าง “ฮูหยินใหญ่เข้าไปก็ย่อมอยู่ยาวๆ ไฉนจะอยู่ชั่วคราวไม่กี่วันได้? หรือเจ้าคิดว่าข้าและอวี่ไข่จะตอบแทนบุญคุณฮูหยินใหญ่อย่างดีๆ ไม่ได้ จะให้นางอยู่อย่างไม่สบายใจอย่างนั้นหรือ?”

“ดูปากที่พูดเหลวไหลของข้าสิเจ้าคะ!” แม่นมหนิงตบปากตัวเองเบาๆ สองวันก่อนฉินซินให้อนุภรรยามอบพระแก้วหยกที่พิเศษชิ้นหนึ่งให้กับนาง กล่าวว่าได้ผ่านการทำพิธีจากภิกษุที่มีสมณศักดิ์สูง พกติดไว้กับตัวก็จะช่วยป้องกันภยันตราย ทำให้แม่นมหนิงเปลี่ยนแปลงความคิดที่เคยมีต่อฉินซินตลอดมา หากเป็นช่วงครึ่งปีก่อน อย่าพูดเลยว่าฉินซินจะมอบของขวัญให้นาง แต่แค่จะเบนสายตามามองนางดีๆ ก็คงไม่มีด้วยซ้ำ

“เอาเถิดๆ อย่าได้มาทะเลาะกันที่นี่เลย” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยถูกทั่วป๋าฉินซินเชื้อเชิญอีกครั้งก็มีความปลื้มปิติเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังคงหยุดมุมปากตัวเองเอาไว้ได้ แสร้งกล่าวอย่างเรียบนิ่ง “จะเข้าไปหรือไม่ ข้าขอไตร่ตรองดูก่อนค่อยว่ากัน ทั้งจะได้ให้เวลาพวกเจ้าครุ่นคิดดีๆ ด้วย ข้าเป็นหญิงแก่ที่น่ารำคาญใจ หากเข้าไป กลับกันไปรบกวนพวกเจ้าก็คงไม่ดีแล้ว”

“ฮูหยินใหญ่…” ฉินซินย่ำเท้าอย่างเคืองโกรธอยู่บ้าง “ก่อนหน้านี้ข้าเพียงอยากถามความเห็นจากอวี่ไข่ ดังนั้นจึงไม่ได้พูดเรื่องนี้กับท่านให้เร็วก่อน ส่วนอวี่ไข่ก็กังวลว่าข้าจะคัดค้านอะไร ดังนั้นก็ไม่ได้คุยกับท่านเช่นกัน แต่คาดไม่ถึงว่าพวกเราล้วนคิดเหมือนกัน ไฉนท่านยังจะต้องคิดแล้วคิดอีกอยู่ที่นี่? ไม่ได้ ต้องว่ากันตามนี้ อย่างมากที่สุดก็สามวัน หากหลังจากสามวันท่านยังไปเป็นฝ่ายเข้าไปหา ข้าก็จะกลับมาใช้แผนอย่างหน้าไม่อายแล้วกัน!”

“ฮูหยินใหญ่ อย่างไรก็ให้คำตอบที่ชัดเจนแก่นางเถิดเจ้าค่ะ” แม่นมอี้หัวเราะขำขันขึ้นมา “ล้วนพูดแล้วว่านิสัยสะใภ้รองนั้นเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและใจกว้าง ยามนี้มาถูกท่านบีบนิสัยดื้อรั้นออกมาอีกครั้ง หากท่านปฏิเสธความหวังดีของนางอีก นางคงจะคลั่งขึ้นมาอย่างแน่นอน!”

“ก็ได้ๆ…” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยถูกนิสัยที่พัฒนาขึ้นของฉินซินกล่อมจนสำเร็จ หากฉินซินเอาแต่รักษาท่าทีอ่อนโยนเช่นนั้นนางก็ยังคงสองจิตสองใจอยู่บ้าง ยามนี้ดูเหมือนว่าฉินซินจะเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกมาอยู่บ้าง คำพูดของนางจึงนับว่าเชื่อได้

“เช่นนั้นข้าจะไปจัดเตรียมอะไรให้เรียบร้อย!” ทั่วป๋าฉินซินเผยยิ้มเต็มใบหน้า “วันที่ยี่สิบเอ็ดจะให้อวี่ไข่มารับท่านแต่เช้าตรู่ ข้าก็จะรออยู่ที่บ้านคอยต้อนรับท่านอย่างดี ฮูหยินใหญ่ ถึงเวลานั้นยังมีเรื่องที่น่าประหลาดใจรอท่านอยู่อีก”

“ได้ เจ้ารีบกลับไปพักผ่อนเสีย! หลายวันมานี้เหนื่อยแย่แล้ว พรุ่งนี้ก็ยังต้องยุ่งอีก!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่ได้ถามว่าเป็นเรื่องน่าประหลาดใจอันใด ทำเพียงพยักหน้ายิ้มๆ เท่านั้น

“เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน” เมื่อจุดประสงค์ลุล่วงแล้ว ฉินซินก็ไม่รั้งตัวอยู่นาน หยัดกายขึ้นกล่าวลาด้วยรอยยิ้ม พอนางจากไป บรรยากาศก็เงียบลงทันที

“เรื่องน่าประหลาดใจที่นางพูดถึงคืออะไร? พวกเจ้ารู้หรือไม่?” แต่ไหนแต่ไรทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็ไม่ชอบเรื่องที่ตนคาดไม่ถึง นางนั้นชอบที่จะควบคุมเรื่องทุกอย่าง และเรื่องที่ไม่เป็นไปตามที่ใจหวัง นางก็ย่อมยากที่จะควบคุมได้ว่าเป็นเรื่องอะไร

“ได้ยินว่าสะใภ้รองพาพ่อครัวสองคนมาจากเหยี่ยนโจว ล้วนเป็นคนที่ตระกูลทั่วป๋าฝึกฝนอบรมมา เพื่อให้ท่านได้สัมผัสถึงรสชาติของบ้านเกิด” แม่นมอี้รู้เรื่องนี้อยู่นานแล้ว ทั้งเรื่องนี้ก็เป็นนางที่เตือนกับฉินซิน

“ยากที่นางจะมีความกตัญญูเช่นนี้! ข้าว่าพวกเราอย่าทำลายความหวังของเด็กทั้งสองเลย อย่างไรก็เข้าไปอยู่เสียหน่อยเถิด” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพยักหน้าอย่างพอใจ ตัดสินใจกับเรื่องนี้แล้ว

แม่นมอี้และแม่นมหนิงประสานสายตากัน ล้วนมองออกถึงแววตาดีใจของอีกฝ่าย กล่าวยิ้มๆ “ฮูหยินใหญ่ควรจะรับปากตั้งนานแล้วเจ้าค่ะ คุณชายรองและสะใภ้รองมีใจกตัญญูเช่นนี้ ท่านก็ควรจะให้โอกาสพวกเขาบ้างสิเจ้าคะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 227 ขอร้องอีกครั้ง

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 227 ขอร้องอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฉินซินน้อมคารวะฮูหยินใหญ่!” ทั่วป๋าฉินซินคำนับให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยอย่างเคารพนอบน้อม ทำให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพยักหน้ายิ้มอย่างพึงพอใจ ว่ากันว่าหลายวันมานี้ สองสามีภรรยาเข้ากันได้ไม่เลว แม้ว่าอวี่ไข่จะบ่นและไม่พอใจสินเดิมเจ้าสาวของตระ กูลทั่วป๋าอยู่บ้าง…หนึ่งร้อยสิบหกชั่งเท่ากัน แต่ในสินเดิมเจ้าสาวของมู่หรงชิงหวั่น เครื่องประดับอัญมณีต่างๆ ภาพอักษร และภาพวาดโบราณ ทั้งโฉนดที่ดินโฉนดบ้านกลับกินพื้นที่ไปมากกว่าหนึ่งส่วนสามเสียอีก ส่วนเครื่องเรือนหรูหราก็มีจำนวนมาก มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นเสื้อผ้าของสาวใช้แม่นมที่ติดตามชิงหวั่นเข้าตระกูลมา แต่ทั่วป๋าฉินซินกลับไม่เหมือนกัน พื้นที่และจำนวนของเครื่องเรือนเดิมทีก็มีไม่มาก แต่ภาพอักษรและภาพวาดโบราณ เครื่องประดับต่างๆ โฉนดบ้านโฉนดที่ดินกลับมีน้อยแค่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ทั้งสินเดิมของมู่หรงชิงหวั่นล้วนอัดมาอย่างเต็มเปี่ยม บางกล่องแค่เปิดออกสิ่งของก็ร่วงลงมาแล้ว คิดอยากจะปิดให้เป็นเหมือนเดิมนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ แต่ของทั่วป๋าฉินซินทุกกล่องกลับยัดของไว้เพียงแปดส่วนเท่านั้น เมื่อเปรียบ เทียบกันแล้ว มูลค่าของสินเดิมนางก็เกินมาครึ่งหนึ่งของชิงหวั่นเท่านั้น

แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เขาตกใจและรู้สึกไม่คาดฝันเป็นอย่างมากคือทั่วป๋าฉินซินแทบจะเก็บนิสัยเย่อหยิ่งและวางอำนาจของตนเองทิ้งไปอย่างสิ้นเชิง เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและเอาใจใส่ แม้จะกล่าวว่าคืนแรกของการแต่งงานจะฝืนให้ผ่านไปได้ แต่หลัง จากนั้นกลับทำให้เขาได้รับความรู้สึกอบอุ่นใจ ทั้งความหวานชื่นของคู่แต่งงานใหม่ ดังนั้น เรื่องที่ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจก็จะ

พยายามฝืนใจยอมรับไว้ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนตกอยู่ในหูตาของคนที่ทั่วป๋าซู่เยวี่ยส่งไปสอดแนม เมื่อข่าวถูกส่งกลับมาก็ทำให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพึงพอใจยิ่งนัก

“เหตุใดวันนี้จึงมีเวลาเข้ามาหายายแก่คนนี้ล่ะ?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยยิ้มอย่างชื่นมื่นมองทั่วป๋าฉินซิน “หลายวันมานี้พวกเจ้ายุ่งกับการต้อนรับแขกของแต่ละฝ่าย พรุ่งนี้จะเชิญคนจำนวนหนึ่งไปเป็นแขกที่บ้านใหม่ของพวกเจ้าอีก ยังยุ่งไม่พออย่างนั้นรึ?”

“จะยุ่งอย่างไรก็ไม่อาจลืมมาน้อมคารวะท่านได้หรอก” ฉินซินกล่าวอย่างกระเง้ากระงอด “หรือว่าจู่ๆ ฮูหยินใหญ่ก็รู้สึกว่าฉินซินขัดหูขัดตาขึ้นมา ไม่อยากจะพบฉินซินแล้ว?”

“จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ข้าหวังที่จะได้พบเจ้าทุกวันอยู่แล้ว” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยยิ้มแทบไม่เห็นดวงตา “หากพวกเจ้ารั้งตัวอยู่ในจวนได้ก็คงดี ทุกวันย่อมสามารถเข้ามาคุยเล่นกับยายแก่ที่ตัวคนเดียวอย่างข้า…จริงสิ พรุ่งนี้ข้าจะไปพูดกับฮ่าวเอ๋อร์ รอหลังจากที่บ้านใหม่ของพวกเจ้าจัดการเสร็จแล้วจะรับพวกเจ้ากลับมาอยู่ยาวที่นี่”

“ฮูหยินใหญ่อย่าได้ทำให้ท่านพ่อลำบากใจเลย” ฉินซินเผยใบหน้าที่มีความสุขแวบเดียวเท่านั้น ก่อนจะสั่นศีรษะกล่าวต่อ “จะรับพวกเรากลับมาอยู่หรือไม่ นั่นเป็นเรื่องในบ้าน อยู่ในความรับผิดชอบของท่านแม่ อีกทั้งสองวันมานี้มีเด็กที่ไม่ได้เรื่องทำให้ท่านแม่โกรธเคืองเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ช่างมันเถิด!”

“เจ้าหมายถึงฉินอวิ้น?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่ชอบคุณหนูลูกอนุคนนั้นของตระกูลทั่วป๋าแม้แต่น้อย เริ่มแรกก็พูดที่เรือนมีคู่จนทำให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อโมโหโกรธา คล้อยหลังก็ยังไม่สนใจเกียรติศักดิ์ศรีของคุณหนู ไปหาซั่งกวนเจวี๋ยอย่างตรงๆ พยายามจะกระโจนเข้าสู่อ้อมอก หลังจากถูกซั่งกวนเจวี๋ยสั่งสอนอย่างดุดันแล้ว ก็มาหาตัวเองอย่างไม่สนใจอันใด ขอร้องให้ตัวเองจัดการให้เป็นอนุภรรยาของซั่งกวนเจวี๋ย ช่างเป็นเด็กที่ไม่มีสมอง มิน่าเล่า ทั่วป๋าเชียนเย่าจึงไม่มีแผนที่จะเลื่อนฐานะลูกสาวอนุภรรยาพวกนี้ ทั้งยังพยายามหาโอกาสไม่ให้นางโผล่หน้าโผล่ตาออกมาโดยตลอด ที่แท้ก็เพราะพวกนางโง่ซ้ำโง่ซ้อนกันอยู่อย่างนี้!

“ก็ใช่น่ะสิเจ้าคะ” ฉินซินเผยยิ้มขมขื่นเล็กน้อย “นางคิดมาตลอดว่าตัวเองนั้นโดดเด่น นอกจากไม่มีชาติกำเนิดสูงส่ง ไม่ว่าจะอะไรก็ล้วนชนะข้าได้ทั้งนั้น นางอยากจะแต่งเป็นอนุ ก็ไม่ใช่เพราะข้าอยากจะแต่งกับลูกผู้พี่แต่ไม่สำเร็จหรอกหรือ!”

“มารดาผู้นั้นของนางก็ไม่ใช่คนดีอะไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนาง!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเคยพบมารดาของฉินอวิ้นมาหลายครั้ง

ในความรู้สึกคิดว่าเป็นเด็กที่ไม่รู้จักกาละเทศะคนหนึ่ง เพียงแต่รูปลักษณ์หน้าตากลับเป็นคนที่งดงามที่สุดในบรรดาภรรยาและอนุของทั่วป๋าเชียนเย่า

“เหยียนหย่าก็เป็นคนที่ไม่มีหูตา นางไม่อาจควบคุมพวกนางอย่างดีๆ ได้ ไม่ให้นางพูดจาเรื่อยเปื่อย คาดหวังตำแหน่งที่ไม่คู่ควรเป็นของพวกนาง? ช่างทำให้ตระกูลทั่วป๋าเสียหน้าจนแทบต้องแทรกแผ่นดินหนี!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยในยามนี้มีแต่คำพูดที่อยากจะต่อว่าหวังเหยียนหย่ามากมาย นางดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่หลักแหลมใช้การได้ แต่สำหรับการดูแลพวกน้องๆ จัดการควบคุมเรื่องในบ้านยังไม่มีความสามารถพอ ไม่เหมือนคุณหนูลูกภรรยาเอกที่ได้รับการสั่งสอนมาจากตระกูลดีๆ สักนิด

“นี่ก็โทษพี่สะใภ้ไม่ได้” ฉินซินพูดแก้ต่างให้หวังเหยียนหย่า “ตั้งแต่เล็กพี่สะใภ้ก็ไม่เคยพบมารดาของตัวเองมาก่อน แม้ว่าผู้ที่เลี้ยงดูต่อจะเป็นป้าของนาง แต่ถึงจะไม่กล้าข่มเหงนางอย่างโจ่งแจ้ง แต่ก็ไม่ได้สั่งสอนอะไรที่มีประโยชน์อย่างแท้จริงเลย แม้ว่านางจะมีความสามารถหลักแหลม ประกายความโดดเด่นออกมาจากสถานการณ์เช่นนั้นได้ ทั้งยังถูกจัดอยู่ในคุณหนูตระกูลที่มีชื่อเสียง ทำให้พี่ชายใหญ่แต่งนางเป็นภรรยาเอกได้ นั่นก็นับว่ามาได้ไกลแล้ว”

ทั่วป๋าซู่เยวี่ยถอนหายใจ “เริ่มแรกฉินหลิ่งนั้นถูกนางทำให้ลุ่มหลงจริงๆ แม้ว่าจะเป็นลูกสาวภรรยาเอกคนโต แต่กลับไม่ได้รับความโปรดปรานจากพ่อแม่ ทั้งไม่ได้เป็นที่นับถือของน้องสาวน้องชาย นางที่เป็นลูกสาวภรรยาเอกคนโตนี้นับว่าไร้ความสามารถอย่างแท้จริง! เจ้าลองดูพวกน้องๆ ของตระกูลหวัง ไม่ว่าจะเป็นลูกภรรยาเอกหรือลูกอนุ เมื่อพบนางล้วนมีท่าทางแปลกๆ กระทั่งพบฉินหลิ่งก็มักจะเรียกว่าพี่เขยอย่างเย็นชา ไม่รู้ยังจะคิดว่านางเป็นลูกนอกสมรสที่ไม่อยู่ในสายตาเสียอีก”

ฉินซินทอดถอนหายใจเล็กน้อย อย่างไรหวังเหยียนหย่าก็ปล่อยวางไปดีกว่า น้องสาวทั้งสองของนาง โดยเฉพาะหวังเหยียนซิน แม้จะมีข่าวลือที่ว่านางชอบอิ๋งอี้หังมาโดยตลอด แม้แต่หวงฝู่อวี๋หลิงก็ยังมองนางเป็นศัตรูหัวใจและตะปูในตา แต่ในยามที่นางพบกับอิ๋งอี้หังก็เอาแต่แสดงท่าทีสุภาพเรียบร้อย มักจะรักษามารยาททางสังคมแต่ก็ไม่ห่างเหิน หากจังหวะพอเหมาะก็จะกล่าวทักทายอิ๋งอี้หัง ไม่เผยแววตาชมชอบอันใดแม้แต่น้อย แม้ว่าภายหลังทั้งสองคนจะไม่ได้มีบทสรุปอันใด แต่ก็ไม่อาจเหมือนตัวเอง มาถึงสุดท้ายก็จำต้องใช้วิธีเช่นนั้นมาบีบให้ซั่งกวนเจวี๋ยแต่งงานกับตน ผลลัพธ์ล่ะ? ตัวเองมีจุดจบเช่นนี้ มีคำชี้นำผิดๆ จากทั่วป๋าซู่เยวี่ย มีความทระนงตนและความบ้าบิ่น ทั้งยังเรียนนิสัยเสียที่ไม่รู้จักความเหมาะสมและยอมเสี่ยงเข้าตาจนจากหวังเหยียนหย่า

“เวลานั้นก็ไม่ควรให้นางแต่งเข้าตระกูลทั่วป๋ามา” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยนั้นนับว่าไม่พอใจและไม่ชื่นชอบในตัวหวังเหยียนหย่า กล่าวอย่างเรียบเย็น “ตอนแรกฉินเสาก็เคยบอก นางไม่อาจรับผิดชอบในตำแหน่งสะใภ้ใหญ่ของตระกูลทั่วป๋าได้ ยิ่งไม่อาจอบรมสั่งสอนพวกน้องๆ อย่างดีๆ ได้ด้วย แต่พวกเจ้าใครก็ไม่ฟังทั้งนั้น!”

ทั่วป๋าฉินซินเผยยิ้มขมขื่น ทั่วป๋าฉินเสา พี่สาวคนโตของตัวเอง นอกจากหน้าตาที่ไม่ได้งดงามถึงกับมู่หรงชิงหวั่นนั้น จุดอื่นๆ ก็ล้วนไม่ด้อยไปกว่าคนอื่น ทั้งมีดวงตาที่สามารถมองเรื่องอย่างทะลุปรุโปร่ง น่าเสียดายที่นางถูกท่านพ่อใช้เป็นเครื่อง มือเชื่อมสัมพันธ์ ไม่สนใจการคัดค้านของนางก็ให้นางแต่งเป็นภรรยาคนใหม่ของอ๋องหนิง ไม่ถึงหนึ่งปีก็ตายในขณะที่ยังสาว จำได้ว่าปีนั้นนางพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าตัวเองและซั่งกวนเจวี๋ยไม่เหมาะสมกันสักนิด แต่ตัวเองก็ถูกทั่วป๋าซู่เยวี่ยหว่านล้อมให้เชื่อจนไม่ลืมหูลืมตา

“ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้วดีกว่า” ทั่วป๋าฉินซินส่ายศีรษะ “ไม่ว่าพี่สะใภ้จะอะไรอย่างไร แต่นางก็รักและเอ็นดูพวกน้องๆ ด้วยใจจริง วันนี้ยามที่ข้าเข้ามาก็ปรึกษากับอวี่ไข่เรียบร้อยแล้ว หลังจากพรุ่งนี้ย้ายไปอยู่บ้านใหม่ หากไม่มีเรื่องจำเป็นอันใดก็จะไม่กลับมา พวกเราไม่ได้เป็นที่ต้อนรับของบ้านหลังนี้เท่าใด อย่างไรรู้ตัวเสียหน่อย จะดีกับทุกคนมากกว่า!”

“เช่นนั้นพวกเจ้าไม่สนใจยายแก่อย่างข้าคนนี้แล้วหรือ?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเผยแววตาเคืองโกรธอยู่บ้าง สีหน้าก็บูดบึ้งขึ้นมาเช่นกัน

“จะกล้าได้อย่างไร!” ทั่วป๋าฉินซินกล่าวอย่างยิ้มๆ “พรุ่งนี้ต้องต้อนรับพวกสหายของอวี่ไข่และพี่ใหญ่ พวกพี่สะใภ้อีก จึงไม่อยากเชิญท่านเข้าไปรับความเหน็ดเหนื่อยด้วย แต่คาดว่าพวกเขาคงจะคึกคักอยู่สองสามวันก็จะค่อยๆ ทยอยกลับกันแล้ว รอหลังจากในบ้านเงียบสงบแล้ว ฉินซินก็จะจัดการเก็บกวาดให้สะอาดสะอ้าน รอต้อนรับท่านเป็นอย่างดี! ฮูหยินใหญ่ ฉินซินยังคงยืนยันคำนั้นอยู่ หวังว่าท่านจะให้โอกาสฉินซินดูแลในยามแก่เฒ่า ให้ฉินซินและอวี่ไข่ได้แสดงความกตัญญูกับท่านดีๆ เสียหน่อย!”

“ฮูหยินใหญ่ ข้าว่าแบบนี้ก็ดีนะเจ้าคะ รอหลังจากแขกพวกนั้นไปกันหมดแล้ว ท่านก็เข้าไปพักอยู่ชั่วคราวไม่กี่วัน ให้คุณชายรองและสะใภ้รองแสดงความกตัญญูต่อท่าน!” แม่นมหนิงเห็นทั่วป๋าซู่เยวี่ยตื้นตันใจอยู่บ้าง ก็กล่าวเอาอกเอาใจทันที

“แม่นมหนิง เจ้าพูดอะไรกัน!” ฉินซินมองแม่นมหนิงอย่างตำหนิไปที กระนั้นกลับไม่มีความหมายต่อว่าอย่างจริงจังแม้แต่น้อย แสร้งกล่าวไม่พอใจอยู่บ้าง “ฮูหยินใหญ่เข้าไปก็ย่อมอยู่ยาวๆ ไฉนจะอยู่ชั่วคราวไม่กี่วันได้? หรือเจ้าคิดว่าข้าและอวี่ไข่จะตอบแทนบุญคุณฮูหยินใหญ่อย่างดีๆ ไม่ได้ จะให้นางอยู่อย่างไม่สบายใจอย่างนั้นหรือ?”

“ดูปากที่พูดเหลวไหลของข้าสิเจ้าคะ!” แม่นมหนิงตบปากตัวเองเบาๆ สองวันก่อนฉินซินให้อนุภรรยามอบพระแก้วหยกที่พิเศษชิ้นหนึ่งให้กับนาง กล่าวว่าได้ผ่านการทำพิธีจากภิกษุที่มีสมณศักดิ์สูง พกติดไว้กับตัวก็จะช่วยป้องกันภยันตราย ทำให้แม่นมหนิงเปลี่ยนแปลงความคิดที่เคยมีต่อฉินซินตลอดมา หากเป็นช่วงครึ่งปีก่อน อย่าพูดเลยว่าฉินซินจะมอบของขวัญให้นาง แต่แค่จะเบนสายตามามองนางดีๆ ก็คงไม่มีด้วยซ้ำ

“เอาเถิดๆ อย่าได้มาทะเลาะกันที่นี่เลย” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยถูกทั่วป๋าฉินซินเชื้อเชิญอีกครั้งก็มีความปลื้มปิติเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังคงหยุดมุมปากตัวเองเอาไว้ได้ แสร้งกล่าวอย่างเรียบนิ่ง “จะเข้าไปหรือไม่ ข้าขอไตร่ตรองดูก่อนค่อยว่ากัน ทั้งจะได้ให้เวลาพวกเจ้าครุ่นคิดดีๆ ด้วย ข้าเป็นหญิงแก่ที่น่ารำคาญใจ หากเข้าไป กลับกันไปรบกวนพวกเจ้าก็คงไม่ดีแล้ว”

“ฮูหยินใหญ่…” ฉินซินย่ำเท้าอย่างเคืองโกรธอยู่บ้าง “ก่อนหน้านี้ข้าเพียงอยากถามความเห็นจากอวี่ไข่ ดังนั้นจึงไม่ได้พูดเรื่องนี้กับท่านให้เร็วก่อน ส่วนอวี่ไข่ก็กังวลว่าข้าจะคัดค้านอะไร ดังนั้นก็ไม่ได้คุยกับท่านเช่นกัน แต่คาดไม่ถึงว่าพวกเราล้วนคิดเหมือนกัน ไฉนท่านยังจะต้องคิดแล้วคิดอีกอยู่ที่นี่? ไม่ได้ ต้องว่ากันตามนี้ อย่างมากที่สุดก็สามวัน หากหลังจากสามวันท่านยังไปเป็นฝ่ายเข้าไปหา ข้าก็จะกลับมาใช้แผนอย่างหน้าไม่อายแล้วกัน!”

“ฮูหยินใหญ่ อย่างไรก็ให้คำตอบที่ชัดเจนแก่นางเถิดเจ้าค่ะ” แม่นมอี้หัวเราะขำขันขึ้นมา “ล้วนพูดแล้วว่านิสัยสะใภ้รองนั้นเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและใจกว้าง ยามนี้มาถูกท่านบีบนิสัยดื้อรั้นออกมาอีกครั้ง หากท่านปฏิเสธความหวังดีของนางอีก นางคงจะคลั่งขึ้นมาอย่างแน่นอน!”

“ก็ได้ๆ…” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยถูกนิสัยที่พัฒนาขึ้นของฉินซินกล่อมจนสำเร็จ หากฉินซินเอาแต่รักษาท่าทีอ่อนโยนเช่นนั้นนางก็ยังคงสองจิตสองใจอยู่บ้าง ยามนี้ดูเหมือนว่าฉินซินจะเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกมาอยู่บ้าง คำพูดของนางจึงนับว่าเชื่อได้

“เช่นนั้นข้าจะไปจัดเตรียมอะไรให้เรียบร้อย!” ทั่วป๋าฉินซินเผยยิ้มเต็มใบหน้า “วันที่ยี่สิบเอ็ดจะให้อวี่ไข่มารับท่านแต่เช้าตรู่ ข้าก็จะรออยู่ที่บ้านคอยต้อนรับท่านอย่างดี ฮูหยินใหญ่ ถึงเวลานั้นยังมีเรื่องที่น่าประหลาดใจรอท่านอยู่อีก”

“ได้ เจ้ารีบกลับไปพักผ่อนเสีย! หลายวันมานี้เหนื่อยแย่แล้ว พรุ่งนี้ก็ยังต้องยุ่งอีก!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่ได้ถามว่าเป็นเรื่องน่าประหลาดใจอันใด ทำเพียงพยักหน้ายิ้มๆ เท่านั้น

“เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน” เมื่อจุดประสงค์ลุล่วงแล้ว ฉินซินก็ไม่รั้งตัวอยู่นาน หยัดกายขึ้นกล่าวลาด้วยรอยยิ้ม พอนางจากไป บรรยากาศก็เงียบลงทันที

“เรื่องน่าประหลาดใจที่นางพูดถึงคืออะไร? พวกเจ้ารู้หรือไม่?” แต่ไหนแต่ไรทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็ไม่ชอบเรื่องที่ตนคาดไม่ถึง นางนั้นชอบที่จะควบคุมเรื่องทุกอย่าง และเรื่องที่ไม่เป็นไปตามที่ใจหวัง นางก็ย่อมยากที่จะควบคุมได้ว่าเป็นเรื่องอะไร

