ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 220 ลงนามสัญญาความร่วมมือ

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 220 ลงนามสัญญาความร่วมมือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่220 ลงนามสัญญาความร่วมมือ

จ้าวเฉียนกับหวานเจียงรับศึกหนักในโรงแรมตลอดจนเที่ยงคืนกว่าเห็นจะได้ ทั้งคู่จึงผล็อยหลับไป เมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนเกือบเที่ยงวัน ก็พบว่าหวานเจียงได้จากไปแล้ว

จ้าวเฉียนคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและโทรไปหาหวานเจียงทันที

“นี่ ออกไปตั้งแต่เมื่อไร่ ทำไมไม่ปลุกฉันก่อน?”

หวานเจียงถอนหายใจเสียงดังตอบกลับไปว่า

“นายมันขี้เกียจสันหลังยาว แล้วทำไมฉันต้องขี้เซาอย่างกับหมูแบบนายด้วย? อีกอย่างฉันต้องรีบไปซื้อยาคุม ตอนบ่ายยังมีนัดเซ็นสัญญากับบริษัทนายอีก ไปบอกลูกน้องด้วยว่า เตรียมสัญญามาให้พร้อม”

จ้าวเฉียนกล่าวตอบเจือน้ำเสียงรู้สึกผิดเล็กน้อย

“โทษที เมื่อคืนฉันเหนื่อยจนเพลียหลับไปเลย แล้วอันที่จริงไม่ต้องกังวลหรอก ยาคุมฉุกเฉินให้กินภายใน24ชม.อยู่แล้ว คราวหน้าเดี๋ยวฉันซื้อเตรียมมาให้เธอก็แล้วกัน”

หวานเจียงสบถด่าสวนทันที

“นายนี่มันเลวเกินไปแล้ว! ยังคิดว่าจะมีครั้งหน้าอีกรึไง? ฝันไปเถอะ!”

จ้าวเฉียนหัเราะคิกคักพลางตอบไปว่า

“ฮ่าฮ่า…ไม่เป็นไร ไม่ต้องเขินหรอกน่า แล้วมีนัดเซ็นสัญญากี่โมง?”

” บ่ายสาม! ฉันยังมีธุระต้องทำ แค่นี้แหละ!”

หวานเจียงวางสายทันทีหลังพูดจบ

จ้าวเฉียนรีบลุดขึ้นจากเตียงโดยไว อาบน้ำแต่งตัว ออกไปรับประทานอาหารกลางวัน ก่อนจะเดินทางไปที่บริษัท เฉียนเก๋อโดยทันที

หยวนมี่รีบพาเขาเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวของเธอทันทีและเอ่ยถามด้วยความเคารพว่า

“ทำไมวันนี้คุณจ้าวว่างได้ค่ะเนี่ย? ถ้ามีอะไรจริงๆ โทรสั่งดิฉันได้ตลอดนะคะ ไม่เห็นต้องเสียเวลามาเองเลย”

จ้าวเฉียนยิ้มและตอบไปว่า

“ฉันจะมาคุยกับฮวาหยินกรุ๊ปเป็นการส่วนตัวน่ะ รู้สึกว่าผู้จัดการของทางนั้นจะมาที่นี่ตอนบ่ายสาม วันนี้ฉันเองก็ว่าง เลยมาคุมเองเลยดีกว่า แถมฉันจะมาเพิ่มเงื่อนไขให้อู่ซินรับบทนางรองด้วยน่ะ หากเธอสามารถทำผลงานเรื่องนี้ออกมาได้ดี รับรองว่ากลายมาเป็นดาราดาวรุ่งแห่งปีแน่นอน

หยวนมี่กล่าวถามทันทีด้วยความสงสัย

“คุณจ้าว ดิฉันขอถามได้ไหมค่ะว่า ใครเป็นผู้กำกับ? แล้วตัวพระเอกกับนางเอกใครเป็นคนรับบท?”

“ผู้กำกับคือเฟิงเต๋อ ผู้กำกับหนุ่มดาวรุ่งในตอนนี้ ส่วนเรื่องบทละครยังไม่ได้รับการตัดสินใจ แต่ที่แน่ๆ คือนางรองต้องเป็นอู่ซิน”

จ้าวเฉียนเอ่ยตอบไปถามความจริง

หยวนมี่ยิ่งมึนงงหนักกว่าเดิม ในเมื่อบริษัทเฉียนเก๋อเป็นหนึ่งในผู้ร่วมทุนใหญ่ แล้วทำไมคุณจ้าวถึงไม่สู้เพื่อเอาบทนางเอกมาให้อู่ซิน แต่กลับเลือกให้เป็นแค่นางรองเท่านั้น?

จ้าวเฉียนทราบดีถึงข้อกังขาใจนี้ของเธอ จึงกล่าวอธิบายไปว่า

“ทักษะการแสดงของอู่ซินยังไม่ดีเท่าที่ควร ถ้าเธอรับบทนางเอกในหนังที่ผู้คนคาดหวังขนาดนี้ จะส่งผลเสียหลายๆ อย่างตามมา อย่างแรกคือแรงกดดันที่มหาศาลเกินกว่าตัวอู่ซินจะรับไหว และสองอาจจะทำให้หนังขาดทุนได้ และข้อสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ มันจะทำให้เส้นทางนักแสดงของเธอในอนาคตแคบลงทันที”

หยวนมี่พยักหน้าและเรียกผู้กำกับพร้อมมือเขียนบทในบริษัทมาประชุมทันทีโดยเร็ว เนื่องจากอู่ซินจะต้องรับบทเป็นนางรอง ดังนั้นเรื่องบทหนังในส่วนนี้ พวกหยวนมี่จะต้องปรับแต่งบทยังไงก็ได้ออกมาโดดเด่นไม่แพ้นางเอก

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ซูหยิงและผู้กำกับเฉินเจียก็เดินเข้ามาพบกับทั้งคู่ พวกเขาถือเป็นนักเขียนบทและผู้กำกับระดับปรมาจารย์

ทั้งสองรีบโค้งทักทายจ้าวเฉียนอย่างรวดเร็ว

“คุณชายจ้าวไม่ได้พบกันตั้งนาน สบายดีไหมค่ะ?”

ซูหยิงเอ่ยทักทายอย่างยิ้มแย้ม

เฉินเจียเองก็รีบทักทายเช่นกัน

“สวัสดีครับคุณชายจ้าว”

จ้าวเฉียนยิ้มและพยักหน้าตอบกลับไปว่า

“สบยาดี แล้วพวกคุณล่ะ?”

ทั้งสองส่ายหัวตอบกลับไปว่าสบายดีเช่นกัน จากนั้นจ้าวเฉียนก็ผายมือเชิญทั้งสองนั่งลง

หยวนมี่ที่เห็นแบบนั้นพลันรู้สึกมึนงงเล็กน้อย จึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวังขึ้นว่า

“คุณจ้าวค่ะ ทำไมพวกเขาถึงเรียกคุณว่า คุณชายจ้าว?”

จ้าวเฉียนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ทุกคนในห้องนี้มีเพียงหยวนมี่คนเดียวที่ยังไม่ทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา จึงยิ้มตอบไปว่า

“เดี๋ยวคุณก็จะรู้เองในอนาคต เอาล่ะ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า”

จ้าวเฉียนอธิบายเนื้อความของโปรเจคหนังเรื่องนี้พอสังเขปให้แก่ทั้งสองฟัง จากนั้นก็วานพวกเขาช่วยเขียนบทของอู่ซินให้ออกมาดูดีที่สุดในขอบเขตของบทนางรอง

ซูหยิงและเฉินเจียรีบระดมสมองหารือเพื่อสร้างบทละครของอู่ซินออกมาให้ดีที่สุด หลังจากนั้นไม่นานหวานเจียงก็มาถึงบริษัทเป็นลำดับต่อมาพร้อมกับคนของฮวาหยินกรุ๊ป

ทั้งสองฝ่ายนั่งลงในห้องประชุมใหญ่และหารือเกี่ยวกับรายละเอียดสัญญาอย่างเป็นทางการ

หวานเจียงเอ่ยถามจ้าวเฉียนว่า

“คุณจ้าว คุณมีข้อกำหนดอะไรอีกไหมที่ต้องการแจ้ง ไม่อย่างนั้นเราจะเริ่มเซ็นสัญญากันทันที”

จ้าวเฉียนเหลือบมองไปที่ซูหยิงและเฉินเจีย ทั้งสองพยักหน้าให้ราวกับเข้าใจสิ่งที่พยายามสื่อในทันที ก่อนจะยกมือขึ้นเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับบทนางรองของอู่ซิน ว่าควรปรับแต่งตรงไหนบ้างพร้อมอธิบายให้ทุกคนฟัง

ท้ายที่สุดนี้ จ้าวเฉียนอัดฉีดเงินลงทุนไปถึง150ล้าน และขอกักแค่บทละครนางรองเท่านั้น หากจะมีข้อเรียกร้องอะไรเพิ่มเติมอีกนิดๆ หน่อยๆ ทางฮวาหยินกรุ๊ปย่อมไม่คัดค้านเป็นธรรมดา

พอทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันจึงเริ่มกระบวนการเซ็นสัญญาทันที หลังจากจ้าวเฉียนลงนามเสร็จ ทางหวานเจียงก็ลงนามต่อทันที ทั้งสองบริษัทต่างถือหนังสือสัญญาฉบับสำเนาไว้คนละเล่ม ถือมีผลบังคับใช้ทางกฎหมายแล้ว

หวานเจียงยิ้มกล่าวว่า

“เพื่อความยุติธรรม คุณจ้าวสามารถส่งผู้กำกับเฉินและมือเขียนบทซูไปร่วมในกองถ่ายได้ตลอดนะคะ ถ้าได้ความช่วยเหลือจากสองคนนี้ ดิฉันคิดว่าโปรเจคหนังเรื่องนี้จะยิ่งสมบูรณ์แน่นอน”

จ้าวเฉียนหันไปถามความเห็นจากทั้งสองว่า

“พวกคุณสองคนว่ายังไง?”

เฉินเจียรีบกล่าวตอบทันทีด้วยความเคารพ

“คุณชายจ้าว ผมอยากจะลองลงสนามกับผู้กำกับเฟิงดูสักครั้ง บางทีคนแก่อย่างผมก็ต้องรู้เรียนอะไรใหม่ๆ จากพวกผู้กำกับหนุ่มสาว”

ซูหยิงพยักหน้าตอบเช่นกัน

“คุณชายจ้าว ดิฉันเองก็อยากจะลองไปดูเช่นกัน คราวนี้ถือเป็นโปรเจคใหญ่ นับเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับดิฉันเช่นกัน”

จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบไปว่า

“งั้นตกลง! ถ้าอย่างนั้นพวกคุณทั้งสองก็เดินทางไปคุมกองถ่ายได้ตามสะดวกเลยนะ คุณหวานยังมีอะไรจะเสนอในห้องประชุมนี้อีกไหมครับ?”

หวานเจียงส่ายหัวเป็นคำตอบ

“ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาคุยกันเรื่องส่วนตัวต่อดีกว่า”

จ้าวเฉียนแสยะยิ้มมุมปากตอบกลับทันใด

สีหน้าของหวานเจียงแปรเปลี่ยนไปโดยพลัน เหลือบมองผู้คนจากฮวาหยินกรุ๊ปที่มาด้วย เธอพลันรู้สึกอึดอัดขึ้นทันควัน เอ่ยถามใบหน้าเคร่งขรึมว่า

“คุยเรื่องอะไรเป็นการส่วนตัว? วันนี้พวกเราฮวาหยินกรุ๊ปมาเจรจาเรื่องธุรกิจเท่านั้น!”

แต่คนอื่นๆ ในห้องประชุมเองต่างหัวไวทราบจุดยืนของตัวเองในทันใด ไม่เว้นแม้แต่คนของฮวาหยินกรุ๊ป พวกเขารีบเก็บเอกสารบนโต๊ะและเดินจากห้องประชุมออกไปโดยไวพร้อมปิดประตูให้เสร็จสรรพ ตอนนี้เหลือเพียงจ้าวเฉียนและหวานเจียงเท่านั้นในห้องประชุม

หวานเจียงโกรธอย่างมากเมื่อเห็นแบบนั้น เธอตะวาดลั่นว่า

“นี่นายบ้าไปแล้วรึไง! ต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ ยังมีหน้ามาบอกว่าอยากคุยเรื่องส่วนตัวนี่นะ? แล้วถ้าพวกเขาเข้าใจผิดขึ้นมาจะทำยังไง?!”

“ทำไมถึงดูประหม่าขนาดนั้นล่ะ? เข้าใจผิดแล้วมันยังไง? กลัวคนอื่นคิดว่า พวกเราเป็นมากกว่าคนร่วมธุรกิจกันรึไง?”

“ก็ใช่น่ะสิ! ดังนั้นเลิกพูดจากอะไรที่มันส่อไปทางแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นได้แล้ว! เข้าใจที่ฉันพูดไหม?”

เมื่อเห็นท่าทางการแสดงออกของหวานเจียงที่ดูโกรธจัด จ้าวเฉียนก็พลันสงสัยเช่นกัน ถ้าคนอื่นทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาแล้วยังไงล่ะ? จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นรึไง?

“นี่เธอยังโกรธฉันอยู่เหรอ?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

หวานเจียงเค้นเสียงเย็นถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ไม่! ทำไมฉันต้องโกรธนายด้วย! หลงตัวเองเกินไปแล้ว!”

จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มบางตอบไปว่า

“ก็เห็นอยู่ว่ากำลังโกรธ ฉันพอจะไถ่โทษอะไรได้บ้างไหม?”

หวานเจียงหัวเราะเล็กน้อย กล่าวเย้ยขึ้นว่า

“อย่างนายเหรออยากจะไถ่โทษ?”

รอยยิ้มที่ประดับประดาบนใบหน้าของจ้าวเฉียนหายวับไป กลับแทนที่มาด้วยสีหน้าแสนจริงจัง

“ฉันว่าตัวเองล้ำเส้นเธอเยอะเกินไปหน่อยน่ะ ถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะไถ่โทษหรือช่วยอะไรได้ก็บอกมาเถอะ”

หวานเจียงคลี่ยิ้มกว้างด้วยความดีอกดีใจ

“เรากำลังมีแผนสร้างทีวีซีรีย์เร็วๆ นี้ แต่เรายังขาดผู้ร่วมทุนอยู่ นายสนใจเข้ามาช่วยฉันไหมล่ะ?”

จ้าวเฉียนกลอดตาใส่เล็กน้อย กล่าวตอบไปตรงไม่มีเกรงใจว่า

“ตราบใดที่เป็นโปรเจคที่สามารถทำกำไรได้ ฉันไม่มีปฏิเสธิอยู่แล้ว แต่ดูท่า…มันคงไม่ง่ายอย่างที่คิดใช่ไหม?”

หวานเจียงยิ้มและตอบกลับไปว่า

“โปรเจคนี้ค่อนข้างพิเศษน่ะ ฉันกลัวว่านายจะไม่เต็มใจช่วยน่ะสิ”

จ้าวเฉียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และกล่าวไปว่า

“นี่น่ะเหรอราชินีน้ำแข็งแห่งวงการธุรกิจ บางครั้งเธอก็ดูไร้เดียงสาเกินไปหน่อยนะ เกริ่นมาแบบนี้ผมก็พอเดาได้แล้วว่า มันหมายความว่ายังไง สู้บอกฉันมาตรงเลยดีกว่า ไม่ต้องอ้อมค้อม ส่วนจะเอายังไงต่อก็ต้องดูอีกทีหนึ่ง”

หวานเจียงที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าและอธิบายเกี่ยวกับโปรเจคทีวีซีรีย์ดังกล่าวทันที แต่พอจ้าวเฉียนได้ยิน สีหน้าของเขาพลันมืดทมิฬลงทันควัน ปรากฏว่าโปรเจคที่ทางฮวาหยินกรุ๊ปกำลังจะสร้างขึ้นมาคือ ซีรีย์กำลังภายในโบราณที่ดัดแปลงมาจากนิยายสุดฮิตอย่าง《เทพอสูรบรรพกาล》แต่งโดยสองเทพแพตตินั่ม

ซึ่งสองเทพแพตตินั่มคือคนที่เคยมีปัญหากับหรูเมิ่งในตอนแรกสุด และคนที่สนับสนุนสองนักเขียนคู่นี้ก็คือหยางหมิง นั้นหมายความว่า การที่ทางฮวาหยินกรุ๊ปจะนำเรื่อง《เทพอสูรบรรพกาล》มาถ่ายทำได้เท่ากับว่าต้องได้รับอนุญาตจากหยางหมิงก่อนแล้วเช่นกัน แล้วเหตุใดหวานเจียงถึงยอมร่วมมือกับหยางหมิงล่ะ?

สีหน้าของจ้าวเฉียนผิดจากตอนก่อนหน้าลิบลับ เอ่ยปากถามอย่างเย็นชาว่า

“นี่หมายความว่ายังไง? เธอร่วมมือกับหยางหมิงงั้นเหรอ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 220 ลงนามสัญญาความร่วมมือ

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 220 ลงนามสัญญาความร่วมมือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่220 ลงนามสัญญาความร่วมมือ

จ้าวเฉียนกับหวานเจียงรับศึกหนักในโรงแรมตลอดจนเที่ยงคืนกว่าเห็นจะได้ ทั้งคู่จึงผล็อยหลับไป เมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนเกือบเที่ยงวัน ก็พบว่าหวานเจียงได้จากไปแล้ว

จ้าวเฉียนคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและโทรไปหาหวานเจียงทันที

“นี่ ออกไปตั้งแต่เมื่อไร่ ทำไมไม่ปลุกฉันก่อน?”

หวานเจียงถอนหายใจเสียงดังตอบกลับไปว่า

“นายมันขี้เกียจสันหลังยาว แล้วทำไมฉันต้องขี้เซาอย่างกับหมูแบบนายด้วย? อีกอย่างฉันต้องรีบไปซื้อยาคุม ตอนบ่ายยังมีนัดเซ็นสัญญากับบริษัทนายอีก ไปบอกลูกน้องด้วยว่า เตรียมสัญญามาให้พร้อม”

จ้าวเฉียนกล่าวตอบเจือน้ำเสียงรู้สึกผิดเล็กน้อย

“โทษที เมื่อคืนฉันเหนื่อยจนเพลียหลับไปเลย แล้วอันที่จริงไม่ต้องกังวลหรอก ยาคุมฉุกเฉินให้กินภายใน24ชม.อยู่แล้ว คราวหน้าเดี๋ยวฉันซื้อเตรียมมาให้เธอก็แล้วกัน”

หวานเจียงสบถด่าสวนทันที

“นายนี่มันเลวเกินไปแล้ว! ยังคิดว่าจะมีครั้งหน้าอีกรึไง? ฝันไปเถอะ!”

จ้าวเฉียนหัเราะคิกคักพลางตอบไปว่า

“ฮ่าฮ่า…ไม่เป็นไร ไม่ต้องเขินหรอกน่า แล้วมีนัดเซ็นสัญญากี่โมง?”

” บ่ายสาม! ฉันยังมีธุระต้องทำ แค่นี้แหละ!”

หวานเจียงวางสายทันทีหลังพูดจบ

จ้าวเฉียนรีบลุดขึ้นจากเตียงโดยไว อาบน้ำแต่งตัว ออกไปรับประทานอาหารกลางวัน ก่อนจะเดินทางไปที่บริษัท เฉียนเก๋อโดยทันที

หยวนมี่รีบพาเขาเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวของเธอทันทีและเอ่ยถามด้วยความเคารพว่า

“ทำไมวันนี้คุณจ้าวว่างได้ค่ะเนี่ย? ถ้ามีอะไรจริงๆ โทรสั่งดิฉันได้ตลอดนะคะ ไม่เห็นต้องเสียเวลามาเองเลย”

จ้าวเฉียนยิ้มและตอบไปว่า

“ฉันจะมาคุยกับฮวาหยินกรุ๊ปเป็นการส่วนตัวน่ะ รู้สึกว่าผู้จัดการของทางนั้นจะมาที่นี่ตอนบ่ายสาม วันนี้ฉันเองก็ว่าง เลยมาคุมเองเลยดีกว่า แถมฉันจะมาเพิ่มเงื่อนไขให้อู่ซินรับบทนางรองด้วยน่ะ หากเธอสามารถทำผลงานเรื่องนี้ออกมาได้ดี รับรองว่ากลายมาเป็นดาราดาวรุ่งแห่งปีแน่นอน

หยวนมี่กล่าวถามทันทีด้วยความสงสัย

“คุณจ้าว ดิฉันขอถามได้ไหมค่ะว่า ใครเป็นผู้กำกับ? แล้วตัวพระเอกกับนางเอกใครเป็นคนรับบท?”

“ผู้กำกับคือเฟิงเต๋อ ผู้กำกับหนุ่มดาวรุ่งในตอนนี้ ส่วนเรื่องบทละครยังไม่ได้รับการตัดสินใจ แต่ที่แน่ๆ คือนางรองต้องเป็นอู่ซิน”

จ้าวเฉียนเอ่ยตอบไปถามความจริง

หยวนมี่ยิ่งมึนงงหนักกว่าเดิม ในเมื่อบริษัทเฉียนเก๋อเป็นหนึ่งในผู้ร่วมทุนใหญ่ แล้วทำไมคุณจ้าวถึงไม่สู้เพื่อเอาบทนางเอกมาให้อู่ซิน แต่กลับเลือกให้เป็นแค่นางรองเท่านั้น?

จ้าวเฉียนทราบดีถึงข้อกังขาใจนี้ของเธอ จึงกล่าวอธิบายไปว่า

“ทักษะการแสดงของอู่ซินยังไม่ดีเท่าที่ควร ถ้าเธอรับบทนางเอกในหนังที่ผู้คนคาดหวังขนาดนี้ จะส่งผลเสียหลายๆ อย่างตามมา อย่างแรกคือแรงกดดันที่มหาศาลเกินกว่าตัวอู่ซินจะรับไหว และสองอาจจะทำให้หนังขาดทุนได้ และข้อสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ มันจะทำให้เส้นทางนักแสดงของเธอในอนาคตแคบลงทันที”

หยวนมี่พยักหน้าและเรียกผู้กำกับพร้อมมือเขียนบทในบริษัทมาประชุมทันทีโดยเร็ว เนื่องจากอู่ซินจะต้องรับบทเป็นนางรอง ดังนั้นเรื่องบทหนังในส่วนนี้ พวกหยวนมี่จะต้องปรับแต่งบทยังไงก็ได้ออกมาโดดเด่นไม่แพ้นางเอก

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ซูหยิงและผู้กำกับเฉินเจียก็เดินเข้ามาพบกับทั้งคู่ พวกเขาถือเป็นนักเขียนบทและผู้กำกับระดับปรมาจารย์

ทั้งสองรีบโค้งทักทายจ้าวเฉียนอย่างรวดเร็ว

“คุณชายจ้าวไม่ได้พบกันตั้งนาน สบายดีไหมค่ะ?”

ซูหยิงเอ่ยทักทายอย่างยิ้มแย้ม

เฉินเจียเองก็รีบทักทายเช่นกัน

“สวัสดีครับคุณชายจ้าว”

จ้าวเฉียนยิ้มและพยักหน้าตอบกลับไปว่า

“สบยาดี แล้วพวกคุณล่ะ?”

ทั้งสองส่ายหัวตอบกลับไปว่าสบายดีเช่นกัน จากนั้นจ้าวเฉียนก็ผายมือเชิญทั้งสองนั่งลง

หยวนมี่ที่เห็นแบบนั้นพลันรู้สึกมึนงงเล็กน้อย จึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวังขึ้นว่า

“คุณจ้าวค่ะ ทำไมพวกเขาถึงเรียกคุณว่า คุณชายจ้าว?”

จ้าวเฉียนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ทุกคนในห้องนี้มีเพียงหยวนมี่คนเดียวที่ยังไม่ทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา จึงยิ้มตอบไปว่า

“เดี๋ยวคุณก็จะรู้เองในอนาคต เอาล่ะ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า”

จ้าวเฉียนอธิบายเนื้อความของโปรเจคหนังเรื่องนี้พอสังเขปให้แก่ทั้งสองฟัง จากนั้นก็วานพวกเขาช่วยเขียนบทของอู่ซินให้ออกมาดูดีที่สุดในขอบเขตของบทนางรอง

ซูหยิงและเฉินเจียรีบระดมสมองหารือเพื่อสร้างบทละครของอู่ซินออกมาให้ดีที่สุด หลังจากนั้นไม่นานหวานเจียงก็มาถึงบริษัทเป็นลำดับต่อมาพร้อมกับคนของฮวาหยินกรุ๊ป

ทั้งสองฝ่ายนั่งลงในห้องประชุมใหญ่และหารือเกี่ยวกับรายละเอียดสัญญาอย่างเป็นทางการ

หวานเจียงเอ่ยถามจ้าวเฉียนว่า

“คุณจ้าว คุณมีข้อกำหนดอะไรอีกไหมที่ต้องการแจ้ง ไม่อย่างนั้นเราจะเริ่มเซ็นสัญญากันทันที”

จ้าวเฉียนเหลือบมองไปที่ซูหยิงและเฉินเจีย ทั้งสองพยักหน้าให้ราวกับเข้าใจสิ่งที่พยายามสื่อในทันที ก่อนจะยกมือขึ้นเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับบทนางรองของอู่ซิน ว่าควรปรับแต่งตรงไหนบ้างพร้อมอธิบายให้ทุกคนฟัง

ท้ายที่สุดนี้ จ้าวเฉียนอัดฉีดเงินลงทุนไปถึง150ล้าน และขอกักแค่บทละครนางรองเท่านั้น หากจะมีข้อเรียกร้องอะไรเพิ่มเติมอีกนิดๆ หน่อยๆ ทางฮวาหยินกรุ๊ปย่อมไม่คัดค้านเป็นธรรมดา

พอทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันจึงเริ่มกระบวนการเซ็นสัญญาทันที หลังจากจ้าวเฉียนลงนามเสร็จ ทางหวานเจียงก็ลงนามต่อทันที ทั้งสองบริษัทต่างถือหนังสือสัญญาฉบับสำเนาไว้คนละเล่ม ถือมีผลบังคับใช้ทางกฎหมายแล้ว

หวานเจียงยิ้มกล่าวว่า

“เพื่อความยุติธรรม คุณจ้าวสามารถส่งผู้กำกับเฉินและมือเขียนบทซูไปร่วมในกองถ่ายได้ตลอดนะคะ ถ้าได้ความช่วยเหลือจากสองคนนี้ ดิฉันคิดว่าโปรเจคหนังเรื่องนี้จะยิ่งสมบูรณ์แน่นอน”

จ้าวเฉียนหันไปถามความเห็นจากทั้งสองว่า

“พวกคุณสองคนว่ายังไง?”

เฉินเจียรีบกล่าวตอบทันทีด้วยความเคารพ

“คุณชายจ้าว ผมอยากจะลองลงสนามกับผู้กำกับเฟิงดูสักครั้ง บางทีคนแก่อย่างผมก็ต้องรู้เรียนอะไรใหม่ๆ จากพวกผู้กำกับหนุ่มสาว”

ซูหยิงพยักหน้าตอบเช่นกัน

“คุณชายจ้าว ดิฉันเองก็อยากจะลองไปดูเช่นกัน คราวนี้ถือเป็นโปรเจคใหญ่ นับเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับดิฉันเช่นกัน”

จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบไปว่า

“งั้นตกลง! ถ้าอย่างนั้นพวกคุณทั้งสองก็เดินทางไปคุมกองถ่ายได้ตามสะดวกเลยนะ คุณหวานยังมีอะไรจะเสนอในห้องประชุมนี้อีกไหมครับ?”

หวานเจียงส่ายหัวเป็นคำตอบ

“ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาคุยกันเรื่องส่วนตัวต่อดีกว่า”

จ้าวเฉียนแสยะยิ้มมุมปากตอบกลับทันใด

สีหน้าของหวานเจียงแปรเปลี่ยนไปโดยพลัน เหลือบมองผู้คนจากฮวาหยินกรุ๊ปที่มาด้วย เธอพลันรู้สึกอึดอัดขึ้นทันควัน เอ่ยถามใบหน้าเคร่งขรึมว่า

“คุยเรื่องอะไรเป็นการส่วนตัว? วันนี้พวกเราฮวาหยินกรุ๊ปมาเจรจาเรื่องธุรกิจเท่านั้น!”

แต่คนอื่นๆ ในห้องประชุมเองต่างหัวไวทราบจุดยืนของตัวเองในทันใด ไม่เว้นแม้แต่คนของฮวาหยินกรุ๊ป พวกเขารีบเก็บเอกสารบนโต๊ะและเดินจากห้องประชุมออกไปโดยไวพร้อมปิดประตูให้เสร็จสรรพ ตอนนี้เหลือเพียงจ้าวเฉียนและหวานเจียงเท่านั้นในห้องประชุม

หวานเจียงโกรธอย่างมากเมื่อเห็นแบบนั้น เธอตะวาดลั่นว่า

“นี่นายบ้าไปแล้วรึไง! ต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ ยังมีหน้ามาบอกว่าอยากคุยเรื่องส่วนตัวนี่นะ? แล้วถ้าพวกเขาเข้าใจผิดขึ้นมาจะทำยังไง?!”

“ทำไมถึงดูประหม่าขนาดนั้นล่ะ? เข้าใจผิดแล้วมันยังไง? กลัวคนอื่นคิดว่า พวกเราเป็นมากกว่าคนร่วมธุรกิจกันรึไง?”

“ก็ใช่น่ะสิ! ดังนั้นเลิกพูดจากอะไรที่มันส่อไปทางแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นได้แล้ว! เข้าใจที่ฉันพูดไหม?”

เมื่อเห็นท่าทางการแสดงออกของหวานเจียงที่ดูโกรธจัด จ้าวเฉียนก็พลันสงสัยเช่นกัน ถ้าคนอื่นทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาแล้วยังไงล่ะ? จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นรึไง?

“นี่เธอยังโกรธฉันอยู่เหรอ?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

หวานเจียงเค้นเสียงเย็นถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ไม่! ทำไมฉันต้องโกรธนายด้วย! หลงตัวเองเกินไปแล้ว!”

จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มบางตอบไปว่า

“ก็เห็นอยู่ว่ากำลังโกรธ ฉันพอจะไถ่โทษอะไรได้บ้างไหม?”

หวานเจียงหัวเราะเล็กน้อย กล่าวเย้ยขึ้นว่า

“อย่างนายเหรออยากจะไถ่โทษ?”

รอยยิ้มที่ประดับประดาบนใบหน้าของจ้าวเฉียนหายวับไป กลับแทนที่มาด้วยสีหน้าแสนจริงจัง

“ฉันว่าตัวเองล้ำเส้นเธอเยอะเกินไปหน่อยน่ะ ถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะไถ่โทษหรือช่วยอะไรได้ก็บอกมาเถอะ”

หวานเจียงคลี่ยิ้มกว้างด้วยความดีอกดีใจ

“เรากำลังมีแผนสร้างทีวีซีรีย์เร็วๆ นี้ แต่เรายังขาดผู้ร่วมทุนอยู่ นายสนใจเข้ามาช่วยฉันไหมล่ะ?”

จ้าวเฉียนกลอดตาใส่เล็กน้อย กล่าวตอบไปตรงไม่มีเกรงใจว่า

“ตราบใดที่เป็นโปรเจคที่สามารถทำกำไรได้ ฉันไม่มีปฏิเสธิอยู่แล้ว แต่ดูท่า…มันคงไม่ง่ายอย่างที่คิดใช่ไหม?”

หวานเจียงยิ้มและตอบกลับไปว่า

“โปรเจคนี้ค่อนข้างพิเศษน่ะ ฉันกลัวว่านายจะไม่เต็มใจช่วยน่ะสิ”

จ้าวเฉียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และกล่าวไปว่า

“นี่น่ะเหรอราชินีน้ำแข็งแห่งวงการธุรกิจ บางครั้งเธอก็ดูไร้เดียงสาเกินไปหน่อยนะ เกริ่นมาแบบนี้ผมก็พอเดาได้แล้วว่า มันหมายความว่ายังไง สู้บอกฉันมาตรงเลยดีกว่า ไม่ต้องอ้อมค้อม ส่วนจะเอายังไงต่อก็ต้องดูอีกทีหนึ่ง”

หวานเจียงที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าและอธิบายเกี่ยวกับโปรเจคทีวีซีรีย์ดังกล่าวทันที แต่พอจ้าวเฉียนได้ยิน สีหน้าของเขาพลันมืดทมิฬลงทันควัน ปรากฏว่าโปรเจคที่ทางฮวาหยินกรุ๊ปกำลังจะสร้างขึ้นมาคือ ซีรีย์กำลังภายในโบราณที่ดัดแปลงมาจากนิยายสุดฮิตอย่าง《เทพอสูรบรรพกาล》แต่งโดยสองเทพแพตตินั่ม

ซึ่งสองเทพแพตตินั่มคือคนที่เคยมีปัญหากับหรูเมิ่งในตอนแรกสุด และคนที่สนับสนุนสองนักเขียนคู่นี้ก็คือหยางหมิง นั้นหมายความว่า การที่ทางฮวาหยินกรุ๊ปจะนำเรื่อง《เทพอสูรบรรพกาล》มาถ่ายทำได้เท่ากับว่าต้องได้รับอนุญาตจากหยางหมิงก่อนแล้วเช่นกัน แล้วเหตุใดหวานเจียงถึงยอมร่วมมือกับหยางหมิงล่ะ?

สีหน้าของจ้าวเฉียนผิดจากตอนก่อนหน้าลิบลับ เอ่ยปากถามอย่างเย็นชาว่า

“นี่หมายความว่ายังไง? เธอร่วมมือกับหยางหมิงงั้นเหรอ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+