ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน 1064 จุดสูงสุดของความไร้ยางอาย (2)

Now you are reading ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน Chapter 1064 จุดสูงสุดของความไร้ยางอาย (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นเรื่องส่วนตัวของไป๋หยูหนิง สิ่งที่เธอกับเวินลั่วฉิงควรช่วยก็ช่วยหมดแล้ว สุดท้ายก็เป็นสิทธิ์การตัดสินใจของไป๋หยูหนิงเอง

หากไป๋หยูหนิงเชื่อรุ่นพี่คนนี้ ยินยอมสมัครใจให้โดนหลอก โดนใช้กอบโกยผลประโยชน์ งั้นใครก็ทำอะไรไม่ได้

คุณฟู่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เขาถือแก้วไวน์ไว้ พลางเขย่าแก้วเบาๆ ไม่ได้สนใจเหมียวเหยียน บัดนี้เขาก็ไม่ได้มองไป๋หยูหนิงอีก

เวลานี้เห็นคุณฟู่ทำตัวไม่สะทกสะท้าน แต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าเขาหงุดหงิดเพียงใด

บัดนี้เขามีเจตนาฆ่าคนเสียด้วยซ้ำ

เขารู้ว่าช่วงนี้ไป๋หยูหนิงสรรหาวิธีหนีไปจากเขา ซึ่งเป็นสัญญาที่เขากับไป๋หยูหนิงตั้งไว้

โดยตกลงกันว่าหากไป๋หยูหนิงสามารถหนีไปจากเขาได้ งั้นเรื่องเมื่อก่อนก็ถือเป็นเรื่องโมฆะ

แต่วัตถุประสงค์ที่เขาตั้งข้อตกลงอย่างนั้นกับไป๋หยูหนิงก็เพื่อให้ไป๋หยูหนิงอยู่ข้างกายเขา ด้วยความสามารถของเขาไม่มีทางปล่อยให้ไป๋หยูหนิงมีโอกาสหนีไปได้หรอก

เขารู้ว่าไป๋หยูหนิงชอบรุ่นพี่ของเธอเสมอ เขารู้ว่าในสายตาและในหัวใจของไป๋หยูหนิงมีเพียงรุ่นพี่ของเธอ

ดังนั้น เขาจึงได้แต่ใช้วิธีแบบนั้นรั้งไป๋หยูหนิงอยู่ข้างกาย

หากถูกตามตรงก็คือ วิธีการของเขาถือว่าการฝืนให้อยู่

แต่ถึงแม้เขาจะต้องฝืนบังคับ เขาก็จะรั้งเธอไว้ ซึ่งเป็นความคิดของเขาเสมอมา

ทว่า ณ ตอนนี้ เมื่อเห็นท่าทางไป๋หยูหนิงเจอรุ่นพี่อของเธอ มุมปากคุณฟู่ก็เผยรอยยิ้มเย็นอย่างเย้ยหยันหลายส่วน

มีประโยชน์อะไรที่เขาฝืนบังคับให้เธออยู่กับเขา?

หัวใจของเธอไม่ได้อยู่ที่เขาเลยสักนิด เขารั้งเธอไว้แล้วจะมีประโยชน์อะไร?

ยิ่งไปกว่านั้นวิธีการฝืนรั้งของเขาถือว่าเป็นพิธีการต่ำทราม เป็นการบังคับจิตใจเธอ ฝืนเธอ

เมื่อก่อนรุ่นพี่ของเธอไม่มีทีท่าแยแสต่อความรู้สึกของเธอ เธอก็ยังทุ่มเทแรงกายแรงกายเพื่อผู้ชายคนนี้มากมาย ติดตามข้างกายผู้ชายคนนี้มาหลายปี

ตอนนี้ผู้ชายคนนี้ตอบสนองเธอแล้ว อีกทั้งยังพูดถ้อยคำหวานซึ้งกินใจอย่างอ่อนโยนกับเธอเช่นนี้ เธอ ……

ไม่ต้องคิด เขาก็รู้ว่าผลเป็นอย่างไร บัดนี้เขาไม่ได้เงยหน้า ไม่มองเธอก็ยังรับรู้ว่าเธอตื่นเต้นดีใจเพียงใด

คุณฟู่ยกแก้วไวน์มาจิบอย่างช้าๆ เมื่อเม้มปากของเหลวสีแดงก็สะท้อนอยู่บนใบหน้าของเขา รูปหน้าที่พร่ามัว แต่กลับมีแววตาลุ่มลึกคู่หนึ่ง

เขารู้ว่าดวงตาคู่นั้นตั้งมั่นที่จะได้ครอบครอง ยิ่งมีเจตนาฉกชิงราวกับหมาป่าก็ไม่ปานด้วย

ใช่ ถึงแม้จะรู้ว่าหัวใจเธอไม่มีเขา ถึงแม้จะรู้ว่าเธออยากเคียงบ่าเคียงไหล่รุ่นพี่มากเพียงใด แต่เขาก็ไม่อยากวางมือ

ใช่ ไม่อยากปล่อยมือ

และปล่อยมือไม่ได้

ไป๋หยูหนิงได้ยินคำพูดของเหมียวเหยียน เพราะรู้สึกตกตะลึงเกินไป จึงลืมตอบสองไปชั่วขณะ เธอถึงขั้นสงสัยว่าตัวเองหูฝาดหรือเปล่า?

หรือตัวเองกำลังฝันไป

“คุณทำงานเสร็จได้สักพักหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่กลับไป ผมเลยเป็นห่วง ดังนั้นจึงมาหาคุณ”เหมียวเหยียนจ้องมองไป๋หยูหนิงตลอด ไป๋หยูหนิงติดตามข้างกายเขามานานหลายปี

เขารู้จักไป๋หยูหนิงดีมาก

เขาเห็นการตอบสนองของไป๋หยูหนิงก็รู้ว่าไป๋หยูหยิงตื่นเต้นจากคำพูดของเขา และต้องดีใจมากๆด้วย แสดงว่าหัวใจไป๋หยูหนิงยังคงมีเขาอยู่เช่นเดิม

หากเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่ต้องกังวลอะไรมาก ขอเพียงไป๋หยูหนิงยังชอบเขาอยู่ เธอก็ต้องตามเขากลับไปแน่ๆ

ไม่ว่าก่อนหน้านี้สาเหตุที่ไป๋หยูหนิงไม่กลับไปเป็นอะไร ตอนนี้เขามารับด้วยตัวเอง ไป๋หยูหนิงคงต้องกลับกับเขาแน่ๆ

“รุ่น รุ่นพี่?คุณบอกว่าคุณมาหาฉันโดยเฉพาะเหรอคะ?”บัดนี้ไป๋หยูหนิงประหลาดใจ ตกตะลึงเป็นอย่างมาก จึงพูดตะกุกตะกักไปหมด

รุ่นพี่มาหาเธอโดยเฉพาะ?

เธอไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม?!

ไม่ได้ฟังผิดมั้ง?

เวินลั่วฉิงหรี่ตาขึ้น บึ้งลึกของแววตามีความเย็นเยียบแวบผ่าน มาหาไป๋หยูหนิงโดยเฉพาะ?

ใครจะเชื่อ?

หลายปีมานี้ หากเขามีใจกับไป๋หยูหนิงจริงก็คงมีอะไรคืบหน้าแล้ว?

จำเป็นต้องมาทำแบบนี้ตอนนี้ไหม?

อย่าว่าแต่เมื่อก่อนเลย ณ ปัจจุบันนี้ หากเขามาหาไป๋หยูหนิงโดยเฉพาะจริงๆ ทำไมตอนเขามาถึงก็ไม่มาหาไป๋หยูหนิงล่ะ?

ฉู่หลิงเอ๋อหักห้ามใจไม่อยู่อยากด่าคนเหลือเกิน

“ใช่ ผมมาหาคุณโดยเฉพาะ คุณไม่กลับนานแล้วผมเป็นห่วง”เหมียวเหยียนเห็นไป๋หยูหนิงตื่นเต้นจนพูดไม่ได้ศัพท์ ใบหน้าของเขาก็ยิ่งเผยรอยยิ้มเพิ่มขึ้นหลายส่วน

“รุ่นพี่……”บัดนี้เหมียวเหยียนพูดชัดเจนมาก ไป๋หยูหนิงมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ฟังผิด ได้ยินรุ่นพี่บอกว่าเป็นห่วงเธอ หัวใจไป๋หยูหนิงก็ยิ่งตื่นเต้นเพิ่มขึ้นหลายส่วน

เธออยากกลับตั้งนานแล้ว เพียงแต่ตกลงกับผู้ชายคนนี้ไว้แล้ว นอกเสียจากเธอหนีไปจากเขาได้ ไม่เช่นนั้น ……

ไป๋หยูหนิงนึกถึงเรื่องพวกนี้ก็รู้สึกหดหู่ใจไม่ได้ หากเธอรู้แต่แรก เธอก็ไม่รับปากข้อเสนอกับผู้ชายคนนี้แล้ว

“รุ่นพี่ ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ”ไป๋หยูหนิงคิดจะอธิบาย แต่เรื่องอย่างนี้ก็อธิบายกับใครไม่ได้ง่ายๆ ยิ่งบอกรุ่นพี่ตรงๆไม่ได้

“แค่มีธุระนิดหน่อยค่ะ”ไป๋หยูหนิงครุ่นคิดดูแล้ว สุดท้ายก็ให้คำตอบที่ไม่ชัดเจนออกไป

“เห็นคุณไม่เป็นอะไรผมก็วางใจแล้ว”แววตาเหมียวเหยียนยิ่งอ่อนโยนเพิ่มขึ้นหลายส่วน น้ำเสียงก็อ่อนนุ่มมากขึ้นหลายส่วน “ผมแค่เป็นห่วงความปลอดภัยของคุณ”

“รุ่นพี่ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ ฉันทำงานเสร็จอย่างราบรื่นแล้ว”ไป๋หยูหนิงรู้สึกมีความสุข ใบหน้าเจือรอยยิ้มไว้ ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ถ่ายทอดออกมาจากด้านในหัวใจ

ในที่สุดรุ่นพี่ก็เป็นห่วงเธอแล้ว ในที่สุดรุ่นพี่ก็เข้าใจความรักที่เธอมอบให้แล้ว?

รุ่นพี่เริ่มตอบสองเธอแล้วใช่ไหม?

ไป๋หยูหนิงนึกถึงคำพูดที่รุ่นพี่เคยคุยกับเธอครั้งก่อน ตอนนั้นรุ่นพี่บอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอสนิทสนมกันมาก เท่ากับเป็นการยอมรับเธอแล้วหรือเปล่า?

ไป๋หยูหนิงมองเหมียวเหยียนด้วยความยิ้มแย้ม ด้วยความรู้สึกยิ้มอย่างโง่งม

ฉู่หลิงเอ๋อทนดูต่อไปไม่ไหว

“คุณเหมียว ฉันคือฉู่หลิงเอ๋อค่ะ เมื่อก่อนพวกเราเคยเจอกันแล้ว ฉันเป็นเพื่อนของไป๋หยูหนิงค่ะ”ฉู่หลิงเอ๋อทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ ฉู่หลิงเอ๋อเชื่อว่าคนอย่างเหมียวเหยียนสามารถหลอกไป๋หยูหนิงกลับไปได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม

แล้วหลังจากหลอกกลับไปล่ะ?

ตอนนี้เหมียวเหยียนแสร้งทำเป็นอ่อนโยน พูดคลุมเครือก็เพื่อจงใจให้ไป๋หยูหนิงเข้าใจผิด

แล้วพอไป๋หยูหนิงกลับไปแล้วละ?จะเป็นเหมือนเมื่อก่อนที่มัดตัวไป๋หยูหนิงไว้ ให้ไป๋หยูหนิงทำงานเหนื่อยแทนเขาต่อหรือไม่?

ถ้อยคำของเหมียวเหยียนเมื่อสักครู่ ถึงแม้จะคลุมเครือสื่อไปในเชิงรัก แต่ก็ไม่ได้สื่อถึงความรู้สึกโดยตรง ดังนั้นหลังจากที่เหมียวเหยียนก็สามารถหลอกหรือบ่ายเบี่ยงเรื่องรักๆใคร่ๆทิ้ง

“สวัสดีครับ ผมจำคุณได้ครับ”เหมียวเหยียนหันไปมองฉู่หลิงเอ๋อ พลางยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ฉู่หลิงเอ๋อ“ขอบคุณที่ช่วงนี้ดูแลหนิงเอ๋อร์ให้ครับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด