ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 270 ลงมือ

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 270 ลงมือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่270 ลงมือ

หู่เปาซานกรนด่าสาปแช่งจ้าวเฉียนทันควัน

“ไอ้หนู นี่แกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน แถมยังกล้าพูดจาน่ารังเกียจแบบนี้กับคุณหัวเขาอีก! พ่อแม่ไม่สั่งสอนเลยรึไง!”

หู่เปาซวนเป็นเพียงซินแส่ที่ถูกเชิญมาเท่านั้น ในสายตาของจ้าวเฉียน อีกฝ่ายไม่มีสิทธิ์ชี้หน้าด่าเขาแบบนี้ จึงโต้สวนกลับไปทันที

“แล้วแกคิดว่าตัวเองเป็นใคร! ถึงกล้าขึ้นเสียงต่อหน้าฉันกับคุณหัวแบบนี้!? ถ้าทำตัวไม่มีประโยชน์ก็ไสหัวไปซะ!”

หู่เปาซานอับอายอย่างยิ่งที่โดนเด็กถอนหงอกกลับแบบนี้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็มั่นใจอย่างยิ่งว่า ตระกูลหัวจะต้องปกป้องเขาแน่นอน ดังนั้นเขาจึงโต้กลับทันควัน

“ไอ้เด็กเวรไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง! แก…”

“คุณหู่ ออกไปก่อน!”

หัวเซินซวนตะคอกอย่างเย็นชา

หู่เปาซานหุบปากลงทันใด กลืนคำพูดก่อนหน้าทั้งหมดลงคอ พอเห็นสีหน้าอันมืดทมิฬของหัวเซินซวน เขาก็ไม่กล้าขัดคำสั่งใดๆอีกต่อไป

“เข้าใจแล้วครับ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นให้รีบเรียกผมได้เลย ผมจะจัดการไอ้เด็กเวรนี่เอง!”

หู่เปาซวนกล่าววาจานอบน้อม

หัวเซินซวนพยักหน้าและหันไปไล่พวกบอดี้การ์ดให้ออกไปอีกครั้ง ตอนนี้เหลือเพียงเขากับจ้าวเฉียนกันสองต่อสอง

หัวเซินซวนจับจ้องไปที่จ้าวเฉียน คลี่ยิ้มบางสักครู่แล้วกล่าวขึ้นว่า

“เป็นเวลานานแล้วจริงๆที่ไม่ได้พบเจอกับเด็กหนุ่มใจกล้าปานนี้ เห็นตัวนายในวันนี้พลันให้ฉันนึกถึงเงาตัวเองในวัยเด็ก ครอบครัวของนายทำอะไรกันแน่เจ้าหนู? ถึงสามารถเพาะเลี้ยงต้นกล้าที่โดดเด่นแบบนี้ขึ้นมาได้?”

ตั้งแต่ที่จ้าวเฉียนถูกละเห็ดออกมาใช้ชีวิตคนเดียวกว่าห้าปี นั่นก็ทำให้เขาไม่ต้องการใช้ความร่ำรวยข่มเหงคนอื่นอีกเลย และจะพยายามแก้ไขปัญหาด้วยความสามารถของตัวเอง

ดังนั้นจ้าวเฉียนจึงตอบกลับไปว่า

“เมื่อเทียบกับตระกูลหัว อุตสาหกรรมธุรกิจของผมก็ไม่ควรเอ่ยถึงเลย อย่างไรก็ตามแต่ ผมเชื่อว่าถ้าเป็นตัวคุณเองก็คงไม่อยากย้ายหลุมศพของบรรพบุรุษไปเฉยๆจริงไหมครับ?”

หัวเซินซวนยิ้มและตอบกลับไปว่า

“ที่พูดไปก็มีเหตุผล แต่ฉันเองก็คาดหวังว่า น้องชายก็น่าจะมีความคิดแบบผู้ใหญ่ คุยกันด้วยเหตุผลและยุติธรรม ฉันไม่เคยขี้เหนียวกับใครอยู่แล้ว ห้าสิบล้านหยวนแลกกับหลุมศพตระกูลน้องชาย ว่าไง?”

หัวเซินซวนคิดว่าตัวเองสามารถมองผ่านอ่านสถานการณ์ออกโดยชัดแจ้ง จ้าวเฉียนเป็นแค่เด็กหนุ่มหัวรั้นคนหนึ่งเท่านั้น

แต่จ้าวเฉียนโต้กลับไปทันที

“คุณเองก็ทราบดีถึงเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่ขาย ตอนนี้คิดจะใช้ความเป็นใหญ่บีบบังคับกันอย่างนั้นเหรอครับ?”

สีหน้าของหัวเซินซวนเปลี่ยนไปในทันใด นัยน์ตาดีดำขลับลึกล้ำซ่อแววจิตสังหารออกมาอย่างรุนแรง ราวกับสัตว์ร้ายกำลังจับจ้องเหยื่อ

ในฐานะผู้ใหญ่วัยชราที่ผ่านประสบการณ์ทางโลกมาแล้วนับไม่ถ้วน หากกับแค่เด็กอายุไม่ถึง30ยังเอาชนะไม่ได้ เขาเองก็ขอตายดีกว่า

มีเพียงไม่กี่คนในเมืองหยานจิ้งที่เขาไม่กล้าล่วงเกิน ซึ่งคนเหล่านั้นล้วนมีอายุรุ่นเดียวกับเขาหมด แต่ไอ้เด็กเหลือขอนี่กลับน่ารังเกียจจริงๆ มันกล้าทำตัวหยาบคายใส่เขา!

หัวเซินซวนขู่กลับไปว่า

“ดูเหมือนว่า ไม้อ่อนจะใช้ไม่ได้ผล ไอ้หนุ่ม อยากให้ฉันใช้ไม้แข็งกับแกจริงๆเหรอ!? ได้สิ! พวกแก! เข้ามา!!”

บรรดาบอดี้การ์ดได้ยินเสียงเรียกดังลั่นจากภายในห้อง พวกเขาวิ่งกรูกันมาโดยเร็ว

“นายท่าน มีอะไรให้รับใช้ครับ”

หัวเซินซวนชี้ไปที่จ้าวเฉียนและสั่งการไปว่า

“ไอ้เด็กนี่มันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไปสั่งสอนมันให้เชื่องสักหน่อย!”

“รับทราบ!”

บอดี้การ์ดตะโกนส่งเสียงตอบ และวิ่งเข้าปราบปรามจ้าวเฉียนทันที

จ้าวเฉียนที่เห็นแบบนั้นพลันคลี่ยิ้มอย่างใจเย็นกล่าวว่า

“คุณหัว แน่ใจแล้วเหรอครับว่าต้องการแบบนี้?”

หัวเซินซวนระเบิดหัวเราะกล้าวตอบไปว่า

“ทำไม? มีอะไรที่ฉันต้องกลัวงั้นเหรอ?”

จ้าวดฉียนหัวเราะและกล่าวอธิบายไปว่า

“นี่คุณคิดว่าผมกล้ามาเพียงลำพังงั้นเหรอ? นี่ถึงขนาดเดินเข้ารังตระกูลหัวเลยนะ ถ้าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับผมจริงๆ วันข้างหน้าตระกูลหัวชะตราขาดแน่นอน!”

พอได้ยินแบบนั้นหัวเซินซวนยิ่งระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น เขากล่าวตอบไปว่า

“ฮ่าฮ่า…ช่างเป็นเด็กน้อยที่หยิ่งผยองอะไรแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้พบกันเด็กหนุ่มใจกล้าบ้าบิ่นแบบแก! ถ้าอย่างนั้นฉันเองก็อยากรู้เช่นกัน ว่าที่พูดไปมันดังแต่เสียงรึเปล่า!”

การป้องกันที่ดีที่สุดคือการโจมตี

นี่คือสิ่งแรกที่แวบเข้ามาภายในหัวจ้าวเฉียน เขาวิ่งไปคว้ามีดปลอกผลไม้บนโต๊ะและชิงพุ่งเข้าไปล็อกตัวหัวเซินซวน ยกมีดจี้คอหอยอย่างรวดเร็ว ภาพฉากทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที ทุกคนต่างไม่ทันตอบสนอง พวกบอดี้การณ์สายเกินไปที่จะหยุดยั้งแล้ว

“นี่แกกำลังทำอะไร! ปล่อยนายท่านเดี๋ยวนี้!”

“บัดซบ! แกรนหาที่ตายแล้ว! ปล่อยนายท่านเร็วเข้า!”

…….

บรรดาบอดี้การ์เอ่ยปากข่มขู่จ้าวเฉียนต่างๆนาๆ แต่ในเวลาเดียวกัน จ้าวเฉียนเองก็ไม่สามารถปล่อยหัวเซินซวนได้อยู่ดี

จ้าวเฉียนยิ้มกล่าวขึ้นว่า

“ฉันกลัวจังแหะ ถ้ายังกล้าข่มขู่กันแบบนี้ บางที…มือฉันอาจจะลั่นปักคอหอยคุณหัวก็ได้นะ อย่าทำให้ตกใจเลยดีกว่า”

หัวเซินซวนตอนนี้ทั้งตื่นตระหนกและประหม่าสุดขีด เขาพยายามใจดีสู้เสือ ฝืนยิ้มกล่าวขึ้นว่า

“นี่แกกำลังเล่นกับไฟนะเจ้าหนู! ไม่มีใครกล้าเอามีดจ่อคอหัวเซินซวนแห่งตระกูลหัวเลยสักคน แล้วคิดว่าหลังจากนี้ตัวแกยังจะมีชีวิตรอดอยู่ไหม?”

จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มอย่างเย้ยหยัน

“ตอนนี้ต้องเอาตัวรอดหน้างานไปก่อน คลื่นกระทบหลังจากนี้ค่อยว่ากัน ตรรกะง่ายๆคุณหัวไม่เข้าใจเหรอครับ?”

หัวเซินซวนแสยะยิ้มแสนเจ้าเล่ห์กล่าวตอบไปว่า

“ฮ่าฮ่า…ที่แท้แกเองก็กำลังกลัวอยู่จริงๆ คิดว่าจับฉันเป็นตัวประกันแบบนี้จะทำให้ออกไปได้อย่างปลอดภัยรึไง? เปล่าเลย! นายมาร่วมมือกับฉันดีกว่า ต่างคนต่างถอยหลังคนละก้าว ว่าไง? ขืนปล่อยไปแบบนี้แกจบไม่สวยแน่นอน!”

จ้าวเฉียนไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระของหมอนี่อีกแล้ว เพียงผลักร่างของเขาออกไปจากประตู เดินตรงไปยังห้องโถงใหญ่

“นี่แก! ปล่อยนายท่านเดี๋ยวนี้!”

“แกรนหาที่ตายแล้ว ปล่อยเขาออกมาเร็ว!”

หู่เปาซวนและครอบครัวตระกูลหัวที่เดห็นแบบนั้นก็ตกใจอย่างมากจนทำอะไรไม่ถูก

หัวเซียงซิ่วและคนอื่นๆที่เห็นว่า คุณปู่กำลังถูกจ้าวเฉียนลักพาตัวไปก็ระเบิดลงทันใด

หัวเซียงซิ่วชี้หน้าด่าจ้าวเฉียนไปว่า

“ไอ้สารเลว! แกรนหาที่ตายแล้ว! กล้าทำแบบนี้กับคุณปู่ได้ยังไง! ถ้ากล้าทำร้ายเขาแม้แต่น้อย ฉันจะฆ่าแก!”

พี่ชายของหัวเซียงซิ่ว หัวเซียงซางยิ่งเดือดจัด ตะโกนสาปแช่งเสียงดังลั่นฃ

“ไอ้บัดซบ! กล้าสร้างปัญหาถึงในบ้านฉันเลยเหรอ!? ปล่อยคุณปู่เดี๋ยวนี้ ถ้ายอมฟังแต่โดยดีกูจะละเว้นชีวิจมึง แต่ถ้าไม่จุดจบของมึงไม่สวยแน่! กูจะตามล่าไปยันโคตรตระกูลมึง!”

รวมไปถึงพวกญาตพี่น้องต่างๆของหัวเซียงซิ่วก็ข่มขู่จ้าวเฉียนให้ปล่อยตัวอีกฝ่ายเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นเตรียมตัวตายอย่างน่าสยดสยองได้เลย

หัวเซียงตง ซึ่งเป็นพ่อของหัวเซินซวน หรือก็คือชายชราไม้ใกล้ฝั่งที่กำลังจะตายแล้ว ในอดีตเขาเคยเป็นหัวหน้าแก๊งใต้ดิน ยกพวกพามาจากบ้านเกิดและเข้ามาวางรากฐานในเมืองตงไห่ในตอนนั้น

แต่เนื่องจากเขามีศัตรูมากเกินไปในเมืองตงไห่ ดังนั้นหัวเซียงตงจึงจำต้องย้ายถิ่นฐานมายที่หวานจิ้งแทน แม้ว่าแก๊งตระกูลหัวจะสลายไปนานแล้วก็ตาม แต่อุปลักษณ์นิสัยของพวกเขายังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าเกิดเรื่องขึ้นก็ใช้กำลังเพื่อขจัดปัญหา

อย่างเช่นก่อนหน้าที่หัวเซินซวนเรียกบอดี้การ์ดใสสั่งสอนจ้าวเฉียนก็เช่นกัน

กล่าวได้ว่า กำปั้นคือรากฐานของบรรพบุรุษตระกูลหัว ดังนั้นการใช้กำลังภายในบ้านจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

แม้จ้าวเฉียนจะไม่ค่อยรู้เรื่องตระกูลหัวมากนัก แต่เขาก็มั่นใจว่า ตระกูลจ้าวของเขาสามารถบดขยี้ตระกูลหัวได้ภายในไม่กี่อึดใจ ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวที่จะล้ำเส้นตระกูลหัวเลย

หากทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ด้วยความสามารถตัวเองได้ จ้าวเฉียนก็ยินดีที่จะเลือกทางนั้น แต่ตอนนี้มันเกินขีดจำกัดตรงนั้นมาไกลแล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายเปิดฉากใช้กำลังก่อน จ้าวเฉียนเองก็ไม่มีทางเลือกแล้วเช่นกัน

ภัยคุกคสามจากพวกคนตระกูลหัว ก็ไม่ต่างอะไรกับการผายลมใส่จ้าวเฉียน และเขาไม่กลัวแม้แต่น้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 270 ลงมือ

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 270 ลงมือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่270 ลงมือ

หู่เปาซานกรนด่าสาปแช่งจ้าวเฉียนทันควัน

“ไอ้หนู นี่แกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน แถมยังกล้าพูดจาน่ารังเกียจแบบนี้กับคุณหัวเขาอีก! พ่อแม่ไม่สั่งสอนเลยรึไง!”

หู่เปาซวนเป็นเพียงซินแส่ที่ถูกเชิญมาเท่านั้น ในสายตาของจ้าวเฉียน อีกฝ่ายไม่มีสิทธิ์ชี้หน้าด่าเขาแบบนี้ จึงโต้สวนกลับไปทันที

“แล้วแกคิดว่าตัวเองเป็นใคร! ถึงกล้าขึ้นเสียงต่อหน้าฉันกับคุณหัวแบบนี้!? ถ้าทำตัวไม่มีประโยชน์ก็ไสหัวไปซะ!”

หู่เปาซานอับอายอย่างยิ่งที่โดนเด็กถอนหงอกกลับแบบนี้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็มั่นใจอย่างยิ่งว่า ตระกูลหัวจะต้องปกป้องเขาแน่นอน ดังนั้นเขาจึงโต้กลับทันควัน

“ไอ้เด็กเวรไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง! แก…”

“คุณหู่ ออกไปก่อน!”

หัวเซินซวนตะคอกอย่างเย็นชา

หู่เปาซานหุบปากลงทันใด กลืนคำพูดก่อนหน้าทั้งหมดลงคอ พอเห็นสีหน้าอันมืดทมิฬของหัวเซินซวน เขาก็ไม่กล้าขัดคำสั่งใดๆอีกต่อไป

“เข้าใจแล้วครับ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นให้รีบเรียกผมได้เลย ผมจะจัดการไอ้เด็กเวรนี่เอง!”

หู่เปาซวนกล่าววาจานอบน้อม

หัวเซินซวนพยักหน้าและหันไปไล่พวกบอดี้การ์ดให้ออกไปอีกครั้ง ตอนนี้เหลือเพียงเขากับจ้าวเฉียนกันสองต่อสอง

หัวเซินซวนจับจ้องไปที่จ้าวเฉียน คลี่ยิ้มบางสักครู่แล้วกล่าวขึ้นว่า

“เป็นเวลานานแล้วจริงๆที่ไม่ได้พบเจอกับเด็กหนุ่มใจกล้าปานนี้ เห็นตัวนายในวันนี้พลันให้ฉันนึกถึงเงาตัวเองในวัยเด็ก ครอบครัวของนายทำอะไรกันแน่เจ้าหนู? ถึงสามารถเพาะเลี้ยงต้นกล้าที่โดดเด่นแบบนี้ขึ้นมาได้?”

ตั้งแต่ที่จ้าวเฉียนถูกละเห็ดออกมาใช้ชีวิตคนเดียวกว่าห้าปี นั่นก็ทำให้เขาไม่ต้องการใช้ความร่ำรวยข่มเหงคนอื่นอีกเลย และจะพยายามแก้ไขปัญหาด้วยความสามารถของตัวเอง

ดังนั้นจ้าวเฉียนจึงตอบกลับไปว่า

“เมื่อเทียบกับตระกูลหัว อุตสาหกรรมธุรกิจของผมก็ไม่ควรเอ่ยถึงเลย อย่างไรก็ตามแต่ ผมเชื่อว่าถ้าเป็นตัวคุณเองก็คงไม่อยากย้ายหลุมศพของบรรพบุรุษไปเฉยๆจริงไหมครับ?”

หัวเซินซวนยิ้มและตอบกลับไปว่า

“ที่พูดไปก็มีเหตุผล แต่ฉันเองก็คาดหวังว่า น้องชายก็น่าจะมีความคิดแบบผู้ใหญ่ คุยกันด้วยเหตุผลและยุติธรรม ฉันไม่เคยขี้เหนียวกับใครอยู่แล้ว ห้าสิบล้านหยวนแลกกับหลุมศพตระกูลน้องชาย ว่าไง?”

หัวเซินซวนคิดว่าตัวเองสามารถมองผ่านอ่านสถานการณ์ออกโดยชัดแจ้ง จ้าวเฉียนเป็นแค่เด็กหนุ่มหัวรั้นคนหนึ่งเท่านั้น

แต่จ้าวเฉียนโต้กลับไปทันที

“คุณเองก็ทราบดีถึงเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่ขาย ตอนนี้คิดจะใช้ความเป็นใหญ่บีบบังคับกันอย่างนั้นเหรอครับ?”

สีหน้าของหัวเซินซวนเปลี่ยนไปในทันใด นัยน์ตาดีดำขลับลึกล้ำซ่อแววจิตสังหารออกมาอย่างรุนแรง ราวกับสัตว์ร้ายกำลังจับจ้องเหยื่อ

ในฐานะผู้ใหญ่วัยชราที่ผ่านประสบการณ์ทางโลกมาแล้วนับไม่ถ้วน หากกับแค่เด็กอายุไม่ถึง30ยังเอาชนะไม่ได้ เขาเองก็ขอตายดีกว่า

มีเพียงไม่กี่คนในเมืองหยานจิ้งที่เขาไม่กล้าล่วงเกิน ซึ่งคนเหล่านั้นล้วนมีอายุรุ่นเดียวกับเขาหมด แต่ไอ้เด็กเหลือขอนี่กลับน่ารังเกียจจริงๆ มันกล้าทำตัวหยาบคายใส่เขา!

หัวเซินซวนขู่กลับไปว่า

“ดูเหมือนว่า ไม้อ่อนจะใช้ไม่ได้ผล ไอ้หนุ่ม อยากให้ฉันใช้ไม้แข็งกับแกจริงๆเหรอ!? ได้สิ! พวกแก! เข้ามา!!”

บรรดาบอดี้การ์ดได้ยินเสียงเรียกดังลั่นจากภายในห้อง พวกเขาวิ่งกรูกันมาโดยเร็ว

“นายท่าน มีอะไรให้รับใช้ครับ”

หัวเซินซวนชี้ไปที่จ้าวเฉียนและสั่งการไปว่า

“ไอ้เด็กนี่มันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไปสั่งสอนมันให้เชื่องสักหน่อย!”

“รับทราบ!”

บอดี้การ์ดตะโกนส่งเสียงตอบ และวิ่งเข้าปราบปรามจ้าวเฉียนทันที

จ้าวเฉียนที่เห็นแบบนั้นพลันคลี่ยิ้มอย่างใจเย็นกล่าวว่า

“คุณหัว แน่ใจแล้วเหรอครับว่าต้องการแบบนี้?”

หัวเซินซวนระเบิดหัวเราะกล้าวตอบไปว่า

“ทำไม? มีอะไรที่ฉันต้องกลัวงั้นเหรอ?”

จ้าวดฉียนหัวเราะและกล่าวอธิบายไปว่า

“นี่คุณคิดว่าผมกล้ามาเพียงลำพังงั้นเหรอ? นี่ถึงขนาดเดินเข้ารังตระกูลหัวเลยนะ ถ้าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับผมจริงๆ วันข้างหน้าตระกูลหัวชะตราขาดแน่นอน!”

พอได้ยินแบบนั้นหัวเซินซวนยิ่งระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น เขากล่าวตอบไปว่า

“ฮ่าฮ่า…ช่างเป็นเด็กน้อยที่หยิ่งผยองอะไรแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้พบกันเด็กหนุ่มใจกล้าบ้าบิ่นแบบแก! ถ้าอย่างนั้นฉันเองก็อยากรู้เช่นกัน ว่าที่พูดไปมันดังแต่เสียงรึเปล่า!”

การป้องกันที่ดีที่สุดคือการโจมตี

นี่คือสิ่งแรกที่แวบเข้ามาภายในหัวจ้าวเฉียน เขาวิ่งไปคว้ามีดปลอกผลไม้บนโต๊ะและชิงพุ่งเข้าไปล็อกตัวหัวเซินซวน ยกมีดจี้คอหอยอย่างรวดเร็ว ภาพฉากทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที ทุกคนต่างไม่ทันตอบสนอง พวกบอดี้การณ์สายเกินไปที่จะหยุดยั้งแล้ว

“นี่แกกำลังทำอะไร! ปล่อยนายท่านเดี๋ยวนี้!”

“บัดซบ! แกรนหาที่ตายแล้ว! ปล่อยนายท่านเร็วเข้า!”

…….

บรรดาบอดี้การ์เอ่ยปากข่มขู่จ้าวเฉียนต่างๆนาๆ แต่ในเวลาเดียวกัน จ้าวเฉียนเองก็ไม่สามารถปล่อยหัวเซินซวนได้อยู่ดี

จ้าวเฉียนยิ้มกล่าวขึ้นว่า

“ฉันกลัวจังแหะ ถ้ายังกล้าข่มขู่กันแบบนี้ บางที…มือฉันอาจจะลั่นปักคอหอยคุณหัวก็ได้นะ อย่าทำให้ตกใจเลยดีกว่า”

หัวเซินซวนตอนนี้ทั้งตื่นตระหนกและประหม่าสุดขีด เขาพยายามใจดีสู้เสือ ฝืนยิ้มกล่าวขึ้นว่า

“นี่แกกำลังเล่นกับไฟนะเจ้าหนู! ไม่มีใครกล้าเอามีดจ่อคอหัวเซินซวนแห่งตระกูลหัวเลยสักคน แล้วคิดว่าหลังจากนี้ตัวแกยังจะมีชีวิตรอดอยู่ไหม?”

จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มอย่างเย้ยหยัน

“ตอนนี้ต้องเอาตัวรอดหน้างานไปก่อน คลื่นกระทบหลังจากนี้ค่อยว่ากัน ตรรกะง่ายๆคุณหัวไม่เข้าใจเหรอครับ?”

หัวเซินซวนแสยะยิ้มแสนเจ้าเล่ห์กล่าวตอบไปว่า

“ฮ่าฮ่า…ที่แท้แกเองก็กำลังกลัวอยู่จริงๆ คิดว่าจับฉันเป็นตัวประกันแบบนี้จะทำให้ออกไปได้อย่างปลอดภัยรึไง? เปล่าเลย! นายมาร่วมมือกับฉันดีกว่า ต่างคนต่างถอยหลังคนละก้าว ว่าไง? ขืนปล่อยไปแบบนี้แกจบไม่สวยแน่นอน!”

จ้าวเฉียนไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระของหมอนี่อีกแล้ว เพียงผลักร่างของเขาออกไปจากประตู เดินตรงไปยังห้องโถงใหญ่

“นี่แก! ปล่อยนายท่านเดี๋ยวนี้!”

“แกรนหาที่ตายแล้ว ปล่อยเขาออกมาเร็ว!”

หู่เปาซวนและครอบครัวตระกูลหัวที่เดห็นแบบนั้นก็ตกใจอย่างมากจนทำอะไรไม่ถูก

หัวเซียงซิ่วและคนอื่นๆที่เห็นว่า คุณปู่กำลังถูกจ้าวเฉียนลักพาตัวไปก็ระเบิดลงทันใด

หัวเซียงซิ่วชี้หน้าด่าจ้าวเฉียนไปว่า

“ไอ้สารเลว! แกรนหาที่ตายแล้ว! กล้าทำแบบนี้กับคุณปู่ได้ยังไง! ถ้ากล้าทำร้ายเขาแม้แต่น้อย ฉันจะฆ่าแก!”

พี่ชายของหัวเซียงซิ่ว หัวเซียงซางยิ่งเดือดจัด ตะโกนสาปแช่งเสียงดังลั่นฃ

“ไอ้บัดซบ! กล้าสร้างปัญหาถึงในบ้านฉันเลยเหรอ!? ปล่อยคุณปู่เดี๋ยวนี้ ถ้ายอมฟังแต่โดยดีกูจะละเว้นชีวิจมึง แต่ถ้าไม่จุดจบของมึงไม่สวยแน่! กูจะตามล่าไปยันโคตรตระกูลมึง!”

รวมไปถึงพวกญาตพี่น้องต่างๆของหัวเซียงซิ่วก็ข่มขู่จ้าวเฉียนให้ปล่อยตัวอีกฝ่ายเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นเตรียมตัวตายอย่างน่าสยดสยองได้เลย

หัวเซียงตง ซึ่งเป็นพ่อของหัวเซินซวน หรือก็คือชายชราไม้ใกล้ฝั่งที่กำลังจะตายแล้ว ในอดีตเขาเคยเป็นหัวหน้าแก๊งใต้ดิน ยกพวกพามาจากบ้านเกิดและเข้ามาวางรากฐานในเมืองตงไห่ในตอนนั้น

แต่เนื่องจากเขามีศัตรูมากเกินไปในเมืองตงไห่ ดังนั้นหัวเซียงตงจึงจำต้องย้ายถิ่นฐานมายที่หวานจิ้งแทน แม้ว่าแก๊งตระกูลหัวจะสลายไปนานแล้วก็ตาม แต่อุปลักษณ์นิสัยของพวกเขายังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าเกิดเรื่องขึ้นก็ใช้กำลังเพื่อขจัดปัญหา

อย่างเช่นก่อนหน้าที่หัวเซินซวนเรียกบอดี้การ์ดใสสั่งสอนจ้าวเฉียนก็เช่นกัน

กล่าวได้ว่า กำปั้นคือรากฐานของบรรพบุรุษตระกูลหัว ดังนั้นการใช้กำลังภายในบ้านจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

แม้จ้าวเฉียนจะไม่ค่อยรู้เรื่องตระกูลหัวมากนัก แต่เขาก็มั่นใจว่า ตระกูลจ้าวของเขาสามารถบดขยี้ตระกูลหัวได้ภายในไม่กี่อึดใจ ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวที่จะล้ำเส้นตระกูลหัวเลย

หากทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ด้วยความสามารถตัวเองได้ จ้าวเฉียนก็ยินดีที่จะเลือกทางนั้น แต่ตอนนี้มันเกินขีดจำกัดตรงนั้นมาไกลแล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายเปิดฉากใช้กำลังก่อน จ้าวเฉียนเองก็ไม่มีทางเลือกแล้วเช่นกัน

ภัยคุกคสามจากพวกคนตระกูลหัว ก็ไม่ต่างอะไรกับการผายลมใส่จ้าวเฉียน และเขาไม่กลัวแม้แต่น้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+