ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 238 เหรินจานซวนขอความช่วยเหลือ

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 238 เหรินจานซวนขอความช่วยเหลือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่238 เหรินจานซวนขอความช่วยเหลือ

เหลียวปี้เอ๋อร์เอ่ยปากกล่าวมีท่าทีไม่ค่อยมั่นใจนัก

“แค่ต้องการเลิกจ้างเฉยๆ ไม่ใช่เหรอ? ทำไมต้องหาข้อแก้ตัวด้วย?”

จ้าวเฉียนหัวเราะกล่าวตอบไปว่า

“ฉันแค่ทำตามหน้าที่ในการชี้แจ้งและอธิบายให้คุณทราบ ซึ่งคุณเหลียวจะต้องทำตามคำสั่งของเราในอนาคตต่อไป ผลที่ตามมาพวกเราจะรอรับผิดชอบเอง มั่นใจได้ว่าจะไม่กระทบไปถึงคุณแน่นอน ปัญหาหลักขอบบริษัทคุณที่ทางเราเล็งเห็นมีอยู่สองประการคือ หนึ่ง พนักงานโดยส่วนใหญ่เป็นคนแก่มีอายุ ไร้ซึ่งเป้าหมายและไฟในการทำงาน ไอเดียที่ออกมาแต่ละอย่างจึงทั้งเก่าและล่าสลัมย และสอง สังคมในการทำงานของที่นี่ไร้ซึ่งการแข่งขัน ทำให้พนักงานแต่ละคนไม่กระตือรือร้นในการพัฒนาตัวเอง ดังนั้นบริษัทของคุณถึงแย่แบบนี้ไง ส่วนเรื่องที่ผมกับสามีของคุณขัดแย้งกันมันแทบไม่เกี่ยวเลยด้วยซ้ำ”

เหลียวปี้เอ๋อร์ได้ฟังแบบนั้นก็พูดไม่ออกเช่นกัน ปัญหาทั้งสองประการที่จ้าวเฉียนกล่าวถึงมันร้ายแรงจริงๆ

เหลียวปี้เอ๋อร์กับเฉินกวนอวี้ตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้มานานแล้ว และก็มีหลายครั้งที่พวกเราพยายามคิดหาวิธีแก้ปัญหาด้วยกัน แต่อย่างไรก็ตาม พนักงานหลายคนในบริษัทเป็นญาติพี่น้องที่มาจากบ้านเกิดของเฉินกวนอวี้ ดังนั้นการจะติเตียนหรือลงโทษอะไร พวกเขาจึงไม่กล้าออกตัวแรงเท่าไหร่นัก

ปัญหานี้จึงกลายมาเป็นมะเร็งกัดกินบริษัทอยู่หลายปี จวบจนปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข

ตอนนี้ฟู่ไห่ได้เข้ามาควบคุมบริษัทแล้ว จึงเป็นการดีเช่นกันที่จะเริ่มต้นทุกอย่างวใหม่โดยปราศจากข้ออ้างใดอื่น

เหลียวปี้เอ๋อร์พยักหน้าตอบว่า

“ฉันเข้าใจแล้ว ถ้าพวกเรากล้าตัดสินใจไล่พนักงานออกเร็วกว่านี้ บางทีบริษัทคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายอย่างที่เห็น”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและกล่าวต่อว่า

“ดังนั้นผมหวังว่าคุณเหลียวจะปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของทางเราอย่างเคร่งครัดนะครับ ใครที่ไม่ผ่านเกณฑ์ก็ไม่ควรเห็บไว้ หากมีใครต่อต้านหรือคิดประท้วงขึ้นมาจริงๆ ให้โทรแจ้งตำรวจทันทีก่อนเรื่องจะบานปลายเข้าใจไหมครับ?”

เหลียวปี้เอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดก็พยักหน้าตอบ

จ้าวเฉียนลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าวอำลาทันที

“ถ้าอย่างนั้นผมของตัวก่อนนะครับ ฝากคุณเหลียวจัดการที่เหลือต่อด้วย อีกอาทิตย์หนึ่งผมจะกลับมาดูว่าคุณคัดพวกไม่มีประสิทธิภาพออกไปกี่คนแล้ว”

จู่ๆ เหลียวปี้เอ๋อร์ก็รีบเอ่ยถามขึ้นว่า

“แล้วหลังจากที่คนพวกนั้นถูกไล่ออกไป ใครจะเข้ามารับผิดชอบพวกเขาต่อ?”

จ้าวเฉียนยิ้มตอบไปว่า

“ไม่ต้องห่วงครับ กระทรวงทรัพยากรมนุษย์จะเข้ามารับช่วงต่อเอง ขอแค่คุณเหลียวมีความเด็ดขาดมากพอ เราจะสามารถกำจัดสังคมมะเร็งร้ายที่กัดกินบริษัทได้แน่นอน แล้วทรงหน่วยงานรัฐจะเข้ามารับผิดชอบหางานใหม่ที่เหมาะสมให้พวกเขาเอง เข้าใจไหมครับ?”

“อืม ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะพยายามอย่างดีที่สุด จะไม่ให้นายผิดหวังแล้วกัน”

เหลียวปี้เอ๋อร์พยักหน้าตอบ

จ้าวเฉียนโบกมือลาเธอ และกลับขึ้นรถจากออกไปโดยตรง

เพียงไม่กี่นาทีหลังจากขับรถออกไป โทรศัพท์มือถือของจ้าวเฉียนก็ดังขึ้น พอหยิบขึ้นมาดูปรากฏว่าเป็นเหรินจานซวนที่โทรเข้ามา

จ้าวเฉียนรีบรับสายทันทีและถามว่า

“คุณเหริน มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

น้ำเสียงของเหรินจานซวนในขณะนี้ดูหวาดกลัวอย่างมาก เธอกล่าวตอบเสียงสั่นว่า

“คุณอยู่ไหนค่ะ? คุณ…คุณช่วยมารับฉันทีได้ไหม?”

พอได้ยินน้ำเสียงของเธอ จ้าวเฉียนก็รีบเอ่ยถามขึ้นต่อโดยไว

“เกิดอะไรขึ้น? มีคนตามมาอีกแล้วเหรอ?”

เหรินจานซวนรีบตอบทันทีว่า

“คราวนี้มันแย่กว่านั้น คนที่ฉันส่งไปลอบติดตามเลขาของจานต้าเฉินเพิ่งมารายงานว่า เขาจะมาลักพาตัวฉันคืนนี้ เพื่อบังคับให้ฉันโอนหุ้นให้แก่เขา พรุ่งนี้เป็นวันประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว อีกฝ่ายต้องการหุ้นทั้งหมดในมือฉัน และขึ้นกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดอย่างเป็นทางการ ตอนนี้ฉันซ่อนตัวอยู่ในห้องทำงานไม่กล้าออกไปไหน คุณช่วยมารับฉันทีได้ไหม? ขอร้อง…”

สิ่งที่จ้าวเฉียนสนใจจริงๆ คือ หุ้นส่วนเซียนเหว่ย เทคโนโลยีไม่ใช่เหรินจานซวน ดังนั้นเขาจึงติอบไปว่า

“นี่เป็นศึกภายในของบริษัทคุณ ผมก็แค่คนนอกคงไม่สามารถเข้าไปช่วยอะไรได้ ถ้าจานต้าเฉินทราบถึงตัวตนของผม เขาจะชี้เป้ามาจัดการผมเป็นรายต่อไปแน่นอน ผมลำบากใจนะครับที่ต้องพูดแบบนี้ ผมคงช่วยอะไรคุณไม่ได้จริงๆ ต้องขอโทษด้วย”

หลังจากพูดจบ จ้าวเฉียนก็กดวางสายไป ตราบใดที่เหรินจานซวนไม่ยอมมอบหุ้นส่วนแก่เขา เขาเองก็ไม่อยากเปลืองตัวเข้าไปเกลือกกลั้วด้วยแน่นอน

จานต้าเฉินต้องการเพียงความเท่าเทียม และจ้าวเฉียนไม่ได้สนใจอยู่แล้ว ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ได้ทำร้ายถึงชีวิตเธอ เขาจะไม่เข้าไปยุ่ง

ผ่านไปครู่หนึ่งเหรินจานซวนก็โทรเข้ามาอีกครั้ง และกล่าวว่า

“คุณยังต้องการหุ้นส่วนในมือฉันอยู่ไหม?”

จ้าวเฉียนตอบไปตามตรงว่า

“แน่นอน ผมต้องการถือหุ้นเซียนเหว่ยอยู่แล้ว แต่แนวคิดระหว่างผมกับคุณเหรินมันค่อนข้างแตกต่างกัน ผมจึงต้องจำใจปล่อยไป”

เหรินจานซวนลังเลอยู่สักครู่หนึ่งก่อนให้คำตอบไปว่า

“ฉันจะขายหุ้นให้คุณ แต่คุณต้องให้สัญญากับฉันก่อนสามข้อ”

จ้าวเฉียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและเอ่ยถามไปว่า

“สามข้อที่ว่าคือ? คุณลองบอกมาก่อน”

เงื่อนไขสามข้อที่เหรินจานซวนเสนอขึ้นมามันค่อนข่างจริงจังอย่างยิ่งสำหรับเธอ คือหนึ่ง จ้าวเฉียนจะต้องปกป้องเธออย่างไม่มีเงื่อนไข และรับรองความปลอดภัยของเธอ ซึ่งอันนี้มันค่อนข้างสมเหตุสมผล จ้าวเฉียนตอบตกลงโดยไม่ลังเล

และข้อสองคือ จ้าวเฉียนจะต้องดูแลเธอไปตลอดชีวิต ซึ่งเงื่อนไขข้อนี้ดูท่าจะเกินไปหน่อย จ้าวเฉียนจึงเอ่ยถามขึ้นทันทีว่า

“ดูแลเธอไปตลอดชีวิตมันหมายความว่าไง? ให้ข้าวให้น้ำคุณครบสามมื้อทุกวันแบบนี้เหรอ? ถ้าอย่างนั้นไม่มีปัญหาหรอกนะ แต่เกรงว่าคุณจะไม่ขอแค่นั้นน่ะสิ ถ้าจะต้องให้แบกรับค่าใช้จ่ายรายเดือนนับล้าน ผมก็ไม่ไหวหรอกนะ”

เหรินจวนซวนรับอธิบายให้ฟังทันทีว่า

“ไม่ต้องกังวลค่ะ ฉันไม่ล่วงเกินคุณถึงขนาดนั้นแน่นอน แค่ตอบสนองปัจจัยพื้นฐาน ไม่ต้องเลี้ยงดูแบบไฮโซ แต่ขอเพียงไม่แย่กว่าคนธรรมดาเท่านั้นพอค่ะ หรือคิดซะว่าฉันเป็นน้องสาวคนหนึ่ง ถ้าในอนาคตคุณแต่งงานไป เธอคนนั้นกับคุณก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบฉันด้วย”

ยกตัวอย่างคือ ธุรกิจครอบครัวของจ้าวเฉียน เหรินจานซวนจะไม่เข้ามายุ่งเด็ดขาด เพียงว่าเขาจะต้องดูและและคอยตักเตือนเธอหากออกไปนอกหลู่นอกทางเสมือนน้องสาวคนหนึ่งของเขา มิฉะนั้นกลับเป็นตัวจ้าวเฉียนเองที่จำต้องแบกรับผลที่ตามมา

และข้อสุดท้าย เหรินจานซวนต้องการให้จ้าวเฉียนขับไล่จานต้าเฉินออกจากบริษัทของเธอ หรือถ้าเป็นไปได้ ปล่อยให้อีกฝ่ายล้มละลายเลยเป็นดีที่สุด หากทำได้แบบนั้น เธอจะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลอีกฝ่ายทีหลัง

จ้าวเฉียนตอบตกลงไปโดยไม่ลัเงเล การจะขับไล่จานต้าเฉินออกไปมันง่ายมากสำหรับจ้าวเฉียน

จ้าวเฉียนเอ่ยขึ้นว่า

“ผมยอมรับเงื่อนไขทุกข้อของคุณ มีอะไรต้องการจะเพิ่มอีกไหม?”

เหรินจานซวนครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนตอบไปว่า

“ไม่มีอะไรแล้วค่ะ และฉันเชื่อว่า ด้วยบุคลิกนิสัยของตัวคุณเองหวังว่าจะไม่ทำผิดสัญญาที่ให้ไว้นะคะ ส่วนตอนนี้รีบมารับฉันที่เซียนเหว่ยที ฉันหิวแล้ว อยากออกไปหาอะไรทาน”

จ้าวเฉียนยิ้มตอบกลับไปว่า

“โอเค ผมกำลังรีบไป”

เหรินจานซวนตอบติดตลกกลับไปว่า

“ได้ค่ะ แล้วฉันจะรอ ขับรถปลอดภัยนะคะ แต่ถ้าไฟเขียวรีบซิ่งมาเลย”

จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะคำโตและวางสายไป เหยียบคันเร่งมิดซิ่งไปที่บริษัทเซียนเหว่ยโดยเร็วที่สุด

ประมาณสี่สิบนาทีต่อมา จ้าวเฉียนจอดอยู่หน้าบริษัทเซียนเหว่ย แต่เขากลับไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป นอกจากนี้เขายังต้องลงมาแสดงตัวตน ทั้งใบขับขี่และบัตรประชาชน โดนยามตรวจสอบชนิดที่ว่าราวกับตำรวจมาสอบปากคำ

จ้าวเฉียนไม่อยากเสียเวลากับคนพวกนี้มากนัก ดังนั้นเขาจึงโทรเรีกเหรินจานซวนทันที

ไม่นาน เขาก็โทรหาเธอติด

“นี่อยู่ไหนแล้วค่ะ?”

จ้าวเฉียนตอบเจือน้ำเสียงหงุดหงิด

“ฉันมาถึงหน้าบริษัทคุณแล้ว แต่ยามกลับไม่ยอมให้ผมเข้าไปสักที คุณรีบออกมาเร็วๆ แล้วกัน ผมจะรออยู่หน้าประตู”

เหรินจานซวนรับส่ายหัวปฏิเสธทันที

“ไม่…ไมได้ค่ะ…มีคนของจานต้าเฉินอยู่ข้างนอกเต็มไปหมด ถ้าฉันออกไปมันก็ไม่ต่างอะไรกับเดินเข้าปากเสือ?”

จ้าวเฉียนที่ได้ฟังดังนั้นพลันอดหัวเราะไม่ได้ กล่าวตอบกลับไปทันทีว่า

“เข้าปากเสือ? ได้ข่าวว่าที่นี่คือบริษัทของคุณเอง ถ้ามีคนไล่ตามขึ้นมาจริงๆ ก็แค่ตะโกนร้องดังๆ ขอความช่วยเหลือ แล้วดูซิว่า คนพวกนั้นยังจะกล้าตามมา? คงไม่ใช่ว่าทุกคนในบริษัทเป็นพวกของจานต้าเฉินหมดจริงไหม?”

เหรินจานซวนรู้สึกว่าคำกล่าวของจ้าวเฉียนมันค่อนข้างสมเหตุสมผล จะต้องไปกลัวอะไรกับบริษัทของตัวเธอเอง? คิดได้ดังนั้นเธอก็รีบวิ่งออกไปทันทีอย่างกล้าหาญ และตามที่คิดไว้ มีคนไล่ตามติดเธอเข้ามา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 238 เหรินจานซวนขอความช่วยเหลือ

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 238 เหรินจานซวนขอความช่วยเหลือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่238 เหรินจานซวนขอความช่วยเหลือ

เหลียวปี้เอ๋อร์เอ่ยปากกล่าวมีท่าทีไม่ค่อยมั่นใจนัก

“แค่ต้องการเลิกจ้างเฉยๆ ไม่ใช่เหรอ? ทำไมต้องหาข้อแก้ตัวด้วย?”

จ้าวเฉียนหัวเราะกล่าวตอบไปว่า

“ฉันแค่ทำตามหน้าที่ในการชี้แจ้งและอธิบายให้คุณทราบ ซึ่งคุณเหลียวจะต้องทำตามคำสั่งของเราในอนาคตต่อไป ผลที่ตามมาพวกเราจะรอรับผิดชอบเอง มั่นใจได้ว่าจะไม่กระทบไปถึงคุณแน่นอน ปัญหาหลักขอบบริษัทคุณที่ทางเราเล็งเห็นมีอยู่สองประการคือ หนึ่ง พนักงานโดยส่วนใหญ่เป็นคนแก่มีอายุ ไร้ซึ่งเป้าหมายและไฟในการทำงาน ไอเดียที่ออกมาแต่ละอย่างจึงทั้งเก่าและล่าสลัมย และสอง สังคมในการทำงานของที่นี่ไร้ซึ่งการแข่งขัน ทำให้พนักงานแต่ละคนไม่กระตือรือร้นในการพัฒนาตัวเอง ดังนั้นบริษัทของคุณถึงแย่แบบนี้ไง ส่วนเรื่องที่ผมกับสามีของคุณขัดแย้งกันมันแทบไม่เกี่ยวเลยด้วยซ้ำ”

เหลียวปี้เอ๋อร์ได้ฟังแบบนั้นก็พูดไม่ออกเช่นกัน ปัญหาทั้งสองประการที่จ้าวเฉียนกล่าวถึงมันร้ายแรงจริงๆ

เหลียวปี้เอ๋อร์กับเฉินกวนอวี้ตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้มานานแล้ว และก็มีหลายครั้งที่พวกเราพยายามคิดหาวิธีแก้ปัญหาด้วยกัน แต่อย่างไรก็ตาม พนักงานหลายคนในบริษัทเป็นญาติพี่น้องที่มาจากบ้านเกิดของเฉินกวนอวี้ ดังนั้นการจะติเตียนหรือลงโทษอะไร พวกเขาจึงไม่กล้าออกตัวแรงเท่าไหร่นัก

ปัญหานี้จึงกลายมาเป็นมะเร็งกัดกินบริษัทอยู่หลายปี จวบจนปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข

ตอนนี้ฟู่ไห่ได้เข้ามาควบคุมบริษัทแล้ว จึงเป็นการดีเช่นกันที่จะเริ่มต้นทุกอย่างวใหม่โดยปราศจากข้ออ้างใดอื่น

เหลียวปี้เอ๋อร์พยักหน้าตอบว่า

“ฉันเข้าใจแล้ว ถ้าพวกเรากล้าตัดสินใจไล่พนักงานออกเร็วกว่านี้ บางทีบริษัทคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายอย่างที่เห็น”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและกล่าวต่อว่า

“ดังนั้นผมหวังว่าคุณเหลียวจะปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของทางเราอย่างเคร่งครัดนะครับ ใครที่ไม่ผ่านเกณฑ์ก็ไม่ควรเห็บไว้ หากมีใครต่อต้านหรือคิดประท้วงขึ้นมาจริงๆ ให้โทรแจ้งตำรวจทันทีก่อนเรื่องจะบานปลายเข้าใจไหมครับ?”

เหลียวปี้เอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดก็พยักหน้าตอบ

จ้าวเฉียนลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าวอำลาทันที

“ถ้าอย่างนั้นผมของตัวก่อนนะครับ ฝากคุณเหลียวจัดการที่เหลือต่อด้วย อีกอาทิตย์หนึ่งผมจะกลับมาดูว่าคุณคัดพวกไม่มีประสิทธิภาพออกไปกี่คนแล้ว”

จู่ๆ เหลียวปี้เอ๋อร์ก็รีบเอ่ยถามขึ้นว่า

“แล้วหลังจากที่คนพวกนั้นถูกไล่ออกไป ใครจะเข้ามารับผิดชอบพวกเขาต่อ?”

จ้าวเฉียนยิ้มตอบไปว่า

“ไม่ต้องห่วงครับ กระทรวงทรัพยากรมนุษย์จะเข้ามารับช่วงต่อเอง ขอแค่คุณเหลียวมีความเด็ดขาดมากพอ เราจะสามารถกำจัดสังคมมะเร็งร้ายที่กัดกินบริษัทได้แน่นอน แล้วทรงหน่วยงานรัฐจะเข้ามารับผิดชอบหางานใหม่ที่เหมาะสมให้พวกเขาเอง เข้าใจไหมครับ?”

“อืม ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะพยายามอย่างดีที่สุด จะไม่ให้นายผิดหวังแล้วกัน”

เหลียวปี้เอ๋อร์พยักหน้าตอบ

จ้าวเฉียนโบกมือลาเธอ และกลับขึ้นรถจากออกไปโดยตรง

เพียงไม่กี่นาทีหลังจากขับรถออกไป โทรศัพท์มือถือของจ้าวเฉียนก็ดังขึ้น พอหยิบขึ้นมาดูปรากฏว่าเป็นเหรินจานซวนที่โทรเข้ามา

จ้าวเฉียนรีบรับสายทันทีและถามว่า

“คุณเหริน มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

น้ำเสียงของเหรินจานซวนในขณะนี้ดูหวาดกลัวอย่างมาก เธอกล่าวตอบเสียงสั่นว่า

“คุณอยู่ไหนค่ะ? คุณ…คุณช่วยมารับฉันทีได้ไหม?”

พอได้ยินน้ำเสียงของเธอ จ้าวเฉียนก็รีบเอ่ยถามขึ้นต่อโดยไว

“เกิดอะไรขึ้น? มีคนตามมาอีกแล้วเหรอ?”

เหรินจานซวนรีบตอบทันทีว่า

“คราวนี้มันแย่กว่านั้น คนที่ฉันส่งไปลอบติดตามเลขาของจานต้าเฉินเพิ่งมารายงานว่า เขาจะมาลักพาตัวฉันคืนนี้ เพื่อบังคับให้ฉันโอนหุ้นให้แก่เขา พรุ่งนี้เป็นวันประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว อีกฝ่ายต้องการหุ้นทั้งหมดในมือฉัน และขึ้นกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดอย่างเป็นทางการ ตอนนี้ฉันซ่อนตัวอยู่ในห้องทำงานไม่กล้าออกไปไหน คุณช่วยมารับฉันทีได้ไหม? ขอร้อง…”

สิ่งที่จ้าวเฉียนสนใจจริงๆ คือ หุ้นส่วนเซียนเหว่ย เทคโนโลยีไม่ใช่เหรินจานซวน ดังนั้นเขาจึงติอบไปว่า

“นี่เป็นศึกภายในของบริษัทคุณ ผมก็แค่คนนอกคงไม่สามารถเข้าไปช่วยอะไรได้ ถ้าจานต้าเฉินทราบถึงตัวตนของผม เขาจะชี้เป้ามาจัดการผมเป็นรายต่อไปแน่นอน ผมลำบากใจนะครับที่ต้องพูดแบบนี้ ผมคงช่วยอะไรคุณไม่ได้จริงๆ ต้องขอโทษด้วย”

หลังจากพูดจบ จ้าวเฉียนก็กดวางสายไป ตราบใดที่เหรินจานซวนไม่ยอมมอบหุ้นส่วนแก่เขา เขาเองก็ไม่อยากเปลืองตัวเข้าไปเกลือกกลั้วด้วยแน่นอน

จานต้าเฉินต้องการเพียงความเท่าเทียม และจ้าวเฉียนไม่ได้สนใจอยู่แล้ว ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ได้ทำร้ายถึงชีวิตเธอ เขาจะไม่เข้าไปยุ่ง

ผ่านไปครู่หนึ่งเหรินจานซวนก็โทรเข้ามาอีกครั้ง และกล่าวว่า

“คุณยังต้องการหุ้นส่วนในมือฉันอยู่ไหม?”

จ้าวเฉียนตอบไปตามตรงว่า

“แน่นอน ผมต้องการถือหุ้นเซียนเหว่ยอยู่แล้ว แต่แนวคิดระหว่างผมกับคุณเหรินมันค่อนข้างแตกต่างกัน ผมจึงต้องจำใจปล่อยไป”

เหรินจานซวนลังเลอยู่สักครู่หนึ่งก่อนให้คำตอบไปว่า

“ฉันจะขายหุ้นให้คุณ แต่คุณต้องให้สัญญากับฉันก่อนสามข้อ”

จ้าวเฉียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและเอ่ยถามไปว่า

“สามข้อที่ว่าคือ? คุณลองบอกมาก่อน”

เงื่อนไขสามข้อที่เหรินจานซวนเสนอขึ้นมามันค่อนข่างจริงจังอย่างยิ่งสำหรับเธอ คือหนึ่ง จ้าวเฉียนจะต้องปกป้องเธออย่างไม่มีเงื่อนไข และรับรองความปลอดภัยของเธอ ซึ่งอันนี้มันค่อนข้างสมเหตุสมผล จ้าวเฉียนตอบตกลงโดยไม่ลังเล

และข้อสองคือ จ้าวเฉียนจะต้องดูแลเธอไปตลอดชีวิต ซึ่งเงื่อนไขข้อนี้ดูท่าจะเกินไปหน่อย จ้าวเฉียนจึงเอ่ยถามขึ้นทันทีว่า

“ดูแลเธอไปตลอดชีวิตมันหมายความว่าไง? ให้ข้าวให้น้ำคุณครบสามมื้อทุกวันแบบนี้เหรอ? ถ้าอย่างนั้นไม่มีปัญหาหรอกนะ แต่เกรงว่าคุณจะไม่ขอแค่นั้นน่ะสิ ถ้าจะต้องให้แบกรับค่าใช้จ่ายรายเดือนนับล้าน ผมก็ไม่ไหวหรอกนะ”

เหรินจวนซวนรับอธิบายให้ฟังทันทีว่า

“ไม่ต้องกังวลค่ะ ฉันไม่ล่วงเกินคุณถึงขนาดนั้นแน่นอน แค่ตอบสนองปัจจัยพื้นฐาน ไม่ต้องเลี้ยงดูแบบไฮโซ แต่ขอเพียงไม่แย่กว่าคนธรรมดาเท่านั้นพอค่ะ หรือคิดซะว่าฉันเป็นน้องสาวคนหนึ่ง ถ้าในอนาคตคุณแต่งงานไป เธอคนนั้นกับคุณก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบฉันด้วย”

ยกตัวอย่างคือ ธุรกิจครอบครัวของจ้าวเฉียน เหรินจานซวนจะไม่เข้ามายุ่งเด็ดขาด เพียงว่าเขาจะต้องดูและและคอยตักเตือนเธอหากออกไปนอกหลู่นอกทางเสมือนน้องสาวคนหนึ่งของเขา มิฉะนั้นกลับเป็นตัวจ้าวเฉียนเองที่จำต้องแบกรับผลที่ตามมา

และข้อสุดท้าย เหรินจานซวนต้องการให้จ้าวเฉียนขับไล่จานต้าเฉินออกจากบริษัทของเธอ หรือถ้าเป็นไปได้ ปล่อยให้อีกฝ่ายล้มละลายเลยเป็นดีที่สุด หากทำได้แบบนั้น เธอจะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลอีกฝ่ายทีหลัง

จ้าวเฉียนตอบตกลงไปโดยไม่ลัเงเล การจะขับไล่จานต้าเฉินออกไปมันง่ายมากสำหรับจ้าวเฉียน

จ้าวเฉียนเอ่ยขึ้นว่า

“ผมยอมรับเงื่อนไขทุกข้อของคุณ มีอะไรต้องการจะเพิ่มอีกไหม?”

เหรินจานซวนครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนตอบไปว่า

“ไม่มีอะไรแล้วค่ะ และฉันเชื่อว่า ด้วยบุคลิกนิสัยของตัวคุณเองหวังว่าจะไม่ทำผิดสัญญาที่ให้ไว้นะคะ ส่วนตอนนี้รีบมารับฉันที่เซียนเหว่ยที ฉันหิวแล้ว อยากออกไปหาอะไรทาน”

จ้าวเฉียนยิ้มตอบกลับไปว่า

“โอเค ผมกำลังรีบไป”

เหรินจานซวนตอบติดตลกกลับไปว่า

“ได้ค่ะ แล้วฉันจะรอ ขับรถปลอดภัยนะคะ แต่ถ้าไฟเขียวรีบซิ่งมาเลย”

จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะคำโตและวางสายไป เหยียบคันเร่งมิดซิ่งไปที่บริษัทเซียนเหว่ยโดยเร็วที่สุด

ประมาณสี่สิบนาทีต่อมา จ้าวเฉียนจอดอยู่หน้าบริษัทเซียนเหว่ย แต่เขากลับไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป นอกจากนี้เขายังต้องลงมาแสดงตัวตน ทั้งใบขับขี่และบัตรประชาชน โดนยามตรวจสอบชนิดที่ว่าราวกับตำรวจมาสอบปากคำ

จ้าวเฉียนไม่อยากเสียเวลากับคนพวกนี้มากนัก ดังนั้นเขาจึงโทรเรีกเหรินจานซวนทันที

ไม่นาน เขาก็โทรหาเธอติด

“นี่อยู่ไหนแล้วค่ะ?”

จ้าวเฉียนตอบเจือน้ำเสียงหงุดหงิด

“ฉันมาถึงหน้าบริษัทคุณแล้ว แต่ยามกลับไม่ยอมให้ผมเข้าไปสักที คุณรีบออกมาเร็วๆ แล้วกัน ผมจะรออยู่หน้าประตู”

เหรินจานซวนรับส่ายหัวปฏิเสธทันที

“ไม่…ไมได้ค่ะ…มีคนของจานต้าเฉินอยู่ข้างนอกเต็มไปหมด ถ้าฉันออกไปมันก็ไม่ต่างอะไรกับเดินเข้าปากเสือ?”

จ้าวเฉียนที่ได้ฟังดังนั้นพลันอดหัวเราะไม่ได้ กล่าวตอบกลับไปทันทีว่า

“เข้าปากเสือ? ได้ข่าวว่าที่นี่คือบริษัทของคุณเอง ถ้ามีคนไล่ตามขึ้นมาจริงๆ ก็แค่ตะโกนร้องดังๆ ขอความช่วยเหลือ แล้วดูซิว่า คนพวกนั้นยังจะกล้าตามมา? คงไม่ใช่ว่าทุกคนในบริษัทเป็นพวกของจานต้าเฉินหมดจริงไหม?”

เหรินจานซวนรู้สึกว่าคำกล่าวของจ้าวเฉียนมันค่อนข้างสมเหตุสมผล จะต้องไปกลัวอะไรกับบริษัทของตัวเธอเอง? คิดได้ดังนั้นเธอก็รีบวิ่งออกไปทันทีอย่างกล้าหาญ และตามที่คิดไว้ มีคนไล่ตามติดเธอเข้ามา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+