ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1872 เหตุเกิดขึ้นแล้วจูกัดเหลียงค่อยมา + 1873 ทำคุณบูชาโทษ

Now you are reading ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น Chapter 1872 เหตุเกิดขึ้นแล้วจูกัดเหลียงค่อยมา + 1873 ทำคุณบูชาโทษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1872 เหตุเกิดขึ้นแล้วจูกัดเหลียงค่อยมา

ทานแตงกวากับนมมาตลอดคืนก็ย่อมเป็นเรื่องปกติที่เหมยเหมยจะไปเรียนสาย เธอคร้านจะไปเรียนเลยนอนแช่อยู่บนเตียงอย่างนั้น กระทั่งนอนถึงมื้อเที่ยงจึงค่อยไปมหาวิทยาลัยอย่างเอื่อยเฉื่อย

“ตอนนี้สวีจื่อเซวียนไปโรงพยาบาลแล้ว” ฉีฉีเก๋อบอกเธอ

“พวกเธอไปเจอเธอที่ไหน?” เหมยเหมยสงสัยอย่างมาก

“เชี่ยนเชี่ยนไปหาอาจารย์เจียงให้อาจารย์เจียงบอกสวีจื่อเซวียน” ฉีฉีเก๋อมองเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอย่างชื่นชม ช่างฉลาดเสียจริง ทำไมเธอถึงคิดวิธีดี ๆแบบนี้ไม่ได้นะ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเชิดคางอย่างได้ใจ แม้ไขมันบนตัวเธอจะมีเยอะแต่ความฉลาดก็ไม่เป็นรองใคร ไม่อย่างนั้นทำไมถึงมีเพียงเธอที่คิดได้ว่าควรไปหาคนรักของสวีจื่อเซวียนล่ะ?

เหมยเหมยไม่ชอบเห็นเธอทำท่าได้ใจอย่างนั้นเลยเอ่ยด้วยเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร “ทำไมเมื่อวานถึงคิดไม่ได้ล่ะ? เรื่องเกิดแล้วจูกัดเหลียงค่อยมา[1]…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ‘…อยากบีบคอใครสักคนให้ตายไปเลยจริง ๆ…แต่ไม่กล้า!’

ในเมื่อตามหาลูกสาวแท้ ๆเจอแล้วพวกเหมยเหมยย่อมไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องภายในครอบครัวของคนอื่นอีก และไม่คาดหวังว่าสวีจื่อเซวียนจะสำนึกบุญคุณ ส่วนค่านอนโรงพยาบาลแปดร้อยหยวนเมื่อวานพวกเธอก็คร้านจะขอคืน ในเมื่อทั้งสามคนก็ไม่มีใครขาดแคลนเรื่องเงิน

หลายวันหลังจากนั้นทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างสงบสุขดี

สวีจื่อเซวียนยังคงไม่มาเรียนและขาดเกินเจ็ดวันจึงถูกเชิญออกจากมหาวิทยาลัยอย่างไม่ต้องสงสัย ต่อให้เจียงจื้อหรู่ขอร้องแทนเธอก็เปล่าประโยชน์เพราะทางมหาวิทยาลัยไม่คิดจะไว้หน้าเขา หนำซ้ำยังติดประกาศให้คนทั้งมหาวิทยาลัยรับรู้โดยทั่วกัน

เจียงจื้อหรู่ยังคงเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของพวกเหมยเหมยเช่นเคย เพียงแต่แค่ผ่านช่วงปิดเทอมฤดูร้อนไปอาจารย์เจียงที่อดีตเคยดูมีสง่าราศีแม้จะมีอายุกลับดูแก่ลงเป็นสิบปี ไหนจะเคราที่ขาวโพลน ใบหน้าที่ดูโทรม เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีชีวิตที่ดีเท่าไรนัก

แต่มันไม่น่าเห็นใจเลยสักนิด!

สมน้ำหน้า!

ช่วงนี้เจียงจื้อหรู่งานยุ่งจนหัวหมุนเพราะเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินที่พิพิธภัณฑ์ไม่ขาดทำให้ต้องทุ่มเงินที่ได้จากการประมูลของสะสมที่ฮ่องกงไปกับเรื่องนี้แทบทั้งหมดอย่างสูญเปล่า เขาถึงขั้นไม่เหลือเงินให้ซื้อตั๋วเครื่องบินไปฮ่องกงเลยจนจำต้องฝากเพื่อนคนหนึ่งขายของสะสมแทน ของสะสมสุดรักรักหวงของเขาหายไปกว่าครึ่งอย่างไม่รู้ตัว

ส่วนทางนี้เขายังต้องคอยเอาอกเอาใจสวีจื่อเซวียนที่ทำตัวเอาแต่ใจได้ทุกวี่วัน เขาบอกให้เธออย่ามัวแต่นึกถึงเรื่องแต่งงานให้ตั้งใจเรียน แต่แฟนสาวอ่อนเยาว์ที่เป็นเด็กดีน่ารักในอดีตตอนนี้กลับเริ่มสร้างความเหนื่อยหน่ายใจแก่เขาเหลือเกิน

นอกจากนี้เขายังต้องคอยรับมือกับความกดดันและเย้ยหยันจากพ่อแม่พี่น้อง คุณพ่อถึงขั้นพูดเสียงขาดว่าหากเขาแต่งงานกับสวีจื่อเซวียนก็จะประกาศลงหน้าหนังสือพิมพ์ว่าตัดขาดความสัมพันธ์กับเขาด้วย

หากเป็นอดีตเจียงจื้อหรู่คงไม่ใส่ใจคำข่มขู่พวกนี้เพราะเขาไม่เคยต้องลิ้มรสชาติความลำบากในชีวิตมาก่อน แต่ตอนนี้–

เขาถึงรู้ว่าที่แท้ทุกอย่างที่เขาเคยคิดว่าได้มาเพราะความพยายามของตัวเองนั้น ความจริงเป็นเพราะเขาคือคนของตระกูลเจียงไม่ใช่เพราะเขามีความสามารถ ถึงขั้นมีเพื่อนคนหนึ่งพูดทิ่มแทงเขาว่า

‘ทุกปีจะมีคนมากความสามารถดิ้นรนหาทางทำมาหากินในเมืองหลวงนับไม่ถ้วน พวกเขาฉลาดกว่านาย ทนความลำบากได้มากกว่านาย เก่งกว่านายหลายสิบเท่า…ทำไมถึงต้องให้โอกาสนายล่ะ?’

พอมาถึงช่วงอายุสี่สิบ เจียงจื้อหรู่ถึงได้เข้าใจในสัจธรรมนี้สักที

เจียงจื้อหรู่หาเวลาว่างมาหาพวกเหมยเหมยแล้วคืนเงินแปดร้อยหยวนให้พวกเธอไป “ขอบคุณพวกเธอที่พาพ่อของจื่อเซวียนไปโรงพยาบาลนะ”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรับเงินมาอย่างไวแล้วเอ่ยยิ้มตาหยีว่า “อาจารย์เจียงเกรงใจกันเกินไปแล้ว คุณลุงสวีเป็นอย่างไรบ้างคะ?”

“ฟื้นตัวได้ดีเลยล่ะ ตอนนี้ย้ายไปห้องพักผู้ป่วยทั่วไปแล้ว จื่อเซวียนกำลังดูแลเขาอยู่” เจียงจื้อหรู่เองก็ยิ้มตอบแต่รอยยิ้มดูขมขื่นกว่ามาก

เขารู้สึกผิดอย่างมาก เพราะเขาถึงทำให้คุณพ่อสวีโกรธจนเลือดออกในสมอง แต่เรื่องที่สวีจื่อเซวียนขอลาออกจากมหาวิทยาลัยเขาไม่รู้เลย หลายวันที่ผ่านมาเขางานยุ่งจนหัวหมุนกระทั่งเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมาหาเขาถึงได้รู้ว่าสวีจื่อเซวียนแอบตัดสินใจเรื่องใหญ่โตแบบนี้ลับหลังเขา พอมีใจคิดจะชดเชยให้แต่กลับสายไปเสียแล้ว

อีกอย่างค่าใช้จ่ายที่คุณพ่อสวีใช้ในการรักษาก็ไม่ใช่น้อย ๆ เขาไม่มีเงินติดตัวสักแดงเดียว พ่อแม่พี่น้องต่างไม่สนใจเขา เขาจึงต้องแบกหน้าไปหาอดีตภรรยาอย่างจำใจ แต่ที่เหนือความคาดหมายก็คืออดีตภรรยาให้เงินเขาอย่างไม่อิดออดทำให้เขารู้สึกผิดต่ออดีตภรรยาและยังรู้สึกซาบซึ้งใจอยู่บ้าง

ฉีฉีเก๋อรู้สึกผิดต่อคุณพ่อสวีอย่างมากจึงคิดจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล เหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็เตรียมจะไปด้วยกัน แต่ใครจะรู้เล่าว่าพวกเธอยังไม่ทันกระดิกตัวสวีจื่อเซวียนก็บุกมาหาพวกเธอด้วยท่าทีอาฆาตเสียก่อน

[1] เหตุเกิดขึ้นแล้วจูกัดเหลียงค่อยมา เป็นสำนวนเปรียบว่าเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นแล้วถึงมีคนคิดหาทางแก้ได้

………………………………………………….

ตอนที่ 1873 ทำคุณบูชาโทษ

พวกเหมยเหมยกำลังซื้อผลไม้อยู่ในร้าน ในเมื่อจะไปเยี่ยมผู้ป่วยก็คงไปสองมือเปล่าไม่ได้ ขณะที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกำลังชำระเงินอยู่ สวีจื่อเซวียนก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าถมึงทึงและสายตาเต็มไปด้วยความอาฆาต

เดิมทีเธออยากจะมาคิดบัญชีแค้นกับพวกเหมยเหมยตั้งนานแล้ว แต่ทางคุณพ่อสวีต้องมีคนคอยดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แม้สวีจื่อเซวียนจะเอาแต่ใจมากแต่เธอก็มีกันแค่สองพ่อลูกมาตั้งแต่เล็กจนโต พวกเขาจึงมีสายใยผูกพันที่แน่นแฟ้นย่อมต้องให้ความสำคัญกับคุณพ่อเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว

หลังจากผ่านการดูแลประคบประหงมมาหลายวันคุณพ่อสวีก็ฟื้นตัวดีขึ้นไม่น้อย เขาเริ่มพูดได้แล้วแต่แค่ยังไม่คล่องแคล่วฉะฉานเหมือนเดิม ปากเบี้ยวไปนิดมือขวาใช้ได้ไม่ถนัดเหมือนเดิมแต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินจึงนับว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว

สวีจื่อเซวียนถือโอกาสตอนที่คุณพ่อสวีนอนพักกลางวันมาหาถึงมหาวิทยาลัย นางแพศยาสามคนนี้จิตใจชั่วร้ายเกินไป วันนี้เธอจะฉีกหน้าสามคนนี้ต่อหน้าคนทั้งมหาวิทยาลัยให้ได้!

“จ้าวเหมย เหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ฉีฉีเก๋อ…พวกเธอหยุดนะ!”

สวีจื่อเซวียนตะโกนร้องเรียกมาจากด้านหลังซึ่งต่อให้ไม่อยากได้ยินก็ต้องได้ยิน พวกเหมยเหมยชะงักฝีเท้าแล้วหันไปมองสวีจื่อเซวียนที่กำลังทำหน้าบูดบึ้งอยู่

ถนนย่านการค้าในมหาวิทยาลัยเต็มไปด้วยร้านขายของชำขนาดเล็ก ลูกค้าส่วนมากเป็นนักศึกษาเลยมีคนพากันมาเดินในย่านนี้ทุกวันจำนวนไม่น้อย เสียงตะโกนของสวีจื่อเซวียนเรียกความสนใจใครหลาย ๆคนมารอดูเรื่องสนุก ๆอย่างสนอกสนใจ

“มีเรื่องอะไร?” เหมยเหมยทำหน้าไม่สบอารมณ์หน่อย ๆ

สวีจื่อเซวียนแค่นหัวเราะ “จ้าวเหมยเธอยังมีหน้ามาถามฉันอีกเหรอ? เรื่องไร้ศีลธรรมที่เธอทำไว้เธอก็รู้ดีอยู่แก่ใจไม่ใช่หรือไง? แล้วก็คนขี้ประจบสอพลออย่างพวกเธอสองคนด้วย พวกเธอสามคนมันร้ายกาจจริง ๆ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที แม้เธอจะขี้ประจบจ้าวเหมยก็จริงแต่เธอทำด้วยความจริงใจ พอถูกคนด่าต่อหน้าว่าเป็นคนขี้ประจบสอพลอถ้าเธอไม่โกรธสิแปลก!

เหมยเหมยดึงหน้าตึงตวาดกลับ “สวีจื่อเซวียนระวังปากหน่อย เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อเป็นเพื่อนของฉัน เธอมีปัญหาอะไรกับฉันก็พูดมาตรง ๆ อย่าลากคนอื่นมาเกี่ยว”

ไฟโทสะของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมลายหายไปในพริบตา ลดความร้อนรุ่มในใจได้ผลกว่าทานไอศกรีมฮาเก้น-ดาสในวันอากาศร้อน ๆเสียอีก

จ้าวเหมยยอมรับว่าเธอเป็นเพื่อนต่อหน้าทุกคนแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า!

ในที่สุดเธอก็ตามประจบจนบรรลุเป้าหมายสักที!

สวีจื่อเซวียนมองเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋ออย่างดูถูกดูแคลนแวบหนึ่งแล้วเอ่ยเสียงประชด “เพื่อนอะไรกัน ก็แค่คนตามประจบเธอไม่ใช่เหรอ? ช่วยอออกหน้าแทนเธอก่อนทุกเรื่อง ทำตัวน่าสงสารเรียกร้องความสนใจ พอจ้าวเหมยดีใจขึ้นมาหน่อยก็โยนกระดูกให้พวกเธอแทะเล่น…”

ฉีฉีเก๋อฟังอยู่ครู่ใหญ่ถึงเข้าใจความหมายเลยรีบหันมาถามเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน “หล่อนด่าว่าเราเป็นหมาเหรอ?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ‘…สมองโดนหมาแทะไปหมดแล้ว’

“สวีจื่อเซวียนเธอไม่มีเพื่อนก็อย่าอิจฉามิตรภาพระหว่างเรากับเหมยเหมยสิ คนอย่างเธอมันร้ายกาจจริง ๆ คงไม่มีใครจริงใจกับคนอย่างเธอไปตลอดชีวิตหรอก”

ฉีฉีเก๋อโกรธไม่เบาเพราะเธอให้ความสำคัญกับมิตรภาพระหว่างเหมยเหมยอย่างมาก ซึ่งนี่มีค่ายิ่งกว่าทองเสียอีก แต่กลับถูกสวีจื่อเซวียนทำแปดเปื้อน หากตอนนี้อยู่ทุ่งหญ้าบ้านเธอคงขอท้าประลองกับสวีจื่อเซวียนเพื่อเป็นการสั่งสอนผู้หญิงคนนี้สักครั้ง!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับรู้สึกผิดในใจอยู่บ้างเพราะจุดประสงค์แรกของเธอไม่บริสุทธิ์ แต่ตอนนี้เธอเห็นจ้าวเหมยเป็นเพื่อนจริง ๆ ถ้อยคำของสวีจื่อเซวียนทำให้เธอรู้สึกละอายปนรู้สึกผิดแต่ยิ่งกว่านั้นคือความโกรธ

“ฉีฉีเก๋ออย่าไปคุยกับพวกเนรคุณแบบนี้เลย การสำนึกบุญคุณขั้นพื้นฐานของความเป็นคนยังไม่มีเลย เราไปกันเถอะอย่าไปสนใจหล่อนเลย!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นคนที่เข้ามามุงล้อมมากขึ้นเรื่อย ๆ เดิมทียังคิดจะเปิดศึกกับสวีจื่อเซวียนสักรอบแต่พอนึกถึงสถานะของเหมยเหมยเลยจำต้องอดทนเอาไว้กระชากฉีฉีเก๋อให้ไปจากที่นี่

“ห้ามไปนะ พวกเธอเกือบทำพ่อฉันตายแต่ไม่พูดแม้แต่คำขอโทษสักคำ พวกเธอยังมีความเป็นคนอยู่ไหม?”

สวีจื่อเซวียนกรีดร้องเสียงดังพร้อมพุ่งเข้ามาหมายจะห้ามไม่ให้พวกเธอไป เหล่านักศึกษาที่มามุงดูต่างหูตั้ง นี่เป็นเรื่องถึงความเป็นความตายของชีวิตคนเชียวนะ แล้วจะทำใจให้เลิกฟังได้ที่ไหนกัน!

…………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด