ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 324 ถึงตาย

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 324 ถึงตาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่324 ถึงตาย

จางเห่อและพวกตำรวจเดินตรงเข้ามาหาจ้าวเฉียนทันที แต่ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของตำรวจนายหนึ่งก็ดังขึ้น เขาจึงเดินแยกออกไปคุยอยู่สองสามคำ ก่อนจะเดินกลับแจ้งข่าวอะไรสักอย่างกับเพื่อนตำรวจคนอื่นๆและโบกมือถอนกำลังกลับไปโดยตรง

จางเห่อที่เห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งไปตามนายตำรวจคนดังกล่าวทันทีและถามไปว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งๆที่เดินทางมาอยู่ตรงนี้แล้วแท้ๆ ทำไมจู่ๆก็จะกลับไปซะอย่างนั้น?

ตำรวจนายนั้นทำได้เพียงแถด้วยข้ออ้างมากมายที่สุดแสนจะครุมเครือและจากไปทันทีโดยไม่มีเหตุผล

จางเห่อยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ในเมื่อใช้วิธีสีขาวไม่ได้ผลสงสัยต้องใช้สีดำแล้ว จึงวางแผนจะโทรเรียกพวกนักเลงที่รู้จักให้เดินทางมาที่นี่ทันที

จ้าวเฉียนยิ้มและถามขึ้นว่า

“เกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย? ไหนบอกว่าจะจับผมเข้าคุก? แล้วทำไมจู่ๆถึงกลับไปมือเปล่าแบบนั้น?”

แน่นอนว่าจางเห่อไม่ทราบว่า เหตุใดจู่ๆตำรวจก็ถอนกำลังไป เขาเอ่ยตอบด้วยท่าทีแสนเย่อหยิ่งว่า

“แค่นี้อย่าเพิ่งทำเป็นได้ใจ! พวกเขามีเหตุร้ายเร่งด่วนที่ต้องรีบไปจัดการก่อนเท่านั้น! แต่กูไม่ทำให้มึงผิดหวังแน่นอน เดี๋ยวกูจะโทรเรียกพวกที่รู้จักมากระทืบมึงให้เละ! มึงรู้จักแก๊งมังกรฟ้ารึเปล่า! พวกมันเพื่อนกูเอง! คืนนี้มึงไม่มีชีวิตรอดไปแน่!”

ชื่อว่าแก๊งมังกรฟ้า? จางเห่อตกหลุมพรางของจ้าวเฉียนอีกครั้งอย่างจัง เพื่อข่มขู่ให้จ้าวเฉียนรู้สึกหวาดกลัวเป็นธรรมดาที่ต้องเอ่ยชื่อแก๊งที่ตัวจางเห่อเรียกมาได้ แต่นั้นก็ทำให้จ้าวเฉียนระบุเป้าหมายที่ต้องจัดการต่อได้แล้วเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม จ้าวเฉียนไม่สนใจว่า ไอ้แก๊งมังกรฟ้าจะมีจริงหรือโกหก แต่เมื่อทราบข้อมูลแล้วเช่นนี้เขาไม่ยอมปล่อยผ่านไปแน่ และจำต้องตรวจสอบแก๊งดังกล่าวอย่างระมัดระวัง

จ้าวเฉียนหยิบมือถือขึ้นมาและโทรหาหลินเซียะทันที เขายิ้มกล่าวขึ้นว่า

“ผู้ว่าหลิว สวัสดียามเย็นครับ”

หลินเซียะหัวเราะเล็กน้อยและเอ่ยตอบไปว่า

“โอ้? พ่อบ้านของน้องจ้าวเพิ่งโทรหาผมเองนะตะกี้ ที่ติดต่อมาเองแบบนี้ แสดงว่าเรื่องที่ให้ช่วยยังไม่คลี่คลายดี?”

“เปล่าครับ ผมโทรมาหาผู้ว่าหลิวเพื่อแจ้งความ”

“โอ้? ถึงขั้นโทรมาแจ้งความกับผู้ว่าคงไม่ใช่ธรรมดา ใครกันที่กล้ามีเรื่องกับน้องจ้าว?”

“หมอนี่ชื่อจางเห่อ ตะกี้เขาขู่ผมว่า จะโทรเรียกแก๊งมังกรฟ้ามากระทืบผม พอมาคิดดูแล้วแจ้งความกับผู้ว่าหลินโดยตรงคงดำเนินการได้เร็วกว่า จะจริงหรือไม่ผมก็ไม่ทราบแน่ชัดหรอกครับ แต่ถ้าผมเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ…ผมว่าพ่อของผมคงไม่อยู่เฉยๆแน่นอน เร็วหน่อยก็ดีครับผู้ว่าหลิน เพราะอีกฝ่ายยังขู่อีกว่า คืนนี้ผมไม่รอดแน่”

หลินเซียะเริ่มปั้นหน้าจริงจังขึ้นทันทีที่ได้ยิน

“โอเคน้องจ้าว เดี๋ยวผมจะรีบส่งคนไปที่นั่นทันที!”

จางเห่อจองมองจ้าวเฉียนอย่างว่างเปล่า พูดไม่ออกบอกไม่ถูกอยู่สักพักใหญ่

หลิวเสี่ยวเฟยและเทรนเนอร์คนอื่นๆในฟิตเนส รวมไปถึงลูกค้าที่มาเล่นคนอื่นๆต่างร่วนหัวเราะเยาะจางเห่อราวกับคนโง่ ไหนล่ะที่ว่าของจริง? สรุปสุดท้ายนี้กลับเป็นตัวเขาเองที่ต้องเข้าคุกแทน?

จู่ๆจางเห่อก็นึกอะไรออกจึงรีบหยิบมือถือพยายามจะโทรหาใครบางคน แต่จ้าวเฉียนกลับพูดแทรกขึ้นทันทีว่า

“จะโทรหาใครตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ตำรวจและคนจากสำนักงานเขตกำลังมาที่นี่เพื่อจับตัวคุณไปสืบสวน อย่าคิดว่าพ่อตัวเองที่เป็นเทศมนตรีเขตหรือแม่ตัวเองที่เป็นประธานบริษัทผลิตยาจะช่วยอะไรคุณได้ ต่อให้พาพวกเขามายืนตรงหน้ามันก็ไร้ประโยชน์”

จางเห่อหยุดการกระทำทุกสิ่งลงฉับพลัน อ้าปากค้างตื่นตะลึงโดยสมบูรณ์ แค่ประโยคเดียว แค่ประโยคเดียวเท่านั้นก็ตระหนักได้ถึงความห่างชั้นของฟ้าดิน ซึ่งสถานะของเขาไม่ได้อยู่ในจุดที่สามารถควบคุมอะไรได้เลย

“มึง…มึงคิดว่าพูดแบบนี้ออกมามันจะช่วยให้มึงดูดีขึ้นรึไง! ก็แค่ขู่ให้คนอื่นกลัวเท่านั้น!”

จางเห่อคำรามขึ้นอย่างดุเดือด

เมื่อเห็นว่าจางเห่อกำลังตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง จู่ๆก็มีชายกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด

คนเหล่านี้ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีแต่แรกเห็น แต่ละคนล้วนมีกล้ามเนื้อล้ำบึกใส่เสื้อกล้ามอวดรอยสักทั่วทั้งแขนราวกับน่าภูมิใจ

“พี่จาง ใครมันกล้ากร่างใส่?”

“ใช่! มันเป็นใคร! ลูกพี่บอกมาได้เลย! ผมจะลากคอมันให้มาขอขมาแทบเท้าพี่เอง!”

“ให้ตายเถอะ ใครมันกล้าทำให้พี่จางเดือดขนาดนี้ สงสัยมีคนอยากเกิดใหม่วะ!”

………..

คนพวกนี้เป็นนักเลงปลายแถวประจำฟิตเนสที่ชอบเข้ามาแวะเวียน

จางเห่อเคยเลี้ยงดูปูเสื่อคนพวกนี้เอาไว้ เขาแสร้งปั้นหน้าเศร้าสร้อย กล่าวขึ้นท่าทีเก้อเขินว่า

“จริงๆแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก พวกนายไม่ต้องสนใจหรอก”

“จะไม่ให้สนใจได้ยังไงพี่จาง พี่มีบุญคุณกับพวกเราเสมอมานะ ถ้ามีปัญหาอะไรบอกพวกเรามาตรงเถอะ!”

“ถูกต้องเลยครับ! จะให้เรานิ่งดูดายกันได้ยังไง!”

………….

ผู้จัดการฟิตเนสแห่งนี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกโรงเอง และรีบตรงเข้าไปกล่าวโน้มน้าวพวกเขาให้ใจเย็นลงก่อน ถ้ามีเรื่องทะเลาะวิวาทกันในฟิสเนส ใครจะกล้ามาใช้บริการอีกในอนาคต?

“พี่ๆครับ ผมต้องประทานอภัยจริงๆที่ต้องทำให้เดือดร้อนกัน แต่ที่นี่มันสถานที่สาธารณะนะครับ มีอะไรค่อยพูดค่อยจากันดีกว่า ตกลงไหมครับ?”

คนพวกนั้นเบ่งกล้ามโชว์รอยสักทันที ทุกสายตาเหลือบมาจับจ้องไปที่ผู้จัดการราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

แถมผู้จัดการคนนี้เองก็ดูขี้ขลาดอย่างมาก เขาหวาดกลัวชนิดที่ว่าไม่กล้าปริปากพูดอีกเลย

หลิวเสี่ยวเฟยรีบหันไปถามจ้าวเฉียนด้วยความกังวลว่า

“แล้วทีนี้จะทำยังไง? ไม่มีใครที่นี่สามารถปกป้องคุณจากพวกนั้นได้!”

ท่าทางการแสดงออกของจ้าวเฉียนยังคงสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง แถมยังเอ่ยถามด้วยทีท่าผ่อนคลายว่า

“ก็ไม่ต้องทำอะไร ผมเชื่อว่าพวกเขาไม่ลงไม้ลงมือแน่นอน แค่พูดคุยกันดีๆไม่กี่คำก็รู้เรื่องแล้ว”

หลิวเสี่ยวเฟยทำอะไรไม่ถูกแล้วจริงๆในขณะนี้ เธอไม่รู้เลยว่าจ้าวเฉียนกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ถึงพูดแบบนี้ออกไป? นักเลงพวกนี้มันพูดรู้เรื่องซะที่ไหน การจะไปพูดคุยกันดีๆนี่มันแผนการสิ้นคิดชัดๆ?

ชายกลุ่มนั้นทั้งหกคนเดินตรงมาหาจ้าวเฉียนทันที เหลือบสายตามองขึ้นมองลงเล็กน้อยจากนั้นกรนเสียงเย็นกล่าวขึ้นว่า

“ไอ้หนู แกเองเหรอที่หาเรื่องพี่จาง?”

“แกกล้ามาที่หาเรื่องพี่ใหญ่ รีบคลานเข่าไปขอโทษเขาเดี๋ยวนี้!”

“ไอ้เวร กลัวหัวหดจนไม่กล้าพูดอะไรเลยรึไง?”

จ้าวเฉียนขี้เกียจต้องมาทนฟังที่พวกมันพล่าม ก็เลยรีบกล่าวขัดจังหวะขึ้นว่า

“ผมจะบอกอะไรดีๆกับพวกคุณเองเอาไหม? ทั้งๆที่ตัวเองโดนไอ้หมอนี่ตีท้ายครัวอยู่แท้ๆ ยังจะไปปกป้องมันอีกงั้นเหรอ?”

พวกเขาเหล่านั้นตื่นตระหนกขึ้นทันทีที่ได้ยิน แววตาเหล่านั้นเริ่มทอประกายแสงรวนเร

“นี่แก…แกพล่ามไร้สาระอะไรวะ!”

“ไอ้เวร! กล้าใส่ร้ายพี่จางเชียวเหรอ? สงสัยอยากตายจริงๆใช่ไหม!?”

.”อย่ามาพูดไร้สาระในที่แบบนี้ คิดจะให้ชื่อเสียงของพี่ใหญ่ต้องแปดเปื้อนรึไง!”

…………

จ้าวเฉียนยกมือขึ้นขัดเชิงให้พวกเขาหุบปากลงทันทีและกล่าวว่า

“ฉันไม่ได้ใส่ร้าย แต่ไอ้พี่ใหญ่ที่แสนดูของพวกคุณน่ะ หลับหลังทำแต่เรื่องชั่วๆ รู้สึกว่าแฟนของพี่กล้ามโตคนนั้นจะชื่อลู่เอ๋อร์ใช่ไหม? เธอกำลังคบชู้อยู่กับพี่ใหญ่ของคุณที่รักนักนักหนาอยู่น่ะ”

คล้อยหลังที่จ้าวเฉียนพูดจบ เขาก็เปิดคลิปที่จางเห่อมีอะไรกับหญิงสาวที่ชื่อลู่เอ๋อขึ้นมาให้ดูทันที

ทั้งหกหันควับไปมองจางเห่อโดยพลัน

จางเห่อที่เห็นแบบนั้นก็ถึงกับถอยหลังโดยไม่ตั้งใจ ยามนี้เขากำลังหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

หนึ่งในหกคนนั้นโพล่งกล่าวขึ้นว่า

“พี่จาง พี่ทรยศผมแบบนี้ได้ยังไง?”

“ไม่ใช่…ไม่ใช่แบบที่แกเห็น! มัน…”

“พี่น้องทั้งหลาย! ขนาดฉันมันยังกล้าทำกันได้ลงคอ สักวันพวกเราทั้งหมดจะโดนมันทรยศเช่นกัน!”

“จางเห่อ! ไอ้สารเลว! มึงกล้าทำแบบนี้กับพี่เย่ได้ยังไง!”

พวกเขาทั้งหกรักใคร่กลมเกลียวตามภาษามิตรภาพลูกชายทั่วไปย่อมต้องโกรธแทนพี่น้องของพวกเขาอยู่แล้ว และทันใดนั้นเองหนึ่งในคนพวกนั้นก็ชักมีดสั้นออกมา พร้อมพุ่งเข้าไปแทงจางเห่อโดยตรง!

“กรี๊ดดด…”

หลิวเสี่ยวเฟยและคนอื่นๆโดยรอบแต่ตะโกนกรัดร้องลั่นด้วยความตกใจ ภาพฉากในขณะนี้ทุกอย่างดูยุ่งเหยิงขึ้นทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 324 ถึงตาย

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 324 ถึงตาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่324 ถึงตาย

จางเห่อและพวกตำรวจเดินตรงเข้ามาหาจ้าวเฉียนทันที แต่ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของตำรวจนายหนึ่งก็ดังขึ้น เขาจึงเดินแยกออกไปคุยอยู่สองสามคำ ก่อนจะเดินกลับแจ้งข่าวอะไรสักอย่างกับเพื่อนตำรวจคนอื่นๆและโบกมือถอนกำลังกลับไปโดยตรง

จางเห่อที่เห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งไปตามนายตำรวจคนดังกล่าวทันทีและถามไปว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งๆที่เดินทางมาอยู่ตรงนี้แล้วแท้ๆ ทำไมจู่ๆก็จะกลับไปซะอย่างนั้น?

ตำรวจนายนั้นทำได้เพียงแถด้วยข้ออ้างมากมายที่สุดแสนจะครุมเครือและจากไปทันทีโดยไม่มีเหตุผล

จางเห่อยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ในเมื่อใช้วิธีสีขาวไม่ได้ผลสงสัยต้องใช้สีดำแล้ว จึงวางแผนจะโทรเรียกพวกนักเลงที่รู้จักให้เดินทางมาที่นี่ทันที

จ้าวเฉียนยิ้มและถามขึ้นว่า

“เกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย? ไหนบอกว่าจะจับผมเข้าคุก? แล้วทำไมจู่ๆถึงกลับไปมือเปล่าแบบนั้น?”

แน่นอนว่าจางเห่อไม่ทราบว่า เหตุใดจู่ๆตำรวจก็ถอนกำลังไป เขาเอ่ยตอบด้วยท่าทีแสนเย่อหยิ่งว่า

“แค่นี้อย่าเพิ่งทำเป็นได้ใจ! พวกเขามีเหตุร้ายเร่งด่วนที่ต้องรีบไปจัดการก่อนเท่านั้น! แต่กูไม่ทำให้มึงผิดหวังแน่นอน เดี๋ยวกูจะโทรเรียกพวกที่รู้จักมากระทืบมึงให้เละ! มึงรู้จักแก๊งมังกรฟ้ารึเปล่า! พวกมันเพื่อนกูเอง! คืนนี้มึงไม่มีชีวิตรอดไปแน่!”

ชื่อว่าแก๊งมังกรฟ้า? จางเห่อตกหลุมพรางของจ้าวเฉียนอีกครั้งอย่างจัง เพื่อข่มขู่ให้จ้าวเฉียนรู้สึกหวาดกลัวเป็นธรรมดาที่ต้องเอ่ยชื่อแก๊งที่ตัวจางเห่อเรียกมาได้ แต่นั้นก็ทำให้จ้าวเฉียนระบุเป้าหมายที่ต้องจัดการต่อได้แล้วเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม จ้าวเฉียนไม่สนใจว่า ไอ้แก๊งมังกรฟ้าจะมีจริงหรือโกหก แต่เมื่อทราบข้อมูลแล้วเช่นนี้เขาไม่ยอมปล่อยผ่านไปแน่ และจำต้องตรวจสอบแก๊งดังกล่าวอย่างระมัดระวัง

จ้าวเฉียนหยิบมือถือขึ้นมาและโทรหาหลินเซียะทันที เขายิ้มกล่าวขึ้นว่า

“ผู้ว่าหลิว สวัสดียามเย็นครับ”

หลินเซียะหัวเราะเล็กน้อยและเอ่ยตอบไปว่า

“โอ้? พ่อบ้านของน้องจ้าวเพิ่งโทรหาผมเองนะตะกี้ ที่ติดต่อมาเองแบบนี้ แสดงว่าเรื่องที่ให้ช่วยยังไม่คลี่คลายดี?”

“เปล่าครับ ผมโทรมาหาผู้ว่าหลิวเพื่อแจ้งความ”

“โอ้? ถึงขั้นโทรมาแจ้งความกับผู้ว่าคงไม่ใช่ธรรมดา ใครกันที่กล้ามีเรื่องกับน้องจ้าว?”

“หมอนี่ชื่อจางเห่อ ตะกี้เขาขู่ผมว่า จะโทรเรียกแก๊งมังกรฟ้ามากระทืบผม พอมาคิดดูแล้วแจ้งความกับผู้ว่าหลินโดยตรงคงดำเนินการได้เร็วกว่า จะจริงหรือไม่ผมก็ไม่ทราบแน่ชัดหรอกครับ แต่ถ้าผมเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ…ผมว่าพ่อของผมคงไม่อยู่เฉยๆแน่นอน เร็วหน่อยก็ดีครับผู้ว่าหลิน เพราะอีกฝ่ายยังขู่อีกว่า คืนนี้ผมไม่รอดแน่”

หลินเซียะเริ่มปั้นหน้าจริงจังขึ้นทันทีที่ได้ยิน

“โอเคน้องจ้าว เดี๋ยวผมจะรีบส่งคนไปที่นั่นทันที!”

จางเห่อจองมองจ้าวเฉียนอย่างว่างเปล่า พูดไม่ออกบอกไม่ถูกอยู่สักพักใหญ่

หลิวเสี่ยวเฟยและเทรนเนอร์คนอื่นๆในฟิตเนส รวมไปถึงลูกค้าที่มาเล่นคนอื่นๆต่างร่วนหัวเราะเยาะจางเห่อราวกับคนโง่ ไหนล่ะที่ว่าของจริง? สรุปสุดท้ายนี้กลับเป็นตัวเขาเองที่ต้องเข้าคุกแทน?

จู่ๆจางเห่อก็นึกอะไรออกจึงรีบหยิบมือถือพยายามจะโทรหาใครบางคน แต่จ้าวเฉียนกลับพูดแทรกขึ้นทันทีว่า

“จะโทรหาใครตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ตำรวจและคนจากสำนักงานเขตกำลังมาที่นี่เพื่อจับตัวคุณไปสืบสวน อย่าคิดว่าพ่อตัวเองที่เป็นเทศมนตรีเขตหรือแม่ตัวเองที่เป็นประธานบริษัทผลิตยาจะช่วยอะไรคุณได้ ต่อให้พาพวกเขามายืนตรงหน้ามันก็ไร้ประโยชน์”

จางเห่อหยุดการกระทำทุกสิ่งลงฉับพลัน อ้าปากค้างตื่นตะลึงโดยสมบูรณ์ แค่ประโยคเดียว แค่ประโยคเดียวเท่านั้นก็ตระหนักได้ถึงความห่างชั้นของฟ้าดิน ซึ่งสถานะของเขาไม่ได้อยู่ในจุดที่สามารถควบคุมอะไรได้เลย

“มึง…มึงคิดว่าพูดแบบนี้ออกมามันจะช่วยให้มึงดูดีขึ้นรึไง! ก็แค่ขู่ให้คนอื่นกลัวเท่านั้น!”

จางเห่อคำรามขึ้นอย่างดุเดือด

เมื่อเห็นว่าจางเห่อกำลังตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง จู่ๆก็มีชายกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด

คนเหล่านี้ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีแต่แรกเห็น แต่ละคนล้วนมีกล้ามเนื้อล้ำบึกใส่เสื้อกล้ามอวดรอยสักทั่วทั้งแขนราวกับน่าภูมิใจ

“พี่จาง ใครมันกล้ากร่างใส่?”

“ใช่! มันเป็นใคร! ลูกพี่บอกมาได้เลย! ผมจะลากคอมันให้มาขอขมาแทบเท้าพี่เอง!”

“ให้ตายเถอะ ใครมันกล้าทำให้พี่จางเดือดขนาดนี้ สงสัยมีคนอยากเกิดใหม่วะ!”

………..

คนพวกนี้เป็นนักเลงปลายแถวประจำฟิตเนสที่ชอบเข้ามาแวะเวียน

จางเห่อเคยเลี้ยงดูปูเสื่อคนพวกนี้เอาไว้ เขาแสร้งปั้นหน้าเศร้าสร้อย กล่าวขึ้นท่าทีเก้อเขินว่า

“จริงๆแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก พวกนายไม่ต้องสนใจหรอก”

“จะไม่ให้สนใจได้ยังไงพี่จาง พี่มีบุญคุณกับพวกเราเสมอมานะ ถ้ามีปัญหาอะไรบอกพวกเรามาตรงเถอะ!”

“ถูกต้องเลยครับ! จะให้เรานิ่งดูดายกันได้ยังไง!”

………….

ผู้จัดการฟิตเนสแห่งนี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกโรงเอง และรีบตรงเข้าไปกล่าวโน้มน้าวพวกเขาให้ใจเย็นลงก่อน ถ้ามีเรื่องทะเลาะวิวาทกันในฟิสเนส ใครจะกล้ามาใช้บริการอีกในอนาคต?

“พี่ๆครับ ผมต้องประทานอภัยจริงๆที่ต้องทำให้เดือดร้อนกัน แต่ที่นี่มันสถานที่สาธารณะนะครับ มีอะไรค่อยพูดค่อยจากันดีกว่า ตกลงไหมครับ?”

คนพวกนั้นเบ่งกล้ามโชว์รอยสักทันที ทุกสายตาเหลือบมาจับจ้องไปที่ผู้จัดการราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

แถมผู้จัดการคนนี้เองก็ดูขี้ขลาดอย่างมาก เขาหวาดกลัวชนิดที่ว่าไม่กล้าปริปากพูดอีกเลย

หลิวเสี่ยวเฟยรีบหันไปถามจ้าวเฉียนด้วยความกังวลว่า

“แล้วทีนี้จะทำยังไง? ไม่มีใครที่นี่สามารถปกป้องคุณจากพวกนั้นได้!”

ท่าทางการแสดงออกของจ้าวเฉียนยังคงสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง แถมยังเอ่ยถามด้วยทีท่าผ่อนคลายว่า

“ก็ไม่ต้องทำอะไร ผมเชื่อว่าพวกเขาไม่ลงไม้ลงมือแน่นอน แค่พูดคุยกันดีๆไม่กี่คำก็รู้เรื่องแล้ว”

หลิวเสี่ยวเฟยทำอะไรไม่ถูกแล้วจริงๆในขณะนี้ เธอไม่รู้เลยว่าจ้าวเฉียนกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ถึงพูดแบบนี้ออกไป? นักเลงพวกนี้มันพูดรู้เรื่องซะที่ไหน การจะไปพูดคุยกันดีๆนี่มันแผนการสิ้นคิดชัดๆ?

ชายกลุ่มนั้นทั้งหกคนเดินตรงมาหาจ้าวเฉียนทันที เหลือบสายตามองขึ้นมองลงเล็กน้อยจากนั้นกรนเสียงเย็นกล่าวขึ้นว่า

“ไอ้หนู แกเองเหรอที่หาเรื่องพี่จาง?”

“แกกล้ามาที่หาเรื่องพี่ใหญ่ รีบคลานเข่าไปขอโทษเขาเดี๋ยวนี้!”

“ไอ้เวร กลัวหัวหดจนไม่กล้าพูดอะไรเลยรึไง?”

จ้าวเฉียนขี้เกียจต้องมาทนฟังที่พวกมันพล่าม ก็เลยรีบกล่าวขัดจังหวะขึ้นว่า

“ผมจะบอกอะไรดีๆกับพวกคุณเองเอาไหม? ทั้งๆที่ตัวเองโดนไอ้หมอนี่ตีท้ายครัวอยู่แท้ๆ ยังจะไปปกป้องมันอีกงั้นเหรอ?”

พวกเขาเหล่านั้นตื่นตระหนกขึ้นทันทีที่ได้ยิน แววตาเหล่านั้นเริ่มทอประกายแสงรวนเร

“นี่แก…แกพล่ามไร้สาระอะไรวะ!”

“ไอ้เวร! กล้าใส่ร้ายพี่จางเชียวเหรอ? สงสัยอยากตายจริงๆใช่ไหม!?”

.”อย่ามาพูดไร้สาระในที่แบบนี้ คิดจะให้ชื่อเสียงของพี่ใหญ่ต้องแปดเปื้อนรึไง!”

…………

จ้าวเฉียนยกมือขึ้นขัดเชิงให้พวกเขาหุบปากลงทันทีและกล่าวว่า

“ฉันไม่ได้ใส่ร้าย แต่ไอ้พี่ใหญ่ที่แสนดูของพวกคุณน่ะ หลับหลังทำแต่เรื่องชั่วๆ รู้สึกว่าแฟนของพี่กล้ามโตคนนั้นจะชื่อลู่เอ๋อร์ใช่ไหม? เธอกำลังคบชู้อยู่กับพี่ใหญ่ของคุณที่รักนักนักหนาอยู่น่ะ”

คล้อยหลังที่จ้าวเฉียนพูดจบ เขาก็เปิดคลิปที่จางเห่อมีอะไรกับหญิงสาวที่ชื่อลู่เอ๋อขึ้นมาให้ดูทันที

ทั้งหกหันควับไปมองจางเห่อโดยพลัน

จางเห่อที่เห็นแบบนั้นก็ถึงกับถอยหลังโดยไม่ตั้งใจ ยามนี้เขากำลังหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

หนึ่งในหกคนนั้นโพล่งกล่าวขึ้นว่า

“พี่จาง พี่ทรยศผมแบบนี้ได้ยังไง?”

“ไม่ใช่…ไม่ใช่แบบที่แกเห็น! มัน…”

“พี่น้องทั้งหลาย! ขนาดฉันมันยังกล้าทำกันได้ลงคอ สักวันพวกเราทั้งหมดจะโดนมันทรยศเช่นกัน!”

“จางเห่อ! ไอ้สารเลว! มึงกล้าทำแบบนี้กับพี่เย่ได้ยังไง!”

พวกเขาทั้งหกรักใคร่กลมเกลียวตามภาษามิตรภาพลูกชายทั่วไปย่อมต้องโกรธแทนพี่น้องของพวกเขาอยู่แล้ว และทันใดนั้นเองหนึ่งในคนพวกนั้นก็ชักมีดสั้นออกมา พร้อมพุ่งเข้าไปแทงจางเห่อโดยตรง!

“กรี๊ดดด…”

หลิวเสี่ยวเฟยและคนอื่นๆโดยรอบแต่ตะโกนกรัดร้องลั่นด้วยความตกใจ ภาพฉากในขณะนี้ทุกอย่างดูยุ่งเหยิงขึ้นทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+