ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1372 ความลำบากใจของเหยียนหมิงซุ่น + 1373 ฉันจะกลับไป

Now you are reading ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น Chapter 1372 ความลำบากใจของเหยียนหมิงซุ่น + 1373 ฉันจะกลับไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1372 ความลำบากใจของเหยียนหมิงซุ่น

“พี่หมิงซุ่น ฉีฉีเก๋อบอกว่าที่เมืองหลวงมีคุณชายตั้งมากมายอยากได้ลูกม้าตัวนั้น ฉันให้ฉีฉีเก๋อบอกชื่อของฉันไปคงไม่เป็นไรใช่ไหม?” เหมยเหมยคิดว่าถามสักหน่อยจะดีกว่าและไม่รู้ว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้เหยียนหมิงซุ่นหรือเปล่า

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มน้อย ๆ “ไม่เป็นไร ลูกม้าตัวนั้นเธอก็ไม่ต้องปฏิเสธหรอก รับไว้เถอะ ถึงตอนนั้นค่อยเอาไปเลี้ยงไว้ที่บ้านพ่อบุญธรรม”

ให้เฮ่อเหลียนชิงคอยดูทุกวันสงสัยจะได้ทานข้าวเพิ่มหนึ่งถ้วยทุกมื้อ

“งั้นฉันต้องไปเยี่ยมม้าถึงที่นู้น ฉันก็ต้องทะเลาะกับเขาอีกแล้ว…” เหมยเหมยพูดเสียงกระเง้ากระงอด

ตาแก่โรคจิตนั่นตอนนี้สุขภาพกายแข็งแรง พอมีพละกำลังดีหน่อยเลยคิดหาทางทรมานเหยียนหมิงซุ่นกับเธอและชอบแย่งฉิวฉิวของเธอด้วย น่ารำคาญจริงๆ!

เหยียนหมิงซุ่นพูดเอาอกเอาใจดี ๆไม่กี่ประโยคเหมยเหมยก็ตามใจทันที ความจริงเธอไม่ได้เกลียดเฮ่อเหลียนชิงเหมือนที่ปากพูด ไม่ว่าอย่างไรก็รู้จักกันมาหลายปี แม้จะขัดหูขัดตาไปหน่อยแต่ต่อให้ทะเลาะกันก็ก่อให้เกิดความสัมพันธ์จากการทะเลาะได้นี่นา!

“ก็ได้ งั้นฉันถอยให้แล้วกัน ไม่ถือสาเขา!” เหมยเหมยแค่นเสียงกล่าว คิดว่าตัวเองช่างใจกว้างเหลือเกิน

เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะอีกครั้ง หัวคิ้วคลายลงมาก แต่น้ำเสียงที่แหบแห้งก็ปกปิดเหมยเหมยไม่สำเร็จ

“พี่หมิงซุ่น ฝั่งพี่ราบรื่นดีมั้ย? ฉันว่าเสียงพี่แหบไปแล้วนะ!” เหมยเหมยปวดใจอย่างมากได้แต่นึกเกลียดที่ตัวเองช่วยอะไรไม่ได้

“ไม่เป็นไร ทางนี้อากาศแห้งไปหน่อย เลยรู้สึกไม่ค่อยสบายคอเท่าไร เหมยเหมยไม่ต้องห่วง”

เหยียนหมิงซุ่นหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มน้ำอึกหนึ่งเพื่อให้ลำคอชุ่มฉ่ำ ภารกิจในหลายวันนี้หยุดชะงักไปแล้วหลังจากเขากับลูกน้องปรึกษาหารือถึงแผนการมานับครั้งไม่ถ้วน แต่กลับไม่มีแผนการไหนจะรับประกันความสำเร็จได้ ไม่มีแม้แต่ความมั่นใจสักครึ่งหนึ่งด้วยซ้ำ

พวกเขาไม่กลัวเจ็บไม่กลัวตายเพราะการมาที่แห่งนี้ต้องทำใจไว้แล้ว ต่อให้ต้องสละชีวิตตัวเองไปก็ต้องทำภารกิจให้เสร็จสิ้นอาจถึงขั้นราบเป็นหน้ากอง นี่จึงเป็นเหตุผลที่เหยียนหมิงซุ่นไม่กล้าลงมือสักที

ครั้งนี้เขามาโจรกรรมข้อมูลขีปนาวุธรูปแบบใหม่ของประเทศ Y ซึ่งประเทศนี้ได้ตกลงขายข้อมูลให้ฮวาเซี่ยแล้ว ทั้งยังรับเงินมัดจำไว้แล้วแต่กลับเปลี่ยนใจกลางคันไม่ยอมขาย ทั้งกล่าวว่าจะชดใช้ค่ามัดจำคืนเป็นเงินสองเท่า

เดิมทีไม่ขายก็ไม่เป็นไร หากไม่ได้จริง ๆ เราค่อยทำการวิจัยไปเรื่อยๆ แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับได้ข่าวว่าเหตุผลที่ประเทศ Y เปลี่ยนใจเพราะพวกเขาคิดจะขายให้กับอีกหนึ่งประเทศเพื่อนบ้านของฮวาเซี่ยอย่างประเทศ C ซึ่งมีความสัมพันธ์ระหว่างที่เลวร้ายอย่างมาก

วิถีผิดสัจจะแบบนี้กระตุ้นให้รัฐบาลโกรธเคือง นายใหญ่สั่งการมาว่าต้องโจรกรรมข้อมูลนี้มาให้ได้โดยห้ามตกไปอยู่ในมือประเทศ C เด็ดขาด

ไม่อย่างนั้นขอเพียงประเทศ C ได้สร้างขีปนาวุธรูปแบบใหม่ออกมาต้องสร้างอันตรายและคุกคามฮวาเซี่ยอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขาต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม อีกทั้งเพื่อความมั่นคงของประเทศและประชาชนต่อให้ต้องสังเวยชีวิตก็ต้องทำ

แต่พวกเขาจะสละชีวิตไปอย่างไร้ค่าไม่ได้!

เหยียนหมิงซุ่นเองก็ไม่มีทางให้ลูกน้องที่ตนตั้งใจเลี้ยงดูมาอย่างดีไปตายสุ่มสี่สุ่มห้า!

“ฉิวฉิวกลับมานะ…นี่แกชักจะเหิมเกริมขึ้นแล้วนะ…ฉันซ่อนไว้มิดชิดขนาดนี้แกยังตามหามันเจอ ฉันนับถึงสาม คายออกมาดี ๆ หนึ่ง…สอง…สาม…”

เสียงที่เหมยเหมยคุยกับฉิวฉิวดังแว่วออกมาจากปลายสายคล้ายว่าเจ้าตัวน้อยจะขโมยอะไรบางอย่างไปจนเหยียนหมิงซุ่นอดขำไม่ได้เลยถามไปว่าเกิดอะไรขึ้น

เหมยเหมยเอาช็อกโกแลตกองโตที่ฉิวฉิวคายออกมายัดใส่ถุงก่อนจะฟ้องด้วยความโมโห “ฉันให้ฉิวฉิวลดความอ้วนอยู่ไง มันอ้วนจนไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว แต่เจ้าหมอนี่จมูกไวนัก ไม่ว่าฉันจะซ่อนช็อกโกแลตไว้ตรงไหนมันก็หาเจอตลอด…จะบ้าตาย!”

ฉิวฉิวที่ทำหน้าละห้อยอยู่ข้างๆ กลอกตาอย่างขุ่นใจทีหนึ่ง เธอยังโกรธอยู่หรือ?

คุณชายฉิวอย่างเขาต่างหากที่ควรโกรธไหม?

หนึ่งวันให้แค่ช็อกโกแลตสามชิ้น เอามาป้อนกระรอกหรือไง!

เพื่อนยากเอ๋ยลืมไปแล้วหรือ ว่าแกคือกระรอกไงเล่า!

…………………………

ตอนที่ 1373 ฉันจะกลับไป

เหมยเหมยฟ้องเสียงเจื้อยแจ้วอีกยาวเหยียดเมื่อเห็นฉิวฉิวที่ทำหน้าไม่พอใจอยู่ข้างโทรศัพท์เลยตบมันไปทีหนึ่งด้วยความโมโห “ด่าแล้วยังยอมฟังสินะ? แกดูสารรูปตัวเองสิว่าอ้วนขนาดนั้น มุดรั้วระเบียงหน้าต่างเข้ามาไม่ได้แล้ว ถ้ายังกินต่อไปแม้แต่ต้นไม้แกก็จะปีนไม่ขึ้น!”

ฉิวฉิวบิดตัวหันหลังด้วยความขุ่นเคือง ส่ายหางฟูไปมาคร้านจะสนใจเหมยเหมย

ก็แค่มุดเข้ามาไม่ได้ครั้งเดียวเองนี่นา ถึงขั้นต้องเอามาพูดอยู่เรื่อยเลยหรือ?

ปีนต้นไม้ครั้งไหนบ้างที่คุณชายฉิวอย่างเขาจะปีนได้ไม่ลื่นไหล?

พอเถอะ เขาไปหาเฮ่อเหลียนชิงเองดีกว่า ตาแก่นั่นใจกว้างพอสมควรไม่ขี้เหนียวเหมือนนายผู้หญิง!

เหยียนหมิงซุ่นคอยฟังเสียงถกเถียงในโทรศัพท์แล้วกระตุกยิ้มมุมปาก แม้จะไม่เห็นแต่เขาพอจะจินตนาการได้ว่าในยามนี้ภรรยาตัวน้อยของเขาต้องกำลังหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห ส่วนเจ้าก้อนอ้วนนั่นกำลังนั่งหันหลังให้เหมยเหมยแล้วกลอกตาใส่ไม่หยุด

“ฉันเตือนแกไว้เลยนะอย่าคิดไปจะหาของกินจากต้าหวง ครั้งนี้ถ้าแกไม่ผอมกว่านี้สักรอบตัวหนึ่งหลังจากนี้ฉันจะให้แกแทะแต่ต้นผัก แกคอยดูแล้วกันว่าฉันจะทำได้ลงคอไหม!”

เหมยเหมยคำรามใส่ฉิวฉิวที่แสนเย่อหยิ่งอย่างเดือดดาล ครั้งนี้เธอจะต้องทำให้ฉิวฉิวลดความอ้วนสำเร็จ เธออ่านจากหนังสือมาว่าสัตว์เลี้ยงไม่เหมือนมนุษย์ ห้ามเลี้ยงจนอ้วนเกินไปเพราะนำมาสู่โรคประจำตัวต่าง ๆ

ฉิวฉิวเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ เธอจะต้องให้ฉิวฉิวมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงห้ามป่วยเป็นอันขาด

เมื่อรู้ความในใจของเหมยเหมยฉิวฉิวทั้งซาบซึ้งใจทั้งโมโห เธอไม่ใช่สัตว์ทั่วไปสักหน่อยแล้วจะป่วยได้อย่างไรกัน?

เฮ้อ แต่เรื่องนี้คุยกับนายผู้หญิงผู้แสนโง่เขลาคนนี้ไม่รู้เรื่องหรอก!

เหยียนหมิงซุ่นคุยโทรศัพท์ในโรงแรมซึ่งเขากับลูกน้องต่างปลอมตัวเป็นนักธุรกิจที่แยกย้ายกันพักตามโรงแรมระดับห้าดาว เมื่อกี้เพิ่งประชุมเสร็จลูกน้องจึงยังไม่สลายตัว พวกเขากำลังปรึกษาแผนการปฏิบัติภารกิจ ตอนแรกเสียงยังค่อนข้างเบาแต่พออารมณ์ฮึกเหิมเสียงก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ

“ประเทศ Y กับประเทศ C จะนัดเจอกันอีกสามวันหลังจากนี้ พอข้อมูลถึงมือประเทศ C เมื่อไหร่คงได้มายากแล้ว”

“เหตุผลเรารู้ดีแต่ประเทศ Y ซ่อนข้อมูลไว้มิดชิดมาก ไม่ต้องพูดถึงด่านกับดักที่วางเอาไว้เลย แต่ประเด็นหลักคือสถานที่เก็บข้อมูลมีเพียงสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กถึงจะเข้าไปได้ ผู้ใหญ่คิดอยากจะเข้าไปก็นอกเสียจากจะระเบิดประตูบานนั้นทิ้ง แบบนี้จะสะเทือนถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งตึกแล้วสั่งปิดประเทศ ต่อให้เราได้ข้อมูลมาก็หนีออกจากประเทศ Y ไม่ได้”

“ให้ตาย…รู้งี้แต่แรกฉันก็เรียนวิชาหดกระดูกแล้ว…”

“อย่ามัวแต่พูดจาไร้สาระพวกนี้เลย เท่าที่ฉันดูมีแค่วิธีเดียวก็คือบุกเข้าไปสู้กับเขาซึ่ง ๆหน้า เราเจ็ดคนคุ้มกันลูกพี่บุกเข้าไป ขอแค่ได้ข้อมูลก็ส่งกลับประเทศ เรา…”

ประโยคท้ายไม่ได้พูดให้จบแต่ทุกคนกลับเข้าใจดีว่าหมายถึงอะไร

แน่นอนว่าไม่มีวันหวนกลับมาได้ แต่พวกเขาไม่เสียใจ!

ทั้งเจ็ดคนแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงจังและความเศร้าสลดอย่างบอกไม่ถูก แม้พวกเขาไม่กลัวตายแต่พอนึกถึงพ่อแม่หรือลูกเมียที่บ้านพวกเขาก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี!

เหมยเหมยตำหนิฉิวฉิวเสร็จเลยได้ยินเสียงปรึกษาของคนพวกนี้ พอจับใจความได้คร่าว ๆ แม้จะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไรแต่เธอรู้ว่าต้องเป็นเรื่องยากเอาการมากแน่ ๆ มิน่าเหยียนหมิงซุ่นถึงได้เสียงแหบขนาดนี้

อีกทั้งฟังดูแล้วภารกิจในครั้งนี้เสี่ยงอันตรายอย่างมาก นี่ต่างหากที่เหมยเหมยกังวลที่สุด!

“พี่หมิงซุ่น…พวกพี่จะขโมยของใช่มั้ย? ขโมยยากมากเลยเหรอ?” เหมยเหมยอดถามไม่ได้ แม้เธอรู้ว่าไม่ถูกกฎแต่เธอไม่สนใจอะไรมากไปกว่านี้แล้ว ในเมื่อโทรศัพท์ในบ้านของเธอติดตั้งเครื่องป้องกันการดักฟังที่มิดชิดที่สุด ไม่เป็นอะไรหรอก

เหยียนหมิงซุ่นคิดจะบอกปัดแต่เหมยเหมยกลับพูดเสียงพึมพำว่า “ฉันรู้ว่าใช่แน่ ๆ พี่อย่าคิดจะโกหกฉันเลย พี่หมิงซุ่น พี่จะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยนะ!”

“…เข้าใจแล้ว…”

เหยียนหมิงซุ่นเว้นช่วงไปครู่หนึ่งโดยไม่ได้พูดคำว่า ‘วางใจได้’ เหมือนแต่ก่อนแต่กลับพูดแค่ว่า ‘เข้าใจแล้ว’

เพราะเขาเองก็ไม่กล้ารับปากว่าครั้งนี้เขาจะมีชีวิตรอดกลับมาได้หรือไม่

…………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด