ตอนนี้หยวนหยูพาคนไข้เข้าห้องผ่าตัดคนเดียว เวินลั่วฉิงกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถังหลินเห็นสีหน้าเวินลั่วฉิงแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร ชั่วพริบตานั้นบรรยากาศหนักอึ้งเป็นพิเศษ

เมื่อทั้งสามคนไม่คุยกัน จึงได้ยินแต่เสียงเท้าวิ่งที่บันได เมื่อเกิดความเงียบกริบ เสียงเท้าจึงดังเป็นพิเศษ เสียงทุกย่างก้าวที่ดังกังวานทำให้จิตใจกระวนกระวายยิ่งนัก

ทว่าทั้งสามคนเคยผ่านการฝึกฝนมาก่อน จึงวิ่งเร็วมาก ไม่นานก็ถึงชั้นห้า ห้องผ่าตัดชั้นห้าอยู่ไม่ห่างจากทางขึ้นบันไดมากนัก ตอนที่เวินลั่วฉิงเลี้ยวไปถึงพลันเห็นหัวหน้าแผนกพาหมอเข้าห้องผ่าตัดสองคน

“ฉิงฉิง อย่าเครียดเกินไป”ถังหลินเห็นสีหน้าหนักอึ้งของเวินลั่วฉิง ก็อดห้ามหนึ่งประโยคไม่ได้

ทว่าเมื่อสิ้นเสียงถังหลิน ห้องผ่าตัดก็มีเสียงประหวั่นพรั่นพรึงแว่วออกมา“คุณหมอหยวน……คุณหมอหยวนคุณเป็นอะไรครับ？”

หัวใจเวินลั่วฉิงหล่นวูบ หรี่ตาขึ้นอย่างรวดเร็ว คงเกิดเรื่องแล้ว พวกเขามาช้าไปหนึ่งก้าว

ถังหลินยิ่งรู้สึกอึ้ง เขาคาดไม่ถึงจริงๆว่าอีกฝ่ายจะดำเนินแผนการภายใต้สายตาของเขา ทั้งยังประสบผลสำเร็จอีกด้วย เพียงแต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ทั้งสามคนรีบเดินไปด้านนอกห้องผ่าตัด

“เร็ว รีบช่วยเร็วๆ หวังว่ายังทัน”เสียงของหัวหน้าแผนกในห้องผ่าตัดลอยออกมา

“หัวหน้าค่ะ พวกเราไม่มีปัญญารักษาอาการของเธอเลยค่ะ เชิญผู้เชี่ยวชาญมาดีกว่านะคะ”หมอที่ตามหัวหน้าแผนกเข้าไปเสนอความคิดเห็นที่ต่างออกไปขึ้นมา

“หัวหน้าครับ คุณหมอหลี่พูดถูกครับ อาการของคุณหมอหยวน หากพวกเราฝืนช่วย เกรงว่าจะ……”

“ผมก็รู้ว่าควรเชิญแพทย์เชี่ยวชาญด้านนี้ แต่สถานการณ์เร่งด่วนอย่างนี้ จะไปเชิญที่ไหน โรงพยาบาลของพวกเรามีแค่ด็อกเตอร์หลิวที่เชี่ยวชาญด้านนี้ แต่ช่วงนี้ด็อกเตอร์หลิวออกไปศึกษาวิจัยแล้ว และอาการของคุณหมอหยวน เกรงว่าแม้ด็อกเตอร์หลิวจะอยู่ก็คง……”ผู้อำนวยการตรวจอาการแล้ว รู้ว่าอาการของหยวนหยูรุนแรงมาก

“ตอนนี้พวกเราได้แต่พยายามเองสุดความสามารถแล้ว”หัวหน้าแผนกถอนหายใจเบาๆ“ทำไมเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่？”

“เมื่อกี้ผมช่วยอาการคนไข้ที่คุณหมอหยวนพาเข้าห้องผ่าตัดแล้วครับ ไม่มีปัญหาอะไรมากครับ หากผมเดาไม่ผิด คนไข้รายนี้ต้องถูกทุบให้สลบแน่ครับ ฝีมือการแพทย์ของคุณหมอหยวนต้องรู้อาการของคนไข้แน่นอนครับ ดังนั้นผมรู้สึกว่าคุณหมอหยวนจงใจทำครับ เป็นไปได้ว่าคุณหมอหยวนทำให้คนไข้สลบเองครับ”มีหมอคนหนึ่งวิเคราะห์เสียงเบาในห้องผ่าตัด

“คุณหมายความว่ายังไง？คุณอยากจะพูดอะไร？”หัวหน้าแผนกขมวดคิ้วแน่นเป็นปม มองหมอคนนั้นอย่างเหลือเชื่อ

“ตอนพวกเราเข้ามา ห้องผ่าตัดมีเพียงคุณหมอหยวนกับคนไข้ที่สลบอยู่ ดังนั้นผมรู้สึกว่าคุณหมอหยวนอาจจะฉีดยาเข้าร่างกายแล้ว จนทำให้ระบบหัวใจผิดปกติ เกิดอาการร้ายแรงอย่างนี้ครับ”หมอคนนี้บอกการสันนิษฐานของตนกับหัวหน้าแผนกอย่างระมัดระวัง

พวกเวินลั่วฉิงที่อยู่นอกห้องผ่าตัดได้ยินบทสนทนา ดวงตาก็เคร่งขรึม เธอคิดว่าจะเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้น แต่คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเอาชีวิตของหยวนหยู

เวินลั่วฉิงเชื่อผลวิเคราะห์ของหมอคนนั้น หยวนหยูคงฉีดยาเข้าไปเอง ทว่าเวินลั่วฉิงรู้ว่าหยวนหยูต้องไม่คิดสั้นแน่ๆ หยวนหยูต้องถูกบังคับแน่นอน

คนชักใยอยู่ด้านหลังต้องเป็นคนเก่งกาจขั้นเทพจริงๆ

ถังหลินก็เข้าใจ เขารีบเอามือถือออกมา ก่อนจะโทรหาโจ๋วชิง

“โจ๋วชิง เกิดเรื่องกับหยวนหยูแล้ว”เมื่อรับสาย ถังหลินก็รีบพูดทันที เวลานี้น้ำเสียงของถังหลินไม่ได้เย็นเยียบเฉกเช่นปกติแล้ว

ถังหลินรู้ว่าโจ๋วชิงยังรักหยวนหยูอยู่ หากหยวนหยูเป็นอะไรไปจริงๆ เขาก็ไม่รู้ว่าควรพูดยังไงกับโจ๋วชิงดี

“……”อีกฝั่งหนึ่งของสายเงียบไปสองวินาที จากนั้นก็มีเสียงเจอความสั่นเทาของโจ๋วชิงส่งมา“เธอเป็นอะไร？”

“ฉีดยาเข้าไป ทำให้ระบบหัวใจมีปัญหา คุณเป็นหมอ คุณรีบมาเร็ว พี่จำได้ว่าอันหนานเป็นหมอรักษาโรคหัวใจ นายพาอันหนานมาด้วย”ถึงแม้สถานการณ์จะหน้าสิ่วหน้าขวานเพียงใด ถังหลินก็ยังคงจัดการได้ครอบคลุมเช่นเดิม

ถังหลินคิดได้ว่าควรเชิญอันหนานมาด้วย หากอันหนานมา อาจจะมีหวังก็ได้ ฝีมือการแพทย์ของอันหนาน ถังหลินนั้นเลื่อมใสมากๆ

อีกฝั่งหนึ่งของสาย โจ๋วชิงไม่ได้พูดอะไรต่อก็วางสายทิ้ง จากนั้นก็พุ่งออกจากประตูไปยังห้องทำงานของโจ๋วอันหนานด้วยความเร็ว

บังเอิญโจ๋วอันหนานไม่ได้อยู่ในห้องผ่าตัด กำลังอยู่ในห้องตรวจพอดี

“ไปกับพี่”โจ๋วชิงเดินเข้าไปแล้วดึงตัวโจ๋วอันหนานขึ้นมา จากนั้นก็ลากเธอวิ่งไปด้านนอก

“โจ๋วชิง พี่ทำอะไร？เกิดอะไรขึ้น？”โจ๋วอันหนานตกใจกับการกระทำของโจ๋วชิง

“ไปช่วยคนที่โรงพยาบาลตี้อี”โจ๋วชิงรู้สึกทรมานใจมาก เขาไม่มีอารมณ์อธิบาย เขาอยากไปให้ถึงเร็วที่สุด เขาอยากช่วยหยวนหยู เขาต้องช่วยเธอให้ได้

“โจ๋วชิง ช่วยใคร？จะไปไหนกัน？”โจ๋วอันหนานโดนโจ๋วชิงลากลงจากดึง โจ๋วอันหนานเห็นโจ๋วชิงลากตัวเองแล้วยังคิดจะเดินไปด้านนอกอีก“ทำไมไม่ส่งมาที่โรงพยาบาลของพวกเรา？อุปกรณ์โรงพยาบาลของพวกเราก้าวหน้าที่สุดนะ”

“ไม่ทันแล้ว”โจ๋วชิงรู้สึกว่าแม้แต่การหายใจก็ยังคงรู้สึกยากเย็น เขาก็รู้ว่ารักษาหยวนหยูอย่างเร่งด่วนที่โรงพยาบาลของพวกเขาดีที่สุด แต่ตอนนี้เขาไม่รู้อาการของหยวนหยูเลย ไม่รู้ว่าเคลื่อนย้ายได้หรือไม่

และหากสามารถส่งหยวนหยูมาที่โรงพยาบาลของพวกเขา แต่ก็ต้องได้รับการยินยอมของแพทย์ทางโน้นก่อน คุณหมอยินดีแล้วจึงจะเรียกรถโรงพยาบาลได้ ขั้นตอนมันทำให้เสียเวลาเกินไป

ตอนนี้หัวใจของหยวนหยูมีปัญหา เสียเวลาไม่ได้

ดังนั้น เขาพาอันหนานไปจะดีกว่า

“โจ๋วชิง ฉันเห็นพี่เป็นแบบนี้ครั้งแรก เกิดอะไรขึ้น？ไปช่วยใคร？”โจ๋วอันหนานโดนโจ๋วชิงลากขึ้นรถก็อดถามหนึ่งประโยคไม่ได้

เวลานี้สีหน้าโจ๋วชิงมืดครึ้ม เขาไม่ได้ตอบ แต่เป็นการสตาร์ทรถ จกานั้นก็เหยียบคันเร่งสุดเหวี่ยง จนทำให้โจ๋วอันหนานเกือบกระแทกด้านหน้า

“โจ๋วชิง พี่ทำอะไร？ขับเกินกำหนดแล้ว”โจ๋วอันหนานตกตะลึง เธอเองก็เคยขับรถแข่งมาก่อน ดังนั้นเธอไม่ได้กลัวความเร็วที่โจ๋วชิงใช้ขับในเวลานี้ เพราะเร็วกว่านี้ เธอก็เคยขับเองมาแล้วเลย

แต่ตอนนี้อยู่ในเมือง ซึ่งมีรถและผู้คนเต็มไปหมด ความเร็วที่โจ๋วชิงขับทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

ทว่าโจ๋วชิงไม่ได้แยแสเธอ กลับขับเร็วขึ้น ตอนนี้เขาสนใจอะไรมากไม่ได้แล้ว ตอนนี้เขาคิดจะรีบไปช่วยหยวนหยูท่าเดียว