ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 302 แม่ของโจวเหว่ยซู ชางหย่า

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 302 แม่ของโจวเหว่ยซู ชางหย่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จ้าวเฉียนก้าวย่างตรงออกไปหา พร้อมเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า

“คุณโจวเองก็ทำงานที่นี่เหรอครับ?”

โจวเหว่ยซูเชื่อสนิทใจว่า จ้าวเฉียนยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอ ดังนั้นเขาไม่มีทางวางแผนเพื่อเข้าใกล้เธออะไรอย่างที่คิดไว้ก่อนหน้าแน่นอน

ตราบใดที่เขาเข้าหาเธอด้วยความจริงใจไร้ซึ่งแผนการ เธอเองก็ยินดีช่วยจ้าวเฉียนแน่นอน

“ใช่ค่ะ ฉันทำงานอยู่ที่นี่ ไม่คิดเลยนะคะว่าคุณจะเดินทางมาจริงๆ แต่ทำไมถึงไม่ใช้ลูกน้องมาจัดการละค่ะ? คุณเป็นถึงหัวเรือใหญ่ ไม่จำเป็นต้องมาเองให้เสียเวลา”

โจวเหว่ยซูพูดติดตลก

เขาในขณะนี้ทำได้เพียงตามน้ำเธอไป กล่าวเพียงว่า

“ฮ่าฮ่า…ไม่มีทางครับ ผมต้องสู้เพื่อธุรกิจของตัวเองเป็นธรรมดา และยังแสดงให้เห็นว่าผมมีความจริงใจ”

โจวเหว่ยซูพยักหน้าและยิ้มตอบไปว่า

“ถ้าอย่างนั้นค่อยคุยกันทีหลัง เดี๋ยวฉันขอไปทำงานก่อน”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและมองโจวเหว่ยซูเดินผ่านหน้าขึ้นลิฟต์ส่วนตัวไป

พนักงานต้อนรับสาวรีบเอ่ยถามทันทีสุ้มเสียงเบาว่า

“คุณรู้จักกับคุณโจวเป็นการส่วนตัวเหรอค่ะ?”

“ใช่ครับ ยังไงก็รบกวนติดต่อหาผู้จัดการฝ่ายขนส่งด้วยนะครับ”

โจวเหว่ยซูคือใคร ทุกคนในบริษัทล้วนทราบกันดี และตอนนี้เพื่อนของเธอมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องธุรกิจ มีหรือที่พนักงานต้อนรับสาวยังกล้าห้ามปราม?

“ได้เลยค่ะ รบกวนรอสักครู่นะคะ”

จากนั้นเธอก็รีบยกหูโทรศัพท์ติดต่อไปหาผู้จัดการฝ่ายขนส่งโดยตรง

จ้าวเฉียนยิ้มตอบขอบคุณไป มองดูเธอคุยกับปลายสาย

“ฮาโหลค่ะผู้จัดการชาง ที่แผนกต้อนรับของเรามีคนอยากพบคุณ พวกเขาเป็นเพื่อนของคุณโจว ต้องการพูดคุยเรื่องงธุรกิจ พอจะมีเวลาไหมค่ะ?”

“เพื่อนของเหว่ยซู? ให้พวกเขาเข้ามา”

“รับทราบค่ะ”

พนักงานต้อนรับสาววางสายและกล่าวกับจ้าวเฉียนด้วยน้ำเสียงสุภาพยิ่งว่า

“คุณผู้ชาย ผู้จัดการชางเรียนเชิญให้เข้าไปหาได้ค่ะ หลังจากตรงเข้าไปให้ขึ้นลิฟต์หมายเลข3 ห้องทำงานของผู้จัดการอยู่ที่ชั้น15 เคาะประตูเข้าไปหาเธอได้เลยค่ะ”

จ้าวเฉียนยิ้มขอบคุณ

“ขอบคุณมากคนสวย ฉันคิดว่าคนสวยน่าจะลองเปลี่ยนไปใช้ลิปสติกเนื้อแมทเรโทรสีแดงรูบี้วูดูนะ คงดูเซ็กซี่กว่าตอนนี้แน่นอน”

หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็พาหวางอวี่จุนตรงเข้าไปที่ลิฟต์

พนักงานต้อนรับสาวรีบหยิบกระจกพกพาบานน้อยๆ ขึ้นมาส่องทันที เม้มริมฝีปากจับจ้องดูครุ่นคิด

“สีแดงรูบี้วูงั้นเหรอ? อืม…จะดูสะดุดตาเกินไปไหมนะ? เขาชมฉันว่าเซ็กซี่ด้วย อิอิ…เขินจัง”

ในไม่ช้าจ้าวเฉียนก็พาหวางอวี่จุนเดินออกจากลิฟต์ที่ชั้น15 เคาะประตูห้องผู้จัดการ

“เข้ามา”

หวางอวี่จุนเปิดประตูให้จ้าวเฉียนเดินเข้าไปก่อน

เบื้องหน้าปรากฏให้เห็น ผู้จัดการเป็นสาววัยกลางคนซึ่งดูดีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับเสื้อเชิ้ตสีขาวรัดรูปตัวนั้น นี่ยิ่งเสริมสง่าราศีเธอเข้าไปใหญ่

เธอวางปากกาในมือลง ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์ติดน่าเกรงขามเล็กน้อย ถ้าตอนที่เธอยังเป็นวัยรุ่นคงเนื้อหอมขวัญใจพวกหนุ่มๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมโจวเจียงเฉิน เจ้าของบริษัทเมล็ดพืชการาจถึงหลงใหลในตัวเธอมากขนาดนั้น ผู้ชายทุกคนไม่สามารถทนต่อเสน่ห์ของเธอได้จริงๆ

จ้าวเฉียนยิ้มและกล่าวทักทายขึ้นว่า

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อจ้าวเฉียน ส่วนนี่เพื่อนร่วมงานของผม หวางอวี่จุน ประธานบริษัทท่าเรือเฉียนตง ผมไม่คิดเลยนะครับว่า ผู้จัดการฝ่ายขนส่งจะดูดีมีเสน่ห์ขนาดนี้ ทีแรกก็คิดว่าเป็นพวกลุงหัวล้านอะไรแบบนั้น”

ผู้จัดการชางยกยิ้มคลี่อ่อนบนมุมปากดูพร่าวเสน่ห์รัญจวนใจ ตั้งศอกพิงหน้าดูคล้ายมีทีท่าสนใจเล็กน้อยกล่าวตอบไปว่า

“ปากหวานไม่น้อยเลยนะพ่อหนุ่ม ฉันชางหย่า ผู้จัดการฝ่ายขนส่ง นั่งลงก่อนสิ”

เมื่อจ้าวเฉียนได้ยินชื่อชางหย่า ใจเขาก็เริ่มเต้นแรงขึ้นจริงๆ ปรากฏว่ามันเป็นไปตามที่เขาสืบข้อมูลมาจริงๆ เธอคนนี้คือแม่ของโจวเหว่ยซู

ชางหย่าปรายหางตาเหลือบมองจ้าวเฉียนอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ยิ้มอ่อนถามขึ้นว่า

“พ่อหนุ่ม เป็นเพื่อนของเหว่ยซูงั้นเหรอ?”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและตอบกลับไปตามตรงว่า

“ไม่เชิงเพื่อนน่ะครับ เพราะพวกเราเพิ่งเจอกันเมื่อคืนนี้เอง ผมไม่รู้ว่าสนิทถึงขั้นเป็นเพื่อนของเธอได้แล้วรึยัง แล้วผู้จัดการชางรู้จักเธอด้วยเหรอครับ?”

ชางหย่าที่ได้ยินแบบนั้นก็พลางคิดไปว่า ดูเหมือนจ้าวเฉียนยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของโจวเหว่ยซู ถึงได้ถามออกมาแบบนี้

“หุหุ…รู้จักดีเลยล่ะ เจอกันแทบตลอด เอาล่ะ เห็นว่าที่นี่เพื่อจะคุยเรื่องธุรกิจใช่ไหม?”

หวางอวี่จุนรีบส่งเอกสารข้อมูลที่จัดเตรียมมาให้ชางหย่าทันที จากนั้นจ้าวเฉียนก็กล่าวขึ้นว่า

“เราต้องการร่วมมือกับบริษัทเมล็ดพืชการาจเป็นคู่ค้าส่งออกและนำเข้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ออเดอร์ทั้งหมดของท่าเรือหัว เราต้องการมันมาทั้งหมด”

พอชางหย่าได้ยินแบบนี้ก็ไม่แม้แต่เปิดเอกสารข้อมูลอ่าน เธอตีกลับไปทันทีและกล่าวว่า

“ถ้ามาเพราะเรื่องนี้คงไม่ต้องคุยกันให้เสียเวลา พวกเราไม่เปลี่ยนคู่ค้าง่ายๆ”

หวางอวี่จุนรู้สึกกังวลใจทันทีที่ได้ยิน แต่จ้าวเฉียนอยู่ที่นี่อาสาจัดการเอง ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปแทรกแซงเลย

จ้าวเฉียนยิ้มตอบอย่างใจเย็นว่า

“ผมเข้าใจดีนะครับว่าผู้จัดการชางกำลังหมายความว่ายังไง ไม่มีบริษัทไหนอยากเปลี่ยนคู่ค้าบ่อยๆ อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ท่าเรือหัวกำลังประสบปัญหาไม่สามารถเดินเรือได้ อาจทำให้การขนส่งล่าช้าเองได้นะครับ”

ชางหย่าคลี่ยิ้มดูมีสง่าราศียิ่ง เธอตอบไปว่า

“เรื่องนี้มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์จริงด้วย สุดท้ายนี้พวกเราเป็นคู่ค้ากันมานานแล้ว แค่ผิดพลาดกันครั้งสองครั้งมันไม่ใช่เหตุผลร้ายแรงถึงขั้นยกเลิกสัญญาคู่ค้ากันได้ ถึงแม้พวกเราจะต้องการหาบริษัทอื่นเข้ามาแทนที่พวกนั้นก็ตาม เข้าใจที่พูดใช่ไหม? เราต้องเปรียบเทียบจุดแข็งจุดอ่อนและราคาการขนส่งต่อรอบอย่างถี่ถ้วนก่อนถึงจะพิจารณาเลือกคู่ค้ารายใหม่ได้ นี่ยังไม่รวมค่าฉีกสัญญาเก่าอีกนะ ดังนั้นการจะเปลี่ยนคู่ค้ามันไม่ใช่เรื่องที่จะทำวันสองวันเสร็จ”

จะเห็นได้ว่าชางหย่าคนนี้เธอเป็นผู้หญิงมีหลักการและเหตุผลค่อนข้างดี จ้าวเฉียนจึงพยักหน้าและกล่าวต่อว่า

“ข้อมูลดังกล่าวก็อยู่ตรงหน้าผู้จัดการชางแล้วครับ ทำไมถึงไม่ลองอ่านดูก่อนล่ะครับ? ถ้าราคาที่ทำให้ยังไม่พอใจ พวกเรายังสามารถผ่อนปรนได้อีกนะครับ”

จางหยาจ้องตาจ้าวเฉียนอยู่ครู่หนึ่งด้วยความเสน่ห์หาพลางคลี่ยิ้มหวานให้ ก่อนจะพยักหน้าและหยิบเอกสารพวกนั้นขึ้นมาอ่านทันที

50ปีที่แล้ว ท่าเรือเฉียนตงแข็งแกร่งกว่าท่าเรือหัว 50ปีต่อมา พวกเขายังคงแข็งแกร่งกว่าเช่นเดิมไม่แปรเปลี่ยน

ชางหย่าพลิกหน้าเอกสารอ่านข้อมูลพื้นฐานและงบบัญชีของบริษัทท่าเรือเฉียนตงอย่างตั้งใจ ในความเห็นของเธอท่าเรือเฉียนตงดูดีกว่าท่าเรือหัวมากจริงๆ

แถมราคาต้นทุนการขนส่งแต่ละรอบยังมีราคาที่ต่ำกว่าท่าเรือหัวถึง20% นี่ถือเป็นการประหยัดต้นทุนไปได้มหาศาล

ชางหย่ายิ้มพลางปิดแฟ้มเอกสารลง เธอกล่าวขึ้นด้วยความพึงพอใจว่า

“ท่าเรือของคุณดีกว่าพวกท่าเรือหัวทุกด้านจริงๆ แต่ถึงแบบนั้นฉันคงจะแย่งออเดอร์ของพวกนั้นโอนถ่ายให้พวกคุณไม่ได้อยู่ดี แต่ถ้าต้องการร่วมมือกับเราจริงๆ ฉันยังพอหาช่องทางอย่างอื่นได้นะ ออเดอร์ใหญ่ไม่แพ้ของพวกท่าเรือหัวแน่นอน แล้วถ้าไปได้สวย เดี๋ยวฉันจะเพิ่มออเดอร์ให้คุณเองในอนาคต ว่าไง?”

จ้าวเฉียนมาที่นี่เพื่อแย่งลูกค้ารายใหญ่ของท่าเรือหัวโดยเฉพาะ ดังนั้นแล้วจุดประสงค์ของเขาจึงไม่ให้เพียงแค่ต้องการร่วมมือกับบริษัทเมล็ดพืชการาจเท่านั้น จึงไม่สามารถยอมรับข้อเสนอของชางหย่าได้

“ผู้จัดการชางน่าจะเคยได้ยินข้อพิพากระหว่างท่าเรือของผมกับท่าเรือหัวมาบ้างนะครับ มันคงจะดีกว่าถ้าผู้จัดการชางเอาออเดอร์ทั้งหมดของท่าเรือหัวโอนถ่ายมาให้ท่าเรือผม ถ้าได้ผมจะทำราคาให้ต่ำกว่านี้อีกครับ”

ชางหย่ายิ้มและกล่าวถามขึ้นว่า

“คุณจ้าวพกสมุดเช็คมารึเปล่าครับ?”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและหยิบสมุดเช็คออกมาวางไว้บนโต๊ะ

ชางหย่ายังคงคลี่ยิ้มหวานให้และกล่าวขึ้นว่า

“หื้ม? จะให้เช็คเปล่ากับฉันเหรอ?”

จ้าวเฉียนย่อมไม่รู้สึกมีความสุขภายในใจเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ได้เผยแสดงอาการออกมา เขายิ้มและกล่าวว่า

“มีสาวสวยอย่างคุณมาขอเงินแบบนี้ ผมที่เป็นผู้ชายจะให้เช็คเปล่าได้ยังไงครับ?”

“อิอิ…ปากหวานซะจริงนะ ถ้าฉันยังเป็นวัยรุ่น บางทีคงหลงคารมเธอไปแล้ว”

“อายุเป็นแค่ตัวเลขครับ ที่สำคัญ…ผู้จัดการชางยังดูสาวอยู่เลยนะครับ แถมสวยมากเลยด้วย”

จ้าวเฉียนกดสายตาลงมองที่บริเวณหน้าอกหน้าใจของเธอ ซึ่งชางหย่าเองก็ก้มศีรษะเหลือบมองตามเขามองที่หน้าอก ทันทีทันใดใบหน้าของเธอพลันแดงก่ำขึ้นทันที ปริปากสีแดงช่ำยิ้มตอบไปว่า

“นี่กำลังล่วงละเมิดฉันอยู่นะรู้ไหม? ไม่กลัวว่าฉันจะไล่เธอออกไปแล้วดิลล้มเหลวเหรอ?”

“ผมไม่ได้ล่วงละเมิดเลยนะครับ ผมแค่พูดไปตามความจริง ถ้าพบได้รู้จักผู้จัดการชางเร็วกว่านี้ บางทีผมอาจจะขอให้คุณเปลี่ยนมาใช้นามสกุลเดียวกับผมไปแล้ว”

“ฮ่าฮ่า…เธอนี่นะ….”

ในขณะที่ชางหย่ากำลังโน้มตัวเข้ามาใกล้จ้าวเฉียน จู่ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เธอรีบถอยกลับไปนั่งที่เดิมทันที ปั้นหน้าปั้นตาสงบสติอารมณ์ลงพร้อมกับโฉมผู้สง่างามกลับเข้าร่างอีกครั้ง และพูดเสียงดังขึ้นว่า

“เข้ามา”

พอประตูเปิดออก โจวเหว่ยซูก็เดินเข้ามา

จ้าวเฉียนดีใจอย่างยิ่ง เธอมาได้ถูกที่ถูกเวลาเสมอจริงๆ! ไม่อย่างนั้นบางทีเขาอาจถูกสาวใหญ่คิดล้มครูแล้ว!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 302 แม่ของโจวเหว่ยซู ชางหย่า

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 302 แม่ของโจวเหว่ยซู ชางหย่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จ้าวเฉียนก้าวย่างตรงออกไปหา พร้อมเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า

“คุณโจวเองก็ทำงานที่นี่เหรอครับ?”

โจวเหว่ยซูเชื่อสนิทใจว่า จ้าวเฉียนยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอ ดังนั้นเขาไม่มีทางวางแผนเพื่อเข้าใกล้เธออะไรอย่างที่คิดไว้ก่อนหน้าแน่นอน

ตราบใดที่เขาเข้าหาเธอด้วยความจริงใจไร้ซึ่งแผนการ เธอเองก็ยินดีช่วยจ้าวเฉียนแน่นอน

“ใช่ค่ะ ฉันทำงานอยู่ที่นี่ ไม่คิดเลยนะคะว่าคุณจะเดินทางมาจริงๆ แต่ทำไมถึงไม่ใช้ลูกน้องมาจัดการละค่ะ? คุณเป็นถึงหัวเรือใหญ่ ไม่จำเป็นต้องมาเองให้เสียเวลา”

โจวเหว่ยซูพูดติดตลก

เขาในขณะนี้ทำได้เพียงตามน้ำเธอไป กล่าวเพียงว่า

“ฮ่าฮ่า…ไม่มีทางครับ ผมต้องสู้เพื่อธุรกิจของตัวเองเป็นธรรมดา และยังแสดงให้เห็นว่าผมมีความจริงใจ”

โจวเหว่ยซูพยักหน้าและยิ้มตอบไปว่า

“ถ้าอย่างนั้นค่อยคุยกันทีหลัง เดี๋ยวฉันขอไปทำงานก่อน”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและมองโจวเหว่ยซูเดินผ่านหน้าขึ้นลิฟต์ส่วนตัวไป

พนักงานต้อนรับสาวรีบเอ่ยถามทันทีสุ้มเสียงเบาว่า

“คุณรู้จักกับคุณโจวเป็นการส่วนตัวเหรอค่ะ?”

“ใช่ครับ ยังไงก็รบกวนติดต่อหาผู้จัดการฝ่ายขนส่งด้วยนะครับ”

โจวเหว่ยซูคือใคร ทุกคนในบริษัทล้วนทราบกันดี และตอนนี้เพื่อนของเธอมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องธุรกิจ มีหรือที่พนักงานต้อนรับสาวยังกล้าห้ามปราม?

“ได้เลยค่ะ รบกวนรอสักครู่นะคะ”

จากนั้นเธอก็รีบยกหูโทรศัพท์ติดต่อไปหาผู้จัดการฝ่ายขนส่งโดยตรง

จ้าวเฉียนยิ้มตอบขอบคุณไป มองดูเธอคุยกับปลายสาย

“ฮาโหลค่ะผู้จัดการชาง ที่แผนกต้อนรับของเรามีคนอยากพบคุณ พวกเขาเป็นเพื่อนของคุณโจว ต้องการพูดคุยเรื่องงธุรกิจ พอจะมีเวลาไหมค่ะ?”

“เพื่อนของเหว่ยซู? ให้พวกเขาเข้ามา”

“รับทราบค่ะ”

พนักงานต้อนรับสาววางสายและกล่าวกับจ้าวเฉียนด้วยน้ำเสียงสุภาพยิ่งว่า

“คุณผู้ชาย ผู้จัดการชางเรียนเชิญให้เข้าไปหาได้ค่ะ หลังจากตรงเข้าไปให้ขึ้นลิฟต์หมายเลข3 ห้องทำงานของผู้จัดการอยู่ที่ชั้น15 เคาะประตูเข้าไปหาเธอได้เลยค่ะ”

จ้าวเฉียนยิ้มขอบคุณ

“ขอบคุณมากคนสวย ฉันคิดว่าคนสวยน่าจะลองเปลี่ยนไปใช้ลิปสติกเนื้อแมทเรโทรสีแดงรูบี้วูดูนะ คงดูเซ็กซี่กว่าตอนนี้แน่นอน”

หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็พาหวางอวี่จุนตรงเข้าไปที่ลิฟต์

พนักงานต้อนรับสาวรีบหยิบกระจกพกพาบานน้อยๆ ขึ้นมาส่องทันที เม้มริมฝีปากจับจ้องดูครุ่นคิด

“สีแดงรูบี้วูงั้นเหรอ? อืม…จะดูสะดุดตาเกินไปไหมนะ? เขาชมฉันว่าเซ็กซี่ด้วย อิอิ…เขินจัง”

ในไม่ช้าจ้าวเฉียนก็พาหวางอวี่จุนเดินออกจากลิฟต์ที่ชั้น15 เคาะประตูห้องผู้จัดการ

“เข้ามา”

หวางอวี่จุนเปิดประตูให้จ้าวเฉียนเดินเข้าไปก่อน

เบื้องหน้าปรากฏให้เห็น ผู้จัดการเป็นสาววัยกลางคนซึ่งดูดีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับเสื้อเชิ้ตสีขาวรัดรูปตัวนั้น นี่ยิ่งเสริมสง่าราศีเธอเข้าไปใหญ่

เธอวางปากกาในมือลง ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์ติดน่าเกรงขามเล็กน้อย ถ้าตอนที่เธอยังเป็นวัยรุ่นคงเนื้อหอมขวัญใจพวกหนุ่มๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมโจวเจียงเฉิน เจ้าของบริษัทเมล็ดพืชการาจถึงหลงใหลในตัวเธอมากขนาดนั้น ผู้ชายทุกคนไม่สามารถทนต่อเสน่ห์ของเธอได้จริงๆ

จ้าวเฉียนยิ้มและกล่าวทักทายขึ้นว่า

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อจ้าวเฉียน ส่วนนี่เพื่อนร่วมงานของผม หวางอวี่จุน ประธานบริษัทท่าเรือเฉียนตง ผมไม่คิดเลยนะครับว่า ผู้จัดการฝ่ายขนส่งจะดูดีมีเสน่ห์ขนาดนี้ ทีแรกก็คิดว่าเป็นพวกลุงหัวล้านอะไรแบบนั้น”

ผู้จัดการชางยกยิ้มคลี่อ่อนบนมุมปากดูพร่าวเสน่ห์รัญจวนใจ ตั้งศอกพิงหน้าดูคล้ายมีทีท่าสนใจเล็กน้อยกล่าวตอบไปว่า

“ปากหวานไม่น้อยเลยนะพ่อหนุ่ม ฉันชางหย่า ผู้จัดการฝ่ายขนส่ง นั่งลงก่อนสิ”

เมื่อจ้าวเฉียนได้ยินชื่อชางหย่า ใจเขาก็เริ่มเต้นแรงขึ้นจริงๆ ปรากฏว่ามันเป็นไปตามที่เขาสืบข้อมูลมาจริงๆ เธอคนนี้คือแม่ของโจวเหว่ยซู

ชางหย่าปรายหางตาเหลือบมองจ้าวเฉียนอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ยิ้มอ่อนถามขึ้นว่า

“พ่อหนุ่ม เป็นเพื่อนของเหว่ยซูงั้นเหรอ?”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและตอบกลับไปตามตรงว่า

“ไม่เชิงเพื่อนน่ะครับ เพราะพวกเราเพิ่งเจอกันเมื่อคืนนี้เอง ผมไม่รู้ว่าสนิทถึงขั้นเป็นเพื่อนของเธอได้แล้วรึยัง แล้วผู้จัดการชางรู้จักเธอด้วยเหรอครับ?”

ชางหย่าที่ได้ยินแบบนั้นก็พลางคิดไปว่า ดูเหมือนจ้าวเฉียนยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของโจวเหว่ยซู ถึงได้ถามออกมาแบบนี้

“หุหุ…รู้จักดีเลยล่ะ เจอกันแทบตลอด เอาล่ะ เห็นว่าที่นี่เพื่อจะคุยเรื่องธุรกิจใช่ไหม?”

หวางอวี่จุนรีบส่งเอกสารข้อมูลที่จัดเตรียมมาให้ชางหย่าทันที จากนั้นจ้าวเฉียนก็กล่าวขึ้นว่า

“เราต้องการร่วมมือกับบริษัทเมล็ดพืชการาจเป็นคู่ค้าส่งออกและนำเข้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ออเดอร์ทั้งหมดของท่าเรือหัว เราต้องการมันมาทั้งหมด”

พอชางหย่าได้ยินแบบนี้ก็ไม่แม้แต่เปิดเอกสารข้อมูลอ่าน เธอตีกลับไปทันทีและกล่าวว่า

“ถ้ามาเพราะเรื่องนี้คงไม่ต้องคุยกันให้เสียเวลา พวกเราไม่เปลี่ยนคู่ค้าง่ายๆ”

หวางอวี่จุนรู้สึกกังวลใจทันทีที่ได้ยิน แต่จ้าวเฉียนอยู่ที่นี่อาสาจัดการเอง ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปแทรกแซงเลย

จ้าวเฉียนยิ้มตอบอย่างใจเย็นว่า

“ผมเข้าใจดีนะครับว่าผู้จัดการชางกำลังหมายความว่ายังไง ไม่มีบริษัทไหนอยากเปลี่ยนคู่ค้าบ่อยๆ อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ท่าเรือหัวกำลังประสบปัญหาไม่สามารถเดินเรือได้ อาจทำให้การขนส่งล่าช้าเองได้นะครับ”

ชางหย่าคลี่ยิ้มดูมีสง่าราศียิ่ง เธอตอบไปว่า

“เรื่องนี้มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์จริงด้วย สุดท้ายนี้พวกเราเป็นคู่ค้ากันมานานแล้ว แค่ผิดพลาดกันครั้งสองครั้งมันไม่ใช่เหตุผลร้ายแรงถึงขั้นยกเลิกสัญญาคู่ค้ากันได้ ถึงแม้พวกเราจะต้องการหาบริษัทอื่นเข้ามาแทนที่พวกนั้นก็ตาม เข้าใจที่พูดใช่ไหม? เราต้องเปรียบเทียบจุดแข็งจุดอ่อนและราคาการขนส่งต่อรอบอย่างถี่ถ้วนก่อนถึงจะพิจารณาเลือกคู่ค้ารายใหม่ได้ นี่ยังไม่รวมค่าฉีกสัญญาเก่าอีกนะ ดังนั้นการจะเปลี่ยนคู่ค้ามันไม่ใช่เรื่องที่จะทำวันสองวันเสร็จ”

จะเห็นได้ว่าชางหย่าคนนี้เธอเป็นผู้หญิงมีหลักการและเหตุผลค่อนข้างดี จ้าวเฉียนจึงพยักหน้าและกล่าวต่อว่า

“ข้อมูลดังกล่าวก็อยู่ตรงหน้าผู้จัดการชางแล้วครับ ทำไมถึงไม่ลองอ่านดูก่อนล่ะครับ? ถ้าราคาที่ทำให้ยังไม่พอใจ พวกเรายังสามารถผ่อนปรนได้อีกนะครับ”

จางหยาจ้องตาจ้าวเฉียนอยู่ครู่หนึ่งด้วยความเสน่ห์หาพลางคลี่ยิ้มหวานให้ ก่อนจะพยักหน้าและหยิบเอกสารพวกนั้นขึ้นมาอ่านทันที

50ปีที่แล้ว ท่าเรือเฉียนตงแข็งแกร่งกว่าท่าเรือหัว 50ปีต่อมา พวกเขายังคงแข็งแกร่งกว่าเช่นเดิมไม่แปรเปลี่ยน

ชางหย่าพลิกหน้าเอกสารอ่านข้อมูลพื้นฐานและงบบัญชีของบริษัทท่าเรือเฉียนตงอย่างตั้งใจ ในความเห็นของเธอท่าเรือเฉียนตงดูดีกว่าท่าเรือหัวมากจริงๆ

แถมราคาต้นทุนการขนส่งแต่ละรอบยังมีราคาที่ต่ำกว่าท่าเรือหัวถึง20% นี่ถือเป็นการประหยัดต้นทุนไปได้มหาศาล

ชางหย่ายิ้มพลางปิดแฟ้มเอกสารลง เธอกล่าวขึ้นด้วยความพึงพอใจว่า

“ท่าเรือของคุณดีกว่าพวกท่าเรือหัวทุกด้านจริงๆ แต่ถึงแบบนั้นฉันคงจะแย่งออเดอร์ของพวกนั้นโอนถ่ายให้พวกคุณไม่ได้อยู่ดี แต่ถ้าต้องการร่วมมือกับเราจริงๆ ฉันยังพอหาช่องทางอย่างอื่นได้นะ ออเดอร์ใหญ่ไม่แพ้ของพวกท่าเรือหัวแน่นอน แล้วถ้าไปได้สวย เดี๋ยวฉันจะเพิ่มออเดอร์ให้คุณเองในอนาคต ว่าไง?”

จ้าวเฉียนมาที่นี่เพื่อแย่งลูกค้ารายใหญ่ของท่าเรือหัวโดยเฉพาะ ดังนั้นแล้วจุดประสงค์ของเขาจึงไม่ให้เพียงแค่ต้องการร่วมมือกับบริษัทเมล็ดพืชการาจเท่านั้น จึงไม่สามารถยอมรับข้อเสนอของชางหย่าได้

“ผู้จัดการชางน่าจะเคยได้ยินข้อพิพากระหว่างท่าเรือของผมกับท่าเรือหัวมาบ้างนะครับ มันคงจะดีกว่าถ้าผู้จัดการชางเอาออเดอร์ทั้งหมดของท่าเรือหัวโอนถ่ายมาให้ท่าเรือผม ถ้าได้ผมจะทำราคาให้ต่ำกว่านี้อีกครับ”

ชางหย่ายิ้มและกล่าวถามขึ้นว่า

“คุณจ้าวพกสมุดเช็คมารึเปล่าครับ?”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและหยิบสมุดเช็คออกมาวางไว้บนโต๊ะ

ชางหย่ายังคงคลี่ยิ้มหวานให้และกล่าวขึ้นว่า

“หื้ม? จะให้เช็คเปล่ากับฉันเหรอ?”

จ้าวเฉียนย่อมไม่รู้สึกมีความสุขภายในใจเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ได้เผยแสดงอาการออกมา เขายิ้มและกล่าวว่า

“มีสาวสวยอย่างคุณมาขอเงินแบบนี้ ผมที่เป็นผู้ชายจะให้เช็คเปล่าได้ยังไงครับ?”

“อิอิ…ปากหวานซะจริงนะ ถ้าฉันยังเป็นวัยรุ่น บางทีคงหลงคารมเธอไปแล้ว”

“อายุเป็นแค่ตัวเลขครับ ที่สำคัญ…ผู้จัดการชางยังดูสาวอยู่เลยนะครับ แถมสวยมากเลยด้วย”

จ้าวเฉียนกดสายตาลงมองที่บริเวณหน้าอกหน้าใจของเธอ ซึ่งชางหย่าเองก็ก้มศีรษะเหลือบมองตามเขามองที่หน้าอก ทันทีทันใดใบหน้าของเธอพลันแดงก่ำขึ้นทันที ปริปากสีแดงช่ำยิ้มตอบไปว่า

“นี่กำลังล่วงละเมิดฉันอยู่นะรู้ไหม? ไม่กลัวว่าฉันจะไล่เธอออกไปแล้วดิลล้มเหลวเหรอ?”

“ผมไม่ได้ล่วงละเมิดเลยนะครับ ผมแค่พูดไปตามความจริง ถ้าพบได้รู้จักผู้จัดการชางเร็วกว่านี้ บางทีผมอาจจะขอให้คุณเปลี่ยนมาใช้นามสกุลเดียวกับผมไปแล้ว”

“ฮ่าฮ่า…เธอนี่นะ….”

ในขณะที่ชางหย่ากำลังโน้มตัวเข้ามาใกล้จ้าวเฉียน จู่ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เธอรีบถอยกลับไปนั่งที่เดิมทันที ปั้นหน้าปั้นตาสงบสติอารมณ์ลงพร้อมกับโฉมผู้สง่างามกลับเข้าร่างอีกครั้ง และพูดเสียงดังขึ้นว่า

“เข้ามา”

พอประตูเปิดออก โจวเหว่ยซูก็เดินเข้ามา

จ้าวเฉียนดีใจอย่างยิ่ง เธอมาได้ถูกที่ถูกเวลาเสมอจริงๆ! ไม่อย่างนั้นบางทีเขาอาจถูกสาวใหญ่คิดล้มครูแล้ว!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 302 แม่ของโจวเหว่ยซู ชางหย่า

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 302 แม่ของโจวเหว่ยซู ชางหย่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จ้าวเฉียนก้าวย่างตรงออกไปหา พร้อมเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า

“คุณโจวเองก็ทำงานที่นี่เหรอครับ?”

โจวเหว่ยซูเชื่อสนิทใจว่า จ้าวเฉียนยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอ ดังนั้นเขาไม่มีทางวางแผนเพื่อเข้าใกล้เธออะไรอย่างที่คิดไว้ก่อนหน้าแน่นอน

ตราบใดที่เขาเข้าหาเธอด้วยความจริงใจไร้ซึ่งแผนการ เธอเองก็ยินดีช่วยจ้าวเฉียนแน่นอน

“ใช่ค่ะ ฉันทำงานอยู่ที่นี่ ไม่คิดเลยนะคะว่าคุณจะเดินทางมาจริงๆ แต่ทำไมถึงไม่ใช้ลูกน้องมาจัดการละค่ะ? คุณเป็นถึงหัวเรือใหญ่ ไม่จำเป็นต้องมาเองให้เสียเวลา”

โจวเหว่ยซูพูดติดตลก

เขาในขณะนี้ทำได้เพียงตามน้ำเธอไป กล่าวเพียงว่า

“ฮ่าฮ่า…ไม่มีทางครับ ผมต้องสู้เพื่อธุรกิจของตัวเองเป็นธรรมดา และยังแสดงให้เห็นว่าผมมีความจริงใจ”

โจวเหว่ยซูพยักหน้าและยิ้มตอบไปว่า

“ถ้าอย่างนั้นค่อยคุยกันทีหลัง เดี๋ยวฉันขอไปทำงานก่อน”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและมองโจวเหว่ยซูเดินผ่านหน้าขึ้นลิฟต์ส่วนตัวไป

พนักงานต้อนรับสาวรีบเอ่ยถามทันทีสุ้มเสียงเบาว่า

“คุณรู้จักกับคุณโจวเป็นการส่วนตัวเหรอค่ะ?”

“ใช่ครับ ยังไงก็รบกวนติดต่อหาผู้จัดการฝ่ายขนส่งด้วยนะครับ”

โจวเหว่ยซูคือใคร ทุกคนในบริษัทล้วนทราบกันดี และตอนนี้เพื่อนของเธอมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องธุรกิจ มีหรือที่พนักงานต้อนรับสาวยังกล้าห้ามปราม?

“ได้เลยค่ะ รบกวนรอสักครู่นะคะ”

จากนั้นเธอก็รีบยกหูโทรศัพท์ติดต่อไปหาผู้จัดการฝ่ายขนส่งโดยตรง

จ้าวเฉียนยิ้มตอบขอบคุณไป มองดูเธอคุยกับปลายสาย

“ฮาโหลค่ะผู้จัดการชาง ที่แผนกต้อนรับของเรามีคนอยากพบคุณ พวกเขาเป็นเพื่อนของคุณโจว ต้องการพูดคุยเรื่องงธุรกิจ พอจะมีเวลาไหมค่ะ?”

“เพื่อนของเหว่ยซู? ให้พวกเขาเข้ามา”

“รับทราบค่ะ”

พนักงานต้อนรับสาววางสายและกล่าวกับจ้าวเฉียนด้วยน้ำเสียงสุภาพยิ่งว่า

“คุณผู้ชาย ผู้จัดการชางเรียนเชิญให้เข้าไปหาได้ค่ะ หลังจากตรงเข้าไปให้ขึ้นลิฟต์หมายเลข3 ห้องทำงานของผู้จัดการอยู่ที่ชั้น15 เคาะประตูเข้าไปหาเธอได้เลยค่ะ”

จ้าวเฉียนยิ้มขอบคุณ

“ขอบคุณมากคนสวย ฉันคิดว่าคนสวยน่าจะลองเปลี่ยนไปใช้ลิปสติกเนื้อแมทเรโทรสีแดงรูบี้วูดูนะ คงดูเซ็กซี่กว่าตอนนี้แน่นอน”

หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็พาหวางอวี่จุนตรงเข้าไปที่ลิฟต์

พนักงานต้อนรับสาวรีบหยิบกระจกพกพาบานน้อยๆ ขึ้นมาส่องทันที เม้มริมฝีปากจับจ้องดูครุ่นคิด

“สีแดงรูบี้วูงั้นเหรอ? อืม…จะดูสะดุดตาเกินไปไหมนะ? เขาชมฉันว่าเซ็กซี่ด้วย อิอิ…เขินจัง”

ในไม่ช้าจ้าวเฉียนก็พาหวางอวี่จุนเดินออกจากลิฟต์ที่ชั้น15 เคาะประตูห้องผู้จัดการ

“เข้ามา”

หวางอวี่จุนเปิดประตูให้จ้าวเฉียนเดินเข้าไปก่อน

เบื้องหน้าปรากฏให้เห็น ผู้จัดการเป็นสาววัยกลางคนซึ่งดูดีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับเสื้อเชิ้ตสีขาวรัดรูปตัวนั้น นี่ยิ่งเสริมสง่าราศีเธอเข้าไปใหญ่

เธอวางปากกาในมือลง ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์ติดน่าเกรงขามเล็กน้อย ถ้าตอนที่เธอยังเป็นวัยรุ่นคงเนื้อหอมขวัญใจพวกหนุ่มๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมโจวเจียงเฉิน เจ้าของบริษัทเมล็ดพืชการาจถึงหลงใหลในตัวเธอมากขนาดนั้น ผู้ชายทุกคนไม่สามารถทนต่อเสน่ห์ของเธอได้จริงๆ

จ้าวเฉียนยิ้มและกล่าวทักทายขึ้นว่า

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อจ้าวเฉียน ส่วนนี่เพื่อนร่วมงานของผม หวางอวี่จุน ประธานบริษัทท่าเรือเฉียนตง ผมไม่คิดเลยนะครับว่า ผู้จัดการฝ่ายขนส่งจะดูดีมีเสน่ห์ขนาดนี้ ทีแรกก็คิดว่าเป็นพวกลุงหัวล้านอะไรแบบนั้น”

ผู้จัดการชางยกยิ้มคลี่อ่อนบนมุมปากดูพร่าวเสน่ห์รัญจวนใจ ตั้งศอกพิงหน้าดูคล้ายมีทีท่าสนใจเล็กน้อยกล่าวตอบไปว่า

“ปากหวานไม่น้อยเลยนะพ่อหนุ่ม ฉันชางหย่า ผู้จัดการฝ่ายขนส่ง นั่งลงก่อนสิ”

เมื่อจ้าวเฉียนได้ยินชื่อชางหย่า ใจเขาก็เริ่มเต้นแรงขึ้นจริงๆ ปรากฏว่ามันเป็นไปตามที่เขาสืบข้อมูลมาจริงๆ เธอคนนี้คือแม่ของโจวเหว่ยซู

ชางหย่าปรายหางตาเหลือบมองจ้าวเฉียนอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ยิ้มอ่อนถามขึ้นว่า

“พ่อหนุ่ม เป็นเพื่อนของเหว่ยซูงั้นเหรอ?”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและตอบกลับไปตามตรงว่า

“ไม่เชิงเพื่อนน่ะครับ เพราะพวกเราเพิ่งเจอกันเมื่อคืนนี้เอง ผมไม่รู้ว่าสนิทถึงขั้นเป็นเพื่อนของเธอได้แล้วรึยัง แล้วผู้จัดการชางรู้จักเธอด้วยเหรอครับ?”

ชางหย่าที่ได้ยินแบบนั้นก็พลางคิดไปว่า ดูเหมือนจ้าวเฉียนยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของโจวเหว่ยซู ถึงได้ถามออกมาแบบนี้

“หุหุ…รู้จักดีเลยล่ะ เจอกันแทบตลอด เอาล่ะ เห็นว่าที่นี่เพื่อจะคุยเรื่องธุรกิจใช่ไหม?”

หวางอวี่จุนรีบส่งเอกสารข้อมูลที่จัดเตรียมมาให้ชางหย่าทันที จากนั้นจ้าวเฉียนก็กล่าวขึ้นว่า

“เราต้องการร่วมมือกับบริษัทเมล็ดพืชการาจเป็นคู่ค้าส่งออกและนำเข้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ออเดอร์ทั้งหมดของท่าเรือหัว เราต้องการมันมาทั้งหมด”

พอชางหย่าได้ยินแบบนี้ก็ไม่แม้แต่เปิดเอกสารข้อมูลอ่าน เธอตีกลับไปทันทีและกล่าวว่า

“ถ้ามาเพราะเรื่องนี้คงไม่ต้องคุยกันให้เสียเวลา พวกเราไม่เปลี่ยนคู่ค้าง่ายๆ”

หวางอวี่จุนรู้สึกกังวลใจทันทีที่ได้ยิน แต่จ้าวเฉียนอยู่ที่นี่อาสาจัดการเอง ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปแทรกแซงเลย

จ้าวเฉียนยิ้มตอบอย่างใจเย็นว่า

“ผมเข้าใจดีนะครับว่าผู้จัดการชางกำลังหมายความว่ายังไง ไม่มีบริษัทไหนอยากเปลี่ยนคู่ค้าบ่อยๆ อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ท่าเรือหัวกำลังประสบปัญหาไม่สามารถเดินเรือได้ อาจทำให้การขนส่งล่าช้าเองได้นะครับ”

ชางหย่าคลี่ยิ้มดูมีสง่าราศียิ่ง เธอตอบไปว่า

“เรื่องนี้มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์จริงด้วย สุดท้ายนี้พวกเราเป็นคู่ค้ากันมานานแล้ว แค่ผิดพลาดกันครั้งสองครั้งมันไม่ใช่เหตุผลร้ายแรงถึงขั้นยกเลิกสัญญาคู่ค้ากันได้ ถึงแม้พวกเราจะต้องการหาบริษัทอื่นเข้ามาแทนที่พวกนั้นก็ตาม เข้าใจที่พูดใช่ไหม? เราต้องเปรียบเทียบจุดแข็งจุดอ่อนและราคาการขนส่งต่อรอบอย่างถี่ถ้วนก่อนถึงจะพิจารณาเลือกคู่ค้ารายใหม่ได้ นี่ยังไม่รวมค่าฉีกสัญญาเก่าอีกนะ ดังนั้นการจะเปลี่ยนคู่ค้ามันไม่ใช่เรื่องที่จะทำวันสองวันเสร็จ”

จะเห็นได้ว่าชางหย่าคนนี้เธอเป็นผู้หญิงมีหลักการและเหตุผลค่อนข้างดี จ้าวเฉียนจึงพยักหน้าและกล่าวต่อว่า

“ข้อมูลดังกล่าวก็อยู่ตรงหน้าผู้จัดการชางแล้วครับ ทำไมถึงไม่ลองอ่านดูก่อนล่ะครับ? ถ้าราคาที่ทำให้ยังไม่พอใจ พวกเรายังสามารถผ่อนปรนได้อีกนะครับ”

จางหยาจ้องตาจ้าวเฉียนอยู่ครู่หนึ่งด้วยความเสน่ห์หาพลางคลี่ยิ้มหวานให้ ก่อนจะพยักหน้าและหยิบเอกสารพวกนั้นขึ้นมาอ่านทันที

50ปีที่แล้ว ท่าเรือเฉียนตงแข็งแกร่งกว่าท่าเรือหัว 50ปีต่อมา พวกเขายังคงแข็งแกร่งกว่าเช่นเดิมไม่แปรเปลี่ยน

ชางหย่าพลิกหน้าเอกสารอ่านข้อมูลพื้นฐานและงบบัญชีของบริษัทท่าเรือเฉียนตงอย่างตั้งใจ ในความเห็นของเธอท่าเรือเฉียนตงดูดีกว่าท่าเรือหัวมากจริงๆ

แถมราคาต้นทุนการขนส่งแต่ละรอบยังมีราคาที่ต่ำกว่าท่าเรือหัวถึง20% นี่ถือเป็นการประหยัดต้นทุนไปได้มหาศาล

ชางหย่ายิ้มพลางปิดแฟ้มเอกสารลง เธอกล่าวขึ้นด้วยความพึงพอใจว่า

“ท่าเรือของคุณดีกว่าพวกท่าเรือหัวทุกด้านจริงๆ แต่ถึงแบบนั้นฉันคงจะแย่งออเดอร์ของพวกนั้นโอนถ่ายให้พวกคุณไม่ได้อยู่ดี แต่ถ้าต้องการร่วมมือกับเราจริงๆ ฉันยังพอหาช่องทางอย่างอื่นได้นะ ออเดอร์ใหญ่ไม่แพ้ของพวกท่าเรือหัวแน่นอน แล้วถ้าไปได้สวย เดี๋ยวฉันจะเพิ่มออเดอร์ให้คุณเองในอนาคต ว่าไง?”

จ้าวเฉียนมาที่นี่เพื่อแย่งลูกค้ารายใหญ่ของท่าเรือหัวโดยเฉพาะ ดังนั้นแล้วจุดประสงค์ของเขาจึงไม่ให้เพียงแค่ต้องการร่วมมือกับบริษัทเมล็ดพืชการาจเท่านั้น จึงไม่สามารถยอมรับข้อเสนอของชางหย่าได้

“ผู้จัดการชางน่าจะเคยได้ยินข้อพิพากระหว่างท่าเรือของผมกับท่าเรือหัวมาบ้างนะครับ มันคงจะดีกว่าถ้าผู้จัดการชางเอาออเดอร์ทั้งหมดของท่าเรือหัวโอนถ่ายมาให้ท่าเรือผม ถ้าได้ผมจะทำราคาให้ต่ำกว่านี้อีกครับ”

ชางหย่ายิ้มและกล่าวถามขึ้นว่า

“คุณจ้าวพกสมุดเช็คมารึเปล่าครับ?”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและหยิบสมุดเช็คออกมาวางไว้บนโต๊ะ

ชางหย่ายังคงคลี่ยิ้มหวานให้และกล่าวขึ้นว่า

“หื้ม? จะให้เช็คเปล่ากับฉันเหรอ?”

จ้าวเฉียนย่อมไม่รู้สึกมีความสุขภายในใจเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ได้เผยแสดงอาการออกมา เขายิ้มและกล่าวว่า

“มีสาวสวยอย่างคุณมาขอเงินแบบนี้ ผมที่เป็นผู้ชายจะให้เช็คเปล่าได้ยังไงครับ?”

“อิอิ…ปากหวานซะจริงนะ ถ้าฉันยังเป็นวัยรุ่น บางทีคงหลงคารมเธอไปแล้ว”

“อายุเป็นแค่ตัวเลขครับ ที่สำคัญ…ผู้จัดการชางยังดูสาวอยู่เลยนะครับ แถมสวยมากเลยด้วย”

จ้าวเฉียนกดสายตาลงมองที่บริเวณหน้าอกหน้าใจของเธอ ซึ่งชางหย่าเองก็ก้มศีรษะเหลือบมองตามเขามองที่หน้าอก ทันทีทันใดใบหน้าของเธอพลันแดงก่ำขึ้นทันที ปริปากสีแดงช่ำยิ้มตอบไปว่า

“นี่กำลังล่วงละเมิดฉันอยู่นะรู้ไหม? ไม่กลัวว่าฉันจะไล่เธอออกไปแล้วดิลล้มเหลวเหรอ?”

“ผมไม่ได้ล่วงละเมิดเลยนะครับ ผมแค่พูดไปตามความจริง ถ้าพบได้รู้จักผู้จัดการชางเร็วกว่านี้ บางทีผมอาจจะขอให้คุณเปลี่ยนมาใช้นามสกุลเดียวกับผมไปแล้ว”

“ฮ่าฮ่า…เธอนี่นะ….”

ในขณะที่ชางหย่ากำลังโน้มตัวเข้ามาใกล้จ้าวเฉียน จู่ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เธอรีบถอยกลับไปนั่งที่เดิมทันที ปั้นหน้าปั้นตาสงบสติอารมณ์ลงพร้อมกับโฉมผู้สง่างามกลับเข้าร่างอีกครั้ง และพูดเสียงดังขึ้นว่า

“เข้ามา”

พอประตูเปิดออก โจวเหว่ยซูก็เดินเข้ามา

จ้าวเฉียนดีใจอย่างยิ่ง เธอมาได้ถูกที่ถูกเวลาเสมอจริงๆ! ไม่อย่างนั้นบางทีเขาอาจถูกสาวใหญ่คิดล้มครูแล้ว!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 302 แม่ของโจวเหว่ยซู ชางหย่า

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 302 แม่ของโจวเหว่ยซู ชางหย่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จ้าวเฉียนก้าวย่างตรงออกไปหา พร้อมเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า

“คุณโจวเองก็ทำงานที่นี่เหรอครับ?”

โจวเหว่ยซูเชื่อสนิทใจว่า จ้าวเฉียนยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอ ดังนั้นเขาไม่มีทางวางแผนเพื่อเข้าใกล้เธออะไรอย่างที่คิดไว้ก่อนหน้าแน่นอน

ตราบใดที่เขาเข้าหาเธอด้วยความจริงใจไร้ซึ่งแผนการ เธอเองก็ยินดีช่วยจ้าวเฉียนแน่นอน

“ใช่ค่ะ ฉันทำงานอยู่ที่นี่ ไม่คิดเลยนะคะว่าคุณจะเดินทางมาจริงๆ แต่ทำไมถึงไม่ใช้ลูกน้องมาจัดการละค่ะ? คุณเป็นถึงหัวเรือใหญ่ ไม่จำเป็นต้องมาเองให้เสียเวลา”

โจวเหว่ยซูพูดติดตลก

เขาในขณะนี้ทำได้เพียงตามน้ำเธอไป กล่าวเพียงว่า

“ฮ่าฮ่า…ไม่มีทางครับ ผมต้องสู้เพื่อธุรกิจของตัวเองเป็นธรรมดา และยังแสดงให้เห็นว่าผมมีความจริงใจ”

โจวเหว่ยซูพยักหน้าและยิ้มตอบไปว่า

“ถ้าอย่างนั้นค่อยคุยกันทีหลัง เดี๋ยวฉันขอไปทำงานก่อน”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและมองโจวเหว่ยซูเดินผ่านหน้าขึ้นลิฟต์ส่วนตัวไป

พนักงานต้อนรับสาวรีบเอ่ยถามทันทีสุ้มเสียงเบาว่า

“คุณรู้จักกับคุณโจวเป็นการส่วนตัวเหรอค่ะ?”

“ใช่ครับ ยังไงก็รบกวนติดต่อหาผู้จัดการฝ่ายขนส่งด้วยนะครับ”

โจวเหว่ยซูคือใคร ทุกคนในบริษัทล้วนทราบกันดี และตอนนี้เพื่อนของเธอมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องธุรกิจ มีหรือที่พนักงานต้อนรับสาวยังกล้าห้ามปราม?

“ได้เลยค่ะ รบกวนรอสักครู่นะคะ”

จากนั้นเธอก็รีบยกหูโทรศัพท์ติดต่อไปหาผู้จัดการฝ่ายขนส่งโดยตรง

จ้าวเฉียนยิ้มตอบขอบคุณไป มองดูเธอคุยกับปลายสาย

“ฮาโหลค่ะผู้จัดการชาง ที่แผนกต้อนรับของเรามีคนอยากพบคุณ พวกเขาเป็นเพื่อนของคุณโจว ต้องการพูดคุยเรื่องงธุรกิจ พอจะมีเวลาไหมค่ะ?”

“เพื่อนของเหว่ยซู? ให้พวกเขาเข้ามา”

“รับทราบค่ะ”

พนักงานต้อนรับสาววางสายและกล่าวกับจ้าวเฉียนด้วยน้ำเสียงสุภาพยิ่งว่า

“คุณผู้ชาย ผู้จัดการชางเรียนเชิญให้เข้าไปหาได้ค่ะ หลังจากตรงเข้าไปให้ขึ้นลิฟต์หมายเลข3 ห้องทำงานของผู้จัดการอยู่ที่ชั้น15 เคาะประตูเข้าไปหาเธอได้เลยค่ะ”

จ้าวเฉียนยิ้มขอบคุณ

“ขอบคุณมากคนสวย ฉันคิดว่าคนสวยน่าจะลองเปลี่ยนไปใช้ลิปสติกเนื้อแมทเรโทรสีแดงรูบี้วูดูนะ คงดูเซ็กซี่กว่าตอนนี้แน่นอน”

หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็พาหวางอวี่จุนตรงเข้าไปที่ลิฟต์

พนักงานต้อนรับสาวรีบหยิบกระจกพกพาบานน้อยๆ ขึ้นมาส่องทันที เม้มริมฝีปากจับจ้องดูครุ่นคิด

“สีแดงรูบี้วูงั้นเหรอ? อืม…จะดูสะดุดตาเกินไปไหมนะ? เขาชมฉันว่าเซ็กซี่ด้วย อิอิ…เขินจัง”

ในไม่ช้าจ้าวเฉียนก็พาหวางอวี่จุนเดินออกจากลิฟต์ที่ชั้น15 เคาะประตูห้องผู้จัดการ

“เข้ามา”

หวางอวี่จุนเปิดประตูให้จ้าวเฉียนเดินเข้าไปก่อน

เบื้องหน้าปรากฏให้เห็น ผู้จัดการเป็นสาววัยกลางคนซึ่งดูดีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับเสื้อเชิ้ตสีขาวรัดรูปตัวนั้น นี่ยิ่งเสริมสง่าราศีเธอเข้าไปใหญ่

เธอวางปากกาในมือลง ดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์ติดน่าเกรงขามเล็กน้อย ถ้าตอนที่เธอยังเป็นวัยรุ่นคงเนื้อหอมขวัญใจพวกหนุ่มๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมโจวเจียงเฉิน เจ้าของบริษัทเมล็ดพืชการาจถึงหลงใหลในตัวเธอมากขนาดนั้น ผู้ชายทุกคนไม่สามารถทนต่อเสน่ห์ของเธอได้จริงๆ

จ้าวเฉียนยิ้มและกล่าวทักทายขึ้นว่า

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อจ้าวเฉียน ส่วนนี่เพื่อนร่วมงานของผม หวางอวี่จุน ประธานบริษัทท่าเรือเฉียนตง ผมไม่คิดเลยนะครับว่า ผู้จัดการฝ่ายขนส่งจะดูดีมีเสน่ห์ขนาดนี้ ทีแรกก็คิดว่าเป็นพวกลุงหัวล้านอะไรแบบนั้น”

ผู้จัดการชางยกยิ้มคลี่อ่อนบนมุมปากดูพร่าวเสน่ห์รัญจวนใจ ตั้งศอกพิงหน้าดูคล้ายมีทีท่าสนใจเล็กน้อยกล่าวตอบไปว่า

“ปากหวานไม่น้อยเลยนะพ่อหนุ่ม ฉันชางหย่า ผู้จัดการฝ่ายขนส่ง นั่งลงก่อนสิ”

เมื่อจ้าวเฉียนได้ยินชื่อชางหย่า ใจเขาก็เริ่มเต้นแรงขึ้นจริงๆ ปรากฏว่ามันเป็นไปตามที่เขาสืบข้อมูลมาจริงๆ เธอคนนี้คือแม่ของโจวเหว่ยซู

ชางหย่าปรายหางตาเหลือบมองจ้าวเฉียนอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ยิ้มอ่อนถามขึ้นว่า

“พ่อหนุ่ม เป็นเพื่อนของเหว่ยซูงั้นเหรอ?”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและตอบกลับไปตามตรงว่า

“ไม่เชิงเพื่อนน่ะครับ เพราะพวกเราเพิ่งเจอกันเมื่อคืนนี้เอง ผมไม่รู้ว่าสนิทถึงขั้นเป็นเพื่อนของเธอได้แล้วรึยัง แล้วผู้จัดการชางรู้จักเธอด้วยเหรอครับ?”

ชางหย่าที่ได้ยินแบบนั้นก็พลางคิดไปว่า ดูเหมือนจ้าวเฉียนยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของโจวเหว่ยซู ถึงได้ถามออกมาแบบนี้

“หุหุ…รู้จักดีเลยล่ะ เจอกันแทบตลอด เอาล่ะ เห็นว่าที่นี่เพื่อจะคุยเรื่องธุรกิจใช่ไหม?”

หวางอวี่จุนรีบส่งเอกสารข้อมูลที่จัดเตรียมมาให้ชางหย่าทันที จากนั้นจ้าวเฉียนก็กล่าวขึ้นว่า

“เราต้องการร่วมมือกับบริษัทเมล็ดพืชการาจเป็นคู่ค้าส่งออกและนำเข้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ออเดอร์ทั้งหมดของท่าเรือหัว เราต้องการมันมาทั้งหมด”

พอชางหย่าได้ยินแบบนี้ก็ไม่แม้แต่เปิดเอกสารข้อมูลอ่าน เธอตีกลับไปทันทีและกล่าวว่า

“ถ้ามาเพราะเรื่องนี้คงไม่ต้องคุยกันให้เสียเวลา พวกเราไม่เปลี่ยนคู่ค้าง่ายๆ”

หวางอวี่จุนรู้สึกกังวลใจทันทีที่ได้ยิน แต่จ้าวเฉียนอยู่ที่นี่อาสาจัดการเอง ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปแทรกแซงเลย

จ้าวเฉียนยิ้มตอบอย่างใจเย็นว่า

“ผมเข้าใจดีนะครับว่าผู้จัดการชางกำลังหมายความว่ายังไง ไม่มีบริษัทไหนอยากเปลี่ยนคู่ค้าบ่อยๆ อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ท่าเรือหัวกำลังประสบปัญหาไม่สามารถเดินเรือได้ อาจทำให้การขนส่งล่าช้าเองได้นะครับ”

ชางหย่าคลี่ยิ้มดูมีสง่าราศียิ่ง เธอตอบไปว่า

“เรื่องนี้มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์จริงด้วย สุดท้ายนี้พวกเราเป็นคู่ค้ากันมานานแล้ว แค่ผิดพลาดกันครั้งสองครั้งมันไม่ใช่เหตุผลร้ายแรงถึงขั้นยกเลิกสัญญาคู่ค้ากันได้ ถึงแม้พวกเราจะต้องการหาบริษัทอื่นเข้ามาแทนที่พวกนั้นก็ตาม เข้าใจที่พูดใช่ไหม? เราต้องเปรียบเทียบจุดแข็งจุดอ่อนและราคาการขนส่งต่อรอบอย่างถี่ถ้วนก่อนถึงจะพิจารณาเลือกคู่ค้ารายใหม่ได้ นี่ยังไม่รวมค่าฉีกสัญญาเก่าอีกนะ ดังนั้นการจะเปลี่ยนคู่ค้ามันไม่ใช่เรื่องที่จะทำวันสองวันเสร็จ”

จะเห็นได้ว่าชางหย่าคนนี้เธอเป็นผู้หญิงมีหลักการและเหตุผลค่อนข้างดี จ้าวเฉียนจึงพยักหน้าและกล่าวต่อว่า

“ข้อมูลดังกล่าวก็อยู่ตรงหน้าผู้จัดการชางแล้วครับ ทำไมถึงไม่ลองอ่านดูก่อนล่ะครับ? ถ้าราคาที่ทำให้ยังไม่พอใจ พวกเรายังสามารถผ่อนปรนได้อีกนะครับ”

จางหยาจ้องตาจ้าวเฉียนอยู่ครู่หนึ่งด้วยความเสน่ห์หาพลางคลี่ยิ้มหวานให้ ก่อนจะพยักหน้าและหยิบเอกสารพวกนั้นขึ้นมาอ่านทันที

50ปีที่แล้ว ท่าเรือเฉียนตงแข็งแกร่งกว่าท่าเรือหัว 50ปีต่อมา พวกเขายังคงแข็งแกร่งกว่าเช่นเดิมไม่แปรเปลี่ยน

ชางหย่าพลิกหน้าเอกสารอ่านข้อมูลพื้นฐานและงบบัญชีของบริษัทท่าเรือเฉียนตงอย่างตั้งใจ ในความเห็นของเธอท่าเรือเฉียนตงดูดีกว่าท่าเรือหัวมากจริงๆ

แถมราคาต้นทุนการขนส่งแต่ละรอบยังมีราคาที่ต่ำกว่าท่าเรือหัวถึง20% นี่ถือเป็นการประหยัดต้นทุนไปได้มหาศาล

ชางหย่ายิ้มพลางปิดแฟ้มเอกสารลง เธอกล่าวขึ้นด้วยความพึงพอใจว่า

“ท่าเรือของคุณดีกว่าพวกท่าเรือหัวทุกด้านจริงๆ แต่ถึงแบบนั้นฉันคงจะแย่งออเดอร์ของพวกนั้นโอนถ่ายให้พวกคุณไม่ได้อยู่ดี แต่ถ้าต้องการร่วมมือกับเราจริงๆ ฉันยังพอหาช่องทางอย่างอื่นได้นะ ออเดอร์ใหญ่ไม่แพ้ของพวกท่าเรือหัวแน่นอน แล้วถ้าไปได้สวย เดี๋ยวฉันจะเพิ่มออเดอร์ให้คุณเองในอนาคต ว่าไง?”

จ้าวเฉียนมาที่นี่เพื่อแย่งลูกค้ารายใหญ่ของท่าเรือหัวโดยเฉพาะ ดังนั้นแล้วจุดประสงค์ของเขาจึงไม่ให้เพียงแค่ต้องการร่วมมือกับบริษัทเมล็ดพืชการาจเท่านั้น จึงไม่สามารถยอมรับข้อเสนอของชางหย่าได้

“ผู้จัดการชางน่าจะเคยได้ยินข้อพิพากระหว่างท่าเรือของผมกับท่าเรือหัวมาบ้างนะครับ มันคงจะดีกว่าถ้าผู้จัดการชางเอาออเดอร์ทั้งหมดของท่าเรือหัวโอนถ่ายมาให้ท่าเรือผม ถ้าได้ผมจะทำราคาให้ต่ำกว่านี้อีกครับ”

ชางหย่ายิ้มและกล่าวถามขึ้นว่า

“คุณจ้าวพกสมุดเช็คมารึเปล่าครับ?”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและหยิบสมุดเช็คออกมาวางไว้บนโต๊ะ

ชางหย่ายังคงคลี่ยิ้มหวานให้และกล่าวขึ้นว่า

“หื้ม? จะให้เช็คเปล่ากับฉันเหรอ?”

จ้าวเฉียนย่อมไม่รู้สึกมีความสุขภายในใจเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ได้เผยแสดงอาการออกมา เขายิ้มและกล่าวว่า

“มีสาวสวยอย่างคุณมาขอเงินแบบนี้ ผมที่เป็นผู้ชายจะให้เช็คเปล่าได้ยังไงครับ?”

“อิอิ…ปากหวานซะจริงนะ ถ้าฉันยังเป็นวัยรุ่น บางทีคงหลงคารมเธอไปแล้ว”

“อายุเป็นแค่ตัวเลขครับ ที่สำคัญ…ผู้จัดการชางยังดูสาวอยู่เลยนะครับ แถมสวยมากเลยด้วย”

จ้าวเฉียนกดสายตาลงมองที่บริเวณหน้าอกหน้าใจของเธอ ซึ่งชางหย่าเองก็ก้มศีรษะเหลือบมองตามเขามองที่หน้าอก ทันทีทันใดใบหน้าของเธอพลันแดงก่ำขึ้นทันที ปริปากสีแดงช่ำยิ้มตอบไปว่า

“นี่กำลังล่วงละเมิดฉันอยู่นะรู้ไหม? ไม่กลัวว่าฉันจะไล่เธอออกไปแล้วดิลล้มเหลวเหรอ?”

“ผมไม่ได้ล่วงละเมิดเลยนะครับ ผมแค่พูดไปตามความจริง ถ้าพบได้รู้จักผู้จัดการชางเร็วกว่านี้ บางทีผมอาจจะขอให้คุณเปลี่ยนมาใช้นามสกุลเดียวกับผมไปแล้ว”

“ฮ่าฮ่า…เธอนี่นะ….”

ในขณะที่ชางหย่ากำลังโน้มตัวเข้ามาใกล้จ้าวเฉียน จู่ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เธอรีบถอยกลับไปนั่งที่เดิมทันที ปั้นหน้าปั้นตาสงบสติอารมณ์ลงพร้อมกับโฉมผู้สง่างามกลับเข้าร่างอีกครั้ง และพูดเสียงดังขึ้นว่า

“เข้ามา”

พอประตูเปิดออก โจวเหว่ยซูก็เดินเข้ามา

จ้าวเฉียนดีใจอย่างยิ่ง เธอมาได้ถูกที่ถูกเวลาเสมอจริงๆ! ไม่อย่างนั้นบางทีเขาอาจถูกสาวใหญ่คิดล้มครูแล้ว!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+