ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 319 ขาดทุนหลายร้อยล้านทุกปี

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 319 ขาดทุนหลายร้อยล้านทุกปี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่319 ขาดทุนหลายร้อยล้านทุกปี

วันนี้เขามาที่นี่เพื่อพักผ่อนโดยเฉพาะ ไม่ได้มาเจรจาใดๆ กับตระกูลหัว จ้าวเฉียนยิ้มกล่าวขึ้นว่า

“คุณเองก็เป็นถึงผู้เฒ่าผู้แกแล้ว จะมายุ่งเรื่องพวกนี้ทำไม? ควรให้รุ่นลูกรุ่นหลานมาจัดการบริหารเองจะดีกว่า ต่อให้คุณแก้ปัญหาครั้งนี้ได้จริงแล้วยังไง? อายุมากขนาดนี้แล้วจะสามารถดูแลลูกหลายได้อีกนานสักแค่ไหน?”

ชายชรรุ่นทวดคนนี้อายุเกือบร้อยปีได้แล้ว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจความจริงในข้อนี้ หัวเซียงตงไม่ต่างอะไรกับไม้ใกล้ฝั่งรอความตาย การได้มีชีวิตอยู่ต่ออีกวันหนึ่งก็นับเป็นของขวัญจากสวรรค์แล้ว ดังนั้นเขาทราบดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่

แต่ถึงจะเข้าใจในความจริงข้อนี้ ทว่าหัวฉีเฉินผู้รับสืบทอดตำแหน่งประธานรุ่นปัจจุบันกลับไร้น้ำยาเกินกว่าจะมาแก้ไขสถานการณ์ได้ และไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากหัวเซียงตงจะต้องออกโรงเอง

“ฉันพูดจริงๆ นะ ตอนนี้ฉันเริ่มอิจฉาปู่กับพ่อของแกมากขึ้นเรื่อยๆ เลย อายุยังน้อยแต่ทำไมถึงเก่งขนาดนี้? พ่อของแกสอนแกมันยังไง?”

หัวเซียงตงเอ่ยถามด้วยความสงสัยจากใจจริง

จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า

“พ่อของผมไม่ได้สอนอะไรผมเลย แต่เขาใช้วิธีตัดหางปล่อยวัดผมให้ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเป็นเวลาห้าปีเต็ม”

หัวเซียงตงคลี่ยิ้มอีกครั้งและกล่าวว่า

“อืมม…แค่ห้าปีมันก็มากเพียงพอแล้วที่จะขัดเกลาคนๆหนึ่งให้กร้านโลกได้ขนาดนี้ บางที…แกกับครอบครัวของแกควรจะขอบคุณช่วงเวลาห้าปีดังกล่าวนะ เพราะมันได้ช่วยชีวิตคนทั้งตระกูลจ้าวเอาไว้ เฮ้อออ…พูดอะไรไปตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์แล้ว เอาล่ะ เริ่มการเจรจากันดีกว่า”

ชางหย่ารีบแสดงความคิดเห็นของทางฝ่ายบริษัทเมล็ดพืชการาจก่อนทันที ว่าตอนนี้ท่าเรือหัวกำลังประสบปัญหาไม่สามารถขนส่งสินค้าตามสัญญาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงจำต้องยกเลิกสัญญาความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายทันที

ถัดมาจ้านรุยก็ยังแสดงความเห็นของฝ่ายบริษัทไชน่าปิโตรเคมีเช่นกัน ซึ่งเห็นไปในทิศทางเดียวกับบริษัทเมล็ดพืชการาจ และขอยุติความร่วมมือทั้งหมดกับท่าเรือหัว

หัวฉีเฉินรีบอธิบายทันทีว่า

“ที่ครั้งนี้มีปัญหาเพราะมีหมอนี่คอยอบู่เบื้องหลังสร้างความโกลาหลให้กับทางเรา ตราบใดที่พวกเราช่วยกันกำราบมันได้ ทุกอย่างจะกลับสู่สภาวะปกติอีกครั้ง ขออแค่พวกเราร่วมมือกันจัดการกับจ้าวเฉียน ภายในสามวันทุกอย่างจะกลับมาเรียบร้อย ตกลงไหมครับ?”

หัวเซียงตงที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับถอนหายใจให้กับความไร้เดียงสาของหลานชาย ทุกอย่างชัดเจนขนาดนี้ทำไมหลานชายคนนี้ถึงยังไม่เข้าใจอะไรเลย เห็นได้ชัดว่า จ้าวเฉียนได้ซื้อใจบริษัทเมล็ดพืชการาจและไชน่าปิโตรเคมีให้มาเป็นพวกได้นานแล้ว แม้มองเพียงผิวเผินจะเห็นว่านี่เป็นการประชุมเพื่อเจรจาหาทางออกของทุกฝ่าย แต่แท้จริงแล้วพวกเขาทั้งหมดมาที่นี่เพื่อประกาศชัยชนะต่อหน้าตระกูลหัว

ทว่าหัวฉีเฉินยังพูดราวกับว่าทั้งสองบริษัทนี้ยังเป็นพวกของเขาอยู่ นี่มันโง่งมสิ้นดี วิธีแก้เดียวในขณะนี้คือการใช้เงินเป็นตัวล่อแล้วเท่านั้น

หัวเซียงตงที่คิดได้ดังนั้นจึงกล่าวเสนอขึ้นทันทีว่า

“ทางเรามีข้อเสนอ เราจะลดราคาค่าขนส่งให้พวกคุณบริษัทละสองเปอร์เซ็นต์ นั้นเท่ากับว่าอัตราส่วนกำไรของพวกคุณจะเพิ่มขึ้น ว่ายังไงครับ?”

ชางหย่าและจ้านรุยหันมามองหน้ากันทันที ทั้งคู่ต่างส่งยิ้มให้กันเล็กน้อย นี่จะเห็นได้ว่าทั้งสองค่อนข้างสนใจข้อเสนอของหัวเซียงตง เพราะท้ายที่สุดนี้ไม่มีสิ่งใดล่อตาล่อใจไปกว่าผลประโยชน์ทางการเงินอีกแล้ว

อย่างไรก็ตาม แน่นอนจ้าวเฉียนคิดเผื่อเรื่องนี้เอาไว้แล้ว บริษัทเมล็ดพืชการาจและไชน่าปิโตเคมีเป็นสององค์กรที่มีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นแม้จะลดต้นทุนลง2% แต่ถ้าตีเป็นตัวเงินก็ประหยัดไปได้กว่าหลายร้อยล้าน เป็นธรรมดาที่ผู้รับผิดชอบทั้งสองจะสนใจข้อเสนอของหัวเซียงตง

เมื่อคำนึงถึงเรื่องนี้ จ้าวเฉียนย่อมเตรียมแผนรับมือแล้วเช่นกัน โดยการเอาชนะตระกูลหัวด้วยการตัดราคาแข่งกัน แต่ถ้าหากราคามันอยู่ในจุดที่ต่ำเกินไปและมีโอกาสเสี่ยงเข้าเนื้อสูง เขาก็คงต้องปล่อยให้ท่าเรือหัวร่วมมือกับสองบริษัทดังกล่าวต่อไปดังเดิม

จ้าวเฉียนวานให้หวางอวี่จุนคำนวณใบเสนอราคาใหม่อีกครั้ง โดนกดค่าขนส่งลงและดูว่าพวกเขาสามารถลดราคาได้สูงสุดเท่าไหร่ถึงจะอยู่ในจุดเสี่ยงขาดทุน

การที่หัวเซียงตงลดราคาลงทันที2%แบบนี้ เห็นได้ชัดว่าท่าเรือหัวไม่สามารถทำกำไรจากสองบริษัทนี้ได้แน่นอนแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาตระกูลหัวยังจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยสองบริษัทยักษ์ใหญ่นี้ต่อไป ถึงแม้จะทำเงินไม่ได้เลยก็ตาม อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อผยุงท่าเรือหัวเอาไว้ เพราะถ้าหากปราศจากสองบริษัทนี้แล้ว ท่าเรือหัวเตรียมล้มละลายได้เลย

ชางหย่าและจ้านรุยไม่ได้แสดงความคิดเห็นอันใดออกมา พวกเธอกำลังรอให้จ้าวเฉียนเอ่ยกล่าวอะไรสักอย่างออกไปก่อน

จ้าวเฉียนเองก็ทราบความหมายของพวกเธอทั้งสองดี จึงกล่าวแสดงความคิดเห็นออกไปทันทีว่า

“คุณหัว คิดจะตัดราคาสู้เชียวเหรอครับ? แต่ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ เพราะทางเราเองก็มุ่งเน้นที่จะเป็นพันธมิตรกับทั้งสองบริษัทนี้ให้ได้เช่นกัน ทางเราเองก็ขอลดราคาสองเปอร์เซ็นต์เช่นกัน”

หัวเซียงตงปั้นหน้าเคร่งขรึมทันใดและกล่าวขึ้นว่า

“นี่ยอมเข้าเนื้อเพื่อเอาชนะฉันให้ได้เลยใช่ไหม?”

“ทำยังไงได้ล่ะครับนี่มันการแข่งขัน ถ้าคุณทำได้แล้วทำไมผมจะทำไม่ได้?”

“ที่แกพูดมันก็ถูกส่วนหนึ่ง แต่ถ้าเป็นแบบนั้นแกจะไม่สามารถทำเงินได้อีกต่อไป ซ้ำร้ายยังขาดทุนเข้าเนื้อตัวเองอีก นี่ดูจะเป็นกลยุทธ์ที่ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่นะ?”

“สำหรับผมไม่สนหรอกว่าจะเข้าเนื้อหรือขาดทุนกี่พันล้าน แต่สิ่งสำคัญคือการโค่นล้มตระกูลหัว ไม่อย่างนั้นคุณย่าบนสวรรค์คงหลับไม่สบายแน่นอน”

“หึ…ฉันเข้าใจแล้ว สำหรับตัวนายเองไม่ว่าธุรกิจจะเป็นยังไงคงไม่สำคัญ เป้าหมายหลักก็คือพวกเราตระกูลหัว ฉันพูดถูกต้องรึเปล่า?”

“คุณหัวเองก็เข้าใจดีหนิครับ เพราะฉะนั้นคงจะทราบเช่นกันว่าเราเองก็ไม่ยอมถอยง่ายๆ ดังนั้นรีบๆ ยอมแพ้ไปเถอะครับ”

หัวเซียงตงนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ตอนนี้เขาไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเอายังไงต่อ

หัวฉีเฉินกัดฟันกล่าวแทรกขึ้นว่า

“ไอ้เด็กเวรสกุลจ้าว! แกมันไร้ยางอายเกินไป! ถ้าจะทำลายพวกเราตระกูลหัวจริงๆ งั้นเหรอ? แต่ฉันว่ากลับเป็นพวกแกที่ต้องตายก่อน!”

จ้าวเฉียนเอนแผ่นหลังพึงเก้าอี้ดูท่าทีผ่อนคลายอย่างมาก ดวงตาคู่นั้นของเขาเหลือมองหัวฉีเฉินพลางฉายแววเย้ยหยันเล็กน้อย ก่อนตอบไปว่า

“คุณเองก็อายุพอๆ กับพ่อของผมนะ แต่ทำไมผมถึงสัมผัสกลิ่นอายความน่าเกรงขามอะไรไม่ได้เลย ขนาดผมที่เป็นรุ่นลูก คุณยังแทบเอาตัวไม่รอดเลย ถ้าส่งรุ่นพ่อมาชนคงไม่ตายอนาจเลยเหรอครับ? ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมท่านทวดตระกูลหัวถึงผิดหวังในตัวลูกหลานตัวเอง เพราะมันโง่เง่าแบบนี้ไง”

“แกด่าใครโง่เง่า! แก…”

“ฉีเฉิน หุบปาก! นั่งเงียบๆ ของแกไป ถ้าทำไม่ได้ก็ไสหัวออกไปจากที่นี่!”

หัวฉีเฉินรีบหุบปากลงโดยไว จากนั้นก็เก็บมือไม้นั่งเงียบๆ ไม่กล่าวปริปากอีกเลย

พูดตามตรง นี่ช่างเป็นเรื่องน่าขมขื่นใจจริงๆ ที่หัวฉีเฉินต้องโดนปฏิบัติราวกับเด็กน้อยคนหนึ่งกลางห้องประชุม

หัวเซียงตงครุ่นคิดอยู่นาน จนในที่สุดก็เอ่ยปากเสนอขึ้นว่า

“งั้นเราลดให้อีกหนึ่งเปอร์เซ็นต์”

หวางอวี่จุนรีบหันไปกระซิบกับจ้าวเฉียนเช่นกันว่า

“ถ้าคำนวณจากฐานในเสนอราคาของเรา พวกเรายังสามารถปรับลดราคาได้อีกสามถึงห้าเปอร์เซ็นต์ แต่ท่าเรือหัวคงรับภาระหนักกว่านี้ไม่ไหวแล้ว รายได้รวมสี่ไตรมาตก่อนของพวกเขาอยู่ที่สามพันห้าร้อยล้านหยวน ถ้าปีนี้ปรับลดราคาลงอีกสามเปอร์เซ็นต์จะเท่ากับว่า หลังจากนี้คาดว่าพวกเขาจะต้องขาดทุนอย่างต่ำปีละร้อยล้านหยวน”

แค่100ล้านหยวนมันไม่ได้เป็นค่าใช้จ่ายอะไรที่แพงเลยสำหรับตระกูลหัว ตราบใดที่เขาสามารถรักษาลูกค้ารายใหญ่ทั้งสองบริษัทนี้ไว้ได้ เขาจะปรับลดค่าจ้างคนงานลงแทนเพื่อชดเชยในสิ่งที่ขาดหายไป

และถึงจะไม่ปรับลดราคาค่าจ้างคนงานมาชดเชย กับแค่รายจ่ายปีละร้อยล้านหยวนมันเป็นภาระที่ตระกูลหัวรับได้ไม่มีปัญหา ขนาดตระกูลจ้าวยังมีรายจ่ายต่อปีกว่าพันล้านหยวน พวกเขายังสามารถยืนยั่นบนกองเงินกองทองได้อย่างมั่นคงตลอดหลายปีได้ นับประสาอะไรกับเรื่องแค่นี้

“ถ้าแบบนี้ก็อย่าเสียเวลาเลยครับ ถ้าพวกคุณทั้งสองบริษัทยอมยกเลิกสัญญาความร่วมมือกับตระกูลหัว ผมจะลดราคาขนส่งลงทันทียี่สิบเปอร์เซ็นต์ ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะครับว่าคุณหัวจะกล้าตามราคานี้ของผมมารึเปล่า?”

จ้าวเฉียนกล่าวเสนอสวนคืนทันทีพร้อมรอยยิ้ม

หวางอวี่จุนถึงกับกระเดือกน้ำลายเฮือกใหญ่ลงคอ ลดราคาตั้ง20%แบบนี้ก็หมายความว่า ท่าเรือเฉียนตงจะต้องขาดทุนอย่างน้อยปีละ400ล้านหยวนต่อปี กลยุทธ์นี้ของคุณชายจ้าวมันดูจะใจเด็ดเกินไปมาก ขาดทุนเยอะแยะขนาดนี้ แล้วท่าเรือเฉียนตงจะอยู่ได้ยังไง?

ชางหย่าและจ้านรุยที่ได้ยินแบบนั้นก็ยินดีที่จะฉีกสัญญาความร่วมมือกับท่าเรือหัวทิ้งทันที ส่วนลดที่จ้าวเฉียนเสนอมามันจะถูกเปลี่ยนกลายมาเป็นกำไรสุทธิให้แก่บริษัทของพวกเธอทั้งสองทันที ถ้ากำไรสุทธิ์เพิ่มขึ้นมหาศาลขนาดนี้ บริษัทของพวกเธอจะต้องเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด

หัวฉีเฉินถึงกับเสียศูนย์ไปชั่วขณะ เพื่อที่จะเอาชนะตระกูลหัวให้ได้ ไอ้หนุ่มนี่ถึงกับทำขนาดนี้เลย? สมองของเขาไม่ได้กระทบกระเทือนอะไรมาใช่ไหม?

หัวเซียงตงเองก็ตื่นตกลึงไม่ต่าง เขาเบนสายตาจับจ้องที่จ้าวเฉียนอย่างว่างเปล่า ไม่รู้เลยว่าควรจะเอ่ยปากตอบอะไรกลับไปดี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 319 ขาดทุนหลายร้อยล้านทุกปี

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 319 ขาดทุนหลายร้อยล้านทุกปี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่319 ขาดทุนหลายร้อยล้านทุกปี

วันนี้เขามาที่นี่เพื่อพักผ่อนโดยเฉพาะ ไม่ได้มาเจรจาใดๆ กับตระกูลหัว จ้าวเฉียนยิ้มกล่าวขึ้นว่า

“คุณเองก็เป็นถึงผู้เฒ่าผู้แกแล้ว จะมายุ่งเรื่องพวกนี้ทำไม? ควรให้รุ่นลูกรุ่นหลานมาจัดการบริหารเองจะดีกว่า ต่อให้คุณแก้ปัญหาครั้งนี้ได้จริงแล้วยังไง? อายุมากขนาดนี้แล้วจะสามารถดูแลลูกหลายได้อีกนานสักแค่ไหน?”

ชายชรรุ่นทวดคนนี้อายุเกือบร้อยปีได้แล้ว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจความจริงในข้อนี้ หัวเซียงตงไม่ต่างอะไรกับไม้ใกล้ฝั่งรอความตาย การได้มีชีวิตอยู่ต่ออีกวันหนึ่งก็นับเป็นของขวัญจากสวรรค์แล้ว ดังนั้นเขาทราบดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่

แต่ถึงจะเข้าใจในความจริงข้อนี้ ทว่าหัวฉีเฉินผู้รับสืบทอดตำแหน่งประธานรุ่นปัจจุบันกลับไร้น้ำยาเกินกว่าจะมาแก้ไขสถานการณ์ได้ และไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากหัวเซียงตงจะต้องออกโรงเอง

“ฉันพูดจริงๆ นะ ตอนนี้ฉันเริ่มอิจฉาปู่กับพ่อของแกมากขึ้นเรื่อยๆ เลย อายุยังน้อยแต่ทำไมถึงเก่งขนาดนี้? พ่อของแกสอนแกมันยังไง?”

หัวเซียงตงเอ่ยถามด้วยความสงสัยจากใจจริง

จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า

“พ่อของผมไม่ได้สอนอะไรผมเลย แต่เขาใช้วิธีตัดหางปล่อยวัดผมให้ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเป็นเวลาห้าปีเต็ม”

หัวเซียงตงคลี่ยิ้มอีกครั้งและกล่าวว่า

“อืมม…แค่ห้าปีมันก็มากเพียงพอแล้วที่จะขัดเกลาคนๆหนึ่งให้กร้านโลกได้ขนาดนี้ บางที…แกกับครอบครัวของแกควรจะขอบคุณช่วงเวลาห้าปีดังกล่าวนะ เพราะมันได้ช่วยชีวิตคนทั้งตระกูลจ้าวเอาไว้ เฮ้อออ…พูดอะไรไปตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์แล้ว เอาล่ะ เริ่มการเจรจากันดีกว่า”

ชางหย่ารีบแสดงความคิดเห็นของทางฝ่ายบริษัทเมล็ดพืชการาจก่อนทันที ว่าตอนนี้ท่าเรือหัวกำลังประสบปัญหาไม่สามารถขนส่งสินค้าตามสัญญาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงจำต้องยกเลิกสัญญาความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายทันที

ถัดมาจ้านรุยก็ยังแสดงความเห็นของฝ่ายบริษัทไชน่าปิโตรเคมีเช่นกัน ซึ่งเห็นไปในทิศทางเดียวกับบริษัทเมล็ดพืชการาจ และขอยุติความร่วมมือทั้งหมดกับท่าเรือหัว

หัวฉีเฉินรีบอธิบายทันทีว่า

“ที่ครั้งนี้มีปัญหาเพราะมีหมอนี่คอยอบู่เบื้องหลังสร้างความโกลาหลให้กับทางเรา ตราบใดที่พวกเราช่วยกันกำราบมันได้ ทุกอย่างจะกลับสู่สภาวะปกติอีกครั้ง ขออแค่พวกเราร่วมมือกันจัดการกับจ้าวเฉียน ภายในสามวันทุกอย่างจะกลับมาเรียบร้อย ตกลงไหมครับ?”

หัวเซียงตงที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับถอนหายใจให้กับความไร้เดียงสาของหลานชาย ทุกอย่างชัดเจนขนาดนี้ทำไมหลานชายคนนี้ถึงยังไม่เข้าใจอะไรเลย เห็นได้ชัดว่า จ้าวเฉียนได้ซื้อใจบริษัทเมล็ดพืชการาจและไชน่าปิโตรเคมีให้มาเป็นพวกได้นานแล้ว แม้มองเพียงผิวเผินจะเห็นว่านี่เป็นการประชุมเพื่อเจรจาหาทางออกของทุกฝ่าย แต่แท้จริงแล้วพวกเขาทั้งหมดมาที่นี่เพื่อประกาศชัยชนะต่อหน้าตระกูลหัว

ทว่าหัวฉีเฉินยังพูดราวกับว่าทั้งสองบริษัทนี้ยังเป็นพวกของเขาอยู่ นี่มันโง่งมสิ้นดี วิธีแก้เดียวในขณะนี้คือการใช้เงินเป็นตัวล่อแล้วเท่านั้น

หัวเซียงตงที่คิดได้ดังนั้นจึงกล่าวเสนอขึ้นทันทีว่า

“ทางเรามีข้อเสนอ เราจะลดราคาค่าขนส่งให้พวกคุณบริษัทละสองเปอร์เซ็นต์ นั้นเท่ากับว่าอัตราส่วนกำไรของพวกคุณจะเพิ่มขึ้น ว่ายังไงครับ?”

ชางหย่าและจ้านรุยหันมามองหน้ากันทันที ทั้งคู่ต่างส่งยิ้มให้กันเล็กน้อย นี่จะเห็นได้ว่าทั้งสองค่อนข้างสนใจข้อเสนอของหัวเซียงตง เพราะท้ายที่สุดนี้ไม่มีสิ่งใดล่อตาล่อใจไปกว่าผลประโยชน์ทางการเงินอีกแล้ว

อย่างไรก็ตาม แน่นอนจ้าวเฉียนคิดเผื่อเรื่องนี้เอาไว้แล้ว บริษัทเมล็ดพืชการาจและไชน่าปิโตเคมีเป็นสององค์กรที่มีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นแม้จะลดต้นทุนลง2% แต่ถ้าตีเป็นตัวเงินก็ประหยัดไปได้กว่าหลายร้อยล้าน เป็นธรรมดาที่ผู้รับผิดชอบทั้งสองจะสนใจข้อเสนอของหัวเซียงตง

เมื่อคำนึงถึงเรื่องนี้ จ้าวเฉียนย่อมเตรียมแผนรับมือแล้วเช่นกัน โดยการเอาชนะตระกูลหัวด้วยการตัดราคาแข่งกัน แต่ถ้าหากราคามันอยู่ในจุดที่ต่ำเกินไปและมีโอกาสเสี่ยงเข้าเนื้อสูง เขาก็คงต้องปล่อยให้ท่าเรือหัวร่วมมือกับสองบริษัทดังกล่าวต่อไปดังเดิม

จ้าวเฉียนวานให้หวางอวี่จุนคำนวณใบเสนอราคาใหม่อีกครั้ง โดนกดค่าขนส่งลงและดูว่าพวกเขาสามารถลดราคาได้สูงสุดเท่าไหร่ถึงจะอยู่ในจุดเสี่ยงขาดทุน

การที่หัวเซียงตงลดราคาลงทันที2%แบบนี้ เห็นได้ชัดว่าท่าเรือหัวไม่สามารถทำกำไรจากสองบริษัทนี้ได้แน่นอนแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาตระกูลหัวยังจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยสองบริษัทยักษ์ใหญ่นี้ต่อไป ถึงแม้จะทำเงินไม่ได้เลยก็ตาม อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อผยุงท่าเรือหัวเอาไว้ เพราะถ้าหากปราศจากสองบริษัทนี้แล้ว ท่าเรือหัวเตรียมล้มละลายได้เลย

ชางหย่าและจ้านรุยไม่ได้แสดงความคิดเห็นอันใดออกมา พวกเธอกำลังรอให้จ้าวเฉียนเอ่ยกล่าวอะไรสักอย่างออกไปก่อน

จ้าวเฉียนเองก็ทราบความหมายของพวกเธอทั้งสองดี จึงกล่าวแสดงความคิดเห็นออกไปทันทีว่า

“คุณหัว คิดจะตัดราคาสู้เชียวเหรอครับ? แต่ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ เพราะทางเราเองก็มุ่งเน้นที่จะเป็นพันธมิตรกับทั้งสองบริษัทนี้ให้ได้เช่นกัน ทางเราเองก็ขอลดราคาสองเปอร์เซ็นต์เช่นกัน”

หัวเซียงตงปั้นหน้าเคร่งขรึมทันใดและกล่าวขึ้นว่า

“นี่ยอมเข้าเนื้อเพื่อเอาชนะฉันให้ได้เลยใช่ไหม?”

“ทำยังไงได้ล่ะครับนี่มันการแข่งขัน ถ้าคุณทำได้แล้วทำไมผมจะทำไม่ได้?”

“ที่แกพูดมันก็ถูกส่วนหนึ่ง แต่ถ้าเป็นแบบนั้นแกจะไม่สามารถทำเงินได้อีกต่อไป ซ้ำร้ายยังขาดทุนเข้าเนื้อตัวเองอีก นี่ดูจะเป็นกลยุทธ์ที่ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่นะ?”

“สำหรับผมไม่สนหรอกว่าจะเข้าเนื้อหรือขาดทุนกี่พันล้าน แต่สิ่งสำคัญคือการโค่นล้มตระกูลหัว ไม่อย่างนั้นคุณย่าบนสวรรค์คงหลับไม่สบายแน่นอน”

“หึ…ฉันเข้าใจแล้ว สำหรับตัวนายเองไม่ว่าธุรกิจจะเป็นยังไงคงไม่สำคัญ เป้าหมายหลักก็คือพวกเราตระกูลหัว ฉันพูดถูกต้องรึเปล่า?”

“คุณหัวเองก็เข้าใจดีหนิครับ เพราะฉะนั้นคงจะทราบเช่นกันว่าเราเองก็ไม่ยอมถอยง่ายๆ ดังนั้นรีบๆ ยอมแพ้ไปเถอะครับ”

หัวเซียงตงนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ตอนนี้เขาไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเอายังไงต่อ

หัวฉีเฉินกัดฟันกล่าวแทรกขึ้นว่า

“ไอ้เด็กเวรสกุลจ้าว! แกมันไร้ยางอายเกินไป! ถ้าจะทำลายพวกเราตระกูลหัวจริงๆ งั้นเหรอ? แต่ฉันว่ากลับเป็นพวกแกที่ต้องตายก่อน!”

จ้าวเฉียนเอนแผ่นหลังพึงเก้าอี้ดูท่าทีผ่อนคลายอย่างมาก ดวงตาคู่นั้นของเขาเหลือมองหัวฉีเฉินพลางฉายแววเย้ยหยันเล็กน้อย ก่อนตอบไปว่า

“คุณเองก็อายุพอๆ กับพ่อของผมนะ แต่ทำไมผมถึงสัมผัสกลิ่นอายความน่าเกรงขามอะไรไม่ได้เลย ขนาดผมที่เป็นรุ่นลูก คุณยังแทบเอาตัวไม่รอดเลย ถ้าส่งรุ่นพ่อมาชนคงไม่ตายอนาจเลยเหรอครับ? ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมท่านทวดตระกูลหัวถึงผิดหวังในตัวลูกหลานตัวเอง เพราะมันโง่เง่าแบบนี้ไง”

“แกด่าใครโง่เง่า! แก…”

“ฉีเฉิน หุบปาก! นั่งเงียบๆ ของแกไป ถ้าทำไม่ได้ก็ไสหัวออกไปจากที่นี่!”

หัวฉีเฉินรีบหุบปากลงโดยไว จากนั้นก็เก็บมือไม้นั่งเงียบๆ ไม่กล่าวปริปากอีกเลย

พูดตามตรง นี่ช่างเป็นเรื่องน่าขมขื่นใจจริงๆ ที่หัวฉีเฉินต้องโดนปฏิบัติราวกับเด็กน้อยคนหนึ่งกลางห้องประชุม

หัวเซียงตงครุ่นคิดอยู่นาน จนในที่สุดก็เอ่ยปากเสนอขึ้นว่า

“งั้นเราลดให้อีกหนึ่งเปอร์เซ็นต์”

หวางอวี่จุนรีบหันไปกระซิบกับจ้าวเฉียนเช่นกันว่า

“ถ้าคำนวณจากฐานในเสนอราคาของเรา พวกเรายังสามารถปรับลดราคาได้อีกสามถึงห้าเปอร์เซ็นต์ แต่ท่าเรือหัวคงรับภาระหนักกว่านี้ไม่ไหวแล้ว รายได้รวมสี่ไตรมาตก่อนของพวกเขาอยู่ที่สามพันห้าร้อยล้านหยวน ถ้าปีนี้ปรับลดราคาลงอีกสามเปอร์เซ็นต์จะเท่ากับว่า หลังจากนี้คาดว่าพวกเขาจะต้องขาดทุนอย่างต่ำปีละร้อยล้านหยวน”

แค่100ล้านหยวนมันไม่ได้เป็นค่าใช้จ่ายอะไรที่แพงเลยสำหรับตระกูลหัว ตราบใดที่เขาสามารถรักษาลูกค้ารายใหญ่ทั้งสองบริษัทนี้ไว้ได้ เขาจะปรับลดค่าจ้างคนงานลงแทนเพื่อชดเชยในสิ่งที่ขาดหายไป

และถึงจะไม่ปรับลดราคาค่าจ้างคนงานมาชดเชย กับแค่รายจ่ายปีละร้อยล้านหยวนมันเป็นภาระที่ตระกูลหัวรับได้ไม่มีปัญหา ขนาดตระกูลจ้าวยังมีรายจ่ายต่อปีกว่าพันล้านหยวน พวกเขายังสามารถยืนยั่นบนกองเงินกองทองได้อย่างมั่นคงตลอดหลายปีได้ นับประสาอะไรกับเรื่องแค่นี้

“ถ้าแบบนี้ก็อย่าเสียเวลาเลยครับ ถ้าพวกคุณทั้งสองบริษัทยอมยกเลิกสัญญาความร่วมมือกับตระกูลหัว ผมจะลดราคาขนส่งลงทันทียี่สิบเปอร์เซ็นต์ ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะครับว่าคุณหัวจะกล้าตามราคานี้ของผมมารึเปล่า?”

จ้าวเฉียนกล่าวเสนอสวนคืนทันทีพร้อมรอยยิ้ม

หวางอวี่จุนถึงกับกระเดือกน้ำลายเฮือกใหญ่ลงคอ ลดราคาตั้ง20%แบบนี้ก็หมายความว่า ท่าเรือเฉียนตงจะต้องขาดทุนอย่างน้อยปีละ400ล้านหยวนต่อปี กลยุทธ์นี้ของคุณชายจ้าวมันดูจะใจเด็ดเกินไปมาก ขาดทุนเยอะแยะขนาดนี้ แล้วท่าเรือเฉียนตงจะอยู่ได้ยังไง?

ชางหย่าและจ้านรุยที่ได้ยินแบบนั้นก็ยินดีที่จะฉีกสัญญาความร่วมมือกับท่าเรือหัวทิ้งทันที ส่วนลดที่จ้าวเฉียนเสนอมามันจะถูกเปลี่ยนกลายมาเป็นกำไรสุทธิให้แก่บริษัทของพวกเธอทั้งสองทันที ถ้ากำไรสุทธิ์เพิ่มขึ้นมหาศาลขนาดนี้ บริษัทของพวกเธอจะต้องเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด

หัวฉีเฉินถึงกับเสียศูนย์ไปชั่วขณะ เพื่อที่จะเอาชนะตระกูลหัวให้ได้ ไอ้หนุ่มนี่ถึงกับทำขนาดนี้เลย? สมองของเขาไม่ได้กระทบกระเทือนอะไรมาใช่ไหม?

หัวเซียงตงเองก็ตื่นตกลึงไม่ต่าง เขาเบนสายตาจับจ้องที่จ้าวเฉียนอย่างว่างเปล่า ไม่รู้เลยว่าควรจะเอ่ยปากตอบอะไรกลับไปดี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+