ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 306 ข่าวดีจากหวานเจียง

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 306 ข่าวดีจากหวานเจียง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่306 ข่าวดีจากหวานเจียง

โจวเจียงเฉินอารมณ์ดีอย่างมี รีบชนแก้วกับจ้าวเฉียนทันที

จ้าวเฉียนเป็นเจ้าภาพมื้ออาหารนี้ดังนั้นเขาควรที่จะเป็นฝ่ายริเริ่มชนแก้วก่อน

แต่โจวเจียงเฉินอาสายกแก้วชูขึ้นก่อนแบบนี้แสดงว่าให้เกียรติจ้าวเฉียนมากจริงๆ ซึ่งนี่แสดงให้เห็นมากพอแล้วว่าเขากำลังมีความสุขแค่ไหน

ทว่ายังไงก็ต้องทำงานต่อตอนบ่าย อย่างไรเสียโจวเจียงเฉินไม่สนใจ วันนี้มีแต่เรื่องดีๆ เข้ามาในชีวิต มีหรือจะหยุดดื่มง่ายๆ?

พอชางหย่าเห็นว่าใบหน้าของโจวเจียงเฉินเริ่มแดงก่ำขึ้นเล็กน้อย เธอจึงรีบหยุดทันทีโดยกล่าวว่า

“โอเค โอเค พอได้แล้ว คุณต้องไปทำงานต่อตอนบ่ายนะ จะมาเมาแบบนี้ไม่ได้ ถ้าคนอื่นเห็นเข้าจะว่ายังไง?”

ข้อเท็จจริงข้อนี้ โจวเจียงเฉินย่อมเข้าใจเป็นธรรมชาติ แต่ตอนนี้เขากำลังมีความสุขมากจริงๆ จึงอดไม่ได้ที่จะยกขึ้นกระดกอีกแก้ว

ชางหย่าก็พยายามเกลี้ยกล่อมเขาอยู่นาน จนในที่สุดต้องชำเลืองขอความช่วยเหลือจากลูกสาว

โจวเหว่ยซูย่อมเข้าใจดีว่าแม่ต้องการอะไร เธอจึงกล่าวขึ้นทันทีว่า

“หยุดดื่มได้แล้ว เดี๋ยวก็ทำงานตอนบ่ายไม่ไหวกันพอดี!”

โจวเจียงเฉินวางแก้วลงทันใด ระเบิดหัวเราะร่ากล่าวขึ้นว่า

“ได้ ได้ ฮ่าฮ่า…ถ้าลูกสาวบอกไม่ให้ดื่มต่อก็คือไม่ดื่มต่อ จ้าวเฉียน วันหลังพวกเราค่อยไปดื่มกันเถอะ ไม่เมาไม่กลับ!”

พอโจวเจียงเฉินกล่าวจบ จ้าวเฉียนก็พยักหน้าและลุกขึ้นไปพยุงร่างอีกฝ่ายพากลับทันที

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก โจวเจียงเฉินออกจากโรงแรมหยานจิ้งไปพร้อมกับชางหย่าและลูกสาวของเขา

หวางอวี่จุนเอ่ยถามเสียงต่ำว่า

“คุณชายจ้าว เรียบร้อยดีแล้วเหรอครับ?”

จ้าวเฉียนไม่ค่อยแน่ใจเช่นกันว่า มันจะเรียบร้อยดีจริงๆ ใช่ไหม ดังนั้นเขาจึงตอบไปเพียงว่า

“ยังยืนยันอะไรไม่ได้ ต้องคอยดูต่อไปก่อน”

หลังจากวันที่สุดแสนจะวุ่นวายผ่านพ้นไป จ้าวเฉียนก็เดินทางกลับถึงบ้านช่วงหัวค่ำ

จ้าวฝู่คอยเฝ้าติดตามสถานการณ์ของลูกชายตัวเองอยู่เสมอ พอเห็นอีกฝ่ายกลับมาจึงรีบถามขึ้นทันทีว่า เป็นยังไงบ้าง

จ้าวเฉียนไม่คิดจะปิดบังพ่อของเขาเช่นกัน และเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้จ้าวฝู่ฟังแบบตัวต่อตัว

จ้าวฝู่รู้สึกไม่ค่อยพอใจเล็กน้อยและกล่าวว่า

“แต่แกคบอยู่กับแม่สาวฮวาหยินกรุ๊ปอยู่ไม่ใช่เหรอไง? ถ้าเวลานี้แกยังจะไปพัวพันอยู่กับลูกสาวของโจวเจียงเฉิน พอสลับรางไม่ทันขึ้นมาชิบหายเลยนะลูกพ่อ ฉันขอเตือนแกไว้ก่อน สิ่งที่ฉันกับแม่ของแกต้องการที่สุดคือการอุ้มหลาน! ยิ่งเร็วยิ่งดี ส่วนที่ว่าจะเลือกใครก็ตามใจแกเถอะ อย่ามายุ่งกับฉัน!”

จ้าวเฉียนปาดเหงื่อบนหน้าผากเล็กน้อยและกล่าวตอบไปว่า

“พ่อ เรื่องแบบนี้ต้องขึ้นอยู่กับโชคชะตา ผมยังไม่อยากด่วนตัดสินใจกับเหตุการณ์สำคัญในชีวิตแบบนี้ แต่ยังไงก็ช่วยกันไม่ให้โจวเจียงเฉินเอาผมไปเป็นลูกเขยบ้านนั้นเลยนะ”

ในมุมมองของจ้าวฝู่ ยิ่งผลักดันให้จ้าวเฉียนแต่งงานและมีลูกเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ตระกูลจ้าวของเขาไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง สิ่งเดียวที่อาณาจักรธุรกิจของตระกูลจ้าวขาดไปจริงๆ คือ ทรัพยากรคน ดังนั้นจ้าวเฉียนควรจะรีบมีทายาทเยอะๆ เพื่อมาช่วยบริหารกิจการทางบ้านได้แล้ว

พอได้ยินจ้าวเฉียนพยายามผลักความรับผิดชอบให้เขาแบบนี้ จ้าวฝู่ก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่

“ถ้าอย่างนั้นแกไม่ต้องสนใจพวกตระกูลหัวแล้ว ตอนนี้แกรีบกลับไปเมืองตงไห่วางแผนชีวิตกับแม่สาวฮวาหยินกรุ๊ปได้แล้ว ที่เหลือตรงนี้เดี๋ยวพ่อจัดการให้!”

“พ่อ เลิกผลักไสกันได้แล้ว ถ้ากลับมาหยานจิ้งคราวหน้า แล้วไม่เจอหน้าพ่อกับปู่ขึ้นมาจะทำยังไง?”

“หน๊อย…ไอ้ลูกเวร! นี่แกพูดอะไรออกมา? กำลังแช่งพ่อแช่งปู่แกให้ตายอยู่รึไง?”

จ้าวเฉียนกล่าวตอบน้ำเสียงจริงจังว่า

“ผมไม่ได้พูดเล่นนะ พ่อบอกเองไม่ใช่เหรอว่า เวลาหมาจนตรอกมันกัดไม่เลือก ถ้าผมกลับไปตอนนี้แล้วตระกูลหัวเกิดบ้าโจมตีขึ้นมาจะทำยังไง?”

จ้าวฝู่เองก็จนปัญญากับลูกชายคนนี้แล้วจริงๆ แต่มันเป็นความจริงอย่างที่ลูกชายเขาพูดไป ตอนนี้ตัวเขาเองก็ยุ่งกับกองเอกสารตรงหน้าจนแทบไม่มีเวลาทำอะไรแล้ว ส่วนพ่อของเขาเองก็แก่มากแล้ว จะให้มาออกโรงแบบตอนหนุ่มๆ ก็คงไม่ไหว

ท้ายที่สุดนี้จ้าวฝู่ทำได้เพียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยอมใจเจ้าลูกตัวดี

จ้าวเฉียนรีบเข้าห้องไปอาบน้ำและผล็อยหลับไประหว่างเล่นมือถือบนเตียง

เช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนที่จ้าวเฉียนจะตื่น จู่ๆ หวางอวี่จุนก็โทรเข้ามา

“ฮาโหล มีอะไรงั้นเหรอ?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามพลางหาวคำโต

ดูท่าหวางอวี่จุนจะดูตื่นเต้นอย่างมาก เขารีบเอ่ยตอบเสียงดังลั่นว่า

“คุณชายจ้าว! ข่าวดีครับข่าวดี! ตอนนี้ทางบริษัทเมล็ดพืชการาจได้โทรมาบอกผมแล้วว่า เขาจะส่งคนมาคุยเรื่องสัญญาคาวมร่วมมือกับทางเรา ดูเหมือนว่ามื้ออาหารเที่ยงเมื่อวานจะไม่เสียเปล่านะครับ!”

จ้าวเฉียนได้ยินแบบนั้นก็ตาโตขึ้นทันควัน นี่มันข่าวดีจริงๆ

“ดีมากเลยแหละ ถ้าอย่างนั้นก็รีบจัดการให้เรียบร้อย แล้วอย่าเพิ่งเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป รอให้เราดีลกับทางบริษัทไชน่าปิโตรเคมีให้เสร็จก่อน ค่อยประกาศให้พวกท่าเรือหัวหงายหลังไปเลย!”

จ้าวเฉียนกล่าวชี้แจงแผนการต่อไปอย่างใจเย็น

“เข้าใจแล้วครับ ไม่ต้องห่วงคุณชายจ้าว ผมจะรีบจัดการเรื่องสัญญาให้เสร็จภายในวันนี้ ทั้งหมดก็เพราะความพยายามอุตสาหะของคุณชายจ้าว ขอบคุณมากเลยครับ!”

“อืม แค่นี้แหละ ฉันขอตัวงีบต่อล่ะ”

จ้าวเฉียนกดวางสายโยนมือถือไว้ข้างเตียง และยืดเหยียดเส้นสายด้วยความสุขใจ

แต่ไม่นานหลังจากนั้น เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง พอหยิบขึ้นมาดูปรากฏว่าเป็นหวานเจียง

จ้าวเฉียนจ้องมองชื่อบนหน้าจออยู่สักครู่ แต่สุดท้ายก็ยังกดรับสายและเอ่ยถามขึ้นว่า

“ฮาโหล ว่าไง?”

น้ำเสียงของหวานเจียงฟังดูจริงจังอย่างมาก เธอกล่าวตอบไปว่า

“ฉันจะมารายงานผลน่ะ ฉันเพิ่งตกลงกับทางหัวโหย่ว เราจะลงทุนร้อยล้านในหัวโหย่ว แลกกับหุ้นส่วน35% ในอนาคตถ้าเกมไหนของหัวโหย่วทำรายได้สูงสุด ทางฮวาหยินกรุ๊ปของเราจะเอาเกมนั้นมาดัดแปลงเป็นหนังและซีรีย์”

จ้าวเฉียนนั่งตัวตรงแน่วในทันใด เอ่ยถามขึ้นว่า

“ฝ่ายเรามีหุ้น35% แล้วทางเหลียวปี้ซ่งมีเท่าไหร่?”

“ประมาณ38%”

“อืมเข้าใจแล้ว มีอะไรอีกไหม?”

หวางเจียงนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ อันที่จริงแล้วจุดประสงค์หลักของเธอที่โทรมาหาก็คือ ต้องการจะถามเขาว่าเมื่อไหร่จะกลับ แต่สุดท้ายก็อายเกินกว่าจะกล้าเอ่ยถามไป

หลังจากสับสนรวนเรใจอยู่พักหนึ่ง หวางเจียงก็ตอบกลับไปว่า

“ไม่…ไม่มีอะไรแล้ว…”

จ้าวเฉียนก็ตามภาษาผู้ชายทั่วไป เขาไม่ได้คิดอะไรมากมาย กรนเสียงอืมและกดวางสายไปทันที

หวางเจียงโยนโทรศัพท์ในมือทิ้งโดยตรง สบถด่ากับตัวเองขึ้นว่า

“ตาบ้า! ตาบ้า! อย่างน้อยก็ควรถามฉันหน่อยไหมว่า เธอสบายดีหรือเปล่า! แล้วเมื่อไหร่หมอนี่จะกลับมาสักที?”

ขณะที่หวานเจียงกำลังงอนอยู่ จ้าวเฉียนก็กำลังอารมณ์ดีไม่ใช่น้อย ดังนั้นเขาจึงโทรสายต่อไปหาดหลียวปี้เอ๋อร์ต่อโดยไว

เหลียวปี้เอ๋อร์กดรับสายอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า

“ฉันกำลังจะโทรหานายอยู่พอดี พี่ชายฉันเพิ่งเซ็นสัญญาร่วมมือกับฮวาหยินกรุ๊ปโดยจะร่วมลงทุน100ล้านแลกกับหุ้น35๔จากทั้งหมด ตอนนี้ฉันเข้าไปเช็คข้อมูลแล้ว หุ้นสุทธิที่พี่ชายฉันถืออยู่เหลือทั้งหมด38% ตอนนี้ฉันรวบรวมมาได้แค่17% สัญญาว่าจะชิงมาจากมือพี่ชายอีกสัก5%เป็นอย่างน้อย แต่ขอคิดแผนก่อนอีกทีหนึ่ง”

หวางเจียงมีหุ้นอยู่35% ส่วนเหลียวปี้เอ๋อร์มีหุ้นอยู่17% นั้นเท่ากับว่าเขามีหุ้นอยู่ในมือตอนนี้ถึง52% ซึ่งมันมากเพียงพอที่จะขึ้นกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของหัวโหย่วแล้ว

แม้ว่านี่จะยังไม่ถึงขั้นที่ควบคุมได้อย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ แต่ก็มากพอที่ใครหน้าไหนจะมาโค่นล้มได้แล้วเช่นกัน

จ้าวเฉียนรีบตอบกลับไปทันทีว่า

“ไม่ต้อง แค่17%นั้นแหละ ฉันพอใจแล้ว เดี๋ยวฉันโอนเงินให้ห้าสิบล้าน โอนหุ้นมาให้ฉันได้เลย ส่วน5%ที่ว่านั้นถ้าไม่อยากเกินความสามารถก็ลองดู ถ้าได้เดี๋ยวผมโอนไปให้เพิ่มอีก”

เหลียวปี้เอ๋อร์มีความสุขอย่างยิ่ง แทบไม่ต้องเหนื่อยอะไรมากมายก็ได้เงิน50ล้านมาใช้เล่น ส่วนที่ว่ารู้สึกเสียดายกับหุ้น17%นั้นไหม? คำตอบคือไม่เลย

“ตกลง ฉันจะพยายามให้ดีที่สุด มีอะไรจะให้รับใช้อีกไหม? ถ้าไม่มีแล้วก็แค่นี้นะ”

“ฮ่าฮ่า…ไม่มีแล้วครับ ผมจะรอข่าวดีจากคุณนะ”

จ้าวเฉียนวางสายไปทันทีหลังพูดจบ กระโดดนอนเล่นบนเตียงอย่างมีความสุข จากนั้นไม่นานก็รีบลุกไปอาบน้ำล้างตัว

ก่อนที่จะหยิบตระกล้าผ้าไปซัก จู่ๆ โจวเหว่ยซูก็โทรเข้ามา

“ฮาโหล คุณจ้าวว่างไหมค่ะ?”

“อืม วันนี้ผมว่างพอดี”

“ออกไปตีกอล์ฟกันเถอะ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยด้วย”

“ได้ครับ ส่งโลเคชั่นมาเลย เดี๋ยวผมจะรีบไป”

โจวเหว่ยซูกดวางสายและส่งโลเคชั่นดังกล่าวไปให้จ้าวเฉียนโดยเร็ว

หลังจากซักผ้าเสร็จ จ้าวเฉียนก็รีบเดินทางไปตาโลเคชั่นดังกล่าวทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 306 ข่าวดีจากหวานเจียง

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 306 ข่าวดีจากหวานเจียง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่306 ข่าวดีจากหวานเจียง

โจวเจียงเฉินอารมณ์ดีอย่างมี รีบชนแก้วกับจ้าวเฉียนทันที

จ้าวเฉียนเป็นเจ้าภาพมื้ออาหารนี้ดังนั้นเขาควรที่จะเป็นฝ่ายริเริ่มชนแก้วก่อน

แต่โจวเจียงเฉินอาสายกแก้วชูขึ้นก่อนแบบนี้แสดงว่าให้เกียรติจ้าวเฉียนมากจริงๆ ซึ่งนี่แสดงให้เห็นมากพอแล้วว่าเขากำลังมีความสุขแค่ไหน

ทว่ายังไงก็ต้องทำงานต่อตอนบ่าย อย่างไรเสียโจวเจียงเฉินไม่สนใจ วันนี้มีแต่เรื่องดีๆ เข้ามาในชีวิต มีหรือจะหยุดดื่มง่ายๆ?

พอชางหย่าเห็นว่าใบหน้าของโจวเจียงเฉินเริ่มแดงก่ำขึ้นเล็กน้อย เธอจึงรีบหยุดทันทีโดยกล่าวว่า

“โอเค โอเค พอได้แล้ว คุณต้องไปทำงานต่อตอนบ่ายนะ จะมาเมาแบบนี้ไม่ได้ ถ้าคนอื่นเห็นเข้าจะว่ายังไง?”

ข้อเท็จจริงข้อนี้ โจวเจียงเฉินย่อมเข้าใจเป็นธรรมชาติ แต่ตอนนี้เขากำลังมีความสุขมากจริงๆ จึงอดไม่ได้ที่จะยกขึ้นกระดกอีกแก้ว

ชางหย่าก็พยายามเกลี้ยกล่อมเขาอยู่นาน จนในที่สุดต้องชำเลืองขอความช่วยเหลือจากลูกสาว

โจวเหว่ยซูย่อมเข้าใจดีว่าแม่ต้องการอะไร เธอจึงกล่าวขึ้นทันทีว่า

“หยุดดื่มได้แล้ว เดี๋ยวก็ทำงานตอนบ่ายไม่ไหวกันพอดี!”

โจวเจียงเฉินวางแก้วลงทันใด ระเบิดหัวเราะร่ากล่าวขึ้นว่า

“ได้ ได้ ฮ่าฮ่า…ถ้าลูกสาวบอกไม่ให้ดื่มต่อก็คือไม่ดื่มต่อ จ้าวเฉียน วันหลังพวกเราค่อยไปดื่มกันเถอะ ไม่เมาไม่กลับ!”

พอโจวเจียงเฉินกล่าวจบ จ้าวเฉียนก็พยักหน้าและลุกขึ้นไปพยุงร่างอีกฝ่ายพากลับทันที

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก โจวเจียงเฉินออกจากโรงแรมหยานจิ้งไปพร้อมกับชางหย่าและลูกสาวของเขา

หวางอวี่จุนเอ่ยถามเสียงต่ำว่า

“คุณชายจ้าว เรียบร้อยดีแล้วเหรอครับ?”

จ้าวเฉียนไม่ค่อยแน่ใจเช่นกันว่า มันจะเรียบร้อยดีจริงๆ ใช่ไหม ดังนั้นเขาจึงตอบไปเพียงว่า

“ยังยืนยันอะไรไม่ได้ ต้องคอยดูต่อไปก่อน”

หลังจากวันที่สุดแสนจะวุ่นวายผ่านพ้นไป จ้าวเฉียนก็เดินทางกลับถึงบ้านช่วงหัวค่ำ

จ้าวฝู่คอยเฝ้าติดตามสถานการณ์ของลูกชายตัวเองอยู่เสมอ พอเห็นอีกฝ่ายกลับมาจึงรีบถามขึ้นทันทีว่า เป็นยังไงบ้าง

จ้าวเฉียนไม่คิดจะปิดบังพ่อของเขาเช่นกัน และเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้จ้าวฝู่ฟังแบบตัวต่อตัว

จ้าวฝู่รู้สึกไม่ค่อยพอใจเล็กน้อยและกล่าวว่า

“แต่แกคบอยู่กับแม่สาวฮวาหยินกรุ๊ปอยู่ไม่ใช่เหรอไง? ถ้าเวลานี้แกยังจะไปพัวพันอยู่กับลูกสาวของโจวเจียงเฉิน พอสลับรางไม่ทันขึ้นมาชิบหายเลยนะลูกพ่อ ฉันขอเตือนแกไว้ก่อน สิ่งที่ฉันกับแม่ของแกต้องการที่สุดคือการอุ้มหลาน! ยิ่งเร็วยิ่งดี ส่วนที่ว่าจะเลือกใครก็ตามใจแกเถอะ อย่ามายุ่งกับฉัน!”

จ้าวเฉียนปาดเหงื่อบนหน้าผากเล็กน้อยและกล่าวตอบไปว่า

“พ่อ เรื่องแบบนี้ต้องขึ้นอยู่กับโชคชะตา ผมยังไม่อยากด่วนตัดสินใจกับเหตุการณ์สำคัญในชีวิตแบบนี้ แต่ยังไงก็ช่วยกันไม่ให้โจวเจียงเฉินเอาผมไปเป็นลูกเขยบ้านนั้นเลยนะ”

ในมุมมองของจ้าวฝู่ ยิ่งผลักดันให้จ้าวเฉียนแต่งงานและมีลูกเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ตระกูลจ้าวของเขาไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง สิ่งเดียวที่อาณาจักรธุรกิจของตระกูลจ้าวขาดไปจริงๆ คือ ทรัพยากรคน ดังนั้นจ้าวเฉียนควรจะรีบมีทายาทเยอะๆ เพื่อมาช่วยบริหารกิจการทางบ้านได้แล้ว

พอได้ยินจ้าวเฉียนพยายามผลักความรับผิดชอบให้เขาแบบนี้ จ้าวฝู่ก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่

“ถ้าอย่างนั้นแกไม่ต้องสนใจพวกตระกูลหัวแล้ว ตอนนี้แกรีบกลับไปเมืองตงไห่วางแผนชีวิตกับแม่สาวฮวาหยินกรุ๊ปได้แล้ว ที่เหลือตรงนี้เดี๋ยวพ่อจัดการให้!”

“พ่อ เลิกผลักไสกันได้แล้ว ถ้ากลับมาหยานจิ้งคราวหน้า แล้วไม่เจอหน้าพ่อกับปู่ขึ้นมาจะทำยังไง?”

“หน๊อย…ไอ้ลูกเวร! นี่แกพูดอะไรออกมา? กำลังแช่งพ่อแช่งปู่แกให้ตายอยู่รึไง?”

จ้าวเฉียนกล่าวตอบน้ำเสียงจริงจังว่า

“ผมไม่ได้พูดเล่นนะ พ่อบอกเองไม่ใช่เหรอว่า เวลาหมาจนตรอกมันกัดไม่เลือก ถ้าผมกลับไปตอนนี้แล้วตระกูลหัวเกิดบ้าโจมตีขึ้นมาจะทำยังไง?”

จ้าวฝู่เองก็จนปัญญากับลูกชายคนนี้แล้วจริงๆ แต่มันเป็นความจริงอย่างที่ลูกชายเขาพูดไป ตอนนี้ตัวเขาเองก็ยุ่งกับกองเอกสารตรงหน้าจนแทบไม่มีเวลาทำอะไรแล้ว ส่วนพ่อของเขาเองก็แก่มากแล้ว จะให้มาออกโรงแบบตอนหนุ่มๆ ก็คงไม่ไหว

ท้ายที่สุดนี้จ้าวฝู่ทำได้เพียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยอมใจเจ้าลูกตัวดี

จ้าวเฉียนรีบเข้าห้องไปอาบน้ำและผล็อยหลับไประหว่างเล่นมือถือบนเตียง

เช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนที่จ้าวเฉียนจะตื่น จู่ๆ หวางอวี่จุนก็โทรเข้ามา

“ฮาโหล มีอะไรงั้นเหรอ?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามพลางหาวคำโต

ดูท่าหวางอวี่จุนจะดูตื่นเต้นอย่างมาก เขารีบเอ่ยตอบเสียงดังลั่นว่า

“คุณชายจ้าว! ข่าวดีครับข่าวดี! ตอนนี้ทางบริษัทเมล็ดพืชการาจได้โทรมาบอกผมแล้วว่า เขาจะส่งคนมาคุยเรื่องสัญญาคาวมร่วมมือกับทางเรา ดูเหมือนว่ามื้ออาหารเที่ยงเมื่อวานจะไม่เสียเปล่านะครับ!”

จ้าวเฉียนได้ยินแบบนั้นก็ตาโตขึ้นทันควัน นี่มันข่าวดีจริงๆ

“ดีมากเลยแหละ ถ้าอย่างนั้นก็รีบจัดการให้เรียบร้อย แล้วอย่าเพิ่งเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป รอให้เราดีลกับทางบริษัทไชน่าปิโตรเคมีให้เสร็จก่อน ค่อยประกาศให้พวกท่าเรือหัวหงายหลังไปเลย!”

จ้าวเฉียนกล่าวชี้แจงแผนการต่อไปอย่างใจเย็น

“เข้าใจแล้วครับ ไม่ต้องห่วงคุณชายจ้าว ผมจะรีบจัดการเรื่องสัญญาให้เสร็จภายในวันนี้ ทั้งหมดก็เพราะความพยายามอุตสาหะของคุณชายจ้าว ขอบคุณมากเลยครับ!”

“อืม แค่นี้แหละ ฉันขอตัวงีบต่อล่ะ”

จ้าวเฉียนกดวางสายโยนมือถือไว้ข้างเตียง และยืดเหยียดเส้นสายด้วยความสุขใจ

แต่ไม่นานหลังจากนั้น เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง พอหยิบขึ้นมาดูปรากฏว่าเป็นหวานเจียง

จ้าวเฉียนจ้องมองชื่อบนหน้าจออยู่สักครู่ แต่สุดท้ายก็ยังกดรับสายและเอ่ยถามขึ้นว่า

“ฮาโหล ว่าไง?”

น้ำเสียงของหวานเจียงฟังดูจริงจังอย่างมาก เธอกล่าวตอบไปว่า

“ฉันจะมารายงานผลน่ะ ฉันเพิ่งตกลงกับทางหัวโหย่ว เราจะลงทุนร้อยล้านในหัวโหย่ว แลกกับหุ้นส่วน35% ในอนาคตถ้าเกมไหนของหัวโหย่วทำรายได้สูงสุด ทางฮวาหยินกรุ๊ปของเราจะเอาเกมนั้นมาดัดแปลงเป็นหนังและซีรีย์”

จ้าวเฉียนนั่งตัวตรงแน่วในทันใด เอ่ยถามขึ้นว่า

“ฝ่ายเรามีหุ้น35% แล้วทางเหลียวปี้ซ่งมีเท่าไหร่?”

“ประมาณ38%”

“อืมเข้าใจแล้ว มีอะไรอีกไหม?”

หวางเจียงนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ อันที่จริงแล้วจุดประสงค์หลักของเธอที่โทรมาหาก็คือ ต้องการจะถามเขาว่าเมื่อไหร่จะกลับ แต่สุดท้ายก็อายเกินกว่าจะกล้าเอ่ยถามไป

หลังจากสับสนรวนเรใจอยู่พักหนึ่ง หวางเจียงก็ตอบกลับไปว่า

“ไม่…ไม่มีอะไรแล้ว…”

จ้าวเฉียนก็ตามภาษาผู้ชายทั่วไป เขาไม่ได้คิดอะไรมากมาย กรนเสียงอืมและกดวางสายไปทันที

หวางเจียงโยนโทรศัพท์ในมือทิ้งโดยตรง สบถด่ากับตัวเองขึ้นว่า

“ตาบ้า! ตาบ้า! อย่างน้อยก็ควรถามฉันหน่อยไหมว่า เธอสบายดีหรือเปล่า! แล้วเมื่อไหร่หมอนี่จะกลับมาสักที?”

ขณะที่หวานเจียงกำลังงอนอยู่ จ้าวเฉียนก็กำลังอารมณ์ดีไม่ใช่น้อย ดังนั้นเขาจึงโทรสายต่อไปหาดหลียวปี้เอ๋อร์ต่อโดยไว

เหลียวปี้เอ๋อร์กดรับสายอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า

“ฉันกำลังจะโทรหานายอยู่พอดี พี่ชายฉันเพิ่งเซ็นสัญญาร่วมมือกับฮวาหยินกรุ๊ปโดยจะร่วมลงทุน100ล้านแลกกับหุ้น35๔จากทั้งหมด ตอนนี้ฉันเข้าไปเช็คข้อมูลแล้ว หุ้นสุทธิที่พี่ชายฉันถืออยู่เหลือทั้งหมด38% ตอนนี้ฉันรวบรวมมาได้แค่17% สัญญาว่าจะชิงมาจากมือพี่ชายอีกสัก5%เป็นอย่างน้อย แต่ขอคิดแผนก่อนอีกทีหนึ่ง”

หวางเจียงมีหุ้นอยู่35% ส่วนเหลียวปี้เอ๋อร์มีหุ้นอยู่17% นั้นเท่ากับว่าเขามีหุ้นอยู่ในมือตอนนี้ถึง52% ซึ่งมันมากเพียงพอที่จะขึ้นกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของหัวโหย่วแล้ว

แม้ว่านี่จะยังไม่ถึงขั้นที่ควบคุมได้อย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ แต่ก็มากพอที่ใครหน้าไหนจะมาโค่นล้มได้แล้วเช่นกัน

จ้าวเฉียนรีบตอบกลับไปทันทีว่า

“ไม่ต้อง แค่17%นั้นแหละ ฉันพอใจแล้ว เดี๋ยวฉันโอนเงินให้ห้าสิบล้าน โอนหุ้นมาให้ฉันได้เลย ส่วน5%ที่ว่านั้นถ้าไม่อยากเกินความสามารถก็ลองดู ถ้าได้เดี๋ยวผมโอนไปให้เพิ่มอีก”

เหลียวปี้เอ๋อร์มีความสุขอย่างยิ่ง แทบไม่ต้องเหนื่อยอะไรมากมายก็ได้เงิน50ล้านมาใช้เล่น ส่วนที่ว่ารู้สึกเสียดายกับหุ้น17%นั้นไหม? คำตอบคือไม่เลย

“ตกลง ฉันจะพยายามให้ดีที่สุด มีอะไรจะให้รับใช้อีกไหม? ถ้าไม่มีแล้วก็แค่นี้นะ”

“ฮ่าฮ่า…ไม่มีแล้วครับ ผมจะรอข่าวดีจากคุณนะ”

จ้าวเฉียนวางสายไปทันทีหลังพูดจบ กระโดดนอนเล่นบนเตียงอย่างมีความสุข จากนั้นไม่นานก็รีบลุกไปอาบน้ำล้างตัว

ก่อนที่จะหยิบตระกล้าผ้าไปซัก จู่ๆ โจวเหว่ยซูก็โทรเข้ามา

“ฮาโหล คุณจ้าวว่างไหมค่ะ?”

“อืม วันนี้ผมว่างพอดี”

“ออกไปตีกอล์ฟกันเถอะ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยด้วย”

“ได้ครับ ส่งโลเคชั่นมาเลย เดี๋ยวผมจะรีบไป”

โจวเหว่ยซูกดวางสายและส่งโลเคชั่นดังกล่าวไปให้จ้าวเฉียนโดยเร็ว

หลังจากซักผ้าเสร็จ จ้าวเฉียนก็รีบเดินทางไปตาโลเคชั่นดังกล่าวทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 306 ข่าวดีจากหวานเจียง

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 306 ข่าวดีจากหวานเจียง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่306 ข่าวดีจากหวานเจียง

โจวเจียงเฉินอารมณ์ดีอย่างมี รีบชนแก้วกับจ้าวเฉียนทันที

จ้าวเฉียนเป็นเจ้าภาพมื้ออาหารนี้ดังนั้นเขาควรที่จะเป็นฝ่ายริเริ่มชนแก้วก่อน

แต่โจวเจียงเฉินอาสายกแก้วชูขึ้นก่อนแบบนี้แสดงว่าให้เกียรติจ้าวเฉียนมากจริงๆ ซึ่งนี่แสดงให้เห็นมากพอแล้วว่าเขากำลังมีความสุขแค่ไหน

ทว่ายังไงก็ต้องทำงานต่อตอนบ่าย อย่างไรเสียโจวเจียงเฉินไม่สนใจ วันนี้มีแต่เรื่องดีๆ เข้ามาในชีวิต มีหรือจะหยุดดื่มง่ายๆ?

พอชางหย่าเห็นว่าใบหน้าของโจวเจียงเฉินเริ่มแดงก่ำขึ้นเล็กน้อย เธอจึงรีบหยุดทันทีโดยกล่าวว่า

“โอเค โอเค พอได้แล้ว คุณต้องไปทำงานต่อตอนบ่ายนะ จะมาเมาแบบนี้ไม่ได้ ถ้าคนอื่นเห็นเข้าจะว่ายังไง?”

ข้อเท็จจริงข้อนี้ โจวเจียงเฉินย่อมเข้าใจเป็นธรรมชาติ แต่ตอนนี้เขากำลังมีความสุขมากจริงๆ จึงอดไม่ได้ที่จะยกขึ้นกระดกอีกแก้ว

ชางหย่าก็พยายามเกลี้ยกล่อมเขาอยู่นาน จนในที่สุดต้องชำเลืองขอความช่วยเหลือจากลูกสาว

โจวเหว่ยซูย่อมเข้าใจดีว่าแม่ต้องการอะไร เธอจึงกล่าวขึ้นทันทีว่า

“หยุดดื่มได้แล้ว เดี๋ยวก็ทำงานตอนบ่ายไม่ไหวกันพอดี!”

โจวเจียงเฉินวางแก้วลงทันใด ระเบิดหัวเราะร่ากล่าวขึ้นว่า

“ได้ ได้ ฮ่าฮ่า…ถ้าลูกสาวบอกไม่ให้ดื่มต่อก็คือไม่ดื่มต่อ จ้าวเฉียน วันหลังพวกเราค่อยไปดื่มกันเถอะ ไม่เมาไม่กลับ!”

พอโจวเจียงเฉินกล่าวจบ จ้าวเฉียนก็พยักหน้าและลุกขึ้นไปพยุงร่างอีกฝ่ายพากลับทันที

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก โจวเจียงเฉินออกจากโรงแรมหยานจิ้งไปพร้อมกับชางหย่าและลูกสาวของเขา

หวางอวี่จุนเอ่ยถามเสียงต่ำว่า

“คุณชายจ้าว เรียบร้อยดีแล้วเหรอครับ?”

จ้าวเฉียนไม่ค่อยแน่ใจเช่นกันว่า มันจะเรียบร้อยดีจริงๆ ใช่ไหม ดังนั้นเขาจึงตอบไปเพียงว่า

“ยังยืนยันอะไรไม่ได้ ต้องคอยดูต่อไปก่อน”

หลังจากวันที่สุดแสนจะวุ่นวายผ่านพ้นไป จ้าวเฉียนก็เดินทางกลับถึงบ้านช่วงหัวค่ำ

จ้าวฝู่คอยเฝ้าติดตามสถานการณ์ของลูกชายตัวเองอยู่เสมอ พอเห็นอีกฝ่ายกลับมาจึงรีบถามขึ้นทันทีว่า เป็นยังไงบ้าง

จ้าวเฉียนไม่คิดจะปิดบังพ่อของเขาเช่นกัน และเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้จ้าวฝู่ฟังแบบตัวต่อตัว

จ้าวฝู่รู้สึกไม่ค่อยพอใจเล็กน้อยและกล่าวว่า

“แต่แกคบอยู่กับแม่สาวฮวาหยินกรุ๊ปอยู่ไม่ใช่เหรอไง? ถ้าเวลานี้แกยังจะไปพัวพันอยู่กับลูกสาวของโจวเจียงเฉิน พอสลับรางไม่ทันขึ้นมาชิบหายเลยนะลูกพ่อ ฉันขอเตือนแกไว้ก่อน สิ่งที่ฉันกับแม่ของแกต้องการที่สุดคือการอุ้มหลาน! ยิ่งเร็วยิ่งดี ส่วนที่ว่าจะเลือกใครก็ตามใจแกเถอะ อย่ามายุ่งกับฉัน!”

จ้าวเฉียนปาดเหงื่อบนหน้าผากเล็กน้อยและกล่าวตอบไปว่า

“พ่อ เรื่องแบบนี้ต้องขึ้นอยู่กับโชคชะตา ผมยังไม่อยากด่วนตัดสินใจกับเหตุการณ์สำคัญในชีวิตแบบนี้ แต่ยังไงก็ช่วยกันไม่ให้โจวเจียงเฉินเอาผมไปเป็นลูกเขยบ้านนั้นเลยนะ”

ในมุมมองของจ้าวฝู่ ยิ่งผลักดันให้จ้าวเฉียนแต่งงานและมีลูกเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ตระกูลจ้าวของเขาไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง สิ่งเดียวที่อาณาจักรธุรกิจของตระกูลจ้าวขาดไปจริงๆ คือ ทรัพยากรคน ดังนั้นจ้าวเฉียนควรจะรีบมีทายาทเยอะๆ เพื่อมาช่วยบริหารกิจการทางบ้านได้แล้ว

พอได้ยินจ้าวเฉียนพยายามผลักความรับผิดชอบให้เขาแบบนี้ จ้าวฝู่ก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่

“ถ้าอย่างนั้นแกไม่ต้องสนใจพวกตระกูลหัวแล้ว ตอนนี้แกรีบกลับไปเมืองตงไห่วางแผนชีวิตกับแม่สาวฮวาหยินกรุ๊ปได้แล้ว ที่เหลือตรงนี้เดี๋ยวพ่อจัดการให้!”

“พ่อ เลิกผลักไสกันได้แล้ว ถ้ากลับมาหยานจิ้งคราวหน้า แล้วไม่เจอหน้าพ่อกับปู่ขึ้นมาจะทำยังไง?”

“หน๊อย…ไอ้ลูกเวร! นี่แกพูดอะไรออกมา? กำลังแช่งพ่อแช่งปู่แกให้ตายอยู่รึไง?”

จ้าวเฉียนกล่าวตอบน้ำเสียงจริงจังว่า

“ผมไม่ได้พูดเล่นนะ พ่อบอกเองไม่ใช่เหรอว่า เวลาหมาจนตรอกมันกัดไม่เลือก ถ้าผมกลับไปตอนนี้แล้วตระกูลหัวเกิดบ้าโจมตีขึ้นมาจะทำยังไง?”

จ้าวฝู่เองก็จนปัญญากับลูกชายคนนี้แล้วจริงๆ แต่มันเป็นความจริงอย่างที่ลูกชายเขาพูดไป ตอนนี้ตัวเขาเองก็ยุ่งกับกองเอกสารตรงหน้าจนแทบไม่มีเวลาทำอะไรแล้ว ส่วนพ่อของเขาเองก็แก่มากแล้ว จะให้มาออกโรงแบบตอนหนุ่มๆ ก็คงไม่ไหว

ท้ายที่สุดนี้จ้าวฝู่ทำได้เพียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยอมใจเจ้าลูกตัวดี

จ้าวเฉียนรีบเข้าห้องไปอาบน้ำและผล็อยหลับไประหว่างเล่นมือถือบนเตียง

เช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนที่จ้าวเฉียนจะตื่น จู่ๆ หวางอวี่จุนก็โทรเข้ามา

“ฮาโหล มีอะไรงั้นเหรอ?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามพลางหาวคำโต

ดูท่าหวางอวี่จุนจะดูตื่นเต้นอย่างมาก เขารีบเอ่ยตอบเสียงดังลั่นว่า

“คุณชายจ้าว! ข่าวดีครับข่าวดี! ตอนนี้ทางบริษัทเมล็ดพืชการาจได้โทรมาบอกผมแล้วว่า เขาจะส่งคนมาคุยเรื่องสัญญาคาวมร่วมมือกับทางเรา ดูเหมือนว่ามื้ออาหารเที่ยงเมื่อวานจะไม่เสียเปล่านะครับ!”

จ้าวเฉียนได้ยินแบบนั้นก็ตาโตขึ้นทันควัน นี่มันข่าวดีจริงๆ

“ดีมากเลยแหละ ถ้าอย่างนั้นก็รีบจัดการให้เรียบร้อย แล้วอย่าเพิ่งเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป รอให้เราดีลกับทางบริษัทไชน่าปิโตรเคมีให้เสร็จก่อน ค่อยประกาศให้พวกท่าเรือหัวหงายหลังไปเลย!”

จ้าวเฉียนกล่าวชี้แจงแผนการต่อไปอย่างใจเย็น

“เข้าใจแล้วครับ ไม่ต้องห่วงคุณชายจ้าว ผมจะรีบจัดการเรื่องสัญญาให้เสร็จภายในวันนี้ ทั้งหมดก็เพราะความพยายามอุตสาหะของคุณชายจ้าว ขอบคุณมากเลยครับ!”

“อืม แค่นี้แหละ ฉันขอตัวงีบต่อล่ะ”

จ้าวเฉียนกดวางสายโยนมือถือไว้ข้างเตียง และยืดเหยียดเส้นสายด้วยความสุขใจ

แต่ไม่นานหลังจากนั้น เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง พอหยิบขึ้นมาดูปรากฏว่าเป็นหวานเจียง

จ้าวเฉียนจ้องมองชื่อบนหน้าจออยู่สักครู่ แต่สุดท้ายก็ยังกดรับสายและเอ่ยถามขึ้นว่า

“ฮาโหล ว่าไง?”

น้ำเสียงของหวานเจียงฟังดูจริงจังอย่างมาก เธอกล่าวตอบไปว่า

“ฉันจะมารายงานผลน่ะ ฉันเพิ่งตกลงกับทางหัวโหย่ว เราจะลงทุนร้อยล้านในหัวโหย่ว แลกกับหุ้นส่วน35% ในอนาคตถ้าเกมไหนของหัวโหย่วทำรายได้สูงสุด ทางฮวาหยินกรุ๊ปของเราจะเอาเกมนั้นมาดัดแปลงเป็นหนังและซีรีย์”

จ้าวเฉียนนั่งตัวตรงแน่วในทันใด เอ่ยถามขึ้นว่า

“ฝ่ายเรามีหุ้น35% แล้วทางเหลียวปี้ซ่งมีเท่าไหร่?”

“ประมาณ38%”

“อืมเข้าใจแล้ว มีอะไรอีกไหม?”

หวางเจียงนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ อันที่จริงแล้วจุดประสงค์หลักของเธอที่โทรมาหาก็คือ ต้องการจะถามเขาว่าเมื่อไหร่จะกลับ แต่สุดท้ายก็อายเกินกว่าจะกล้าเอ่ยถามไป

หลังจากสับสนรวนเรใจอยู่พักหนึ่ง หวางเจียงก็ตอบกลับไปว่า

“ไม่…ไม่มีอะไรแล้ว…”

จ้าวเฉียนก็ตามภาษาผู้ชายทั่วไป เขาไม่ได้คิดอะไรมากมาย กรนเสียงอืมและกดวางสายไปทันที

หวางเจียงโยนโทรศัพท์ในมือทิ้งโดยตรง สบถด่ากับตัวเองขึ้นว่า

“ตาบ้า! ตาบ้า! อย่างน้อยก็ควรถามฉันหน่อยไหมว่า เธอสบายดีหรือเปล่า! แล้วเมื่อไหร่หมอนี่จะกลับมาสักที?”

ขณะที่หวานเจียงกำลังงอนอยู่ จ้าวเฉียนก็กำลังอารมณ์ดีไม่ใช่น้อย ดังนั้นเขาจึงโทรสายต่อไปหาดหลียวปี้เอ๋อร์ต่อโดยไว

เหลียวปี้เอ๋อร์กดรับสายอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า

“ฉันกำลังจะโทรหานายอยู่พอดี พี่ชายฉันเพิ่งเซ็นสัญญาร่วมมือกับฮวาหยินกรุ๊ปโดยจะร่วมลงทุน100ล้านแลกกับหุ้น35๔จากทั้งหมด ตอนนี้ฉันเข้าไปเช็คข้อมูลแล้ว หุ้นสุทธิที่พี่ชายฉันถืออยู่เหลือทั้งหมด38% ตอนนี้ฉันรวบรวมมาได้แค่17% สัญญาว่าจะชิงมาจากมือพี่ชายอีกสัก5%เป็นอย่างน้อย แต่ขอคิดแผนก่อนอีกทีหนึ่ง”

หวางเจียงมีหุ้นอยู่35% ส่วนเหลียวปี้เอ๋อร์มีหุ้นอยู่17% นั้นเท่ากับว่าเขามีหุ้นอยู่ในมือตอนนี้ถึง52% ซึ่งมันมากเพียงพอที่จะขึ้นกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของหัวโหย่วแล้ว

แม้ว่านี่จะยังไม่ถึงขั้นที่ควบคุมได้อย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ แต่ก็มากพอที่ใครหน้าไหนจะมาโค่นล้มได้แล้วเช่นกัน

จ้าวเฉียนรีบตอบกลับไปทันทีว่า

“ไม่ต้อง แค่17%นั้นแหละ ฉันพอใจแล้ว เดี๋ยวฉันโอนเงินให้ห้าสิบล้าน โอนหุ้นมาให้ฉันได้เลย ส่วน5%ที่ว่านั้นถ้าไม่อยากเกินความสามารถก็ลองดู ถ้าได้เดี๋ยวผมโอนไปให้เพิ่มอีก”

เหลียวปี้เอ๋อร์มีความสุขอย่างยิ่ง แทบไม่ต้องเหนื่อยอะไรมากมายก็ได้เงิน50ล้านมาใช้เล่น ส่วนที่ว่ารู้สึกเสียดายกับหุ้น17%นั้นไหม? คำตอบคือไม่เลย

“ตกลง ฉันจะพยายามให้ดีที่สุด มีอะไรจะให้รับใช้อีกไหม? ถ้าไม่มีแล้วก็แค่นี้นะ”

“ฮ่าฮ่า…ไม่มีแล้วครับ ผมจะรอข่าวดีจากคุณนะ”

จ้าวเฉียนวางสายไปทันทีหลังพูดจบ กระโดดนอนเล่นบนเตียงอย่างมีความสุข จากนั้นไม่นานก็รีบลุกไปอาบน้ำล้างตัว

ก่อนที่จะหยิบตระกล้าผ้าไปซัก จู่ๆ โจวเหว่ยซูก็โทรเข้ามา

“ฮาโหล คุณจ้าวว่างไหมค่ะ?”

“อืม วันนี้ผมว่างพอดี”

“ออกไปตีกอล์ฟกันเถอะ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยด้วย”

“ได้ครับ ส่งโลเคชั่นมาเลย เดี๋ยวผมจะรีบไป”

โจวเหว่ยซูกดวางสายและส่งโลเคชั่นดังกล่าวไปให้จ้าวเฉียนโดยเร็ว

หลังจากซักผ้าเสร็จ จ้าวเฉียนก็รีบเดินทางไปตาโลเคชั่นดังกล่าวทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+