ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 313 การแสดงที่ยอดเยี่ยม

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 313 การแสดงที่ยอดเยี่ยม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่313 การแสดงที่ยอดเยี่ยม

ไม่นานรถตำรวจก็ขับมาถึง ตำรวจจำนวนนับสิบวิ่งลงมาจากรถมากมาย กระจายกันเข้าคุมตัวเหล่าบอดี้การ์ดของหัวเซินซวนให้แยกออกจากพวกคนงานทันที

สารวัตรตำรวจที่นำขบวนมามีชื่อว่าจางอู่อวี่ เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจังขึ้นว่า

“ใครเป็นคนโทรเรียกตำรวจ?”

ในเวลานั้นเองหวางอวี่จึนรีบยิ้มตอบกลับไปทันทีว่า

“คุณตำรวจ ผมโทรเรียกเองครับ พวกคนเหล่านี้กำลังก่อม็อบเพื่อประท้วง ผมเลยกลัวว่าพวกเขาจะก่อจลาจลกระทบถึงการทำงานของทางเรา ก็โทรเรียกตำรวจให้เข้ามาเฝ้าระวังไว้ก่อนน่ะครับ”

จางอู่อวี่หันหน้าไปถามทางท่าเรือหัวว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนรับผิดชอบ

หัวเซินซวนกระแอมไอในลำคอไปทีหนึ่งและกล่าวว่า

“ผมเอง มีอะไรรึเปล่าครับ?”

ตำรวจท้องถิ่นแบบนี้ย่อมไม่มีคุณสมบัติเข้าถึงตัวหัวเซินซวนได้เลย ดังนั้นเขาย่อมจำหน้าไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร และถ้ารู้คงไม่กล้าเข้ามาเผชิญหน้าอย่างแน่นอน

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆ พวกเขาถึงก่อม็อบประท้วง?”

จางอู่อวี่เอ่ยถามน้ำเสียงจริงจัง

สีหน้าของหัวเซินซวนตอนนี้บิดเบี้ยวดูน่าเกลียดมาก แม้แต่หลินเซียะมาอยู่ตรงหน้า อีกฝ่ายยังต้องพูดจาสุภาพให้เขา แล้วตำรวจชั้นต่ำนี่เป็นใคร? ถึงกล้าพูดจาไร้หางเสียงแบบนี้กับเขา?

หัวเซินซวนกล่าวตอบทันทีโดยไม่มีไว้หน้าใดๆ ว่า

“ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ? เวลาพนักงานกับคนในบริษัทขัดแย้งหรือมีเรื่องร้องเรียนก็มักจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้น แล้วตำรวจอย่างพวกคุณจะเข้ามาสอดทำไม? จะมาเข้าร่วมม็อบด้วยรึไง?”

จางอู่อวี่ที่โดนตำหนิแบบนั้นไปก็ไม่พอใจอย่างมาก เขากล่าวตอบไปว่า

“คุณลุงครับรบกวนพูดจามีหางเสียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่อย ที่เรามาตรงนี้ก็เพื่อปกป้องประชาชน และพลเมืองทุกคนเองก็ควรจะร่วมมือกับทางเราด้วยความเต็มใจ หน้าที่พลเมืองพื้นฐานแบบนี้ไม่เข้าใจงั้นเหรอครับ? ถึงพูดจาแบบนี้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ?”

“เออ! กูไม่เข้าใจ! ขนาดผู้ว่าหลินยังต้องสุภาพเมื่ออยู่ต่อหน้ากู! แล้วมึงคิดว่าตัวเองเป็นใคร! ถึงกล้าชี้นิ้วสั่งสอนคนอย่างกู!”

หัวเซินซวนตะคอกสวนกลับไปทันควัน

จางอู่อวี่ค่อนข้างเป็นคนอารมณ์ร้อน พอโดนด่าพร้อมด้วยคำหยาบคายขนาดนี้ก็ฟิวส์ขาด คำรามสวนกลับไปทันทีว่า

“ผมไม่สนใจว่าคุณเป็นใคร! แต่ผมคือเจ้าหน้าที่ตำรวจ! มีหน้าที่ดูแลความสงบของประชาชนทุกคน! โปรดให้ความร่วมมือแต่โดยดี ไม่อย่างนั้นผมจะจับคุณเข้าห้องสอบสวน!”

ในขณะเดียวกัน ก็มีนายตำรวจคนหนึ่งสะกิดเตือนจางอู่อวี่ว่า ชายแก่ตรงหน้าของเขาคือหัวเซินซวน ประธานใหญ่แห่งท่าเรือหัว ดังนั้นเขาควรจะสุภาพกับอีกฝ่ายบ้าง

ให้พูดตามตรง จางอู่อวี่ที่ได้ยินก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ชายแก่ตรงหน้าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้นำตระกูลหัวรุ่นปัจจุบัน แต่แล้วยังไงล่ะ? เขาพูดทุกอย่างออกไปหมดแล้ว และสายเกินกว่าจะกลับลำได้ ยิ่งไปกว่านั้นบริเวณโดยรอบมีผู้คนจับตาดูอยู่ตั้งมากมาย แถมมีนักข่าวคอยถ่ายไว้อยู่ถ้วนหน้า เปลี่ยนสีตอนนี้เท่ากับทำให้ภาพลักษณ์อันทรงเกียรติของตำรวจต้องมัวหมองแน่นอน

“ไม่ว่าจะเป็นหัวเซินซวนหรือใครก็ชั่ง แต่ผมคือตำรวจของประชาชน! โปรดตอบคำถามตามความจริง นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

จางอู่อวี่รวบรวมความกล้าและตะคอกใส่หัวเซินซวนอีกระลอกหนึ่ง

“ไม่บอกเว้ย! ไสหัวไปซะ! นี่เป็นเรื่องภายในบริษัท! คนนอกอย่ามายุ่ง!”

หัวเซินซวนตะคอกสวนกลับทันที

ในเวลานี้เองหวางอวี่จุนก็เริ่มเอ่ยปากโวยโวยขึ้นมา ตะโกนเสียงดังลั่นว่า

“ทุกคนดูนี่เร็ว! ประธานหัวกล้าพูดจาดูหมิ่นเจ้าหน้าที่ตำรวจ! นั้นเท่ากับว่าเขากำลังดูถูกกฎหมาย! คนแบบนี้เหรอที่พวกคุณทุกคนอยากทำงานให้? คุณตำรวจอุตส่าห์สละเวลาออกมาเพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ แต่ประธานหัวกลับพูดจาหยาบคายใส่! ขนาดตำรวจยังไม่แยแส แล้วประธานหัวเห็นประชาชนเป็นอะไร? ผักปลางั้นเหรอ? คุณตำรวจจับมันไปเลย! ตอนนี้ผมถ่ายทอดสดวีดีโอในโลกออนไลน์อยู่ ประชาชนทุกคนต้องการให้คุณตำรวจจับเขา! พวกเรา! รีบขอบคุณคุณตำรวจเร็วเข้าที่ยอมเหนื่อยเพื่อพิทักษ์ความยุติธรรมแก่พวกเรา! ขอบคุณมากครับ!”

พอได้ยินแบบนั้น ทั้งจางอู่อวี่และพวกตำรวจที่เหลือต่างตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที ถ้าถอนกำลังกลับไปตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการหักหลังประชาชนเลย และทุกคนจะเสื่อมศรัทธาในตัวตำรวจ เมื่อประเมินข้อดีข้อเสียอย่างถี่ถ้วนแล้ว จางอู่อวี่ก็พยักหน้าตกลงตามคำแนะนำของหวางอวี่จุน และหยิบกุญแจมือให้หัวเซินซวนโดยตรง

ภาพฉากนี้สร้างความตื่นตระหนกให้แก่สมาชิกคนอื่นๆ ของตระกูลหัวเป็นอย่างยิ่ง พวกเขารีบวิ่งเข้ามาหยุดการกระทำของจางอู่อวี่ทันที

จางอู่อวี่ที่เห็นพวกสมาชิกตระกูลหัวแห่วกันวิ่งเข้ามาก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก รีบชักปืนพกยิงขึ้นฟ้าทันทีเพื่อเตือนทุกคนให้หยุดพร้อมตะโกนลั่นว่า

“ใครก็ตามที่กล้าเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว เท่ากับทำผิดข้อหาขัดขวางการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่! ผมเตือนพวกคุณแล้วนะ ถ้ายังกล้าเข้ามาใกล้อีก ผมยิงจริงๆ แน่!”

ใบหน้าของหัวเซินซวนกลายเป็นสีแดงก่ำ เขาทั้งโกรธทั้งอับอายขายขี้หน้าอย่างที่สุด ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาประสบแต่ความสุข แต่ไม่คิดเลยว่าจะต้องอับอายต่อหน้าสาธารณะชนในตอนแก่แบบนี้

ไม่ว่ากรณีใด เขาห้ามกลับไปโรงพักพร้อมกับจางอู่อวี่เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่กล้าสู้หน้าใครอีกแล้วในชีวิตนี้ ดังนั้นเขาจึงรีบหยิบโทรศัพท์โทรหาหลินเซียะทันที และบอกเล่าสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนนี้ และให้กล่าวตักเตือนกับตำรวจที่ชื่อจางอู่อวี่ว่า อย่าได้สวมบทบาทจริงจังขนาดนี้

อย่างไรก็ตามแต่ จ้าวเฉียนคาดการณ์ได้นานแล้วว่า หัวเซินซวนจะต้องโทรขอความช่วยเหลือจากหลินเซียะแน่นอน ดังนั้นเขาจึงโทรไปแจ้งให้กับหลินเซียะทราบล่วงหน้าแล้วว่า ห้ามเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้เด็ดขาด

ดังนั้นหลินเซียะจำใจต้องกล่าวตอบไปอย่างช่วยไม่ได้ว่า

“คุณหัว ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากช่วยคุณหรอกนะครับ แต่ผมไม่กล้าเข้าไปแทรกแซงจริงๆ เมื่อกี้มีคนโทรหาผมบอกไว้ว่า คุณจะต้องโทรมาขอความช่วยเหลือจากผม และผมไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปช่วย เพราะตอนนี้มีคลิปไลฟ์สดบนอินเตอร์เน็ต ถ้าผมทำอะไรบุ่มบ่าม อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อภาพลักษณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ว่าอย่างผมได้ ยอมเข้าโรงพักไปก่อนครับเดี๋ยวผมค่อยหาทางช่วยทีหลัง”

หัวเซินซวนรีบถามกลับทันทีว่า

“แล้วไอ้เวรที่ไหนมันโทรมาบอกคุณไม่ให้ช่วยผม!?”

หลินเซียะรีบปฏิเสธทันที

“ผมเองก็ไม่ทราบครับ แต่เขาโทรมาและบอกว่าห้ามช่วยคุณ เพราะตอนนี้ทุกการเคลื่อนไหวถูกถ่ายและเผยแพร่ลงโซเซียล เอาแบบนี้ไหมครับ? เดี๋ยวผมจะวานให้ลูกน้องของผมตรวจสอบไปยังบริษัทมือถือ เพื่อหาว่าหมายเลขดังกล่าวที่โทรมาใครเป็นเจ้าของ?”

ขณะที่หัวเซินซวนกำลังจะกล่าวตอบ ทันใดนั้นจางอู่อวี่ก็คว้าโทรศัพท์ออกจากมือของอีกฝ่ายโดยตรงและกล่าวว่า

“ถ้ามีอะไรค่อยไปคุยกันที่โรงพัก!”

หัวเซินซวนสบถด่าสวนทันทีว่า

“ไอ้เวร! มึงเป็นใครกล้าแย่งโทรศัพท์ไปจากมือกู!”

จางอู่อวี่ได้ยินแบบนั้นก็เดือดแล้วเช่นกัน หากเขายังไม่รีบแสดงอำนาจในตอนนี้ มีหวังภาพลักษณ์ตำรวจทั่วประเทศจะต้องแปดเปื้อนแน่นอน

จางอู่อวี่รีบทักทามตำรวจคนอื่นๆ ให้พุ่งเข้าชาตหัวเซินซวนลงกับพื้น และกล่าวเตือนว่า

“ถ้ายังไม่ให้ความร่วมมือกับเราอีก ผมจะจับคุณเข้าคุกทันที!”

พอสมาชิกตระกูลหัวเห็นว่า คุณปู่ของพวกเขาถูกตำรวจเข้าชาตอัดกับพื้นอย่างแรง พวกเขาก็ยิ่งตื่นตระหนกเข้าไปใหญ่ วิ่งผลักตำรวจคนอื่นๆ พยายามจะบุกฝ่าวงเพื่อเข้ามาช่วยหัวเซินซวน

จางอู่อวี่ยิงปีนขึ้นฟ้าอีกนัดหนึ่งและกล่าวตำหนิว่า

“นี่พวกคุณกล้าท้าทายกฎหมายจริงๆ ใช่ไหม!? นี่เป็นคำเตือนครั้งสุดท้าย ถอยออกไป!”

แต่คราวนี้ตระกูลหัวไม่ยอมถอยหกลับ พวกเขายังคงพยายามบุกเข้าไปเพื่อช่วยหัวเซินซวนอย่างสุดกำลัง

จ้าวเฉียนมองดูสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากกล้องส่องทางไกล ยามนี้เขาแสยะยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจยิ่ง ตราบใดที่พวกสมาชิกตระกูลหัวยังหัวรั้นพยายามปกป้องหัวเซินซวน เรื่องในวันนี้จะกลายมาเป็นที่รู้จักของคนทั่วประเทศแน่นอนในอีกไม่ช้า พอถึงเวลานั้น ทางบริษัทเมล็ดพืชการาจและไชน่าปิโตรเคมีจะมีเหตุผลที่มีน้ำหนักพอสำหรับฉีกสัญญาความร่วมมือกับท่าเรือหัวไปได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายใดๆ

จางอู่อวี่ยังคงตะโกนอย่างต่อเนื่อง

“ผมบอกให้ถอยไป!”

ทว่าพวกคนตระกูลหัวก็ยังไม่ถอย แต่หัวเซินซวนดูท่าจะสงบลงมาก เพราะเขารู้ว่าจางอู่อวี่มีสิทธิ์ยิงได้โดยไม่ต้องรับทัณฑ์บนหลังจากนี้

หัวเซินซวนต้องการจะเอ่ยปากเตือนทุกคนทันทีว่าไม่ต้องเข้ามาช่วย แต่ทันใดนั้นจางอู่อวี่ก็ตะโกนเตือนเป็นครั้งที่สาม

“เตือนครั้งที่สาม! ถอยไป!”

อย่างไรก็ตาม พวกตระกูลหัวยังคงทำเป็นหูทวนลม

จางอู่อวี่ตะคอกครั้งที่สี่ทันทีว่า

“นำตัวหัวเซินซวนออกไป! ผมเตือนสามครั้งแล้ว ถ้าใครยังกล้าขัดขืนผมยิงจริงๆ แน่!”

บรรดาตำรวจคนอื่นๆ รีบพาตัวหัวเซินซวนออกไปขึ้นรถทันที แต่พวกตระกูลหัวก็ยังไม่ยอมพุ่งเข้ามาหวังจับตัวหัวเซินซวนกลับมา และผลักตำรวจล้มลงโดยตรง

“ปัง!!”

เสียงปีนดังขึ้นหนึ่งนีด ทันใดนั้นก็มีสมาชิกตระกูลหัวคนหนึ่งล้มลงกับพื้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 313 การแสดงที่ยอดเยี่ยม

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 313 การแสดงที่ยอดเยี่ยม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่313 การแสดงที่ยอดเยี่ยม

ไม่นานรถตำรวจก็ขับมาถึง ตำรวจจำนวนนับสิบวิ่งลงมาจากรถมากมาย กระจายกันเข้าคุมตัวเหล่าบอดี้การ์ดของหัวเซินซวนให้แยกออกจากพวกคนงานทันที

สารวัตรตำรวจที่นำขบวนมามีชื่อว่าจางอู่อวี่ เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจังขึ้นว่า

“ใครเป็นคนโทรเรียกตำรวจ?”

ในเวลานั้นเองหวางอวี่จึนรีบยิ้มตอบกลับไปทันทีว่า

“คุณตำรวจ ผมโทรเรียกเองครับ พวกคนเหล่านี้กำลังก่อม็อบเพื่อประท้วง ผมเลยกลัวว่าพวกเขาจะก่อจลาจลกระทบถึงการทำงานของทางเรา ก็โทรเรียกตำรวจให้เข้ามาเฝ้าระวังไว้ก่อนน่ะครับ”

จางอู่อวี่หันหน้าไปถามทางท่าเรือหัวว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนรับผิดชอบ

หัวเซินซวนกระแอมไอในลำคอไปทีหนึ่งและกล่าวว่า

“ผมเอง มีอะไรรึเปล่าครับ?”

ตำรวจท้องถิ่นแบบนี้ย่อมไม่มีคุณสมบัติเข้าถึงตัวหัวเซินซวนได้เลย ดังนั้นเขาย่อมจำหน้าไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร และถ้ารู้คงไม่กล้าเข้ามาเผชิญหน้าอย่างแน่นอน

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆ พวกเขาถึงก่อม็อบประท้วง?”

จางอู่อวี่เอ่ยถามน้ำเสียงจริงจัง

สีหน้าของหัวเซินซวนตอนนี้บิดเบี้ยวดูน่าเกลียดมาก แม้แต่หลินเซียะมาอยู่ตรงหน้า อีกฝ่ายยังต้องพูดจาสุภาพให้เขา แล้วตำรวจชั้นต่ำนี่เป็นใคร? ถึงกล้าพูดจาไร้หางเสียงแบบนี้กับเขา?

หัวเซินซวนกล่าวตอบทันทีโดยไม่มีไว้หน้าใดๆ ว่า

“ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ? เวลาพนักงานกับคนในบริษัทขัดแย้งหรือมีเรื่องร้องเรียนก็มักจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้น แล้วตำรวจอย่างพวกคุณจะเข้ามาสอดทำไม? จะมาเข้าร่วมม็อบด้วยรึไง?”

จางอู่อวี่ที่โดนตำหนิแบบนั้นไปก็ไม่พอใจอย่างมาก เขากล่าวตอบไปว่า

“คุณลุงครับรบกวนพูดจามีหางเสียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่อย ที่เรามาตรงนี้ก็เพื่อปกป้องประชาชน และพลเมืองทุกคนเองก็ควรจะร่วมมือกับทางเราด้วยความเต็มใจ หน้าที่พลเมืองพื้นฐานแบบนี้ไม่เข้าใจงั้นเหรอครับ? ถึงพูดจาแบบนี้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ?”

“เออ! กูไม่เข้าใจ! ขนาดผู้ว่าหลินยังต้องสุภาพเมื่ออยู่ต่อหน้ากู! แล้วมึงคิดว่าตัวเองเป็นใคร! ถึงกล้าชี้นิ้วสั่งสอนคนอย่างกู!”

หัวเซินซวนตะคอกสวนกลับไปทันควัน

จางอู่อวี่ค่อนข้างเป็นคนอารมณ์ร้อน พอโดนด่าพร้อมด้วยคำหยาบคายขนาดนี้ก็ฟิวส์ขาด คำรามสวนกลับไปทันทีว่า

“ผมไม่สนใจว่าคุณเป็นใคร! แต่ผมคือเจ้าหน้าที่ตำรวจ! มีหน้าที่ดูแลความสงบของประชาชนทุกคน! โปรดให้ความร่วมมือแต่โดยดี ไม่อย่างนั้นผมจะจับคุณเข้าห้องสอบสวน!”

ในขณะเดียวกัน ก็มีนายตำรวจคนหนึ่งสะกิดเตือนจางอู่อวี่ว่า ชายแก่ตรงหน้าของเขาคือหัวเซินซวน ประธานใหญ่แห่งท่าเรือหัว ดังนั้นเขาควรจะสุภาพกับอีกฝ่ายบ้าง

ให้พูดตามตรง จางอู่อวี่ที่ได้ยินก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ชายแก่ตรงหน้าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้นำตระกูลหัวรุ่นปัจจุบัน แต่แล้วยังไงล่ะ? เขาพูดทุกอย่างออกไปหมดแล้ว และสายเกินกว่าจะกลับลำได้ ยิ่งไปกว่านั้นบริเวณโดยรอบมีผู้คนจับตาดูอยู่ตั้งมากมาย แถมมีนักข่าวคอยถ่ายไว้อยู่ถ้วนหน้า เปลี่ยนสีตอนนี้เท่ากับทำให้ภาพลักษณ์อันทรงเกียรติของตำรวจต้องมัวหมองแน่นอน

“ไม่ว่าจะเป็นหัวเซินซวนหรือใครก็ชั่ง แต่ผมคือตำรวจของประชาชน! โปรดตอบคำถามตามความจริง นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

จางอู่อวี่รวบรวมความกล้าและตะคอกใส่หัวเซินซวนอีกระลอกหนึ่ง

“ไม่บอกเว้ย! ไสหัวไปซะ! นี่เป็นเรื่องภายในบริษัท! คนนอกอย่ามายุ่ง!”

หัวเซินซวนตะคอกสวนกลับทันที

ในเวลานี้เองหวางอวี่จุนก็เริ่มเอ่ยปากโวยโวยขึ้นมา ตะโกนเสียงดังลั่นว่า

“ทุกคนดูนี่เร็ว! ประธานหัวกล้าพูดจาดูหมิ่นเจ้าหน้าที่ตำรวจ! นั้นเท่ากับว่าเขากำลังดูถูกกฎหมาย! คนแบบนี้เหรอที่พวกคุณทุกคนอยากทำงานให้? คุณตำรวจอุตส่าห์สละเวลาออกมาเพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ แต่ประธานหัวกลับพูดจาหยาบคายใส่! ขนาดตำรวจยังไม่แยแส แล้วประธานหัวเห็นประชาชนเป็นอะไร? ผักปลางั้นเหรอ? คุณตำรวจจับมันไปเลย! ตอนนี้ผมถ่ายทอดสดวีดีโอในโลกออนไลน์อยู่ ประชาชนทุกคนต้องการให้คุณตำรวจจับเขา! พวกเรา! รีบขอบคุณคุณตำรวจเร็วเข้าที่ยอมเหนื่อยเพื่อพิทักษ์ความยุติธรรมแก่พวกเรา! ขอบคุณมากครับ!”

พอได้ยินแบบนั้น ทั้งจางอู่อวี่และพวกตำรวจที่เหลือต่างตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที ถ้าถอนกำลังกลับไปตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการหักหลังประชาชนเลย และทุกคนจะเสื่อมศรัทธาในตัวตำรวจ เมื่อประเมินข้อดีข้อเสียอย่างถี่ถ้วนแล้ว จางอู่อวี่ก็พยักหน้าตกลงตามคำแนะนำของหวางอวี่จุน และหยิบกุญแจมือให้หัวเซินซวนโดยตรง

ภาพฉากนี้สร้างความตื่นตระหนกให้แก่สมาชิกคนอื่นๆ ของตระกูลหัวเป็นอย่างยิ่ง พวกเขารีบวิ่งเข้ามาหยุดการกระทำของจางอู่อวี่ทันที

จางอู่อวี่ที่เห็นพวกสมาชิกตระกูลหัวแห่วกันวิ่งเข้ามาก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก รีบชักปืนพกยิงขึ้นฟ้าทันทีเพื่อเตือนทุกคนให้หยุดพร้อมตะโกนลั่นว่า

“ใครก็ตามที่กล้าเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว เท่ากับทำผิดข้อหาขัดขวางการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่! ผมเตือนพวกคุณแล้วนะ ถ้ายังกล้าเข้ามาใกล้อีก ผมยิงจริงๆ แน่!”

ใบหน้าของหัวเซินซวนกลายเป็นสีแดงก่ำ เขาทั้งโกรธทั้งอับอายขายขี้หน้าอย่างที่สุด ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาประสบแต่ความสุข แต่ไม่คิดเลยว่าจะต้องอับอายต่อหน้าสาธารณะชนในตอนแก่แบบนี้

ไม่ว่ากรณีใด เขาห้ามกลับไปโรงพักพร้อมกับจางอู่อวี่เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่กล้าสู้หน้าใครอีกแล้วในชีวิตนี้ ดังนั้นเขาจึงรีบหยิบโทรศัพท์โทรหาหลินเซียะทันที และบอกเล่าสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนนี้ และให้กล่าวตักเตือนกับตำรวจที่ชื่อจางอู่อวี่ว่า อย่าได้สวมบทบาทจริงจังขนาดนี้

อย่างไรก็ตามแต่ จ้าวเฉียนคาดการณ์ได้นานแล้วว่า หัวเซินซวนจะต้องโทรขอความช่วยเหลือจากหลินเซียะแน่นอน ดังนั้นเขาจึงโทรไปแจ้งให้กับหลินเซียะทราบล่วงหน้าแล้วว่า ห้ามเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้เด็ดขาด

ดังนั้นหลินเซียะจำใจต้องกล่าวตอบไปอย่างช่วยไม่ได้ว่า

“คุณหัว ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากช่วยคุณหรอกนะครับ แต่ผมไม่กล้าเข้าไปแทรกแซงจริงๆ เมื่อกี้มีคนโทรหาผมบอกไว้ว่า คุณจะต้องโทรมาขอความช่วยเหลือจากผม และผมไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปช่วย เพราะตอนนี้มีคลิปไลฟ์สดบนอินเตอร์เน็ต ถ้าผมทำอะไรบุ่มบ่าม อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อภาพลักษณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ว่าอย่างผมได้ ยอมเข้าโรงพักไปก่อนครับเดี๋ยวผมค่อยหาทางช่วยทีหลัง”

หัวเซินซวนรีบถามกลับทันทีว่า

“แล้วไอ้เวรที่ไหนมันโทรมาบอกคุณไม่ให้ช่วยผม!?”

หลินเซียะรีบปฏิเสธทันที

“ผมเองก็ไม่ทราบครับ แต่เขาโทรมาและบอกว่าห้ามช่วยคุณ เพราะตอนนี้ทุกการเคลื่อนไหวถูกถ่ายและเผยแพร่ลงโซเซียล เอาแบบนี้ไหมครับ? เดี๋ยวผมจะวานให้ลูกน้องของผมตรวจสอบไปยังบริษัทมือถือ เพื่อหาว่าหมายเลขดังกล่าวที่โทรมาใครเป็นเจ้าของ?”

ขณะที่หัวเซินซวนกำลังจะกล่าวตอบ ทันใดนั้นจางอู่อวี่ก็คว้าโทรศัพท์ออกจากมือของอีกฝ่ายโดยตรงและกล่าวว่า

“ถ้ามีอะไรค่อยไปคุยกันที่โรงพัก!”

หัวเซินซวนสบถด่าสวนทันทีว่า

“ไอ้เวร! มึงเป็นใครกล้าแย่งโทรศัพท์ไปจากมือกู!”

จางอู่อวี่ได้ยินแบบนั้นก็เดือดแล้วเช่นกัน หากเขายังไม่รีบแสดงอำนาจในตอนนี้ มีหวังภาพลักษณ์ตำรวจทั่วประเทศจะต้องแปดเปื้อนแน่นอน

จางอู่อวี่รีบทักทามตำรวจคนอื่นๆ ให้พุ่งเข้าชาตหัวเซินซวนลงกับพื้น และกล่าวเตือนว่า

“ถ้ายังไม่ให้ความร่วมมือกับเราอีก ผมจะจับคุณเข้าคุกทันที!”

พอสมาชิกตระกูลหัวเห็นว่า คุณปู่ของพวกเขาถูกตำรวจเข้าชาตอัดกับพื้นอย่างแรง พวกเขาก็ยิ่งตื่นตระหนกเข้าไปใหญ่ วิ่งผลักตำรวจคนอื่นๆ พยายามจะบุกฝ่าวงเพื่อเข้ามาช่วยหัวเซินซวน

จางอู่อวี่ยิงปีนขึ้นฟ้าอีกนัดหนึ่งและกล่าวตำหนิว่า

“นี่พวกคุณกล้าท้าทายกฎหมายจริงๆ ใช่ไหม!? นี่เป็นคำเตือนครั้งสุดท้าย ถอยออกไป!”

แต่คราวนี้ตระกูลหัวไม่ยอมถอยหกลับ พวกเขายังคงพยายามบุกเข้าไปเพื่อช่วยหัวเซินซวนอย่างสุดกำลัง

จ้าวเฉียนมองดูสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากกล้องส่องทางไกล ยามนี้เขาแสยะยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจยิ่ง ตราบใดที่พวกสมาชิกตระกูลหัวยังหัวรั้นพยายามปกป้องหัวเซินซวน เรื่องในวันนี้จะกลายมาเป็นที่รู้จักของคนทั่วประเทศแน่นอนในอีกไม่ช้า พอถึงเวลานั้น ทางบริษัทเมล็ดพืชการาจและไชน่าปิโตรเคมีจะมีเหตุผลที่มีน้ำหนักพอสำหรับฉีกสัญญาความร่วมมือกับท่าเรือหัวไปได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายใดๆ

จางอู่อวี่ยังคงตะโกนอย่างต่อเนื่อง

“ผมบอกให้ถอยไป!”

ทว่าพวกคนตระกูลหัวก็ยังไม่ถอย แต่หัวเซินซวนดูท่าจะสงบลงมาก เพราะเขารู้ว่าจางอู่อวี่มีสิทธิ์ยิงได้โดยไม่ต้องรับทัณฑ์บนหลังจากนี้

หัวเซินซวนต้องการจะเอ่ยปากเตือนทุกคนทันทีว่าไม่ต้องเข้ามาช่วย แต่ทันใดนั้นจางอู่อวี่ก็ตะโกนเตือนเป็นครั้งที่สาม

“เตือนครั้งที่สาม! ถอยไป!”

อย่างไรก็ตาม พวกตระกูลหัวยังคงทำเป็นหูทวนลม

จางอู่อวี่ตะคอกครั้งที่สี่ทันทีว่า

“นำตัวหัวเซินซวนออกไป! ผมเตือนสามครั้งแล้ว ถ้าใครยังกล้าขัดขืนผมยิงจริงๆ แน่!”

บรรดาตำรวจคนอื่นๆ รีบพาตัวหัวเซินซวนออกไปขึ้นรถทันที แต่พวกตระกูลหัวก็ยังไม่ยอมพุ่งเข้ามาหวังจับตัวหัวเซินซวนกลับมา และผลักตำรวจล้มลงโดยตรง

“ปัง!!”

เสียงปีนดังขึ้นหนึ่งนีด ทันใดนั้นก็มีสมาชิกตระกูลหัวคนหนึ่งล้มลงกับพื้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 313 การแสดงที่ยอดเยี่ยม

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 313 การแสดงที่ยอดเยี่ยม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่313 การแสดงที่ยอดเยี่ยม

ไม่นานรถตำรวจก็ขับมาถึง ตำรวจจำนวนนับสิบวิ่งลงมาจากรถมากมาย กระจายกันเข้าคุมตัวเหล่าบอดี้การ์ดของหัวเซินซวนให้แยกออกจากพวกคนงานทันที

สารวัตรตำรวจที่นำขบวนมามีชื่อว่าจางอู่อวี่ เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจังขึ้นว่า

“ใครเป็นคนโทรเรียกตำรวจ?”

ในเวลานั้นเองหวางอวี่จึนรีบยิ้มตอบกลับไปทันทีว่า

“คุณตำรวจ ผมโทรเรียกเองครับ พวกคนเหล่านี้กำลังก่อม็อบเพื่อประท้วง ผมเลยกลัวว่าพวกเขาจะก่อจลาจลกระทบถึงการทำงานของทางเรา ก็โทรเรียกตำรวจให้เข้ามาเฝ้าระวังไว้ก่อนน่ะครับ”

จางอู่อวี่หันหน้าไปถามทางท่าเรือหัวว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนรับผิดชอบ

หัวเซินซวนกระแอมไอในลำคอไปทีหนึ่งและกล่าวว่า

“ผมเอง มีอะไรรึเปล่าครับ?”

ตำรวจท้องถิ่นแบบนี้ย่อมไม่มีคุณสมบัติเข้าถึงตัวหัวเซินซวนได้เลย ดังนั้นเขาย่อมจำหน้าไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร และถ้ารู้คงไม่กล้าเข้ามาเผชิญหน้าอย่างแน่นอน

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆ พวกเขาถึงก่อม็อบประท้วง?”

จางอู่อวี่เอ่ยถามน้ำเสียงจริงจัง

สีหน้าของหัวเซินซวนตอนนี้บิดเบี้ยวดูน่าเกลียดมาก แม้แต่หลินเซียะมาอยู่ตรงหน้า อีกฝ่ายยังต้องพูดจาสุภาพให้เขา แล้วตำรวจชั้นต่ำนี่เป็นใคร? ถึงกล้าพูดจาไร้หางเสียงแบบนี้กับเขา?

หัวเซินซวนกล่าวตอบทันทีโดยไม่มีไว้หน้าใดๆ ว่า

“ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ? เวลาพนักงานกับคนในบริษัทขัดแย้งหรือมีเรื่องร้องเรียนก็มักจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้น แล้วตำรวจอย่างพวกคุณจะเข้ามาสอดทำไม? จะมาเข้าร่วมม็อบด้วยรึไง?”

จางอู่อวี่ที่โดนตำหนิแบบนั้นไปก็ไม่พอใจอย่างมาก เขากล่าวตอบไปว่า

“คุณลุงครับรบกวนพูดจามีหางเสียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่อย ที่เรามาตรงนี้ก็เพื่อปกป้องประชาชน และพลเมืองทุกคนเองก็ควรจะร่วมมือกับทางเราด้วยความเต็มใจ หน้าที่พลเมืองพื้นฐานแบบนี้ไม่เข้าใจงั้นเหรอครับ? ถึงพูดจาแบบนี้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ?”

“เออ! กูไม่เข้าใจ! ขนาดผู้ว่าหลินยังต้องสุภาพเมื่ออยู่ต่อหน้ากู! แล้วมึงคิดว่าตัวเองเป็นใคร! ถึงกล้าชี้นิ้วสั่งสอนคนอย่างกู!”

หัวเซินซวนตะคอกสวนกลับไปทันควัน

จางอู่อวี่ค่อนข้างเป็นคนอารมณ์ร้อน พอโดนด่าพร้อมด้วยคำหยาบคายขนาดนี้ก็ฟิวส์ขาด คำรามสวนกลับไปทันทีว่า

“ผมไม่สนใจว่าคุณเป็นใคร! แต่ผมคือเจ้าหน้าที่ตำรวจ! มีหน้าที่ดูแลความสงบของประชาชนทุกคน! โปรดให้ความร่วมมือแต่โดยดี ไม่อย่างนั้นผมจะจับคุณเข้าห้องสอบสวน!”

ในขณะเดียวกัน ก็มีนายตำรวจคนหนึ่งสะกิดเตือนจางอู่อวี่ว่า ชายแก่ตรงหน้าของเขาคือหัวเซินซวน ประธานใหญ่แห่งท่าเรือหัว ดังนั้นเขาควรจะสุภาพกับอีกฝ่ายบ้าง

ให้พูดตามตรง จางอู่อวี่ที่ได้ยินก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ชายแก่ตรงหน้าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้นำตระกูลหัวรุ่นปัจจุบัน แต่แล้วยังไงล่ะ? เขาพูดทุกอย่างออกไปหมดแล้ว และสายเกินกว่าจะกลับลำได้ ยิ่งไปกว่านั้นบริเวณโดยรอบมีผู้คนจับตาดูอยู่ตั้งมากมาย แถมมีนักข่าวคอยถ่ายไว้อยู่ถ้วนหน้า เปลี่ยนสีตอนนี้เท่ากับทำให้ภาพลักษณ์อันทรงเกียรติของตำรวจต้องมัวหมองแน่นอน

“ไม่ว่าจะเป็นหัวเซินซวนหรือใครก็ชั่ง แต่ผมคือตำรวจของประชาชน! โปรดตอบคำถามตามความจริง นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

จางอู่อวี่รวบรวมความกล้าและตะคอกใส่หัวเซินซวนอีกระลอกหนึ่ง

“ไม่บอกเว้ย! ไสหัวไปซะ! นี่เป็นเรื่องภายในบริษัท! คนนอกอย่ามายุ่ง!”

หัวเซินซวนตะคอกสวนกลับทันที

ในเวลานี้เองหวางอวี่จุนก็เริ่มเอ่ยปากโวยโวยขึ้นมา ตะโกนเสียงดังลั่นว่า

“ทุกคนดูนี่เร็ว! ประธานหัวกล้าพูดจาดูหมิ่นเจ้าหน้าที่ตำรวจ! นั้นเท่ากับว่าเขากำลังดูถูกกฎหมาย! คนแบบนี้เหรอที่พวกคุณทุกคนอยากทำงานให้? คุณตำรวจอุตส่าห์สละเวลาออกมาเพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ แต่ประธานหัวกลับพูดจาหยาบคายใส่! ขนาดตำรวจยังไม่แยแส แล้วประธานหัวเห็นประชาชนเป็นอะไร? ผักปลางั้นเหรอ? คุณตำรวจจับมันไปเลย! ตอนนี้ผมถ่ายทอดสดวีดีโอในโลกออนไลน์อยู่ ประชาชนทุกคนต้องการให้คุณตำรวจจับเขา! พวกเรา! รีบขอบคุณคุณตำรวจเร็วเข้าที่ยอมเหนื่อยเพื่อพิทักษ์ความยุติธรรมแก่พวกเรา! ขอบคุณมากครับ!”

พอได้ยินแบบนั้น ทั้งจางอู่อวี่และพวกตำรวจที่เหลือต่างตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที ถ้าถอนกำลังกลับไปตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการหักหลังประชาชนเลย และทุกคนจะเสื่อมศรัทธาในตัวตำรวจ เมื่อประเมินข้อดีข้อเสียอย่างถี่ถ้วนแล้ว จางอู่อวี่ก็พยักหน้าตกลงตามคำแนะนำของหวางอวี่จุน และหยิบกุญแจมือให้หัวเซินซวนโดยตรง

ภาพฉากนี้สร้างความตื่นตระหนกให้แก่สมาชิกคนอื่นๆ ของตระกูลหัวเป็นอย่างยิ่ง พวกเขารีบวิ่งเข้ามาหยุดการกระทำของจางอู่อวี่ทันที

จางอู่อวี่ที่เห็นพวกสมาชิกตระกูลหัวแห่วกันวิ่งเข้ามาก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก รีบชักปืนพกยิงขึ้นฟ้าทันทีเพื่อเตือนทุกคนให้หยุดพร้อมตะโกนลั่นว่า

“ใครก็ตามที่กล้าเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว เท่ากับทำผิดข้อหาขัดขวางการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่! ผมเตือนพวกคุณแล้วนะ ถ้ายังกล้าเข้ามาใกล้อีก ผมยิงจริงๆ แน่!”

ใบหน้าของหัวเซินซวนกลายเป็นสีแดงก่ำ เขาทั้งโกรธทั้งอับอายขายขี้หน้าอย่างที่สุด ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาประสบแต่ความสุข แต่ไม่คิดเลยว่าจะต้องอับอายต่อหน้าสาธารณะชนในตอนแก่แบบนี้

ไม่ว่ากรณีใด เขาห้ามกลับไปโรงพักพร้อมกับจางอู่อวี่เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่กล้าสู้หน้าใครอีกแล้วในชีวิตนี้ ดังนั้นเขาจึงรีบหยิบโทรศัพท์โทรหาหลินเซียะทันที และบอกเล่าสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนนี้ และให้กล่าวตักเตือนกับตำรวจที่ชื่อจางอู่อวี่ว่า อย่าได้สวมบทบาทจริงจังขนาดนี้

อย่างไรก็ตามแต่ จ้าวเฉียนคาดการณ์ได้นานแล้วว่า หัวเซินซวนจะต้องโทรขอความช่วยเหลือจากหลินเซียะแน่นอน ดังนั้นเขาจึงโทรไปแจ้งให้กับหลินเซียะทราบล่วงหน้าแล้วว่า ห้ามเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้เด็ดขาด

ดังนั้นหลินเซียะจำใจต้องกล่าวตอบไปอย่างช่วยไม่ได้ว่า

“คุณหัว ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากช่วยคุณหรอกนะครับ แต่ผมไม่กล้าเข้าไปแทรกแซงจริงๆ เมื่อกี้มีคนโทรหาผมบอกไว้ว่า คุณจะต้องโทรมาขอความช่วยเหลือจากผม และผมไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปช่วย เพราะตอนนี้มีคลิปไลฟ์สดบนอินเตอร์เน็ต ถ้าผมทำอะไรบุ่มบ่าม อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อภาพลักษณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ว่าอย่างผมได้ ยอมเข้าโรงพักไปก่อนครับเดี๋ยวผมค่อยหาทางช่วยทีหลัง”

หัวเซินซวนรีบถามกลับทันทีว่า

“แล้วไอ้เวรที่ไหนมันโทรมาบอกคุณไม่ให้ช่วยผม!?”

หลินเซียะรีบปฏิเสธทันที

“ผมเองก็ไม่ทราบครับ แต่เขาโทรมาและบอกว่าห้ามช่วยคุณ เพราะตอนนี้ทุกการเคลื่อนไหวถูกถ่ายและเผยแพร่ลงโซเซียล เอาแบบนี้ไหมครับ? เดี๋ยวผมจะวานให้ลูกน้องของผมตรวจสอบไปยังบริษัทมือถือ เพื่อหาว่าหมายเลขดังกล่าวที่โทรมาใครเป็นเจ้าของ?”

ขณะที่หัวเซินซวนกำลังจะกล่าวตอบ ทันใดนั้นจางอู่อวี่ก็คว้าโทรศัพท์ออกจากมือของอีกฝ่ายโดยตรงและกล่าวว่า

“ถ้ามีอะไรค่อยไปคุยกันที่โรงพัก!”

หัวเซินซวนสบถด่าสวนทันทีว่า

“ไอ้เวร! มึงเป็นใครกล้าแย่งโทรศัพท์ไปจากมือกู!”

จางอู่อวี่ได้ยินแบบนั้นก็เดือดแล้วเช่นกัน หากเขายังไม่รีบแสดงอำนาจในตอนนี้ มีหวังภาพลักษณ์ตำรวจทั่วประเทศจะต้องแปดเปื้อนแน่นอน

จางอู่อวี่รีบทักทามตำรวจคนอื่นๆ ให้พุ่งเข้าชาตหัวเซินซวนลงกับพื้น และกล่าวเตือนว่า

“ถ้ายังไม่ให้ความร่วมมือกับเราอีก ผมจะจับคุณเข้าคุกทันที!”

พอสมาชิกตระกูลหัวเห็นว่า คุณปู่ของพวกเขาถูกตำรวจเข้าชาตอัดกับพื้นอย่างแรง พวกเขาก็ยิ่งตื่นตระหนกเข้าไปใหญ่ วิ่งผลักตำรวจคนอื่นๆ พยายามจะบุกฝ่าวงเพื่อเข้ามาช่วยหัวเซินซวน

จางอู่อวี่ยิงปีนขึ้นฟ้าอีกนัดหนึ่งและกล่าวตำหนิว่า

“นี่พวกคุณกล้าท้าทายกฎหมายจริงๆ ใช่ไหม!? นี่เป็นคำเตือนครั้งสุดท้าย ถอยออกไป!”

แต่คราวนี้ตระกูลหัวไม่ยอมถอยหกลับ พวกเขายังคงพยายามบุกเข้าไปเพื่อช่วยหัวเซินซวนอย่างสุดกำลัง

จ้าวเฉียนมองดูสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากกล้องส่องทางไกล ยามนี้เขาแสยะยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจยิ่ง ตราบใดที่พวกสมาชิกตระกูลหัวยังหัวรั้นพยายามปกป้องหัวเซินซวน เรื่องในวันนี้จะกลายมาเป็นที่รู้จักของคนทั่วประเทศแน่นอนในอีกไม่ช้า พอถึงเวลานั้น ทางบริษัทเมล็ดพืชการาจและไชน่าปิโตรเคมีจะมีเหตุผลที่มีน้ำหนักพอสำหรับฉีกสัญญาความร่วมมือกับท่าเรือหัวไปได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายใดๆ

จางอู่อวี่ยังคงตะโกนอย่างต่อเนื่อง

“ผมบอกให้ถอยไป!”

ทว่าพวกคนตระกูลหัวก็ยังไม่ถอย แต่หัวเซินซวนดูท่าจะสงบลงมาก เพราะเขารู้ว่าจางอู่อวี่มีสิทธิ์ยิงได้โดยไม่ต้องรับทัณฑ์บนหลังจากนี้

หัวเซินซวนต้องการจะเอ่ยปากเตือนทุกคนทันทีว่าไม่ต้องเข้ามาช่วย แต่ทันใดนั้นจางอู่อวี่ก็ตะโกนเตือนเป็นครั้งที่สาม

“เตือนครั้งที่สาม! ถอยไป!”

อย่างไรก็ตาม พวกตระกูลหัวยังคงทำเป็นหูทวนลม

จางอู่อวี่ตะคอกครั้งที่สี่ทันทีว่า

“นำตัวหัวเซินซวนออกไป! ผมเตือนสามครั้งแล้ว ถ้าใครยังกล้าขัดขืนผมยิงจริงๆ แน่!”

บรรดาตำรวจคนอื่นๆ รีบพาตัวหัวเซินซวนออกไปขึ้นรถทันที แต่พวกตระกูลหัวก็ยังไม่ยอมพุ่งเข้ามาหวังจับตัวหัวเซินซวนกลับมา และผลักตำรวจล้มลงโดยตรง

“ปัง!!”

เสียงปีนดังขึ้นหนึ่งนีด ทันใดนั้นก็มีสมาชิกตระกูลหัวคนหนึ่งล้มลงกับพื้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+