ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 129 เล่ห์แค้น (2)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 129 เล่ห์แค้น (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คุณชายใหญ่มีฉายานักฆ่าหน้าเป็นในวงการค้า เพราะใครก็ตามที่บังอาจตั้งตัวเป็นอริกับเขา มักไม่เคยมีผลลัพธ์ที่ดีเลย!

 

 

เหมยเซียงจื่อจับตามอง มือกำผ้าห่มแน่นจนข้อนิ้วซีดขาว น้ำตาไหลพลางแค่นหัวร่อเย็นชา “วันนี้แหละข้าจะสู้ซึ่งหน้าเอง เก่งจริงก็ทำให้ข้าจมน้ำตายเสียสิ!”

 

 

นางหยุดลง แล้วจ้องแม่นมกับเซียงเหยียนเซียงอวี่เขม็ง “ถ้าพวกเจ้าไม่ช่วยข้า ก่อนข้าตายพวกเจ้าก็ต้องลงนรกไปก่อน!”

 

 

เห็นดวงตาแดงก่ำด้วยสายเลือด แม่นมกับสาวใช้ทั้งสองคนก็เหงื่อเย็นไหลโชกทั้งตัว พวกนางถึงกับลืมไปว่า คุณหนูใหญ่กับคุณชายใหญ่เป็นพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกัน!

 

 

“เช่นคุณหนูใหญ่…ท่านจะให้…จะให้พวกบ่าวช่วยอย่างไร” แม่นมกลั้นความหนาวเหน็บในจิตใจถามอย่างระมัดระวัง

 

 

เหมยเซียงจื่อเงียบไปครู่หนึ่ง มุมปากยิ้มอย่างเลือดเย็น กล่าวทีละคำว่า “ข้าจะแต่งกับชิวเยี่ยไป๋!”

 

 

……

 

 

เที่ยงตรง แต่ห้องริมน้ำยังคงเย็นสบาย ยังมีอ่างน้ำอีกใบหนึ่งจึงหลับสบายเป็นธรรมดา

 

 

ดูเหมือนชิวเยี่ยไป๋จะไม่รู้สึกว่าอยู่ในเขตแดนของผู้อื่นเลย พลิกตัวไปมาบนเตียงแล้วหลับต่อ ขณะเดียวกันก็เดินพลังลมปราณโคจรสิบสองรอบ เพียงแต่ดูจากภายนอกเหมือนกำลังนอนหลับ

 

 

เจ้านายเป็นเช่นนี้ ผู้เป็นบ่าวย่อมเลียนแบบ เขากินลิ้นจี่จนอิ่มแล้วก็ไปนั่งหลับบนม้านั่ง รองพ่อบ้านที่อยู่ในห้องติดกันเห็นสภาพประหลาดเช่นนี้ก็ส่ายศีรษะ ร้องหึอย่างดูแคลน ช่างไม่ประสีประสาเอาเสียเลย

 

 

“คุณชายใหญ่ขอรับ พวกเขาหลับไปหนึ่งชั่วยามแล้ว ท่าน…จะให้ปลุกพวกเขาหรือไม่”

 

 

เหมยซูวางหนังสือในมือลง แลดูคันฉ่องแวบหนึ่ง พยักหน้ากล่าวว่า “อืม ไปเถอะ”

 

 

จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นออกไปอีกประตู รองพ่อบ้านเห็นเขาลับกายแล้วก็รีบหันกายออกจากประตู เขารอจนอึดอัดจะตายแล้ว เจ้าสองคนนี้มีอะไรดีจึงทำให้คุณชายใหญ่ดีด้วยและยอมรอนานขนาดนี้!

 

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!  รองพ่อบ้านเคาะประตูอย่างไม่เกรงใจ “ใต้เท้า ใต้เท้าขอรับ คุณชายใหญ่ขอเชิญไปห้องหนังสือขอรับ!”

 

 

แม้วาจาจะนอบน้อมแต่เสียงดังลั่น กระทั่งนกกาบนต้นไม้แถวนั้นยังตกใจจนบินหนี

 

 

ในเวลาต่อมาก็ได้ยินเสียง  ตุ้บ  คราหนึ่งในห้อง ตามด้วยเสียงก่นด่าของเสี่ยวชี รองพ่อบ้านออกจะเสียดายอยู่บ้างที่คนที่ตกใจจนหล่นลงมามิใช่ชิวเยี่ยไป๋ แต่ถึงอย่างไรก็พอจะระบายความอัดอั้นได้บ้าง

 

 

เฮอะ! ใครใช้ให้เจ้าหลับกันเล่า

 

 

ครู่เดียวประตูก็เปิดดัง  แอ้ด  ชิวเยี่ยไป๋อาภรณ์เรียบร้อยเป็นผู้เปิดประตู นางหลับจนถึงเที่ยง ท่าทางสดชื่น รองพ่อบ้านเห็นแล้วก็นึกเจ็บใจ กล่าวอย่างซังกะตายว่า “ใต้เท้า เชิญเถิด!”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋พยักหน้า พาเสี่ยวชีเดินตามรองพ่อบ้านไปห้องหนังสือ

 

 

ห้องหนังสืออยู่ไม่ไกลจากห้องรับรอง เลี้ยวตามระเบียงสองสามเลี้ยวก็ถึง

 

 

“ใต้เท้าชิว เชิญนั่ง” เหมยซูแย้มยิ้ม ต้อนรับชิวเยี่ยไป๋ด้วยตนเอง

 

 

ชิวเยี่ยไป๋กวาดตามองดูห้องหนังสือ พบว่าตกแต่งอย่างเรียบง่าย ด้านเหนือด้านใต้เป็นหิ้งไม้เหลือง ตะวันตกเป็นหิ้งวางวัตถุโบราณ บนผนังแขวนภาพหมอกฝนของเจียงหนาน เก้าอี้ใหญ่สองตัวข้างหน้าต่างอยู่ใกล้กับโต๊ะสลักลวดลาย บนนั้นมีแจกันเคลือบชั้นดีสีครามตั้งไว้ ดอกบัวสีม่วงกำลังบานเต็มที่ในแจกัน

 

 

โต๊ะหนังสือยิ่งเรียบง่าย จัดวางไว้เพียงกระดาษพู่กันจานหมึกและที่ฝนหมึก

 

 

ชิวเยี่ยไป๋มองดูแล้วคล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้ม

 

 

เหมยซูเห็นสีหน้ายิ้มแย้มของนาง แววตาเป็นประกายวูบหนึ่งแล้วยิ้มจางๆ กล่าวว่า “ใต้เท้าเห็นห้องหนังสือของข้าเป็นอย่างไรหรือ”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เหลือบมองเหมยซูแล้วสั่นศีรษะ “เกรงว่าถ้าบอกแล้วจะทำให้คุณชายใหญ่ไม่พอใจ”

 

 

ว่าแล้วนางก็เดินผ่านเหมยซู นั่งลงเองที่เก้าอี้ใหญ่ข้างหน้าต่าง

 

 

เหมยซูถอนใจอย่างอับจน เห็นได้ชัดว่าเป็นการตั้งใจประชดประชันคำพูดของเขาตอนอาหารกลางวัน

 

 

เขาสั่งให้รองพ่อบ้านไปเตรียมน้ำชา ส่วนตนเองนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัวข้างชิวเยี่ยไป๋ “ใต้เท้าเป็นคนตรงไปตรงมา เหมยซูรู้อยู่ จะเหลวไหลได้อย่างไร”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋รู้ว่าเขาจงใจแดกดันว่าตนหาเรื่องอย่างเหลวไหล แต่ก็ยังกล่าวอย่างแย้มยิ้มว่า “คุณชายใหญ่เหมยย่อมเป็นคนดี”

 

 

เหมยซูเห็นนางจู่ๆ ก็ทิ่มแทงด้วยคำพูด สร้างบรรยากาศความเป็นอริ แต่พริบตาเดียวก็สงบลงและแสดงความเป็นมิตร ทำเอาเขาไม่รู้จะรับมืออย่างไรจึงจะดี จึงได้แต่ยิ้มไม่พูด ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว

 

 

ครู่เดียวรองพ่อบ้านก็ส่งชาหลงจิ่งหอมกรุ่นมาให้แล้วถอยออกไป

 

 

“ข้ามาคราวนี้เชื่อว่าคุณชายใหญ่เหมยย่อมรู้เจตนา ถึงอย่างไรก็มีเพื่อนร่วมงานข้าเคยมาถามไถ่ไปแล้ว ข้าจึงขอไม่อ้อมค้อม คุณชายใหญ่เหมยช่วยเล่าเหตุการณ์ทั้งก่อนและหลังการถูกปล้นเรือให้ข้าฟังหน่อย” ชิวเยี่ยไป๋จิบน้ำชาแล้วพูดตรงๆ

 

 

เหมยซูดูเหมือนพอจะรู้นิสัยของนางอยู่แล้ว จึงรับคำ “ได้”

 

 

จากนั้นก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดรอบหนึ่ง

 

 

เมื่อเดือนหก ตระกูลเหมยรับคำสั่งให้จัดส่งอาภรณ์แพรไหมจำนวนหนึ่งและข้าวของในเจียงหนานเข้าวัง รวมเป็นสินค้าสามลำเรือซึ่งก็มิได้มากมายนัก ปีก่อนๆ เวลานี้ก็มักล่องเรือตามคลองขุดเข้าราชธานีอยู่เสมอ แต่ก็ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุใดๆ

 

 

การลำเลียงครั้งนี้ก็ราบรื่นดีเช่นกัน แต่พอเรือถึงไหวหนาน เนื่องจากตระกูลเหมยมีร้านสาขาในไหวหนานจึงแวะพัก เพื่อจะได้บรรทุกข้าวของบางอย่างของตระกูลเหมยไปราชธานีด้วย

 

 

“ปีก่อนๆ ก็เป็นเช่นนี้หรือ” ชิวเยี่ยไป๋ขัดขึ้นกลางคัน และถามอย่างสงสัยว่า “ข้าฟังมาว่าเรือสินค้าหลวงไม่รับสิ่งของอื่นเข้าราชธานีเพื่อประกันความปลอดภัยมิใช่หรือ”

 

 

เหมยซูพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวเนือยๆ ว่า “ไม่ผิด แต่ที่เราไปรับคือเงินบัญชีที่เก็บในไหวหนาน และเนื่องจากเรือสินค้าหลวงมีการคุ้มกันแน่นหนา ใครก็ตามที่กล้าปล้นเรือสินค้าหลวงจะถูกสั่งจับทั่วแผ่นดิน ข้าราชการทุกหัวเมืองจะตามล่า ดังนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมาเราจึงนำเงินที่เก็บในไหวหนานลงเรือไปราชธานีด้วย”

 

 

เขาเว้นจังหวะแล้วพูดต่อ “นี่ก็มิได้ขัดต่อกฎเกณฑ์ของราชสำนัก”

 

 

“เงินบัญชี?” ชิวเยี่ยไป๋ขมวดคิ้ว “คนที่รู้เรื่องนี้มีมากไหม”

 

 

เหมยซูครุ่นคิด “ไม่น้อย ผู้รับผิดชอบร้านค้าตระกูลเหมยในไหวหนานต่างรู้ดี สิบกว่าปีมาก็เป็นเช่นนี้”

 

 

ดวงตาชิวเยี่ยไป๋ฉายแววครุ่นคิด “เรือทั้งลำล้วนเป็นสิ่งทอด้วยแพรและของบรรณาการ ปล่อยออกยาก มิรู้ว่าเป็นพ่อค้ารายใดกล้ารับสินค้าที่มีตราประทับราชสำนักเหล่านี้ ซึ่งหมายความว่าเรื่องนี้อาจเจาะจงที่เงินในบัญชีของพวกท่าน และยังรู้ด้วยว่าการขนเงินของพวกท่านมีคนรู้ไม่น้อย พัวพันในวงกว้าง สืบสาวได้ยาก”

 

 

เหมยซูถอนใจเบาๆ คราหนึ่ง เค้าหน้าคมคายมีแววอับจนวูบหนึ่ง “น่าจะเป็นเช่นนี้ เชียนจ่งสองท่านของกองคั่นเฟิงกับกองทิงเฟิง แม้แต่คนของกลาโหมและราชทัณฑ์ก็ส่งคนมาสอบถามแล้ว แต่ร้านค้าสกุลเหมยก็ทำเช่นนี้ทุกปี สิบกว่าปีนี้นอกจากร้านค้าบางรายที่มีส่วนดูแลแล้ว คนวงนอกที่รู้ก็มีไม่น้อย คิดว่าบัดนี้คงถูกสอบหมดแล้ว” 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด