ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน 448 ความจริงในห้าปีก่อนกระจ่างเสียที (3)

Now you are reading ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน Chapter 448 ความจริงในห้าปีก่อนกระจ่างเสียที (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 448 ความจริงในห้าปีก่อนกระจ่างเสียที (3)

ด้วยความเฉลียวฉลาดของเย่ซือเฉิน มีความเป็นไปได้สูงที่จะมองออกจากท่าทางอันนี้

เธอจำได้ว่าตอนนั้นเธอแค่ใช้เสื้อเชิ้ตมัดตัวเขาไว้ แต่ภายหลังเขาก็ไม่ได้ตามมา ตอนนั้นเธอยังงุนงงอยู่เลย ตอนนี้เธอเข้าใจเสียที เห็นได้ชัดว่าเย่ซือเฉินพบว่าเธอคือผู้หญิงในห้าปีก่อน ฉะนั้นเขาจึงไม่รีบตามเธอมา

จากนั้นเขาก็อดกลั้นเอาไว้จนพาเธอมาที่นี่

ฉะนั้น เธอได้ทำการขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ?

มุมปากของเวินลั่วฉิงกระตุก เวินลั่วฉิง แกเป็นหนูเหรอ?

แต่ทว่าตอนนี้เย่ซือเฉินน่าจะมั่นใจว่าเป็นเธอด้วยท่าทางวันนั้น ซึ่งยังไม่มีหลักฐานอย่างอื่นแน่ชัด

ฉะนั้น เย่ซือเฉินจึงคิดหาวิธีพาเธอมาที่นี่ เพื่อจะล่อถามเธอ เพื่อจะได้ความมั่นใจในขั้นตอนสุดท้ายหรือเพื่อให้เธอยอมรับด้วยตัวเอง

เวินลั่วฉิงนึกถึงเรื่องที่เธอได้กระทำต่อเขาในห้าปีก่อน หากเธอยอมรับ เย่ซือเฉินจะบีบคอเธอให้ตายเลยไหม?

ฉะนั้น เธอจะยอมรับไม่ได้เด็ดขาด

ตีให้ตายก็ไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด

“ฮา!!”เวินลั่วฉิงมองเขา พยายามกลบเกลื่อนความตกใจของตนไว้ แล้วหัวเราะออกมา “คิดไม่ถึงว่าคุณเย่จะมีประสบการณ์ที่น่าอัศจรรย์ขนาดนี้ ผู้หญิงคนนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ ใช่แล้ว แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน?แนะนำให้ฉันรู้จักหน่อย ความกล้าหาญของเธอ ไม่มีใครเทียบเทียมได้เลย”

เย่ซือเฉินมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอ มุมปากก็เม้มขึ้นมาแน่นโดยไม่ได้พูดอะไร ไม่รู้ว่ากำลังพินิจพิจารณาอะไรอยู่

ตอนนี้เขานิ่งเงียบอย่างนี้ จนส่งผลให้เวินลั่วฉิงทำตัวไม่ถูก บัดนี้แม้กระทั่งเธอก็ดูไม่ออกมาเขากำลังคิดอะไรอยู่

“ฉันจะไปแล้ว คุณปู่ยังอยู่ที่โรงพยาบาล ฉันต้องไปดูแลคุณปู่”เขาไม่ได้พูด เวินลั่วฉิงจึงคิดจะจากไป ตอนนี้เธอรู้สึกขนหัวลุกยังไงชอบกล

อันที่จริงเดิมทีเธอก็รู้สึกกลัวเขาอยู่แล้ว ตอนนี้รู้ว่าผู้ชายห้าปีก่อนเป็นเขา ในใจก็ยิ่งกลัวขึ้นมาอีก

ตอนนี้เธออยากจะหลบหน้าเขา หลบยิ่งไกลยิ่งดี

เย่ซือเฉินไม่ได้พูดอะไรและไม่ได้รั้งเธอเอาไว้ เพียงแต่ดวงตาทั้งคู่จับจ้องมองแต่เธอ เธอเดินไปถึงไหน เขาก็มองตามไปถึงตรงนั้น

เวินลั่วฉิงถูกเขาจ้องมองอย่างนี้จนรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว เธอไม่ได้พูดอะไรอีก เอาเสื้อกันหนาวของตัวเองขึ้นมาใส่ จากนั้นก็รีบเดินไปที่ประตูห้อง แล้วเปิดประตูออก

เมื่อเปิดประตูก็พบว่าเลขาอู๋ได้ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ชั่ววินาทีที่เห็นหน้าเลขาอู๋ หัวใจของเวินลั่วฉิงตกใจสั่นจนจะกระเด็นออกมาแล้ว

จู่ๆเลขาอู๋มาปรากฏตัวตรงหน้าเธอ การตอบสนองแรกของเธอคือการสะดุ้งตกใจและถอยหลังไปหนึ่งก้าว

หากปกติ เธอที่มักจะตั้งสติได้ดีมาก ถึงแม้จะพบเจอภัยอันตรายหรือสิ่งน่ากลัวเพียงใด เธอจะไม่สะดุ้งตกใจเป็นอันขาด และไม่มีทางตอบสนองเช่นนี้

แต่ทว่าตอนนี้สติเธอไม่อยู่กับร่องกับรอย ฉะนั้นเธอจึงมีการตอบสนองที่แตกต่างไปจากปกติ

ยิ่งไปกว่านั้นคนที่มายืนอยู่ตรงหน้ายังเป็นเลขาอู๋อีก ซึ่งห้าปีก่อนก็เป็นเลขาอู๋ที่รับผิดชอบรั้งเธอไว้ที่ประตูโรงแรม ถึงแม้เลขาอู๋จะมองหน้าตาของเธอไม่ชัดเจน แต่ทว่าเธอนั้นจำเลขาอู๋ได้ดี

ฉะนั้นตอนนี้เวินลั่วฉิงจึงตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว

เธอรู้ว่าต้องเป็นเย่ซือเฉินจงใจจัดเตรียมไว้แน่ๆ และเธอก็รู้ว่าเมื่อกี้เย่ซือเฉินเห็นทุกการตอบสนองของเธอเป็นอย่างดี

มิน่าล่ะเธอบอกว่าอยากจะออกไป เย่ซือเฉินก็ไม่ได้รั้งเธอเอาไว้เลย ที่แท้ก็ได้เตรียมการต้อนรับอย่างนี้เอาไว้นั่นเอง

เขาจะเจ้าเล่ห์กว่านี้ได้อีกไหม?

“ทำไม?ตกใจเหรอ?”เย่ซือเฉินเดินมาอยู่ด้านหลังเธอ มุมปากยกขึ้น เห็นได้ชัดว่าใบหน้าประดับรอยยิ้มเอาไว้ “คุณกลายเป็นคนขวัญอ่อนตั้งแต่เมื่อไหร่?แค่นี้ก็ทำให้คุณตกใจได้เลยเหรอ?เพราะมีอะไรอยู่ในใจหรือเปล่า……”

“เหลวไหล”เวินลั่วฉิงจ้องเขม่นเขาแวบหนึ่ง ตัดบทเขาทิ้ง ตอนนี้เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อไป ไม่อยากอยู่กับเขาอีก

เธอเกรงว่าจะเผยพิรุธอะไรไปมากกว่านี้

เวินลั่วฉิงย่างเท้าเดินออกไปด้านนอก

“ไปไหน?”เย่ซือเฉินไม่ได้ขัดขวาง แต่ถามไปอีกหนึ่งประโยค

“ไปที่โรงพยาบาล คุณปู่ยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล”เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก ถึงแม้ตอนนี้เย่ซือเฉินไม่ได้เอื้อมมือมารั้งตัวเธอเอาไว้ แต่ทว่าเธอรู้ว่า หากเธอไม่ตอบเขาดีๆ เขาต้องไม่ให้เธอไปแน่

สำหรับคำตอบของเธอ ถือว่าเย่ซือเฉินพอใจมาก เขาก็รู้ว่าตอนนี้คุณปู่เวินยังอยู่ที่โรงพยาบาล เธอต้องไปดูแลอยู่แล้ว ฉะนั้นเขาจึงไม่ได้รั้งเธอไว้ ริมฝีปากของเขาเข้าใกล้ใบหูของเธอ พูดทีละคำช้าๆ “คืนนี้ผมไปรับที่โรงพยาบาล อย่าให้ผมหาไม่เจอล่ะ ไม่เช่นนั้นก็รับผลที่ก่อขึ้นเองเลย”

เสียงของเขาช่างเบายิ่งนัก แต่ทว่าความหมายในทำนองข่มขู่นั้นชัดเจนเกินพอ

“คุณเย่ ฉันไม่ได้ติดค้างอะไรคุณ พวกเราหย่ากันแล้ว พวกเราไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันแล้ว”บัดนี้เวินลั่วฉิงฟังคำพูดที่ข่มขู่ของเขาออก เธอรู้ว่าเขาพูดจริงทำจริง

ฉะนั้นตอนนี้ในใจเธอรู้สึกว้าวุ่น ก่อนหน้านี้เธอสามารถทำตัวไม่สนใจเขาได้ แต่ทว่าเมื่อนึกถึงเรื่องห้าปีก่อน เธอก็รู้สึกผิดเล็กน้อย

“คืนนี้ผมไปรับคุณ อย่าให้ผมหาตัวคุณไม่เจอ”เย่ซือเฉินไม่ได้โต้เถียงกับเธอ เพียงแต่เน้นย้ำความคิดของเขา ท่าทางของเขานั้นชัดเจนมากๆ!

“เย่ซือเฉิน ได้โปรดเมตตาฉันด้วย ปล่อยฉันไปจะได้ไหม?”เวินลั่วฉิงยิ่งรู้สึกผิดยิ่งเป็นกังวลมาก และท่าทางของเย่ซือเฉินในตอนนี้ยิ่งทำให้ตกใจกลัวมากเลยทีเดียว

ตอนนี้เธอแค่อยากจะหลบหน้าเขา หลบได้ยิ่งไกลยิ่งดี

“ทำไม?ไม่อยากไปแล้ว?ถ้าไม่อยากไป พวกเราเข้าไปทำอะไรอย่างอื่นกัน”เย่ซือเฉินมองหน้าเธอ จงใจใช้ร่างกายเข้าใกล้เธอ

แววตาที่คลุมเครือ น้ำเสียงที่คลุมเครือไปด้านชู้สาว ความหมายนั้นกระจ่างเพียงพอแล้ว

เวินลั่วฉิงจ้องเขม่นเขาแวบหนึ่ง แล้วรีบถอยหลังไปหลายก้าว เพื่อรักษาระยะห่างกับเขาเอาไว้ เวินลั่วฉิงคอยบอกกับตัวเองไว้ว่าไม่ต้องโกรธ ไม่ต้องโกรธ เธอต้องสงบสติอารมณ์เอาไว้ จะโมโหเพราะเขาไม่ได้

เย่ซือเฉินจ้องมองเธอ มุมปากเผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง

เวินลั่วฉิงรู้สึกโมโห ยิ้มอะไรกัน มีอะไรให้ยิ้มกัน?

“ก็แค่เคยแต่งงานครั้งเดียว?คุณเย่จำเป็นต้องทำอย่างนี้ไหม?คุณเชื่อไหมพรุ่งนี้ฉันก็แต่งใหม่อีกรอบได้”คำพูดของเวินลั่วฉิงตอนนี้ จงใจจะย้ำเตือนเรื่องที่พวกเขาแต่งงาน และเรื่องที่พวกเขาหย่ากันแล้ว จงใจเพิกเฉยเรื่องห้าปีก่อน

ฉะนั้นอันที่จริงบัดนี้เธอรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก

“ได้ งั้นพรุ่งนี้พวกเราไปที่อำเภอกัน”เย่ซือเฉินรับคำอย่างลื่นไหลและรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นใบหน้าของเขายังเผยรอยยิ้มที่มากขึ้นอีกด้วย

“……”เวินลั่วฉิงหมดคำจะพูดจริงๆ เธอพบว่าไม่สามารถสนทนาแบบปกติกับเขาได้เลย

ยังเป็นผู้ชายเย็นชาคนก่อนอยู่ไหม?

ทำไมตอนนี้เธอรู้สึกว่าเขาก็เหมือนเด็กที่สามารถตอแหลได้ตลอดเวลา

“ถึงฉันจะแต่ง ก็ไม่แต่งกับคุณหรอก มีประโยชน์อะไรที่ไปแต่งงานสองครั้งกับคนคนเดียวกัน ฉันจะแต่งก็ต้องเปลี่ยนคนถึงจะได้……”บัดนี้เวินลั่วฉิงถูกบีบเค้นจนร้อนใจ เลยเผลอพูดเช่นนี้ออกไป!!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด