ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1460 พวกเธอกำลังต่อสู้กัน + 1461 เธอแพ้แล้ว

Now you are reading ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น Chapter 1460 พวกเธอกำลังต่อสู้กัน + 1461 เธอแพ้แล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตอนที่ 1460 พวกเธอกำลังต่อสู้กัน

เหมยเหมยหลบไม่ทันเลยรีบตีลังกาหงายหลังเก้าสิบองศา ร่างกายที่อ่อนยืดหยุ่นตีเป็นสะพานโค้งสวยงาม เพื่อน ๆที่มุงอยู่รอบด้านต่างปรบมือเฮลั่น เป็นปกติที่คนเรามักจะเห็นใจคนที่อ่อนแอกว่า โฮ่วเซิ่งหนานกับเหมยเหมยสองคน

คนหนึ่งตัวสูงใหญ่ คนหนึ่งร่างเล็กบอบบาง

คนหนึ่งแต่งตัวเหมือนหญิงขายบริการตามข้างทาง ส่วนอีกคนกลับดูเรียบร้อยไร้ตำหนิ

ภายในใจของทุกคนเลยเอนเอียงไปทางเหมยเหมยอย่างชัดเจน หวังเพียงว่าเหมยเหมยจะเอาชนะโฮ่วเซิ่งหนานได้

พอโฮ่วเซิ่งหนานเตะหนึ่งทีไม่โดนก็ยกขาเตะเป็นครั้งที่สอง เหมยเหมยตกใจกลิ้งลงสนามหญ้าอยู่หลายทีด้วยท่าทียากลำบาก แต่คนสวยต่อให้กลิ้งอย่างไรก็ยังงดงามน่าเชยชมอยู่ดี ทุกคนกลับเป็นห่วงเธอเสียมากกว่า

เหมยเหมยแค้นใจที่ผู้หญิงคนนี้จะเอาถึงตายหลายต่อหลายครั้ง รองเท้าส้นสูงคู่นั้นคืออาวุธสังหารร้ายที่หากเตะโดนเธอเข้าหากไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัสบ้างแหละ เธอตัดสินใจฟาดแส้อย่างแรงให้พันข้อขาข้างหนึ่งของโฮ่วเซิ่งหนานไว้ จากนั้นก็กระชากอีกทีจนโฮ่วเซิ่งหนานล้ม เหมยเหมยค่อยกระโดดขึ้นคร่อมบนตัวเธอกระชากผมเธอไว้อย่างแรงให้หน้าเธอมุดเข้ากองหญ้า

“ผู้หญิงที่ต่ำช้ายิ่งกว่าหมาอย่างเธอ พี่หมิงซุ่นแค่เห็นก็อยากอ้วกแล้ว เธอไสหัวไปให้ไกลเลยนะ!”

“อย่าคิดว่าเธอมีคุณลุงคอยหนุนหลังก็ทำอะไรตามอำเภอใจได้ เหอะ ต่อให้เธอเป็นเจ้าหญิงจริง ๆก็ไม่มีอำนาจมากขนาดนั้น ยิ่งไปกว่านั้นเธอเป็นแค่ลูกสาวตระกูลโฮ่ว จะมาทำตัวอวดดีต่อหน้าฉันอะไรนักหนา!”

“ถ้าคราวหน้ายังวางท่าทำอะไรตามอำเภอใจต่อหน้าฉันอีก อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”

……

เหมยเหมยด่าหนึ่งประโยคก็จับศีรษะโฮ่วเซิ่งหนานกระแทกพื้นหญ้าทีหนึ่ง แม้จะไม่เจ็บแต่กลับเป็นการหยามอย่างถึงที่สุด

นิสัยคุณหนูใหญ่อย่างโฮ่วเซิ่งหนานต้องไม่มีทนไหวอยู่แล้ว

เหมยเหมยต้องการใช้วิธีนี้หยามโฮ่วเซิ่งหนานให้เธอรู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า ประเทศจีนในตอนนี้ไม่ใช่สถานที่ที่เธอคิดว่าอยากทำอะไรก็ทำได้ อยากทำตัวกร่างก็กลับไปกร่างที่ตระกูลโฮ่วไป!

โฮ่วเซิ่งหนานอยากพลิกตัวให้เหมยเหมยอยู่ด้านล่างแทนอยู่หลายครั้ง แต่เหมยเหมยกดทับจุดเส้นประสาทบางจุดของเธอไว้โดยบังเอิญทำให้ตัวอ่อนปวกเปียกไม่มีแรงใด ๆ จึงจำต้องปล่อยให้โดนหยามต่อไป

“จ้าวเหมย…ฝากไว้ก่อนเถอะ…”

โฮ่วเซิ่งหนานจ้องเหมยเหมยอย่างดุดันราวกับมองคนตายก็ไม่ปาน สิ่งที่โดนหยามในวันนี้หากเธอไม่เอาคืนเป็นร้อยเท่าก็อย่ามาเรียกว่าโฮ่วเซิ่งหนานเลย!

“ฉันจะรอ!”

เหมยเหมยลุกขึ้นยืนใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบหน้าโฮ่วเซิ่งหนานไว้แล้วก้มมองเธอจากที่สูง ในที่สุดก็ได้ปลดปล่อยสักที

ให้ผู้หญิงคนนี้ได้ลิ้มรสที่โดนดูถูกหยามเหยียดเสียบ้าง

ทุกคนลูกตาแทบถลนเพราะผลลัพธ์ที่ออกมา ทำไมถึงกลายเป็นว่าดอกไม้ดอกเล็กเอาชนะดอกไม้พันธุ์ดุร้ายได้ล่ะ?

นี่ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย!

แต่ความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้าจนทำให้พวกเขาต้องเชื่อ พอลเองก็ได้สติกลับมาอย่างไว เขาไม่คิดว่าโฮ่วเซิ่งหนานที่เย่อหยิ่งยิ่งกว่านกยูงในขณะนี้จะถูกคนสวยที่ดูอ่อนแอบอบบางเหยียบไว้ใต้เท้าเยี่ยงหมา นี่มันน่าอัศจรรย์ใจจริง ๆ!

“เจสสิก้า…พระเจ้า…รีบปล่อยเจสสิก้า!”

พอลคิดจะมาดึงเหมยเหมยออกแต่ฉีฉีเก๋อขวางเขาไว้ด้วยสีหน้าจริงจัง “พวกเธอกำลังสู้กันอยู่ เราจะเข้าไปยุ่งไม่ได้”

“สู้เหรอ?” พอลทำท่างุนงง

นี่ไม่ใช่การทะเลาะวิวาทกันหรอกหรือ?

“ใช่ ต่อสู้เพื่อความรัก เราแค่คอยดูอยู่ข้าง ๆก็พอ”

ฉีฉีเก๋อพูดด้วยท่าทีจริงจังซึ่งแน่นอนว่าเธอคิดเช่นนี้จริง ๆ เพราะที่ทุ่งหญ้าบ้านเกิดเธอมีผู้ชายมากมายที่จะทำการต่อสู้เพื่อหญิงผู้เป็นที่รัก คนพ่ายแพ้จะเป็นฝ่ายถอยออกไปเอง เธอคิดว่าเหมยเหมยกับโฮ่วเซิ่งหนานก็เช่นกัน

พอลเห็นว่าเธอไม่เหมือนกำลังโกหกเลยหลงคิดไปตามนั้นจึงตัดสินใจไม่เข้าไปห้าม เขาเลือกที่จะรอให้พวกเหมยเหมยต่อสู้กันเสร็จก่อนอย่างเงียบ ๆเฉกเช่นเดียวกับฉีฉีเก๋อ

พระเจ้าคุ้มครอง!

อาเมน!

……………………….

ตอนที่ 1461 เธอแพ้แล้ว

เหมยเหมยย่ำฝ่าเท้าลงไปที่หน้าของโฮ่วเซิ่งหนานอย่างแรงนั่นจึงทำให้คลายความโมโหลงได้ พลันเอ่ยขึ้นด้วยความเย็นชา “โฮ่วเซิ่งหนาน เธอแพ้แล้ว!”

โฮ่วเซิ่งหนานเจ็บปวดใจ จนแทบจะกระอักออกมาเป็นเลือด

ตั้งแต่เล็กจนโตไม่ว่าจะเป็นการสอบหรือการแข่งขันก็ไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน ในชั่วชีวิตของเธอเองก็ไม่เคยมีคำว่า ‘แพ้’ คำนี้อยู่เลย

แต่ตอนนี้…

เธอกลับถูกกระต่ายน้อยสีขาวตัวหนึ่งทำให้พ่ายแพ้?

และยังเป็นหนึ่งวิธีการที่น่าอับอายที่สุด!

ในเวลานี้โฮ่วเซิ่งหนานคิดแค่อยากจะฆ่าจ้าวเหมย ทำลายเกียรติของเธอ และทิ้งเธอไว้ในย่านโคมแดงของตะวันออกกลาง พร้อมให้คนชนชั้นล่างที่แสนน่าขยะแขยงเหล่านั้นทรมานเธอ…

แต่เธอก็ทนไหว เรื่องเหล่านี้จะต้องจัดการอย่างลับ ๆและไม่ควรให้คุณลุงรับรู้ เธอจะต้องคิดหาวิธีการที่ดีต่อกันทั้งสองฝ่าย กำจัดเสี้ยนนามอย่างยัยจ้าวเหมยนี่ทิ้ง และยังไม่ควรให้เหยียนหมิงซุ่นรับรู้ว่าเธอเป็นคนทำ

มิเช่นนั้นในภายภาคหน้าเธอจะสามารถใช้ชีวิตร่วมกับเหยียนหมิงซุ่นได้อย่างไร?

เหมยเหมยดึงฝ่าเท้ากลับคืน รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมามาก คิดไปคิดมาก่อนจะพูดเสริมขึ้นว่า “โฮ่วเซิ่งหนาน เธอมันก็แค่เนี่ย เธอจะจองหองต่อหน้าฉันไปเพื่ออะไร?”

พอพูดจบเธอจึงชูนิ้วก้อยส่งให้โฮ่วเซิ่งหนาน พร้อมกับลากฉีฉีเก๋อออกไป

“ขอโทษนะ เอาไว้คราวหน้าฉันจะมาเป็นเพื่อนอีก” เหมยเหมยเกิดรู้สึกผิด พูดเสียดิบดีว่าจะมาฝึกทักษะการพูดเป็นเพื่อนเธอ ผลสุดท้ายกลับมาทะเลาะกับโฮ่วเซิ่งหนานเสียอย่างนั้น

ฉีฉีเก๋อไม่ได้สนใจอะไร อีกทั้งยังนึกโล่งใจเสียมากกว่า พูดตามความจริง เธอไม่อยากจะอ้าปากพูดภาษาอังกฤษต่อหน้าผู้คนมากมายเอาเสียเลย!

“เหมยเหมย เมื่อครู่ทำไมเธอถึงไม่รับปากดื่มเหล้าล่ะ?” ฉีฉีเก๋อแปลกใจไม่น้อย แค่ดื่มเหล้าเท่านั้นเอง อย่างมากเธอจ่ายเงินให้ก็ได้นี่

เหมยเหมยจึงอธิบายความหมายการอุปมาของการดื่มเหล้า เธอพูดออกมาด้วยคำพูดที่ค่อนข้างมีนัยยะแอบแฝง แต่ฉีฉีเก๋อก็เข้าใจได้ ใบหน้าแดงปรี๊ดในทันที โกรธเป็นอย่างมาก

“โชคดีนะที่เธอปฎิเสธไป ไอ้ฝรั่งตาน้ำข้าวนี่ช่างน่าขยะแขยง ฉันดูเหมือนเป็นพวกผู้หญิงง่ายหรือไง…น่าโมโหชะมัด…ครั้งหน้าหากได้เจอหน้าฝรั่งตาน้ำข้าวนั่นอีกละก็ ฉันจะอัดหน้ามัน!”

ฉีฉีเก๋อก่นด่าไปยกใหญ่ แต่ก็นับว่าเป็นความโชคดีของเธอที่เหมยเหมยมาเป็นเพื่อน ไม่งั้นความซื่อบื่อของเธอ ไม่แน่ว่าอาจจะตามไปดื่มเหล้าด้วย และอาจจะเกิด…

ความกลัวเพียงชั่วครู่ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกขอบคุณเหมยเหมยมากขึ้น พ่อพูดไม่ผิดเลย คบกับเพื่อนที่จริงใจยังมีคุณค่าเสียยิ่งกว่าม้าพันลี้สักตัวหนึ่ง

เหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่นนัดเวลากันเอาไว้คือเก้าโมงครึ่ง แต่เป็นเพราะการปรากฏตัวของโฮ่วเซิ่งหนาน ในขณะนี้ยังไม่ทันถึงเก้าโมง เหมยเหมยก้มมองดูเสื้อไหมพรมที่เต็มไปด้วยเศษหญ้าแห้ง เธอไม่เต็มใจที่จะกลับหอไปเพื่อเป็นตัวตลกของเจิ้งเสวี่ยซานและคนอื่น ๆ และแม้ว่าเมื่อครู่เธอนั้นจะฟาดโฮ่วเซิ่งหนานไปหลายครั้งด้วยแส้ แต่ตัวเธอเองก็โดนหมัดไปไม่น้อยเหมือนกัน

เมื่อครู่อยู่ในอารมณ์โกรธจึงไม่รับรู้สึกถึงความเจ็บ แต่ตอนนี้กลับเริ่มรู้สึกปวดเป็นพัก ๆแล้ว

เธอวิ่งไปยังตู้โทรศัพท์เพื่อโทรหาเหยียนหมิงซุ่น ไม่นานเหยียนหมิงซุ่นก็มารับเธอ เพียงได้เห็นร่องรอยน่าเวทนาบนตัวเธอ เหยียนหมิงซุ่นก็รู้ได้ว่าเกิดเรื่อง เพิ่งขึ้นรถเขาก็รีบเอ่ยถามว่าเกิดอะไรขึ้น

เหมยเหมยมุ่ยหน้าพูด เปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจ “เมื่อกี้ฉันสั่งสอนโฮ่วเซิ่งหนานไปอย่างสาหัสเลย คอยดูว่าต่อไปนี้ยังจะกล้าเบ่งต่อหน้าฉันอีกไหม!”

เหยียนหมิงซุ่นที่ได้ฟังก็รับรู้ได้ว่าเหมยเหมยไม่ได้เสียเปรียบ จึงอดขำไม่ได้ พลางยื่นมือไปตบไหล่เหมยเหมยเบา ๆ

“โอ๊ย…”

เหมยเหมยทนไม่ได้จึงร้องออกมาแล้วหดตัวไปด้านหลัง เมื่อครู่โฮ่วเซิ่งหนานปล่อยหมัดเข้าที่ไหล่เธอครั้งหนึ่ง

เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าขรึมขึ้นมาทันที เขาหยุดรถ พร้อมกับค่อย ๆดึงคอเสื้อไหมพรมที่เหมยเหมยใส่ลง เผยให้เห็นไหล่เปลือยเปล่าราวกับหยกขาว แต่บัดนี้กลับเผยรอยฟกช้ำที่น่าตกใจเพิ่มขึ้นมา

“โฮ่วเซิ่งหนานทำหรือ?” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ ในแววตาฉายแววความปวดใจขึ้นมา

………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด