ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 255 เฝ้าสะกดรอยตาม

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 255 เฝ้าสะกดรอยตาม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่255 เฝ้าสะกดรอยตาม

จ้าวเฉียนไม่ได้โง่ หวานเจียงยืนอยู่หน้าประตูโรงแรมไม่ออกไปไหน แถมยังส่งสายตาออดอ้อนให้แบบนี้ เขาตระหนักดีว่าเธอหมายความว่าอย่างไร

เนื่องด้วยพวกเธอเป็นผู้หญิง บางสิ่งบางอย่างไม่สามารถพูดออกไปตรงๆได้ จึงจำต้องส่งสัญญาณเป็นนัยออกไปแทน

แน่นอนว่าจ้าวเฉียนไม่พลาดโอกาสแบบนี้ไปแน่นอน

จ้าวเฉียนแสร้งทำเป็นบิดขี้เกียจเล็กน้อย และกล่าวขึ้นว่า

“นี่ก็เพิ่งกินข้าวเสร็จ ทำไมถึงไม่ขึ้นไปพักผ่อนก่อนล่ะ? แบบว่า…ไปออกกำลังกายให้อาหารย่อยกันก่อน”

หวานเจียงก้มหน้าก้มตาพยักหน้าตอบทันทีอย่างเขินอาย แต่ก็ดูให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและตอบไปว่า

“อือ…ก็จริงของนาย เราไปพักผ่อนสักหน่อยก่อนดีไหม? จากนั้นค่อยกลับบ้าน…”

จ้าวเฉียนรีบตอบกลับไปทันที

“แน่นอน เดี๋ยวฉันไปเปิดห้องก่อนก็แล้วกันนะ”

หวานเจียงเดินเชิดหน้ามุ่ยติดตามจ้าวเฉียนไปทั้งแบบนั้น

ทันทีที่ทั้งสองเข้ามาในห้อง ล็อคประตูเรียบร้อย จ้าวเฉียนก็ผลักหวานเจียงติดกำลังและประกบจูบกันทันทีอย่างเร้าร้อน

หวานเจียงผละร่างจ้าวเฉียนออกไปเล็กน้อย เอ่ยเสียงกระเส่าขึ้นว่า

“ไม่ใช่ว่านายอยากไปพักผ่อนหรอกเหรอ?”

จ้าวเฉียนกดจูบลงบนหน้าผากของหวานเจียง ริมจิบกระซิบข้างหูเธออย่างแผ่วเบาขึ้นว่า

“ฉันกลัวว่าเธอจะนอนไม่หลับ ก็เลยชวนมาออกกำลังกายด้วยกันก่อน หลังจากนั้นคงหลับสบายแน่นอน”

หวานเจียงกลอกตาใส่จ้องเขม็งใส่เขา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร นี่เท่ากับว่าเธอยอมจำนนแต่โดยดี

พอเห็นแบบนั้นจ้าวเฉียนจึงเผด็จศึก ควบม้าสวาทกันไปตลอดทั้งชั่วโมงนั้น

ทั้งสองนอนพักกันอยู่ในโรงแรมตลอดจนทุ่มกว่า ยังไงซะพวกเขาทั้งคู่ต้องออกเดินทางพรุ่งนี้แล้ว พอตื่นขึ้นจึงรีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าเพื่อกลับไปจัดกระเป๋ากันยกใหญ่

หลังจากที่จ้าวเฉียนส่งหวานเจียงกลับบ้านไปแล้ว เขาก็ขับรถกับไปยังบ้านของตน ทว่าหลังออกรถไปได้ไม่นาน จู่ๆเขาก็เพิ่งสังเกตเห็นว่า มีรถน่าสงสัยอยู่คันหนึ่งกำลังขับติดตามเขาไม่ห่าง

“บัดซบ! หรือนี่จะเป็นนักฆ่าที่จางต้าเฉินจ้างมา? ถ้าใช่ขึ้นมาจริง นี่ก็เท่ากับว่าโคตรวิกฤตเลยไม่ใช่เหรอ?”

จ้าวเฉียนสบถกับตัวเองขึ้นทันควัน ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมั่นใจว่าใช่แน่นอน หลังจากเร่งความเร็วฝ่าไฟแดงมาสี่แยกแล้ว รถคนดังกล่าวก็ยังไล่จี้ตามมาติดๆ นี่เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า เป้าหมายคือตัวเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ต่อให้เขาขอไปค้างแรมที่บ้านของหวานเจียงแค่สักคืน ก็ไม่น่ารอด ในไม่ช้าก็เร็วพวกมันจะต้องบุกเข้ามาจับตัวเขาไปแน่นอน

พอคิดได้แบบนี้จ้าวเฉียนรีบโทรหาหยางหู่ทันทีและอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฟังโดยด่วน พร้อมขอให้ส่งคนมาจัดการกับนักฆ่าพวกนี้โดยเร็วที่สุด

หยางหู่ที่ได้ฟังดังนั้นก็ตื่นตระหนกอย่างยิ่ง รีบส่งกำลังคนทั้งหมดที่อยู่ใกล้แถวนั้นที่สุดเข้าปกป้องคุณชายจ้าวทันที ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้จริงๆ มันจะกลายเป็นตราบาปภายในใจหยางหู่ไปชั่วชีวิต

หลังจากจ้าวเฉียนขับหนีอยู่นาน ในที่สุดก็สามารถสลัดรถคันดังกล่าวหลุดไปได้ และรีบขับกลับไปที่หน้าหมู่บ้านของหวานเจียง พร้อมโทรเรียกเธอโดยเร็ว

“ว่าไง? เธอถึงบ้านแล้วเหรอ? ทำไมเร็วจัง?”

หวานเจียงเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม

“เปล่า ฉันว่าคืนนี้ฉันอยู่กับเธอดีกว่า”

จ้าวเฉียนยิ้มตอบไป

หวานเจียงรีบเปิดม่าน กวาดสายตามองไปยังบริเวณหน้าหมู่บ้าน แต่เธอก็ไม่เห็นรถสักคน

“นายล้อเล่นรึเปล่า? ฉันไม่เห็นรถของนายเลย?”

จ้าวเฉียนบีบแตร่ใส่สองสามครา พอหวานเจียงได้ยินก็รีบหันควับมองไปยังด้านซอยแคบข้างหมู่บ้านทันที

เธอรีบแต่งตัว วิ่งออกไปตรงหน้าหมู่บ้านและเรียกจ้าวเฉียนขับตรงเข้ามาโดยไว

“เกิดอะไรขึ้นกับนายรึเปล่า? ทำไมถึงกลับมาที่นี่?”

หวานเจียงเอ่ยถามขึ้น

จ้าวเฉียนไม่สามารถพูดความจริงออกไปได้ จึงตามน้ำกล่าวต่อจากประโยคก่อนหน้านี้

“ทำไม? ก็ฉันคิดถึงเธอหนิ อยากจะนอนกอดเธอตลอดทั้งคืน ไม่ได้เหรอ?”

หวานเจียงที่ได้ยินแบบนั้นก็คลี่ยิ้มหวาน ไม่เอะใจหรือสงสัยใดๆอีกต่อไป

ทันทีที่ทั้งสองกำลังจะเข้าบ้านไป ก็เกิดสุ้มเสียงดังหน้าประตูหมู่บ้าน เท่าที่ฟังพอจะจับใจความได้ประมาณว่า ยามกำลังตะโกนไล่ใครบางคนออกไปและไม่ให้เข้ามาภายในนี้

จ้าวเฉียนทราบได้ทันทีว่า พวกมันตามมาเจอเขาแล้ว หวานเจียงเองก็ได้ยินเสียงเช่นกัน ขณะที่เธอกำลังเหลียวหลังหันกลับไปมอง จู่ๆจ้าวเฉียนก็อุ้มร่างเธอขึ้นและกล่าวว่า

“เข้าบ้านกันเถอะ ฉันง่วงแล้ว”

หวานเจียงที่ตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย ก็รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อยและกระซิบเสียงอ่อนขึ้นว่า

“ทำไมนายรีบจัง เรา…ยังมีเวลากันอีกทั้งคืนนะ”

“ก็ฉันรอไม่ไหวแล้ว! ไปกันเถอะนะ!”

จ้าวเฉียนรีบพาหวานเจียงเข้าบ้านไปทันที แต่ในเสี้ยวจังหวะนั้นเอง กลับมีชายสองคนรีบวิ่งฝ่าพวกยามเข้ามา จ้าวเฉียนที่เห็นดังนั้นรีบฉวยจังหวะได้เปรียบถอดรองเท้าคว้าใส่ทันที

ด้วยสัญชาตญาณ ชายสองคนนั้นเลี่ยงหลบไปได้อย่างฉิวเฉียด แต่นั้นก็ทำให้เสียจังหวะไปด้วยเช่นกัน จ้าวเฉียนที่เห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้าบ้านปิดประตูล็อคโดยตรง

ยามนี้หวานเจียงเห็นได้ชัดแล้วว่า จะต้องมีอะไรบางอย่างผิดแปลกไปแน่นอนกับจ้าวเฉียน ดังนั้นเธอจึงเอ่ยถามขึ้นทันที

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? แล้วสองคนนั้นคือใครกัน?”

จ้าวเฉียนยังพยายามแถต่อไปว่า

“อ่อ…ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จู่ๆก็วิ่งมาแบบนั้นคงไม่ใช่คนดีอะไรแน่นอน คงเป็นการดีกว่าที่ฉันทำแบบนั้นไป ถ้าพวกมันบุกเข้ามาในบ้าน พวกเราคงแย่”

หวานเจียงย่อมไม่เชื่อคำแถของจ้าวเฉียนโดยธรรมชาติ เธอพาจ้าวเฉียนมานั่งห้องรับแขกและเอ่ยถามน้ำเสียงจริงจังว่า

“จ้าวเฉียน ฉันไม่เล่นแล้วนะ เกิดอะไรขึ้นกับนายกันแน่? ที่กลับมาหาแบบนี้เพราะมีคนสะกดรอยตามนายใช่ไหม?”

จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบไปตามตรงและแผ่ตัวนอนลงบนโซฟาทันที

หวานเจียงเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของจ้าวเฉียนเป็นอย่างมาก เธออยากจะรู้จริงๆว่า ครั้งนี้ใครกันที่เขาไปมีปัญหาด้วยอีก แล้วทำไมต้องมีคนจ้องเล่นงานเขาอยู่เสมอ

บางสิ่งอย่างจ้าวเฉียนคิดว่า การไม่บอกอะไรกับเธอไปเลยคงเป็นเรื่องดีกว่า ถึงรู้ไปก็ช่วยไม่ได้ แถมยังทำให้เธอวิตกโดยใช่เหตุอีก

เขายิ้มและกล่าวต่อขึ้นว่า

“ฉันไม่รู้แล้วว่าใครบ้างที่ฉันไปมีเรื่องด้วย บางทีก็คงเป็นอย่างที่เธอบอก ฉันทำตัวหยิ่งยโสเกินไป จนเผลอสร้างศัตรูอยู่รอบตัวโดยไม่ตั้งใจ”

หวานเจียงกลอกตามองบนไปทีหนึ่ง ต่อหน้าคำกล่าวนี้ของเขาถึงกับทำให้เธอพูดไม่ออกจริงๆ ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่า ตัวเองเป็นคนหยิ่งยโสและจองหองขนาดไหน จนเผลอสร้างศัตรูไว้รอบด้านขนาดนี้ แต่ทำไมเขาถึงยังไม่รู้จักปรับปรุงตัวอีก?

หวานเจียงจึงเอ่ยถามไปตามตรง

“ในเมื่อรู้แบบนี้ แล้วทำไมไม่เปลี่ยนล่ะ?”

จ้าวเฉียนตอบกลับไปอย่างหน้าตาเฉยว่า

“ก็ฉันชินกับนิสัยแบบนี้ไปแล้ว ทำไมถึงต้องเปลี่ยนด้วย?”

“มันง่ายนะที่จะปล่อยตัวเองไปเลยตามเลย แต่ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ในไม่ช้าก็เร็วมันจะส่งผลกระทบไปถึงคนรอบตัวนาย ทั้งพ่อทั้งแม่ รวมไปถึงตัวฉันด้วย นี่นายรู้ตัวไหมว่า ตัวเองกำลังทำผิดอยู่?”

จ้าวเฉียนทำหูทวนลมลุกขึ้นจากโซฟาและเดินตรงไปยังห้องนอน แต่ขณะที่กำลังจะเดินเข้าห้องไป เขากลับถูกหวานเจียงรั้นไว้ไม่ให้ไปไหน เธอเอ่ยถามจ้าวเฉียนด้วยสีหน้าจริงจังอย่างยิ่งว่า ตกลงเขาจะเปลี่ยนนิสัยแย่ๆแบบนี้ได้ไหม?

หวานเจียงค่อนข้างจริงจังกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เธอจึงกล่าวอธิบายให้จ้าวเฉียนฟังต่อว่า ถ้าในอนาคตต่อไป พวกเขาต้องแต่งงานมีครอบครัวกันจริงๆ สักวันหนึ่ง เธอไม่อยากต้องมาได้ยินข่าวการตายของเขา และถ้าไม่มีเขาอยู่ต่อไป แล้วเธอจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง? นี่ยังไม่รวมถึงลูกของพวกเขาที่จะถือกำเนิดมาในอนาคตอีก?

จ้าวเฉียนย่อมเข้าใจความหวังดีของหวานเจียงที่มีต่อเขาดี แต่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล มันไม่ใช่ว่าตัวเขาจะเที่ยวหาเรื่องคนไปทั่วโดยไม่สนสี่สนแปดอะไรสักหน่อย แต่ถึงอย่างไร เขาก็ไม่ต้องการพูดขัดเธอในตอนนี้ มิฉะนั้นทั้งคู่ต้องทะเลาะกันอย่างแน่นอน

จ้าวเฉียนเปลี่ยนเรื่องทันควัน เอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มขึ้นว่า

“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ? ถ้าพวกเราแต่งงานมีครอบครัวงั้นเหรอ? นี่เธอกำลังสารภาพรักกับฉันอยู่หรือเปล่า?”

ใบหน้าของหวานเจียงแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำขึ้นทันที เธอรีบอธิบายมให้ฟังโดยเร็วว่า

“ฉัน…ฉันแค่ยกตัวอย่างขึ้นมาเฉยๆ! ทั้งหมดก็อยากให้นายเปลี่ยนนิสัยแย่ๆแบบนี้ไง ถ้านายสัญญากับฉันว่าจะเต็มใจยอมเปลี่ยนนิสัยในจุดนนี้จริง ฉัน…ฉันก็จะลองพิจารณานายเป็นแฟนดูก็ได้นะ แต่ถ้าไม่ ฉันก็คงต้องตัดใจ…”

 “ได้! ฉันจะเปลี่ยน! แต่ขอแรงจูงใจหน่อยสิ”

คล้อยหลังพูดจบจ้าวเฉียนก็ดึงร่างของหวานเจียงเข้ามาสอดกอดในอ้อมแขน และเริ่มปลดกระดุมชุดนอนของเธอออกทันทีทีละเม็ด

แต่ขณะนั้นเอง เสียงมือถือพลันดังขึ้นขัดจังหวะระหว่างทั้งสองอย่างพอดิบพอดี เขาจำใจต้องปล่อยหวานเจียงออกไป และเดินออกไป ณ มุมหนึ่งเพื่อรับโทรศัพท์

จ้าวเฉียนพยายามข่มกลั้นความหงุดหงิดเอาไว้ เขากดรับสายและกล่าวขึ้นว่า

“ว่าไงบ้าง?”

“คุณชายจ้าว พวกกลุ่มคนที่ติดตามคุณชายมา พวกผมจับตัวได้เรียบร้อยและยอมสารภาพแล้วว่า เป็นคนของหลิวเปา”

หยางหู่รีบรายงานความคืบหน้าทันที

จ้าวเฉียนที่ได้ยินแบบนั้นก็งุนงงเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลยว่า ทำไมหลิวเปาถึงหันกลับมาโจมตีเขาอีกแล้ว?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 255 เฝ้าสะกดรอยตาม

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 255 เฝ้าสะกดรอยตาม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่255 เฝ้าสะกดรอยตาม

จ้าวเฉียนไม่ได้โง่ หวานเจียงยืนอยู่หน้าประตูโรงแรมไม่ออกไปไหน แถมยังส่งสายตาออดอ้อนให้แบบนี้ เขาตระหนักดีว่าเธอหมายความว่าอย่างไร

เนื่องด้วยพวกเธอเป็นผู้หญิง บางสิ่งบางอย่างไม่สามารถพูดออกไปตรงๆได้ จึงจำต้องส่งสัญญาณเป็นนัยออกไปแทน

แน่นอนว่าจ้าวเฉียนไม่พลาดโอกาสแบบนี้ไปแน่นอน

จ้าวเฉียนแสร้งทำเป็นบิดขี้เกียจเล็กน้อย และกล่าวขึ้นว่า

“นี่ก็เพิ่งกินข้าวเสร็จ ทำไมถึงไม่ขึ้นไปพักผ่อนก่อนล่ะ? แบบว่า…ไปออกกำลังกายให้อาหารย่อยกันก่อน”

หวานเจียงก้มหน้าก้มตาพยักหน้าตอบทันทีอย่างเขินอาย แต่ก็ดูให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและตอบไปว่า

“อือ…ก็จริงของนาย เราไปพักผ่อนสักหน่อยก่อนดีไหม? จากนั้นค่อยกลับบ้าน…”

จ้าวเฉียนรีบตอบกลับไปทันที

“แน่นอน เดี๋ยวฉันไปเปิดห้องก่อนก็แล้วกันนะ”

หวานเจียงเดินเชิดหน้ามุ่ยติดตามจ้าวเฉียนไปทั้งแบบนั้น

ทันทีที่ทั้งสองเข้ามาในห้อง ล็อคประตูเรียบร้อย จ้าวเฉียนก็ผลักหวานเจียงติดกำลังและประกบจูบกันทันทีอย่างเร้าร้อน

หวานเจียงผละร่างจ้าวเฉียนออกไปเล็กน้อย เอ่ยเสียงกระเส่าขึ้นว่า

“ไม่ใช่ว่านายอยากไปพักผ่อนหรอกเหรอ?”

จ้าวเฉียนกดจูบลงบนหน้าผากของหวานเจียง ริมจิบกระซิบข้างหูเธออย่างแผ่วเบาขึ้นว่า

“ฉันกลัวว่าเธอจะนอนไม่หลับ ก็เลยชวนมาออกกำลังกายด้วยกันก่อน หลังจากนั้นคงหลับสบายแน่นอน”

หวานเจียงกลอกตาใส่จ้องเขม็งใส่เขา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร นี่เท่ากับว่าเธอยอมจำนนแต่โดยดี

พอเห็นแบบนั้นจ้าวเฉียนจึงเผด็จศึก ควบม้าสวาทกันไปตลอดทั้งชั่วโมงนั้น

ทั้งสองนอนพักกันอยู่ในโรงแรมตลอดจนทุ่มกว่า ยังไงซะพวกเขาทั้งคู่ต้องออกเดินทางพรุ่งนี้แล้ว พอตื่นขึ้นจึงรีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าเพื่อกลับไปจัดกระเป๋ากันยกใหญ่

หลังจากที่จ้าวเฉียนส่งหวานเจียงกลับบ้านไปแล้ว เขาก็ขับรถกับไปยังบ้านของตน ทว่าหลังออกรถไปได้ไม่นาน จู่ๆเขาก็เพิ่งสังเกตเห็นว่า มีรถน่าสงสัยอยู่คันหนึ่งกำลังขับติดตามเขาไม่ห่าง

“บัดซบ! หรือนี่จะเป็นนักฆ่าที่จางต้าเฉินจ้างมา? ถ้าใช่ขึ้นมาจริง นี่ก็เท่ากับว่าโคตรวิกฤตเลยไม่ใช่เหรอ?”

จ้าวเฉียนสบถกับตัวเองขึ้นทันควัน ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมั่นใจว่าใช่แน่นอน หลังจากเร่งความเร็วฝ่าไฟแดงมาสี่แยกแล้ว รถคนดังกล่าวก็ยังไล่จี้ตามมาติดๆ นี่เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า เป้าหมายคือตัวเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ต่อให้เขาขอไปค้างแรมที่บ้านของหวานเจียงแค่สักคืน ก็ไม่น่ารอด ในไม่ช้าก็เร็วพวกมันจะต้องบุกเข้ามาจับตัวเขาไปแน่นอน

พอคิดได้แบบนี้จ้าวเฉียนรีบโทรหาหยางหู่ทันทีและอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฟังโดยด่วน พร้อมขอให้ส่งคนมาจัดการกับนักฆ่าพวกนี้โดยเร็วที่สุด

หยางหู่ที่ได้ฟังดังนั้นก็ตื่นตระหนกอย่างยิ่ง รีบส่งกำลังคนทั้งหมดที่อยู่ใกล้แถวนั้นที่สุดเข้าปกป้องคุณชายจ้าวทันที ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้จริงๆ มันจะกลายเป็นตราบาปภายในใจหยางหู่ไปชั่วชีวิต

หลังจากจ้าวเฉียนขับหนีอยู่นาน ในที่สุดก็สามารถสลัดรถคันดังกล่าวหลุดไปได้ และรีบขับกลับไปที่หน้าหมู่บ้านของหวานเจียง พร้อมโทรเรียกเธอโดยเร็ว

“ว่าไง? เธอถึงบ้านแล้วเหรอ? ทำไมเร็วจัง?”

หวานเจียงเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม

“เปล่า ฉันว่าคืนนี้ฉันอยู่กับเธอดีกว่า”

จ้าวเฉียนยิ้มตอบไป

หวานเจียงรีบเปิดม่าน กวาดสายตามองไปยังบริเวณหน้าหมู่บ้าน แต่เธอก็ไม่เห็นรถสักคน

“นายล้อเล่นรึเปล่า? ฉันไม่เห็นรถของนายเลย?”

จ้าวเฉียนบีบแตร่ใส่สองสามครา พอหวานเจียงได้ยินก็รีบหันควับมองไปยังด้านซอยแคบข้างหมู่บ้านทันที

เธอรีบแต่งตัว วิ่งออกไปตรงหน้าหมู่บ้านและเรียกจ้าวเฉียนขับตรงเข้ามาโดยไว

“เกิดอะไรขึ้นกับนายรึเปล่า? ทำไมถึงกลับมาที่นี่?”

หวานเจียงเอ่ยถามขึ้น

จ้าวเฉียนไม่สามารถพูดความจริงออกไปได้ จึงตามน้ำกล่าวต่อจากประโยคก่อนหน้านี้

“ทำไม? ก็ฉันคิดถึงเธอหนิ อยากจะนอนกอดเธอตลอดทั้งคืน ไม่ได้เหรอ?”

หวานเจียงที่ได้ยินแบบนั้นก็คลี่ยิ้มหวาน ไม่เอะใจหรือสงสัยใดๆอีกต่อไป

ทันทีที่ทั้งสองกำลังจะเข้าบ้านไป ก็เกิดสุ้มเสียงดังหน้าประตูหมู่บ้าน เท่าที่ฟังพอจะจับใจความได้ประมาณว่า ยามกำลังตะโกนไล่ใครบางคนออกไปและไม่ให้เข้ามาภายในนี้

จ้าวเฉียนทราบได้ทันทีว่า พวกมันตามมาเจอเขาแล้ว หวานเจียงเองก็ได้ยินเสียงเช่นกัน ขณะที่เธอกำลังเหลียวหลังหันกลับไปมอง จู่ๆจ้าวเฉียนก็อุ้มร่างเธอขึ้นและกล่าวว่า

“เข้าบ้านกันเถอะ ฉันง่วงแล้ว”

หวานเจียงที่ตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย ก็รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อยและกระซิบเสียงอ่อนขึ้นว่า

“ทำไมนายรีบจัง เรา…ยังมีเวลากันอีกทั้งคืนนะ”

“ก็ฉันรอไม่ไหวแล้ว! ไปกันเถอะนะ!”

จ้าวเฉียนรีบพาหวานเจียงเข้าบ้านไปทันที แต่ในเสี้ยวจังหวะนั้นเอง กลับมีชายสองคนรีบวิ่งฝ่าพวกยามเข้ามา จ้าวเฉียนที่เห็นดังนั้นรีบฉวยจังหวะได้เปรียบถอดรองเท้าคว้าใส่ทันที

ด้วยสัญชาตญาณ ชายสองคนนั้นเลี่ยงหลบไปได้อย่างฉิวเฉียด แต่นั้นก็ทำให้เสียจังหวะไปด้วยเช่นกัน จ้าวเฉียนที่เห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้าบ้านปิดประตูล็อคโดยตรง

ยามนี้หวานเจียงเห็นได้ชัดแล้วว่า จะต้องมีอะไรบางอย่างผิดแปลกไปแน่นอนกับจ้าวเฉียน ดังนั้นเธอจึงเอ่ยถามขึ้นทันที

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? แล้วสองคนนั้นคือใครกัน?”

จ้าวเฉียนยังพยายามแถต่อไปว่า

“อ่อ…ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จู่ๆก็วิ่งมาแบบนั้นคงไม่ใช่คนดีอะไรแน่นอน คงเป็นการดีกว่าที่ฉันทำแบบนั้นไป ถ้าพวกมันบุกเข้ามาในบ้าน พวกเราคงแย่”

หวานเจียงย่อมไม่เชื่อคำแถของจ้าวเฉียนโดยธรรมชาติ เธอพาจ้าวเฉียนมานั่งห้องรับแขกและเอ่ยถามน้ำเสียงจริงจังว่า

“จ้าวเฉียน ฉันไม่เล่นแล้วนะ เกิดอะไรขึ้นกับนายกันแน่? ที่กลับมาหาแบบนี้เพราะมีคนสะกดรอยตามนายใช่ไหม?”

จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบไปตามตรงและแผ่ตัวนอนลงบนโซฟาทันที

หวานเจียงเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของจ้าวเฉียนเป็นอย่างมาก เธออยากจะรู้จริงๆว่า ครั้งนี้ใครกันที่เขาไปมีปัญหาด้วยอีก แล้วทำไมต้องมีคนจ้องเล่นงานเขาอยู่เสมอ

บางสิ่งอย่างจ้าวเฉียนคิดว่า การไม่บอกอะไรกับเธอไปเลยคงเป็นเรื่องดีกว่า ถึงรู้ไปก็ช่วยไม่ได้ แถมยังทำให้เธอวิตกโดยใช่เหตุอีก

เขายิ้มและกล่าวต่อขึ้นว่า

“ฉันไม่รู้แล้วว่าใครบ้างที่ฉันไปมีเรื่องด้วย บางทีก็คงเป็นอย่างที่เธอบอก ฉันทำตัวหยิ่งยโสเกินไป จนเผลอสร้างศัตรูอยู่รอบตัวโดยไม่ตั้งใจ”

หวานเจียงกลอกตามองบนไปทีหนึ่ง ต่อหน้าคำกล่าวนี้ของเขาถึงกับทำให้เธอพูดไม่ออกจริงๆ ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่า ตัวเองเป็นคนหยิ่งยโสและจองหองขนาดไหน จนเผลอสร้างศัตรูไว้รอบด้านขนาดนี้ แต่ทำไมเขาถึงยังไม่รู้จักปรับปรุงตัวอีก?

หวานเจียงจึงเอ่ยถามไปตามตรง

“ในเมื่อรู้แบบนี้ แล้วทำไมไม่เปลี่ยนล่ะ?”

จ้าวเฉียนตอบกลับไปอย่างหน้าตาเฉยว่า

“ก็ฉันชินกับนิสัยแบบนี้ไปแล้ว ทำไมถึงต้องเปลี่ยนด้วย?”

“มันง่ายนะที่จะปล่อยตัวเองไปเลยตามเลย แต่ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ในไม่ช้าก็เร็วมันจะส่งผลกระทบไปถึงคนรอบตัวนาย ทั้งพ่อทั้งแม่ รวมไปถึงตัวฉันด้วย นี่นายรู้ตัวไหมว่า ตัวเองกำลังทำผิดอยู่?”

จ้าวเฉียนทำหูทวนลมลุกขึ้นจากโซฟาและเดินตรงไปยังห้องนอน แต่ขณะที่กำลังจะเดินเข้าห้องไป เขากลับถูกหวานเจียงรั้นไว้ไม่ให้ไปไหน เธอเอ่ยถามจ้าวเฉียนด้วยสีหน้าจริงจังอย่างยิ่งว่า ตกลงเขาจะเปลี่ยนนิสัยแย่ๆแบบนี้ได้ไหม?

หวานเจียงค่อนข้างจริงจังกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เธอจึงกล่าวอธิบายให้จ้าวเฉียนฟังต่อว่า ถ้าในอนาคตต่อไป พวกเขาต้องแต่งงานมีครอบครัวกันจริงๆ สักวันหนึ่ง เธอไม่อยากต้องมาได้ยินข่าวการตายของเขา และถ้าไม่มีเขาอยู่ต่อไป แล้วเธอจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง? นี่ยังไม่รวมถึงลูกของพวกเขาที่จะถือกำเนิดมาในอนาคตอีก?

จ้าวเฉียนย่อมเข้าใจความหวังดีของหวานเจียงที่มีต่อเขาดี แต่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล มันไม่ใช่ว่าตัวเขาจะเที่ยวหาเรื่องคนไปทั่วโดยไม่สนสี่สนแปดอะไรสักหน่อย แต่ถึงอย่างไร เขาก็ไม่ต้องการพูดขัดเธอในตอนนี้ มิฉะนั้นทั้งคู่ต้องทะเลาะกันอย่างแน่นอน

จ้าวเฉียนเปลี่ยนเรื่องทันควัน เอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มขึ้นว่า

“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ? ถ้าพวกเราแต่งงานมีครอบครัวงั้นเหรอ? นี่เธอกำลังสารภาพรักกับฉันอยู่หรือเปล่า?”

ใบหน้าของหวานเจียงแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำขึ้นทันที เธอรีบอธิบายมให้ฟังโดยเร็วว่า

“ฉัน…ฉันแค่ยกตัวอย่างขึ้นมาเฉยๆ! ทั้งหมดก็อยากให้นายเปลี่ยนนิสัยแย่ๆแบบนี้ไง ถ้านายสัญญากับฉันว่าจะเต็มใจยอมเปลี่ยนนิสัยในจุดนนี้จริง ฉัน…ฉันก็จะลองพิจารณานายเป็นแฟนดูก็ได้นะ แต่ถ้าไม่ ฉันก็คงต้องตัดใจ…”

 “ได้! ฉันจะเปลี่ยน! แต่ขอแรงจูงใจหน่อยสิ”

คล้อยหลังพูดจบจ้าวเฉียนก็ดึงร่างของหวานเจียงเข้ามาสอดกอดในอ้อมแขน และเริ่มปลดกระดุมชุดนอนของเธอออกทันทีทีละเม็ด

แต่ขณะนั้นเอง เสียงมือถือพลันดังขึ้นขัดจังหวะระหว่างทั้งสองอย่างพอดิบพอดี เขาจำใจต้องปล่อยหวานเจียงออกไป และเดินออกไป ณ มุมหนึ่งเพื่อรับโทรศัพท์

จ้าวเฉียนพยายามข่มกลั้นความหงุดหงิดเอาไว้ เขากดรับสายและกล่าวขึ้นว่า

“ว่าไงบ้าง?”

“คุณชายจ้าว พวกกลุ่มคนที่ติดตามคุณชายมา พวกผมจับตัวได้เรียบร้อยและยอมสารภาพแล้วว่า เป็นคนของหลิวเปา”

หยางหู่รีบรายงานความคืบหน้าทันที

จ้าวเฉียนที่ได้ยินแบบนั้นก็งุนงงเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลยว่า ทำไมหลิวเปาถึงหันกลับมาโจมตีเขาอีกแล้ว?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+