ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 285 อาคันตุกะเหมือนมากับเมฆ

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 285 อาคันตุกะเหมือนมากับเมฆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แคว้นอวิ๋นจง คลองขุดใหญ่

สายน้ำ ซ่าๆ เชี่ยวกรากยามราตรี ม้วนสู่ความมืดมิดข้างหน้า

เหมือนกับอนาคตและโชคชะตาของนางและกองคั่นเฟิง มืดมิดจนไม่เห็นแสงสว่างใดๆ แม้แต่น้อยนิด

ชิวเยี่ยไป๋ในเสื้อคลุมสีดำยืนเงียบๆ ที่หัวเรือ ปล่อยให้ลมที่เย็นเหมือนน้ำแข็งพัดผ่านสองแก้ม เพ่งไปเบื้องหน้าอย่างจดจ่อ ราวกับจะสามารถเสาะหาแสงเทียนริบหรี่ได้บ้างท่ามกลางหมอกทึบและม่านราตรี

“ใต้เท้า” โจวอวี่มองดูเงาหลังของนาง เรียกเบาๆ อย่างรู้สึกกังวล

หลายวันก่อน พวกเขาเพิ่งได้ข่าวลับ ราชสำนักออกประกาศจับทั่วแผ่นดิน ในหนังสือราชการนี้แจ้งว่าใต้เท้าเป็นถึงขุนนางที่รู้กฎหมายแล้วยังละเมิดกฎหมาย มีความผิดมหันต์ที่ไม่อาจให้อภัยได้ เนื่องจากเป็นความผิดร้ายแรง ในประกาศจับจึงมีคำสั่งตามมาด้วย…จับตาย ข้าราชการท้องที่ใดก็ตาม หากพบร่องรอยของใต้เท้าแล้วให้ฆ่าได้เลย

เรื่องนี้บีบให้พวกเขาต้องนำคนของกองคั่นเฟิงกลับราชธานีก่อนกำหนดหลายวัน ทุกคนล้วนวิตกกังวลแทนใต้เท้า

ชิวเยี่ยไป๋ตอบ “อืม” อย่างเฉยเมย “ไม่ต้องกังวล ข้าย่อมไม่เป็นอะไร ประกาศจับทั่วแผ่นดินก็ดี คำสั่งจับตายก็ดี ใต้ฟ้าจะมีใครขวางข้าได้ทุกทางเล่า”

แม้นางจะไม่หวั่นเกรงการคุกคามนี้ แต่จะว่าไปแล้ว มิรู้เพราะเหตุใดนางจึงรู้สึกว่าเรื่องนี้มีความนัย โดยเฉพาะไป๋หลี่ชูถึงกับยอมปล่อยให้มีประกาศจับและคำสั่งฆ่านั้นหลุดออกมา

เขาคิดอย่างไรกันแน่

บัดนี้จักรพรรดิไม่ใส่พระทัยราชกิจ อำนาจการตัดสินนโยบายใดๆ ของอาณาจักรล้วนอยู่ในมือของพระพันปีและไป๋หลี่ชู

แม้พระพันปีจะมีอำนาจไม่น้อย แต่อำนาจของนางอย่างมากก็ได้แต่นำไปปฏิบัติโดยผ่านพวกมือเท้าตระกูลตู้และตระกูลเหมย

แม้นางจะดูเหมือนทรงอำนาจที่สุดในวังหลัง โดยนามแล้วสามารถฟังข้อราชการหลังม่านได้ แต่ไม่มีอำนาจสั่งการโดยตรงอย่างเปิดเผย

ผู้สำเร็จราชการตัวจริงคือ ‘องค์หญิง’ เซ่อกั๋ว คำสั่งราชการหรือคำสั่งใดๆ ต้องได้รับการอนุมัติด้วยหมึกแดงในมือเขาจึงจะลงตราราชลัญจกรของจักรพรรดิได้

นางไม่เข้าใจว่าไป๋หลี่ชูจะทำเหมือนที่พูดไว้แต่แรกว่าจะเป็นผู้ชมดูจนถึงที่สุด หรือว่ายังมีแผนอื่น

สำหรับไป๋หลี่ชูแล้วตนเองยังมีคุณประโยชน์ให้เขาใช้สอย เขาจะมิรู้ได้อย่างไรว่าหมายจับทั่วแผ่นดินนี้แทบจะสะบั้นทางถอยตามแผนเดิมของนาง

ชิวเยี่ยไป๋หรี่ตาแล้วช้อนมองฟากฟ้าอันมืดมิดด้วยแววเย็นเยียบ

ไม่ว่าไป๋หลี่ชูจะยกเลิกกลางคันในการเป็นผู้ชมจนถึงที่สุดก็ดี หรือจะมีแผนอื่นก็ดี ในเมื่อนางตัดสินใจจะเข้าชิงความเป็นใหญ่ในแวดวงอำนาจคาวเลือดนี้แล้ว ย่อมปล่อยให้ใครคอยจัดแจงมิได้!

“ใต้เท้า อีกหนึ่งชั่วยามพวกเราจะเข้าสู่ไหวหนานแล้ว” โจวอวี่พลันกล่าวเบาๆ เบื้องหลังนาง

ชิวเยี่ยไป๋พยักหน้าอย่างเฉยเมย “อีกสักครู่แจ้งต่อทุกคน ทำตามแผนเดิมทุกประการ แยกย้ายกันขึ้นฝั่งสองแคว้นหนึ่งอำเภอของไหวหนาน แล้วเปลี่ยนเป็นเดินทางทางบกหรือไม่ก็เปลี่ยนเรือใหม่ สุดท้ายไปสมทบกันที่อำเภออวิ๋นกับอำเภอถิง

อำเภออวิ๋นกับอำเภอถิงล้วนเป็นเมืองเล็กๆ ระดับอำเภอที่อยู่ใกล้กับเส้นทางขึ้นราชธานีซึ่งพัฒนามาจากหมู่บ้านเล็กๆ เป็นจุดแวะพักของค่ายใหญ่ประจำราชธานี ห่างจากราชธานีในระยะเดินเท้าครึ่งวัน

เมื่อเกิดเหตุหลังนางส่งสัญญาณแล้ว คนของกองคั่นเฟิงจะได้ตอบสนองอย่างรวดเร็วที่สุด

และสองอำเภอนี้เป็นจุดตั้งพักของค่ายใหญ่ ซึ่งทุกคนย่อมคิดว่าเป็นจุดที่ปลอดภัยที่สุด การตรวจค้นจึงกลับมิได้เข้มงวดเหมือนที่อื่น อยู่ในสภาพเข้มนอกหย่อนใน

โจวอวี่ผงกศรีษะ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “ใต้เท้าเลือกสองอำเภอนี้เป็นจุดพักชั่วคราวของกองคั่นเฟิง ทำให้พวกเราไปราชธานีสะดวกก็จริงอยู่ แต่ตัวท่านเองเล่า ท่านจะขึ้นราชธานีตามลำพังหรือ”

ชิวเยี่ยไป๋พยักหน้า หรี่ตากล่าวว่า “ไม่ผิด จื่อเฟย บัดนี้สถานการณ์ของราชธานีมิชัดเจน แม้หอไผ่เขียวจะส่งข่าวมาตลอด แต่ข้าก็รับประกันมิได้ว่าหอไผ่เขียวจะไม่มีคนคอยสอดส่อง ดังนั้นหากข้าพาพวกเจ้าไปด้วย เกิดสถานการณ์ไม่สู้ดี ข้าตัวคนเดียวยังพอจะหนีออกมาได้ แต่ถ้าพาพวกเจ้าไปด้วย เกรงว่าคงต้องถูกจับแต่โดยดีแล้ว”

แม้คำพูดนี้จะพูดอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ แต่โจวอวี่ก็รู้ดีว่าใต้เท้าพูดถูก ในกลุ่มพวกเขานอกจากเป๋าเป่าและคนของสำนักหอซ่อนกระบี่ไม่กี่คน นอกนั้นไม่มีใครมีฝีมือสูงพอจะช่วยใต้เท้าของตนได้เลย

ตาเจ้าชู้ของโจวอวี่ฉายแววหม่นมัว จากนั้นพลันเผยรอยยิ้มอย่างสงบ “ใต้เท้า ท่านโปรดวางใจเถิด ข้าน้อยจะกำชับพี่น้องในกองคั่นเฟิงเองและจะให้พวกเขาหมั่นฝึกซ้อมต่อไป จะไม่เพิ่มความยุ่งยากให้กับท่านแน่”

ในเวลาเช่นนี้ คนของกองคั่นเฟิงยังคงมิได้ตระหนักเป็นการชั่วคราวว่า พวกเขากับใต้เท้าจะเผชิญกับสถานการณ์เลวร้ายเพียงใด พวกเขาเพียงเห็นว่าใต้เท้าของตนถูกปรักปรำ และคงล้างมลทินได้ในเร็ววัน

แต่วันใดที่รู้ว่าใต้เท้าเผชิญกับสถานการณ์ที่ล่อแหลม เขาก็ยังไม่กล้าเชื่อว่าเจ้าพวกที่เดิมทียังสบถสาบานว่าจะทวงความยุติธรรมให้ใต้เท้าจะพลิกกลับมาเป็นผู้เปิดโปงชิวเยี่ยไป๋หรือไม่

ถึงอย่างไร ความหวังสูงสุดของพวกเขาที่ยอมติดตามชิวเยี่ยไป๋ ก็เพราะหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้ดิบได้ดี

และบัดนี้ชิวเยี่ยไป๋กลายเป็นนักโทษแผ่นดิน ขืนติดตามคนมีอาญาติดตัวต่อไปก็มีโอกาสกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ผู้ต้องหาสมรู้ร่วมคิดคนหนึ่ง ไม่ติดคุกก็ไม่เลวแล้ว สำมะหาอะไรกับได้ดิบได้ดี!

ชิวเยี่ยไป๋ย่อมเข้าใจคำพูดของโจวอวี่ นางยืนเอามือไพล่พลังพลันกล่าวเนือยๆ ว่า “จื่อเฟย ขอบใจนะ แล้วเจ้าเล่า เจ้ามีเหตุผลมากที่สุดในกลุ่มพวกเขาที่จะขายข้า มิใช่หรือ”

โจวอวี่แลดูเงาหลังอ้อนแอ้น พลันส่ายศีรษะหัวร่อเบาๆ “นั่นนะสิ ความตั้งใจของข้าน้อยคือกลับเนื้อกลับตัว สร้างบารมีชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลอีกครั้ง ถ้าข้าน้อยขายใต้เท้าย่อมได้เลื่อนตำแหน่ง ทำให้ความหวังของตนเองเป็นจริง เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าน้อยย่อมอาจขายใต้เท้าได้ น่าเสียดาย…”

“น่าเสียดายอะไร” ชิวเยี่ยไป๋ถาม

โจวอวี่ถอนใจเบาๆ คราหนึ่ง “น่าเสียดายที่ต่อให้ขายใต้เท้าแลกกับตำแหน่งขุนนาง ชื่อเสียงของข้าน้อยคงลิขิตไว้ให้ผูกพันกับการทรยศหักหลังและปรักปรำใส่ไคล้ตลอดไป ก่อนหน้านี้ข้าน้อยเหลวไหลอยู่บ้าง ยังพอจะพูดได้ว่าอายุน้อยมิรู้ความ แต่หากแบกชื่อเสียงคนทรยศ ชีวิตนี้ข้าน้อยคงหมดโอกาสล้างมลทินแน่ ข้าน้อยมิใช่คิดเผื่อใต้เท้า ก็แค่คิดเผื่อตนเองเท่านั้นเอง”

แม้จื่อเฟยจะพูดเหมือนเห็นแก่ผลประโยชน์ตนเองถึงเพียงนี้ แต่นางกลับรู้ดีว่า เขาเพียงไม่ต้องการให้นางรู้สึกผิดและกังวลเท่านั้น

ดวงตาเจ้าชู้ของโจวอวี่โค้งเป็นองศาเจ้าเล่ห์ที่งดงาม “ใต้เท้า ไม่ต้องขอบใจข้าน้อย วันหน้าเมื่อท่านขึ้นดำรงตำแหน่งข้าหลวงใหญ่ มั่งมีศรีศักดิ์แล้วอย่าลืมกันก็พอ”

ชิวเยี่ยไป๋ก็โค้งริมฝีปาก ทั้งสองต่างมองหน้าแล้วหัวร่อพร้อมกัน ทุกอย่างอยู่ในความเงียบไร้จำนรรจา

ธงงามโบกสะบัด อาคันตุกะมาเหมือนเมฆ

ยามดึกที่ห้ามออกจากเคหายามวิกาล หอไผ่เขียวยังคงสว่างไสวด้วยแสงไฟ เสียงดีดสีตีเป่าไม่ขาดหู

“วันนี้นายท่านจะค้างกับเทียนฉีไหมขอรับ” เด็กรับใช้คนหนึ่งกำลังหิ้วน้ำชาจะขึ้นหอหมากรุก บังเอิญเด็กรับใช้ตัวเตี้ยอีกคนกำลังยกอ่างใบหนึ่งลงมา จึงนึกขึ้นได้ว่าหลี่หมัวมัวสั่งให้เขาตามดูตอนส่งน้ำชา

แขกทุกคนที่จะค้างคืนต้องลงบันทึก เงินค่าค้างคืนย่อมแตกต่างกันเป็นธรรมดา และพวกเขายังต้องคุ้มกันความปลอดภัยของบรรดาคุณชายด้วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 285 อาคันตุกะเหมือนมากับเมฆ

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 285 อาคันตุกะเหมือนมากับเมฆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แคว้นอวิ๋นจง คลองขุดใหญ่

สายน้ำ ซ่าๆ เชี่ยวกรากยามราตรี ม้วนสู่ความมืดมิดข้างหน้า

เหมือนกับอนาคตและโชคชะตาของนางและกองคั่นเฟิง มืดมิดจนไม่เห็นแสงสว่างใดๆ แม้แต่น้อยนิด

ชิวเยี่ยไป๋ในเสื้อคลุมสีดำยืนเงียบๆ ที่หัวเรือ ปล่อยให้ลมที่เย็นเหมือนน้ำแข็งพัดผ่านสองแก้ม เพ่งไปเบื้องหน้าอย่างจดจ่อ ราวกับจะสามารถเสาะหาแสงเทียนริบหรี่ได้บ้างท่ามกลางหมอกทึบและม่านราตรี

“ใต้เท้า” โจวอวี่มองดูเงาหลังของนาง เรียกเบาๆ อย่างรู้สึกกังวล

หลายวันก่อน พวกเขาเพิ่งได้ข่าวลับ ราชสำนักออกประกาศจับทั่วแผ่นดิน ในหนังสือราชการนี้แจ้งว่าใต้เท้าเป็นถึงขุนนางที่รู้กฎหมายแล้วยังละเมิดกฎหมาย มีความผิดมหันต์ที่ไม่อาจให้อภัยได้ เนื่องจากเป็นความผิดร้ายแรง ในประกาศจับจึงมีคำสั่งตามมาด้วย…จับตาย ข้าราชการท้องที่ใดก็ตาม หากพบร่องรอยของใต้เท้าแล้วให้ฆ่าได้เลย

เรื่องนี้บีบให้พวกเขาต้องนำคนของกองคั่นเฟิงกลับราชธานีก่อนกำหนดหลายวัน ทุกคนล้วนวิตกกังวลแทนใต้เท้า

ชิวเยี่ยไป๋ตอบ “อืม” อย่างเฉยเมย “ไม่ต้องกังวล ข้าย่อมไม่เป็นอะไร ประกาศจับทั่วแผ่นดินก็ดี คำสั่งจับตายก็ดี ใต้ฟ้าจะมีใครขวางข้าได้ทุกทางเล่า”

แม้นางจะไม่หวั่นเกรงการคุกคามนี้ แต่จะว่าไปแล้ว มิรู้เพราะเหตุใดนางจึงรู้สึกว่าเรื่องนี้มีความนัย โดยเฉพาะไป๋หลี่ชูถึงกับยอมปล่อยให้มีประกาศจับและคำสั่งฆ่านั้นหลุดออกมา

เขาคิดอย่างไรกันแน่

บัดนี้จักรพรรดิไม่ใส่พระทัยราชกิจ อำนาจการตัดสินนโยบายใดๆ ของอาณาจักรล้วนอยู่ในมือของพระพันปีและไป๋หลี่ชู

แม้พระพันปีจะมีอำนาจไม่น้อย แต่อำนาจของนางอย่างมากก็ได้แต่นำไปปฏิบัติโดยผ่านพวกมือเท้าตระกูลตู้และตระกูลเหมย

แม้นางจะดูเหมือนทรงอำนาจที่สุดในวังหลัง โดยนามแล้วสามารถฟังข้อราชการหลังม่านได้ แต่ไม่มีอำนาจสั่งการโดยตรงอย่างเปิดเผย

ผู้สำเร็จราชการตัวจริงคือ ‘องค์หญิง’ เซ่อกั๋ว คำสั่งราชการหรือคำสั่งใดๆ ต้องได้รับการอนุมัติด้วยหมึกแดงในมือเขาจึงจะลงตราราชลัญจกรของจักรพรรดิได้

นางไม่เข้าใจว่าไป๋หลี่ชูจะทำเหมือนที่พูดไว้แต่แรกว่าจะเป็นผู้ชมดูจนถึงที่สุด หรือว่ายังมีแผนอื่น

สำหรับไป๋หลี่ชูแล้วตนเองยังมีคุณประโยชน์ให้เขาใช้สอย เขาจะมิรู้ได้อย่างไรว่าหมายจับทั่วแผ่นดินนี้แทบจะสะบั้นทางถอยตามแผนเดิมของนาง

ชิวเยี่ยไป๋หรี่ตาแล้วช้อนมองฟากฟ้าอันมืดมิดด้วยแววเย็นเยียบ

ไม่ว่าไป๋หลี่ชูจะยกเลิกกลางคันในการเป็นผู้ชมจนถึงที่สุดก็ดี หรือจะมีแผนอื่นก็ดี ในเมื่อนางตัดสินใจจะเข้าชิงความเป็นใหญ่ในแวดวงอำนาจคาวเลือดนี้แล้ว ย่อมปล่อยให้ใครคอยจัดแจงมิได้!

“ใต้เท้า อีกหนึ่งชั่วยามพวกเราจะเข้าสู่ไหวหนานแล้ว” โจวอวี่พลันกล่าวเบาๆ เบื้องหลังนาง

ชิวเยี่ยไป๋พยักหน้าอย่างเฉยเมย “อีกสักครู่แจ้งต่อทุกคน ทำตามแผนเดิมทุกประการ แยกย้ายกันขึ้นฝั่งสองแคว้นหนึ่งอำเภอของไหวหนาน แล้วเปลี่ยนเป็นเดินทางทางบกหรือไม่ก็เปลี่ยนเรือใหม่ สุดท้ายไปสมทบกันที่อำเภออวิ๋นกับอำเภอถิง

อำเภออวิ๋นกับอำเภอถิงล้วนเป็นเมืองเล็กๆ ระดับอำเภอที่อยู่ใกล้กับเส้นทางขึ้นราชธานีซึ่งพัฒนามาจากหมู่บ้านเล็กๆ เป็นจุดแวะพักของค่ายใหญ่ประจำราชธานี ห่างจากราชธานีในระยะเดินเท้าครึ่งวัน

เมื่อเกิดเหตุหลังนางส่งสัญญาณแล้ว คนของกองคั่นเฟิงจะได้ตอบสนองอย่างรวดเร็วที่สุด

และสองอำเภอนี้เป็นจุดตั้งพักของค่ายใหญ่ ซึ่งทุกคนย่อมคิดว่าเป็นจุดที่ปลอดภัยที่สุด การตรวจค้นจึงกลับมิได้เข้มงวดเหมือนที่อื่น อยู่ในสภาพเข้มนอกหย่อนใน

โจวอวี่ผงกศรีษะ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “ใต้เท้าเลือกสองอำเภอนี้เป็นจุดพักชั่วคราวของกองคั่นเฟิง ทำให้พวกเราไปราชธานีสะดวกก็จริงอยู่ แต่ตัวท่านเองเล่า ท่านจะขึ้นราชธานีตามลำพังหรือ”

ชิวเยี่ยไป๋พยักหน้า หรี่ตากล่าวว่า “ไม่ผิด จื่อเฟย บัดนี้สถานการณ์ของราชธานีมิชัดเจน แม้หอไผ่เขียวจะส่งข่าวมาตลอด แต่ข้าก็รับประกันมิได้ว่าหอไผ่เขียวจะไม่มีคนคอยสอดส่อง ดังนั้นหากข้าพาพวกเจ้าไปด้วย เกิดสถานการณ์ไม่สู้ดี ข้าตัวคนเดียวยังพอจะหนีออกมาได้ แต่ถ้าพาพวกเจ้าไปด้วย เกรงว่าคงต้องถูกจับแต่โดยดีแล้ว”

แม้คำพูดนี้จะพูดอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ แต่โจวอวี่ก็รู้ดีว่าใต้เท้าพูดถูก ในกลุ่มพวกเขานอกจากเป๋าเป่าและคนของสำนักหอซ่อนกระบี่ไม่กี่คน นอกนั้นไม่มีใครมีฝีมือสูงพอจะช่วยใต้เท้าของตนได้เลย

ตาเจ้าชู้ของโจวอวี่ฉายแววหม่นมัว จากนั้นพลันเผยรอยยิ้มอย่างสงบ “ใต้เท้า ท่านโปรดวางใจเถิด ข้าน้อยจะกำชับพี่น้องในกองคั่นเฟิงเองและจะให้พวกเขาหมั่นฝึกซ้อมต่อไป จะไม่เพิ่มความยุ่งยากให้กับท่านแน่”

ในเวลาเช่นนี้ คนของกองคั่นเฟิงยังคงมิได้ตระหนักเป็นการชั่วคราวว่า พวกเขากับใต้เท้าจะเผชิญกับสถานการณ์เลวร้ายเพียงใด พวกเขาเพียงเห็นว่าใต้เท้าของตนถูกปรักปรำ และคงล้างมลทินได้ในเร็ววัน

แต่วันใดที่รู้ว่าใต้เท้าเผชิญกับสถานการณ์ที่ล่อแหลม เขาก็ยังไม่กล้าเชื่อว่าเจ้าพวกที่เดิมทียังสบถสาบานว่าจะทวงความยุติธรรมให้ใต้เท้าจะพลิกกลับมาเป็นผู้เปิดโปงชิวเยี่ยไป๋หรือไม่

ถึงอย่างไร ความหวังสูงสุดของพวกเขาที่ยอมติดตามชิวเยี่ยไป๋ ก็เพราะหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้ดิบได้ดี

และบัดนี้ชิวเยี่ยไป๋กลายเป็นนักโทษแผ่นดิน ขืนติดตามคนมีอาญาติดตัวต่อไปก็มีโอกาสกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ผู้ต้องหาสมรู้ร่วมคิดคนหนึ่ง ไม่ติดคุกก็ไม่เลวแล้ว สำมะหาอะไรกับได้ดิบได้ดี!

ชิวเยี่ยไป๋ย่อมเข้าใจคำพูดของโจวอวี่ นางยืนเอามือไพล่พลังพลันกล่าวเนือยๆ ว่า “จื่อเฟย ขอบใจนะ แล้วเจ้าเล่า เจ้ามีเหตุผลมากที่สุดในกลุ่มพวกเขาที่จะขายข้า มิใช่หรือ”

โจวอวี่แลดูเงาหลังอ้อนแอ้น พลันส่ายศีรษะหัวร่อเบาๆ “นั่นนะสิ ความตั้งใจของข้าน้อยคือกลับเนื้อกลับตัว สร้างบารมีชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลอีกครั้ง ถ้าข้าน้อยขายใต้เท้าย่อมได้เลื่อนตำแหน่ง ทำให้ความหวังของตนเองเป็นจริง เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าน้อยย่อมอาจขายใต้เท้าได้ น่าเสียดาย…”

“น่าเสียดายอะไร” ชิวเยี่ยไป๋ถาม

โจวอวี่ถอนใจเบาๆ คราหนึ่ง “น่าเสียดายที่ต่อให้ขายใต้เท้าแลกกับตำแหน่งขุนนาง ชื่อเสียงของข้าน้อยคงลิขิตไว้ให้ผูกพันกับการทรยศหักหลังและปรักปรำใส่ไคล้ตลอดไป ก่อนหน้านี้ข้าน้อยเหลวไหลอยู่บ้าง ยังพอจะพูดได้ว่าอายุน้อยมิรู้ความ แต่หากแบกชื่อเสียงคนทรยศ ชีวิตนี้ข้าน้อยคงหมดโอกาสล้างมลทินแน่ ข้าน้อยมิใช่คิดเผื่อใต้เท้า ก็แค่คิดเผื่อตนเองเท่านั้นเอง”

แม้จื่อเฟยจะพูดเหมือนเห็นแก่ผลประโยชน์ตนเองถึงเพียงนี้ แต่นางกลับรู้ดีว่า เขาเพียงไม่ต้องการให้นางรู้สึกผิดและกังวลเท่านั้น

ดวงตาเจ้าชู้ของโจวอวี่โค้งเป็นองศาเจ้าเล่ห์ที่งดงาม “ใต้เท้า ไม่ต้องขอบใจข้าน้อย วันหน้าเมื่อท่านขึ้นดำรงตำแหน่งข้าหลวงใหญ่ มั่งมีศรีศักดิ์แล้วอย่าลืมกันก็พอ”

ชิวเยี่ยไป๋ก็โค้งริมฝีปาก ทั้งสองต่างมองหน้าแล้วหัวร่อพร้อมกัน ทุกอย่างอยู่ในความเงียบไร้จำนรรจา

ธงงามโบกสะบัด อาคันตุกะมาเหมือนเมฆ

ยามดึกที่ห้ามออกจากเคหายามวิกาล หอไผ่เขียวยังคงสว่างไสวด้วยแสงไฟ เสียงดีดสีตีเป่าไม่ขาดหู

“วันนี้นายท่านจะค้างกับเทียนฉีไหมขอรับ” เด็กรับใช้คนหนึ่งกำลังหิ้วน้ำชาจะขึ้นหอหมากรุก บังเอิญเด็กรับใช้ตัวเตี้ยอีกคนกำลังยกอ่างใบหนึ่งลงมา จึงนึกขึ้นได้ว่าหลี่หมัวมัวสั่งให้เขาตามดูตอนส่งน้ำชา

แขกทุกคนที่จะค้างคืนต้องลงบันทึก เงินค่าค้างคืนย่อมแตกต่างกันเป็นธรรมดา และพวกเขายังต้องคุ้มกันความปลอดภัยของบรรดาคุณชายด้วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+