ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 231 สองแนวคิดที่แตกต่าง

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 231 สองแนวคิดที่แตกต่าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่231 สองแนวคิดที่แตกต่าง

เหรินจานซวนเข้าใจความหมายของจ้าวเฉียนดีว่าหมายถึงอะไร แต่เรื่องนี้มันค่อนข้างละเอียดอ่อนกับใจเธอมาก ในแง่ของความรู้สึกส่วนตัว นี่เป็นบริษัทที่พ่อใช้ความอุสาหะอย่างยิ่งกว่าจะสร้างขึ้นมายิ่งใหญ่ได้แบบนี้ เธอจึงไม่เต็มใจปล่อยให้หลุดมือไปแน่นอน แต่ภาตใต้สถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน กลับยากเกินกว่าจะตัดสินใจ

จ้าวเฉียนเห็นว่าเธอดูลังเลจึงกล่าวเสริมต่อว่า

“อันที่จริงคุณเองก็คงเข้าใจว่าผมหมายความว่ายังไง ลองกลับไปค่อยๆคิดไตรตรองก่อนก็ได้ นี่นามบัตรผม ถ้าได้คำตอบแล้วโทรหาผมได้ทุกเมื่อ”

เหรินจานซวนรับนามบัตรของจ้าวเฉียนและพยักหน้าเบาๆตอบไปว่า

“ตกลงค่ะ หนูจะให้คำตอบโดยเร็วที่สุด กลับกันเถอะค่ะ วันนี้หนูเหนื่อยมากจริงๆ”

จ้าวาฉัยนพยักหน้าตกลงและขับพาเธอไปกลับไปที่บ้านทันที ในขั้นต้นเหรินจานซวนต้องการจะกลับเข้าบ้านเพื่อพักผ่อน แต่พอไปถึงกลับพบว่า มีชายกลุ่มหนึ่งดักรออยู่หน้าคฤหาสน์ของเธอ

เหรินจานซวนเปลี่ยนใจในทันทีและหันไปรีบกล่าวกับจ้าวเฉียนว่า

“คุณจ้าว ไปที่บ้านของคุณแทนเถอะ”

จ้าวเฉียนเองก็เห็นคนพวกนั้นเช่นกัน ดังนั้นจึงเลี้ยวรถกลับขับตรงไปยังคฤหสาน์ของเขาแทนทันที

ในไม่ช้า ทั้งสองก็มาถึงคฤหสาน์ของจ้าวเฉียน

จ้าวเฉียนเอ่ยถามขึ้นว่า

“คุณเหริน จะรอให้คนพวกนั้นไปแล้วให้ผมไปส่งที่บ้านคุณ หรือคืนนี้จะนอนค้างบ้านผมเลย จะได้ขึ้นไปเตรียมห้องให้ ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวคืนนี้ผมนอนอยู่ชั้นล่างเอง ไม่ทำอะไรคุณแน่นอน”

เหรินจานซวนรีบตอบกลับว่า

“ขอบคุณนะคะคุณจ้าว ยังไงก็ขอรบกวนค้างที่นี่ก่อนคืนหนึ่ง หลังจากนี้คงพยายามคิดหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้ อืม…หนูควรทำยังไงดี?”

แน่นอนสำหรับเหรินจานซวนในปัจจุบัน วิธีที่ดีที่สุดคือ การเทขายหุ้นในมือทิ้งไปเพื่อตัดปัญหา ตราบใดที่เธอยังถือหุ้นอยู่แบบนี้ มีหวังจางต้าเฉินตามรังควานเธอไม่เลิกแน่นอน

แต่อย่างไร นี่เป็นบริษัทที่พ่ออุตส่าห์สร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรง คงเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่เธอจะยอมปล่อยไปง่ายๆ เธอเงียบลงไปพักใหญ่ เห็นแบบนั้นจ้าวเฉียนก็รู้สึกอายเกินกว่าจะถามย้ำว่า ตกลงเธอจะขายหุ้นออกไปหรือไม่

สุดท้ายจ้าวเฉียนก็ทำได้เพียงกล่าวปลอบไปว่า

“อย่าคิดมากไปเลย มีทางขึ้นก็ต้องมีทางลง เดี๋ยวค่อยๆคิดหาวิธีแก้ไปทีละปม”

เหรินจานซวนพยักหน้าและกล่าวว่า

“ถ้าอย่างนั้น หนูรบกวนค้างแรมกับคุณจ้าวคืนหนึ่งนะคะ ระหว่างจะคิดดูให้ถี่ถ้วนสำหรับเรื่องขายหุ้น”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและพาเหรินจานซวนขึ้นไปที่ห้องพักชั้นสอง

“คุณนอนห้องนี้จะเหมาะกว่านะ ถ้าตกดึกอยากเข้าห้องน้ำห้องนี้ก็มีห้องน้ำในตัว แล้วก็นะ…คุณไม่ต้องเรียกแทนตัวเองว่าหนูก็ได้ ฟังแล้วดูแปลกๆ”

ถ้าจะให้พูดตามตรง เหรินจานซวนน่าจะอายุพอๆกับเหลียวเซียวหยุน การจะเรียกแทนตัวเองว่าหนูดูจะขัดหูเกินไปหน่อยจริงๆ

เหรินจานซวนเป็นหญิงสาวที่สุภาพอย่างมากจริงๆ เธอโค้งศีรษะให้จ้าวเฉียนไปทีหนึ่งพร้อมกล่าวขอบคุณ ส่วนจ้าวเฉียนก็เดินลงไปนอนที่ห้องรับแขกข้างล่างแทน

ขณะที่จ้าวเฉียนนอนเล่นอยู่บนโซฟา เขาก็เข้าอินเทอร์เน็ตค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเซียนเหว่ย เทคโนโลยีเพิ่มเติม ซึ่งยิ่งอ่านมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งสนใจบริษัทนี้มากยิ่งขึ้น

บริษัทด้านนวัตกรรมแตกต่างไปจากบริษัทสื่อบันเทิง, บริษัทเกม หรือบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์โดยสิ้นเชิง กล่าวได้ว่าเป็นแหล่งผลิตปัจจัยอีกหนึ่งข้อที่มนุษย์ในปัจจุบันไม่สามารถขาดได้ อาทิ อินเทอร์เน็ต ซิมการ์ด และโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆที่ทำให้ชีวิตประจำวันของผู้คนสะดวกขึ้น

ถ้าเขาสามารถครอบครองที่แห่งนี้ได้ ไม่เพียงแต่จ้าวเฉียนจะสามารถทำเงินได้อย่างมหาศาลต่อปี ที่ยังจะได้รับสถานะทางสังคมที่สูงลิบลิว แตกต่างจากพวกนักธุรกิจทั่วไปโดยสิ้นเชิง แต่ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดคือ บริษัทแบบนี้มีเงินอย่างเดียวก็ซื้อไม่ได้

จ้าวเฉีนอ่านข้าวทั้งหมดในโลกอินเตอร์เน็ต และผล็อบหลับไปโดยไม่รู้ตัว

เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ปาเข้าไปเก้าโมงเช้าแล้ว

จ้าวฉียลุกขึ้นจากโซฟาก็พลันเหลือบไปเห็นเหรินจานซวนที่กำลังทำอาหารเช้าอยู่ พอเธอเห็นว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้วจึงเอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้มหวานว่า

“ตื่นแล้วเหรอค่ะ? มากินข้าวกันเร็ว”

จ้าวเฉียนเดินตรงออกจากห้องรับแขก พอเห็นเหรินจานซวนทำอาหารเช้าตั้งบนโต๊ะเสร็จสรรพ จึงหัวเราะตอบกลับไปว่า

“ฉันนี่เป็นเจ้าบ้านที่ไม่ได้เรื่องเลยแหะ ปล่อยให้แขกต้องตื่นมาทำกับข้าวให้”

เหรินจานซวนหัวเราะคิดคักพลางตอบไปว่า

“แค่เมนูง่ายๆเองไม่ได้ยากอะไรเลยค่ะ ไปล้างหน้าแปรงฟันก่อน เดี๋ยวเรามาคุยเรื่องธุรกิจกัน”

จ้าวเฉียนพยักหน้า และรีบเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันโดนไว ทุกอากัปกิริยาเสร็จสิ้นภายในเวลาไม่ถึงห้านาที จากนั้นเขาก็ตรงมานั่งที่โต๊ะกินข้าว

เหรินจายซวนส่งช้อนซ้อมในมือให้และทั้งสองก็เริ่มรับประทานอาหารกันทันที

จ้าวเฉียนไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไหร่ พอกินไปได้ไม่กี่คำเขาก็รอให้เหรินจานซวนเกริ่นขึ้นมา

ผ่านไปสักพัก ขณะที่เหรินจานซวนกินใกล้เสร็จ ในที่สุดเธอก็เอ่ยถามขึ้นตามตรงว่า

“คุณจ้าว สนใจซื้อหุ้นในมือฉันต่อไหม?”

จ้าวเฉียนวางตะเกียบในมือลงทันใด พยักหน้าตอบทันทีว่า

“พูดตามตรงนะครับ ผมต้องการหุ้นในมือคุณ ตราบใดที่ราคาไม่สูงเกินไป ผมจะไม่ต่อรองใดๆ”

เหรินจานซวนพยักหน้าและเอ่ยถามขึ้นว่า

“สิ่งที่ฉันสนใจไม่ใช่ตัวเงินค่ะ แต่เป็นความสามารถของคุณ ถ้าฉันต้องการให้คุณเขี่ยผู้ถือหุ้นคนอื่นๆออกไปได้ในการประชุมครั้งหน้า คุณจะทำได้ไหมค่ะ?”

เรื่องที่เธอขอมามันค่อนข้างยากเลยแหละ ผู้ถือหุ้นที่เธอว่าต้องหมายถึงจางต้าเฉินแน่นอน และคนอย่างเขาไม่มีทางละทิ้งอนาคตอันสดใสในมือไปง่ายๆแน่นอน

หากจ้าวเฉียนยืนกรานขับไล่คนพวกนี้ออกไปจากสถานะผู้ถือหุ้น ผลที่จะตามมาเขาจะต้องสูญเสียหนักเกินจินตนาการแน่นอน และบางทีท้ายที่สุด เขาอาจต้องควักเงินมาใช้เพื่อจบปัญหานี้มากกว่าตอนซื้อฮวาหยินกรุ๊ปด้วยซ้ำ

พอเห็นว่าจ้าวเฉียนมีท่าทีลังเลใจ เหรินจานซวนจึงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งว่า

“ทำไมเหรอค่ะ? หรือคุณไม่มั่นใจ?”

จ้าวเฉียนยิ้มแห้งตอบไปว่า

“ไม่ใช่ว่าผมไม่มั่นใจไม่ความสามารถตัวเอง แต่ผมคิดว่ามันไม่คุ้มที่จะเสี่ยงเท่าไหร่ ผมสามารถกว่านซื้อหุ้นจัดการพวกเขาให้หมดฤทธิ์ได้ก็จริง แต่นั้นต้องใช้เงินในจำนวนที่มหาศาลมาก”

แววตาของเหรินจานซวนเย็นยะเยือกลงทันทีหลายส่วน จู่ๆเธอพลันแสยะยิ้มแปลกๆขึ้นบนมุมปาและกล่าวขึ้นว่า

“ในเมื่อคนพวกนั้นใช้วิธีสกปรกพยายามกำจัดฉันได้ แล้วทำไมคุณจะทำไม่ได้ คุณจ้าว บางทีเราก็ไม่ต้องเล่นตามกติกาเสมอไป คุณมีเพื่อนอยู่สองสามคนในวงการใต้ดินไม่ใช่เหรอค่ะ? เข้าใจความหมายที่ฉันพูดรึเปล่า?”

จ้าวเฉียนที่นั่งตัวตรงถึงกับเอนหลังไปพิงเก้าอีทันใด สายตาคู่นั้นของเขาหรี่แคบจับจ้องยังเหรินจานซวนไม่มีท่าทีละออก

พอเห็นท่าทางการแสดงออกของจ้าวเฉียนเป็นแบบนั้น เธอก็เอ่ยถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า

“ทำไมคุณจ้าวถึงมองฉันแบบนี้ค่ะ? มีอะไรติดหน้าฉันรึเปล่า?”

“คุณเหริน ผมของสารภาพตามตรงนะ ผมไม่เคยเลือกใช้วิธีนอกกฎหมายมาเพื่อแข่งขันกับศัตรูทางธุรกิจ เว้นเสียแต่เขาจะล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวของผมมากเกินไป มันก็จริงที่จางต้าเฉินใช้วิธีสกปรกเล่นงานคุณ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องใช้วิธีสกปรกลดตัวลงไปเล่นกับอีกฝ่าย? ถ้าหมาวิ่งไล่กัด จำเป็นไหมที่คุณต้องกัดมันตอบ?”

จ้าวเฉียนถามสวนกลับไปเจือน้ำเสียงเคร่งขรึมเล็กน้อย

ใบหน้าของเหรินจานซวนแปรเปลี่ยนเป็นสัแดงระเรือ หลังจากได้ยินแบบนั้น เธอไม่กล้าเอ่ยตอบอะไรสักคำ

คำว่า วงการธุรกิจ ในอุดมคติของจ้าวเฉียนคือ เขาไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีสกปรกเพียงใดมาเล่นงานเขา แต่การที่ตอบโต้อีกฝ่ายกลับไปได้ด้วยวิธีใสสะอาด มันสื่อให้เห็นว่าตัวเขาเหนือชั้นกว่าอีกฝ่ายแค่ไหน และที่สำคัญคือขึ้นชื่อว่า ธุรกิจ มันไม่มีสีขาวหรือดำ ทั้งหมดล้วนเป็นสีเทาทั้งสิ้น ถ้าคุณยอมรับในจุดนี้ไม่ได้ก็ไม่ควรย่างกรายเข้ามาตั้งแต่แรก แต่สำหรับเหรินจานซวน จ้าวเฉียนเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่า เธอจะตีความหมายออกไปยังไง

หลังจากลังเลอยู่นาน เหรินจานซวนก็ปริปากกล่าวขึ้นมาอีกครั้งว่า

“ในเมื่อคุณจ้าวไม่เห็นด้วยกับวิธีการของฉัน งั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัว ขอบคุณสำหรับที่พักแรมเมื่อคืนค่ะ”

หลังจากพูดจบ เหรินจานซวนก็ขึ้นไปเก็บของชั้นบน และออกจากบ้านจ้าวเฉียนไปทันที

จ้าวเฉียนเองก็ไม่ได้สนใจเธอขนาดนั้นเช่นกัน แค่หยิบจานข้าวบนโต๊ะไปล้างตามปกติ

เนื่องด้วยวิธีการคิดระหว่างจ้าวเฉียนกับเหรินจานซวนอาจจะไม่เหมือนกัน จึงทำให้บทสรุปลงเอยเช่นนี้ ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ติดใจอะไรเช่นกัน

เพียงว่า จ้าวเฉียนต้องการลงทุนในบริษัทที่ดีและมั่นคง โดยไม่นำเรื่องพวกนี้มาข้องเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว เขาไม่อยากเล่นนอกกติกาเพื่อกำจัดผู้อื่น

เท่าที่ฟังจากน้ำเสียงและคำพูดของเหรินจานซวนจะเห็นได้ชัดว่า เธอไม่ได้ต้องการเพียงแค่ปกครองเซียนเหว่ย เทคโนโลยีอย่างเดียว แต่เธอยังต้องการแก้แค้นสิ่งที่จางต้าเฉินทำกับเธออีกด้วย เห็นได้ชัดว่านี่มันเอาเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมาปนกันชัดๆ

แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่า ความคิดของเธอจะผิด เพียงว่าแนวคิดระหว่างเธอกับจ้าวเฉียนอยู่คนละตำแหน่งกันเท่านั้นเอง

พอจ้าวเฉียนล้างจานเสร็จก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว และออกไปวิ่งในหมู่บ้าน

หลังจากวิ่งได้ประมาณสิบนาที หวู่เสี่ยวหัวก็โทรเข้ามาหา

“สวัสดีค่ะคุณชายจ้าว ธุรกรรมการโอนหุ้นเสร็จสมบูรณ์แล้วนะคะ หุ้นทั้งหมดของฮวาหยินกรุ๊ปในบัญชีของฟู่ไห่ ถูกโอนไปยังชื่อของคุณชายหมดแล้ว ตอนนี้คุณชายขึ้นกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของฮวาหยินกรุ๊ปอย่างเป็นทางการแล้ว ด้วยสัดส่วนหุ้นทั้งหมด53%”

จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะร่า กล่าวชมเชยทันที

“ทำได้ดีมาก คราวนี้ปิดงานได้สวย ฉันจะโทรหาพ่อคุณหลังจากนี้ และขอให้เขาเพิ่มโบนัสสิ้นปีให้คุณสักหน่อย”

หวู่เสี่ยวหัวรีบกล่าวขอบคุณโดยไว

“ขอบคุณมากเลยค่ะคุณชายจ้าว นี่เป็นหน้าที่ของดิฉันอยู่แล้ว หลังจากนี้ถ้าคุณชายจ้าวต้องการอะไรอีกสั่งได้ตลอดเลยนะคะ พวกเราพร้อมทำงานให้คุณชายจ้าวเสมอค่ะ”

“ฮ่าฮ่า…ถ้าไม่มีอะไรแล้ว คุณไปทำงานต่อเถอะ แค่นี้นะครับ”

กล่าวลากันจบจ้าวเฉียนก็กดวางสายและวิ่งกลับบ้านไป พออาบน้ำล้างเหงื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เขาก็โทรหาหวานเจียงต่อทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 231 สองแนวคิดที่แตกต่าง

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 231 สองแนวคิดที่แตกต่าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่231 สองแนวคิดที่แตกต่าง

เหรินจานซวนเข้าใจความหมายของจ้าวเฉียนดีว่าหมายถึงอะไร แต่เรื่องนี้มันค่อนข้างละเอียดอ่อนกับใจเธอมาก ในแง่ของความรู้สึกส่วนตัว นี่เป็นบริษัทที่พ่อใช้ความอุสาหะอย่างยิ่งกว่าจะสร้างขึ้นมายิ่งใหญ่ได้แบบนี้ เธอจึงไม่เต็มใจปล่อยให้หลุดมือไปแน่นอน แต่ภาตใต้สถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน กลับยากเกินกว่าจะตัดสินใจ

จ้าวเฉียนเห็นว่าเธอดูลังเลจึงกล่าวเสริมต่อว่า

“อันที่จริงคุณเองก็คงเข้าใจว่าผมหมายความว่ายังไง ลองกลับไปค่อยๆคิดไตรตรองก่อนก็ได้ นี่นามบัตรผม ถ้าได้คำตอบแล้วโทรหาผมได้ทุกเมื่อ”

เหรินจานซวนรับนามบัตรของจ้าวเฉียนและพยักหน้าเบาๆตอบไปว่า

“ตกลงค่ะ หนูจะให้คำตอบโดยเร็วที่สุด กลับกันเถอะค่ะ วันนี้หนูเหนื่อยมากจริงๆ”

จ้าวาฉัยนพยักหน้าตกลงและขับพาเธอไปกลับไปที่บ้านทันที ในขั้นต้นเหรินจานซวนต้องการจะกลับเข้าบ้านเพื่อพักผ่อน แต่พอไปถึงกลับพบว่า มีชายกลุ่มหนึ่งดักรออยู่หน้าคฤหาสน์ของเธอ

เหรินจานซวนเปลี่ยนใจในทันทีและหันไปรีบกล่าวกับจ้าวเฉียนว่า

“คุณจ้าว ไปที่บ้านของคุณแทนเถอะ”

จ้าวเฉียนเองก็เห็นคนพวกนั้นเช่นกัน ดังนั้นจึงเลี้ยวรถกลับขับตรงไปยังคฤหสาน์ของเขาแทนทันที

ในไม่ช้า ทั้งสองก็มาถึงคฤหสาน์ของจ้าวเฉียน

จ้าวเฉียนเอ่ยถามขึ้นว่า

“คุณเหริน จะรอให้คนพวกนั้นไปแล้วให้ผมไปส่งที่บ้านคุณ หรือคืนนี้จะนอนค้างบ้านผมเลย จะได้ขึ้นไปเตรียมห้องให้ ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวคืนนี้ผมนอนอยู่ชั้นล่างเอง ไม่ทำอะไรคุณแน่นอน”

เหรินจานซวนรีบตอบกลับว่า

“ขอบคุณนะคะคุณจ้าว ยังไงก็ขอรบกวนค้างที่นี่ก่อนคืนหนึ่ง หลังจากนี้คงพยายามคิดหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้ อืม…หนูควรทำยังไงดี?”

แน่นอนสำหรับเหรินจานซวนในปัจจุบัน วิธีที่ดีที่สุดคือ การเทขายหุ้นในมือทิ้งไปเพื่อตัดปัญหา ตราบใดที่เธอยังถือหุ้นอยู่แบบนี้ มีหวังจางต้าเฉินตามรังควานเธอไม่เลิกแน่นอน

แต่อย่างไร นี่เป็นบริษัทที่พ่ออุตส่าห์สร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรง คงเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่เธอจะยอมปล่อยไปง่ายๆ เธอเงียบลงไปพักใหญ่ เห็นแบบนั้นจ้าวเฉียนก็รู้สึกอายเกินกว่าจะถามย้ำว่า ตกลงเธอจะขายหุ้นออกไปหรือไม่

สุดท้ายจ้าวเฉียนก็ทำได้เพียงกล่าวปลอบไปว่า

“อย่าคิดมากไปเลย มีทางขึ้นก็ต้องมีทางลง เดี๋ยวค่อยๆคิดหาวิธีแก้ไปทีละปม”

เหรินจานซวนพยักหน้าและกล่าวว่า

“ถ้าอย่างนั้น หนูรบกวนค้างแรมกับคุณจ้าวคืนหนึ่งนะคะ ระหว่างจะคิดดูให้ถี่ถ้วนสำหรับเรื่องขายหุ้น”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและพาเหรินจานซวนขึ้นไปที่ห้องพักชั้นสอง

“คุณนอนห้องนี้จะเหมาะกว่านะ ถ้าตกดึกอยากเข้าห้องน้ำห้องนี้ก็มีห้องน้ำในตัว แล้วก็นะ…คุณไม่ต้องเรียกแทนตัวเองว่าหนูก็ได้ ฟังแล้วดูแปลกๆ”

ถ้าจะให้พูดตามตรง เหรินจานซวนน่าจะอายุพอๆกับเหลียวเซียวหยุน การจะเรียกแทนตัวเองว่าหนูดูจะขัดหูเกินไปหน่อยจริงๆ

เหรินจานซวนเป็นหญิงสาวที่สุภาพอย่างมากจริงๆ เธอโค้งศีรษะให้จ้าวเฉียนไปทีหนึ่งพร้อมกล่าวขอบคุณ ส่วนจ้าวเฉียนก็เดินลงไปนอนที่ห้องรับแขกข้างล่างแทน

ขณะที่จ้าวเฉียนนอนเล่นอยู่บนโซฟา เขาก็เข้าอินเทอร์เน็ตค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเซียนเหว่ย เทคโนโลยีเพิ่มเติม ซึ่งยิ่งอ่านมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งสนใจบริษัทนี้มากยิ่งขึ้น

บริษัทด้านนวัตกรรมแตกต่างไปจากบริษัทสื่อบันเทิง, บริษัทเกม หรือบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์โดยสิ้นเชิง กล่าวได้ว่าเป็นแหล่งผลิตปัจจัยอีกหนึ่งข้อที่มนุษย์ในปัจจุบันไม่สามารถขาดได้ อาทิ อินเทอร์เน็ต ซิมการ์ด และโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆที่ทำให้ชีวิตประจำวันของผู้คนสะดวกขึ้น

ถ้าเขาสามารถครอบครองที่แห่งนี้ได้ ไม่เพียงแต่จ้าวเฉียนจะสามารถทำเงินได้อย่างมหาศาลต่อปี ที่ยังจะได้รับสถานะทางสังคมที่สูงลิบลิว แตกต่างจากพวกนักธุรกิจทั่วไปโดยสิ้นเชิง แต่ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดคือ บริษัทแบบนี้มีเงินอย่างเดียวก็ซื้อไม่ได้

จ้าวเฉีนอ่านข้าวทั้งหมดในโลกอินเตอร์เน็ต และผล็อบหลับไปโดยไม่รู้ตัว

เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ปาเข้าไปเก้าโมงเช้าแล้ว

จ้าวฉียลุกขึ้นจากโซฟาก็พลันเหลือบไปเห็นเหรินจานซวนที่กำลังทำอาหารเช้าอยู่ พอเธอเห็นว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้วจึงเอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้มหวานว่า

“ตื่นแล้วเหรอค่ะ? มากินข้าวกันเร็ว”

จ้าวเฉียนเดินตรงออกจากห้องรับแขก พอเห็นเหรินจานซวนทำอาหารเช้าตั้งบนโต๊ะเสร็จสรรพ จึงหัวเราะตอบกลับไปว่า

“ฉันนี่เป็นเจ้าบ้านที่ไม่ได้เรื่องเลยแหะ ปล่อยให้แขกต้องตื่นมาทำกับข้าวให้”

เหรินจานซวนหัวเราะคิดคักพลางตอบไปว่า

“แค่เมนูง่ายๆเองไม่ได้ยากอะไรเลยค่ะ ไปล้างหน้าแปรงฟันก่อน เดี๋ยวเรามาคุยเรื่องธุรกิจกัน”

จ้าวเฉียนพยักหน้า และรีบเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันโดนไว ทุกอากัปกิริยาเสร็จสิ้นภายในเวลาไม่ถึงห้านาที จากนั้นเขาก็ตรงมานั่งที่โต๊ะกินข้าว

เหรินจายซวนส่งช้อนซ้อมในมือให้และทั้งสองก็เริ่มรับประทานอาหารกันทันที

จ้าวเฉียนไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไหร่ พอกินไปได้ไม่กี่คำเขาก็รอให้เหรินจานซวนเกริ่นขึ้นมา

ผ่านไปสักพัก ขณะที่เหรินจานซวนกินใกล้เสร็จ ในที่สุดเธอก็เอ่ยถามขึ้นตามตรงว่า

“คุณจ้าว สนใจซื้อหุ้นในมือฉันต่อไหม?”

จ้าวเฉียนวางตะเกียบในมือลงทันใด พยักหน้าตอบทันทีว่า

“พูดตามตรงนะครับ ผมต้องการหุ้นในมือคุณ ตราบใดที่ราคาไม่สูงเกินไป ผมจะไม่ต่อรองใดๆ”

เหรินจานซวนพยักหน้าและเอ่ยถามขึ้นว่า

“สิ่งที่ฉันสนใจไม่ใช่ตัวเงินค่ะ แต่เป็นความสามารถของคุณ ถ้าฉันต้องการให้คุณเขี่ยผู้ถือหุ้นคนอื่นๆออกไปได้ในการประชุมครั้งหน้า คุณจะทำได้ไหมค่ะ?”

เรื่องที่เธอขอมามันค่อนข้างยากเลยแหละ ผู้ถือหุ้นที่เธอว่าต้องหมายถึงจางต้าเฉินแน่นอน และคนอย่างเขาไม่มีทางละทิ้งอนาคตอันสดใสในมือไปง่ายๆแน่นอน

หากจ้าวเฉียนยืนกรานขับไล่คนพวกนี้ออกไปจากสถานะผู้ถือหุ้น ผลที่จะตามมาเขาจะต้องสูญเสียหนักเกินจินตนาการแน่นอน และบางทีท้ายที่สุด เขาอาจต้องควักเงินมาใช้เพื่อจบปัญหานี้มากกว่าตอนซื้อฮวาหยินกรุ๊ปด้วยซ้ำ

พอเห็นว่าจ้าวเฉียนมีท่าทีลังเลใจ เหรินจานซวนจึงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งว่า

“ทำไมเหรอค่ะ? หรือคุณไม่มั่นใจ?”

จ้าวเฉียนยิ้มแห้งตอบไปว่า

“ไม่ใช่ว่าผมไม่มั่นใจไม่ความสามารถตัวเอง แต่ผมคิดว่ามันไม่คุ้มที่จะเสี่ยงเท่าไหร่ ผมสามารถกว่านซื้อหุ้นจัดการพวกเขาให้หมดฤทธิ์ได้ก็จริง แต่นั้นต้องใช้เงินในจำนวนที่มหาศาลมาก”

แววตาของเหรินจานซวนเย็นยะเยือกลงทันทีหลายส่วน จู่ๆเธอพลันแสยะยิ้มแปลกๆขึ้นบนมุมปาและกล่าวขึ้นว่า

“ในเมื่อคนพวกนั้นใช้วิธีสกปรกพยายามกำจัดฉันได้ แล้วทำไมคุณจะทำไม่ได้ คุณจ้าว บางทีเราก็ไม่ต้องเล่นตามกติกาเสมอไป คุณมีเพื่อนอยู่สองสามคนในวงการใต้ดินไม่ใช่เหรอค่ะ? เข้าใจความหมายที่ฉันพูดรึเปล่า?”

จ้าวเฉียนที่นั่งตัวตรงถึงกับเอนหลังไปพิงเก้าอีทันใด สายตาคู่นั้นของเขาหรี่แคบจับจ้องยังเหรินจานซวนไม่มีท่าทีละออก

พอเห็นท่าทางการแสดงออกของจ้าวเฉียนเป็นแบบนั้น เธอก็เอ่ยถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า

“ทำไมคุณจ้าวถึงมองฉันแบบนี้ค่ะ? มีอะไรติดหน้าฉันรึเปล่า?”

“คุณเหริน ผมของสารภาพตามตรงนะ ผมไม่เคยเลือกใช้วิธีนอกกฎหมายมาเพื่อแข่งขันกับศัตรูทางธุรกิจ เว้นเสียแต่เขาจะล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวของผมมากเกินไป มันก็จริงที่จางต้าเฉินใช้วิธีสกปรกเล่นงานคุณ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องใช้วิธีสกปรกลดตัวลงไปเล่นกับอีกฝ่าย? ถ้าหมาวิ่งไล่กัด จำเป็นไหมที่คุณต้องกัดมันตอบ?”

จ้าวเฉียนถามสวนกลับไปเจือน้ำเสียงเคร่งขรึมเล็กน้อย

ใบหน้าของเหรินจานซวนแปรเปลี่ยนเป็นสัแดงระเรือ หลังจากได้ยินแบบนั้น เธอไม่กล้าเอ่ยตอบอะไรสักคำ

คำว่า วงการธุรกิจ ในอุดมคติของจ้าวเฉียนคือ เขาไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีสกปรกเพียงใดมาเล่นงานเขา แต่การที่ตอบโต้อีกฝ่ายกลับไปได้ด้วยวิธีใสสะอาด มันสื่อให้เห็นว่าตัวเขาเหนือชั้นกว่าอีกฝ่ายแค่ไหน และที่สำคัญคือขึ้นชื่อว่า ธุรกิจ มันไม่มีสีขาวหรือดำ ทั้งหมดล้วนเป็นสีเทาทั้งสิ้น ถ้าคุณยอมรับในจุดนี้ไม่ได้ก็ไม่ควรย่างกรายเข้ามาตั้งแต่แรก แต่สำหรับเหรินจานซวน จ้าวเฉียนเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่า เธอจะตีความหมายออกไปยังไง

หลังจากลังเลอยู่นาน เหรินจานซวนก็ปริปากกล่าวขึ้นมาอีกครั้งว่า

“ในเมื่อคุณจ้าวไม่เห็นด้วยกับวิธีการของฉัน งั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัว ขอบคุณสำหรับที่พักแรมเมื่อคืนค่ะ”

หลังจากพูดจบ เหรินจานซวนก็ขึ้นไปเก็บของชั้นบน และออกจากบ้านจ้าวเฉียนไปทันที

จ้าวเฉียนเองก็ไม่ได้สนใจเธอขนาดนั้นเช่นกัน แค่หยิบจานข้าวบนโต๊ะไปล้างตามปกติ

เนื่องด้วยวิธีการคิดระหว่างจ้าวเฉียนกับเหรินจานซวนอาจจะไม่เหมือนกัน จึงทำให้บทสรุปลงเอยเช่นนี้ ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ติดใจอะไรเช่นกัน

เพียงว่า จ้าวเฉียนต้องการลงทุนในบริษัทที่ดีและมั่นคง โดยไม่นำเรื่องพวกนี้มาข้องเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว เขาไม่อยากเล่นนอกกติกาเพื่อกำจัดผู้อื่น

เท่าที่ฟังจากน้ำเสียงและคำพูดของเหรินจานซวนจะเห็นได้ชัดว่า เธอไม่ได้ต้องการเพียงแค่ปกครองเซียนเหว่ย เทคโนโลยีอย่างเดียว แต่เธอยังต้องการแก้แค้นสิ่งที่จางต้าเฉินทำกับเธออีกด้วย เห็นได้ชัดว่านี่มันเอาเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมาปนกันชัดๆ

แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่า ความคิดของเธอจะผิด เพียงว่าแนวคิดระหว่างเธอกับจ้าวเฉียนอยู่คนละตำแหน่งกันเท่านั้นเอง

พอจ้าวเฉียนล้างจานเสร็จก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว และออกไปวิ่งในหมู่บ้าน

หลังจากวิ่งได้ประมาณสิบนาที หวู่เสี่ยวหัวก็โทรเข้ามาหา

“สวัสดีค่ะคุณชายจ้าว ธุรกรรมการโอนหุ้นเสร็จสมบูรณ์แล้วนะคะ หุ้นทั้งหมดของฮวาหยินกรุ๊ปในบัญชีของฟู่ไห่ ถูกโอนไปยังชื่อของคุณชายหมดแล้ว ตอนนี้คุณชายขึ้นกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของฮวาหยินกรุ๊ปอย่างเป็นทางการแล้ว ด้วยสัดส่วนหุ้นทั้งหมด53%”

จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะร่า กล่าวชมเชยทันที

“ทำได้ดีมาก คราวนี้ปิดงานได้สวย ฉันจะโทรหาพ่อคุณหลังจากนี้ และขอให้เขาเพิ่มโบนัสสิ้นปีให้คุณสักหน่อย”

หวู่เสี่ยวหัวรีบกล่าวขอบคุณโดยไว

“ขอบคุณมากเลยค่ะคุณชายจ้าว นี่เป็นหน้าที่ของดิฉันอยู่แล้ว หลังจากนี้ถ้าคุณชายจ้าวต้องการอะไรอีกสั่งได้ตลอดเลยนะคะ พวกเราพร้อมทำงานให้คุณชายจ้าวเสมอค่ะ”

“ฮ่าฮ่า…ถ้าไม่มีอะไรแล้ว คุณไปทำงานต่อเถอะ แค่นี้นะครับ”

กล่าวลากันจบจ้าวเฉียนก็กดวางสายและวิ่งกลับบ้านไป พออาบน้ำล้างเหงื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เขาก็โทรหาหวานเจียงต่อทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+