ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 467 จำเป็นต้องหย่า + 468 คะแนนสอบปลายภาคก้าวหน้าขึ้นเยอะ

Now you are reading ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น Chapter 467 จำเป็นต้องหย่า + 468 คะแนนสอบปลายภาคก้าวหน้าขึ้นเยอะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 467 จำเป็นต้องหย่า + ตอนที่ 468 คะแนนสอบปลายภาคก้าวหน้าขึ้นเยอะ

ตอนที่ 467 จำเป็นต้องหย่า

เมื่อคืนวานที่อู่เยวี่ยได้รับบาดเจ็บในช่วงเวลาสั้นๆ นั้นถือว่าหนักหนาสาหัสอยู่มาก สาหัสกว่าอู่เจิ้งซือเมื่อครั้งก่อนเสียอีก สภาพหัวของอู่เยวี่ยโดนทุบไปไม่เบาเลยนะ!

แต่ว่าครั้งนี้ที่เธอตัดสินใจเด็ดขาดที่จะต่อสู้ให้ถึงที่สุดกลับได้ผลมาก อู่เจิ้งซือเปลี่ยนท่าทีที่เมื่อก่อนเย็นชา ไถ่ถามทุกข์สุขอย่างอบอุ่นอีกครั้ง น่าจะเป็นเพราะโดนจิตใจที่กตัญญูสละชีวิตเพื่อรักษาชีวิตพ่อของอู่เยวี่ยทำให้ซาบซึ้งใจล่ะมั้ง!

อู่เหมยกลับไม่ได้รู้สึกอะไรมากเป็นพิเศษ เดิมทีเธอก็ไม่ได้หวังอยู่แล้วว่าอู่เจิ้งซือจะสามารถทอดทิ้งอู่เยวี่ยได้ ตอนนี้เธอก็บรรลุเป้าหมายของเธอแล้ว และการที่อู่เยวี่ยเป็นโรคประสาทก็กลายเป็นเรื่องจริงแล้ว

ต่อให้หลังจากนี้อู่เยวี่ยจะแสดงออกมาได้ดีเลิศเลอขนาดไหน ก็ไม่สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมเหมือนแต่ก่อนได้อีกแล้ว!

คนอื่นอาจจะพูดว่า “ผู้หญิงคนถือว่าดีเลิศมากอยู่หรอก เพียงแต่น่าเสียดายที่เป็นโรคประสาท!”

‘โรคประสาท’ สามคำนี้ จะเป็นเครื่องพันธนาการอันหนักอึ้งที่จะลงโทษอู่เยวี่ยไปชั่วชีวิต เธอไม่ต้องคิดจะได้โงหัวขึ้นมาอีกเลย!

เด็กอ้วนตัวน้อยเป็นคนที่มานะพยายามในการเป็นลำโพงกระจายเสียง ในไม่นานก็ถ่ายทอดเรื่องชวนหัวของตระกูลอู่ให้กับพวกคุณปู่อู่ตั้งแต่ต้นจนจบ ทำเอาคุณปู่โมโหแทบจะเส้นเลือดในสมองแตกออกมา

หลังจากคุณปู่อู่ตื่นขึ้นมา ก็โทรศัพท์เรียกหาอู่เจิ้งซือ สั่งสอนอย่างรุนแรงหนึ่งชุด คุณปู่รู้สึกผิดหวังกับลูกชายเป็นอย่างมาก ครึ่งปีที่ผ่านมา ในบ้านของลูกชายมีแต่เรื่องไม่หยุดเรื่องอื้อฉาวหนึ่งเรื่องต่อด้วยอีกหนึ่งเรื่อง หน้าแก่ๆ ของเขาไม่มีที่จะไว้แล้ว!

“หย่าซะ แกจำเป็นต้องหย่ากับเหอปี้อวิ๋น!” คุณปู่พูดอย่างเฉียบขาด อู่เจิ้งต้าวก็หมายความตามนี้เหมือนกัน

อู่เจิ้งซือลังเล แน่นอนว่าเขาไม่ได้มีความรักความผูกพันธ์กับเหอปี้อวิ๋นแล้ว ที่เขากังวลก็คือหน้าที่อาชีพการงานของตัวเขาเองก็เท่านั้น

เขายังอยากพยายามให้ได้รับพิจารณารางวัลอาจารย์แบบอย่างอีกสามปีต่อไปอยู่!

แบบนี้เขาก็จะเป็นแบบอย่างของเมืองสิบปีติดต่อกัน ไม่พูดก็รู้กันอยู่ว่าแม้กระทั่งในเมืองจินก็หาไม่เจอแม้แต่คนเดียว

“คุณพ่อครับ ผมเป็นสมาชิคพรรค อีกทั้งผมยังคิดว่าปีหน้าจะก้าวหน้าไปอีกขั้น เมื่อก่อนพ่อกับพี่ใหญ่บอกว่าอย่าให้เรื่องหย่ามาส่งผลกระทบต่อการงานของผมไม่ใช่หรอกหรือ?” อู่เจิ้งซือรู้สึกกลัดกลุ้มอยู่บ้าง

เห็นได้ชัดว่าครั้งที่แล้วเขาตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะหย่ากับเหอปี้อวิ๋น พ่อกับพี่ใหญ่กลับพูดโน้มน้าวให้หยุดไว้ บอกให้เขาคิดทบทวนก่อนลงมือทำ ไม่ควรจะเสียการใหญ่เพราะเรื่องเล็ก

แต่ตอนนี้กลับบอกให้เขาหย่า ช่างขัดแย้งกันจริงๆ!

อู่เจิ้งต้าวพูดว่า “สถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมือนกับตอนนั้น แน่นอนว่าตอนนั้นไม่สามารถหย่าได้ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าจิตของเหอปี้อวิ๋นไม่ปกติไม่ใช่เหรอ อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรง นายหย่าก็เพราะว่าจะปกป้องความปลอดภัยส่วนตัวของตัวเองและลูกๆ กฎหมายก็มีข้อกำหนดระบุเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่มีใครสามารถพูดอะไรได้สักคำ!”

คุณปู่อู่มองลูกชายคนโตด้วยความชื่นชม สุดท้ายแล้วก็มีแต่ลูกชายคนโตที่คิดได้ลึกซึ้งรอบคอบ ระดับความคิดลึกซึ้งของลูกคนที่สองยังด้อยกว่า!

อู่เจิ้งซือคิดได้ในทันที ดีใจอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง เขาทำไมถึงไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้เลยนะ!

“ใช่แล้ว เหอปั้อวิ๋นเป็นโรคประสาท หย่ากับคนเป็นโรคประสาทเป็นหลักการที่ถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัย พ่อ พี่ใหญ่ วันพรุ่งนี้ผมจะไปทำเรื่องหย่าทันที!” อู่เจิ้งซืออดทนรอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าตอนนี้เขารังเกียจเหอปี้อวิ๋น ผู้หญิงคนนั้นมากขนาดไหน!

รังเกียจแม้กระทั่งการต้องอยู่ร่วมห้องกับเธอ!

“ยังไม่ต้องรีบร้อนไป ตอนนี้ยังไม่สามารถทำให้คนอื่นรู้สึกได้ว่าพวกเราตระกูลอู่ไม่มีน้ำใจ เรื่องหย่ารอผ่านพ้นปีใหม่ไปก่อนค่อยเอ่ยถึง นายอยู่ที่บ้านก็อย่าแสดงท่าทีที่แสดงออกถึงเจตนาหรือความในใจออกมา เพื่อจะได้ไม่ไปกระตุ้นเหอปี้อวิ๋นอีกก็แล้วกัน” อู่เจิ้งต้าวพูดห้ามปรามขึ้นมา

คุณปู่อู่ก็พยักหน้าพูดขึ้นมาว่า “พี่ชายแกพูดถูก จะทำเรื่องอะไรก็ตามก็อย่าเหลือจุดอ่อนไว้ให้คนอื่นเล่นงานได้ ลูกรองแกก็เรียนรู้จากพี่ชายให้มากๆ หน่อย ทุกเรื่องจะต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบ!”

“ใช่!”

อู่เจิ้งซือเลื่อมใสอย่างสุดจิตสุดใจ เทียบกับพ่อและพี่ชายแล้ว เขาขาดการพิจารณาให้รอบคอบจริงๆ

ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมีความสุขเท่าไรที่จะต้องใช้ชีวิตร่วมกับเหอปี้อวิ๋นอีกเดือนกว่าๆ แต่จิตใจของเขาก็ดีขึ้นมาก ยืนหยัดอย่างมากที่สุดก็สองเดือน เขาก็จะหลุดพ้นจากเธอได้แล้ว!

แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง?

ยี่สิบปีก่อนอิงหัวผู้หยิ่งยะโสโอหังคนนั้นจะอยู่หรือตายก็ไม่มีใครรู้ ไม่แน่ตอนนี้ซินหย่าอาจจะยังโสดอยู่!

จิตใจของอู่เจิ้งซือกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง รอคอยให้ตรุษจีนรีบๆ ผ่านไปให้ไวเป็นอย่างยิ่ง!

…………………………………………..

ตอนที่ 468 คะแนนสอบปลายภาคก้าวหน้าขึ้นเยอะ

คุณปู่อู่กับอู่เจิ้งต้าวก็อารมณ์ดีไม่น้อย ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องของเหอปี้อวิ๋นแม่ลูกที่ทำให้ไม่มีความสุขเป็นอย่างมาก แต่ข่าวดีก็ช่างทำให้ทั้งสองคนตื่นเต้นฮึกเหิมขึ้นมาได้อีกครั้ง

“อู่เหมยเด็กคนนี้มีความพยายามมุมานะไม่เป็นรองใคร วันหลังลูกรองจะต้องเลี้ยงดูสั่งสอนเธอให้ดีๆ ฉันประเมินคร่าวๆ แล้ว ต่อไปความรุ่งโรจน์ของครอบครัวพวกเราคงต้องเพิ่งเสี่ยวเชากับเหมยเหมย” คุณปู่เอาจริงเอาจังเป็นอย่างมาก

อู่เจิ้งซือลำพองใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังถ่อมตนพูดว่า “เสี่ยวเจี๋ยกับเหวินเฟิงพวกเขาก็ดีเหมือนกัน”

คุณปู่ส่ายหน้า ถอนหายใจพูดว่า “เสี่ยวเจี๋ยกับเหวินเฟิงฉลาดก็ฉลาดอยู่ แต่พรสวรรค์กลับมีน้อย หลังจากนี้ไปหากมีวินัยประพฤติดีมีระเบียบกลางๆ ก็ถือว่าใช่ได้มากแล้ว แต่คิดอยากจะเป็นคนเหนือคนน่ะยาก!”

พูดก็พูดเถอะ ถึงคุณปู่จะเป็นคนที่เห็นแก่ตัวชอบประจบเอาใจผู้อำนาจแต่ยโสโอหังกับคนที่ต่ำต้อยกว่า แต่สายตากลับร้ายกาจ ลูกพี่ลูกน้องสองคนนี้ชาติที่แล้วก็เป็นแค่คนที่มีวินัย ประพฤติดีมีระเบียบในระดับกลางๆ ไม่ใช่หรือไง!

อู่เจิ้งซือยังเสียดายอยู่บ้าง เสียดายที่อู่เหมยไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเขา ถ้าหากคนที่เข้าร่วมงานกลางคืนเทศกาลตรุษจีนของเมืองเป็นอู่เยวี่ย เขาจะยิ่งดีใจมากกว่านี้อีก

ความรุ่งโรจน์ของอู่เหมยทำให้เขาหวาดผวาไม่น้อย ขโมยมาอย่างไรก็คือขโมยมา เขากังวลอยู่ตลอดเวลา ถ้าหากว่าเธอค้นพบความจริง แล้วมาตรวจสอบกับเขา เขาควรจะทำอย่างไร?

แต่ว่าเขาก็สงบใจลงมาได้อย่างรวดเร็ว เรื่องนี้เขามั่นใจเต็มร้อยว่าไม่มีวันทำพลาด เหยียนซินหย่าจะไม่มีวันค้นพบ เขาไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองวิตกกังวล อู่เหมยเป็นลูกสาวของเขา จะไม่มีใครสงสัยหรือซักถามแน่นอน!

สามพ่อลูกตระกูลอู่มีความสุขที่ได้ชี้ขาดหนทางของเหอปี้อวิ๋น แต่กลับไม่พูดอะไรสักคำถึงอู่เยวี่ย

หลานสาวคนนี้ทำให้เขาภูมิใจอย่างที่ไม่มีอะไรมาเทียบได้ในอดีต (ทั้งแม่ทั้งลูกสาว) แต่ตอนนี้กลับมีแต่เรื่องอัปยศอดสู เกรงว่าเวลาผ่านไปอีกหน่อย พวกเขาอาจจะไม่พูดถึงชื่อนี้อีกเลย!

อีกไม่นานก็จะปิดเทอมฤดูหนาวแล้ว หลังจากใช้เวลาสามวันที่บ้าน อู่เหมยก็มาโรงเรียนอีกครั้งเพื่อรับใบแจ้งผลการเรียน เธอทั้งคาดหวังแล้วก็กังวล สอบปลายภาคครั้งนี้ที่เธอได้เขียนอธิบายไป ตัวเธอเองก็รู้สึกว่าออกมาดีไม่น้อย ตอนนี้แค่เพียงอยากเห็นใบแจ้งผลการเรียนไวๆ ว่าเธอได้คะแนนบรรลุเป้าหมายที่คาดเอาไว้หรือไม่

“นักเรียนอู่เหมยเทอมนี้มีพัฒนาการมากที่สุด สมุดโน้ตเล่มนี้อาจารย์ตั้งใจซื้อมาให้นักเรียนอู่เหมยเป็นพิเศษ หวังเป็นอย่างมากกว่าเทอมหน้านักเรียนอู่เหมยจะสามารถปกป้องความภูมิใจนี้ได้อย่างอดทน รักษาคะแนนดีๆ ให้คงอยู่ต่อไป และพยายามก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นให้ได้ ต่อไปเธอจะได้มีระดับที่สูงขึ้นไปอีกนะ!”

อาจารย์อู่นำสมุดโน้ตปกหนังเล่มหนากับใบแจ้งผลการศึกษาส่งให้อู่เหมย ในสมุดโน้ตหน้าที่สองเขียนไว้สองบรรทัดเป็นตัวหนังสือที่เรียบร้อยแต่ทรงพลัง เขียนไว้ว่า : ‘ปกป้องความภูมิใจอย่างอดทน รักษาให้คงอยู่ต่อไป ตั้งใจเรียนล่ะ!’

อู่เหมยรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เกรดเฉลี่ยของการสอบปลายภาคนั้นเกินกว่าที่เธอคาดหวังไว้มาก วิชาภาษาเก้าสิบคะแนน วิชาคณิตศาสตร์เก้าสิบสองคะแนน วิชาภาษาอังกฤษเก้าสิบห้าคะแนน ตอนที่ได้รับใบแจ้งผลการศึกษา เธอไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยด้วยซ้ำ

คะแนนแบบนี้มากจนกระทั่งสามารถเบียดขึ้นไปเป็นสิบอันดับแรกของชั้นเรียนได้!

จากอันดับโหล่สุดมาจนได้สิบอันดับแรกของชั้นเรียน แม้กระทั่งตัวอู่เหมยเองก็นึกไม่ถึงว่าเธอจะได้คะแนนที่ดีขนาดนี้!

คะแนนที่เป็นที่น่าพอใจกับการรับรองของอาจารย์ อู่เหมยมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างมาก เธอหันไปพยักหน้าให้อาจารย์อู๋รัวๆ ไม่ต้องให้อาจารย์สั่ง เทอมหน้าเธอก็จะตั้งใจเรียนและพยายามก้าวขึ้นไปอีกขั้น

“ภาคเรียนนี้จบแล้ว อาจารย์ต้องการจะเตือนสักสองสามประโยค ปิดเทอมฤดูหนาวอยู่บ้านก็ต้องใส่ใจกับความปลอดภัย โดยเฉพาะนักเรียนชาย ตอนจุดประทัดจะต้องระมัดระวัง อาจารย์ไม่ต้องการเห็นนักเรียนได้รับบาดเจ็บเพราะจุดประทัดในตอนเปิดเทอมหน้า พวกเธอจำไว้แล้วใช่ไหม?”

อาจารย์อู๋มักจะพูดซ้ำซากน่าเบื่อ ปิดเทอมฤดูหนาวทุกปี เธอก็จะชอบเน้นเรื่องจุดประทัดเป็นประจำ เหมือนกับปิดเทอมฤดูร้อน อาจารย์อู๋ก็จะพูดเน้นว่าไม่ให้ว่ายน้ำ ทุกปีก็เป็นเช่นนี้

พวกนักเรียนส่งเสียงดังว่า “จำไว้แล้วค่ะ/ครับ!”

อาจารย์อู๋ยิ้มตาหยีพูดว่า “อาจารย์จะพูดเรื่องที่น่ายินดีอีกเรื่อง เพื่อนร่วมชั้นอู่เหมยและเพื่อนร่วมชั้นอู่เชาจะมีการแสดงในงานกลางคืนเทศกาลตรุษจีนของเมือง ถึงตอนนั้นพวกเธอจะต้องดูโทรทัศน์กับพ่อแม่ปู่ย่าตายายนะ นี่เป็นชื่อเสียงเกียรติยศของห้องพวกเราเลยนะ!”

…………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด