Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร 474

Now you are reading Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร Chapter 474 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร ]

บทที่ 474 : หลิงหยุนก้าวหน้า – เซียนเอ๋อกลายร่าง!

ร่างสูงสีขาวของสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางกำลังสั่นสะท้าน และโยกคลอนไปมาอย่างรุนแรง กระดูกที่เพิ่งจะตกผลึกจนกลายเป็นสีหยกขาว ถูกฟ้าผ่าจนไหม้เกรียมเป็นสีดำอีกครั้ง!

แต่เจ้าขาวปุยก็ยังคงกัดฟันยืนหยัดอย่างดื้อดึง ดวงตาแดงก่ำของมันจ้องมองไปยังกลุ่มเมฆสสีดำขนาดมหึมาที่อยู่บนหัว แสดงให้เห็นท่าทางถือดี และไม่ยอมแพ้ของเจ้าสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง ที่เชื่อมั่นและมุ่งมั่นกับการกลายร่างในครั้งนี้อย่างมาก!

ขี้เถ้าสีดำบนร่างของมันยังคงตกลงที่พื้นอย่างต่อเนื่อง เผยให้เห็นกระดูกสีขาวคล้ายหยกอีกครั้ง และมีความมันวาวมากกว่าครั้งก่อน

ภายใต้การสังเกตการณ์ของหลิงหยุน เขาเห็นโครงกระดูกของเจ้าขาวปุยเปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาด ยิ่งนานเข้าก็ยิ่งมีโครงสร้างคล้ายมนุษย์มากขึ้น หลิงหยุนรู้ว่าเมื่อใดที่กระดูกของเจ้าขาวปุยกลายเป็นสีขาวขุ่น มันก็จะกลายร่างเป็นมนุษย์ได้แล้ว!

“ไม่นะ..!”

หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมองกลุ่มเมฆสีดำขนาดมหึมาที่อยู่ด้านบน แต่กลับพบว่ามันยังคงไม่สลายตัวไปอย่างที่คิดไว้ เพียงแค่หดตัวเหลือขนาดที่เล็กลง แต่กลับหนาขึ้นและมืดครึ้มยิ่งกว่าเดิม

“นี่.. มันยังไม่จบอีกงั้นรึ?!” ดวงตาของหลิงหยุนเต็มไปด้วยความตกใจ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นหวาดหวั่นมากขึ้น และในใจก็เริ่มบีบคั้น ส่วนเจ้าขาวปุยก็ถึงกับเหงื่อออก!

เจ้าขาวปุยรู้ดีว่าอสุนีบาตยังคงไม่หมดลง และแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสอีกครั้ง แต่มันก็รู้ว่าตัวเองจะได้รับประโยชน์มหาศาลจากอสุนีบาตครั้งนี้

เจ้าขาวปุยคือธาตุไฟที่ไม่ต่างจากพลังหยางบริสุทธิ์ ยิ่งได้รับความร้อนจากสายฟ้าเทวะเข้าไปมากเท่าไหร่ แม้สายฟ้านี้จะทำลายร่างของมัน แต่ในขณะเดียวกันก็เปลี่ยนร่างของมันให้เป็นมนุษย์ด้วย!

แม้มันจะมีความรุนแรงและโหดร้าย แต่ก็มีความพึงพอใจ เพราะนั่นหมายถึงการกลายร่างของมันได้สสำเร็จ!

เปรี้ยง!

ร่างของเจ้าขาวปุยไม่สั่นเทิ้มเหมือนทุกครั้ง มันทรงตัวยืนอยู่นิ่งอย่างสง่างาม ดวงตาสีแดงเปล่งประกาย และเปลวเพลิงลุกโชติช่วงขึ้นครอบคลุมร่างของมันอีกครั้ง!

ครั้งนี้เจ้าขาวปุยกลืนหินปีศาจจิ้งจอกกลับเข้าไปในปาก และดูเหมือนมันจะเริ่มเคยชินกับสายฟ้าเส้นที่สอง!

ขนาดของกลุ่มเมฆมหึมาก่อตัวหนาขึ้น และลอยต่ำมากขึ้น ช่องว่างระหว่างสวรรค์กับโลกนั้นดูเหมือนจะยิ่งแคบลงมากยิ่งขึ้น และตอนนี้แทบจะอยู่บนศรีษะของหลิงหยุนและเจ้าขาวปุย แม้แต่หลิงหยุนเองยังต้องเดินลมปราณป้องกันตัวเองไว้ จึงไม่ต้องพูดถึงผู้รับอสุนีบาตอย่างเจ้าขาวปุย!

ครืน.. ครืน.. เสียงท้องฟ้าคำราม และกลุ่มเมฆหนาขนาดมหึมานั้นเริ่มมีฟ้าแลบแปลบปลาบขึ้นอีกครั้ง

เปรี้ยง..

สายฟ้าเส้นใหญ่สีดำทะลุเมฆหนาออกมา และฟาดลงบนร่างของเจ้าขาวปุยอย่างแรง!

สิ่งที่หลิงหยุนเห็นก็คือ.. สายฟ้าเส้นนี้เป็นรูปมังกร แม้จะมีขนาดบางกว่าครั้งก่อนหน้านี้ เพราะมีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียงแค่สองเมตร แต่ดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่ง และมีอานุภาพรุนแรงกว่าครั้งก่อนถึงสองเท่า!

เจ้าขาวปุยยังคงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แต่จู่ๆมันก็ยืนทรงตัวด้วยสองขาหลัง ส่วนสองขาหน้าก็มีเปลวไฟลุกโชนขึ้น!

ฝ่ามือเพลิงสวรรค์!

ร่างของสุนัขจิ้งจอกสีขาวยืนผงาดสองขาอย่างผ่าเผย เปลวไฟที่ขาหน้าของมันมีขนาดใหญ่ขึ้น และครอบคลุมร่างกายส่วนบนไว้!

ตูม!

เปลวเพลิงที่ครอบร่างกายส่วนบนของเจ้าขาวปุยไว้นั้น ได้ปะทะกับสายฟ้าเทวะ และร่างของมันก็จมอยู่ใต้แสงสว่างจากสายฟ้าที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสองเมตร!

“เซียนเอ๋อ..!” หลิงหยุนตกใจจนถึงกับร้องตะโกนเรียกออกมาเสียงดัง!

หลิงหยุนเองก็เห็นเช่นกันว่า เซียนเอ๋อนั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และความแข็งแกร่งของนางในเวลานี้ก็ดูเหมือนว่าจะเหนือกว่าหลิงหยุนในตอนนี้มาก แต่หลิงหยุนก็รู้ดีว่าถึงกระนั้นก็ยังยากที่นางจะเอาชนะอสุนีบาตครั้งนี้ได้!

และนี่ก็คือ.. เสี้ยววินาทีระหว่างความเป็นกับความตาย!

สายฟ้ารูปมังกรที่เชื่อมต่อระหว่างสวรรค์กับโลกนั้น ดูเหมือนจะเพียงแค่นิ่งไปชั่วครู่ แต่เพียงแค่ครึ่งนาทีเท่านั้น สายฟ้าก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง และครั้งนี้หลิงหยุนแทบไม่กล้าที่จะกระพริบตา เขากำลังกังวลว่าเจ้าขาวปุยจะรอดหรือไม่?!

ท่ามกลางแสงสว่างจากสายฟ้านั้น ก็ยังมีเปลวเพลิงสีแดงลุกโชติช่วงอยู่!

เปลวเพลิงสีแดงที่ลุกโชติช่วงนั้น แม้ไม่อาจเทียบเท่าอสุนีบาตจากสวรรค์ แต่ก็ยังคงลุกโชนราวกับจะประกาศว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ และจะไม่ยอมแพ้!

‘พลังชีวิต.. พลังชีวิตที่เข้มข้น!’

เปลวเพลิงสีแดงที่ลุกโชนอยู่รอบตัวเจ้าขาวปุยนั้น ค่อยๆกลายเป็นลูกไฟที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมปล่อยพลังชีวิตที่เข้มข้นและทรงพลังอย่างมากออกมา!

และเป็นพลังชีวิตที่หลิงหยุนคุ้นเคยเป็นอย่างดี นั่นก็คือปราณมังกร และพลังอมตะจากพู่กันและสมุดจักรพรรดิ อีกทั้งยังมีพลังชีวิตจากสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางอีกด้วย!

“โอกาสของข้ามาถึงแล้ว!”

นี่เป็นโอกาสดีที่สวรรค์ประทานให้! และหลิงหยุนก็ไม่ปล่อยโอกาสให้ผ่านไป เขารู้ว่าเจ้าขาวปุยจะไม่ตาย และเริ่มดูดซับเอาพลังชีวิตที่ทรงพลังเหล่านี้เข้าไปในร่างกายด้วยความโล่งใจ!

ตอนนี้หลิงหยุนเองก็อยู่ในระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-6 เขาเพิ่งจะดื่มน้ำลายมังกรไปสามหรือสี่กิโลกรัม และตอนนี้พลังชี่ในร่างกายก็ฟื้นตัวถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว และเมื่อเริ่มดูดซับปราณมังกร พลังอมตะ และพลังชีวิตของเจ้าขาวปุยเข้าไป ร่างกายของเขาก็ดูเหมือนจะมีพลังชีวิตเต็มเร็วมากขึ้น

ระหว่างนั้นก็เริ่มโคจรดารกะดายัน และพลังลับหยินหยางไปพร้อมๆกัน!

จุดตันเถียนที่แปลกประหลาดของหลิงหยุนนั้น เริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว และได้เปลี่ยนพลังชีวิตที่เขาดูดซับเข้าไปให้เป็นพลังหยินและหยางแทน!

ปราณมังกร และพลังชีวิตจากเจ้าขาวปุยไหลเข้าไปรวมกับพลังหยินและหยางในร่างกายของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว และส่วนที่ดูดซับพลังชีวิตเข้าไปมากที่สุดก็คือเส้นโค้งรูปมังกรทอง!

แสงสีทองที่น่าอัศจรรย์ปรากฏในจุดตันเถียนของหลิงหยุนอีกครั้ง และหัวมังกรของเส้นโค้งรูปมังกรก็หันไปทางกระดูกสันหลังของหลิงหยุนอีกครั้ง และในที่สุดกระดูกสันหลังของหลิงหยุนก็ได้กลายเป็นสีทอง!

ส่วนพลังอมตะของสมุดและพู่กันจักรพรรดินั้น หลังจากที่ร่างกายของหลิงหยุนดูดซับเข้าไป มันก็เคลื่อนไปอยู่ที่ตำแหน่งกลางหว่างคิ้วของหลิงหยุนราวกับรู้ว่านั่นคือบ้านของมัน และหลิงหยุนก็ไม่สามารถควบคุมหรือใช้งานมันได้

และด้วยอานุภาพของพลังชีวิตที่ทรงพลังนี้ ทำให้หลิงหยุนสามารถโคจรดารกะดายันขั้นสุดไปทั่วทั้งร่างกายตั้งแต่ผิวหนัง กล้ามเนื้อ กระดูก อวัยวะภายในต่างๆ รวมถึงเส้นลมปราณทั้งหลาย..

เจ้าขาวปุยที่อยู่อีกฝั่งยังคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และหลิงหยุนก็สามารถก้าวหน้านำเจ้าขาวปุยไปก่อนแล้ว!

ตูม!

ในที่สุดหลิงหยุนก็สามารถฝึกดารกะดายันผ่านระดับที่สิบสาม และเข้าสู่ระดับที่สิบสี่ซึ่งเป็นระดับสุดท้ายของดารกะดายันขั้นที่สอง.. (1)

หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมาเป็นสองเท่า และประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาก็ได้ขยายขอบเขตเพิ่มขึ้นอีกเป็นรัศมีสองร้อยเมตร!

หลังจากที่สามารถเข้าสู่ระดับสิบสี่ของดารกะดายันได้สำเร็จ เส้นลมปราณและจุดตันเถียนของหลิงหยุนก็แข็งแกร่งขึ้นมาก เขาดูดซับพลังชีวิตที่ได้รับจากเจ้าขาวปุยเข้าไปจนรู้สึกสดชื่น พลังชีวิตในร่างกายของเขาเต็มเปี่ยม และพลังหยินและหยางในร่างกายของเขาเต็มไปทุกอณูของรูขุมขนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“น่าเสียดาย.. อีกเพียงนิดเดียวข้าก็จะเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-7 ได้แล้ว.. นี่ถ้าข้าสามารถใช้พลังอมตะพวกนั้นได้ก็คงจะดี..”

หลิงหยุนนึกเสียดาย.. เพราะรู้ดีว่าพลังอมตะนี้ถูกควบคุมโดยสมุดและพู่กันจักรพรรดิเท่านั้น

การจะเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-7 นั้น ก็ไม่ต่างจากการจะเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-4 เลยแม้แต่น้อย ที่ต้องพบเจอกับอุปสรรคมากมาย เพราะขั้นปรับร่างกาย-7 ก็คือขั้นแรกของสามด่านสุดท้ายในขั้นปรับร่างกาย

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เส้นลมปราณและจุดตันเถียนของหลิงหยุนก็แข็งแกร่งกว่าเมื่อครั้งที่เขาอยู่ในระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-6 ในโลกบ่มเพาะเป็นร้อยเท่า ดังนั้นการจะเข้าสู่สามด่านสุดท้ายได้ ก็ย่อมต้องยากขึ้นเป็นร้อยเท่าเช่นกัน แม้หลิงหยุนจะได้รับพลังชีวิตเข้าไปอย่างมากมาย แต่ก็ยังไม่เพียงพอให้เขาเร่งรีบที่จะข้ามขั้นได้

หลิงหยุนลืมตาขึ้น และใช้เนตรหยินหยางมองไปทางเจ้าขาวปุย และคาดว่าสายฟ้าเส้นที่สองกำลังจะปรากฏ

แต่ทันทีที่หลิงหยุนได้เห็นเจ้าขาวปุย เลือดกำเดาของเขาก็แทบพุ่งออกจากจมูก!

นั่นเพราะเจ้าขาวปุยได้กลายร่างเป็นไป๋เซียนเอ๋อที่งดงามอย่างมาก! เจ้าขาวปุยกลายร่างสำเร็จแล้ว!

ด้านหน้าหลิงหยุนเวลานี้.. มีหญิงสาวร่างสูงราวเมตรเจ็ดสิบ รูปร่างสมส่วน และผิวขาวใสราวคริสตัล กำลังยืนอยู่บนก้อนหิน ผมสีดำเงางามที่ยาวมาถึงเอวนั้น กำลังปกคลุมเรือนร่างที่สวยงามของไป๋เซียนเอ๋อไว้

ผมที่ยาวนั้นปิดบังใบหน้าของนางไว้ แต่หลิงหยุนก็สามารถคาดเดาได้ว่าปีศาจจิ้งจอกไป๋เซียนเอ๋อนั้นจะงดงามสักเพียงใด!

หลิงหยุนแอบนึกเปรียบเทียบความงดงามของไป๋เซียนเอ๋อกับหญิงสาวที่เขาเคยพบเจอมาอยู่เงียบๆ แล้วก็ได้แต่ถอนใจ ความงามที่หาใครเทียบไม่ได้อย่างปีศาจจิ้งจอกนั้น เขาบอกได้เพียงคำเดียวว่าหญิงสาวที่เขาพานพบมาล้วนแต่ต้องพ่ายแพ้ให้แก่นางอย่างแน่นอน!

ไม่แปลกที่เหตุใดบททดสอบของสวรรค์จึงได้โหดเหี้ยมถึงเพียงนี้! เพราะไม่เพียงไป๋เซียนเอ๋อกลายร่างได้สำเร็จ นางยังมีรูปร่างที่สมส่วน และมีใบหน้าที่งดงามมีเสน่ห์ ยิ่งความสามารถนั้นแทบไม่ต้องพูดถึง!

ความงดงามของไป๋เซียนเอ๋อนั้น เป็นความงามที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนก็คือ ความสวยงามที่คล้ายกับสุนัขจิ้งจอก!

ไป๋เซียนเอ๋อยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงจนดูเหมือนไม่ได้หายใจ หลิงหยุนได้แต่ใจเต้นแรงพร้อมกับแอบสงสัยว่า.. นางกลายร่างสำเร็จจริงหรือไม่?!

กลุ่มเมฆมหึมาเหนือศรีษะยังคงม้วนตัวไปมา เมื่อหลิงหยุนเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาจึงเดินเข้าไปหาไป๋เซียนเอ๋อ!

“นายท่าน.. ห้ามมองข้า!”

ร่างสวยงามสมส่วนของไป๋เซียนเอ๋อสั่นเทิ้ม และพูดออกมาอย่างเอียงอาย

แม้แต่น้ำเสียงของนางก็ช่างไพเราะและมีเสน่ห์ยิ่งนัก!

 ————————————————————————————-

(1)       วิชาดารกะดายันนั้นความจริงมีทั้งหมด 50 ระดับย่อย แต่ระดับเริ่มต้นของการฝึกยังไม่นับเข้าระดับ

              จึงจะเหลือเพียงแค่ 49 ระดับย่อย หรือ 5 ขั้นใหญ่ แต่ละขั้นก็จะมี 7 ระดับย่อยดังนี้

– ระดับแรกคือเริ่มต้นฝึก : ยังไม่นับระดับ

– ระดับย่อยที่  1-7  : ดารกะดายันขั้นที่ 1

– ระดับย่อยที่  8-14 : ดารกะดายันขั้นที่ 2

– ระดับย่อยที่ 15-21 : ดารกะดายันขั้นที่ 3

– ระดับย่อยที่ 22-28 : ดารกะดายันขั้นที่ 4

– ระดับย่อยที่ 29-35 : ดารกะดายันขั้นที่ 5

– ระดับย่อยที่ 36-42 : ดารกะดายันขั้นที่ 6

– ระดับย่อยที่ 43-49 : ดารกะดายันขั้นที่ 7

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด