ผมตื่นขึ้นมาควบคุมยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ผมเลยเป็นทหารรับจ้างอวกาศ — I Woke Up Piloting the Strongest Starship, so I Became a Space Mercenary 76 เล่ม 3 อโรม่าที่ท่วมท้น

Now you are reading ผมตื่นขึ้นมาควบคุมยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ผมเลยเป็นทหารรับจ้างอวกาศ — I Woke Up Piloting the Strongest Starship, so I Became a Space Mercenary Chapter 76 เล่ม 3 อโรม่าที่ท่วมท้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

76 เล่ม 3 อโรม่าที่ท่วมท้น

“……”

“ฮิโระซามะ พี่ทำสีหน้าที่น่าทึ่งไปเลยนั่น……”

นี่คือฮิโระพูดครับ ในที่สุด เราก็กลับมาที่พักกันแลว และผมยุ่งทันทีกับการชิม น้ำอัดลมสี่รสใหม่ที่ผมสั่งมา ผมเปิดหนึ่งขวด ดื่มอึกใหญ่ และอโรม่าที่คล้ายกับยา ที่มากกว่านายเปปไป โจมตีจมูกของผม ผมแค่ดื่นนั่นไปครั้งเดียว กลับไปที่โลก รูทเบียร์

“มันไม่อร่อยเหรอ?”

“เอ่อ มันมีคนที่ชอบมันด้วยความหลงใหล และมีคนที่เกลียดมันอยู่พอๆกัน… และโชคไม่ดี พี่กินพวกนี้ไม่เก่ง”

“แต่พี่ยังกินมันนะ”

“มันไม่ใช่สไตล์พี่ ที่จะทิ้งอะไรที่เปิดแล้ว แม้ว่ามันจะไม่เหมาะกับรสนิยมของพี่”

มันเป็นเรื่องต่างกันไปเลย เมื่อมันมีบางอย่างแบบเรื่อองภูมิแพ้เข้ามาเป็นปัจจัย แต่ผมไม่ได้แพ้เจ้านี่เลยซักนิด อย่างน้อยกลับไปที่โลกน่ะ ผมไม่แพ้

“หน้านั้นที่นายทำ ทำให้ชั้นค่อนข้างอยากจะลองมัน เทมาแบ่งชั้นหน่อย”

“โอเค แต่ชั้นสั่งมาแค่ขวดเดียวนะ”

“มืม”

ผมเทรูทเบียร์เข้าไปในแก้วช้อต ที่เอลม่าส่งให้ผม น้ำสีดำ เทเข้าไปสู่แก้วช้อต และก่อเกิดฟองขึ้นบนมัน

“……มันกลิ่นเหมือนสมุนไพรชงเลย”

“ชง?”

“ไม่มีอะไร”

ผมพยายามถามเอลม่า ผู้ที่ทำสีหน้าอึมครึมอย่างแปลกๆ เกี่ยวกับอะไรที่เธอหมายถึง เธอแค่ยักไหล่มันออกไป และทำการดื่มน้ำในแก้วช้อตด้วยอึกเดียว และจากนั้น ทำหน้าตาที่ตกใจ

“อะร้า จริงๆแล้วมันอร่อยแล้วกินง่าย ชั้นชอบที่มันซ่าๆเมื่อมันลงคอ”

“อ-โอเค? อยากจะเอาอีกมั้ย?”

“แน่นอน”

ผมเทรูทเบียร์ลในแก้วช้อตของเอลม่าต่อ จนกว่าของที่อยู่ในขวด มันจะหมด ผมก็จิบระหว่างนั้น แน่นอนว่า ผมไม่ชอบเจ้านี่จริงๆ แต่มันไม่ใช่สไตล์ของผม ที่จะปล่อยอะไรไว้ให้ยังไม่เสร็จ หลังจากที่เริ่มมันแล้ว

“จริงๆมันไม่ได้แย่นะ

“ข-เข้าใจแล้ว”

ผมสั่นในความตกใจและชื่นชมอยูภายใน กับที่เอลม่าเมินเฉยหลังจากกินเจ้านี่ ดูเหมือนเอลม่าจะโอเคกับรูทเบียร์ หือห์ จริงๆแล้วเธอชอบมันมากกว่านายเปป

“โยช ต่อไปก็นี่”

“ฮิโระซามะ ไม่คิดว่ากินน้ำอัดลมเยอะเกินไปเหรอ ไม่ใช่พี่พูดว่ามันจะทำท้องพี่พัง ถ้าพี่ดื่มมันมมากเกินไปเหรอ?”

“อีกขวด แค่อีกขวด โอเคมั้ย?”

จากในสี่ของน้ำที่ผมสั่ง อันนี้คือที่เหลืออันเดียว ที่สีคล้ายกับโคล่า ผมเปิดขวดทันที นำมันใกล้ปากของผม

“…..”

หลังจากที่ดมกลิ่นจากที่ลอยออกมาจากมัน ผมรู้ทันที ว่ามันคืออะไร

“ฮิโระซามะ ตาพี่ดูตายมากกว่าเดิมเข้าไปอีกอ่ะ……”

ผมนำขวดเข้าไปใกล้ปากผมต่อ และดื่มมัน อโรม่ามมี่มากมาย ของบาร์เลย์โจมตีเซ้นส์ของผม ฮ่าฮ่าฮ่า พอมาคิดว่าไอ้เจ้านี่ มีตัวตนอยู่ในมิติด้วยเหมือนกัน…… ไม่ใช่นี่มันแปลกเหรอ? ทำไมขอพวกนี้มันมีวะ เมื่อโคล่านั้นไม่เจอที่ไหนเลย!? นายเปป รูทเบียร์ และตอนนี้ แม้ว่าบางอย่างแบบแม็คโคล แต่ไม่มีโค้ก!? นั่นมันบ้าไปแล้ว อะไรกันวะ!?

ผมสูญสิ้นศรัทธากับมิตินี้ไป และดื่มน้ำขวดเล็กต่อไป กลินบาร์เลย์ที่ท่วมท้นนี้ มันน่าเกลียดจริงๆ… บาร์เลย์ทีเหี้ย ที่ปลอมตัวเป็นของกินเล่น! จะสู้กับผมเหรอครับ พระเจ้าครับ!?

“มันรสชาติย่ำแย่จริงๆเหรอครั้งนี้?”

“บอกไม่ได้นะ ว่าไอ้นี่มันดีหรือไม่ดี ด้วยความมั่นใจสูงสุด เพราะมันมีคนที่ชอบมันด้วย แต่ชั้นละเกลียดไอนี่มากๆเลย”

แต่มันขัดกับนโยบายของผม ที่จะโยนมันทิ้ง แม้ว่าผมจะเกลียดมัน หนึ่งขวดที่เหลือของสองขวดนั้นใส และอีกขวดสีเหลืองอ่อน เมื่อตัดสินจากสิ่งต่างๆที่ดำเนินไปอยู่ตอนนี้ ผมมีความสงสัยที่กล้าแกร่ง ว่านั้น เป็นแค่ไซเดอร์ธรรมดา และเอลขิง แน่นอนเลยว่ามันไม่ใช่โคล่า แต่พวกมันเป็นอะไรอัดลม ไม่ว่ายังไง

ระหว่างที่ผมยุ่งกับการดื่มเครื่องดื่มอัดลบ ชุดเซ้ตแพ็กเกจ ต่างกัน มาถึงที่พัก เมดดรอยด์หลายตัวนำกล่องคอนเทนเนอร์ที่พับเก็บได้ เข้ามาในที่พัก

“พวกนี้เป็นเสื้อผ้าที่เราสั่งเหรอ?”

“ใช่ค่ะ เรามาเพื่อส่งมันให้พวกท่านทั้งหมด”

เมดดรอย์ นำกล่องคอนเทนเนอร์ที่พวกเธอขน ไปที่โซฟา ที่เราพักผ่อนกันอยู่ และเริ่มที่จะเปิดมัน เพื่อที่จะเอาข้างในออกมา

“นี่กางเกงใน และกางเกงว่ายน้ำ เป็นของที่กัปตันฮิโระสั่ง ถูกต้องมั้ยคะ? เราควรทำอย่างไรกับพวกมันดี?”

“กล่องคอนเทนเนอร์นั้นจริงๆแล้วดูค่อนข้างมีประโยชน์นะ เราเก็บกล่องไปด้วยกับของได้มั้ย?”

“ยินดี แต่มีตู้เสื้อผ้าพร้อมอยู่ในห้องนอน ถ้าท่านกังวลว่าจะเก็บเสื้อผ้าที่ไหน”

“โอ้ ใช่ เมื่อมาคิดดูแล้ว ชั้นยังไม่ได้ดูตู้เสื้อผ้าเลย เธอเอาพวกมันไปใส่ตู้เสื้อผ้าได้มัยถ้าอย่างนั้น?”

“รับทราบ เราจะเก็บมันภายในตู้เสื้อผ้าที่ที่ห้องแรกและห้องสอง”

หลังจากพูดอย่างนั้น เมดดรอยด์วางของที่ผมนำออกมา และเก็บมันใส่กลับกล่องคอนเทนเนอร์อีกครั้ง และขึ้นไปที่ชั้นสอง เมดดรอยด์คนอื่นก็ตามไปหลังจากเธอ และแต่ละคน ก็ถือกล่องคอนเทนเนอร์กันไป สิ่งเดียวที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง คือเสื้อผ้าผู้ชายสามชุด

หนึ่งเซ็ตประกอบไปด้วย คู่ของแจ็คเก็ตสั้นที่ดูไม่เป็นทางการ และกางเกงขายาว ที่คล้ายคลึงกับจินเบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ที่ปรกติจะใส่ระหว่างหน้าร้อน แต่เนื้อผ้ามันดูค่อนข้างคุณภาพสูงนะ และการระบายอากาศดูเหมือนจะยอดเยี่ยมด้วย ดังนั้นมันดูใส่สบาย

อีกเซ็ตประกอบไปด้วยเสื้อทีเชิ้ตสีดำ พร้อมกับมีลายหัวกระโลก กางเกงหนังที่มีโซ่สีเงิน ห้อยอยู่ข้างๆ และแจ็คเก็ตที่มีกระดุมเงินประปราย

และสุดท้ายประกอบไปด้วยเสื้อที่ดูเป็นทางการ เนคไท กางเกง เสื้อกั๊ก และโค้ทโค้ต

ของเหล่านี้คือเสื้อผ้าที่เอลม่า มีมิและคริสเลือกให้ผม หือห์ ดังนั้นพวกเธอให้เมดดรอยด์ปล่อยมันไว้ทที่นี่

“ชั้นต้องใส่พวกนี้เหรอ?”

“ยังไงซะ ใช่ เพราะทั้งหมดเราอุส่าห์ซื้อพวกกมันมาให้นายทั้งที”

“ได้โปรด ฮิโระซามะ!”

“เชิญเลย”

ยังไงซะ เพราะเหล่าเลดี้ต้องการ ผมใส่พวกมัน ผมเดาว่าผมต้องตัดสินใจว่าจะใส่สลับกัน เพื่อให้พวกเธอดูว่าผมเป็นยังไงในแต่ละชุด แต่ยังไงผมก็คิดว่าแต่งตัวผู้ชาย มันไม่ได้น่าสนใจขนาดนั้นจริงๆ แต่ยังไง มันก็แค่ผมอยู่ดีนะ บางทีมันสนุกสำหรับสาวๆ แต่ผมไม่เกทมันนะ คุห์! ทำนี่กันเถอะ!

“มันดูสบายจริงๆเลย”

“ใช่ มันดูใส่สบาย”

“อึน ชั้นคิดว่านายอาจจะชอบนี่ ชั้นเลยจบที่การซื้อพวกมันให้นาย”

และโชว์แฟชั่นชายเดี่ยวของผมเริ่มขึ้น

เสื้อผ้าเหล่านี้ มันรู้สึกเหมือนจินเบญี่ปุ่นจริงๆ ทั้งตัวเนื้อผ้า และการทอทั้งหมด มันดูค่อนข้างจะคุณภาพสูง เสื้อผ้า ถ่ายเทอากาศได้ออย่างดีมาก และนุ่มเมื่อสัมผัส มันใส่ง่ายจริงๆ

“จริงๆแล้วชุดพวกนี้ใช้ใส่ทุกวัน ใส่เป็นชุดนอน หรือที่นาย รู้อยู่”

“อย่าใส่มันข้างนอกถ้าเป็นไปได้นะ โอเคมั้ย”

“โอเคเลย มันเพอร์เฟกต์เมื่อชั้นผ่อนคลายอยู่ในยาน ขอบคุณมากๆ เอลม่า”

“ยินดี”

ผมเห็นได้ว่าเอลม่านั้นโฟกัสไปที่อะไรที่ใช้ได้จริง จากตัวเลือกของเสื้อผ้า มันเหมือนเอลม่าจริงๆ แต่ผมล่ะกังวล ว่าเธอจะซื้อชุดนอนรูปสัตว์ให้ผม หรืออะไรบางออย่างแบบนั้นให้ผมก่อนหน้านี้นะ

ผมใส่ทีเชิ้ตที่ลายกระโหลก กางเกงหนัง และเสื้อหนังต่อ โอ้ มนมีเข็มขัดด้วย หือห์ เสื้อผ้าเหล่านี้ มันใส่แล้วขยับง่าย แต่พวกมัน ไม่ได้ดูต่างจากเสื้อผ้าทหารรับจ้างที่ผมใส่เลย จริงๆแล้วน่ะ

“มันดูมหัศจรรย์!”

“มัันไม่ได้ดูต่างขนาดนั้นจากเสื้อผ้าธรรมดาของเค้า หือห์”

“มันดูฉูดฉาดเกินไปหนูว่า แต่หนูคิดว่าความรู้สึกทั้งหมดมันจะเปลี่ยน ถ้าเราเปลี่ยนทีเชิ้ตออก”

มีมิเพ้อกับมัน แต่การตอบสนองของอีกสองคนปรกติ ผมเดาว่าเสื้อผ้าแบบนี้ เป็นรสนิยมมีมิ มันไม่ได้รู้สึกแย่จริงๆ ผมใส่เข็มขัดปืนได้ถ้าใส่ชุดนี้ ดังนั้นมันอาจจะเป็นไอเดียที่ดี ที่จะใส่พวกมัน เมื่อผมไปออกเดทกับมีมิ

ชุดสุดท้าย เป็นชุดที่ถูกเตรียมมาโดยคริส มันเป็นซักพักแล้ว ตั้งแต่ที่ผมใส่เนคไท ผมใส่เสื้อใน เนคไท กางเกง เสื้อกั๊ก ละโค้ทโค้ต โดยไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่มันร้อนนิดหน่อยนะ

“อะร้า ช่างน่าตกใจ จริงๆแล้วนายดูดีในพวกนั้นนะ”

“ช่างมหัศจรรย์…… พี่ดูเหมือนขุนนางเลย ฮิโระซามะ”

“มันเหมาะกับพี่จริงๆค่ะ”

เอลม่าเสียงประทับใจ มีมิมประสานมือ ด้วยตาที่เป็นประกายเต็มดวง ระหว่างที่คริสเข้าหาผม และแก้รายละเอียดเล็กๆ มืม นี่ไม่ได้ต่างจากชุดสมัครงาน ที่ผมใส่ระหว่างที่ทำงานออฟฟิศ กลับไปที่โลก แต่มันไม่ได้ดูแฟนซีเท่ากัน คริสพูดอารมณ์เสียกับรายละเอียดเล็กน้อย ดังนั้น มันดูเหมือนผมใส่บางอย่างผิด

“เนคไทพี่ผูกในสไตล์อิมพีเรียล ไม่ใช่เหรอ?”

“อ-อย่างนั้นเหรอ?”

ถ้าอย่างนั้น มีบางอย่างเหมือนกับการผูกเนคไทสไตล์อิมพีเรียล หือห์…? คริสแก้แทคไทของผม และใส่มันกลับเข้าไปด้วยตัวเอง นี่มันรู้สึกค่อนข้างน่าอาย พูดตรงๆ

“นั่น มันดูสมบูรณ์แบบ พี่ดูเคยชินกับการใส่เสื้อผ้าแบบนี้นะ ฮิโระซามะ พี่ดูไม่เกร็งเลยซักนิด ระหว่างที่ใส่มัน”

“ยังไงซะ มีเหตุผลหลายอย่างเลยสำหรับเรื่องนี้น่ะ”

“หลายอย่าง?”

“ช่าย หลายอย่าง”

“อย่างนั้นเหรอ?”

เธอจี้ผมอีกแล้ว ยังไงซะ มันไม่เหมือนว่าผมไม่เข้าใจความสงสัยของเธอ แต่แม้อย่างนั้น เธอเพิ่งเสียพ่อแม่ไป และมีผู้คนตามชิงชีวิตของเธอ และเธอไม่ได้ดูตกอกตกใจเลยซักนิด นี่มันปรกติจริงๆเหรอ?

“เฮ้ คริส พี่รู้ว่าหนูกังวล แต่อย่ากดดันตัวเองนะ โอเคมั้ย”

“……?”

ผมวางมือเข้าไปที่ไหล่ของคริส ขณะที่ผมปลอบประโลมเธอ แต่ทั้งหมดที่ผมได้กลับมา คือการจ้องที่สับสน เอ่อ คนที่สมควรจะสับสนอยู่ที่นี่นะ การตอบสนองนั่นมันอะไรกัน?

“ยังไงซะ พี่สัญญาจริงว่าจะปกป้องหนู แต่ยังไง……”

ผมพูดมันยังไงดี ไม่ต้องยกยอพี่หรอก? ไม่ต้องประจบประแจงพี่หรอก? พี่จะทำงานพี่ดีๆ ดังนั้นมันจะดี โอเคมั้ย? การพูดพวกนั้น มันค่อนข้างจะรู้สึกหยาบคายกับคริส

“พี่จะบอกหนูว่าไม่ต้องทำตัวพยายามอย่างสิ้นหวังใช่มั้ย บางทีน่ะ ฮิโระซามะ?”

มันเป็นคริสที่จบประโยคของผมในท้ายที่สุด ไม่… เอ่อ ยังไงซะ ใช่… แต่… ผมไม่ได้ดูเหมือนจะพบคำพูดเพื่อตอบกลับไป

“มันจริง ที่หนูรู้สึกเศร้าใจ กับที่เสียพ่อแม่ไป แล้วก็รู้สึกกลัว จากความจริง ที่ว่าลุงหนูไล่เอาชีวิตอยู่ ยังไงก็ตาม การที่หนูทำเจตนาดีกับฮีโระซามะ แน่นอนว่า มันไม่ใช่วิธีที่จะเบี่ยงความสนใจของตัวหนูเอง ไปจากความวิตกกังวลและความกลัว การที่หนูจะรู้สึกว่ามีความรู้สึกพิเศษๆ กับอัศวินที่กล้าหาญ ผู้ที่ช่วยพวกเธอจากภัยอันตราย เป็นสิทธิพิเศษของเลดี้ขุนนางในเอ็มไพร์หรอกค่ะ”

เธอพูดคำเหล่านั้นออกมาชัดๆ โดยไม่ชะงักถอยหลังไปเลยซักนิด เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยแป้ปนั่น เลดี้สาว…! เอ๋…?มันสิ่งนั้นเหรอ? นี่เป็นหนึ่งในประเภณีที่เข้าใจไม่ได้ ในมิตินี้เหรอ? ผมหันไปหาเอลม่าสำหรับความช่วยเหลือ เอลม่าทำสีหน้าที่มีปัญหากลับมา

“ไม่ต้องมาถามสำหรับอะไรที่ไม่เข้าใจหรอก… ยังไงมันก็ไม่เหมือนว่าชั้นคุ้นเคยกับแนวคิดของคริส แต่มีคนที่แหกคอกหลายคนในหมู่ขุนนางอิมพีเรียลนะ รู้มั้ย ในความเป็นจริง นายก็คุ้นเคยกับคนนึงอยู่แล้วด้วย”

“……เอ๋?”

ทันใดนั้น ผมนึกไปถึง เลดี้ที่ชอบเมาเอาไม่อยู่ ที่สวยงาม แต่น่าสงสาร ใช่ขุนนางอิมพีเรียลแปลกจริงๆนั่นแหละ และเพราะคริสค่อนข้างจะรู้สึกคล้ายคลึงเหมือนกันกับเธอด้วย เพราะทั้งหมดพวกเธอทั้งสองดูกล้าแสดงออก

“ขออภัยด้วย แต่หนูไม่ตรงกับการที่หนูถูกตีตราว่าแหกคอกนะ”

“แค่มาพูดว่าหนูน่ะ ‘พิเศษ’ ถ้าอย่างนั้น คริสจัง”

“แต่หนูคิดว่าทุกคนที่นี่ ก็ค่อนข้างพิเศษนนะ”

“อื้ม ถ้าน้องจะไปไกลขนาดนั้น ถ้าอย่างนั้น มันไม่ใช่แค่เรามนุษย์ ที่รู้สึกพิเศษ แต่มิโระก็ด้วย”

ผมมองเทอร์มินัลกลมๆที่จอดอยู่บนแท่น ที่มุมของห้องเทอร์มินัลขอมิโระกระพิบหลายสีในการโต้ตอบ

“สิ่งมีชีวิตทุกสิ่ ที่มีปัญญานั้นพิเศษ นั่นหมายถึงพวกท่านทุกคน และฉันด้วยเช่นกัน”

เมื่อพิจารณาว่าคำพูดเหล่านั้น มาจากเอไอโพซิตรอนที่ล้ำหน้าเหมือนมิโระ มันรู้สึกเหมือนพวกเธอมีน้ำหนักอยู่บนมันมากกว่า เมื่อมาคิดดูแล้วมีบางอย่างที่ผมสงสัยมาซักพักแล้วตอนนี้

“ตอนนี้ชั้นเข้าใจแล้ว ว่าคริสรู้เรื่องดี มากกว่าที่พี่ให้เครดิต ดังนั้น พี่จะพยายมไม่ไปคิดเห็นอกเห็นใจอะไรที่มันไมจำเป็นอีกแล้วนะ ขอโทษเกี่ยวกับเรื่องนั้น ไม่ว่ายังไง เปลี่ยนหัวเรื่องกันนิดหน่อย ผู้คนในเอ็มไพร์ปฏิบัติกับตัวตนอย่างมิโระยังไงเหรอ?”

“ตัวตนเหมือนมิโระซัง”

มีมิเอียงหัวในความคิด หลังจากที่ได้ยินคำถามของผม

“พูดอีกอย่าง ปัญญาประดิษฐ์ ที่ถูกมอบอารมณ์และปัญญา ผ่านสมองโพซิตรอนที่ล้ำหน้า หรืออะไรบางอย่างคล้ายๆกัน”

ผมเลือกคำพูดอย่างระวัง และถามอีกครั้ง มีโอกาสอยู่ตลอด ที่ถามคำถามอย่างนี้มันจะเป็นเรื่องทีคนไม่ทำกัน แต่่มันดูเหมือนมันเป็นความกังวล ที่ไม่จำเป็นในท้ายที่สุด

“พูดอีกอย่างเกียวกับเครื่องจักรกลที่มีเอไอ ใช่มั้ย? ในเอ็มไพร์ พวกเขาได้บางอย่างที่คล้ายกับสิทธิมนุษย์ แต่มันมีขีดจำกัดมากกว่า มันไม่ดีกว่า ที่จะถามมิโระซังตรงๆเกี่ยวกับมันเหรอ?”

“ค่ะ เพราะทั้งหมดคนส่วนใหญ่ของพลเมืองอิมพีเรีบล ไม่ได้คุ้นเคยกับตัวตนเหมือนเรา ฉันจะอธิบายให้ท่านฟังจากตอนแรกเริ่ม ถ้าท่านปรารถนา”

มิโระพูดมันระหว่างที่ส่องแสงหลากสีสันบนแท่น และดังนั้น มันเริ่มอธิบายกับเรา ถึงประวัติศาสตร์ ความสำพันธ์ระหว่างเอ็มไพร์ และปัญญาประดิษฐ์ที่เป็นเครื่องจักรกล และมันแม้แต่เป็นบางอย่างที่เกินสิ่งที่ผมคาดไว้ไป

 ขอบคุณสำหรับเงิน 200 บาท จากคุณ ประยุทธ

เป้าหมายเดือน 9/66

ค่าเน็ต 0/200

คอมใหม่ 0/2000

ค่าห้องโรงพยาบาลยาย 2000/2000

สนับสนุนผลงาน โดเนทได้ที่

067-3-63958-5

วายุ แซ่จิว

กสิกรไทย

แปลโดย: wayuwayu

โดเนทแล้วอยากให้เรื่องขึ้นหรือสะสมเงินเพิ่มตอน สปอนเซอร์ตอน จองตอน ซื้อตอน หารได้ ได้ที่ facebook   

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด