ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน 449 ความจริงในห้าปีก่อนกระจ่างเสียที (4)

Now you are reading ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน Chapter 449 ความจริงในห้าปีก่อนกระจ่างเสียที (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 449 ความจริงในห้าปีก่อนกระจ่างเสียที (4)

เย่ซือเฉินได้ฟังคำพูดของเธอ ดวงตาก็หรี่ขึ้นมา เพียงแต่มุมปากยกขึ้นยิ้ม ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ชวนขนลุกมาก

“คุณลองดูสิ”ปากของเขาอ้าขึ้นเล็กน้อย ส่งเสียงออกมาทีละคำอย่างเบาเรียบ แต่ทุกถ้วนคำล้วนทะลุแช่แข็งไปถึงใจ

“คุณคิดว่าผมไม่กล้าเหรอ?”ตอนนี้เวินลั่วฉิงกำลังโกรธอยู่ โกรธที่ตอนนี้เขาทะนงตนอย่างไม่มีเหตุผล โกรธที่เขาค่อยแต่บีบเค้นเธอ แน่นอนในใจของเธอยังรู้สึกผิดอยู่ด้วย

เธอไม่ทำเช่นนั้นอยู่แล้ว แค่พูดลอยๆไปเท่านั้นเอง!

“ผมเชื่อว่าคุณกล้า แต่นาทีแรกคุณแต่งงาน นาทีต่อไปผมก็จะทำให้ผู้ชายคนนั้นหายสาบสูญไปจากโลกนี้ ไม่ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม คุณลองดูได้”ใบหน้าของเย่ซือเฉินยังคงยิ้มอยู่ แต่กลับไม่ให้คนสงสัยกับคำพูดของเขาเลยว่าจริงไหม

ขณะที่เขาพูด เขาก็นึกถึงไป๋ยี่รุ่ยกะทันหัน ฉะนั้นดวงตาของเขาจึงเย็นชามาก

เวินลั่วฉิง“……”

เธอไม่รู้ว่าเขาแค่พูดข่มขู่เธอหรือจะทำจริงๆ แต่เธอรู้ว่าเย่ซือเฉินมีความสามารถทำอย่างนั้นได้อยู่แล้ว

เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าทางที่ดีที่สุดคือตอนนี้เธอรีบไปจากที่นี่โดยเร็ว หรือสิ่งที่เธอทำได้ในขณะนี้ก็คือรีบไปจากที่นี่

เวินลั่วฉิงไม่ได้พูดอะไรอีก รีบก้าวเท้าออกไป

“จำไว้ว่าคืนนี้รอผม”คำพูดของเย่ซือเฉินได้ส่งมาอีกครั้ง เป็นเสียงที่อ่อนโยนแต่กลับแฝงความรักที่คลุมเครือเอาไว้

เขาก็คิดอยู่แล้วว่าเธอไม่ยอมรับง่ายๆหรอก เขาวางแผนทุกอย่างก็เพื่อดูท่าทีการตอบสนองของเธอเฉยๆ

แต่ทว่าเป้าหมายหลักของเขาก็คือให้เธอรู้เรื่องนี้ ให้เธอรู้ว่าผู้ชายที่เธอได้ร่วมหลับนอนนั้นเป็นเขาเอง

เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เธอรู้แล้ว ซึ่งแสดงว่าเป้าหมายของเขาได้บรรลุแล้ว

เป็นสามีภรรยาของเธอมาสามเดือน เขารับรู้ลักษณะของเธอบางอย่าง

เขารู้ว่าเมื่อเธอทำอะไรผิดก็มักจะรู้สึกผิดในใจ ซึ่งจะกลายเป็นคนเชื่อฟังและกลายเป็นคนใจอ่อนง่ายมากเป็นพิเศษ

ฉะนั้นให้เธอรู้ว่าผู้ชายที่เธอร่วมหลับนอนด้วยนั้นเป็นเขา เธอก็จะไม่หลบหน้าเขาอย่างรู้สึกถูกอีกต่อไป

เขารู้ว่า ถึงแม้ตอนนี้เธอจะแสดงท่าทางแข็งกระด้างและพูดจารุนแรงไปหน่อย

แต่ทว่าคืนนี้เธอต้องรอเขาแน่ๆ

ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการพอดี

อันที่จริง ตอนนี้เธอยิ่งพูดจารุนแรงเท่านั้น เขาก็ยิ่งพอใจมากเท่านั้น เพราะแสดงว่าเขามีผลกระทบต่อเธอมากเลยทีเดียว เพราะคนปรกติไม่สามารถทำให้เธอควบคุมตัวเองไม่ได้อย่างนี้

เขาคิดว่า ต่อแต่นี้ไปในใจของเธอคงต้องคิดถึงแต่เขาอยู่ทุกวินาที……

ฝีเท้าของเวินลั่วฉิงหยุดชะงักไปชั่ววูบ แต่ไม่ได้หยุดเดิน จากนั้นก็ก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว

เห็นเงาของเธอที่เดินจากไป ดวงตาของเย่ซือเฉินก็เผยรอยยิ้มที่ยากจะหยั่งถึงขึ้นมา

เวินลั่วฉิงออกจากโรงแรมก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติได้ เธอไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมจู่ๆผู้ชายในห้าปีก่อนต้องกลายเป็นเย่ซือเฉินด้วย?

ทำไมเป็นเย่ซือเฉินไปได้?

เป็นใครก็ได้ แต่ทำไมต้องเป็นเย่ซือเฉินด้วย?

เย่อหยู่เฟิงบอกเธอว่าคนในคืนนั้นคือโม่เหยียน เธอรู้จักเย่อหยู่เฟิงดี หากไม่มั่นใจเขาจะไม่พูดพร่ำเพรื่อเป็นอันขาด

แต่ทว่าตอนอยู่ที่หัอง เย่ซือเฉินก็พูดถึงรายละเอียดยิบย่อยได้ชัดเจนมาก

หากผู้ชายในห้าปีก่อนไม่ใช่เย่ซือเฉิน เย่ซือเฉินก็ไม่มีทางรู้รายละเอียดขนาดนั้นได้ เพราะคนที่รู้เรื่องห้าปีก่อนนั้นมีไม่มาก และสำหรับละเอียดยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะรวมทั้งเห่อถงถงก็ไม่มีใครรู้เลย

แต่ทว่าเย่ซือเฉินกลับรู้ดี ยิ่งไปกว่านั้นยังละเอียดมากๆอีกด้วย

ฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ผิดแน่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับโม่เหยียนคนนั้นอะไรกันแน่?ทำไมเย่อหยู่เฟิงถึงเข้าใจผิดคิดว่าผู้ชายในห้าปีก่อนเป็นโม่เหยียนไปได้?

ถึงแม้ในใจของเวินลั่วฉิงจะรู้สึกสับสน แต่ทว่าเธอรู้ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เย่ซือเฉินจะเป็นผู้ชายในห้าปีก่อน

หากผู้ชายในห้าปีก่อนเป็นเย่ซือเฉินจริงๆ ด้วยนิสัยการกระทำของเย่ซือเฉินแล้วจะยอมปล่อยเธอไปเหรอ?

เวินลั่วฉิงรู้ว่าไม่มีทางหรอก ไม่เช่นนั้นเย่ซือเฉินคงไม่สรรหาวิธีมาหยั่งท่าทีของเธอหรอก!

แล้วต่อไปเย่ซือเฉินจะทำอะไรกับเธอนะ?จะปฏิบัติกับเธอยังไง?

เวินลั่วฉิงยังคิดไปถึงปัญหาที่รุนแรงอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็คือเรื่องของลูกน้องทั้งสองคน หากผู้ชายในห้าปีก่อนเป็นเย่ซือเฉิน ถ้าเช่นนั้นเย่ซือเฉินก็ต้องเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของลูกรักทั้งสองคนล่ะสิ……

นาทีนี้ร่างกายของเวินลั่วฉิงแข็งทื่อ เธอหยุดเดินยืนนิ่งอยู่กับที่โดยไม่ขยับเขยื้อนเลย

บัดนี้เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าเท้าของเธอยกไม่ขึ้น มันแข็งตรงอยู่อย่างนั้นแบบไร้เรี่ยวแรงเสียแล้ว

เวินลั่วฉิงต้องทำใจอยู่พักใหญ่จึงจะได้สติกลับคืนมา และในขณะนี้มีรถแท็กซี่มาจอดอยู่ตรงหน้าเธอพอดี ดวงตาของเวินลั่วฉิงกะพริบ ก่อนที่จะรีบขึ้นรถเข้าไป

ตอนนี้คุณปู่ยังอยู่ที่โรงพยาบาล เธอไม่ได้กลับไปตลอดทั้งคืน ไม่ได้โทรบอกแม้แต่สายเดียว คาดว่าคุณปู่คงจะต้องเป็นห่วงแน่ๆ ฉะนั้นตอนนี้เธอจึงต้องรีบไปที่โรงพยาบาลโดยด่วน

ตอนนี้เวินลั่วฉิงกำลังกังวลใจอยู่ ฉะนั้นจึงไม่สังเกตเห็นว่าด้านหลังเธอมีดวงตาคู่นี้คอยจับตามองอยู่

ตอนที่เวินลั่วฉิงไปถึงโรงพยาบาล คุณปู่ก็ได้ตื่นนอนแล้ว เมื่อเธอเดินเข้าห้องคนไข้ก็พบว่าเหอซิ่วผิงกำลังป้อนอาหารเช้าให้คุณปู่เวินอยู่ ตั้งแต่ที่คุณปู่เวินป่วย เหอซิ่วผิงก็เฝ้าอยู่ที่ห้องคนไข้ตลอดเวลาเกือบจะไม่ย่างกายออกไปไหนเลย

บัดนี้เหอซิ่วผิงมีสีหน้าที่อ่อนโยน มุมปากยังประดับรอยยิ้มที่อ่อนหวานไว้อีกด้วย ซึ่งทุกอิริยาบถล้วนอ่อนนุ่มและละเอียดลออ ซึ่งดูออกมาเธอจริงใจกับคุณปู่เวินเป็นอย่างมาก

เมื่อเวินลั่วฉิงเห็นภาพนี้ก็รู้สึกตื้นตันใจเป็นที่สุด มีประโยคหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า ในยามที่เราทุกข์ยากหรือลำบากที่สุดย่อมมองเห็นมิตรแท้เสมอ คำนี้ไม่ผิดเลยสักนิดเดียว

เวินลั่วฉิงเดินเข้าไปด้านในห้องแล้วแอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก กำลังคิดอยู่ว่าหากคุณปู่ถามว่าเมื่อคืนเธอไปไหน เธอควรจะอธิบายอย่างไรดี

“ฉิงฉิงมาแล้วเหรอ”เหอซิ่วผิงเห็นเธอ ใบหน้าก็รีบเผยรอยยิ้มออกมาทันที

คุณปู่เวินไม่ได้ถามเธอว่าเมื่อคืนไปไหนมา เพียงแต่เงยหน้ามองเธอด้วยใบหน้าที่เมตตาและเอ็นดู พลางพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉิงฉิงหนูกินข้าวเช้าหรือยัง?”

“ยังเลยค่ะ”เวินลั่วฉิงหยุดชะงัก แอบโล่งอก รู้สึกซาบซึ้งใจ เพราะตลอดหลายปีมานี้คุณปู่ไม่เคยซักไซ้เรื่องของเธอมาก่อน นอกเหนือจากหกปีก่อนให้เธอหมั้นหมายกับเย่อหยู่นาน นอกนั้นก็ไม่เคยฝืนเธออะไรสักเรื่องเลย

อันที่จริงเธอเข้าใจหัวอกคุณปู่อยู่ สาเหตุที่ให้เธอหมั้นหมายกับเย่อหยู่นานก็เพื่อตัวความสัมพันธ์กับไป๋ยี่รุ่ยทิ้ง ไม่ให้เธอติดต่อกับเขาอีก

ซึ่งในสถานการณ์ตอนนั้น เป็นใครก็ต้องคิดว่าที่ไป๋ยี่รุ่ยเข้าใกล้เธอ เพื่อจะใช้เธอเป็นเครื่องมือ

และความจริงก็เป็นเช่นนั้นด้วย!

เวินลั่วฉิงกำลังคิดอยู่ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมากะทันหัน

เวินลั่วฉิงไปจับมือถือของตนด้วยสัญชาตญาณ แต่พบว่าเสียงไม่ได้มาจากมือถือของเธอ แต่เป็นของคุณปู่เวิน

เพราะคุณปู่เวินไม่สะดวก เวินลั่วฉิงจึงช่วยคุณปู่ไปเอามือถือมา

เมื่อเวินลั่วฉิงเห็นเบอร์ที่แสดงบนหน้าจอมือถือของคุณปู่ ดวงตาก็กะพริบถี่ๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด