ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 220 ท่านไม่รังเกียจสตรีหรือ (4)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 220 ท่านไม่รังเกียจสตรีหรือ (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แน่นอน หากเสี่ยวไป๋เป็นบุรุษจริง และคืนนั้นนางวางแผนลักพาตัวเหล่าเจอกู เป็นแผนที่กล้ามากและละเอียดรอบคอบถึงที่สุดและสำเร็จ เสียดายที่นางคำนวณอย่างแม่นยำทุกฝีก้าว แต่คำนวณไม่ออกว่านางจะหมดสติไป

 

 

สตรีเป็นสิ่งที่ยุ่งยากที่สุดและน่าชังที่สุดในโลกจริงๆ

 

 

เห็นได้ชัดว่าซวงไป๋ชินเสียแล้วกับการพูดถึงท่านราชครูในลักษณะนี้ของเจ้านาย จึงมิได้แปลกใจแต่กล่าวอย่างครุ่นคิดว่า “ถ้าเช่นนั้นฝ่าบาทจะทำอย่างไรต่อ ทางวัดเจินเหยียนกงเที่ยวค้นหาท่านราชครูไปทั่วแล้ว”

 

 

ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทหลับลึกก่อนกำหนด เคยสั่งให้พวกเขาลอบติดตามใต้เท้าชิว แต่หากมิได้รับคำสั่งจากฝ่าบาท พวกเขาจะไม่เปิดเผยตัวโดยเด็ดขาด ดังนั้นพวกเขาจึงปรากฏตัวได้รวดเร็วเช่นนี้ และลงมือจัดการกับคนตระกูลเหมยที่ไล่ล่าด้วยวิธีฆ่าเรียบจนหมด

 

 

ในเวลาเดียวกัน ฝ่าบาทยังจัดแจงให้ท่านราชครูที่ถ้ำคุนหยวน ‘ออกจากด่านกรรมฐานก่อนกำหนด’ ทางวัดเจินเหยียนกงก็ไม่สงสัย และคุ้มกันท่านราชครูกลับวังเหมือนเช่นเคย ระหว่างทางพวกเขาจึงลงมือบางอย่าง ให้ราชครูกับคนของวัดเจินเหยียนกงพลัดหลงกันและนำตัวราชครูมาที่ตงอั้น

 

 

ทุกอย่างเป็นดั่งที่ฝ่าบาทคาดไว้ ใต้เท้าชิวมองปราดเดียวก็จำสัญลักษณ์ของวัดเจินเหยียนกงได้และลากตัวราชครูไป ตลอดทางอยู่ด้วยกันค่อนข้าง ‘กลมเกลียว’

 

 

แต่องครักษ์ของเจินเหยียนกงที่คุ้มกันราชครูกลับวังครั้งนี้ย่อมตกใจกลัว และลอบค้นหาราชครูอย่างลับๆ บัดนี้เกือบถึงไหวหนานแล้ว

 

 

ซวงไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าวเสริมว่า “ถ้าคนของเจินเหยียนกงพบว่าท่านราชครูกับใต้เท้าชิวอยู่ด้วยกัน เกรงว่าฐานะของท่านราชครูคงปกปิดไม่มิดและใต้เท้าชิวก็จะตกที่นั่งลำบาก”

 

 

ปลายนิ้วของไป๋หลี่ชูไล้ผ่านพุ่มไม้ข้างตัว บีบดอกกุหลาบสดใสดอกหนึ่งแหลกไปโดยไม่ตั้งใจ “ก็เป็นเวลาที่ควรให้เสี่ยวไป๋กลับราชธานีแล้ว เขาได้สมุดบัญชีแล้วมิใช่หรือ เขายังเก่งกาจกว่าที่ข้าคิดเสียอีก”

 

 

ซวงไป๋เงียบไป แค่เก่งกาจเสียที่ไหน แม้แต่เขาที่มารู้ฐานะที่แท้จริงของชิวเยี่ยไป๋ภายหลังก็ยังอดตกใจมิได้ อาจารย์ปู่ที่เขากราบไหว้ก่อนหน้านี้ก็มาจากสำนักหอซ่อนกระบี่เช่นกัน จะว่าไปแล้วเขาก็นับว่าเป็นศิษย์ของหอซ่อนกระบี่ครึ่งตัวทีเดียว

 

 

สำนักหอซ่อนกระบี่ฐานะเหนือล้ำในจิตใจชาวยุทธจักร เขาย่อมรู้ดี แต่นึกไม่ถึงว่าเจ้าสำนักหอซ่อนกระบี่ถึงกับอยู่ข้างกายตน แถมยังอยู่ในฐานะไม่สะดุดตาเช่นนั้น

 

 

แต่หากย้อนคิดดูให้ละเอียด เขาเองก็อดนับถือชิวเยี่ยไป๋มิได้ สถานที่ซ่อนตัวที่ดีที่สุดคือกลางตลาดที่จอแจ เขาในฐานะบุตรของอนุผู้หนึ่งสามารถรับมือกับอันตรายทั้งจากราชสำนักและกลุ่มคนทั่วไป ดูแล้วเหมือนจะตกแหล่มิตกแหล่ แต่ท่ามกลางวิกฤติซ้ำซ้อนล้วนทำอะไรเขามิได้ บัดนี้เขาเข้าสู่ราชสำนักยังไม่นานนัก แต่ก็ดูออกว่ามิใช่จะถูกจำกัดไว้ในที่คับแคบได้

 

 

เพียงแต่น่าเสียดายที่ดันเจอะกับนายของตน และมิรู้ว่าอนาคตของพญามังกรจะเกยตื้นเพราะการนี้หรือไม่ แม้แต่การแต่งภรรยามีบุตรเช่นคนทั่วไปก็คงทำมิได้แล้ว

 

 

ซวงไป๋รู้ดีว่าคนของสำนักหอซ่อนกระบี่ไม่ชอบถูกร้อยรัดเป็นที่สุด และชอบที่จะถือสันโดษอยู่เหนือยุทธจักร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตัวเจ้าสำนักเองเกรงว่าคงไม่มีวันยอมให้จับตัว และยังมิรู้ว่าจะเกิดเรื่องตามมาอีกมากน้อยเท่าใด

 

 

นึกถึงตรงนี้ ซวงไป๋ก็อดสะทกสะท้อนและวิตกกังวลมิได้

 

 

คนหนึ่งผูกพันเพราะเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน คนหนึ่งเป็นเจ้านายที่ตนสาบานว่าจะซื่อสัตย์ภักดีด้วยชีวิต ทั้งสองถึงกับพัวพันเข้าด้วยกัน

 

 

“ซวงไป๋ ข้าจำได้ว่าก่อนที่เจ้าจะติดตามข้า อาจารย์ของเจ้าดูเหมือนจะมีสายสัมพันธ์กับสำนักหอซ่อนกระบี่กระมัง” ไป๋หลี่ชูมองดูกลีบดอกไม้แดงฉานยับเยินบนมือ พลันถามขึ้น

 

 

ซวงไป๋สะท้านใจ ไม่มีอะไรปิดบังฝ่าบาทได้จริงๆ เขาจึงกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “พ่ะย่ะค่ะ อาจารย์ของบ่าวมาจากสำนักหอซ่อนกระบี่ แต่ก็มิได้ติดต่อกันมานานแล้ว และคนที่ออกจากสำนักหอซ่อนกระบี่ไปตั้งสำนักเองก็ถือว่าเข้าสู่ยุทธจักรและมิใช่คนของหอซ่อนกระบี่อีกต่อไปพ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

ไป๋หลี่ชูร้อง “อืม” อย่างไม่ใส่ใจ กล่าวอีกว่า “เล่าเรื่องสำคัญของสำนักหอซ่อนกระบี่ให้ข้าฟังหน่อยสิ”

 

 

รู้เขารู้เราจึงจะรบร้อยชนะร้อย เสือดาวน้อยมีที่มาที่ไม่ธรรมดา เขาจึงต้องคิดให้มากหน่อยว่าจะไปทลายรังเสือดาวก่อนหรือไม่

 

 

ซวงไป๋ตอบเสียงหนัก “พ่ะย่ะค่ะ”

 

 

จากนั้นเขาจึงเลือกประเด็นสำคัญของสำนักหอซ่อนกระบี่เล่าให้ไป๋หลี่ชูฟังอย่างละเอียด ไป๋หลี่ชูรับฟังด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

 

 

“…นี่คือเรื่องของสำนักหอซ่อนกระบี่เท่าที่บ่าวทราบ สำนักอาจารย์ของบ่าวพ้นจากสำนักหอซ่อนกระบี่นานปี รายละเอียดและความลับอื่นๆ บ่าวมิอาจรู้ได้” ซวงไป๋พูดจบก็มองไป๋หลี่ชูอย่างลังเล

 

 

ไป๋หลี่ชูราวกับมีนัยน์ตางอกที่หลังศีรษะ คลึงกลีบดอกไม้ในมือพลางกล่าวอย่างมินำพาว่า “อยากพูดอะไรก็ว่ามา”

 

 

“ทูลฝ่าบาท แต่ไหนแต่ไรคนของสำนักหอซ่อนกระบี่ทำการใดๆ เหมือนวายุที่ไม่ถูกร้อยรัด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ้าสำนัก ชาวยุทธจักรทั้งฝ่ายธรรมะและอธรรมล้วนต้องให้หน้าเจ้าสำนักหอซ่อนกระบี่ เจ้าสำนักฐานะเหนือสิ่งใด ดังนั้นบ่าวจึงมิเข้าใจว่าทำไมใต้เท้าชิวจึงสู้ยอมทิ้งความอิสระในยุทธจักรกลับยอมกลับสู่ราชสำนักที่เหมือนกรงขัง” ซวงไป๋ลังเลครู่หนึ่ง ยังคงบอกถึงความข้องใจของตน

 

 

“บ่าวสงสัยว่าใต้เท้าชิวมีเจตนาไม่บริสุทธิ์”

 

 

ถ้าชิวเยี่ยไป๋เจตนาไม่บริสุทธิ์ ตอนแรกที่พบกับฝ่าบาทโดยบังเอิญในถ้ำใต้ดินเป็นแผนที่เขาวางไว้หรือไม่ ถ้าใช่ เจ้าสำนักหอซ่อนกระบี่ยุคนี้อาจไม่เหมือนคนก่อนๆ ที่ปล่อยตัวตามหุบเขาลำเนาไพร เกรงว่าคงซ่อนความทะเยอทะยานไว้อีกชั้น

 

 

ไป๋หลี่ชูฟังแล้วหยุดการเคลื่อนไหวเล็กน้อย เจตนาไม่บริสุทธิ์…

 

 

เขาหรี่ตาแล้วหัวร่อเบาๆ “ใต้ฟ้านี้มิมีผู้ใดไม่อยากเข้าราชสำนักและมีสัมพันธ์แม้น้อยนิดกับราชนิกุลไป๋หลี่ของข้ายิ่งกว่าเขาแล้ว”

 

 

แม้เขาจะมิรู้ว่าทำไมชิวเยี่ยไป๋ที่สบายอารมณ์เป็นอิสระในยุทธจักรสิบกว่าปี จู่ๆ จึงกลับบ้านตระกูลชิว แม้ชิวเยี่ยไป๋จะมีนิสัยปล่อยปละมิร้อยรัด ฉลาดกลอกกลิ้ง พฤติกรรมกึ่งธรรมะกึ่งอธรรม แต่หลังอยู่ร่วมกันพักนี้กลับดูออกว่าการกระทำของนางยังคงมีกลิ่นอายของชาวยุทธจักรที่ไม่ร้อยรัดและเน้นหนักคุณธรรม

 

 

คนที่สามารถทำให้นางละทิ้งชีวิตขับอาชาโผนกระโจนอย่างอิสระในยุทธจักร เสี่ยงต่อการเปิดเผยฐานะที่แท้จริง กลับสู่กรงทองที่แฝงด้วยด่านอำมหิต ย่อมต้องเป็นบุคคลที่มีความสำคัญต่อนางอย่างยิ่งยวด

 

 

ไป๋หลี่ชูแววตาเย็นเยียบ ออกคำสั่ง “ไปสืบดูว่าในจวนตระกูลชิวเขาใกล้ชิดกับใครที่สุด”

 

 

ในเวลาอันสั้นเขาไม่อาจหาสถานที่ตั้งของสำนักหอซ่อนกระบี่เพื่อลงมือ แต่จวนตระกูลชิวต้องมีจุดอ่อนของเสือดาวน้อยแน่

 

 

ซวงไป๋เห็นไป๋หลี่ชูพูดเช่นนี้ แม้จะยังอธิบายความในใจได้ไม่หมด แต่ฝ่าบาทของตนถ้ามิใช่แน่ใจย่อมไม่พูดเช่นนี้

 

 

แต่ฟังแล้วความหมายของเจ้านาย ดูเหมือนต้องการจะควบคุมตระกูลชิวไว้ในมือ นี่ทำให้ซวงไป๋ฉายแววกังวลวูบหนึ่ง “ฝ่าบาท เจ้าสำนักหอซ่อนกระบี่มีฐานะสูงส่งเหนือล้ำในยุทธจักร คนที่มีฝีมือเหนือคนทั่วไปย่อมมีความเหิมเกริมทระนง หากท่าน…”

 

 

ใต้แสงตะวัน คนงามชุดแดงก้มลงดมกุหลาบ กุหลาบงดงาม คนงามยิ่งกว่า

 

 

“ไม่เป็นไร” ไป๋หลี่ชูเลิกคิ้วแล้วเด็ดกุหลาบกึ่งตูมกึ่งบานดอกหนึ่ง มองดูจากที่สูงกว่าพลางกล่าวว่า “จุดอ่อนของเขาถ้าเกิดถูกคนอื่นกุมไว้จะยุ่งยาก ข้าก็แค่คิดเผื่อเสี่ยวไป๋เท่านั้น”

 

 

ซวงไป๋มองดูท่าทางของผู้เป็นนาย ลอบถอนใจเงียบๆ พูดเสียโอ่อ่า ความจริงท่านก็แค่อยากกุมจุดอ่อนเอาไว้เอง จะได้ย่ำยีเจ้าสำนักชิวตามใจชอบก็เท่านั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 220 ท่านไม่รังเกียจสตรีหรือ (4)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 220 ท่านไม่รังเกียจสตรีหรือ (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แน่นอน หากเสี่ยวไป๋เป็นบุรุษจริง และคืนนั้นนางวางแผนลักพาตัวเหล่าเจอกู เป็นแผนที่กล้ามากและละเอียดรอบคอบถึงที่สุดและสำเร็จ เสียดายที่นางคำนวณอย่างแม่นยำทุกฝีก้าว แต่คำนวณไม่ออกว่านางจะหมดสติไป

 

 

สตรีเป็นสิ่งที่ยุ่งยากที่สุดและน่าชังที่สุดในโลกจริงๆ

 

 

เห็นได้ชัดว่าซวงไป๋ชินเสียแล้วกับการพูดถึงท่านราชครูในลักษณะนี้ของเจ้านาย จึงมิได้แปลกใจแต่กล่าวอย่างครุ่นคิดว่า “ถ้าเช่นนั้นฝ่าบาทจะทำอย่างไรต่อ ทางวัดเจินเหยียนกงเที่ยวค้นหาท่านราชครูไปทั่วแล้ว”

 

 

ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทหลับลึกก่อนกำหนด เคยสั่งให้พวกเขาลอบติดตามใต้เท้าชิว แต่หากมิได้รับคำสั่งจากฝ่าบาท พวกเขาจะไม่เปิดเผยตัวโดยเด็ดขาด ดังนั้นพวกเขาจึงปรากฏตัวได้รวดเร็วเช่นนี้ และลงมือจัดการกับคนตระกูลเหมยที่ไล่ล่าด้วยวิธีฆ่าเรียบจนหมด

 

 

ในเวลาเดียวกัน ฝ่าบาทยังจัดแจงให้ท่านราชครูที่ถ้ำคุนหยวน ‘ออกจากด่านกรรมฐานก่อนกำหนด’ ทางวัดเจินเหยียนกงก็ไม่สงสัย และคุ้มกันท่านราชครูกลับวังเหมือนเช่นเคย ระหว่างทางพวกเขาจึงลงมือบางอย่าง ให้ราชครูกับคนของวัดเจินเหยียนกงพลัดหลงกันและนำตัวราชครูมาที่ตงอั้น

 

 

ทุกอย่างเป็นดั่งที่ฝ่าบาทคาดไว้ ใต้เท้าชิวมองปราดเดียวก็จำสัญลักษณ์ของวัดเจินเหยียนกงได้และลากตัวราชครูไป ตลอดทางอยู่ด้วยกันค่อนข้าง ‘กลมเกลียว’

 

 

แต่องครักษ์ของเจินเหยียนกงที่คุ้มกันราชครูกลับวังครั้งนี้ย่อมตกใจกลัว และลอบค้นหาราชครูอย่างลับๆ บัดนี้เกือบถึงไหวหนานแล้ว

 

 

ซวงไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าวเสริมว่า “ถ้าคนของเจินเหยียนกงพบว่าท่านราชครูกับใต้เท้าชิวอยู่ด้วยกัน เกรงว่าฐานะของท่านราชครูคงปกปิดไม่มิดและใต้เท้าชิวก็จะตกที่นั่งลำบาก”

 

 

ปลายนิ้วของไป๋หลี่ชูไล้ผ่านพุ่มไม้ข้างตัว บีบดอกกุหลาบสดใสดอกหนึ่งแหลกไปโดยไม่ตั้งใจ “ก็เป็นเวลาที่ควรให้เสี่ยวไป๋กลับราชธานีแล้ว เขาได้สมุดบัญชีแล้วมิใช่หรือ เขายังเก่งกาจกว่าที่ข้าคิดเสียอีก”

 

 

ซวงไป๋เงียบไป แค่เก่งกาจเสียที่ไหน แม้แต่เขาที่มารู้ฐานะที่แท้จริงของชิวเยี่ยไป๋ภายหลังก็ยังอดตกใจมิได้ อาจารย์ปู่ที่เขากราบไหว้ก่อนหน้านี้ก็มาจากสำนักหอซ่อนกระบี่เช่นกัน จะว่าไปแล้วเขาก็นับว่าเป็นศิษย์ของหอซ่อนกระบี่ครึ่งตัวทีเดียว

 

 

สำนักหอซ่อนกระบี่ฐานะเหนือล้ำในจิตใจชาวยุทธจักร เขาย่อมรู้ดี แต่นึกไม่ถึงว่าเจ้าสำนักหอซ่อนกระบี่ถึงกับอยู่ข้างกายตน แถมยังอยู่ในฐานะไม่สะดุดตาเช่นนั้น

 

 

แต่หากย้อนคิดดูให้ละเอียด เขาเองก็อดนับถือชิวเยี่ยไป๋มิได้ สถานที่ซ่อนตัวที่ดีที่สุดคือกลางตลาดที่จอแจ เขาในฐานะบุตรของอนุผู้หนึ่งสามารถรับมือกับอันตรายทั้งจากราชสำนักและกลุ่มคนทั่วไป ดูแล้วเหมือนจะตกแหล่มิตกแหล่ แต่ท่ามกลางวิกฤติซ้ำซ้อนล้วนทำอะไรเขามิได้ บัดนี้เขาเข้าสู่ราชสำนักยังไม่นานนัก แต่ก็ดูออกว่ามิใช่จะถูกจำกัดไว้ในที่คับแคบได้

 

 

เพียงแต่น่าเสียดายที่ดันเจอะกับนายของตน และมิรู้ว่าอนาคตของพญามังกรจะเกยตื้นเพราะการนี้หรือไม่ แม้แต่การแต่งภรรยามีบุตรเช่นคนทั่วไปก็คงทำมิได้แล้ว

 

 

ซวงไป๋รู้ดีว่าคนของสำนักหอซ่อนกระบี่ไม่ชอบถูกร้อยรัดเป็นที่สุด และชอบที่จะถือสันโดษอยู่เหนือยุทธจักร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตัวเจ้าสำนักเองเกรงว่าคงไม่มีวันยอมให้จับตัว และยังมิรู้ว่าจะเกิดเรื่องตามมาอีกมากน้อยเท่าใด

 

 

นึกถึงตรงนี้ ซวงไป๋ก็อดสะทกสะท้อนและวิตกกังวลมิได้

 

 

คนหนึ่งผูกพันเพราะเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน คนหนึ่งเป็นเจ้านายที่ตนสาบานว่าจะซื่อสัตย์ภักดีด้วยชีวิต ทั้งสองถึงกับพัวพันเข้าด้วยกัน

 

 

“ซวงไป๋ ข้าจำได้ว่าก่อนที่เจ้าจะติดตามข้า อาจารย์ของเจ้าดูเหมือนจะมีสายสัมพันธ์กับสำนักหอซ่อนกระบี่กระมัง” ไป๋หลี่ชูมองดูกลีบดอกไม้แดงฉานยับเยินบนมือ พลันถามขึ้น

 

 

ซวงไป๋สะท้านใจ ไม่มีอะไรปิดบังฝ่าบาทได้จริงๆ เขาจึงกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “พ่ะย่ะค่ะ อาจารย์ของบ่าวมาจากสำนักหอซ่อนกระบี่ แต่ก็มิได้ติดต่อกันมานานแล้ว และคนที่ออกจากสำนักหอซ่อนกระบี่ไปตั้งสำนักเองก็ถือว่าเข้าสู่ยุทธจักรและมิใช่คนของหอซ่อนกระบี่อีกต่อไปพ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

ไป๋หลี่ชูร้อง “อืม” อย่างไม่ใส่ใจ กล่าวอีกว่า “เล่าเรื่องสำคัญของสำนักหอซ่อนกระบี่ให้ข้าฟังหน่อยสิ”

 

 

รู้เขารู้เราจึงจะรบร้อยชนะร้อย เสือดาวน้อยมีที่มาที่ไม่ธรรมดา เขาจึงต้องคิดให้มากหน่อยว่าจะไปทลายรังเสือดาวก่อนหรือไม่

 

 

ซวงไป๋ตอบเสียงหนัก “พ่ะย่ะค่ะ”

 

 

จากนั้นเขาจึงเลือกประเด็นสำคัญของสำนักหอซ่อนกระบี่เล่าให้ไป๋หลี่ชูฟังอย่างละเอียด ไป๋หลี่ชูรับฟังด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

 

 

“…นี่คือเรื่องของสำนักหอซ่อนกระบี่เท่าที่บ่าวทราบ สำนักอาจารย์ของบ่าวพ้นจากสำนักหอซ่อนกระบี่นานปี รายละเอียดและความลับอื่นๆ บ่าวมิอาจรู้ได้” ซวงไป๋พูดจบก็มองไป๋หลี่ชูอย่างลังเล

 

 

ไป๋หลี่ชูราวกับมีนัยน์ตางอกที่หลังศีรษะ คลึงกลีบดอกไม้ในมือพลางกล่าวอย่างมินำพาว่า “อยากพูดอะไรก็ว่ามา”

 

 

“ทูลฝ่าบาท แต่ไหนแต่ไรคนของสำนักหอซ่อนกระบี่ทำการใดๆ เหมือนวายุที่ไม่ถูกร้อยรัด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ้าสำนัก ชาวยุทธจักรทั้งฝ่ายธรรมะและอธรรมล้วนต้องให้หน้าเจ้าสำนักหอซ่อนกระบี่ เจ้าสำนักฐานะเหนือสิ่งใด ดังนั้นบ่าวจึงมิเข้าใจว่าทำไมใต้เท้าชิวจึงสู้ยอมทิ้งความอิสระในยุทธจักรกลับยอมกลับสู่ราชสำนักที่เหมือนกรงขัง” ซวงไป๋ลังเลครู่หนึ่ง ยังคงบอกถึงความข้องใจของตน

 

 

“บ่าวสงสัยว่าใต้เท้าชิวมีเจตนาไม่บริสุทธิ์”

 

 

ถ้าชิวเยี่ยไป๋เจตนาไม่บริสุทธิ์ ตอนแรกที่พบกับฝ่าบาทโดยบังเอิญในถ้ำใต้ดินเป็นแผนที่เขาวางไว้หรือไม่ ถ้าใช่ เจ้าสำนักหอซ่อนกระบี่ยุคนี้อาจไม่เหมือนคนก่อนๆ ที่ปล่อยตัวตามหุบเขาลำเนาไพร เกรงว่าคงซ่อนความทะเยอทะยานไว้อีกชั้น

 

 

ไป๋หลี่ชูฟังแล้วหยุดการเคลื่อนไหวเล็กน้อย เจตนาไม่บริสุทธิ์…

 

 

เขาหรี่ตาแล้วหัวร่อเบาๆ “ใต้ฟ้านี้มิมีผู้ใดไม่อยากเข้าราชสำนักและมีสัมพันธ์แม้น้อยนิดกับราชนิกุลไป๋หลี่ของข้ายิ่งกว่าเขาแล้ว”

 

 

แม้เขาจะมิรู้ว่าทำไมชิวเยี่ยไป๋ที่สบายอารมณ์เป็นอิสระในยุทธจักรสิบกว่าปี จู่ๆ จึงกลับบ้านตระกูลชิว แม้ชิวเยี่ยไป๋จะมีนิสัยปล่อยปละมิร้อยรัด ฉลาดกลอกกลิ้ง พฤติกรรมกึ่งธรรมะกึ่งอธรรม แต่หลังอยู่ร่วมกันพักนี้กลับดูออกว่าการกระทำของนางยังคงมีกลิ่นอายของชาวยุทธจักรที่ไม่ร้อยรัดและเน้นหนักคุณธรรม

 

 

คนที่สามารถทำให้นางละทิ้งชีวิตขับอาชาโผนกระโจนอย่างอิสระในยุทธจักร เสี่ยงต่อการเปิดเผยฐานะที่แท้จริง กลับสู่กรงทองที่แฝงด้วยด่านอำมหิต ย่อมต้องเป็นบุคคลที่มีความสำคัญต่อนางอย่างยิ่งยวด

 

 

ไป๋หลี่ชูแววตาเย็นเยียบ ออกคำสั่ง “ไปสืบดูว่าในจวนตระกูลชิวเขาใกล้ชิดกับใครที่สุด”

 

 

ในเวลาอันสั้นเขาไม่อาจหาสถานที่ตั้งของสำนักหอซ่อนกระบี่เพื่อลงมือ แต่จวนตระกูลชิวต้องมีจุดอ่อนของเสือดาวน้อยแน่

 

 

ซวงไป๋เห็นไป๋หลี่ชูพูดเช่นนี้ แม้จะยังอธิบายความในใจได้ไม่หมด แต่ฝ่าบาทของตนถ้ามิใช่แน่ใจย่อมไม่พูดเช่นนี้

 

 

แต่ฟังแล้วความหมายของเจ้านาย ดูเหมือนต้องการจะควบคุมตระกูลชิวไว้ในมือ นี่ทำให้ซวงไป๋ฉายแววกังวลวูบหนึ่ง “ฝ่าบาท เจ้าสำนักหอซ่อนกระบี่มีฐานะสูงส่งเหนือล้ำในยุทธจักร คนที่มีฝีมือเหนือคนทั่วไปย่อมมีความเหิมเกริมทระนง หากท่าน…”

 

 

ใต้แสงตะวัน คนงามชุดแดงก้มลงดมกุหลาบ กุหลาบงดงาม คนงามยิ่งกว่า

 

 

“ไม่เป็นไร” ไป๋หลี่ชูเลิกคิ้วแล้วเด็ดกุหลาบกึ่งตูมกึ่งบานดอกหนึ่ง มองดูจากที่สูงกว่าพลางกล่าวว่า “จุดอ่อนของเขาถ้าเกิดถูกคนอื่นกุมไว้จะยุ่งยาก ข้าก็แค่คิดเผื่อเสี่ยวไป๋เท่านั้น”

 

 

ซวงไป๋มองดูท่าทางของผู้เป็นนาย ลอบถอนใจเงียบๆ พูดเสียโอ่อ่า ความจริงท่านก็แค่อยากกุมจุดอ่อนเอาไว้เอง จะได้ย่ำยีเจ้าสำนักชิวตามใจชอบก็เท่านั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+