ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 234 ชักชวน

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 234 ชักชวน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่134 ชักชวน

สีหน้าของจ้าวเฉียนบึ้งตึงขึ้นมาทันที พอเห็นแบบนั้นหวานเจียงพลันตกใจอย่างมาก รีบกล่าวอธิบายโดยไว

“ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อนาย แต่ฉันไม่ค่อยอยากเชื่อทีมแพทย์พวกนี้เท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าพวกเขามาหลอกโกงเงินนายไปฟรีๆเหรอ?”

“โกงเงิน? ถ้าโกงแล้วพ่อเธอหายก็ปล่อยให้โกงไป!”

จ้าวเฉียนยักไหล่ตอบอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก

หวานเจียงกลอกตาใส่ไปทีหนึ่ง เอ่ยตอบขึ้นว่า

“ทำไมมันง่ายจัง! อีกอย่างนะ ถ้าเจตนาพวกนี้คือมาโกงเงินจริงๆ นั้นแสดงว่าพวกเขาไม่มีฝีมือด้านการแพทย์เลยไม่ใช่เหรอไง? ทางโรงพยาบาลจะรับผิดชอบค่าเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับพ่อของฉันยังไง?”

“แล้วฉันควรทำยังไงดีล่ะ? เดินไปบอกทีมแพทย์พวกนั้นให้กลับไปเลยดีไหม? แล้วรักษาไปตามอาการจนกว่าจะตายไปข้าง? ถ้าเป็นฉัน มีโอกาสอยู่ตรงหน้าขนาดนี้ไม่ว่ายังไงก็จะพยายามให้ถึงที่สุด ดังนั้นเซ็นซะ!”

หวานเจียงยังคงเอ่ยถามด้วยความไม่สบายใจเท่าไหร่นัก

“ถ้าอย่างนั้น…นายต้องสัญญากับฉันก่อน ว่าจะแสดงความรับผิดชอบกับเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด”

จ้าวเฉียนเริ่มรู้สึกรำคาญแล้วที่หวานเจียงจู้จี้จุกจิกเรื่องเขาไม่หยุดหย่อน เพราะเป็นแบบนี้นี่แหละ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจ้าวเฉียนถึงต้องทุ่มเงินมหาศาลเพื่อควบคุมฮวาหยินกรุ๊ป

ทันทีทันใดเขาตรงไปต่อหน้าเธอและโอบเอวกระชับแน่นในทันใด ช้อนมือซ้ายขึ้นมาบีบคางเธอและกล่าวว่า

“ที่รัก เธอเป็นของฉันแล้ว ดังนั้นฉันต้องรับผิดชอบทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเธอแน่นอน ถ้าคุณใจกล้าพอ ฉันจะเข้าไปบอกทุกอย่างเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราให้พ่อเธอฟังเป็นไง? แล้วแกล้งบอกเขาไปว่าเธอท้องกับฉัน ให้ความดันขึ้นเล่นดีไหม?”

“ตาบ้านี่! นายกล้าเหรอ?!”

ใบหน้าของหวานเจียงแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำขึ้นทันใด ทุบอกจ้าวเฉียนไปอย่างแรงทีหนึ่ง

บรรดาทีมศัลยแพทย์เองก็ทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน

“มิสหวาน สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการรักษาพ่อของคุณนะครับ เรื่องจีบกันค่อยว่ากันทีหลังเถอะ”

“ใช่แล้วค่ะ อย่าเสียเวลาล่าช้าไปกว่านี้เลย”

หวานเจียงหน้าแดงแจ๋หนักเข้าไปใหญ่พอได้ยินทุกคนกล่าวแบบนั้น เธอรีบผลักจ้าวเฉียนออกและเดินเข้าไปเซ็นโดยไว และนำทางทีมศัลยแพทย์เข้าไปยังห้องของหวานหลิน

หวานหลินเข้าไปอธิบายสั้นๆกับพ่อและแม่ของเธอหวังให้พวกเขาทั้งคู่ช่วยให้ความร่วมมือกับทีมแพทย์อย่างจริงจัง จากนั้นเธอค่อยพาแม่ออกไปรอข้างนอกก่อน

จ้าวเฉียนกำลังเล่นโทรศัพท์มือถือโดยไม่สนใจแม่ของหวานเจียงแม้แต่น้อย

ทางโรงพยาบาลในตอนนี้เองก็จุดทีมพยาบาลเฝ้าประตูทางเข้าออกอย่างหนาแน่น หนึ่งเพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัย และสองเตรียมสแตนบายเข้าไปช่วยทีมศัลยแพทย์เมื่อต้องการความช่วยเหลือ

สองชั่วโมงต่อมา บรรดาทีมศัลยแพทย์พากันออกมา ดูเหมือนท่าทีของพวกเขาจะค่อยข้างเคร่งเครียดไม่น้อย

หวานเจียงรีบวิ่งเข้าไปถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขากลับไม่สนใจเธอและตรงไปหาจ้าวเฉียนแทน

หวานเจียงช่วยไม่ได้เช่นกัน ทำได้เพียงพาแม่ของเธอเดินติดตามไปหาจ้าวเฉียนด้วยกัน

จ้าวเฉียนเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกงและเอ่ยถามขึ้นว่า

“ด็อกเตอร์โทมัส เป็นยังไงบ้างครับ?”

อเล็กซ์โทมัสกล่าวตอบไปตามตรงว่า

“มิสเตอร์จ้าว จากที่พวกเขาทำการวินิจฉัยอาการของมิสเตอร์หวานโดยละเอียด พวกเขาได้ข้อสรุปแล้วว่า เขาสามารถรับการผ่าตัดได้”

“แล้วอัตราความสำเร็จมากน้อยแค่ไหนครับ?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามทันทีด้วยความเป็นห่วง

หวานเจียงและคนอื่นๆที่ได้ยินอย่างนั้นต่างกังวลอย่างมาก โอกาสที่พ่อของเธอจะรอดชีวิตมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับอัตราความสำเร็จนี้

อเล็กซ์โทมัสตอบกลับไปว่า

“โอกาสสำเร็จประมาณ70%ครับ เนื่องด้วยโรคของมิสเตอร์หวานอัตราผ่าตัดสำเร็จค่อนข้างสูงอยู่แล้ว เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับผู้ให้การรักษาเลยครับ แต่ถ้าไม่เข้ารับการผ่าตัด มิสเตอร์หวานจะมีชีวิตอยู่ได้อีกสองปี ยังไงก็ต้องรีบตัดสินใจนะครับ เพราะอัตราความสำเร็จจะลดลั่งตามระยะเวลา ถ้ายิ่งตัดสินใจช้าโอกาสสำเร็จก็จะลดลงเรื่อยๆเช่นกัน”

จ้าวเฉียนหันไปมองหวานเจียงและกล่าวว่า

“เธอได้ยินแล้วใช่ไหม?”

หวานเจียงพยักหน้าตอบ และประคองแม่ของเธอกลับเข้าไปในห้องผู้ป่วยเพื่อปรึกษากับหวานหลิน

จ้าวเฉียนยังคงยืนสนทนากับทีมศัลยแพทย์เหล่านั้น และเอ่ยถามขึ้นว่า

“ถ้าเข้ารับการผ่าตัด ทางเราต้องเตรียมตัวยังไงบ้างครับ?”

อเล็กซ์โทมัสกล่าวตอบไปตามตรงว่า

“แค่อยากแนะนำว่าให้พวกคุณเดินทางไปเข้าทำการผ่าตัดที่อเมริกาหรือไม่ก็แคนาดาครับ ทางเรามีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยที่สุดในโลก สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จได้ครับ”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและหยิบมือถือโทรหาพ่อโดยตรง

“ฮาโหลพ่อ มีเรื่องจะรบกวนหน่อยครับ ถ้าจำเป็นต้องผ่าตัดใหญ่จริงๆ พ่อช่วยจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินไปอเมริกาไม่ก็อคนาดาได้ไหมครับ?”

จ้าวฝู่ระเบิดหัวเราขึ้นทันที กล่าวตอบไปว่า

“แน่นอน เรื่องเล็กน้อยไม่มีปัญหา ถ้าตัดสินใจกันเรียบร้อยแล้วค่อยโทรหาฉันอีกทีนะ”

จ้าวเฉียนกล่าวขอบคุณและกดวางสายไป

ประมาณสิบนาทีต่อมา จ้าวเฉียนนำทีมศัลยแพทย์กลับเข้ามาในห้องพักของหวานหลิน

หวานหลินที่เห็นพวกเขาเดินเข้ามาก็เอ่ยถามขึ้นทันทีว่า

“คุณหมอ บอกผมมาตามตรงนะครับ ถ้าเกิดผมโชคไม่ดีตกเป็นหนึ่งใน30% ผลที่ตามมาจะเลวร้ายแค่ไหนครับ?”

อเล็กซ์โทมัสตอบกลับไปว่า

“คงกลายเป็นมนุษย์ผักตลอดไปครับ แต่ถ้าการผ่าตัดสำเร็จด้วยดี คุณจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ดั่งคนปกติอีกครั้ง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าจะตัดสินใจอย่างไร 70%ในทางการแพทย์ถือว่ามากพอสมควร มันจะนำพามาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไปในอนาคต”

หวานหลินในขณะนี้กลัวตายเป็นอย่างมาก ต่อให้อัตราสำเร็จจะ99% และมีโอกาสแค่1%ล้มเหลว เขาก็ยังกลัวมากอยู่ดี แล้วนี่ยิ่งเป็นการผ่าตัดสมอง ถ้าล้มเหลวขึ้นมาผมที่ได้คือหายนะ

เมื่อเห็นหวานหลินวิตกแบบนั้น จ้าวเฉียนจึงกล่าวเสริมขึ้นทันทีว่า

“คุณหวาน ผมไม่ได้อยากจะมายุ่งอะไรหรอกนะครับ แต่คุณเองก็อยู่ในวงการธุรกิจมานานแล้ว พบเจอหลากหลายโครงการที่การันตีว่าได้กำไรมากกว่าขาดทุนมาก็ไม่น้อย ดังนั้นผมขอถามกลับว่า ถ้าเป็นโครงการที่สามารถการันตีกำไรแน่นอนถึง70%โดยถ้าสำเร็จขึ้นมาสิ่งที่คุณได้คืนกลับมามันมากกว่าร้อยเท่าพันเท่า คุณจะเลือกลงทุนไหม?”

หวานหลินขมวดคิ้วเอ่ยถามขึ้นทันที

“แกมาที่นี่ทำไม?”

“ก็ผมเป็นคนเชิญทีมศัลยแพทย์เหล่านี้มาจากต่างประเทศให้ และพวกเขาก็รับฟังแค่ผมเท่านั้น แน่นอนว่าผมจำเป็นต้องอยู่ที่นี่”

จ้าวเฉียนพยักไหล่ตอบอย่างช่วยไม่ได้

หวานหลินเขยือบขึ้นนั่งตัวตรงทันที และหันไปถามหวานเจียงว่า

“นี่เกิดอะไรขึ้น? ทำไมหมอนี่ถึงมาช่วยพ่อ?”

หวานเจียงไม่กล้าตอบ

จ้าวเฉียนไม่กลัวอีกฝ่ายแม้สักนิด จึงเอ่ยตอบไปว่า

“ปัจจุบันผมคือผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของฮวาหยินกรุ๊ป และคุณเป็นเพียงพนักงานในบริษัทผม ในฐานะประธานใหญ่ ผมจำเป็นต้องดูแลพนักงานและปฏิบัติต่อคุณเป็นอย่างดี ถ้าหลังผ่าตัดคุณกลับมาเป็นปกติเมื่อไหร่ ผมจะคืนสิทธิ์การบริหารทั้งหมดให้ พูดตามตรงนะ ผมไม่ค่อยเชื่อมือหวานเจียงเท่าไหร่ ถ้าได้คุณมาคุมบังเหียนแทนน่าจะดีกว่า”

หวานหลินงุนงงอย่างมาก เขาตะโกนขึ้นลั่นว่า

“แกน่ะเหรอ? แกมีเงินมากขนาดไหนได้ยังไง? มากพอที่จะครอบครองฮวาหยินกรุ๊ปเลยงั้นเหรอ?!”

จ้าวเฉียนไม่คิดจะปิดบังอะไรอยู่แล้ว จึงกล่าวตอบไปตามจริงว่า

“ผมจำนองบริษัทตัวเองให้กับฟู่ไห่ เพื่อกู้ยืนเงินจำนวนสี่พันล้านหยวนมา และด้วยจำนวนเงินเท่านี้ก็เพียงพอที่จะครอบครองฮวาหยินกรุ๊ปของคุณแล้ว”

“นี่แกจะบ้าเหรอ! ฟู่ไห่? บริษัทของนายมีมูลค่าถึงหลักพันล้านเลยงั้นเหรอ? ทำไมทางฟู่ไห้ถึงให้แกกู้ยืมเงินมามากขนาดนี้? แก…ทำได้ยังไง? ไม่สิ….แกทำเพื่ออะไรกันแน่?”

จ้าวเฉียนก้าวออกไปกอดเอวหวานเจียงและยิ้มตอบว่า

“แค่นี้ก็น่าจะชัดเจนพอแล้วนะครับ?”

หวานเจียงถึงกับหน้าแดงก่ำ รีบผลักจ้าวเฉียนออกไปโดยเร็ว

“นายทำอะไรน่ะ!”

ถึงเธอจะพูดแบบนั้นออกไป แต่ภายในใจของเธอกลับมีความสุขอย่างมาก

พอหวานหลินเห็นปฏิกิริยาลูกสาวตัวเองเป็นแบบนั้นก็ทราบได้ทันทีว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจ้าวเฉียนนั้นจะพัฒนาไปไกลแล้ว

แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ลูกสาวที่แสนหัวสูงของตน คนอย่างจ้าวเฉียนไม่น่าจะเข้าตาได้เลย ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามขึ้นว่า

“เสี่ยวเจียง บอกความจริงกับพ่อมา ลูกกับหมอนั่นมีความสัมพันธ์แบบไหนกันแน่?”

ยังไม่ทันที่หวานเจียงจะเอ่ยปากอะไรตอบ จ้าวเฉียนก็เอ่ยแทรกขึ้นว่า

“สัมพันธ์แบบไหนไม่สำคัญ! แต่บางที…คุณอาจต้องกลายเป็นปู่เร็วๆนี้!”

เมื่อประโยคนี้เปล่งดังออกมา ทั่วทั้งห้องก็พลันเงียบสงัดลงทันใด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 234 ชักชวน

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 234 ชักชวน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่134 ชักชวน

สีหน้าของจ้าวเฉียนบึ้งตึงขึ้นมาทันที พอเห็นแบบนั้นหวานเจียงพลันตกใจอย่างมาก รีบกล่าวอธิบายโดยไว

“ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อนาย แต่ฉันไม่ค่อยอยากเชื่อทีมแพทย์พวกนี้เท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าพวกเขามาหลอกโกงเงินนายไปฟรีๆเหรอ?”

“โกงเงิน? ถ้าโกงแล้วพ่อเธอหายก็ปล่อยให้โกงไป!”

จ้าวเฉียนยักไหล่ตอบอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก

หวานเจียงกลอกตาใส่ไปทีหนึ่ง เอ่ยตอบขึ้นว่า

“ทำไมมันง่ายจัง! อีกอย่างนะ ถ้าเจตนาพวกนี้คือมาโกงเงินจริงๆ นั้นแสดงว่าพวกเขาไม่มีฝีมือด้านการแพทย์เลยไม่ใช่เหรอไง? ทางโรงพยาบาลจะรับผิดชอบค่าเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับพ่อของฉันยังไง?”

“แล้วฉันควรทำยังไงดีล่ะ? เดินไปบอกทีมแพทย์พวกนั้นให้กลับไปเลยดีไหม? แล้วรักษาไปตามอาการจนกว่าจะตายไปข้าง? ถ้าเป็นฉัน มีโอกาสอยู่ตรงหน้าขนาดนี้ไม่ว่ายังไงก็จะพยายามให้ถึงที่สุด ดังนั้นเซ็นซะ!”

หวานเจียงยังคงเอ่ยถามด้วยความไม่สบายใจเท่าไหร่นัก

“ถ้าอย่างนั้น…นายต้องสัญญากับฉันก่อน ว่าจะแสดงความรับผิดชอบกับเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด”

จ้าวเฉียนเริ่มรู้สึกรำคาญแล้วที่หวานเจียงจู้จี้จุกจิกเรื่องเขาไม่หยุดหย่อน เพราะเป็นแบบนี้นี่แหละ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจ้าวเฉียนถึงต้องทุ่มเงินมหาศาลเพื่อควบคุมฮวาหยินกรุ๊ป

ทันทีทันใดเขาตรงไปต่อหน้าเธอและโอบเอวกระชับแน่นในทันใด ช้อนมือซ้ายขึ้นมาบีบคางเธอและกล่าวว่า

“ที่รัก เธอเป็นของฉันแล้ว ดังนั้นฉันต้องรับผิดชอบทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเธอแน่นอน ถ้าคุณใจกล้าพอ ฉันจะเข้าไปบอกทุกอย่างเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราให้พ่อเธอฟังเป็นไง? แล้วแกล้งบอกเขาไปว่าเธอท้องกับฉัน ให้ความดันขึ้นเล่นดีไหม?”

“ตาบ้านี่! นายกล้าเหรอ?!”

ใบหน้าของหวานเจียงแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำขึ้นทันใด ทุบอกจ้าวเฉียนไปอย่างแรงทีหนึ่ง

บรรดาทีมศัลยแพทย์เองก็ทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน

“มิสหวาน สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการรักษาพ่อของคุณนะครับ เรื่องจีบกันค่อยว่ากันทีหลังเถอะ”

“ใช่แล้วค่ะ อย่าเสียเวลาล่าช้าไปกว่านี้เลย”

หวานเจียงหน้าแดงแจ๋หนักเข้าไปใหญ่พอได้ยินทุกคนกล่าวแบบนั้น เธอรีบผลักจ้าวเฉียนออกและเดินเข้าไปเซ็นโดยไว และนำทางทีมศัลยแพทย์เข้าไปยังห้องของหวานหลิน

หวานหลินเข้าไปอธิบายสั้นๆกับพ่อและแม่ของเธอหวังให้พวกเขาทั้งคู่ช่วยให้ความร่วมมือกับทีมแพทย์อย่างจริงจัง จากนั้นเธอค่อยพาแม่ออกไปรอข้างนอกก่อน

จ้าวเฉียนกำลังเล่นโทรศัพท์มือถือโดยไม่สนใจแม่ของหวานเจียงแม้แต่น้อย

ทางโรงพยาบาลในตอนนี้เองก็จุดทีมพยาบาลเฝ้าประตูทางเข้าออกอย่างหนาแน่น หนึ่งเพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัย และสองเตรียมสแตนบายเข้าไปช่วยทีมศัลยแพทย์เมื่อต้องการความช่วยเหลือ

สองชั่วโมงต่อมา บรรดาทีมศัลยแพทย์พากันออกมา ดูเหมือนท่าทีของพวกเขาจะค่อยข้างเคร่งเครียดไม่น้อย

หวานเจียงรีบวิ่งเข้าไปถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขากลับไม่สนใจเธอและตรงไปหาจ้าวเฉียนแทน

หวานเจียงช่วยไม่ได้เช่นกัน ทำได้เพียงพาแม่ของเธอเดินติดตามไปหาจ้าวเฉียนด้วยกัน

จ้าวเฉียนเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกงและเอ่ยถามขึ้นว่า

“ด็อกเตอร์โทมัส เป็นยังไงบ้างครับ?”

อเล็กซ์โทมัสกล่าวตอบไปตามตรงว่า

“มิสเตอร์จ้าว จากที่พวกเขาทำการวินิจฉัยอาการของมิสเตอร์หวานโดยละเอียด พวกเขาได้ข้อสรุปแล้วว่า เขาสามารถรับการผ่าตัดได้”

“แล้วอัตราความสำเร็จมากน้อยแค่ไหนครับ?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามทันทีด้วยความเป็นห่วง

หวานเจียงและคนอื่นๆที่ได้ยินอย่างนั้นต่างกังวลอย่างมาก โอกาสที่พ่อของเธอจะรอดชีวิตมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับอัตราความสำเร็จนี้

อเล็กซ์โทมัสตอบกลับไปว่า

“โอกาสสำเร็จประมาณ70%ครับ เนื่องด้วยโรคของมิสเตอร์หวานอัตราผ่าตัดสำเร็จค่อนข้างสูงอยู่แล้ว เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับผู้ให้การรักษาเลยครับ แต่ถ้าไม่เข้ารับการผ่าตัด มิสเตอร์หวานจะมีชีวิตอยู่ได้อีกสองปี ยังไงก็ต้องรีบตัดสินใจนะครับ เพราะอัตราความสำเร็จจะลดลั่งตามระยะเวลา ถ้ายิ่งตัดสินใจช้าโอกาสสำเร็จก็จะลดลงเรื่อยๆเช่นกัน”

จ้าวเฉียนหันไปมองหวานเจียงและกล่าวว่า

“เธอได้ยินแล้วใช่ไหม?”

หวานเจียงพยักหน้าตอบ และประคองแม่ของเธอกลับเข้าไปในห้องผู้ป่วยเพื่อปรึกษากับหวานหลิน

จ้าวเฉียนยังคงยืนสนทนากับทีมศัลยแพทย์เหล่านั้น และเอ่ยถามขึ้นว่า

“ถ้าเข้ารับการผ่าตัด ทางเราต้องเตรียมตัวยังไงบ้างครับ?”

อเล็กซ์โทมัสกล่าวตอบไปตามตรงว่า

“แค่อยากแนะนำว่าให้พวกคุณเดินทางไปเข้าทำการผ่าตัดที่อเมริกาหรือไม่ก็แคนาดาครับ ทางเรามีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยที่สุดในโลก สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จได้ครับ”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและหยิบมือถือโทรหาพ่อโดยตรง

“ฮาโหลพ่อ มีเรื่องจะรบกวนหน่อยครับ ถ้าจำเป็นต้องผ่าตัดใหญ่จริงๆ พ่อช่วยจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินไปอเมริกาไม่ก็อคนาดาได้ไหมครับ?”

จ้าวฝู่ระเบิดหัวเราขึ้นทันที กล่าวตอบไปว่า

“แน่นอน เรื่องเล็กน้อยไม่มีปัญหา ถ้าตัดสินใจกันเรียบร้อยแล้วค่อยโทรหาฉันอีกทีนะ”

จ้าวเฉียนกล่าวขอบคุณและกดวางสายไป

ประมาณสิบนาทีต่อมา จ้าวเฉียนนำทีมศัลยแพทย์กลับเข้ามาในห้องพักของหวานหลิน

หวานหลินที่เห็นพวกเขาเดินเข้ามาก็เอ่ยถามขึ้นทันทีว่า

“คุณหมอ บอกผมมาตามตรงนะครับ ถ้าเกิดผมโชคไม่ดีตกเป็นหนึ่งใน30% ผลที่ตามมาจะเลวร้ายแค่ไหนครับ?”

อเล็กซ์โทมัสตอบกลับไปว่า

“คงกลายเป็นมนุษย์ผักตลอดไปครับ แต่ถ้าการผ่าตัดสำเร็จด้วยดี คุณจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ดั่งคนปกติอีกครั้ง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าจะตัดสินใจอย่างไร 70%ในทางการแพทย์ถือว่ามากพอสมควร มันจะนำพามาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไปในอนาคต”

หวานหลินในขณะนี้กลัวตายเป็นอย่างมาก ต่อให้อัตราสำเร็จจะ99% และมีโอกาสแค่1%ล้มเหลว เขาก็ยังกลัวมากอยู่ดี แล้วนี่ยิ่งเป็นการผ่าตัดสมอง ถ้าล้มเหลวขึ้นมาผมที่ได้คือหายนะ

เมื่อเห็นหวานหลินวิตกแบบนั้น จ้าวเฉียนจึงกล่าวเสริมขึ้นทันทีว่า

“คุณหวาน ผมไม่ได้อยากจะมายุ่งอะไรหรอกนะครับ แต่คุณเองก็อยู่ในวงการธุรกิจมานานแล้ว พบเจอหลากหลายโครงการที่การันตีว่าได้กำไรมากกว่าขาดทุนมาก็ไม่น้อย ดังนั้นผมขอถามกลับว่า ถ้าเป็นโครงการที่สามารถการันตีกำไรแน่นอนถึง70%โดยถ้าสำเร็จขึ้นมาสิ่งที่คุณได้คืนกลับมามันมากกว่าร้อยเท่าพันเท่า คุณจะเลือกลงทุนไหม?”

หวานหลินขมวดคิ้วเอ่ยถามขึ้นทันที

“แกมาที่นี่ทำไม?”

“ก็ผมเป็นคนเชิญทีมศัลยแพทย์เหล่านี้มาจากต่างประเทศให้ และพวกเขาก็รับฟังแค่ผมเท่านั้น แน่นอนว่าผมจำเป็นต้องอยู่ที่นี่”

จ้าวเฉียนพยักไหล่ตอบอย่างช่วยไม่ได้

หวานหลินเขยือบขึ้นนั่งตัวตรงทันที และหันไปถามหวานเจียงว่า

“นี่เกิดอะไรขึ้น? ทำไมหมอนี่ถึงมาช่วยพ่อ?”

หวานเจียงไม่กล้าตอบ

จ้าวเฉียนไม่กลัวอีกฝ่ายแม้สักนิด จึงเอ่ยตอบไปว่า

“ปัจจุบันผมคือผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของฮวาหยินกรุ๊ป และคุณเป็นเพียงพนักงานในบริษัทผม ในฐานะประธานใหญ่ ผมจำเป็นต้องดูแลพนักงานและปฏิบัติต่อคุณเป็นอย่างดี ถ้าหลังผ่าตัดคุณกลับมาเป็นปกติเมื่อไหร่ ผมจะคืนสิทธิ์การบริหารทั้งหมดให้ พูดตามตรงนะ ผมไม่ค่อยเชื่อมือหวานเจียงเท่าไหร่ ถ้าได้คุณมาคุมบังเหียนแทนน่าจะดีกว่า”

หวานหลินงุนงงอย่างมาก เขาตะโกนขึ้นลั่นว่า

“แกน่ะเหรอ? แกมีเงินมากขนาดไหนได้ยังไง? มากพอที่จะครอบครองฮวาหยินกรุ๊ปเลยงั้นเหรอ?!”

จ้าวเฉียนไม่คิดจะปิดบังอะไรอยู่แล้ว จึงกล่าวตอบไปตามจริงว่า

“ผมจำนองบริษัทตัวเองให้กับฟู่ไห่ เพื่อกู้ยืนเงินจำนวนสี่พันล้านหยวนมา และด้วยจำนวนเงินเท่านี้ก็เพียงพอที่จะครอบครองฮวาหยินกรุ๊ปของคุณแล้ว”

“นี่แกจะบ้าเหรอ! ฟู่ไห่? บริษัทของนายมีมูลค่าถึงหลักพันล้านเลยงั้นเหรอ? ทำไมทางฟู่ไห้ถึงให้แกกู้ยืมเงินมามากขนาดนี้? แก…ทำได้ยังไง? ไม่สิ….แกทำเพื่ออะไรกันแน่?”

จ้าวเฉียนก้าวออกไปกอดเอวหวานเจียงและยิ้มตอบว่า

“แค่นี้ก็น่าจะชัดเจนพอแล้วนะครับ?”

หวานเจียงถึงกับหน้าแดงก่ำ รีบผลักจ้าวเฉียนออกไปโดยเร็ว

“นายทำอะไรน่ะ!”

ถึงเธอจะพูดแบบนั้นออกไป แต่ภายในใจของเธอกลับมีความสุขอย่างมาก

พอหวานหลินเห็นปฏิกิริยาลูกสาวตัวเองเป็นแบบนั้นก็ทราบได้ทันทีว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจ้าวเฉียนนั้นจะพัฒนาไปไกลแล้ว

แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ลูกสาวที่แสนหัวสูงของตน คนอย่างจ้าวเฉียนไม่น่าจะเข้าตาได้เลย ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามขึ้นว่า

“เสี่ยวเจียง บอกความจริงกับพ่อมา ลูกกับหมอนั่นมีความสัมพันธ์แบบไหนกันแน่?”

ยังไม่ทันที่หวานเจียงจะเอ่ยปากอะไรตอบ จ้าวเฉียนก็เอ่ยแทรกขึ้นว่า

“สัมพันธ์แบบไหนไม่สำคัญ! แต่บางที…คุณอาจต้องกลายเป็นปู่เร็วๆนี้!”

เมื่อประโยคนี้เปล่งดังออกมา ทั่วทั้งห้องก็พลันเงียบสงัดลงทันใด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+