ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 232 คิดว่าอายุเท่าไหร่

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 232 คิดว่าอายุเท่าไหร่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่232 คิดว่าอายุเท่าไหร่

ขณะที่หวานเจียงกำลังติดต่อบรรดาผู้ถือหุ้นอยู่ พอเห็นจ้าวเฉียนโทรสายเข้ามา เธอก็รับและสบถด่าไปทันทีคำหนึ่ง

“ไอ้บ้า นายยังกล้าโทรหาฉันอีกนะ!”

จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะคิกคักกล่าวตอบกลับไปว่า

“นี่เธอหยาบคายกับฉันจังนะ เพิ่งโทรหายังไม่คุยกันสักประโยคก็ขึ้นเสียงใส่กันแล้ว ไหนกันที่ว่า ราชินีหิมะ นี่มันราชินีหัวร้อนชัดๆ!”

หวานเจียงยิ่งเดือดขึ้นเรื่อยๆ แล้วตอนนี้ เธอสบถด่ากลับไปว่า

“ถูกต้อง! ฉันทำตัวเย็นชามาโดยตลอดจวบจนวันนี้! นายทำให้บริษัทฉันต้องลุกเป็นไฟหมดแล้ว! แถมตอนนี้ก็มีนักลงทุนกลุ่มหนึ่งเข้ามาประท้วงฉันอยู่!”

“เธออยู่บริษัทหรือเปล่า? ฉันจะรีบไปหาเดี๋ยวนี้แหละ ใครกันที่กล้าทำให้สาวน้อยของจ้าวเฉียนคนนี้ต้องอับอาย เมียจ๋า พี่มาแล้ว!”

หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็อดหัวเราะไม่ได้คำหนึ่งก่อนจะวางสายไป และขับรถออกไปทันที

หวานเจียงหน้าแดงแจ๋ขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน เพราะจ้าวเฉียนเพิ่งบอกไปเอง เธอถือสาวน้อยของเขา แม้ว่าทั้งสองจะมีความสัมพันธ์แบบนั้นก็จริง แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่ได้ยินจ้าวเฉียนพูดออกมาแบบนี้ เธอทั้งรู้สึกใจสั่นตื่นเต้นและเบินอายอย่างมากภายในใจ

จ้าวฉัยนเดินทางไปยังฟู่ไห่ก่อนเพื่อรับของบางอย่าง จากนั้นก็ตรงไปที่ฮวาหยินกรุ๊ปโดยตรง

ในไม่ช้าจ้าวเฉียนก็มาถึงฮวาหยินกรุ๊ป ตรงไปที่แผนกต้อนรับกล่าวทักทายพนักงานหน้าฟร้อนว่า

“สวัสดีครับ ผมมาหาคุณหวานเจียง ช่วยแจ้งให้เธอทราบทีว่าจ้าวเฉียนมาหา”

พนักงานต้อนรับรีบยิ้มแย้มตอบทันที

“รับทราบค่ะ คุณจ้าว กรุณนารอสักครู่นะคะ

จากนั้นเธอก็โทรสายตรงหาหวานเจียงเพื่อรายงานให้เธอทราบโดยไว

“คุณหวาง มีสุภาพบุรุษท่านหนึ่งชื่อว่าจ้าวเฉียนมาขอพบ คุณต้องการออกมาพบเขาไหมค่ะ?”

หวานเจียงสบถตอบเจือน้ำเสียงหงุดหงิด

“ปล่อยให้หมอนั่นรอที่ประตูไป ฝากบอกด้วยว่า ฉันไม่ออกไปหาเขาและเขาก็ห้ามออกไปไหนเหมือนกัน”

พนักงานแผนกต้อนรับวางสายและหันไปยิ้มให้จ้าวเฉียน เธอกล่าวว่า

“คุณจ้าว ต้องขอประธานโทษด้วยนะคะ เมื่อกี้ดิฉันได้โทรหาคุณหวางแล้ว แต่เธอบอกว่าให้คุณรออยู่ที่นี่และไม่อนุญาตให้ออกไปไหนค่ะ”

จ้าวเฉียนทราบดี หวานเจียงจงใจกลั่นแกล้งเขาให้อับอาย ดังนั้นเขาจึงแก้เกมกล่าวกับพนักงานแผนกต้อนรับไปว่า

“งั้นรบกวนโทรหาเธออีกรอบให้ทีครับ บอกไปว่าผมนำเอกสารที่เป็นประโยชน์มาให้เธอ ถ้าเธอยังไม่ออกมาคราวนี้ ผมจะจากไปทันทีและไม่มีโอกาสดีๆ แบบนี้อีกต่อไป”

พนักงานสาวแผนกต้อนรับดูประหม่าเล็กน้อยเมื่อได้ยิน แต่ด้วยหน้าที่เธอจำเป็นต้องโทรหาเพื่อถ่ายทอดคำพูดเหล่านี้ให้แก่หวานเจียงฟังและตัดสินใจ

ห้านาทีต่อมา หวานเจียงเดินออกมาจากลิฟต์ด้วยท่าทีหงุดหงิดมาแต่ไหล กรนเสียงถามขึ้นว่า

“ตาบ้า ทำไมชอบตามตื้อจังห่ะ? น่ารำคาญ!”

จ้าวเฉียนชูซองเอกสารฉบับหนึ่งในมือโบกเล่นขึ้นมา พลางตอบไปว่า

“ฉันให้โอกาสคุณแล้วนะ สงสัยไม่อยากได้สิ่งที่ตกลงกันเอาไว้”

หวานเจียงโกรธมาก อแต่ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน ตามกฎหมายแล้วจ้าวเฉียนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดที่มีอำนาจการบริหารฮวากรุ๊ปโดยสมบูรณ์ นั้นหมายความว่าบริษัทฮวาหยินกรุ๊ปแห่งนี้กำลังเปลี่ยนจากสกุลหวานเป็นของสกุลจ้าวแล้ว

และเอกสารในมือจ้าวเฉียนตอนนี้ต้องไม่ใช่ใดอื่นนอกจาก เอกสารมอบอำนาจการบริหารให้แก่เธอกลับคืนมา

ดังนั้นหวานเจียงรีบเปลี่ยนสีหน้ากลายมาเป็นยิ้มแย้มทันใด

“แหม…คุณจ้าว ยินดีต้อนรับสู่บริษัทของเรา เดี๋ยวดิฉันจะพาคุณไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ เองค่ะ ตอนนี้เชิญเข้าห้องประชุมก่อนเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้ ตามมาทางนี้ค่ะ”

พนักงานแผนกต้อนรับคนนั้นถึงกับยืนมองจ้าวเฉียนด้วยความมึนงง สงสัยเสียเหลือเกิน ชายคนนี้เป็นใครกันแน่? แค่พูดไม่กี่คำก็สามารถทำให้คุณหวานเชื่องได้ขนาดนี้!

จ้าวเฉียนเดินตามหวานเจียงเข้าไปที่ห้องประชุม พอเข้าไปก็มีกลุ่มนักลงทุนนั่งอยู่ประมาณห้าคน

หวานเจียงกล่าวน้ำเสียงเข้มขึ้นว่า

“ทุกคนแยกย้ายกลับไปก่อนเถอะ”

“นี่มันหมายความว่ายังไงคุณหวาน? จนถึงตอนนี้คุณยังให้คำตอบพวกเราไม่ได้เลยว่า เหตุใดราคาหุ้นถึงเลวร้ายขนาดนี้”

“ใช่! ถ้าคุณไม่สามารถหาเหตุผลชี้แจงให้เรากระจ่างชัดได้ พวกเราก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น!”

“คุณต้องเคารพสิทธิ์ของพวกเราในฐานะหนึ่งในผู้ถือหุ้นฮวาหยินกรุ๊ป!”

“ถูกต้อง ถึงพวกเราจะเป็นแค่รายย่อย แต่จะมาปฏิบัติกับเราราวกับผักปลาไม่ได้! ไม่ใช่ออกคำสั่งสองสามคำแล้วเราจะออกไป!”

หวานเจียงรู้สึกรำคาญไอ้พวกนักลงทุนรายย่อยพวกนี้ที่ตามตื้อสร้างปัญหามาสักพักใหญ่แล้ว ดังนั้นเธอจึงหันไปมองจ้าวเฉียนแวบหนึ่ง ตั้งใจจะเตะก้นไอ้หมอนี่ให้ออกหน้ามาจัดการ คิดได้เช่นนั้นเธอจึงกล่าวขึ้นทันทีว่า

“คุณจ้าว ดิฉันคิดว่าคนที่ควรตอบคำถามเหล่านี้คือคุณไม่ใช่ดิฉัน เชิญค่ะ!”

จ้าวเฉียนเข้าใจดีว่าเธอกำลังหมายถึงอะไรและเขาเองก็เต็มใจช่วยเหลือเธอแก้ปัญหาเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงคลี่ยิ้มบางเอ่ยตอบไปว่า

“คุณหวานพูดถูกต้องแล้วครับ ผมควรชี้แจงเรื่องนี้ให้แก่นักลงทุนฟังจริงๆ”

หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบเอกสารฉบับหนึ่งออกมาจากซองและวางไว้บนโต๊ะ พร้อมกล่าวแนะนำตัวกับทั้งห้าว่า

“สวัสดีครับ ผมชื่อจ้าวเฉียน เป็นนักลงทุนเหมือนกับพวกคุณทุกคน เนื่องจากผมต้องการเข้ามาควบคุมฮวาหยินกรุ๊ปจึงจงใจกดราคาหุ้นให้ต่ำที่สุดเพื่อช้อนซื้อทั้งหมดมา นี่เป็นเทคนิคพื้นฐานของตลาดหุ้น หวังว่าพวกคุณจะเข้าใจได้นะครับ”

คำกล่าวของจ้าวเฉียนทำให้นักลงทุนทั้งห้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“อะไรนะ? คุณนี่เองตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด! คุณรู้ไหมว่าผมต้องสูญเสียเงินไปมากเท่าไหร่!”

“ผมนี่โคตรจะไม่เข้าใจความคิดคุณเลย! เพราะความเห็นแก่ตัวของคุณคนเดียว น้ำหน้าอย่างคุณคงมีปัญญาช้อนซื้อแค่ไม่เท่าไหร่ แต่รู้ไหมว่าผมต้องสูญเงินไปกี่ล้าน? บ้านผมหลังนึงที่จำนองไว้ถูกธนาคารยึดไปแล้ว!”

“คุณนี่มันแย่จริงๆ ใช่ ผลประกอบการในไตรมาสหน้าของฮวาหยินกรุ๊ปอาจจะดีขึ้น แต่คนอื่นที่ต้องมาซวยเพราะคุณล่ะ? ผมเองต้องจำนองบ้านที่อยู่เพื่อต่อชีวิตตัวเองไม่ให้ล้มละลาย คุณคิดว่าจะแก้ปัญหาเหล่านี้ยังไง?”

….

คนพวกนี้ได้แต่พล่ามไปเรื่อยในสายตาของจ้าวเฉียน

จ้าวเฉียนที่ได้ฟังแบบนั้นก็ถึงกับเริ่มรำคาญขึ้นแล้วจริงๆ การต้องมาทนสนทนากับคนโง่เหล่านี้เป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดใจจริงๆ

ซึ่งเขาเองก็ไม่คิดจะไว้หน้าคนพวกนี้อยู่แล้ว จึงตะคอกสวนกลับไปว่า

“ถ้ามีแต่เงินไม่มีสมอง ผมแนะนำให้เลิกเล่นหุ้นไปซะ! เพราะคุณไม่มีกลยุทธ์ที่ดีพอในการรับมือการสถานการณ์ต่างๆ จึงทำให้ขาดทุน แล้วยังมีหน้ามาโทษผมอีกงั้นเหรอ?”

คนพวกนั้นยิ่งเดือดจัดเข้าไปใหญ่ ชี้หน้าด่าจ้าวเฉียนกันไม่หยุดหย่อน

ตอนนี้จ้าวเฉียนเลือดขึ้นหน้าจริงๆแล้ว เขาตบโต๊ะดังปังคำรามเสียงดังลั่นว่า

“ก็โง่กันแบบนี้ไงถึงเป็นได้แค่รายย่อย! ถ้ายังไม่หยุดเห่าผมจะเรียกรปภ.ให้มาลากตัวพวกคุณออกไป!”

“เออ! เรียกมาสิวะ! คิดว่าพวกกูต้องกลัวเหรอ?”

“เป็นแค่เด็กแท้ๆ กล้าขึ้นเสียงใส่ผู้ใหญ่งั้นเหรอ! พวกเราเป็นนักลงทุนที่ชอบด้วยกฎหมาย แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาไล่พวกเราออกไป!”

“ใช่แล้ว! ไอ้หนู แกอายุเท่าไหร่? กล้าดียังไงมาไล่พวกฉัน!”

………

เมื่อเห็นจ้าวเฉียนโดนคนพวกนี้ดุด่าจนหัวเสีย หวานเจียงก็อดหัวเราะไม่ได้ เธอมีความสุขอย่างมากที่อีกฝ่ายได้เข้าใจความรู้สึกของเธอสักที

จ้าวเฉียนตบโต๊ะอีกคราว คำรามขึ้นลั่นว่า

“ก็เพราะกูคือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของฮวาหยินกรุ๊ปไง! กับไอ้แค่นักลงทุนจนๆ อย่างพวกมึง กล้าดียังไงมาชี้หน้าด่ากู! ถ้ากูเรียกรปภ.เข้ามา คิดว่าพวกเขาจะฟังใคร?”

“ฮ่าฮ่า….พูดอย่างกับตัวเองรวยมาจากไหน! ไอ้หนู น้ำหน้าอย่างแกน่ะ อย่าว่าแต่ร้อยล้านเลย แค่สิบล้านมีถึงรึเปล่า?”

“คุณหวาน อย่าเอาแต่เงียบสิครับ ช่วยพูดอะไรสักอย่างหน่อย ไม่ก็ลากไอ้เด็กนี่ออกไป!”

หวานเจียงกล่าวตอบอย่างช่วยไม่ได้ว่า

“ฉันว่าเขาก็พูดทุกอย่างไปหมดแล้วนะ ตอนนี้สิทธิ์การควบคุมทั้งหมดอยู่ในมือของคุณจ้าว เขาถือหุ้นฮวาหยินกรุ๊ปอยู่ทั้งหมด51% ดังนั้นอย่ามาถามฉันเลยค่ะ”

ทั้งห้าหันควับมองจ้าวเฉียนด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง เดิมทีพวกเขาคิดว่า เด็กนี่คงปั่นหุ้นเพื่อซื้อหุ้นฮวาหยินกรุ๊เก็บไว้เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แต่ใครจะไปเชื่อว่า เด็กหนุ่มคนนี้กลับแข็งแกร่งจริง ถ้าสามารถถือหุ้นได้51%จากทั้งหมด นี่มันแสดงให้เห็นแล้วว่า เด็กคนนี้ร่ำรวยขนาดไหนกัน

“สวัสดีครับคุณจ้าว ผมชื่อหวันโป ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ โปรดดูแลผมด้วยนะครับในอนาคต”

“สวัสดีครับคุณจ้าว ผมชื่อเจวียหลี่ ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะครับ”

……….

จากการประชุมนักลงทุนที่แหกปากด่ากันไม่หยุด ตอนนี้กลับกลายมาเป็นงานพบปะคนใหญ่คนโตไปโดยปริยาย สิ่งนี้ทำให้หวานเจียงหัวเสียเป็นอย่างมาก เธอต้องการจะใช้คนพวกนี้สั่งสอนจ้าวเฉียนสักหน่อยว่า สิ่งที่เธอต้องเจอในแต่ละวันมันน่าปวดหัวเพียงใด แต่สุดท้ายกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า

จ้าวเฉียนไม่มีอามรณ์มายาญาติดีกับคนพวกนี้ จึงชี้ไปทางประตูทางออกและคำรามขึ้นว่า

“ผมให้เวลาพวกคุณสิบวินาที! ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ! ถ้าใครยังกล้าสลอนหน้าอยู่ ผมจะเรียกรปภ.โยนพวกคุณออกไป!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 232 คิดว่าอายุเท่าไหร่

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 232 คิดว่าอายุเท่าไหร่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่232 คิดว่าอายุเท่าไหร่

ขณะที่หวานเจียงกำลังติดต่อบรรดาผู้ถือหุ้นอยู่ พอเห็นจ้าวเฉียนโทรสายเข้ามา เธอก็รับและสบถด่าไปทันทีคำหนึ่ง

“ไอ้บ้า นายยังกล้าโทรหาฉันอีกนะ!”

จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะคิกคักกล่าวตอบกลับไปว่า

“นี่เธอหยาบคายกับฉันจังนะ เพิ่งโทรหายังไม่คุยกันสักประโยคก็ขึ้นเสียงใส่กันแล้ว ไหนกันที่ว่า ราชินีหิมะ นี่มันราชินีหัวร้อนชัดๆ!”

หวานเจียงยิ่งเดือดขึ้นเรื่อยๆ แล้วตอนนี้ เธอสบถด่ากลับไปว่า

“ถูกต้อง! ฉันทำตัวเย็นชามาโดยตลอดจวบจนวันนี้! นายทำให้บริษัทฉันต้องลุกเป็นไฟหมดแล้ว! แถมตอนนี้ก็มีนักลงทุนกลุ่มหนึ่งเข้ามาประท้วงฉันอยู่!”

“เธออยู่บริษัทหรือเปล่า? ฉันจะรีบไปหาเดี๋ยวนี้แหละ ใครกันที่กล้าทำให้สาวน้อยของจ้าวเฉียนคนนี้ต้องอับอาย เมียจ๋า พี่มาแล้ว!”

หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็อดหัวเราะไม่ได้คำหนึ่งก่อนจะวางสายไป และขับรถออกไปทันที

หวานเจียงหน้าแดงแจ๋ขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน เพราะจ้าวเฉียนเพิ่งบอกไปเอง เธอถือสาวน้อยของเขา แม้ว่าทั้งสองจะมีความสัมพันธ์แบบนั้นก็จริง แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่ได้ยินจ้าวเฉียนพูดออกมาแบบนี้ เธอทั้งรู้สึกใจสั่นตื่นเต้นและเบินอายอย่างมากภายในใจ

จ้าวฉัยนเดินทางไปยังฟู่ไห่ก่อนเพื่อรับของบางอย่าง จากนั้นก็ตรงไปที่ฮวาหยินกรุ๊ปโดยตรง

ในไม่ช้าจ้าวเฉียนก็มาถึงฮวาหยินกรุ๊ป ตรงไปที่แผนกต้อนรับกล่าวทักทายพนักงานหน้าฟร้อนว่า

“สวัสดีครับ ผมมาหาคุณหวานเจียง ช่วยแจ้งให้เธอทราบทีว่าจ้าวเฉียนมาหา”

พนักงานต้อนรับรีบยิ้มแย้มตอบทันที

“รับทราบค่ะ คุณจ้าว กรุณนารอสักครู่นะคะ

จากนั้นเธอก็โทรสายตรงหาหวานเจียงเพื่อรายงานให้เธอทราบโดยไว

“คุณหวาง มีสุภาพบุรุษท่านหนึ่งชื่อว่าจ้าวเฉียนมาขอพบ คุณต้องการออกมาพบเขาไหมค่ะ?”

หวานเจียงสบถตอบเจือน้ำเสียงหงุดหงิด

“ปล่อยให้หมอนั่นรอที่ประตูไป ฝากบอกด้วยว่า ฉันไม่ออกไปหาเขาและเขาก็ห้ามออกไปไหนเหมือนกัน”

พนักงานแผนกต้อนรับวางสายและหันไปยิ้มให้จ้าวเฉียน เธอกล่าวว่า

“คุณจ้าว ต้องขอประธานโทษด้วยนะคะ เมื่อกี้ดิฉันได้โทรหาคุณหวางแล้ว แต่เธอบอกว่าให้คุณรออยู่ที่นี่และไม่อนุญาตให้ออกไปไหนค่ะ”

จ้าวเฉียนทราบดี หวานเจียงจงใจกลั่นแกล้งเขาให้อับอาย ดังนั้นเขาจึงแก้เกมกล่าวกับพนักงานแผนกต้อนรับไปว่า

“งั้นรบกวนโทรหาเธออีกรอบให้ทีครับ บอกไปว่าผมนำเอกสารที่เป็นประโยชน์มาให้เธอ ถ้าเธอยังไม่ออกมาคราวนี้ ผมจะจากไปทันทีและไม่มีโอกาสดีๆ แบบนี้อีกต่อไป”

พนักงานสาวแผนกต้อนรับดูประหม่าเล็กน้อยเมื่อได้ยิน แต่ด้วยหน้าที่เธอจำเป็นต้องโทรหาเพื่อถ่ายทอดคำพูดเหล่านี้ให้แก่หวานเจียงฟังและตัดสินใจ

ห้านาทีต่อมา หวานเจียงเดินออกมาจากลิฟต์ด้วยท่าทีหงุดหงิดมาแต่ไหล กรนเสียงถามขึ้นว่า

“ตาบ้า ทำไมชอบตามตื้อจังห่ะ? น่ารำคาญ!”

จ้าวเฉียนชูซองเอกสารฉบับหนึ่งในมือโบกเล่นขึ้นมา พลางตอบไปว่า

“ฉันให้โอกาสคุณแล้วนะ สงสัยไม่อยากได้สิ่งที่ตกลงกันเอาไว้”

หวานเจียงโกรธมาก อแต่ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน ตามกฎหมายแล้วจ้าวเฉียนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดที่มีอำนาจการบริหารฮวากรุ๊ปโดยสมบูรณ์ นั้นหมายความว่าบริษัทฮวาหยินกรุ๊ปแห่งนี้กำลังเปลี่ยนจากสกุลหวานเป็นของสกุลจ้าวแล้ว

และเอกสารในมือจ้าวเฉียนตอนนี้ต้องไม่ใช่ใดอื่นนอกจาก เอกสารมอบอำนาจการบริหารให้แก่เธอกลับคืนมา

ดังนั้นหวานเจียงรีบเปลี่ยนสีหน้ากลายมาเป็นยิ้มแย้มทันใด

“แหม…คุณจ้าว ยินดีต้อนรับสู่บริษัทของเรา เดี๋ยวดิฉันจะพาคุณไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ เองค่ะ ตอนนี้เชิญเข้าห้องประชุมก่อนเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้ ตามมาทางนี้ค่ะ”

พนักงานแผนกต้อนรับคนนั้นถึงกับยืนมองจ้าวเฉียนด้วยความมึนงง สงสัยเสียเหลือเกิน ชายคนนี้เป็นใครกันแน่? แค่พูดไม่กี่คำก็สามารถทำให้คุณหวานเชื่องได้ขนาดนี้!

จ้าวเฉียนเดินตามหวานเจียงเข้าไปที่ห้องประชุม พอเข้าไปก็มีกลุ่มนักลงทุนนั่งอยู่ประมาณห้าคน

หวานเจียงกล่าวน้ำเสียงเข้มขึ้นว่า

“ทุกคนแยกย้ายกลับไปก่อนเถอะ”

“นี่มันหมายความว่ายังไงคุณหวาน? จนถึงตอนนี้คุณยังให้คำตอบพวกเราไม่ได้เลยว่า เหตุใดราคาหุ้นถึงเลวร้ายขนาดนี้”

“ใช่! ถ้าคุณไม่สามารถหาเหตุผลชี้แจงให้เรากระจ่างชัดได้ พวกเราก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น!”

“คุณต้องเคารพสิทธิ์ของพวกเราในฐานะหนึ่งในผู้ถือหุ้นฮวาหยินกรุ๊ป!”

“ถูกต้อง ถึงพวกเราจะเป็นแค่รายย่อย แต่จะมาปฏิบัติกับเราราวกับผักปลาไม่ได้! ไม่ใช่ออกคำสั่งสองสามคำแล้วเราจะออกไป!”

หวานเจียงรู้สึกรำคาญไอ้พวกนักลงทุนรายย่อยพวกนี้ที่ตามตื้อสร้างปัญหามาสักพักใหญ่แล้ว ดังนั้นเธอจึงหันไปมองจ้าวเฉียนแวบหนึ่ง ตั้งใจจะเตะก้นไอ้หมอนี่ให้ออกหน้ามาจัดการ คิดได้เช่นนั้นเธอจึงกล่าวขึ้นทันทีว่า

“คุณจ้าว ดิฉันคิดว่าคนที่ควรตอบคำถามเหล่านี้คือคุณไม่ใช่ดิฉัน เชิญค่ะ!”

จ้าวเฉียนเข้าใจดีว่าเธอกำลังหมายถึงอะไรและเขาเองก็เต็มใจช่วยเหลือเธอแก้ปัญหาเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงคลี่ยิ้มบางเอ่ยตอบไปว่า

“คุณหวานพูดถูกต้องแล้วครับ ผมควรชี้แจงเรื่องนี้ให้แก่นักลงทุนฟังจริงๆ”

หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบเอกสารฉบับหนึ่งออกมาจากซองและวางไว้บนโต๊ะ พร้อมกล่าวแนะนำตัวกับทั้งห้าว่า

“สวัสดีครับ ผมชื่อจ้าวเฉียน เป็นนักลงทุนเหมือนกับพวกคุณทุกคน เนื่องจากผมต้องการเข้ามาควบคุมฮวาหยินกรุ๊ปจึงจงใจกดราคาหุ้นให้ต่ำที่สุดเพื่อช้อนซื้อทั้งหมดมา นี่เป็นเทคนิคพื้นฐานของตลาดหุ้น หวังว่าพวกคุณจะเข้าใจได้นะครับ”

คำกล่าวของจ้าวเฉียนทำให้นักลงทุนทั้งห้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“อะไรนะ? คุณนี่เองตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด! คุณรู้ไหมว่าผมต้องสูญเสียเงินไปมากเท่าไหร่!”

“ผมนี่โคตรจะไม่เข้าใจความคิดคุณเลย! เพราะความเห็นแก่ตัวของคุณคนเดียว น้ำหน้าอย่างคุณคงมีปัญญาช้อนซื้อแค่ไม่เท่าไหร่ แต่รู้ไหมว่าผมต้องสูญเงินไปกี่ล้าน? บ้านผมหลังนึงที่จำนองไว้ถูกธนาคารยึดไปแล้ว!”

“คุณนี่มันแย่จริงๆ ใช่ ผลประกอบการในไตรมาสหน้าของฮวาหยินกรุ๊ปอาจจะดีขึ้น แต่คนอื่นที่ต้องมาซวยเพราะคุณล่ะ? ผมเองต้องจำนองบ้านที่อยู่เพื่อต่อชีวิตตัวเองไม่ให้ล้มละลาย คุณคิดว่าจะแก้ปัญหาเหล่านี้ยังไง?”

….

คนพวกนี้ได้แต่พล่ามไปเรื่อยในสายตาของจ้าวเฉียน

จ้าวเฉียนที่ได้ฟังแบบนั้นก็ถึงกับเริ่มรำคาญขึ้นแล้วจริงๆ การต้องมาทนสนทนากับคนโง่เหล่านี้เป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดใจจริงๆ

ซึ่งเขาเองก็ไม่คิดจะไว้หน้าคนพวกนี้อยู่แล้ว จึงตะคอกสวนกลับไปว่า

“ถ้ามีแต่เงินไม่มีสมอง ผมแนะนำให้เลิกเล่นหุ้นไปซะ! เพราะคุณไม่มีกลยุทธ์ที่ดีพอในการรับมือการสถานการณ์ต่างๆ จึงทำให้ขาดทุน แล้วยังมีหน้ามาโทษผมอีกงั้นเหรอ?”

คนพวกนั้นยิ่งเดือดจัดเข้าไปใหญ่ ชี้หน้าด่าจ้าวเฉียนกันไม่หยุดหย่อน

ตอนนี้จ้าวเฉียนเลือดขึ้นหน้าจริงๆแล้ว เขาตบโต๊ะดังปังคำรามเสียงดังลั่นว่า

“ก็โง่กันแบบนี้ไงถึงเป็นได้แค่รายย่อย! ถ้ายังไม่หยุดเห่าผมจะเรียกรปภ.ให้มาลากตัวพวกคุณออกไป!”

“เออ! เรียกมาสิวะ! คิดว่าพวกกูต้องกลัวเหรอ?”

“เป็นแค่เด็กแท้ๆ กล้าขึ้นเสียงใส่ผู้ใหญ่งั้นเหรอ! พวกเราเป็นนักลงทุนที่ชอบด้วยกฎหมาย แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาไล่พวกเราออกไป!”

“ใช่แล้ว! ไอ้หนู แกอายุเท่าไหร่? กล้าดียังไงมาไล่พวกฉัน!”

………

เมื่อเห็นจ้าวเฉียนโดนคนพวกนี้ดุด่าจนหัวเสีย หวานเจียงก็อดหัวเราะไม่ได้ เธอมีความสุขอย่างมากที่อีกฝ่ายได้เข้าใจความรู้สึกของเธอสักที

จ้าวเฉียนตบโต๊ะอีกคราว คำรามขึ้นลั่นว่า

“ก็เพราะกูคือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของฮวาหยินกรุ๊ปไง! กับไอ้แค่นักลงทุนจนๆ อย่างพวกมึง กล้าดียังไงมาชี้หน้าด่ากู! ถ้ากูเรียกรปภ.เข้ามา คิดว่าพวกเขาจะฟังใคร?”

“ฮ่าฮ่า….พูดอย่างกับตัวเองรวยมาจากไหน! ไอ้หนู น้ำหน้าอย่างแกน่ะ อย่าว่าแต่ร้อยล้านเลย แค่สิบล้านมีถึงรึเปล่า?”

“คุณหวาน อย่าเอาแต่เงียบสิครับ ช่วยพูดอะไรสักอย่างหน่อย ไม่ก็ลากไอ้เด็กนี่ออกไป!”

หวานเจียงกล่าวตอบอย่างช่วยไม่ได้ว่า

“ฉันว่าเขาก็พูดทุกอย่างไปหมดแล้วนะ ตอนนี้สิทธิ์การควบคุมทั้งหมดอยู่ในมือของคุณจ้าว เขาถือหุ้นฮวาหยินกรุ๊ปอยู่ทั้งหมด51% ดังนั้นอย่ามาถามฉันเลยค่ะ”

ทั้งห้าหันควับมองจ้าวเฉียนด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง เดิมทีพวกเขาคิดว่า เด็กนี่คงปั่นหุ้นเพื่อซื้อหุ้นฮวาหยินกรุ๊เก็บไว้เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แต่ใครจะไปเชื่อว่า เด็กหนุ่มคนนี้กลับแข็งแกร่งจริง ถ้าสามารถถือหุ้นได้51%จากทั้งหมด นี่มันแสดงให้เห็นแล้วว่า เด็กคนนี้ร่ำรวยขนาดไหนกัน

“สวัสดีครับคุณจ้าว ผมชื่อหวันโป ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ โปรดดูแลผมด้วยนะครับในอนาคต”

“สวัสดีครับคุณจ้าว ผมชื่อเจวียหลี่ ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะครับ”

……….

จากการประชุมนักลงทุนที่แหกปากด่ากันไม่หยุด ตอนนี้กลับกลายมาเป็นงานพบปะคนใหญ่คนโตไปโดยปริยาย สิ่งนี้ทำให้หวานเจียงหัวเสียเป็นอย่างมาก เธอต้องการจะใช้คนพวกนี้สั่งสอนจ้าวเฉียนสักหน่อยว่า สิ่งที่เธอต้องเจอในแต่ละวันมันน่าปวดหัวเพียงใด แต่สุดท้ายกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า

จ้าวเฉียนไม่มีอามรณ์มายาญาติดีกับคนพวกนี้ จึงชี้ไปทางประตูทางออกและคำรามขึ้นว่า

“ผมให้เวลาพวกคุณสิบวินาที! ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ! ถ้าใครยังกล้าสลอนหน้าอยู่ ผมจะเรียกรปภ.โยนพวกคุณออกไป!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+