“ได้ยินว่าสะใภ้รองพาพ่อครัวสองคนมาจากเหยี่ยนโจว ล้วนเป็นคนที่ตระกูลทั่วป๋าฝึกฝนอบรมมา เพื่อให้ท่านได้สัมผัสถึงรสชาติของบ้านเกิด” แม่นมอี้รู้เรื่องนี้อยู่นานแล้ว ทั้งเรื่องนี้ก็เป็นนางที่เตือนกับฉินซิน

“ยากที่นางจะมีความกตัญญูเช่นนี้! ข้าว่าพวกเราอย่าทำลายความหวังของเด็กทั้งสองเลย อย่างไรก็เข้าไปอยู่เสียหน่อยเถิด” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพยักหน้าอย่างพอใจ ตัดสินใจกับเรื่องนี้แล้ว

แม่นมอี้และแม่นมหนิงประสานสายตากัน ล้วนมองออกถึงแววตาดีใจของอีกฝ่าย กล่าวยิ้มๆ “ฮูหยินใหญ่ควรจะรับปากตั้งนานแล้วเจ้าค่ะ คุณชายรองและสะใภ้รองมีใจกตัญญูเช่นนี้ ท่านก็ควรจะให้โอกาสพวกเขาบ้างสิเจ้าคะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 227 ขอร้องอีกครั้ง

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 227 ขอร้องอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฉินซินน้อมคารวะฮูหยินใหญ่!” ทั่วป๋าฉินซินคำนับให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยอย่างเคารพนอบน้อม ทำให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพยักหน้ายิ้มอย่างพึงพอใจ ว่ากันว่าหลายวันมานี้ สองสามีภรรยาเข้ากันได้ไม่เลว แม้ว่าอวี่ไข่จะบ่นและไม่พอใจสินเดิมเจ้าสาวของตระ กูลทั่วป๋าอยู่บ้าง…หนึ่งร้อยสิบหกชั่งเท่ากัน แต่ในสินเดิมเจ้าสาวของมู่หรงชิงหวั่น เครื่องประดับอัญมณีต่างๆ ภาพอักษร และภาพวาดโบราณ ทั้งโฉนดที่ดินโฉนดบ้านกลับกินพื้นที่ไปมากกว่าหนึ่งส่วนสามเสียอีก ส่วนเครื่องเรือนหรูหราก็มีจำนวนมาก มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นเสื้อผ้าของสาวใช้แม่นมที่ติดตามชิงหวั่นเข้าตระกูลมา แต่ทั่วป๋าฉินซินกลับไม่เหมือนกัน พื้นที่และจำนวนของเครื่องเรือนเดิมทีก็มีไม่มาก แต่ภาพอักษรและภาพวาดโบราณ เครื่องประดับต่างๆ โฉนดบ้านโฉนดที่ดินกลับมีน้อยแค่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ทั้งสินเดิมของมู่หรงชิงหวั่นล้วนอัดมาอย่างเต็มเปี่ยม บางกล่องแค่เปิดออกสิ่งของก็ร่วงลงมาแล้ว คิดอยากจะปิดให้เป็นเหมือนเดิมนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ แต่ของทั่วป๋าฉินซินทุกกล่องกลับยัดของไว้เพียงแปดส่วนเท่านั้น เมื่อเปรียบ เทียบกันแล้ว มูลค่าของสินเดิมนางก็เกินมาครึ่งหนึ่งของชิงหวั่นเท่านั้น

แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เขาตกใจและรู้สึกไม่คาดฝันเป็นอย่างมากคือทั่วป๋าฉินซินแทบจะเก็บนิสัยเย่อหยิ่งและวางอำนาจของตนเองทิ้งไปอย่างสิ้นเชิง เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและเอาใจใส่ แม้จะกล่าวว่าคืนแรกของการแต่งงานจะฝืนให้ผ่านไปได้ แต่หลัง จากนั้นกลับทำให้เขาได้รับความรู้สึกอบอุ่นใจ ทั้งความหวานชื่นของคู่แต่งงานใหม่ ดังนั้น เรื่องที่ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจก็จะ

พยายามฝืนใจยอมรับไว้ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนตกอยู่ในหูตาของคนที่ทั่วป๋าซู่เยวี่ยส่งไปสอดแนม เมื่อข่าวถูกส่งกลับมาก็ทำให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพึงพอใจยิ่งนัก

“เหตุใดวันนี้จึงมีเวลาเข้ามาหายายแก่คนนี้ล่ะ?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยยิ้มอย่างชื่นมื่นมองทั่วป๋าฉินซิน “หลายวันมานี้พวกเจ้ายุ่งกับการต้อนรับแขกของแต่ละฝ่าย พรุ่งนี้จะเชิญคนจำนวนหนึ่งไปเป็นแขกที่บ้านใหม่ของพวกเจ้าอีก ยังยุ่งไม่พออย่างนั้นรึ?”

“จะยุ่งอย่างไรก็ไม่อาจลืมมาน้อมคารวะท่านได้หรอก” ฉินซินกล่าวอย่างกระเง้ากระงอด “หรือว่าจู่ๆ ฮูหยินใหญ่ก็รู้สึกว่าฉินซินขัดหูขัดตาขึ้นมา ไม่อยากจะพบฉินซินแล้ว?”

“จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ข้าหวังที่จะได้พบเจ้าทุกวันอยู่แล้ว” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยยิ้มแทบไม่เห็นดวงตา “หากพวกเจ้ารั้งตัวอยู่ในจวนได้ก็คงดี ทุกวันย่อมสามารถเข้ามาคุยเล่นกับยายแก่ที่ตัวคนเดียวอย่างข้า…จริงสิ พรุ่งนี้ข้าจะไปพูดกับฮ่าวเอ๋อร์ รอหลังจากที่บ้านใหม่ของพวกเจ้าจัดการเสร็จแล้วจะรับพวกเจ้ากลับมาอยู่ยาวที่นี่”

“ฮูหยินใหญ่อย่าได้ทำให้ท่านพ่อลำบากใจเลย” ฉินซินเผยใบหน้าที่มีความสุขแวบเดียวเท่านั้น ก่อนจะสั่นศีรษะกล่าวต่อ “จะรับพวกเรากลับมาอยู่หรือไม่ นั่นเป็นเรื่องในบ้าน อยู่ในความรับผิดชอบของท่านแม่ อีกทั้งสองวันมานี้มีเด็กที่ไม่ได้เรื่องทำให้ท่านแม่โกรธเคืองเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ช่างมันเถิด!”

“เจ้าหมายถึงฉินอวิ้น?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่ชอบคุณหนูลูกอนุคนนั้นของตระกูลทั่วป๋าแม้แต่น้อย เริ่มแรกก็พูดที่เรือนมีคู่จนทำให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อโมโหโกรธา คล้อยหลังก็ยังไม่สนใจเกียรติศักดิ์ศรีของคุณหนู ไปหาซั่งกวนเจวี๋ยอย่างตรงๆ พยายามจะกระโจนเข้าสู่อ้อมอก หลังจากถูกซั่งกวนเจวี๋ยสั่งสอนอย่างดุดันแล้ว ก็มาหาตัวเองอย่างไม่สนใจอันใด ขอร้องให้ตัวเองจัดการให้เป็นอนุภรรยาของซั่งกวนเจวี๋ย ช่างเป็นเด็กที่ไม่มีสมอง มิน่าเล่า ทั่วป๋าเชียนเย่าจึงไม่มีแผนที่จะเลื่อนฐานะลูกสาวอนุภรรยาพวกนี้ ทั้งยังพยายามหาโอกาสไม่ให้นางโผล่หน้าโผล่ตาออกมาโดยตลอด ที่แท้ก็เพราะพวกนางโง่ซ้ำโง่ซ้อนกันอยู่อย่างนี้!

“ก็ใช่น่ะสิเจ้าคะ” ฉินซินเผยยิ้มขมขื่นเล็กน้อย “นางคิดมาตลอดว่าตัวเองนั้นโดดเด่น นอกจากไม่มีชาติกำเนิดสูงส่ง ไม่ว่าจะอะไรก็ล้วนชนะข้าได้ทั้งนั้น นางอยากจะแต่งเป็นอนุ ก็ไม่ใช่เพราะข้าอยากจะแต่งกับลูกผู้พี่แต่ไม่สำเร็จหรอกหรือ!”

“มารดาผู้นั้นของนางก็ไม่ใช่คนดีอะไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนาง!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเคยพบมารดาของฉินอวิ้นมาหลายครั้ง

ในความรู้สึกคิดว่าเป็นเด็กที่ไม่รู้จักกาละเทศะคนหนึ่ง เพียงแต่รูปลักษณ์หน้าตากลับเป็นคนที่งดงามที่สุดในบรรดาภรรยาและอนุของทั่วป๋าเชียนเย่า

“เหยียนหย่าก็เป็นคนที่ไม่มีหูตา นางไม่อาจควบคุมพวกนางอย่างดีๆ ได้ ไม่ให้นางพูดจาเรื่อยเปื่อย คาดหวังตำแหน่งที่ไม่คู่ควรเป็นของพวกนาง? ช่างทำให้ตระกูลทั่วป๋าเสียหน้าจนแทบต้องแทรกแผ่นดินหนี!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยในยามนี้มีแต่คำพูดที่อยากจะต่อว่าหวังเหยียนหย่ามากมาย นางดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่หลักแหลมใช้การได้ แต่สำหรับการดูแลพวกน้องๆ จัดการควบคุมเรื่องในบ้านยังไม่มีความสามารถพอ ไม่เหมือนคุณหนูลูกภรรยาเอกที่ได้รับการสั่งสอนมาจากตระกูลดีๆ สักนิด

“นี่ก็โทษพี่สะใภ้ไม่ได้” ฉินซินพูดแก้ต่างให้หวังเหยียนหย่า “ตั้งแต่เล็กพี่สะใภ้ก็ไม่เคยพบมารดาของตัวเองมาก่อน แม้ว่าผู้ที่เลี้ยงดูต่อจะเป็นป้าของนาง แต่ถึงจะไม่กล้าข่มเหงนางอย่างโจ่งแจ้ง แต่ก็ไม่ได้สั่งสอนอะไรที่มีประโยชน์อย่างแท้จริงเลย แม้ว่านางจะมีความสามารถหลักแหลม ประกายความโดดเด่นออกมาจากสถานการณ์เช่นนั้นได้ ทั้งยังถูกจัดอยู่ในคุณหนูตระกูลที่มีชื่อเสียง ทำให้พี่ชายใหญ่แต่งนางเป็นภรรยาเอกได้ นั่นก็นับว่ามาได้ไกลแล้ว”

ทั่วป๋าซู่เยวี่ยถอนหายใจ “เริ่มแรกฉินหลิ่งนั้นถูกนางทำให้ลุ่มหลงจริงๆ แม้ว่าจะเป็นลูกสาวภรรยาเอกคนโต แต่กลับไม่ได้รับความโปรดปรานจากพ่อแม่ ทั้งไม่ได้เป็นที่นับถือของน้องสาวน้องชาย นางที่เป็นลูกสาวภรรยาเอกคนโตนี้นับว่าไร้ความสามารถอย่างแท้จริง! เจ้าลองดูพวกน้องๆ ของตระกูลหวัง ไม่ว่าจะเป็นลูกภรรยาเอกหรือลูกอนุ เมื่อพบนางล้วนมีท่าทางแปลกๆ กระทั่งพบฉินหลิ่งก็มักจะเรียกว่าพี่เขยอย่างเย็นชา ไม่รู้ยังจะคิดว่านางเป็นลูกนอกสมรสที่ไม่อยู่ในสายตาเสียอีก”

ฉินซินทอดถอนหายใจเล็กน้อย อย่างไรหวังเหยียนหย่าก็ปล่อยวางไปดีกว่า น้องสาวทั้งสองของนาง โดยเฉพาะหวังเหยียนซิน แม้จะมีข่าวลือที่ว่านางชอบอิ๋งอี้หังมาโดยตลอด แม้แต่หวงฝู่อวี๋หลิงก็ยังมองนางเป็นศัตรูหัวใจและตะปูในตา แต่ในยามที่นางพบกับอิ๋งอี้หังก็เอาแต่แสดงท่าทีสุภาพเรียบร้อย มักจะรักษามารยาททางสังคมแต่ก็ไม่ห่างเหิน หากจังหวะพอเหมาะก็จะกล่าวทักทายอิ๋งอี้หัง ไม่เผยแววตาชมชอบอันใดแม้แต่น้อย แม้ว่าภายหลังทั้งสองคนจะไม่ได้มีบทสรุปอันใด แต่ก็ไม่อาจเหมือนตัวเอง มาถึงสุดท้ายก็จำต้องใช้วิธีเช่นนั้นมาบีบให้ซั่งกวนเจวี๋ยแต่งงานกับตน ผลลัพธ์ล่ะ? ตัวเองมีจุดจบเช่นนี้ มีคำชี้นำผิดๆ จากทั่วป๋าซู่เยวี่ย มีความทระนงตนและความบ้าบิ่น ทั้งยังเรียนนิสัยเสียที่ไม่รู้จักความเหมาะสมและยอมเสี่ยงเข้าตาจนจากหวังเหยียนหย่า

“เวลานั้นก็ไม่ควรให้นางแต่งเข้าตระกูลทั่วป๋ามา” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยนั้นนับว่าไม่พอใจและไม่ชื่นชอบในตัวหวังเหยียนหย่า กล่าวอย่างเรียบเย็น “ตอนแรกฉินเสาก็เคยบอก นางไม่อาจรับผิดชอบในตำแหน่งสะใภ้ใหญ่ของตระกูลทั่วป๋าได้ ยิ่งไม่อาจอบรมสั่งสอนพวกน้องๆ อย่างดีๆ ได้ด้วย แต่พวกเจ้าใครก็ไม่ฟังทั้งนั้น!”

ทั่วป๋าฉินซินเผยยิ้มขมขื่น ทั่วป๋าฉินเสา พี่สาวคนโตของตัวเอง นอกจากหน้าตาที่ไม่ได้งดงามถึงกับมู่หรงชิงหวั่นนั้น จุดอื่นๆ ก็ล้วนไม่ด้อยไปกว่าคนอื่น ทั้งมีดวงตาที่สามารถมองเรื่องอย่างทะลุปรุโปร่ง น่าเสียดายที่นางถูกท่านพ่อใช้เป็นเครื่อง มือเชื่อมสัมพันธ์ ไม่สนใจการคัดค้านของนางก็ให้นางแต่งเป็นภรรยาคนใหม่ของอ๋องหนิง ไม่ถึงหนึ่งปีก็ตายในขณะที่ยังสาว จำได้ว่าปีนั้นนางพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าตัวเองและซั่งกวนเจวี๋ยไม่เหมาะสมกันสักนิด แต่ตัวเองก็ถูกทั่วป๋าซู่เยวี่ยหว่านล้อมให้เชื่อจนไม่ลืมหูลืมตา

“ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้วดีกว่า” ทั่วป๋าฉินซินส่ายศีรษะ “ไม่ว่าพี่สะใภ้จะอะไรอย่างไร แต่นางก็รักและเอ็นดูพวกน้องๆ ด้วยใจจริง วันนี้ยามที่ข้าเข้ามาก็ปรึกษากับอวี่ไข่เรียบร้อยแล้ว หลังจากพรุ่งนี้ย้ายไปอยู่บ้านใหม่ หากไม่มีเรื่องจำเป็นอันใดก็จะไม่กลับมา พวกเราไม่ได้เป็นที่ต้อนรับของบ้านหลังนี้เท่าใด อย่างไรรู้ตัวเสียหน่อย จะดีกับทุกคนมากกว่า!”

“เช่นนั้นพวกเจ้าไม่สนใจยายแก่อย่างข้าคนนี้แล้วหรือ?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเผยแววตาเคืองโกรธอยู่บ้าง สีหน้าก็บูดบึ้งขึ้นมาเช่นกัน

“จะกล้าได้อย่างไร!” ทั่วป๋าฉินซินกล่าวอย่างยิ้มๆ “พรุ่งนี้ต้องต้อนรับพวกสหายของอวี่ไข่และพี่ใหญ่ พวกพี่สะใภ้อีก จึงไม่อยากเชิญท่านเข้าไปรับความเหน็ดเหนื่อยด้วย แต่คาดว่าพวกเขาคงจะคึกคักอยู่สองสามวันก็จะค่อยๆ ทยอยกลับกันแล้ว รอหลังจากในบ้านเงียบสงบแล้ว ฉินซินก็จะจัดการเก็บกวาดให้สะอาดสะอ้าน รอต้อนรับท่านเป็นอย่างดี! ฮูหยินใหญ่ ฉินซินยังคงยืนยันคำนั้นอยู่ หวังว่าท่านจะให้โอกาสฉินซินดูแลในยามแก่เฒ่า ให้ฉินซินและอวี่ไข่ได้แสดงความกตัญญูกับท่านดีๆ เสียหน่อย!”

“ฮูหยินใหญ่ ข้าว่าแบบนี้ก็ดีนะเจ้าคะ รอหลังจากแขกพวกนั้นไปกันหมดแล้ว ท่านก็เข้าไปพักอยู่ชั่วคราวไม่กี่วัน ให้คุณชายรองและสะใภ้รองแสดงความกตัญญูต่อท่าน!” แม่นมหนิงเห็นทั่วป๋าซู่เยวี่ยตื้นตันใจอยู่บ้าง ก็กล่าวเอาอกเอาใจทันที

“แม่นมหนิง เจ้าพูดอะไรกัน!” ฉินซินมองแม่นมหนิงอย่างตำหนิไปที กระนั้นกลับไม่มีความหมายต่อว่าอย่างจริงจังแม้แต่น้อย แสร้งกล่าวไม่พอใจอยู่บ้าง “ฮูหยินใหญ่เข้าไปก็ย่อมอยู่ยาวๆ ไฉนจะอยู่ชั่วคราวไม่กี่วันได้? หรือเจ้าคิดว่าข้าและอวี่ไข่จะตอบแทนบุญคุณฮูหยินใหญ่อย่างดีๆ ไม่ได้ จะให้นางอยู่อย่างไม่สบายใจอย่างนั้นหรือ?”

“ดูปากที่พูดเหลวไหลของข้าสิเจ้าคะ!” แม่นมหนิงตบปากตัวเองเบาๆ สองวันก่อนฉินซินให้อนุภรรยามอบพระแก้วหยกที่พิเศษชิ้นหนึ่งให้กับนาง กล่าวว่าได้ผ่านการทำพิธีจากภิกษุที่มีสมณศักดิ์สูง พกติดไว้กับตัวก็จะช่วยป้องกันภยันตราย ทำให้แม่นมหนิงเปลี่ยนแปลงความคิดที่เคยมีต่อฉินซินตลอดมา หากเป็นช่วงครึ่งปีก่อน อย่าพูดเลยว่าฉินซินจะมอบของขวัญให้นาง แต่แค่จะเบนสายตามามองนางดีๆ ก็คงไม่มีด้วยซ้ำ

“เอาเถิดๆ อย่าได้มาทะเลาะกันที่นี่เลย” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยถูกทั่วป๋าฉินซินเชื้อเชิญอีกครั้งก็มีความปลื้มปิติเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังคงหยุดมุมปากตัวเองเอาไว้ได้ แสร้งกล่าวอย่างเรียบนิ่ง “จะเข้าไปหรือไม่ ข้าขอไตร่ตรองดูก่อนค่อยว่ากัน ทั้งจะได้ให้เวลาพวกเจ้าครุ่นคิดดีๆ ด้วย ข้าเป็นหญิงแก่ที่น่ารำคาญใจ หากเข้าไป กลับกันไปรบกวนพวกเจ้าก็คงไม่ดีแล้ว”

“ฮูหยินใหญ่…” ฉินซินย่ำเท้าอย่างเคืองโกรธอยู่บ้าง “ก่อนหน้านี้ข้าเพียงอยากถามความเห็นจากอวี่ไข่ ดังนั้นจึงไม่ได้พูดเรื่องนี้กับท่านให้เร็วก่อน ส่วนอวี่ไข่ก็กังวลว่าข้าจะคัดค้านอะไร ดังนั้นก็ไม่ได้คุยกับท่านเช่นกัน แต่คาดไม่ถึงว่าพวกเราล้วนคิดเหมือนกัน ไฉนท่านยังจะต้องคิดแล้วคิดอีกอยู่ที่นี่? ไม่ได้ ต้องว่ากันตามนี้ อย่างมากที่สุดก็สามวัน หากหลังจากสามวันท่านยังไปเป็นฝ่ายเข้าไปหา ข้าก็จะกลับมาใช้แผนอย่างหน้าไม่อายแล้วกัน!”

“ฮูหยินใหญ่ อย่างไรก็ให้คำตอบที่ชัดเจนแก่นางเถิดเจ้าค่ะ” แม่นมอี้หัวเราะขำขันขึ้นมา “ล้วนพูดแล้วว่านิสัยสะใภ้รองนั้นเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและใจกว้าง ยามนี้มาถูกท่านบีบนิสัยดื้อรั้นออกมาอีกครั้ง หากท่านปฏิเสธความหวังดีของนางอีก นางคงจะคลั่งขึ้นมาอย่างแน่นอน!”

“ก็ได้ๆ…” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยถูกนิสัยที่พัฒนาขึ้นของฉินซินกล่อมจนสำเร็จ หากฉินซินเอาแต่รักษาท่าทีอ่อนโยนเช่นนั้นนางก็ยังคงสองจิตสองใจอยู่บ้าง ยามนี้ดูเหมือนว่าฉินซินจะเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกมาอยู่บ้าง คำพูดของนางจึงนับว่าเชื่อได้

“เช่นนั้นข้าจะไปจัดเตรียมอะไรให้เรียบร้อย!” ทั่วป๋าฉินซินเผยยิ้มเต็มใบหน้า “วันที่ยี่สิบเอ็ดจะให้อวี่ไข่มารับท่านแต่เช้าตรู่ ข้าก็จะรออยู่ที่บ้านคอยต้อนรับท่านอย่างดี ฮูหยินใหญ่ ถึงเวลานั้นยังมีเรื่องที่น่าประหลาดใจรอท่านอยู่อีก”

“ได้ เจ้ารีบกลับไปพักผ่อนเสีย! หลายวันมานี้เหนื่อยแย่แล้ว พรุ่งนี้ก็ยังต้องยุ่งอีก!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่ได้ถามว่าเป็นเรื่องน่าประหลาดใจอันใด ทำเพียงพยักหน้ายิ้มๆ เท่านั้น

“เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน” เมื่อจุดประสงค์ลุล่วงแล้ว ฉินซินก็ไม่รั้งตัวอยู่นาน หยัดกายขึ้นกล่าวลาด้วยรอยยิ้ม พอนางจากไป บรรยากาศก็เงียบลงทันที

“เรื่องน่าประหลาดใจที่นางพูดถึงคืออะไร? พวกเจ้ารู้หรือไม่?” แต่ไหนแต่ไรทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็ไม่ชอบเรื่องที่ตนคาดไม่ถึง นางนั้นชอบที่จะควบคุมเรื่องทุกอย่าง และเรื่องที่ไม่เป็นไปตามที่ใจหวัง นางก็ย่อมยากที่จะควบคุมได้ว่าเป็นเรื่องอะไร

“ได้ยินว่าสะใภ้รองพาพ่อครัวสองคนมาจากเหยี่ยนโจว ล้วนเป็นคนที่ตระกูลทั่วป๋าฝึกฝนอบรมมา เพื่อให้ท่านได้สัมผัสถึงรสชาติของบ้านเกิด” แม่นมอี้รู้เรื่องนี้อยู่นานแล้ว ทั้งเรื่องนี้ก็เป็นนางที่เตือนกับฉินซิน

“ยากที่นางจะมีความกตัญญูเช่นนี้! ข้าว่าพวกเราอย่าทำลายความหวังของเด็กทั้งสองเลย อย่างไรก็เข้าไปอยู่เสียหน่อยเถิด” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพยักหน้าอย่างพอใจ ตัดสินใจกับเรื่องนี้แล้ว

แม่นมอี้และแม่นมหนิงประสานสายตากัน ล้วนมองออกถึงแววตาดีใจของอีกฝ่าย กล่าวยิ้มๆ “ฮูหยินใหญ่ควรจะรับปากตั้งนานแล้วเจ้าค่ะ คุณชายรองและสะใภ้รองมีใจกตัญญูเช่นนี้ ท่านก็ควรจะให้โอกาสพวกเขาบ้างสิเจ้าคะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 227 ขอร้องอีกครั้ง

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 227 ขอร้องอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฉินซินน้อมคารวะฮูหยินใหญ่!” ทั่วป๋าฉินซินคำนับให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยอย่างเคารพนอบน้อม ทำให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพยักหน้ายิ้มอย่างพึงพอใจ ว่ากันว่าหลายวันมานี้ สองสามีภรรยาเข้ากันได้ไม่เลว แม้ว่าอวี่ไข่จะบ่นและไม่พอใจสินเดิมเจ้าสาวของตระ กูลทั่วป๋าอยู่บ้าง…หนึ่งร้อยสิบหกชั่งเท่ากัน แต่ในสินเดิมเจ้าสาวของมู่หรงชิงหวั่น เครื่องประดับอัญมณีต่างๆ ภาพอักษร และภาพวาดโบราณ ทั้งโฉนดที่ดินโฉนดบ้านกลับกินพื้นที่ไปมากกว่าหนึ่งส่วนสามเสียอีก ส่วนเครื่องเรือนหรูหราก็มีจำนวนมาก มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นเสื้อผ้าของสาวใช้แม่นมที่ติดตามชิงหวั่นเข้าตระกูลมา แต่ทั่วป๋าฉินซินกลับไม่เหมือนกัน พื้นที่และจำนวนของเครื่องเรือนเดิมทีก็มีไม่มาก แต่ภาพอักษรและภาพวาดโบราณ เครื่องประดับต่างๆ โฉนดบ้านโฉนดที่ดินกลับมีน้อยแค่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ทั้งสินเดิมของมู่หรงชิงหวั่นล้วนอัดมาอย่างเต็มเปี่ยม บางกล่องแค่เปิดออกสิ่งของก็ร่วงลงมาแล้ว คิดอยากจะปิดให้เป็นเหมือนเดิมนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ แต่ของทั่วป๋าฉินซินทุกกล่องกลับยัดของไว้เพียงแปดส่วนเท่านั้น เมื่อเปรียบ เทียบกันแล้ว มูลค่าของสินเดิมนางก็เกินมาครึ่งหนึ่งของชิงหวั่นเท่านั้น

แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เขาตกใจและรู้สึกไม่คาดฝันเป็นอย่างมากคือทั่วป๋าฉินซินแทบจะเก็บนิสัยเย่อหยิ่งและวางอำนาจของตนเองทิ้งไปอย่างสิ้นเชิง เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและเอาใจใส่ แม้จะกล่าวว่าคืนแรกของการแต่งงานจะฝืนให้ผ่านไปได้ แต่หลัง จากนั้นกลับทำให้เขาได้รับความรู้สึกอบอุ่นใจ ทั้งความหวานชื่นของคู่แต่งงานใหม่ ดังนั้น เรื่องที่ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจก็จะ

พยายามฝืนใจยอมรับไว้ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนตกอยู่ในหูตาของคนที่ทั่วป๋าซู่เยวี่ยส่งไปสอดแนม เมื่อข่าวถูกส่งกลับมาก็ทำให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพึงพอใจยิ่งนัก

“เหตุใดวันนี้จึงมีเวลาเข้ามาหายายแก่คนนี้ล่ะ?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยยิ้มอย่างชื่นมื่นมองทั่วป๋าฉินซิน “หลายวันมานี้พวกเจ้ายุ่งกับการต้อนรับแขกของแต่ละฝ่าย พรุ่งนี้จะเชิญคนจำนวนหนึ่งไปเป็นแขกที่บ้านใหม่ของพวกเจ้าอีก ยังยุ่งไม่พออย่างนั้นรึ?”

“จะยุ่งอย่างไรก็ไม่อาจลืมมาน้อมคารวะท่านได้หรอก” ฉินซินกล่าวอย่างกระเง้ากระงอด “หรือว่าจู่ๆ ฮูหยินใหญ่ก็รู้สึกว่าฉินซินขัดหูขัดตาขึ้นมา ไม่อยากจะพบฉินซินแล้ว?”

“จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ข้าหวังที่จะได้พบเจ้าทุกวันอยู่แล้ว” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยยิ้มแทบไม่เห็นดวงตา “หากพวกเจ้ารั้งตัวอยู่ในจวนได้ก็คงดี ทุกวันย่อมสามารถเข้ามาคุยเล่นกับยายแก่ที่ตัวคนเดียวอย่างข้า…จริงสิ พรุ่งนี้ข้าจะไปพูดกับฮ่าวเอ๋อร์ รอหลังจากที่บ้านใหม่ของพวกเจ้าจัดการเสร็จแล้วจะรับพวกเจ้ากลับมาอยู่ยาวที่นี่”

“ฮูหยินใหญ่อย่าได้ทำให้ท่านพ่อลำบากใจเลย” ฉินซินเผยใบหน้าที่มีความสุขแวบเดียวเท่านั้น ก่อนจะสั่นศีรษะกล่าวต่อ “จะรับพวกเรากลับมาอยู่หรือไม่ นั่นเป็นเรื่องในบ้าน อยู่ในความรับผิดชอบของท่านแม่ อีกทั้งสองวันมานี้มีเด็กที่ไม่ได้เรื่องทำให้ท่านแม่โกรธเคืองเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ช่างมันเถิด!”

“เจ้าหมายถึงฉินอวิ้น?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่ชอบคุณหนูลูกอนุคนนั้นของตระกูลทั่วป๋าแม้แต่น้อย เริ่มแรกก็พูดที่เรือนมีคู่จนทำให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อโมโหโกรธา คล้อยหลังก็ยังไม่สนใจเกียรติศักดิ์ศรีของคุณหนู ไปหาซั่งกวนเจวี๋ยอย่างตรงๆ พยายามจะกระโจนเข้าสู่อ้อมอก หลังจากถูกซั่งกวนเจวี๋ยสั่งสอนอย่างดุดันแล้ว ก็มาหาตัวเองอย่างไม่สนใจอันใด ขอร้องให้ตัวเองจัดการให้เป็นอนุภรรยาของซั่งกวนเจวี๋ย ช่างเป็นเด็กที่ไม่มีสมอง มิน่าเล่า ทั่วป๋าเชียนเย่าจึงไม่มีแผนที่จะเลื่อนฐานะลูกสาวอนุภรรยาพวกนี้ ทั้งยังพยายามหาโอกาสไม่ให้นางโผล่หน้าโผล่ตาออกมาโดยตลอด ที่แท้ก็เพราะพวกนางโง่ซ้ำโง่ซ้อนกันอยู่อย่างนี้!

“ก็ใช่น่ะสิเจ้าคะ” ฉินซินเผยยิ้มขมขื่นเล็กน้อย “นางคิดมาตลอดว่าตัวเองนั้นโดดเด่น นอกจากไม่มีชาติกำเนิดสูงส่ง ไม่ว่าจะอะไรก็ล้วนชนะข้าได้ทั้งนั้น นางอยากจะแต่งเป็นอนุ ก็ไม่ใช่เพราะข้าอยากจะแต่งกับลูกผู้พี่แต่ไม่สำเร็จหรอกหรือ!”

“มารดาผู้นั้นของนางก็ไม่ใช่คนดีอะไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนาง!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเคยพบมารดาของฉินอวิ้นมาหลายครั้ง

ในความรู้สึกคิดว่าเป็นเด็กที่ไม่รู้จักกาละเทศะคนหนึ่ง เพียงแต่รูปลักษณ์หน้าตากลับเป็นคนที่งดงามที่สุดในบรรดาภรรยาและอนุของทั่วป๋าเชียนเย่า

“เหยียนหย่าก็เป็นคนที่ไม่มีหูตา นางไม่อาจควบคุมพวกนางอย่างดีๆ ได้ ไม่ให้นางพูดจาเรื่อยเปื่อย คาดหวังตำแหน่งที่ไม่คู่ควรเป็นของพวกนาง? ช่างทำให้ตระกูลทั่วป๋าเสียหน้าจนแทบต้องแทรกแผ่นดินหนี!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยในยามนี้มีแต่คำพูดที่อยากจะต่อว่าหวังเหยียนหย่ามากมาย นางดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่หลักแหลมใช้การได้ แต่สำหรับการดูแลพวกน้องๆ จัดการควบคุมเรื่องในบ้านยังไม่มีความสามารถพอ ไม่เหมือนคุณหนูลูกภรรยาเอกที่ได้รับการสั่งสอนมาจากตระกูลดีๆ สักนิด

“นี่ก็โทษพี่สะใภ้ไม่ได้” ฉินซินพูดแก้ต่างให้หวังเหยียนหย่า “ตั้งแต่เล็กพี่สะใภ้ก็ไม่เคยพบมารดาของตัวเองมาก่อน แม้ว่าผู้ที่เลี้ยงดูต่อจะเป็นป้าของนาง แต่ถึงจะไม่กล้าข่มเหงนางอย่างโจ่งแจ้ง แต่ก็ไม่ได้สั่งสอนอะไรที่มีประโยชน์อย่างแท้จริงเลย แม้ว่านางจะมีความสามารถหลักแหลม ประกายความโดดเด่นออกมาจากสถานการณ์เช่นนั้นได้ ทั้งยังถูกจัดอยู่ในคุณหนูตระกูลที่มีชื่อเสียง ทำให้พี่ชายใหญ่แต่งนางเป็นภรรยาเอกได้ นั่นก็นับว่ามาได้ไกลแล้ว”

ทั่วป๋าซู่เยวี่ยถอนหายใจ “เริ่มแรกฉินหลิ่งนั้นถูกนางทำให้ลุ่มหลงจริงๆ แม้ว่าจะเป็นลูกสาวภรรยาเอกคนโต แต่กลับไม่ได้รับความโปรดปรานจากพ่อแม่ ทั้งไม่ได้เป็นที่นับถือของน้องสาวน้องชาย นางที่เป็นลูกสาวภรรยาเอกคนโตนี้นับว่าไร้ความสามารถอย่างแท้จริง! เจ้าลองดูพวกน้องๆ ของตระกูลหวัง ไม่ว่าจะเป็นลูกภรรยาเอกหรือลูกอนุ เมื่อพบนางล้วนมีท่าทางแปลกๆ กระทั่งพบฉินหลิ่งก็มักจะเรียกว่าพี่เขยอย่างเย็นชา ไม่รู้ยังจะคิดว่านางเป็นลูกนอกสมรสที่ไม่อยู่ในสายตาเสียอีก”

ฉินซินทอดถอนหายใจเล็กน้อย อย่างไรหวังเหยียนหย่าก็ปล่อยวางไปดีกว่า น้องสาวทั้งสองของนาง โดยเฉพาะหวังเหยียนซิน แม้จะมีข่าวลือที่ว่านางชอบอิ๋งอี้หังมาโดยตลอด แม้แต่หวงฝู่อวี๋หลิงก็ยังมองนางเป็นศัตรูหัวใจและตะปูในตา แต่ในยามที่นางพบกับอิ๋งอี้หังก็เอาแต่แสดงท่าทีสุภาพเรียบร้อย มักจะรักษามารยาททางสังคมแต่ก็ไม่ห่างเหิน หากจังหวะพอเหมาะก็จะกล่าวทักทายอิ๋งอี้หัง ไม่เผยแววตาชมชอบอันใดแม้แต่น้อย แม้ว่าภายหลังทั้งสองคนจะไม่ได้มีบทสรุปอันใด แต่ก็ไม่อาจเหมือนตัวเอง มาถึงสุดท้ายก็จำต้องใช้วิธีเช่นนั้นมาบีบให้ซั่งกวนเจวี๋ยแต่งงานกับตน ผลลัพธ์ล่ะ? ตัวเองมีจุดจบเช่นนี้ มีคำชี้นำผิดๆ จากทั่วป๋าซู่เยวี่ย มีความทระนงตนและความบ้าบิ่น ทั้งยังเรียนนิสัยเสียที่ไม่รู้จักความเหมาะสมและยอมเสี่ยงเข้าตาจนจากหวังเหยียนหย่า

“เวลานั้นก็ไม่ควรให้นางแต่งเข้าตระกูลทั่วป๋ามา” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยนั้นนับว่าไม่พอใจและไม่ชื่นชอบในตัวหวังเหยียนหย่า กล่าวอย่างเรียบเย็น “ตอนแรกฉินเสาก็เคยบอก นางไม่อาจรับผิดชอบในตำแหน่งสะใภ้ใหญ่ของตระกูลทั่วป๋าได้ ยิ่งไม่อาจอบรมสั่งสอนพวกน้องๆ อย่างดีๆ ได้ด้วย แต่พวกเจ้าใครก็ไม่ฟังทั้งนั้น!”

ทั่วป๋าฉินซินเผยยิ้มขมขื่น ทั่วป๋าฉินเสา พี่สาวคนโตของตัวเอง นอกจากหน้าตาที่ไม่ได้งดงามถึงกับมู่หรงชิงหวั่นนั้น จุดอื่นๆ ก็ล้วนไม่ด้อยไปกว่าคนอื่น ทั้งมีดวงตาที่สามารถมองเรื่องอย่างทะลุปรุโปร่ง น่าเสียดายที่นางถูกท่านพ่อใช้เป็นเครื่อง มือเชื่อมสัมพันธ์ ไม่สนใจการคัดค้านของนางก็ให้นางแต่งเป็นภรรยาคนใหม่ของอ๋องหนิง ไม่ถึงหนึ่งปีก็ตายในขณะที่ยังสาว จำได้ว่าปีนั้นนางพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าตัวเองและซั่งกวนเจวี๋ยไม่เหมาะสมกันสักนิด แต่ตัวเองก็ถูกทั่วป๋าซู่เยวี่ยหว่านล้อมให้เชื่อจนไม่ลืมหูลืมตา

“ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้วดีกว่า” ทั่วป๋าฉินซินส่ายศีรษะ “ไม่ว่าพี่สะใภ้จะอะไรอย่างไร แต่นางก็รักและเอ็นดูพวกน้องๆ ด้วยใจจริง วันนี้ยามที่ข้าเข้ามาก็ปรึกษากับอวี่ไข่เรียบร้อยแล้ว หลังจากพรุ่งนี้ย้ายไปอยู่บ้านใหม่ หากไม่มีเรื่องจำเป็นอันใดก็จะไม่กลับมา พวกเราไม่ได้เป็นที่ต้อนรับของบ้านหลังนี้เท่าใด อย่างไรรู้ตัวเสียหน่อย จะดีกับทุกคนมากกว่า!”

