ผมตื่นขึ้นมาควบคุมยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ผมเลยเป็นทหารรับจ้างอวกาศ — I Woke Up Piloting the Strongest Starship, so I Became a Space Mercenary 78 เล่ม 3 เหลียวแรกแห่งตะวัน

Now you are reading ผมตื่นขึ้นมาควบคุมยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ผมเลยเป็นทหารรับจ้างอวกาศ — I Woke Up Piloting the Strongest Starship, so I Became a Space Mercenary Chapter 78 เล่ม 3 เหลียวแรกแห่งตะวัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

78 เล่ม 3 เหลียวแรกแห่งตะวัน

พระอาทิตย์ตกดินแรกของเซียร่า III ไม่ได้ต่างจากพระอาทิตย์ตกดินแรกที่โลกจริงๆ ภาพ ของตะวันที่ตกอย่างช้าๆ จมลงสู่ทะเล นำรอยยิ้มให้ทั้งริมฝีปากของผมและมีมิ

“ว้าา…… มันดูมหัศจรรย์! หือห์? ระบบดาวเซียร่ามีสีนั้นจริงๆเหรอ?”

“โอ้ มันแค่เป็นอย่างนั้น เพราะปรากฏการณ์ที่เรียกว่า การกระเจิงแบบเรย์ลี มันกก็เป็นเหตุผลที่ท้องฟ้านั้นสีฟ้า ตอนกลางวัน ถ้าพี่จำไม่ผิด มันเนื่องจากอิทธิพลของบรรยากาศ มันมันมีสีฟ้ามากกว่า ที่ถูกกรองระหว่างตอนเช้า เมื่อตอนเย็นมาถึง ระยะของแสงที่มาจากพระอาทิตย์ที่จำเป็นจะต้องครอบคลุมเพื่อที่จะผ่านบรรยากาศไกลมากขึ้นอย่างช้าๆ แสงสีฟ้า ถูกซึมซับไปโดยบรรยากาศ และผลของเรื่อนั้นก็คือแสงสีแดงเป็นหนึ่งที่มาถึงสายตา คร่าวๆมันบางอย่างแบบนั้น มันแค่ความรู้แบบคลุมเครือยที่พี่มี ดังนั้นจริงๆแแล้วมันอาจจะไม่ถูกต้อง”

“เข้าใจแล้ว! แน่นอนเลยว่าพี่มีความรู้มากจัง ฮิโระซามะ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า จริงๆแล้วไม่มากหรอกน่า”

จริงๆแล้วผมเอาหน้านึงของพระเอกอนิเมะและไลท์โนเวลเรื่องนั้นมา ผู้ที่บอกความรู้ครึ่งๆกลางๆให้กับนางเอก เพื่อที่จะได้แต้มบราวนี่ จริงๆแล้วยังไงผมก็ไม่ได้อินกันฟิสิกส์มากขนาดนั้น ในความเป็นจริงแล้ว มันจะแม่นยำมากกว่า ถ้าเราแค่ถามเมดดรอยด์ หรือค้นหาโดยใช้เทอร์มินัลพกพาของเรา

มีมินั่งลงที่หาดทราย และเริ่มชมพระอาทิตย์ตกดิน ผมก็ทำตาม และนั่งต่อจากน้องเค้า ผมไม่ได้มองพระอาทิตย์ตกดินแบบนี้เลย นอกจากตอนเมื่อผมยังแค่เด็กๆ

“ตั้งแต่หนูน่ะ ได้เดินทางในกาแล็กซี่กับพี่ ฮิโระซามะ ทุกอยาก เหมือนกับฝันที่มหัศจรรย์ที่สุดเลยนะ ถ้าหนูบอกประสบการณ์ของหนู ให้ตัวหนูเองจากปีที่แล้ว หนูจากเวลานั้น น่าจะแค่ถามว่า หนูแค่บอกพล็อตของนิยายโฮโลบางอย่างใช่มั้ย”

“อย่างนั้นเหรอ? พี่เดาว่ามันก็ประมาณนั้น หือห์ ถ้าพี่ ได้มีโอกาสที่จะบอกตัวพี่เอง จากปีก่อน เกี่ยวกับประสบการณ์ปัจจุบันของพี่…… พี่มั่นใจเลย ว่าพี่มันเป็นโรคจิตเวชหลงผิด”

และเมื่อเขารู้ ว่าทั้งหมดมันจริง ผมพนันเลยว่าเขา จะแค่บีบคอผมจากความอิจฉาริษยา ฮ่าฮ่า ลงตังเลยว่า เขาจะพูดบางอย่างแบบ ‘{ไอเหี้ย! มึงได้จัดกับโลลินมใหญ่อย่างมีมิ และเอลฟ์ผอมเพรียวและสวยงามเหมือนเอลม่า มากเท่าที่มึงต้องการเลย! กูอิจฉาจริงๆนะโว้ยนี่!}’

“ทุกๆวัน มันเหมือนฝัน ความคิดนั้นน่ะ บางเวลามันก็ทำให้หนูกลัว บางเวลาหนูคิด ว่า ในความเป็นจริงแล้ว หนูน่ะแค่อยู่ในบล็อกที่สาม ถูกรังแก และทุกอย่าง ในประสบการณ์ตอนนี้ มันแค่ความเพ้อเจ้อที่หนูคิดขึ้นมา เพื่อที่จะหันสายตา ออกมาจากสถานการณ์นั้น

“มันไม่เป็นไรแล้ว หนูไม่ต้องคิด เกี่ยวกับอะไรแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว…… หนูอยู่กับพี่จริงๆ กับพี่และเอลม่า ในตอนนี้ ดังนั้น หนูไม่ต้องกังวลไปนะ โอเคมั้ย”

“ขอบคุณค่ะพี่ หนูมีความสุขกับชีวิตปัจจุบันของหนูมากๆ และหนูดีใจมาก”

“พี่ยินดี พี่ก็มีความสุข ที่ได้อยู่กับหนูนะ มีมิ”

สองเราเหลียวมองกัน ยิ้มให้กัน และก่อนที่เราจะได้ทันสังเกตมัน ตะวัน เกือบจะหายลับไปจากขอบฟ้าอย่างสิ้นเชิงแล้ว ยังมีความสว่างสดใสหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ มันจะมืดในไม่นาน

“มันมืดแล้ว กลับไปกันมั้ย?”

“ค่ะพี่”

ผมยืนขึ้น และเสนอมือของผมให้มีมิ มีมิรับมือของผมไป แล้วก็ยืนขึ้นด้วย

“จับมือกันระหว่างเดินกลับกันเถอะนะ ฮิโระซามะ”

“โอ้ว”

มีมิปล่อยมือขวาจากมือผมไป และยื่นมือซ้ายมา ผมรับมือของน้องเค้าเข้ามาในมือผมอีกครั้ง และเราเริ่มเดินไปสู่ที่พัก

“มือฮิโระซามะแน่นอนว่าใหญ่จัง!”

“มันใหญ่กว่าของน้องนี่ อย่างน้อย แต่มือน้องน่ะ เล็กและนุ่มแน่นอนเลยนะ มีมิ”

“เอ่ะเฮะเฮะ……”

เราเดินกลับที่พักต่อไป พร้อมกับมีมิที่ยิ้มอย่างมีความสุข เมดดรอยด์ตามเรามาาข้างหลังเรื่อยๆ ด้วยก้าวเท้าที่ไร้ซุ่มเสียง งี้หุ่นยนต์เมดในมิตินี้ อ่านอารมณ์กันได้ดีนี่ หือห์ น่าประทับใจดีนะ

—————————————————————

“ยินดีต้องรับกลับมา พระอาทิตย์ตกดินเป็นยังไงบ้าง?”

“มันมหัศจรรย์เลยแหละพี่!”

มีมิยังอารมณ์ดีอยู่ แม้ว่าหลังจากที่เรากลับมาที่พัก เอ่อ ไม่ใช่มันได้เวลาปล่อยมือพี่แล้วเหรอจ้ะ เลดี้น้อยจ๋า?

“ดีจังนะ มีมิซัง อาหารเย็นควรจะมาได้ไม่นานแล้ว ดังนั้นได้โปรดล้างมือแล้วเตรียมพร้อมนะคะ เพราะทั้งหมดมันเป็นที่แนะนำว่าควรจะล้างมือ ที่ไปโดนกับดินและทรายค่ะ”

“รับทราบ”

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของคริส มีมิปล่อยมือของผม ด้วยความไม่เต็มใจนี้ดๆ ส่งสวยครับ คริส มีมิและผมล้างมือเหมือนที่คริสแนะนำ เมื่อสองเราไปที่บริเวณกินข้าว ข้าวเย็นเสิร์ฟกันเรียบร้อยแล้ว มันเป็นจานซีฟู้ดตอนเที่ยง แต่มันดูเหมือนจานเนื้อเป็นจานหลักตอนข้าวเที่ยง

“นั่นทำให้ชั้นจำได้นะ เอลม่าและคริสเหมือนทั้งสองมีอะไรจะพูดนะ หลังจากวิชาประวัติศาสตร์ เกี่ยวกับการปรากฏตัวของเอไอล้ำหน้าทุกวันนี้ มีไรเหรอ?”

“แค่เหมือนที่ชั้นพูดน่ะแหละ ชั้นไม่มีอะไรจะเพิ่มเติมเข้าไปในประเด็น ในท้ายสุด เอ็มไพร์สนิทสนมกันกับเอไอจักรกล และพัฒนาได้ดีเป็นผลของมัน ไม่มีอะไรมาไปกว่านั้น ไม่มีอะไรน้อยกว่านั้น”

เอลม่ายักไหล่ ขณะที่เธอใช้มีดเพื่อหั่นสเต็ก คริส ในทางกลับกัน… ยังมีสีหน้าแปลกๆอยู่บนหน้า

“มันไม่เหมือนว่าหนูไม่มีความคิดของหนูเอง เกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่อย่างที่เอลม่าซังพูด ผลสุดท้าย มันนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองของเอ็มไพร์ ของเอมเพอเรอด้วยเหมือนกัน ว่าพวกเค้าเป็นบริวารที่เชื่อใจได้ของเค้า ที่ถูกมอบชื่อเรียกความเป็นขุนนางโดยเค้า ที่มีเอ็มไพร์อยู่ในความปกครองของเค้าอย่างมั่นคง เอ็มไพร์ปัจจุต้องรับมือกับปัญหาจำนวนหนึ่งตอนนี้ แต่แแน่นอนมันก็พูดได้ว่า เจริญรุ่งเรืองไปถึงจุดใหญ่ๆเลยค่ะ……”

แม้แต่คริสก็พูดแบบนั้น ผมช่วยไม่ได้นอกจากจะสังเกต ความรู้สึกที่ซับซ้อนของน้องเค้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าผมต้องเดาเอา มันอาจจะเป็นบางอย่างเหมือนสิ่งมีชีวิตออร์แกนิคที่ปกครองทั้งเอ็มไพร์ผิวเผิน แต่ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลโดยเอไอจักรกลจากหลังฉาก มันไม่ได้ดูเหมือนเอ็มไพรปัจจุบันนออกมาเป็นสังคมที่เข้มงวด จัดระเบียบ ที่ทุกคนพูดว่าการมีความสุข มันเป็นสิทธิพิเศษหรืออะไรแบบนั้น ดังนั้น… ผมไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรมันไม่ชอบมาพากล ระหว่างที่ผมอยู่ที่นี่ แต่บางที ผมแค่ไม่ได้สังเกตเพราะสุดท้ายแล้ว ผมนั้นมาจากมิติอื่นงั้นเหรอ? ไม่ว่าจะแบบไหน ผมไม่ได้รู้สึกไปถึงความรู้สึกของความไม่ลงรอยกันที่สังเกตุได้ใดๆ จากสังคมอิมพีเรียล นอกจากพวกคอรรัปชั่นและพวกนั้นเดิมๆ

“ยังไงซะ ในสายตาของคนนอกแบบพี่ พี่ไม่ได้รู้สึกว่าอะไรซักอย่างมันไม่ชอบมาพากลจนสังเกตได้จริงๆ แต่พี่ก็คิดว่าประเทศนี้แน่นอนเลยว่ามีปัญหาอยู่บ้างพอตัว แต่ไม่ว่าแบบไหน มันไม่ได้เหมือนว่าเอไอ ถูกจัดระเบียบอย่างสิ้นเชิงในสังคม หรืออะไรซักอย่างแบบนั้น ดังนั้นสภาวะของเหตุการณ์ปัจจุบัน ที่ทั้งสองฝั่งพยายามที่จะสร้างระยะที่เหมาะสม เพื่อที่จะเลี่ยงการเกิดความเสียดสีกันนั้น ค่อนข้างจะเป็นสมดุลในอุดมคติ ไม่คิดอย่างนั้นเหรอ?

ยังไงซะ มันเป็นบางอย่าง เหมือนการถูกมองดู โดยเทพเจ้าจักรกล ที่ใช้อำนาจได้อย่างอิสระในเหตุการณ์ที่อะไรซักอย่าง มันรู้สึกว่าเป็นความฉุกเฉิน หือห์ แน่นอน ความคิดที่ว่าเทพเจ้าจักรกลคนนั้นน่ะจะบ้า และเริ่มสังหารหมู่ผู้คน มันค่อนข้างที่จะน่ากลัว แต่มันไม่มีจุดจบหรอก ที่จะกังวลและหวาดระแวง ถ้าผู้คนไปคิดถึงความเป็นไปได้ที่น่ากลัวนั้นตลอด

ยังไงซะ แต่ผมนั้นรับรู้ ว่าเหตุผลที่ผมมีความคิดเเห็นแบบนี้นั้น เพราะทักษะในการเป็นทหารรับจ้างของผม และได้มาซึ่งตาข่ายเซฟตี้ ในรูปแบบของกฤษณะนะ ในสายตาของบางคนแบบมีมิ เอ็มไพร์น่าจะไม่ได้เป็นประเทศที่ไม่ได้ดีอะไรขนาดนั้น เอ็มไพร์ไม่ได้ทำอะไรซักอย่างเพื่อที่จะช่วยมีมิ เมื่อน้องเค้าล้มในความสิ้นหวังหลังจากทั้งหมด ยูโทเปียที่ทุกคนน่ะแฮปปี้และพอใจ มันมีได้แค่ในคอนเซปต์แหละ และคนนึงทำได้แค่ฝันเกี่ยวกับอะไรบางอย่างแบบนั้นได้เท่านั้น

“พี่ไม่ได้รู้สึกถึงความเข้าใจใดๆกับเอไอจักรกลเอง ไม่ใช่เหรอ ฮิโรซามะ?”

“ยังไงซะ พี่สนใจกับสงสัยในตัวพวกเค้ามากกว่าที่จะกลัวมากกว่า ยังไงซะ มันก็อาจจะอยู่ในสายเลือดของพี่ เนื่องจากประเทศที่พี่เกิด”

เพราะทั้งหมดผมน่ะได้โตมาในที่ที่คอนเซปต์ของเทพเจ้า มีอยู่ในทุกสรรพสิ่งมันแพร่หลายแพร่หลาย ไม่ใช่ว่ามันจะเจ๋งไปเลย ถ้าของที่โปรดปราน มีนิสัยที่ชัดเจนด้วยตัวมันเองได้เหรอ? พวกเค้าเรียกมันเป็นภาษาอังกฤษว่่าไงแล้วนะ? Animism*?

TLN: วิญญาณนิยม คตินับถือผี ความเชื่อทางศาสนาที่ว่า วัตถุสิ่งของ สถานที่ หรือสัตว์ทั้งหลาย มีสภาวะความเป็นเนื้อแท้ทางจิตวิญญาณ ที่เป็นเอกลัษณ์เฉพาะตน

เพราะทั้งหมดมีเหล่าคนในอุตสาหกรรมนึง ที่ไม่ได้แค่แต่งตั้งนิสัยที่ชัดเจนไปให้สัตว์ แต่แม้แต่โอเอสของคอมพิวเตอร์ ปรากฏารณ์ทางธรรมชาติ และคอนเซปต์ที่ไม่มีตัวตนอื่น เออ พวกเขาแม้แต่ทำอย่างเดียวกัน กับเทพเจ้าต่างประเทศ และเทพเจ้ามารหนึ่ง ที่กัดกินหลอดเลือดสติ แค่โดยการมอง

“ประเทศที่นายเกิด?”

เอลม่าเอียงหัวในความสงสัย

“มันค่อนข้างจะอธิบายยากอ่ะ แป้ปนะ… เอ่อ มันค่อนข้างที่จะถูกยอมรับกันอย่างกว้างขวาง ในประเทศของชั้น ว่าเทพหรือเทพเจ้าน่ะ สิงสู่อยู่ในทุกสิ่งอย่าง รวมไปถึงเครื่องจักร ของใช้บนโต๊ะ บ้าน ยาน และแทบจะอะไรก็ได้ และทุกๆอย่างที่เธอคิดได้ นั่นทำไมแนวคิดนี้ที่ว่าเห็นคุณค่ากับทุกสิ่ง เป็นอะไรที่คนๆหนึ่งมี”

“หืมม… มันค่อนข้างเหมือนหลักคำสอน ที่เทศนาเรื่องการยอมรับจักรวาล หือห์ มันรู้สึกค่อนข้างใจกว้างนะ”

“มันเป็นวิธีคิดที่ค่อนข้างมหัศจรรย์ ค่ะ มหัศจรรย์จริงๆ”

เทอร์มินัลกลมของมิโระที่จอดอยู่ที่มุม เริ่มที่จะกระพิบ ขณะที่จู่ๆเธอก็ออกความคิดเห็นอะไรแบบนั้น ยังไงก็ไม่รู้ดิ ผมรู้สึกว่าความประทับใจที่มันมีกับผม มันเปลี่ยนเป็นดีมากกว่าด้วยเหตุผลบางอย่าง

“ยังไงซะ ชั้นจะพูดมันยังไงดีล่ะ? เอ่อ แทนที่จะมาระวังกันเองอย่างต่อเนื่อง ชั้นคิดว่ามันสร้างสรรค์มากกว่าสำหรับทั้งสองฝ่าย ที่จะพยายามหาวิธีที่จะเดินด้วยกัน ถ้าพวกเค้าทั้งหมด พาตัวเองไปเข้าใจกันและร่วมมือไม่ได้ ผลเดียวที่จะออกมา มันจะเป็นความขัดแย้งเท่านั้นหลังจากทั้งหมด”

“คู่ต่อสู้ ที่พี่เข้าใจกันไม่ได้…”

“ช่าย แค่เหมือนโจรสลักะลุงคริสไง”

“ฟุฟุ ถ้าอย่างนั้นลุงหนู แค่เหมือนกับพวกโจรสลัดที่น่ารังเกียจ งั้นเหรอ?”

“อื้ม เพราะพวกเค้าทั้งสองมันเหมือนกันในตาพี่”

เพราะทั้งหมด พวกเขาทั้งสองจะโจมตีเราด้วยเจตนาฆ่าที่ชัดเจน

แต่เราควรทำยังไงดี เกี่ยวกับบันทึกการต่อสู้ ของการต่อสู้นั้นกับทหารส่วนตัวของลุงของคริส? เอิ่ม ยังไงซะฝ่ายนั้นมันใช้เครื่องขัดขวางก่อน ดังนั้นผมคิดว่าการกระทำของเรา ประกอบไปด้วยการป้องกันตัว ที่ถูกต้องตามกฎหมาย และมีความจริงที่ว่า พวกเขาน่ะยิงก่อน และโจมตีเราโดยไม่ยั้งมือด้วย ตั้งแต่ทีแรก เราฆ่าพวกเขาหมด ดังนั้นไม่มีใครเหลือที่จะมาโยนความผิดใส่ผมที่ไปฆ่าไอ้คนพวกนั้น ยังซะ ผมเดาว่มันไม่คุ้มค่า ที่จะระวังหลังจากทั้งหมด มันโจมตีเรา ดังนั้นอย่ามาบ่นที่กลายไปเป็นฝุ่นอวกาศ

“พรุ่งนี้ทำไรกันดี เพราะเราซื้อชุดว่ายน้ำกันแล้ว พี่คิดว่าจะลองมันแล้วไปว่ายน้ำ”

“ฟังดูดี ไปสนุกกันที่ทะเลนะคะ”

“พุ่งหัวเข้าไปในน้ำนั่นทั้งหมดน่ะเหรอ…… จากใจมันค่อนข้างจะน่ากลัวนะพี่”

“ไม่มีความจำเป็นต้องกังวลหรอกค่ะ มีมิซัง เพราะทั้งหมดน้ำนั้นไม่ใช่น้ำจืด มันเป็นน้ำทะเล ดังนั้นมันเค็ม”

“น้ำทะเลเค็มเหรอ?”

คริสและมีมิเริ่มพูดกันเกี่ยวกับทะเล ตัดสินกับที่น้องๆเค้าคุยกันอยู่ มันดูเหมือนทะเลที่นี่ ไม่ได้ต่างกับที่ผมเคยชินกลับไปที่โลก แต่ค่อนข้างจะมีโอกาสดี ที่สิ่งมีชีวิตทะเลในดาวเคราะห์นี้ ต่างจากสิ่งมีชีวิตที่ผมคุ้นเคยอยางสิ้นเชิงนะ ผมล่ะสงสัยว่ามันมีนางเงือกอยู่ที่นี่ป่าว? นางเงือดเอเลี่ยน แต่นางเงือกแฟนตาซีน่ะ แน่นอนว่าดีกว่าไปเจอกับบางสิ่งที่คล้ายกับดีพวัน……

ผมครุ่นคิดถึงอะไรโง่ๆแบบนั้น ระหว่างที่กินข้าวเย็น และไปนอนอย่างเร็วหลังจากนั้น เพื่อเตรียมตัวสำหรับพรุ่งนี้

เอ๋? ผมจะลงเตียงแค่แบบนี้เหรอ? ยังไงซะ มีคริสให้พิจารณาน่ะ ดังนั้น เราทำอะไรแบบนั้นไม่ได้ตอนนี้จริงๆนะ

ผมคิดว่า มันดี ที่นานๆที่จะงดบ้าง ยังไงผมก็จะถูกย้อมใจด้วยภาพที่มหัศจรรย์ต่อสายตาพรุ่งนี้ ฮี่ฮี่ฮี่

 เป้าหมายเดือน 9/66

ค่าเน็ต 0/200

กาแฟ 0/300

คอมใหม่ 0/2000

สนับสนุนผลงาน โดเนทได้ที่

067-3-63958-5

วายุ แซ่จิว

กสิกรไทย

แปลโดย: wayuwayu

โดเนทแล้วอยากให้เรื่องขึ้นหรือสะสมเงินเพิ่มตอน สปอนเซอร์ตอน จองตอน ซื้อตอน หารได้ ได้ที่ facebook   

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด