ผมตื่นขึ้นมาควบคุมยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ผมเลยเป็นทหารรับจ้างอวกาศ — I Woke Up Piloting the Strongest Starship, so I Became a Space Mercenary 205 ของหลังต่อสู้และความเครียด

Now you are reading ผมตื่นขึ้นมาควบคุมยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ผมเลยเป็นทหารรับจ้างอวกาศ — I Woke Up Piloting the Strongest Starship, so I Became a Space Mercenary Chapter 205 ของหลังต่อสู้และความเครียด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

205 ของหลังต่อสู้และความเครียด

“ตอนนี้ มีความต้องการยานขนส่งของประเภทเล็กสูง แม้ว่าความจุห้องเก็บของของยานยังเล็กไปเล็กน้อย คุณยังขายพวกมันได้มากเท่าที่คุณต้องการที่นี่ตราบใดที่มันเร็วเพียงพอที่จะส่งคนระหว่างพื้นผิวของดาวเคราะห์และโคโลนีค้าขาย คุณเอ๋ย ผมแค่อดใจไม่ไหวทที่จะหัวเราะ”

ขณะผมมองดูยานขนส่งปรับแต่ง (อดีตยานโจรสลัด) อันถุูกขนออกมาจากโรงจอดหลังจากผู้ซื้อได้ถูกตัดสินใจ ขอบของปากผมงอขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ แต่จริงๆเลย พวกคุณ ผมรู้สึกเหมือนอยากหัวเราะในความสุขสันต์จริงๆตอนนี้

เราอัดชิ้นส่วนที่เราแงะออกมาจากซากของยานโจรสลัดอันถูกทำลายไปเป็นของที่ยังเป็นชิ้นเป็นอันออกมาเป็นโครงขนาดค่อนข้งเล็กและยัดแผ่นเกราะซึ่งเราได้มาจากพวกมันด้วยเหมือนกันใส่ให้ยานขนส่งของขนาดเล็กทันทีและขายมันออกไปภายในโคโลนีค้าขาย

แน่นอน หน่วยประกอบอุปกรณ์ของยานไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีมาก แต่ถ้ามันแค่จะทำหน้าที่เป็นยานขนคนระหว่างโคโลนีและดาวเคราะ ระบบสนับสนุนชีวิตจะนวนน้อยที่สุดจะมากกว่าเพียงพอ อย่างแย่ที่สุด ลูกเรือแค่ใส่ชุดอวกาศระหว่างขับมันได้ อืม มันไม่เหมือนว่าผมจะมีอะไรทำมากกว่านี้กับมันเมื่อมันขายออกไปแล้ว

“สำหรับการอ้างอิง ผมขอถามว่าคุณจะขายยานเท่าไหร่ได้มั้ย?”

ผิวน้ำตาลแห่งความสุดสวยเนียจากเนียโตะฟลิกซ์ยืนข้างผมและถามคำถามขณะเธอมองยานถูกขนออกไปด้วยเหมือนกัน ผมคิดเกี่ยวกับราคาของยานเหล่านี้ว่าขายได้เท่าไหร่ในตลาดและเปิดปากเพื่อตอบเธอ

“ถ้าผมจำไม่ผิด ยานประเภทเล็กขายได้ประมาณ 50,000 และยานประเภทกลางขายได้ 100,000 หรือประมาณนั้น”

เราสามารถจะขายยานประเภทเล็กได้หนึ่งและยานประเภทกลางได้หนึ่งในเวลานี้ พวกมันทั้งสองได้ถูกปรับแต่งเข้าสู่ยานขนส่งของด้วยการเน้นปรับความเร็วและความจุของ

“ส่วนอื่นซึ่งเราสามารถเก็บกู้มาได้ เช่นเครื่องกำเนิดพลังงานและเครื่องกำเนิดโล่ด้วยเหมือนกัน หน่วยประกอบอื่นก็ได้ถูกขายได้ราคาดี พวกมันก็อยู่บนความต้องการด้วยตอนนี้ ผมคิดว่าเราสามารถขายพวกมันทั้งหมดได้ประมาณ 150,000 อีเนลโดยรวม เราสามารถได้มาประมาณ 300,000 อีเนลจากของเก็บหลังสู้ของเรา รางวัลค่าหัวที่เราได้สำหรับกำจัดโจรสลัดคือประมาณ 320,000 ดังนั้นเราได้รวมประมาณ 620,000 อีเนล”

เพิ่มเติม เราก็ได้เงินค่าจ้างรายวัน 300,000 อีเนลจากตระกูลดาเรนวาลด์ เราใช้เวลาโดยรวมไปสามวันเพื่อล่าโจรสลัด ดังนั้นเราได้รับโดยรวม 900,000 อีเนลเป็นค่าจ้าง นั่นหมายถึงเราสามารถได้รับรวมทั้งหมด 1,520,000 อีเนลเท่าที่ผ่านมา

ถ้าเรานำออก 10% จากการขายยานและชิ้นส่วนเป็นเงินพิเศษของทีน่าและวิสเกอร์ 1% ของรายได้รวมทั้งหมดเป็นส่วนแบ่งของมีมิ และ 3% สำหรับเอลม่า ผมยังมีประมาณ 1.4 ล้านสำหรับส่วนแบ่งของผม เสี้ยวของนั่นจะถูกแบ่งออกไปเป็นการบำรุงรักษาของยานเรา ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องรวมไปถึงค่าจอดพัก, ค่าใช้จ่ายอาหารของทุกคน, ค่าจ้างกำจัดของเสีย, ด้วยกันกับการซื้อน้ำและออกซิเจนอันจำเป็นสำหรับการรอดชีวิตออกไปในอวกาศ

“ฮิโระซัง สนับสนุนฉันด้วยได้มั้ย ได้โปรด? ฉันอาจดูไม่เหมือน แต่จริงๆแล้วฉันเป็นประเภททำงานหนักนะรู้ไหม”

“จริงๆแล้วผมก็เต็มมือแล้ว คุณ”

เนียแอบมองหน้าผมด้วยด้วยตาแดงฉานร้อนแรงขของเธออันส่องสว่างอย่างสดใส และผมปฏิเสธข้อเสนอของเธอด้วยรอยยิ้ม แน่นอนเลยว่าผู้หญิงคนนี้คือสุดยอดของความสวย แต่บางอย่างที่ลึกเข้าไปข้างในผมกำลังเตือนผมว่าอย่าให้ได้เข้าไปยุ่งกับเธอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นและต้องเสียอะไรไป

“นั่นโชคร้ายนะ”

เธอเพียงแค่ยักไหล่การปฏิเสธออกไปและถอยกลับไป เธอน่าจะไม่ได้จริงจังเต็มที่เกี่ยวกับมัน ถ้าให้เริ่มพูด

“แต่จริงๆแล้วมันดูเหมือนเป็นกองพะเนินของความสนุกกับคุณเลย ฮิโระซัง…… ไม่อยากรับฉันเข้าไปด้วยจริงๆเหรอ? ฉันแน่ใจเลยว่าจะไม่หยุดมีสิ่งที่เป็นความสนุกเก็บไว้เยอะในอนาคตนะรู้มั้ย?”

“ผมมือเต็มจริงจังแล้วครับ คุณ”

ไม่นานมานี้ ปัญหากลิ้งเข้ามาแม้แต่ ณ ความคิดของพวกเขาไขว้ผ่านเข้ามาในใจของเรา แน่นอนเลยว่าผมไม่ได้ลงลายเซ็นเพื่อรับมันเพิ่ม ผมพอรู้ความรู้สึกว่า ‘ความสนุก’ ที่เนียพูดถึงมันมีบางอย่างน่ากลัวรบกวนใจดังอยู่นิดหน่อย

“ช่างโชคร้ายจริงๆ……”

เนียปล่อยถอนหายใจเศร้าอย่างน่าสงสาร

“เราจะออกจากท่าพรุ่งที่ ชั่วโมง 13:00 เวลามาตรฐานโคโลนี พวกคุณนั้นอยากทำอะไรก็ได้จนกว่าเวลานั้น ดังนั้นเอาเลยแล้วออกไปยืดปีกออกข้างนอกสักหนึ่งนิด เราจะยุ่งมากๆอีกครั้งในสามวันหลังจากทั้งหมด”

“รับทราบ อะไรที่เธอและคนอื่นมีแผนกันฮิโระซัง?”

“ยังไม่มีอะไรถูกตัดสินใจยกเว้นอาหารเย็น เราจะเข้าไปทานอาหารเย็นส่วนตัวกัน เพราะมันส่วนตัว ผมเสียใจแต่ผมอนุญาตให้พวกคุณถ่ายถอดมันไม่ได้”

“อาหารค่ำส่วนตัวเหรอหือ…… นั่นทำให้ฉันสงสัย”

“ไม่ใช่ผมเพิ่งบอกให้รั้งความคิดไว้กับตัวเองเหรอ?”

ดวงตาเนียเริ่มติดไฟอย่างสดใสด้วยความสงสัยอีกครั้ง

ความกล้าเปิดเผยของผู้หญิงคนนี้ หรือความไร้ยางอายมากกว่า ค่อนข้างน่าประทับใจผมจะชมเธอตรงนั้น อย่างจริงจัง

ผมอุ้มพี่น้องช่างผู้จบที่หลับไปในโรงจอด กลับไปที่ห้องพวกเธอและช่วยมีมิกับการสั่งและจัดของพร้อมใช้ ก่อนผมจะรู้ มันก็เกือบจะเวลากินข้าวเย็นแล้ว ผมเคาะพี่น้องช่างผู้หลับไหลให้ตื่นและยัดเอลม่าผู้เมาเข้าพอดพยาบาลและให้เธอสร่างเมา จากนั้นทั้งหมดของพวกเราออกบัวดำพร้อมๆกัน

เมย์คิดว่ายังอยู่ในบัวดำจะดีกว่า เธอไม่จำเป็นต้องกินจริงๆ และเพราะเอลม่าและผมมาด้วยกันกับทุกคน ไม่มีความจำเป็นสำหรับผู้คุ้มกันกายด้วยเหมือนกัน แต่กลับกัน ผมสัญญาข้างในข้างในใจว่าจะเอาใจเธอเยอะเมื่อเรากลับไป

ใช่ หรือ แต่ผมว่าเธอจะเป็นคนที่เอาใจผมมากกว่า

มันแปลกนิดหน่อย แน่นอน แต่สำหรับเมย์ มันเป็นหนึ่งในความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ บางครั้งผมก็ไม่เข้าใจเมดดรอยด์ในบางเวลา

“เราจะไปกินอาหารค่ำกับคริสจังวันนี้ ถูกมั้ย?”

“เพราะทั้งหมดเราไม่ได้คุยกันมากระหว่างงานเลี้ยงฉลองนั่นไง”

ณ เวลานั้น คริสเข้างานกินข้าวเย็นเป็นตัวแทนของเอิร์ลและสายตาของผู้เข้าร่วมงานอื่นทั้งหมดอยู่บนเธอ ดังนั้น เราไม่สามารถจะคุยกันได้อย่างอิสระกลับกัน ในเวลานี้ เราไม่ได้ไปงานอาหารค่ำอย่างเป็นทางการ แต่ เราจะไปกินข้าวเย็นด้วยกันแบบฉันมิตรกับคริสในห้องส่วนตัวของร้านอาหารมีระดับแบบแพงสุดแทน

“ฉันแน่ใจว่าคริสรับอะไรมาเยอะแม้แต่ตอนนี้่ ฮิโระ ดูและเธอดีๆวันนี้ พอเข้าใจมั้ย?”

“ฉันก็มีแผนจะทำอย่างนั้นตั้งแตแรกอยู่แล้ว”

“โอคุณเอ้ยคุณเอ๋ย แน่นอนเลยว่าขุนนางนี่เจอหลายอย่างนะหือ บอส เธอยังตัวนิดเดียว แต่เธอต้องแบกน้ำหนักของชีวิตคนเป็นร้อยเป็นพันขึ้นไหล่ นั่นลำบากนะ”

“หนูก็คิดอย่างนั้นด้วยพี่ หนูล่ะแน่ใจว่าจะถูกขยี้โดยแรงกดดันถ้าหนูนั้นเป็นเธอนะ”

จริงๆแล้ว ผมก็มีความคิดเห็นเดียวกัน ในฐานะบางคนผู้โตมาจากบ้านขุนนางผู้มีเกียรติ ผมแน่ใจว่าเธอได้ถูกสอนวิถีของพวกเขาอย่างเข้มงงด แต่ การที่ต้องรับความรับผิดชอบชีวิตของผู้คนเป็นพันคนและสั่งการพวกเขาทั้งหมดต้องเป็นภาระกับเธอพร้อมด้วยแรงกดดันจำนวนมหาศาล ผมเดาว่าผมไม่มีทางเลือกนอกจากจะฟังเธอบ่นอย่างเชื่อฟังคืนนี้

อย่างน้อย นั่นก็ที่ผมคิดตอนแรก แต่–

“ได้โปรดกอดหนูแน่นกว่านี้”

“อา ได้ ได้……”

“อ่ะนี่ คริสจัง อ้าปากอ้〜าม”

“อ้ามมม……”

“นี่ก็อร่อยมากด้วย”

สิบนาทีหลังจากนั้น ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมจบที่การกอดคริสจากข้างหลังและเธอนั่งบนขัดสมาธิของผม

ระหว่างนั้น มีมิและวิสเกอร์ก็ป้อนอาหารเธอด้วยเค้กพุดดิ้งเต็มช้อนตามด้วยเต็มช้อน สองคนที่เหลือในกลุ่มน้อยๆของเราดื่มด่ำตัวพวกเธอในการดื่นระหว่างกินขนมที่ตีคู่กันดีกับเหล้า

“มันดูเหมือนเธอถึงขีดจำกัดของเธอแล้วในหลายๆอย่าง”

“แน่นอน มันดูเหมือนเป็นอย่างนั้น ยังไงซะ ไม่ใช่ว่ามันได้แล้วเหรอตอนนี้เพราะเธอมีบางคนเอาใจเธอไง? ดวงตาของเธอพื้นฐานแล้วตายค้างเมื่อตอนแรกเรามาถึงที่นี่

คริสมาถึง ณ ห้องที่เราจองสำหรับคืนนี้ก่อนหน้าคนแรก แน่นอนแม้ว่าเธอมาก่อนหน้า สภาพมันไม่ตลกเลย

เราผมเธอนอนลงบนพื้นห้องเหมือนทาทามิพร้อมด้วยดวงตาละม้ายคล้ายคลึงกับปลาตาย

พวก แน่นอนเลยว่านั่นทำให้เราตกใจอย่างดี เราไม่แน่ใจว่าอะไรเกิดขึ้นกับเธอตอนแรก

จากใจเลย

เมื่อเธอสังเกตว่าเราเข้าห้องมา คริสลุกขึ้นมาอย่างช้าๆจากพื้นเหมือนซอมบี้ประมาณนั้น จับมือผมเงียบๆ และดึงผมไปด้านข้าง จากนั้นเอาตัวเธอนั่งลงบนขัดสมาธิผม และจากนั้น เธอขอให้ถูกป้อนด้วยขนมอร่อยๆ และดังนั้นนั่นทำให้เรามาถึงสถานการณ์นี้

“วันแล้ววันเล่า วันแล้ววันเล่า วันแล้ววันเล่า คำร้อง คำบน และการขอคำสัญญาแค่เอามาและเข้ามาห้องทำงานหนูอย่างไม่มีให้เห็นว่ามีจุดจบ หนูถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีกและถอนหายใจซ้ำและถอนหายใจซ้อน แต่มันไม่หมดไป ไม่หมด ไม่หมด ไม่หมด ไม่หมด ไม่หมด……”

“อ่ะนี่ นี่ หนูไม่ต้องคิดเกี่ยวกับอย่างอื่นเหมือนเรื่องเหล่านั้นคืนนี้ นะ นี่ ให้พี่ได้มอบการลูบหัวที่หนูสมควรได้”

“เอ่ะ…… เอ่ะเฮะเฮะ…..”

“เธอเดินสุดเส้นด้ายแล้วหือ”

“นั่นดูแย่นะ อยากกินเหล้ามั้ย?”

“เหล้า……”

“อย่าให้คนอายุไม่ถึงกินเหล้าสิ เธอนี่!”

“โอ้ย โอ้ใช่ เธอยังอายุไม่ถึงหือ เธอไม่ได้ดูไม่เหมือนต่างจากเรา ดังนั้นฉันเผลอคิดไป”

ผมหยิบขนมเหมือนอีดะมาเมะ1ขึ้นมาและดีดมันไปบนหน้าผากของทีน่า ผมเข้าใจนั่นว่าเธอดูไม่ได้ต่างจากพวกเธอผู้เป็นดวอร์ฟ แต่คริสยังเป็นเด็กอายุไม่ถึง เข้าใจมั้ย ผมหมายถึง ทั้งทีน่าและวิสเกอร์ดูเด็กจริงๆแม้ว่าพวกเธอทั้งสองเป็นผู้ใหญ่แล้ว

นั่นแหละดวอร์ฟเพศหญิง

“เธอลำบากมาเยอะจริงๆคริสจัง……”

“คริสติ– อึ่ม คริสจัง ถ้าเธอโอเคกับพี่ ถ้าอย่างนั้นพึ่งพาพี่ให้มากเท่าที่ต้องการเลยนะ”

วิสเกอร์หยุดเรียกคริสว่า ‘คริสติน่าซามะ’ และเข้าร่วมเรียกเธอว่า ‘คริสจัง’ จากนั้นเธอดำเนินการลูบหัวคริสอย่างเอ็นดู ผมปล่อยการลูบหัวให้วิสเกอร์และเน้นสมาธิไปกับการกอดคริสให้แน่นขึ้น

มันใช้ประมาณ 30 นาทีสำหรับคริสที่จะกลับมาเป็นสภาพปรกติของเธอ

[1] วายุ: อีดะมาเมะคือถั่วแระอ่อนญี่ปุ่นต้มหรือนึ่งระหว่างอยู่ในเปลือก ปรกติแล้วพวกมันถูกนำมากินพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในอิซากายะ (ผับญี่ปุ่น) มีบ่อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด