ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 140 ลอบทำร้าย

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 140 ลอบทำร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่140 ลอบทำร้าย

จ้าวเฉียนนิ่งเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง เอ่ยถามขึ้นว่า

“ถ้าแบบนั้นทำไมถึงมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ฉันล่ะ? เจ้านั่นสั่งมา?”

เฉียงกุยหลิงพยักหน้าตอบว่า

“เขาสั่งให้ฉันมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคุณ เขาแค่ต้องการให้หนูรับความผิดทั้งหมดไว้ตัวคนเดียว แต่นี่ก็สมควรแล้วล่ะค่ะ หนูทำเรื่องผิดกฎหมายไปจริงๆก็สมควรแบกรับผมที่ตามมา หนูไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมปล่อยคุณไปง่ายๆหรอกนะคะ หลังจากนี้รีบหนีไปจากเมืองนี้ให้ไกลดีกว่าค่ะ”

ไม่ว่าสิ่งที่เฉียงกุยหลิงพูดไปจะเป็นความจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตามจ้าวเฉียนก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก ตราบใดที่พิสูจน์ได้ว่ายาเสพติดเหล่านั้นไม่ใช่ของเธอที่เป็นเจ้าของ ตามกฎหมายยังพอมีโอกาสที่ทำให้คดีพลิก อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ใช่คดีอาญาแบ่นอน ซึ่งตราบเท่าที่ไม่ใช่คดีอาญา มันย่อมจัดการได้ง่ายกว่าโดยธรรมชาติ นอนคุกสักสิบวันก็ถูกปล่อยตัวกลับบ้านได้แล้ว

“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว มีอะไรจะพูดอีกไหม? ถ้าไม่ฉันจะกลับไปนอนต่อ”

จ้าวเฉียนแสร้งทำเป็นเย็นชาใจแข็งใส่

เฉียงกุยหลิงส่าวหัวและกล่าวเสียงแผ่วขึ้นว่า

“ไม่ หนูยังมีอีกสองเรื่องที่อยากขอร้อง หวังว่าตอนนี้ยังพอเห็นใจหนูบ้างสักนิดก็ยังดี”

“เหอะ จะให้ดูแลพ่อแม่กับน้องชายของเธอ?”

จ้าวเฉียนสวนตอบกลับไปอย่างไม่แยแส

นั้นคือคำขอที่เฉียงกุยหลิงคิดไว้ในใจ แต่เธอรู้สึกอับอายขายขี้หน้าเกินกว่าจะพูดออกมาตรงๆได้ เธอก้มหน้าก้มตาลงแสดงให้เห็นว่าเธอยอมรับโดยปริยาย

จ้าวเฉียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และกล่าวตอบไปว่า

“พ่อแม่ของเธอป่วยหนัก นี่เป็นหน้าที่ของลูกต้องดูแล ส่วนเรื่องหนี้สินของน้องชายก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเหมือนกัน ฉันไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องช่วยเหลือคนที่คิดร้ายต่อฉัน เอาเถอะ คดีของเธออาจจะไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิด นอนคุกไม่กี่คืนเดี๋ยวก็ได้ออกมาแล้ว”

หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็ลุกออกไปโดยตรง

พอออกจากโรงพักมาได้ จ้าวเฉียนก็หันมาพูดกับหยางหู่ทันที

“เสี่ยวหู่ฝากเรื่องนี้ด้วย จัดการลากเฉินกวงหัวเข้าคุกให้ได้”

จากนั้นจ้าวเฉียนก็ขึ้นแท็กซี่กลับคฤหาสน์ไปทันที หยางหู่เองก็รีบเดินทางกลับเช่นกันและใช้เส้นสายทั้งหมดที่มี เพื่อเตรียมตัวจัดการกับเฉินกวงหัว

เฉินกวงหัวได้ชื่อว่าเป็นผู้ประกอบการดาวรุ่งที่โด่งดังอย่างมาก นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่หยางหู่จะลอบเก็บบุคคลที่มีแสงไฟส่องจากทุกหนทุกแห่งแบบนี้ โชคยังดีที่หยางหู่ยังมีคนสนิทที่เป็นคนในรัฐสภา ขอเพียงเพื่อนคนนี้ของเขารับปากว่าจะไม่เข้ามาสอดเรื่องของเฉินกวงหัว หยางหู่ย่อดำเนินการไปต่อได้อย่างราบรื่น

หยางหู่กำลังขับรถอยู่บนท้องถนน จู่ๆเฉินกวนหัวก็เร่งโทรหาเขาไม่ยั้งมือจนทนไท่ไหวต่อสายรับในท้ายที่สุด

“ฮาโหล จ้าวเฉียนออกมาแล้ว นายจะส่งมอบหลักฐานให้ฉันตอนไหน?”

หยางหู่เอ่ยตอบน้ำเสียงเรียบ

“นี่คุณเฉินรีบมากขนาดนั้นเลยรึไง? ผมกำลังเดินทางกลับบ้าน มาที่Pearl Barตอนดึก แล้วจะเจอผมที่นั่น”

“โอเค! อย่าให้รู้นะว่าพี่หู่กลับคำ! ไม่อย่างนั้นฉันม่าปล่อยมันไปแน่!”

เฉินกวงหัวกล่าวขู่

“คุณคิดว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่จะวางแผนอะไรก็ได้? มาเจอกันตอนห้าทุ่ม ไม่อย่างนั้นหลักฐานทั้งหมดส่งตรงถึงตำรวจ!”

ทันทีที่พูดจบหยางหู่ก็ตัดสายทิ้งและรีบขับรถกลับทันที

ในเช้าวันจันทร์ จ้าวเฉียนขับรถมาทำงานตามปกติ เขายังคงจอดรถที่ชั้นใต้ดินตามปกติ แต่ทันทีที่เปิดประตูลงรถกลับมีใครบางคนวิ่งเข้ามาพร้อมแท่นเหล็กหวดเข้าใส่สุดแรง แต่โชคยังดีที่จ้าวเฉียนปิดประตูหลบเข้ารถได้ทัน

เมื่อขยับขยายสายตาเข้าจับจ้อง ปรากฏว่าเป็นเจ้าหนุ่มอายุน่าจะน้อยกล่าวยี่สิบ

“นายเป็นใคร? ใครส่งนายมา?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามน้ำเสียงเย็น

“ไม่มีใครส่งมาทั้งนั้น! แต่ฉันมาที่นี่เพื่อล้างแค้นให้พี่สาว!”

หนุ่มน้อยตะคอกด้วยความเคียดแค้น

“ล้างแค้นให้พี่สาว? พี่สาวของเธอชื่ออะไร? มีเรื่องขัดแย้งอะไรกับฉัน?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“พี่สาวฉันชื่อเฉียงกุยหลิง นายคงจำได้แล้วใช่ไหมว่าทำอะไรเอาไว้!?”

จ้าวเฉียนไม่ได้รู้สึกโกรธเลยสักนิด แถมยังเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นอีกว่า

“โอ้ นายนี่กตัญญูดีนะ กล้าล้างแค้นให้พี่สาวกลางวัยแสกๆ ชื่ออะไรล่ะ?”

“ชื่อกุยหลง สกุลเฉียง พร้อมตายแล้วใช่ไหม?!”

จ้าวเฉียนอดระเบิดหัวเราะไม่ได้ เขาเอ่ยถามต่อว่า

“นายกล้าฆ่าฉันจริงๆงั้นเหรอ?”

“แน่นอน! พี่สาวของฉันต้องถูกตัดสินประหารชีวิต ทั้งหมดเป็นเพราะแก ดังนั้นฉันนี่แหละจะเอาชีวิตแกไปสังเวย!”

เฉียงกุยหลงสวนตอบทันทีด้วยคำกล่าวสุดไร้เดียงส่า

เจ้าเด็กนี่ไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไป จ้าวเฉียนอดส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และกล่าวว่า

“ใครบอกว่าพี่สาวของนายถูกตัดสินประหารชีวิต? แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันทำงานอยู่ที่นี่? มีอะไรบอกฉันมาตรงๆ ฉันช่วยพี่สาวนายได้”

“แล้วคุณมีเหตุผลอะไรที่จะช่วยพี่สาวผม? คุณไม่ใช่คนใหญ่คนโต ไม่ใช่ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เลิกโกหกเหมือนกับฉันเป็นเด็กสาวขวบได้แล้ว!”

เฉียงกุยหลงกระชับท่อนเหล็กแน่น  ตวาดน้ำเสียงเดือดดุอย่างมั่นอกมั่นใจ

จ้าวเฉียนคิดว่า เจ้าหนุ่มคนนี้ต้องถูกใครบางคนยุยงให้มาดักทำร้ายแน่นอน ดังนั้นแล้วเขาจึงเปลี่ยนวิธีการสนทนาในทันใด

“ฉันได้ยินมาว่านายเป็นหนี้อยู่สี่แสนหยวน เอาแบบนี้แล้วกัน ฉันจะให้ยืนสี่แสนหยวนเป็นกรณีพิเศษ โอเคไหม?”

เฉียงกุยหลงส่ายหัวอย่างแน่วแน่ และตอบกลับไปว่า

“ไม่จำพเป็น ตราบใดที่ฉันจับนายไปที่โรงพยาบาลได้ จะมีคนจ่ายเงินให้ฉันมากพอที่จะใช้หนี้! เลิกถ่วงเวลาสักที แกเตรียมตัวตาย!”

เฉียงกุยหลงยกท่อนเหล็กขึ้นและหวดตีจ้าวเฉียนอย่างแรงอีกครา แต่บังเอิญว่ารปภ.แถวนั้นดันมาแห็นและเข้ามาห้ามปรามได้ทันเวลา พร้อมสุ้มเสียงตะโกนดังลั่นมาแต่ไกล

“นี่แกกำลังทำอะไร?”

“หยุดเดี๋ยวนี้เจ้าหนู!”

เฉียงกุยหลงเป็นพวกเด็กเก็บตัว ไม่ค่อยเข้าสังคม ทันทีที่เห็นว่าบรรดการปภ.แห่งกันเข้ามาจำนวนมากมาย เขาก็ตื่นตกใจอย่างยิ่ง โยนท่อนเหล็กในมือทิ้งและพยายามวิ่งหนีตายสุดกำลัง

แต่มีหรือที่เขาจะฝ่าปราการเหล่ารปภ.พวกนี้ได้? วิ่งหนีไปได้ไม่นานนักก็ถูกรปภ.คนหนึ่งไล่ตามได้ทันในที่สุด พร้อมจับตัวล็อกไว้ไม่ให้ดิ้นหลุดไปไหน

“ปล่อยผม! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้! พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาจับผม!”

รปภ.ไม่ได้ปริปากบอกเหตุผลใดๆ พอเห็นแบบนั้นเฉียงกุยหลงจึงบอกเหตุผลไปตามตรงว่า ทำไมเขาถึงต้องมาดับทำร้ายจ้าวเฉียน

“มันฆ่าพี่สาวผม! ผมจะล้านแค้นให้พี่สาวของผม! ทำไมถึงไม่จับมันแทน มันคือคนร้ายตัวจริง!”

เหล่ารปภ.พวกนั้นที่ได้ฟังก็ตกตะลึงกันเป็นแถบ หัวหน้ารปภ.หันมาเอ่ยถามทันทีว่า

“คุณอยู่บริษัทไหนครับ?”

จ้าวเฉียนโค้งหัวให้เขาเล็กน้อยและตอบไปว่า

“ปล่อยเขาไปเถอะครับ ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด ผมอยู่บริษัทเกมฟางนี่ที่ชั้น6 ชื่อจ้าวเฉียน”

“แล้วที่บอกว่าคุณฆ่าพี่สาวของเขามันหมายความว่ายังไง?”

หัวหน้ารปภ.สักถามต่อไป

“ผมก็บอกไปแล้วว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด พี่สาวของเขาถูกตำรวจจับ แล้วผมเองก็ไม่รู้ว่าใครไปเป่าหูจนคิดว่าผมฆ่าเธอ เรื่องนี้เดี๋ยวผมจัดการเองดีกว่าครับ”

หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็ก้าวย่างตรงไปหยุดต่อหน้าและดึงร่างของเฉียงกุยหลงขึ้นมาจากพื้น แต่เขาก็ยังพยายามดิ้นหลุด และสบถด่ามีท่าทีไร้ซิ่งความสุขโดยสิ้นเชิง จนจ้าวเฉียนก็กล่าวกระซิบข้างหูว่า

“เลิกดิ้นได้แล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะสั่งให้ยามพวกนี้ทุบตีนายจนพิการ เอาให้กระดูกแตกกันไปข้างเลย”

เฉียงกุยหลงถึงกับเสี่ยวสันหลังวาบ และสงบสติลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินเข้าไปในตึก จ้าวเฉียนเอ่ยปากให้สัญญากับเขาด้วยความจริงใจว่า

“ฉันจะช่วยพี่สาวเธอเอง กลับไปรอฟังข่าวดีได้เลย ไม่ว่าใครจะเป็นคนเป่าหูนายอยู่มันไม่มีเจตนาดีแน่นอน”

เฉียงกุยหลงดูมึนงงเล็กน้อย คล้อยหลังครุ่นคิกดอยู่สักพัก เขาก็กล่าวถามขึ้นว่า

“ทำไมนายถึงอยากช่วยพี่สาวฉัน? เพราะตกหลุมรักเธองั้นเหรอ?”

จ้าวเฉียนอดหัวเราไม่ได้และตอบไปตามตรงว่า

“เพราะความกตัญญูของพี่สาวนาย ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องรักๆใคร่ๆเลย เธอในวัยเพียงเท่านี้แต่กลับต้องแบกรับภาระของครอบครัวไว้เต็มสองบ่า แต่ในอนาคตต่อไป หวังว่านายจะไม่ถูกหลอกอะไรง่ายๆแบบนี้แล้วนะ เข้าใจที่ฉันพูดไหม? แค่ค่ารักษาพยาบาลของพ่อแม่ก็มากเกินพอแล้ว ถ้ายังต้องจ่ายหนี้แทนนายอีก เธอจะรอดได้ยังไง?”

เฉียงกุยหลงก้มหัวก้มตาลงทันทีดูเศร้าสลดไม่น้อย คล้อยหลังไม่พูดอะไรอยู่พักใหญ่ จู่ๆเขาก็ร้องไหลออกมาจนผู้คนที่เดินผ่านไปมาในตึกเริ่มชายตามองกันบ้าง

และบังเอิญเสียเหลือเกิน หวังเฉียงและคนอื่นๆที่นั่งรถบัสที่ทำงานมาก็เข้าตึกกันมาพอดี พอเห็นภาพฉากแบบนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าจ้าวเฉียนกำลังรังแกเด็กไม่มีทางสู้อยู่ จึบรีบวิ่งไปหาโดยตรง

“จ้าวเฉียน นี่นายรังแกเด็กแต่เช้าเลยรึไง?”

หวังเฉียงกล่าวดุน้ำเสียงเย็นชา

“คุณชายจ้าว โดนกลั่นแกล้งจนเป็นปมรึเปล่า? พอตอนนี้มีโอกาสก็ลงไปลงกับคนอื่น?”

เจวียงหยวนกล่าวเสริมอย่างเข้าขา

“จ้าวเฉียน อีกฝ่ายยังเก็กอยู่เลยนะ นายก็ทำได้ลงคอ?”

“ไม่ใช่ว่าโตกว่าก็จะทำอะไรก็ได้หรอกนะ โอ้ๆ เจ้าหนูพี่คนนี้รังแกอะไรเธอเหรอ?”

คำด่าตักเตือนมากมายของบรรดาเพื่อนร่วมงาน ถาโถมเข้ามาหาจ้าวเฉียนชนิดไม่มีหยุดพักหายใจ เล่นเอาซะเขาทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่ง

ตอนที่140 ลอบทำร้าย

จ้าวเฉียนนิ่งเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง เอ่ยถามขึ้นว่า

“ถ้าแบบนั้นทำไมถึงมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ฉันล่ะ? เจ้านั่นสั่งมา?”

เฉียงกุยหลิงพยักหน้าตอบว่า

“เขาสั่งให้ฉันมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคุณ เขาแค่ต้องการให้หนูรับความผิดทั้งหมดไว้ตัวคนเดียว แต่นี่ก็สมควรแล้วล่ะค่ะ หนูทำเรื่องผิดกฎหมายไปจริงๆก็สมควรแบกรับผมที่ตามมา หนูไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมปล่อยคุณไปง่ายๆหรอกนะคะ หลังจากนี้รีบหนีไปจากเมืองนี้ให้ไกลดีกว่าค่ะ”

ไม่ว่าสิ่งที่เฉียงกุยหลิงพูดไปจะเป็นความจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตามจ้าวเฉียนก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก ตราบใดที่พิสูจน์ได้ว่ายาเสพติดเหล่านั้นไม่ใช่ของเธอที่เป็นเจ้าของ ตามกฎหมายยังพอมีโอกาสที่ทำให้คดีพลิก อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ใช่คดีอาญาแบ่นอน ซึ่งตราบเท่าที่ไม่ใช่คดีอาญา มันย่อมจัดการได้ง่ายกว่าโดยธรรมชาติ นอนคุกสักสิบวันก็ถูกปล่อยตัวกลับบ้านได้แล้ว

“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว มีอะไรจะพูดอีกไหม? ถ้าไม่ฉันจะกลับไปนอนต่อ”

จ้าวเฉียนแสร้งทำเป็นเย็นชาใจแข็งใส่

เฉียงกุยหลิงส่าวหัวและกล่าวเสียงแผ่วขึ้นว่า

“ไม่ หนูยังมีอีกสองเรื่องที่อยากขอร้อง หวังว่าตอนนี้ยังพอเห็นใจหนูบ้างสักนิดก็ยังดี”

“เหอะ จะให้ดูแลพ่อแม่กับน้องชายของเธอ?”

จ้าวเฉียนสวนตอบกลับไปอย่างไม่แยแส

นั้นคือคำขอที่เฉียงกุยหลิงคิดไว้ในใจ แต่เธอรู้สึกอับอายขายขี้หน้าเกินกว่าจะพูดออกมาตรงๆได้ เธอก้มหน้าก้มตาลงแสดงให้เห็นว่าเธอยอมรับโดยปริยาย

จ้าวเฉียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และกล่าวตอบไปว่า

“พ่อแม่ของเธอป่วยหนัก นี่เป็นหน้าที่ของลูกต้องดูแล ส่วนเรื่องหนี้สินของน้องชายก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเหมือนกัน ฉันไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องช่วยเหลือคนที่คิดร้ายต่อฉัน เอาเถอะ คดีของเธออาจจะไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิด นอนคุกไม่กี่คืนเดี๋ยวก็ได้ออกมาแล้ว”

หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็ลุกออกไปโดยตรง

พอออกจากโรงพักมาได้ จ้าวเฉียนก็หันมาพูดกับหยางหู่ทันที

“เสี่ยวหู่ฝากเรื่องนี้ด้วย จัดการลากเฉินกวงหัวเข้าคุกให้ได้”

จากนั้นจ้าวเฉียนก็ขึ้นแท็กซี่กลับคฤหาสน์ไปทันที หยางหู่เองก็รีบเดินทางกลับเช่นกันและใช้เส้นสายทั้งหมดที่มี เพื่อเตรียมตัวจัดการกับเฉินกวงหัว

เฉินกวงหัวได้ชื่อว่าเป็นผู้ประกอบการดาวรุ่งที่โด่งดังอย่างมาก นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่หยางหู่จะลอบเก็บบุคคลที่มีแสงไฟส่องจากทุกหนทุกแห่งแบบนี้ โชคยังดีที่หยางหู่ยังมีคนสนิทที่เป็นคนในรัฐสภา ขอเพียงเพื่อนคนนี้ของเขารับปากว่าจะไม่เข้ามาสอดเรื่องของเฉินกวงหัว หยางหู่ย่อดำเนินการไปต่อได้อย่างราบรื่น

หยางหู่กำลังขับรถอยู่บนท้องถนน จู่ๆเฉินกวนหัวก็เร่งโทรหาเขาไม่ยั้งมือจนทนไท่ไหวต่อสายรับในท้ายที่สุด

“ฮาโหล จ้าวเฉียนออกมาแล้ว นายจะส่งมอบหลักฐานให้ฉันตอนไหน?”

หยางหู่เอ่ยตอบน้ำเสียงเรียบ

“นี่คุณเฉินรีบมากขนาดนั้นเลยรึไง? ผมกำลังเดินทางกลับบ้าน มาที่Pearl Barตอนดึก แล้วจะเจอผมที่นั่น”

“โอเค! อย่าให้รู้นะว่าพี่หู่กลับคำ! ไม่อย่างนั้นฉันม่าปล่อยมันไปแน่!”

เฉินกวงหัวกล่าวขู่

“คุณคิดว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่จะวางแผนอะไรก็ได้? มาเจอกันตอนห้าทุ่ม ไม่อย่างนั้นหลักฐานทั้งหมดส่งตรงถึงตำรวจ!”

ทันทีที่พูดจบหยางหู่ก็ตัดสายทิ้งและรีบขับรถกลับทันที

ในเช้าวันจันทร์ จ้าวเฉียนขับรถมาทำงานตามปกติ เขายังคงจอดรถที่ชั้นใต้ดินตามปกติ แต่ทันทีที่เปิดประตูลงรถกลับมีใครบางคนวิ่งเข้ามาพร้อมแท่นเหล็กหวดเข้าใส่สุดแรง แต่โชคยังดีที่จ้าวเฉียนปิดประตูหลบเข้ารถได้ทัน

เมื่อขยับขยายสายตาเข้าจับจ้อง ปรากฏว่าเป็นเจ้าหนุ่มอายุน่าจะน้อยกล่าวยี่สิบ

“นายเป็นใคร? ใครส่งนายมา?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามน้ำเสียงเย็น

“ไม่มีใครส่งมาทั้งนั้น! แต่ฉันมาที่นี่เพื่อล้างแค้นให้พี่สาว!”

หนุ่มน้อยตะคอกด้วยความเคียดแค้น

“ล้างแค้นให้พี่สาว? พี่สาวของเธอชื่ออะไร? มีเรื่องขัดแย้งอะไรกับฉัน?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“พี่สาวฉันชื่อเฉียงกุยหลิง นายคงจำได้แล้วใช่ไหมว่าทำอะไรเอาไว้!?”

จ้าวเฉียนไม่ได้รู้สึกโกรธเลยสักนิด แถมยังเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นอีกว่า

“โอ้ นายนี่กตัญญูดีนะ กล้าล้างแค้นให้พี่สาวกลางวัยแสกๆ ชื่ออะไรล่ะ?”

“ชื่อกุยหลง สกุลเฉียง พร้อมตายแล้วใช่ไหม?!”

จ้าวเฉียนอดระเบิดหัวเราะไม่ได้ เขาเอ่ยถามต่อว่า

“นายกล้าฆ่าฉันจริงๆงั้นเหรอ?”

“แน่นอน! พี่สาวของฉันต้องถูกตัดสินประหารชีวิต ทั้งหมดเป็นเพราะแก ดังนั้นฉันนี่แหละจะเอาชีวิตแกไปสังเวย!”

เฉียงกุยหลงสวนตอบทันทีด้วยคำกล่าวสุดไร้เดียงส่า

เจ้าเด็กนี่ไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไป จ้าวเฉียนอดส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และกล่าวว่า

“ใครบอกว่าพี่สาวของนายถูกตัดสินประหารชีวิต? แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันทำงานอยู่ที่นี่? มีอะไรบอกฉันมาตรงๆ ฉันช่วยพี่สาวนายได้”

“แล้วคุณมีเหตุผลอะไรที่จะช่วยพี่สาวผม? คุณไม่ใช่คนใหญ่คนโต ไม่ใช่ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เลิกโกหกเหมือนกับฉันเป็นเด็กสาวขวบได้แล้ว!”

เฉียงกุยหลงกระชับท่อนเหล็กแน่น  ตวาดน้ำเสียงเดือดดุอย่างมั่นอกมั่นใจ

จ้าวเฉียนคิดว่า เจ้าหนุ่มคนนี้ต้องถูกใครบางคนยุยงให้มาดักทำร้ายแน่นอน ดังนั้นแล้วเขาจึงเปลี่ยนวิธีการสนทนาในทันใด

“ฉันได้ยินมาว่านายเป็นหนี้อยู่สี่แสนหยวน เอาแบบนี้แล้วกัน ฉันจะให้ยืนสี่แสนหยวนเป็นกรณีพิเศษ โอเคไหม?”

เฉียงกุยหลงส่ายหัวอย่างแน่วแน่ และตอบกลับไปว่า

“ไม่จำพเป็น ตราบใดที่ฉันจับนายไปที่โรงพยาบาลได้ จะมีคนจ่ายเงินให้ฉันมากพอที่จะใช้หนี้! เลิกถ่วงเวลาสักที แกเตรียมตัวตาย!”

เฉียงกุยหลงยกท่อนเหล็กขึ้นและหวดตีจ้าวเฉียนอย่างแรงอีกครา แต่บังเอิญว่ารปภ.แถวนั้นดันมาแห็นและเข้ามาห้ามปรามได้ทันเวลา พร้อมสุ้มเสียงตะโกนดังลั่นมาแต่ไกล

“นี่แกกำลังทำอะไร?”

“หยุดเดี๋ยวนี้เจ้าหนู!”

เฉียงกุยหลงเป็นพวกเด็กเก็บตัว ไม่ค่อยเข้าสังคม ทันทีที่เห็นว่าบรรดการปภ.แห่งกันเข้ามาจำนวนมากมาย เขาก็ตื่นตกใจอย่างยิ่ง โยนท่อนเหล็กในมือทิ้งและพยายามวิ่งหนีตายสุดกำลัง

แต่มีหรือที่เขาจะฝ่าปราการเหล่ารปภ.พวกนี้ได้? วิ่งหนีไปได้ไม่นานนักก็ถูกรปภ.คนหนึ่งไล่ตามได้ทันในที่สุด พร้อมจับตัวล็อกไว้ไม่ให้ดิ้นหลุดไปไหน

“ปล่อยผม! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้! พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาจับผม!”

รปภ.ไม่ได้ปริปากบอกเหตุผลใดๆ พอเห็นแบบนั้นเฉียงกุยหลงจึงบอกเหตุผลไปตามตรงว่า ทำไมเขาถึงต้องมาดับทำร้ายจ้าวเฉียน

“มันฆ่าพี่สาวผม! ผมจะล้านแค้นให้พี่สาวของผม! ทำไมถึงไม่จับมันแทน มันคือคนร้ายตัวจริง!”

เหล่ารปภ.พวกนั้นที่ได้ฟังก็ตกตะลึงกันเป็นแถบ หัวหน้ารปภ.หันมาเอ่ยถามทันทีว่า

“คุณอยู่บริษัทไหนครับ?”

จ้าวเฉียนโค้งหัวให้เขาเล็กน้อยและตอบไปว่า

“ปล่อยเขาไปเถอะครับ ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด ผมอยู่บริษัทเกมฟางนี่ที่ชั้น6 ชื่อจ้าวเฉียน”

“แล้วที่บอกว่าคุณฆ่าพี่สาวของเขามันหมายความว่ายังไง?”

หัวหน้ารปภ.สักถามต่อไป

“ผมก็บอกไปแล้วว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด พี่สาวของเขาถูกตำรวจจับ แล้วผมเองก็ไม่รู้ว่าใครไปเป่าหูจนคิดว่าผมฆ่าเธอ เรื่องนี้เดี๋ยวผมจัดการเองดีกว่าครับ”

หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็ก้าวย่างตรงไปหยุดต่อหน้าและดึงร่างของเฉียงกุยหลงขึ้นมาจากพื้น แต่เขาก็ยังพยายามดิ้นหลุด และสบถด่ามีท่าทีไร้ซิ่งความสุขโดยสิ้นเชิง จนจ้าวเฉียนก็กล่าวกระซิบข้างหูว่า

“เลิกดิ้นได้แล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะสั่งให้ยามพวกนี้ทุบตีนายจนพิการ เอาให้กระดูกแตกกันไปข้างเลย”

เฉียงกุยหลงถึงกับเสี่ยวสันหลังวาบ และสงบสติลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินเข้าไปในตึก จ้าวเฉียนเอ่ยปากให้สัญญากับเขาด้วยความจริงใจว่า

“ฉันจะช่วยพี่สาวเธอเอง กลับไปรอฟังข่าวดีได้เลย ไม่ว่าใครจะเป็นคนเป่าหูนายอยู่มันไม่มีเจตนาดีแน่นอน”

เฉียงกุยหลงดูมึนงงเล็กน้อย คล้อยหลังครุ่นคิกดอยู่สักพัก เขาก็กล่าวถามขึ้นว่า

“ทำไมนายถึงอยากช่วยพี่สาวฉัน? เพราะตกหลุมรักเธองั้นเหรอ?”

จ้าวเฉียนอดหัวเราไม่ได้และตอบไปตามตรงว่า

“เพราะความกตัญญูของพี่สาวนาย ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องรักๆใคร่ๆเลย เธอในวัยเพียงเท่านี้แต่กลับต้องแบกรับภาระของครอบครัวไว้เต็มสองบ่า แต่ในอนาคตต่อไป หวังว่านายจะไม่ถูกหลอกอะไรง่ายๆแบบนี้แล้วนะ เข้าใจที่ฉันพูดไหม? แค่ค่ารักษาพยาบาลของพ่อแม่ก็มากเกินพอแล้ว ถ้ายังต้องจ่ายหนี้แทนนายอีก เธอจะรอดได้ยังไง?”

เฉียงกุยหลงก้มหัวก้มตาลงทันทีดูเศร้าสลดไม่น้อย คล้อยหลังไม่พูดอะไรอยู่พักใหญ่ จู่ๆเขาก็ร้องไหลออกมาจนผู้คนที่เดินผ่านไปมาในตึกเริ่มชายตามองกันบ้าง

และบังเอิญเสียเหลือเกิน หวังเฉียงและคนอื่นๆที่นั่งรถบัสที่ทำงานมาก็เข้าตึกกันมาพอดี พอเห็นภาพฉากแบบนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าจ้าวเฉียนกำลังรังแกเด็กไม่มีทางสู้อยู่ จึบรีบวิ่งไปหาโดยตรง

“จ้าวเฉียน นี่นายรังแกเด็กแต่เช้าเลยรึไง?”

หวังเฉียงกล่าวดุน้ำเสียงเย็นชา

“คุณชายจ้าว โดนกลั่นแกล้งจนเป็นปมรึเปล่า? พอตอนนี้มีโอกาสก็ลงไปลงกับคนอื่น?”

เจวียงหยวนกล่าวเสริมอย่างเข้าขา

“จ้าวเฉียน อีกฝ่ายยังเก็กอยู่เลยนะ นายก็ทำได้ลงคอ?”

“ไม่ใช่ว่าโตกว่าก็จะทำอะไรก็ได้หรอกนะ โอ้ๆ เจ้าหนูพี่คนนี้รังแกอะไรเธอเหรอ?”

คำด่าตักเตือนมากมายของบรรดาเพื่อนร่วมงาน ถาโถมเข้ามาหาจ้าวเฉียนชนิดไม่มีหยุดพักหายใจ เล่นเอาซะเขาทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 140 ลอบทำร้าย

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 140 ลอบทำร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่140 ลอบทำร้าย

จ้าวเฉียนนิ่งเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง เอ่ยถามขึ้นว่า

“ถ้าแบบนั้นทำไมถึงมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ฉันล่ะ? เจ้านั่นสั่งมา?”

เฉียงกุยหลิงพยักหน้าตอบว่า

“เขาสั่งให้ฉันมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคุณ เขาแค่ต้องการให้หนูรับความผิดทั้งหมดไว้ตัวคนเดียว แต่นี่ก็สมควรแล้วล่ะค่ะ หนูทำเรื่องผิดกฎหมายไปจริงๆก็สมควรแบกรับผมที่ตามมา หนูไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมปล่อยคุณไปง่ายๆหรอกนะคะ หลังจากนี้รีบหนีไปจากเมืองนี้ให้ไกลดีกว่าค่ะ”

ไม่ว่าสิ่งที่เฉียงกุยหลิงพูดไปจะเป็นความจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตามจ้าวเฉียนก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก ตราบใดที่พิสูจน์ได้ว่ายาเสพติดเหล่านั้นไม่ใช่ของเธอที่เป็นเจ้าของ ตามกฎหมายยังพอมีโอกาสที่ทำให้คดีพลิก อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ใช่คดีอาญาแบ่นอน ซึ่งตราบเท่าที่ไม่ใช่คดีอาญา มันย่อมจัดการได้ง่ายกว่าโดยธรรมชาติ นอนคุกสักสิบวันก็ถูกปล่อยตัวกลับบ้านได้แล้ว

“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว มีอะไรจะพูดอีกไหม? ถ้าไม่ฉันจะกลับไปนอนต่อ”

จ้าวเฉียนแสร้งทำเป็นเย็นชาใจแข็งใส่

เฉียงกุยหลิงส่าวหัวและกล่าวเสียงแผ่วขึ้นว่า

“ไม่ หนูยังมีอีกสองเรื่องที่อยากขอร้อง หวังว่าตอนนี้ยังพอเห็นใจหนูบ้างสักนิดก็ยังดี”

“เหอะ จะให้ดูแลพ่อแม่กับน้องชายของเธอ?”

จ้าวเฉียนสวนตอบกลับไปอย่างไม่แยแส

นั้นคือคำขอที่เฉียงกุยหลิงคิดไว้ในใจ แต่เธอรู้สึกอับอายขายขี้หน้าเกินกว่าจะพูดออกมาตรงๆได้ เธอก้มหน้าก้มตาลงแสดงให้เห็นว่าเธอยอมรับโดยปริยาย

จ้าวเฉียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และกล่าวตอบไปว่า

“พ่อแม่ของเธอป่วยหนัก นี่เป็นหน้าที่ของลูกต้องดูแล ส่วนเรื่องหนี้สินของน้องชายก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเหมือนกัน ฉันไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องช่วยเหลือคนที่คิดร้ายต่อฉัน เอาเถอะ คดีของเธออาจจะไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิด นอนคุกไม่กี่คืนเดี๋ยวก็ได้ออกมาแล้ว”

หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็ลุกออกไปโดยตรง

พอออกจากโรงพักมาได้ จ้าวเฉียนก็หันมาพูดกับหยางหู่ทันที

“เสี่ยวหู่ฝากเรื่องนี้ด้วย จัดการลากเฉินกวงหัวเข้าคุกให้ได้”

จากนั้นจ้าวเฉียนก็ขึ้นแท็กซี่กลับคฤหาสน์ไปทันที หยางหู่เองก็รีบเดินทางกลับเช่นกันและใช้เส้นสายทั้งหมดที่มี เพื่อเตรียมตัวจัดการกับเฉินกวงหัว

เฉินกวงหัวได้ชื่อว่าเป็นผู้ประกอบการดาวรุ่งที่โด่งดังอย่างมาก นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่หยางหู่จะลอบเก็บบุคคลที่มีแสงไฟส่องจากทุกหนทุกแห่งแบบนี้ โชคยังดีที่หยางหู่ยังมีคนสนิทที่เป็นคนในรัฐสภา ขอเพียงเพื่อนคนนี้ของเขารับปากว่าจะไม่เข้ามาสอดเรื่องของเฉินกวงหัว หยางหู่ย่อดำเนินการไปต่อได้อย่างราบรื่น

หยางหู่กำลังขับรถอยู่บนท้องถนน จู่ๆเฉินกวนหัวก็เร่งโทรหาเขาไม่ยั้งมือจนทนไท่ไหวต่อสายรับในท้ายที่สุด

“ฮาโหล จ้าวเฉียนออกมาแล้ว นายจะส่งมอบหลักฐานให้ฉันตอนไหน?”

หยางหู่เอ่ยตอบน้ำเสียงเรียบ

“นี่คุณเฉินรีบมากขนาดนั้นเลยรึไง? ผมกำลังเดินทางกลับบ้าน มาที่Pearl Barตอนดึก แล้วจะเจอผมที่นั่น”

“โอเค! อย่าให้รู้นะว่าพี่หู่กลับคำ! ไม่อย่างนั้นฉันม่าปล่อยมันไปแน่!”

เฉินกวงหัวกล่าวขู่

“คุณคิดว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่จะวางแผนอะไรก็ได้? มาเจอกันตอนห้าทุ่ม ไม่อย่างนั้นหลักฐานทั้งหมดส่งตรงถึงตำรวจ!”

ทันทีที่พูดจบหยางหู่ก็ตัดสายทิ้งและรีบขับรถกลับทันที

ในเช้าวันจันทร์ จ้าวเฉียนขับรถมาทำงานตามปกติ เขายังคงจอดรถที่ชั้นใต้ดินตามปกติ แต่ทันทีที่เปิดประตูลงรถกลับมีใครบางคนวิ่งเข้ามาพร้อมแท่นเหล็กหวดเข้าใส่สุดแรง แต่โชคยังดีที่จ้าวเฉียนปิดประตูหลบเข้ารถได้ทัน

เมื่อขยับขยายสายตาเข้าจับจ้อง ปรากฏว่าเป็นเจ้าหนุ่มอายุน่าจะน้อยกล่าวยี่สิบ

“นายเป็นใคร? ใครส่งนายมา?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามน้ำเสียงเย็น

“ไม่มีใครส่งมาทั้งนั้น! แต่ฉันมาที่นี่เพื่อล้างแค้นให้พี่สาว!”

หนุ่มน้อยตะคอกด้วยความเคียดแค้น

“ล้างแค้นให้พี่สาว? พี่สาวของเธอชื่ออะไร? มีเรื่องขัดแย้งอะไรกับฉัน?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“พี่สาวฉันชื่อเฉียงกุยหลิง นายคงจำได้แล้วใช่ไหมว่าทำอะไรเอาไว้!?”

จ้าวเฉียนไม่ได้รู้สึกโกรธเลยสักนิด แถมยังเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นอีกว่า

“โอ้ นายนี่กตัญญูดีนะ กล้าล้างแค้นให้พี่สาวกลางวัยแสกๆ ชื่ออะไรล่ะ?”

“ชื่อกุยหลง สกุลเฉียง พร้อมตายแล้วใช่ไหม?!”

จ้าวเฉียนอดระเบิดหัวเราะไม่ได้ เขาเอ่ยถามต่อว่า

“นายกล้าฆ่าฉันจริงๆงั้นเหรอ?”

“แน่นอน! พี่สาวของฉันต้องถูกตัดสินประหารชีวิต ทั้งหมดเป็นเพราะแก ดังนั้นฉันนี่แหละจะเอาชีวิตแกไปสังเวย!”

เฉียงกุยหลงสวนตอบทันทีด้วยคำกล่าวสุดไร้เดียงส่า

เจ้าเด็กนี่ไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไป จ้าวเฉียนอดส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และกล่าวว่า

“ใครบอกว่าพี่สาวของนายถูกตัดสินประหารชีวิต? แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันทำงานอยู่ที่นี่? มีอะไรบอกฉันมาตรงๆ ฉันช่วยพี่สาวนายได้”

“แล้วคุณมีเหตุผลอะไรที่จะช่วยพี่สาวผม? คุณไม่ใช่คนใหญ่คนโต ไม่ใช่ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เลิกโกหกเหมือนกับฉันเป็นเด็กสาวขวบได้แล้ว!”

เฉียงกุยหลงกระชับท่อนเหล็กแน่น  ตวาดน้ำเสียงเดือดดุอย่างมั่นอกมั่นใจ

จ้าวเฉียนคิดว่า เจ้าหนุ่มคนนี้ต้องถูกใครบางคนยุยงให้มาดักทำร้ายแน่นอน ดังนั้นแล้วเขาจึงเปลี่ยนวิธีการสนทนาในทันใด

“ฉันได้ยินมาว่านายเป็นหนี้อยู่สี่แสนหยวน เอาแบบนี้แล้วกัน ฉันจะให้ยืนสี่แสนหยวนเป็นกรณีพิเศษ โอเคไหม?”

เฉียงกุยหลงส่ายหัวอย่างแน่วแน่ และตอบกลับไปว่า

“ไม่จำพเป็น ตราบใดที่ฉันจับนายไปที่โรงพยาบาลได้ จะมีคนจ่ายเงินให้ฉันมากพอที่จะใช้หนี้! เลิกถ่วงเวลาสักที แกเตรียมตัวตาย!”

เฉียงกุยหลงยกท่อนเหล็กขึ้นและหวดตีจ้าวเฉียนอย่างแรงอีกครา แต่บังเอิญว่ารปภ.แถวนั้นดันมาแห็นและเข้ามาห้ามปรามได้ทันเวลา พร้อมสุ้มเสียงตะโกนดังลั่นมาแต่ไกล

“นี่แกกำลังทำอะไร?”

“หยุดเดี๋ยวนี้เจ้าหนู!”

เฉียงกุยหลงเป็นพวกเด็กเก็บตัว ไม่ค่อยเข้าสังคม ทันทีที่เห็นว่าบรรดการปภ.แห่งกันเข้ามาจำนวนมากมาย เขาก็ตื่นตกใจอย่างยิ่ง โยนท่อนเหล็กในมือทิ้งและพยายามวิ่งหนีตายสุดกำลัง

แต่มีหรือที่เขาจะฝ่าปราการเหล่ารปภ.พวกนี้ได้? วิ่งหนีไปได้ไม่นานนักก็ถูกรปภ.คนหนึ่งไล่ตามได้ทันในที่สุด พร้อมจับตัวล็อกไว้ไม่ให้ดิ้นหลุดไปไหน

“ปล่อยผม! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้! พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาจับผม!”

รปภ.ไม่ได้ปริปากบอกเหตุผลใดๆ พอเห็นแบบนั้นเฉียงกุยหลงจึงบอกเหตุผลไปตามตรงว่า ทำไมเขาถึงต้องมาดับทำร้ายจ้าวเฉียน

“มันฆ่าพี่สาวผม! ผมจะล้านแค้นให้พี่สาวของผม! ทำไมถึงไม่จับมันแทน มันคือคนร้ายตัวจริง!”

เหล่ารปภ.พวกนั้นที่ได้ฟังก็ตกตะลึงกันเป็นแถบ หัวหน้ารปภ.หันมาเอ่ยถามทันทีว่า

“คุณอยู่บริษัทไหนครับ?”

จ้าวเฉียนโค้งหัวให้เขาเล็กน้อยและตอบไปว่า

“ปล่อยเขาไปเถอะครับ ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด ผมอยู่บริษัทเกมฟางนี่ที่ชั้น6 ชื่อจ้าวเฉียน”

“แล้วที่บอกว่าคุณฆ่าพี่สาวของเขามันหมายความว่ายังไง?”

หัวหน้ารปภ.สักถามต่อไป

“ผมก็บอกไปแล้วว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด พี่สาวของเขาถูกตำรวจจับ แล้วผมเองก็ไม่รู้ว่าใครไปเป่าหูจนคิดว่าผมฆ่าเธอ เรื่องนี้เดี๋ยวผมจัดการเองดีกว่าครับ”

หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็ก้าวย่างตรงไปหยุดต่อหน้าและดึงร่างของเฉียงกุยหลงขึ้นมาจากพื้น แต่เขาก็ยังพยายามดิ้นหลุด และสบถด่ามีท่าทีไร้ซิ่งความสุขโดยสิ้นเชิง จนจ้าวเฉียนก็กล่าวกระซิบข้างหูว่า

“เลิกดิ้นได้แล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะสั่งให้ยามพวกนี้ทุบตีนายจนพิการ เอาให้กระดูกแตกกันไปข้างเลย”

เฉียงกุยหลงถึงกับเสี่ยวสันหลังวาบ และสงบสติลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินเข้าไปในตึก จ้าวเฉียนเอ่ยปากให้สัญญากับเขาด้วยความจริงใจว่า

“ฉันจะช่วยพี่สาวเธอเอง กลับไปรอฟังข่าวดีได้เลย ไม่ว่าใครจะเป็นคนเป่าหูนายอยู่มันไม่มีเจตนาดีแน่นอน”

เฉียงกุยหลงดูมึนงงเล็กน้อย คล้อยหลังครุ่นคิกดอยู่สักพัก เขาก็กล่าวถามขึ้นว่า

“ทำไมนายถึงอยากช่วยพี่สาวฉัน? เพราะตกหลุมรักเธองั้นเหรอ?”

จ้าวเฉียนอดหัวเราไม่ได้และตอบไปตามตรงว่า

“เพราะความกตัญญูของพี่สาวนาย ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องรักๆใคร่ๆเลย เธอในวัยเพียงเท่านี้แต่กลับต้องแบกรับภาระของครอบครัวไว้เต็มสองบ่า แต่ในอนาคตต่อไป หวังว่านายจะไม่ถูกหลอกอะไรง่ายๆแบบนี้แล้วนะ เข้าใจที่ฉันพูดไหม? แค่ค่ารักษาพยาบาลของพ่อแม่ก็มากเกินพอแล้ว ถ้ายังต้องจ่ายหนี้แทนนายอีก เธอจะรอดได้ยังไง?”

เฉียงกุยหลงก้มหัวก้มตาลงทันทีดูเศร้าสลดไม่น้อย คล้อยหลังไม่พูดอะไรอยู่พักใหญ่ จู่ๆเขาก็ร้องไหลออกมาจนผู้คนที่เดินผ่านไปมาในตึกเริ่มชายตามองกันบ้าง

และบังเอิญเสียเหลือเกิน หวังเฉียงและคนอื่นๆที่นั่งรถบัสที่ทำงานมาก็เข้าตึกกันมาพอดี พอเห็นภาพฉากแบบนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าจ้าวเฉียนกำลังรังแกเด็กไม่มีทางสู้อยู่ จึบรีบวิ่งไปหาโดยตรง

“จ้าวเฉียน นี่นายรังแกเด็กแต่เช้าเลยรึไง?”

หวังเฉียงกล่าวดุน้ำเสียงเย็นชา

“คุณชายจ้าว โดนกลั่นแกล้งจนเป็นปมรึเปล่า? พอตอนนี้มีโอกาสก็ลงไปลงกับคนอื่น?”

เจวียงหยวนกล่าวเสริมอย่างเข้าขา

“จ้าวเฉียน อีกฝ่ายยังเก็กอยู่เลยนะ นายก็ทำได้ลงคอ?”

“ไม่ใช่ว่าโตกว่าก็จะทำอะไรก็ได้หรอกนะ โอ้ๆ เจ้าหนูพี่คนนี้รังแกอะไรเธอเหรอ?”

คำด่าตักเตือนมากมายของบรรดาเพื่อนร่วมงาน ถาโถมเข้ามาหาจ้าวเฉียนชนิดไม่มีหยุดพักหายใจ เล่นเอาซะเขาทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่ง

ตอนที่140 ลอบทำร้าย

จ้าวเฉียนนิ่งเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง เอ่ยถามขึ้นว่า

“ถ้าแบบนั้นทำไมถึงมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ฉันล่ะ? เจ้านั่นสั่งมา?”

เฉียงกุยหลิงพยักหน้าตอบว่า

“เขาสั่งให้ฉันมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคุณ เขาแค่ต้องการให้หนูรับความผิดทั้งหมดไว้ตัวคนเดียว แต่นี่ก็สมควรแล้วล่ะค่ะ หนูทำเรื่องผิดกฎหมายไปจริงๆก็สมควรแบกรับผมที่ตามมา หนูไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมปล่อยคุณไปง่ายๆหรอกนะคะ หลังจากนี้รีบหนีไปจากเมืองนี้ให้ไกลดีกว่าค่ะ”

ไม่ว่าสิ่งที่เฉียงกุยหลิงพูดไปจะเป็นความจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตามจ้าวเฉียนก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก ตราบใดที่พิสูจน์ได้ว่ายาเสพติดเหล่านั้นไม่ใช่ของเธอที่เป็นเจ้าของ ตามกฎหมายยังพอมีโอกาสที่ทำให้คดีพลิก อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ใช่คดีอาญาแบ่นอน ซึ่งตราบเท่าที่ไม่ใช่คดีอาญา มันย่อมจัดการได้ง่ายกว่าโดยธรรมชาติ นอนคุกสักสิบวันก็ถูกปล่อยตัวกลับบ้านได้แล้ว

“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว มีอะไรจะพูดอีกไหม? ถ้าไม่ฉันจะกลับไปนอนต่อ”

จ้าวเฉียนแสร้งทำเป็นเย็นชาใจแข็งใส่

เฉียงกุยหลิงส่าวหัวและกล่าวเสียงแผ่วขึ้นว่า

“ไม่ หนูยังมีอีกสองเรื่องที่อยากขอร้อง หวังว่าตอนนี้ยังพอเห็นใจหนูบ้างสักนิดก็ยังดี”

“เหอะ จะให้ดูแลพ่อแม่กับน้องชายของเธอ?”

จ้าวเฉียนสวนตอบกลับไปอย่างไม่แยแส

นั้นคือคำขอที่เฉียงกุยหลิงคิดไว้ในใจ แต่เธอรู้สึกอับอายขายขี้หน้าเกินกว่าจะพูดออกมาตรงๆได้ เธอก้มหน้าก้มตาลงแสดงให้เห็นว่าเธอยอมรับโดยปริยาย

จ้าวเฉียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และกล่าวตอบไปว่า

“พ่อแม่ของเธอป่วยหนัก นี่เป็นหน้าที่ของลูกต้องดูแล ส่วนเรื่องหนี้สินของน้องชายก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเหมือนกัน ฉันไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องช่วยเหลือคนที่คิดร้ายต่อฉัน เอาเถอะ คดีของเธออาจจะไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิด นอนคุกไม่กี่คืนเดี๋ยวก็ได้ออกมาแล้ว”

หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็ลุกออกไปโดยตรง

พอออกจากโรงพักมาได้ จ้าวเฉียนก็หันมาพูดกับหยางหู่ทันที

“เสี่ยวหู่ฝากเรื่องนี้ด้วย จัดการลากเฉินกวงหัวเข้าคุกให้ได้”

จากนั้นจ้าวเฉียนก็ขึ้นแท็กซี่กลับคฤหาสน์ไปทันที หยางหู่เองก็รีบเดินทางกลับเช่นกันและใช้เส้นสายทั้งหมดที่มี เพื่อเตรียมตัวจัดการกับเฉินกวงหัว

เฉินกวงหัวได้ชื่อว่าเป็นผู้ประกอบการดาวรุ่งที่โด่งดังอย่างมาก นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่หยางหู่จะลอบเก็บบุคคลที่มีแสงไฟส่องจากทุกหนทุกแห่งแบบนี้ โชคยังดีที่หยางหู่ยังมีคนสนิทที่เป็นคนในรัฐสภา ขอเพียงเพื่อนคนนี้ของเขารับปากว่าจะไม่เข้ามาสอดเรื่องของเฉินกวงหัว หยางหู่ย่อดำเนินการไปต่อได้อย่างราบรื่น

หยางหู่กำลังขับรถอยู่บนท้องถนน จู่ๆเฉินกวนหัวก็เร่งโทรหาเขาไม่ยั้งมือจนทนไท่ไหวต่อสายรับในท้ายที่สุด

“ฮาโหล จ้าวเฉียนออกมาแล้ว นายจะส่งมอบหลักฐานให้ฉันตอนไหน?”

หยางหู่เอ่ยตอบน้ำเสียงเรียบ

“นี่คุณเฉินรีบมากขนาดนั้นเลยรึไง? ผมกำลังเดินทางกลับบ้าน มาที่Pearl Barตอนดึก แล้วจะเจอผมที่นั่น”

“โอเค! อย่าให้รู้นะว่าพี่หู่กลับคำ! ไม่อย่างนั้นฉันม่าปล่อยมันไปแน่!”

เฉินกวงหัวกล่าวขู่

“คุณคิดว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่จะวางแผนอะไรก็ได้? มาเจอกันตอนห้าทุ่ม ไม่อย่างนั้นหลักฐานทั้งหมดส่งตรงถึงตำรวจ!”

ทันทีที่พูดจบหยางหู่ก็ตัดสายทิ้งและรีบขับรถกลับทันที

ในเช้าวันจันทร์ จ้าวเฉียนขับรถมาทำงานตามปกติ เขายังคงจอดรถที่ชั้นใต้ดินตามปกติ แต่ทันทีที่เปิดประตูลงรถกลับมีใครบางคนวิ่งเข้ามาพร้อมแท่นเหล็กหวดเข้าใส่สุดแรง แต่โชคยังดีที่จ้าวเฉียนปิดประตูหลบเข้ารถได้ทัน

เมื่อขยับขยายสายตาเข้าจับจ้อง ปรากฏว่าเป็นเจ้าหนุ่มอายุน่าจะน้อยกล่าวยี่สิบ

“นายเป็นใคร? ใครส่งนายมา?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามน้ำเสียงเย็น

“ไม่มีใครส่งมาทั้งนั้น! แต่ฉันมาที่นี่เพื่อล้างแค้นให้พี่สาว!”

หนุ่มน้อยตะคอกด้วยความเคียดแค้น

“ล้างแค้นให้พี่สาว? พี่สาวของเธอชื่ออะไร? มีเรื่องขัดแย้งอะไรกับฉัน?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“พี่สาวฉันชื่อเฉียงกุยหลิง นายคงจำได้แล้วใช่ไหมว่าทำอะไรเอาไว้!?”

จ้าวเฉียนไม่ได้รู้สึกโกรธเลยสักนิด แถมยังเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นอีกว่า

“โอ้ นายนี่กตัญญูดีนะ กล้าล้างแค้นให้พี่สาวกลางวัยแสกๆ ชื่ออะไรล่ะ?”

“ชื่อกุยหลง สกุลเฉียง พร้อมตายแล้วใช่ไหม?!”

จ้าวเฉียนอดระเบิดหัวเราะไม่ได้ เขาเอ่ยถามต่อว่า

“นายกล้าฆ่าฉันจริงๆงั้นเหรอ?”

“แน่นอน! พี่สาวของฉันต้องถูกตัดสินประหารชีวิต ทั้งหมดเป็นเพราะแก ดังนั้นฉันนี่แหละจะเอาชีวิตแกไปสังเวย!”

เฉียงกุยหลงสวนตอบทันทีด้วยคำกล่าวสุดไร้เดียงส่า

เจ้าเด็กนี่ไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไป จ้าวเฉียนอดส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และกล่าวว่า

“ใครบอกว่าพี่สาวของนายถูกตัดสินประหารชีวิต? แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันทำงานอยู่ที่นี่? มีอะไรบอกฉันมาตรงๆ ฉันช่วยพี่สาวนายได้”

“แล้วคุณมีเหตุผลอะไรที่จะช่วยพี่สาวผม? คุณไม่ใช่คนใหญ่คนโต ไม่ใช่ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เลิกโกหกเหมือนกับฉันเป็นเด็กสาวขวบได้แล้ว!”

เฉียงกุยหลงกระชับท่อนเหล็กแน่น  ตวาดน้ำเสียงเดือดดุอย่างมั่นอกมั่นใจ

จ้าวเฉียนคิดว่า เจ้าหนุ่มคนนี้ต้องถูกใครบางคนยุยงให้มาดักทำร้ายแน่นอน ดังนั้นแล้วเขาจึงเปลี่ยนวิธีการสนทนาในทันใด

“ฉันได้ยินมาว่านายเป็นหนี้อยู่สี่แสนหยวน เอาแบบนี้แล้วกัน ฉันจะให้ยืนสี่แสนหยวนเป็นกรณีพิเศษ โอเคไหม?”

เฉียงกุยหลงส่ายหัวอย่างแน่วแน่ และตอบกลับไปว่า

“ไม่จำพเป็น ตราบใดที่ฉันจับนายไปที่โรงพยาบาลได้ จะมีคนจ่ายเงินให้ฉันมากพอที่จะใช้หนี้! เลิกถ่วงเวลาสักที แกเตรียมตัวตาย!”

เฉียงกุยหลงยกท่อนเหล็กขึ้นและหวดตีจ้าวเฉียนอย่างแรงอีกครา แต่บังเอิญว่ารปภ.แถวนั้นดันมาแห็นและเข้ามาห้ามปรามได้ทันเวลา พร้อมสุ้มเสียงตะโกนดังลั่นมาแต่ไกล

“นี่แกกำลังทำอะไร?”

“หยุดเดี๋ยวนี้เจ้าหนู!”

เฉียงกุยหลงเป็นพวกเด็กเก็บตัว ไม่ค่อยเข้าสังคม ทันทีที่เห็นว่าบรรดการปภ.แห่งกันเข้ามาจำนวนมากมาย เขาก็ตื่นตกใจอย่างยิ่ง โยนท่อนเหล็กในมือทิ้งและพยายามวิ่งหนีตายสุดกำลัง

แต่มีหรือที่เขาจะฝ่าปราการเหล่ารปภ.พวกนี้ได้? วิ่งหนีไปได้ไม่นานนักก็ถูกรปภ.คนหนึ่งไล่ตามได้ทันในที่สุด พร้อมจับตัวล็อกไว้ไม่ให้ดิ้นหลุดไปไหน

“ปล่อยผม! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้! พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาจับผม!”

รปภ.ไม่ได้ปริปากบอกเหตุผลใดๆ พอเห็นแบบนั้นเฉียงกุยหลงจึงบอกเหตุผลไปตามตรงว่า ทำไมเขาถึงต้องมาดับทำร้ายจ้าวเฉียน

“มันฆ่าพี่สาวผม! ผมจะล้านแค้นให้พี่สาวของผม! ทำไมถึงไม่จับมันแทน มันคือคนร้ายตัวจริง!”

เหล่ารปภ.พวกนั้นที่ได้ฟังก็ตกตะลึงกันเป็นแถบ หัวหน้ารปภ.หันมาเอ่ยถามทันทีว่า

“คุณอยู่บริษัทไหนครับ?”

จ้าวเฉียนโค้งหัวให้เขาเล็กน้อยและตอบไปว่า

“ปล่อยเขาไปเถอะครับ ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด ผมอยู่บริษัทเกมฟางนี่ที่ชั้น6 ชื่อจ้าวเฉียน”

“แล้วที่บอกว่าคุณฆ่าพี่สาวของเขามันหมายความว่ายังไง?”

หัวหน้ารปภ.สักถามต่อไป

“ผมก็บอกไปแล้วว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด พี่สาวของเขาถูกตำรวจจับ แล้วผมเองก็ไม่รู้ว่าใครไปเป่าหูจนคิดว่าผมฆ่าเธอ เรื่องนี้เดี๋ยวผมจัดการเองดีกว่าครับ”

หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็ก้าวย่างตรงไปหยุดต่อหน้าและดึงร่างของเฉียงกุยหลงขึ้นมาจากพื้น แต่เขาก็ยังพยายามดิ้นหลุด และสบถด่ามีท่าทีไร้ซิ่งความสุขโดยสิ้นเชิง จนจ้าวเฉียนก็กล่าวกระซิบข้างหูว่า

“เลิกดิ้นได้แล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะสั่งให้ยามพวกนี้ทุบตีนายจนพิการ เอาให้กระดูกแตกกันไปข้างเลย”

เฉียงกุยหลงถึงกับเสี่ยวสันหลังวาบ และสงบสติลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินเข้าไปในตึก จ้าวเฉียนเอ่ยปากให้สัญญากับเขาด้วยความจริงใจว่า

“ฉันจะช่วยพี่สาวเธอเอง กลับไปรอฟังข่าวดีได้เลย ไม่ว่าใครจะเป็นคนเป่าหูนายอยู่มันไม่มีเจตนาดีแน่นอน”

เฉียงกุยหลงดูมึนงงเล็กน้อย คล้อยหลังครุ่นคิกดอยู่สักพัก เขาก็กล่าวถามขึ้นว่า

“ทำไมนายถึงอยากช่วยพี่สาวฉัน? เพราะตกหลุมรักเธองั้นเหรอ?”

จ้าวเฉียนอดหัวเราไม่ได้และตอบไปตามตรงว่า

“เพราะความกตัญญูของพี่สาวนาย ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องรักๆใคร่ๆเลย เธอในวัยเพียงเท่านี้แต่กลับต้องแบกรับภาระของครอบครัวไว้เต็มสองบ่า แต่ในอนาคตต่อไป หวังว่านายจะไม่ถูกหลอกอะไรง่ายๆแบบนี้แล้วนะ เข้าใจที่ฉันพูดไหม? แค่ค่ารักษาพยาบาลของพ่อแม่ก็มากเกินพอแล้ว ถ้ายังต้องจ่ายหนี้แทนนายอีก เธอจะรอดได้ยังไง?”

เฉียงกุยหลงก้มหัวก้มตาลงทันทีดูเศร้าสลดไม่น้อย คล้อยหลังไม่พูดอะไรอยู่พักใหญ่ จู่ๆเขาก็ร้องไหลออกมาจนผู้คนที่เดินผ่านไปมาในตึกเริ่มชายตามองกันบ้าง

และบังเอิญเสียเหลือเกิน หวังเฉียงและคนอื่นๆที่นั่งรถบัสที่ทำงานมาก็เข้าตึกกันมาพอดี พอเห็นภาพฉากแบบนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าจ้าวเฉียนกำลังรังแกเด็กไม่มีทางสู้อยู่ จึบรีบวิ่งไปหาโดยตรง

“จ้าวเฉียน นี่นายรังแกเด็กแต่เช้าเลยรึไง?”

หวังเฉียงกล่าวดุน้ำเสียงเย็นชา

“คุณชายจ้าว โดนกลั่นแกล้งจนเป็นปมรึเปล่า? พอตอนนี้มีโอกาสก็ลงไปลงกับคนอื่น?”

เจวียงหยวนกล่าวเสริมอย่างเข้าขา

“จ้าวเฉียน อีกฝ่ายยังเก็กอยู่เลยนะ นายก็ทำได้ลงคอ?”

“ไม่ใช่ว่าโตกว่าก็จะทำอะไรก็ได้หรอกนะ โอ้ๆ เจ้าหนูพี่คนนี้รังแกอะไรเธอเหรอ?”

คำด่าตักเตือนมากมายของบรรดาเพื่อนร่วมงาน ถาโถมเข้ามาหาจ้าวเฉียนชนิดไม่มีหยุดพักหายใจ เล่นเอาซะเขาทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+