“เช่นนั้นพวกเจ้าไม่สนใจยายแก่อย่างข้าคนนี้แล้วหรือ?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเผยแววตาเคืองโกรธอยู่บ้าง สีหน้าก็บูดบึ้งขึ้นมาเช่นกัน

“จะกล้าได้อย่างไร!” ทั่วป๋าฉินซินกล่าวอย่างยิ้มๆ “พรุ่งนี้ต้องต้อนรับพวกสหายของอวี่ไข่และพี่ใหญ่ พวกพี่สะใภ้อีก จึงไม่อยากเชิญท่านเข้าไปรับความเหน็ดเหนื่อยด้วย แต่คาดว่าพวกเขาคงจะคึกคักอยู่สองสามวันก็จะค่อยๆ ทยอยกลับกันแล้ว รอหลังจากในบ้านเงียบสงบแล้ว ฉินซินก็จะจัดการเก็บกวาดให้สะอาดสะอ้าน รอต้อนรับท่านเป็นอย่างดี! ฮูหยินใหญ่ ฉินซินยังคงยืนยันคำนั้นอยู่ หวังว่าท่านจะให้โอกาสฉินซินดูแลในยามแก่เฒ่า ให้ฉินซินและอวี่ไข่ได้แสดงความกตัญญูกับท่านดีๆ เสียหน่อย!”

“ฮูหยินใหญ่ ข้าว่าแบบนี้ก็ดีนะเจ้าคะ รอหลังจากแขกพวกนั้นไปกันหมดแล้ว ท่านก็เข้าไปพักอยู่ชั่วคราวไม่กี่วัน ให้คุณชายรองและสะใภ้รองแสดงความกตัญญูต่อท่าน!” แม่นมหนิงเห็นทั่วป๋าซู่เยวี่ยตื้นตันใจอยู่บ้าง ก็กล่าวเอาอกเอาใจทันที

“แม่นมหนิง เจ้าพูดอะไรกัน!” ฉินซินมองแม่นมหนิงอย่างตำหนิไปที กระนั้นกลับไม่มีความหมายต่อว่าอย่างจริงจังแม้แต่น้อย แสร้งกล่าวไม่พอใจอยู่บ้าง “ฮูหยินใหญ่เข้าไปก็ย่อมอยู่ยาวๆ ไฉนจะอยู่ชั่วคราวไม่กี่วันได้? หรือเจ้าคิดว่าข้าและอวี่ไข่จะตอบแทนบุญคุณฮูหยินใหญ่อย่างดีๆ ไม่ได้ จะให้นางอยู่อย่างไม่สบายใจอย่างนั้นหรือ?”

“ดูปากที่พูดเหลวไหลของข้าสิเจ้าคะ!” แม่นมหนิงตบปากตัวเองเบาๆ สองวันก่อนฉินซินให้อนุภรรยามอบพระแก้วหยกที่พิเศษชิ้นหนึ่งให้กับนาง กล่าวว่าได้ผ่านการทำพิธีจากภิกษุที่มีสมณศักดิ์สูง พกติดไว้กับตัวก็จะช่วยป้องกันภยันตราย ทำให้แม่นมหนิงเปลี่ยนแปลงความคิดที่เคยมีต่อฉินซินตลอดมา หากเป็นช่วงครึ่งปีก่อน อย่าพูดเลยว่าฉินซินจะมอบของขวัญให้นาง แต่แค่จะเบนสายตามามองนางดีๆ ก็คงไม่มีด้วยซ้ำ

“เอาเถิดๆ อย่าได้มาทะเลาะกันที่นี่เลย” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยถูกทั่วป๋าฉินซินเชื้อเชิญอีกครั้งก็มีความปลื้มปิติเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังคงหยุดมุมปากตัวเองเอาไว้ได้ แสร้งกล่าวอย่างเรียบนิ่ง “จะเข้าไปหรือไม่ ข้าขอไตร่ตรองดูก่อนค่อยว่ากัน ทั้งจะได้ให้เวลาพวกเจ้าครุ่นคิดดีๆ ด้วย ข้าเป็นหญิงแก่ที่น่ารำคาญใจ หากเข้าไป กลับกันไปรบกวนพวกเจ้าก็คงไม่ดีแล้ว”

“ฮูหยินใหญ่…” ฉินซินย่ำเท้าอย่างเคืองโกรธอยู่บ้าง “ก่อนหน้านี้ข้าเพียงอยากถามความเห็นจากอวี่ไข่ ดังนั้นจึงไม่ได้พูดเรื่องนี้กับท่านให้เร็วก่อน ส่วนอวี่ไข่ก็กังวลว่าข้าจะคัดค้านอะไร ดังนั้นก็ไม่ได้คุยกับท่านเช่นกัน แต่คาดไม่ถึงว่าพวกเราล้วนคิดเหมือนกัน ไฉนท่านยังจะต้องคิดแล้วคิดอีกอยู่ที่นี่? ไม่ได้ ต้องว่ากันตามนี้ อย่างมากที่สุดก็สามวัน หากหลังจากสามวันท่านยังไปเป็นฝ่ายเข้าไปหา ข้าก็จะกลับมาใช้แผนอย่างหน้าไม่อายแล้วกัน!”

“ฮูหยินใหญ่ อย่างไรก็ให้คำตอบที่ชัดเจนแก่นางเถิดเจ้าค่ะ” แม่นมอี้หัวเราะขำขันขึ้นมา “ล้วนพูดแล้วว่านิสัยสะใภ้รองนั้นเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและใจกว้าง ยามนี้มาถูกท่านบีบนิสัยดื้อรั้นออกมาอีกครั้ง หากท่านปฏิเสธความหวังดีของนางอีก นางคงจะคลั่งขึ้นมาอย่างแน่นอน!”

“ก็ได้ๆ…” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยถูกนิสัยที่พัฒนาขึ้นของฉินซินกล่อมจนสำเร็จ หากฉินซินเอาแต่รักษาท่าทีอ่อนโยนเช่นนั้นนางก็ยังคงสองจิตสองใจอยู่บ้าง ยามนี้ดูเหมือนว่าฉินซินจะเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกมาอยู่บ้าง คำพูดของนางจึงนับว่าเชื่อได้

“เช่นนั้นข้าจะไปจัดเตรียมอะไรให้เรียบร้อย!” ทั่วป๋าฉินซินเผยยิ้มเต็มใบหน้า “วันที่ยี่สิบเอ็ดจะให้อวี่ไข่มารับท่านแต่เช้าตรู่ ข้าก็จะรออยู่ที่บ้านคอยต้อนรับท่านอย่างดี ฮูหยินใหญ่ ถึงเวลานั้นยังมีเรื่องที่น่าประหลาดใจรอท่านอยู่อีก”

“ได้ เจ้ารีบกลับไปพักผ่อนเสีย! หลายวันมานี้เหนื่อยแย่แล้ว พรุ่งนี้ก็ยังต้องยุ่งอีก!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่ได้ถามว่าเป็นเรื่องน่าประหลาดใจอันใด ทำเพียงพยักหน้ายิ้มๆ เท่านั้น

“เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน” เมื่อจุดประสงค์ลุล่วงแล้ว ฉินซินก็ไม่รั้งตัวอยู่นาน หยัดกายขึ้นกล่าวลาด้วยรอยยิ้ม พอนางจากไป บรรยากาศก็เงียบลงทันที

“เรื่องน่าประหลาดใจที่นางพูดถึงคืออะไร? พวกเจ้ารู้หรือไม่?” แต่ไหนแต่ไรทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็ไม่ชอบเรื่องที่ตนคาดไม่ถึง นางนั้นชอบที่จะควบคุมเรื่องทุกอย่าง และเรื่องที่ไม่เป็นไปตามที่ใจหวัง นางก็ย่อมยากที่จะควบคุมได้ว่าเป็นเรื่องอะไร

“ได้ยินว่าสะใภ้รองพาพ่อครัวสองคนมาจากเหยี่ยนโจว ล้วนเป็นคนที่ตระกูลทั่วป๋าฝึกฝนอบรมมา เพื่อให้ท่านได้สัมผัสถึงรสชาติของบ้านเกิด” แม่นมอี้รู้เรื่องนี้อยู่นานแล้ว ทั้งเรื่องนี้ก็เป็นนางที่เตือนกับฉินซิน

“ยากที่นางจะมีความกตัญญูเช่นนี้! ข้าว่าพวกเราอย่าทำลายความหวังของเด็กทั้งสองเลย อย่างไรก็เข้าไปอยู่เสียหน่อยเถิด” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพยักหน้าอย่างพอใจ ตัดสินใจกับเรื่องนี้แล้ว

แม่นมอี้และแม่นมหนิงประสานสายตากัน ล้วนมองออกถึงแววตาดีใจของอีกฝ่าย กล่าวยิ้มๆ “ฮูหยินใหญ่ควรจะรับปากตั้งนานแล้วเจ้าค่ะ คุณชายรองและสะใภ้รองมีใจกตัญญูเช่นนี้ ท่านก็ควรจะให้โอกาสพวกเขาบ้างสิเจ้าคะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+