ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 276 ประกาศจับชิว (1)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 276 ประกาศจับชิว (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บรรดาคนของเจินเหยียนกงหน้าซีดในพริบตา เช่นนั้นคงไม่รอดแน่ เช่นนั้นย่อมตายเสียดีกว่ามีชีวิตอยู่!

“ถ้าเจ้าฆ่าราชครู พวกเราจะสับเจ้าให้เป็นหมื่นชิ้น” สตรีผู้นั้นขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตวาด

ชิวเยี่ยไป๋กลับเลิกคิ้ว มิอาทรแม้แต่น้อย “ข้าลงมือดาบเดียวก็ตายแล้ว แต่พวกเจ้ายังไม่แน่ว่าจะฆ่าข้าได้!”

ว่าแล้วนางพลันชักกระบี่ที่พาดคอของหยวนเจ๋อแล้วตวัดใส่กำแพงหินข้างๆ หลังเสียงดังทึบๆ อย่างพิกล กำแพงทั้งผืนถึงกับทลายลงในพริบตา

คนของเจินเหยียนกงมองหน้ากัน มองดูดาบในมือของตนเองแล้วมองดูกระบี่ของชิวเยี่ยไป๋ที่กลับไปพาดคอของราชครูเหมือนเดิม พริบตานั้นพวกเขาจมอยู่ในการกระเสือกกระสนทางจิตใจอย่างเจ็บปวด

พวกเขาเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่ทนโท่ เป็นผู้ล่านี่นา ทำไมผลสุดท้ายจึงกลายเป็นถูกคนที่ตกเป็นเป้าหมายข่มขู่เอา!

“ราชครู!” สตรีผู้นั้นอดหันไปมองหยวนเจ๋อมิได้ “ท่าน…”

เป็นไปไม่ได้ที่ราชครูจะถูกชิวเยี่ยไป๋ข่มขู่ ทำไมเขาจึงไม่ลงมือ

แต่นางก็รู้ฐานะของตนและไม่กล้าพูดมาก ได้แต่หุบปากลงอย่างเคียดแค้น

หยวนเจ๋อกลับไม่สนใจนาง และดูเหมือนจะไม่เห็นกระบี่ที่พาดคอตนเองด้วยซ้ำ เพียงแลดูชิวเยี่ยไป๋แล้วถอนใจเบาๆ “ประสกเสี่ยวไป๋ ทำไมท่านรู้”

ชิวเยี่ยไป๋เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง เห็นเขายังคงสงบนิ่งไม่หวั่นกับคลื่นลม จึงกล่าวอย่างถากถางว่า “อาเจ๋อ เจ้าไม่เหมาะกับการพูดปดจริงๆ”

ว่าแล้วนางเชิดคางเป็นทีให้หยวนเจ๋อมองดูถุงของกินที่ตกอยู่บนนั้น “สำหรับเจ้าแล้ว สามารถอดใจตลอดทางไม่แตะอาหารเลยนับเป็นเรื่องแปลกมาก และนั่นมีคำอธิบายอยู่อย่างเดียวคือของพวกนั้นไม่อร่อย จนคนและเทพยดายังชัง หรือไม่ก็เพราะเจ้าพบเรื่องที่ทั้งคนและเทพยดายังโมโห…ตัวอย่างเช่น ของกินทุกอย่างมีพิษร้าย”

ตอนแรกตาเฒ่าที่ขายขนมน้ำเต้าทำด้วยน้ำตาลให้นางมาสองพวง และหยวนเจ๋อไม่กินแม้แต่ชิ้นเดียว นางก็รู้สึกไม่ถูกต้องแล้ว แม้ตลอดทางคนของเจินเหยียนกงจะอำพรางตัวอย่างเป็นธรรมชาติก็ตาม

แต่สุดท้ายเขากลับละทิ้งการเข้าไปกินในเหลาสุราและลากนางไปกินแผงข้างถนน นางก็แน่ใจว่ามีปัญหาแน่

เรื่องที่สามารถทำให้คนตะกละอย่างหยวนเจ๋อละทิ้งของกิน ดูอย่างไรก็เป็นลางบอกเหตุ

และหนึ่งเดียวที่ทำให้หยวนเจ๋อมีปฏิกิริยาเช่นนี้ได้ นางคิดว่าคงมีแต่เจินเหยียนกงแล้ว

ถึงอย่างไรหยวนเจ๋อก็เคยบอกไว้ เขาสามารถได้กลิ่นบนตัวของคนเจินเหยียนกง

“คิดแล้ว แปดเก้าในสิบส่วนเจ้าคงได้กลิ่นหอมศพที่คุ้นเคยกระมัง” ชิวเยี่ยไป๋หัวร่อ

หยวนเจ๋อฟังแล้วเงียบไปครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ขออภัย”

ชิวเยี่ยไป๋กล่าวเนือยๆ “นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า”

ใบหน้าที่จัดว่างดงามของสตรีผู้นั้นฉายแววโกรธแค้นแวบหนึ่งอย่างอดมิได้ “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าไม่เกี่ยวอะไรกับราชครู และราชครูเคยพิทักษ์เจ้ามาตลอด แล้วทำไมเจ้าถึงยังควบคุมตัวราชครู!”

ชิวเยี่ยไป๋แลดูนาง เลิกคิ้วกล่าวว่า “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกัน พวกเจ้าจะให้ข้าเป็นคนแสนดีหรือวิญญูชนกระนั้นหรือ”

พูดจบนางก็กล่าวต่ออย่างรำคาญ “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดไร้สาระ พวกเจ้าจะไปตายหรือยัง ถ้าพวกเจ้าไม่ไปตาย ข้าคงต้องให้ราชครูตายก่อนแล้ว!”

เห็นท่าทางเหิมเกริมของชิวเยี่ยไป๋ คนของเจินเหยียนกงพากันเหลือบดูท่านราชครูที่พวกตนเคารพนับถือซึ่งยังคงมีท่าทางไร้ความรู้สึกเช่นเดิม พวกเขาพลันรู้สึกสิ้นหวัง

สตรีที่เป็นหัวหน้ายิ่งโกรธจนตัวสั่น ใบหน้างดงามบิดเบี้ยว ทำไมถึงมีคนไร้ยางอายเช่นนี้!”

แต่นางก็อับจนปัญญาโดยเฉพาะหลังอีกฝ่ายแสดงฝีมือทลายกำแพง พวกเขาจำต้องยอมรับว่าไม่มั่นใจจะฆ่าเขาได้!

แต่หากราชครูเกิดเรื่อง พวกเขาก็ไม่รอดแน่

ในที่สุดหยวนเจ๋อออกปากอีกครั้ง แต่มิใช่พูดกับชิวเยี่ยไป๋ หากพูดกับพวกเขา “พวกเจ้าถอยไปให้พ้นห้าสิบจั้งเดี๋ยวนี้”

บรรดาคนของเจินเหยียนกง มองหน้ากันเลิ่กลั่ก “ราชครู”

แต่สตรีที่เป็นหัวหน้าดูเหมือนจะไม่โง่ เพียงประนมมือค้อมคารวะ “น้อมรับบัญชาเทวะ”

จากนั้นสตรีผู้นั้นก็พาลูกน้องถอยออกไปช้าๆ

หยวนเจ๋อเหมือนไม่เห็นกระบี่ที่พาดอยู่คอตนเอง มองดูชิวเยี่ยไป๋แล้วกล่าวอย่างนุ่มนวล “ประสกเสี่ยวไป๋ เรากลับกันเถอะ อาตมาง่วงแล้ว”

ชิวเยี่ยไป๋แลดูหยวนเจ๋อ เห็นเขาสีหน้าสงบนุ่มนวล ดวงตาสีเทาเงินมิมีแววขัดขืนแม้แต่น้อย ครู่หนึ่งนางจึงถอนใจเบาๆ พยักหน้าแล้วดึงกระบี่กลับ

หยวนเจ๋อเอื้อมมือจับชายเสื้อนางไว้ ทั้งสองเดินไปทางท่าเรือช้าๆ ตลอดทางมิได้พูดจา

สตรีที่เป็นหัวหน้ามองดูมือของหยวนเจ๋อที่จับชายเสื้อของชิวเยี่ยไป๋ และทั้งสองคนเดินเคียงไหล่กันอย่างเป็นธรรมชาติไม่รีบร้อน เหมือนผู้ข่มขู่เดินคู่กับตัวประกันเสียที่ไหน ดวงตาที่ฉายแววตระหนกสงสัยกลายเป็นหนักอึ้งและอิจฉา นางกำดาบในแขนเสื้อแน่น

ตลอดทางแม้จะมีพวกกระเหี้ยนกระหือรืออยู่บ้าง แต่หยวนเจ๋อเหมือนมีตางอกอยู่หลังศีรษะ จึงกวาดตามองไปอย่างเย็นชา ทำเอาพวกที่คิดจะลอบจู่โจมชิวเยี่ยไป๋หยุดลงในพริบตา

ทุกครั้งที่หยวนเจ๋อแสดงอาการปกป้อง แววตาของสตรีที่เป็นหัวหน้าก็เย็นลงอีกส่วน สายตาที่เหมือนคมดาบแค้นนักที่มิอาจสับชิวเยี่ยไป๋ให้เป็นหมื่นชิ้น

สองคนเดินถึงข้างท่าเรือหยวนเจ๋อปล่อยมือจากแขนเสื้อของนางกล่าวว่าอย่างนุ่มนวลว่า “ดึกแล้ว ประสกเสี่ยวไป๋ ท่านควรกลับไปแล้ว”

ชิวเยี่ยไป๋แลดูเขา สีหน้าสับสนอยู่บ้าง “เจ้าจะกลับไปกับพวกเขาหรือ”

หยวนเจ๋อผงกศีรษะ “ใช่”

ชิวเยี่ยไป๋จ้องเขาครู่หนึ่ง “เจ้าโปรดถนอมตัว วันหน้าหากได้พบกันอีกค่อยเลี้ยงเจ้ากิน…”

นางลังเล แล้วถอนใจคราหนึ่ง “เลี้ยงเจ้ากินซาลาเปาของข้า”

หยวนเจ๋อแลดูนาง ตาสีเทาเงินภายใต้แสงจันทร์นุ่มนวลเป็นพิเศษอย่างเห็นได้ชัด “อมิตาภพุทธ อาตมาจำไว้แล้ว”

ชิวเยี่ยไป๋เงียบไปครู่หนึ่ง คิดไปคิดมายังคงกล่าวว่า “เจ้า…”

นางกำลังจะพูด กลับเห็นสตรีผู้นั้นจู่ๆ ก็เดินมาตามลำพัง เอื้อมมือประคองแขนหยวนเจ๋อ อิงแอบข้างกายหยวนเจ๋อ กล่าวเสียงอ่อนหวานว่า “ราชครู ท่านควรกลับไปกับเสวี่ยหนูได้แล้ว ท่านตรากตรำมาตลอดทาง เสวี่ยหนูเตรียมสุราอาหารชั้นเลิศ และห้องพักไว้แล้วการจัดแจงและรสชาติเหมือนในวัดที่ท่านชมชอบทุกประการ”

ชิวเยี่ยไป๋แลดูอากัปกริยาของเสวี่ยหนู ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย แววตาเป็นประกายไฟเย็นเยียบแวบหนึ่ง

“อาเจ๋อ เจ้าอยู่เจินเหยียนกงช่างเลือกจู้จี้ขนาดนี้เชียวหรือ ข้าไม่ยักรู้”

เสวี่ยหนูแค่นหัวร่อ “อยู่กับคนประเภทต่ำทรามเช่นเจ้า ราชครูย่อมฝืนทนเป็นธรรมดา”

ชิวเยี่ยไป๋ยิ้มไม่พูด ส่วนหยวนเจ๋อมองเสวี่ยหนูแวบหนึ่ง กล่าวเรียบๆ ว่า “ข้าเคยชอบอะไรเป็นพิเศษที่ไหนกัน ของที่ไม่ว่าจะจัดเตรียมอย่างใส่ใจเพียงไร สุดท้ายแล้วก็แค่กินกับนอนเท่านั้น”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 276 ประกาศจับชิว (1)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 276 ประกาศจับชิว (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บรรดาคนของเจินเหยียนกงหน้าซีดในพริบตา เช่นนั้นคงไม่รอดแน่ เช่นนั้นย่อมตายเสียดีกว่ามีชีวิตอยู่!

“ถ้าเจ้าฆ่าราชครู พวกเราจะสับเจ้าให้เป็นหมื่นชิ้น” สตรีผู้นั้นขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตวาด

ชิวเยี่ยไป๋กลับเลิกคิ้ว มิอาทรแม้แต่น้อย “ข้าลงมือดาบเดียวก็ตายแล้ว แต่พวกเจ้ายังไม่แน่ว่าจะฆ่าข้าได้!”

ว่าแล้วนางพลันชักกระบี่ที่พาดคอของหยวนเจ๋อแล้วตวัดใส่กำแพงหินข้างๆ หลังเสียงดังทึบๆ อย่างพิกล กำแพงทั้งผืนถึงกับทลายลงในพริบตา

คนของเจินเหยียนกงมองหน้ากัน มองดูดาบในมือของตนเองแล้วมองดูกระบี่ของชิวเยี่ยไป๋ที่กลับไปพาดคอของราชครูเหมือนเดิม พริบตานั้นพวกเขาจมอยู่ในการกระเสือกกระสนทางจิตใจอย่างเจ็บปวด

พวกเขาเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่ทนโท่ เป็นผู้ล่านี่นา ทำไมผลสุดท้ายจึงกลายเป็นถูกคนที่ตกเป็นเป้าหมายข่มขู่เอา!

“ราชครู!” สตรีผู้นั้นอดหันไปมองหยวนเจ๋อมิได้ “ท่าน…”

เป็นไปไม่ได้ที่ราชครูจะถูกชิวเยี่ยไป๋ข่มขู่ ทำไมเขาจึงไม่ลงมือ

แต่นางก็รู้ฐานะของตนและไม่กล้าพูดมาก ได้แต่หุบปากลงอย่างเคียดแค้น

หยวนเจ๋อกลับไม่สนใจนาง และดูเหมือนจะไม่เห็นกระบี่ที่พาดคอตนเองด้วยซ้ำ เพียงแลดูชิวเยี่ยไป๋แล้วถอนใจเบาๆ “ประสกเสี่ยวไป๋ ทำไมท่านรู้”

ชิวเยี่ยไป๋เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง เห็นเขายังคงสงบนิ่งไม่หวั่นกับคลื่นลม จึงกล่าวอย่างถากถางว่า “อาเจ๋อ เจ้าไม่เหมาะกับการพูดปดจริงๆ”

ว่าแล้วนางเชิดคางเป็นทีให้หยวนเจ๋อมองดูถุงของกินที่ตกอยู่บนนั้น “สำหรับเจ้าแล้ว สามารถอดใจตลอดทางไม่แตะอาหารเลยนับเป็นเรื่องแปลกมาก และนั่นมีคำอธิบายอยู่อย่างเดียวคือของพวกนั้นไม่อร่อย จนคนและเทพยดายังชัง หรือไม่ก็เพราะเจ้าพบเรื่องที่ทั้งคนและเทพยดายังโมโห…ตัวอย่างเช่น ของกินทุกอย่างมีพิษร้าย”

ตอนแรกตาเฒ่าที่ขายขนมน้ำเต้าทำด้วยน้ำตาลให้นางมาสองพวง และหยวนเจ๋อไม่กินแม้แต่ชิ้นเดียว นางก็รู้สึกไม่ถูกต้องแล้ว แม้ตลอดทางคนของเจินเหยียนกงจะอำพรางตัวอย่างเป็นธรรมชาติก็ตาม

แต่สุดท้ายเขากลับละทิ้งการเข้าไปกินในเหลาสุราและลากนางไปกินแผงข้างถนน นางก็แน่ใจว่ามีปัญหาแน่

เรื่องที่สามารถทำให้คนตะกละอย่างหยวนเจ๋อละทิ้งของกิน ดูอย่างไรก็เป็นลางบอกเหตุ

และหนึ่งเดียวที่ทำให้หยวนเจ๋อมีปฏิกิริยาเช่นนี้ได้ นางคิดว่าคงมีแต่เจินเหยียนกงแล้ว

ถึงอย่างไรหยวนเจ๋อก็เคยบอกไว้ เขาสามารถได้กลิ่นบนตัวของคนเจินเหยียนกง

“คิดแล้ว แปดเก้าในสิบส่วนเจ้าคงได้กลิ่นหอมศพที่คุ้นเคยกระมัง” ชิวเยี่ยไป๋หัวร่อ

หยวนเจ๋อฟังแล้วเงียบไปครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ขออภัย”

ชิวเยี่ยไป๋กล่าวเนือยๆ “นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า”

ใบหน้าที่จัดว่างดงามของสตรีผู้นั้นฉายแววโกรธแค้นแวบหนึ่งอย่างอดมิได้ “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าไม่เกี่ยวอะไรกับราชครู และราชครูเคยพิทักษ์เจ้ามาตลอด แล้วทำไมเจ้าถึงยังควบคุมตัวราชครู!”

ชิวเยี่ยไป๋แลดูนาง เลิกคิ้วกล่าวว่า “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกัน พวกเจ้าจะให้ข้าเป็นคนแสนดีหรือวิญญูชนกระนั้นหรือ”

พูดจบนางก็กล่าวต่ออย่างรำคาญ “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดไร้สาระ พวกเจ้าจะไปตายหรือยัง ถ้าพวกเจ้าไม่ไปตาย ข้าคงต้องให้ราชครูตายก่อนแล้ว!”

เห็นท่าทางเหิมเกริมของชิวเยี่ยไป๋ คนของเจินเหยียนกงพากันเหลือบดูท่านราชครูที่พวกตนเคารพนับถือซึ่งยังคงมีท่าทางไร้ความรู้สึกเช่นเดิม พวกเขาพลันรู้สึกสิ้นหวัง

สตรีที่เป็นหัวหน้ายิ่งโกรธจนตัวสั่น ใบหน้างดงามบิดเบี้ยว ทำไมถึงมีคนไร้ยางอายเช่นนี้!”

แต่นางก็อับจนปัญญาโดยเฉพาะหลังอีกฝ่ายแสดงฝีมือทลายกำแพง พวกเขาจำต้องยอมรับว่าไม่มั่นใจจะฆ่าเขาได้!

แต่หากราชครูเกิดเรื่อง พวกเขาก็ไม่รอดแน่

ในที่สุดหยวนเจ๋อออกปากอีกครั้ง แต่มิใช่พูดกับชิวเยี่ยไป๋ หากพูดกับพวกเขา “พวกเจ้าถอยไปให้พ้นห้าสิบจั้งเดี๋ยวนี้”

บรรดาคนของเจินเหยียนกง มองหน้ากันเลิ่กลั่ก “ราชครู”

แต่สตรีที่เป็นหัวหน้าดูเหมือนจะไม่โง่ เพียงประนมมือค้อมคารวะ “น้อมรับบัญชาเทวะ”

จากนั้นสตรีผู้นั้นก็พาลูกน้องถอยออกไปช้าๆ

หยวนเจ๋อเหมือนไม่เห็นกระบี่ที่พาดอยู่คอตนเอง มองดูชิวเยี่ยไป๋แล้วกล่าวอย่างนุ่มนวล “ประสกเสี่ยวไป๋ เรากลับกันเถอะ อาตมาง่วงแล้ว”

ชิวเยี่ยไป๋แลดูหยวนเจ๋อ เห็นเขาสีหน้าสงบนุ่มนวล ดวงตาสีเทาเงินมิมีแววขัดขืนแม้แต่น้อย ครู่หนึ่งนางจึงถอนใจเบาๆ พยักหน้าแล้วดึงกระบี่กลับ

หยวนเจ๋อเอื้อมมือจับชายเสื้อนางไว้ ทั้งสองเดินไปทางท่าเรือช้าๆ ตลอดทางมิได้พูดจา

สตรีที่เป็นหัวหน้ามองดูมือของหยวนเจ๋อที่จับชายเสื้อของชิวเยี่ยไป๋ และทั้งสองคนเดินเคียงไหล่กันอย่างเป็นธรรมชาติไม่รีบร้อน เหมือนผู้ข่มขู่เดินคู่กับตัวประกันเสียที่ไหน ดวงตาที่ฉายแววตระหนกสงสัยกลายเป็นหนักอึ้งและอิจฉา นางกำดาบในแขนเสื้อแน่น

ตลอดทางแม้จะมีพวกกระเหี้ยนกระหือรืออยู่บ้าง แต่หยวนเจ๋อเหมือนมีตางอกอยู่หลังศีรษะ จึงกวาดตามองไปอย่างเย็นชา ทำเอาพวกที่คิดจะลอบจู่โจมชิวเยี่ยไป๋หยุดลงในพริบตา

ทุกครั้งที่หยวนเจ๋อแสดงอาการปกป้อง แววตาของสตรีที่เป็นหัวหน้าก็เย็นลงอีกส่วน สายตาที่เหมือนคมดาบแค้นนักที่มิอาจสับชิวเยี่ยไป๋ให้เป็นหมื่นชิ้น

สองคนเดินถึงข้างท่าเรือหยวนเจ๋อปล่อยมือจากแขนเสื้อของนางกล่าวว่าอย่างนุ่มนวลว่า “ดึกแล้ว ประสกเสี่ยวไป๋ ท่านควรกลับไปแล้ว”

ชิวเยี่ยไป๋แลดูเขา สีหน้าสับสนอยู่บ้าง “เจ้าจะกลับไปกับพวกเขาหรือ”

หยวนเจ๋อผงกศีรษะ “ใช่”

ชิวเยี่ยไป๋จ้องเขาครู่หนึ่ง “เจ้าโปรดถนอมตัว วันหน้าหากได้พบกันอีกค่อยเลี้ยงเจ้ากิน…”

นางลังเล แล้วถอนใจคราหนึ่ง “เลี้ยงเจ้ากินซาลาเปาของข้า”

หยวนเจ๋อแลดูนาง ตาสีเทาเงินภายใต้แสงจันทร์นุ่มนวลเป็นพิเศษอย่างเห็นได้ชัด “อมิตาภพุทธ อาตมาจำไว้แล้ว”

ชิวเยี่ยไป๋เงียบไปครู่หนึ่ง คิดไปคิดมายังคงกล่าวว่า “เจ้า…”

นางกำลังจะพูด กลับเห็นสตรีผู้นั้นจู่ๆ ก็เดินมาตามลำพัง เอื้อมมือประคองแขนหยวนเจ๋อ อิงแอบข้างกายหยวนเจ๋อ กล่าวเสียงอ่อนหวานว่า “ราชครู ท่านควรกลับไปกับเสวี่ยหนูได้แล้ว ท่านตรากตรำมาตลอดทาง เสวี่ยหนูเตรียมสุราอาหารชั้นเลิศ และห้องพักไว้แล้วการจัดแจงและรสชาติเหมือนในวัดที่ท่านชมชอบทุกประการ”

ชิวเยี่ยไป๋แลดูอากัปกริยาของเสวี่ยหนู ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย แววตาเป็นประกายไฟเย็นเยียบแวบหนึ่ง

“อาเจ๋อ เจ้าอยู่เจินเหยียนกงช่างเลือกจู้จี้ขนาดนี้เชียวหรือ ข้าไม่ยักรู้”

เสวี่ยหนูแค่นหัวร่อ “อยู่กับคนประเภทต่ำทรามเช่นเจ้า ราชครูย่อมฝืนทนเป็นธรรมดา”

ชิวเยี่ยไป๋ยิ้มไม่พูด ส่วนหยวนเจ๋อมองเสวี่ยหนูแวบหนึ่ง กล่าวเรียบๆ ว่า “ข้าเคยชอบอะไรเป็นพิเศษที่ไหนกัน ของที่ไม่ว่าจะจัดเตรียมอย่างใส่ใจเพียงไร สุดท้ายแล้วก็แค่กินกับนอนเท่านั้น”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+