ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 261 พิษร้าย (2)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 261 พิษร้าย (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พูดจบ นางก็คร้านจะไยดีกับท่าทางเจ็บปวดระคนตกใจของมั่วเสียน จากนั้นกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ให้คนของเจ้ารีบพายเรือมานี่!”

 

 

มือธนูบนเรือเมื่อครู่เพียงทิ้งศรธนูในมือ แต่มิได้แล่นเรือเข้ามา

 

 

มั่วเสียนทั้งเจ็บทั้งกลัวไม่กล้าขัดความประสงค์ จึงให้สัญญาณขันทีน้อยข้างกายไปถ่ายทอดคำสั่งให้แล่นเรือเข้ามา

 

 

และเวลานี้เอง เป๋าเป่าก็สั่งให้เสี่ยวโหลวลงจากรถไปพาพวกหยิบหย่งกุมกระบี่คอยจับจ้องพวกมือธนู ป้องกันมิให้ก่อเหตุ จากนั้นก็เดินเข้ามา

 

 

เขาก้มลงมองดูศรบนไหล่ของหยวนเจ๋อ สีหน้าพลันหนักอึ้งแลดูชิวเยี่ยไป๋ “ลูกศรนี่มีความเป็นมา”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋พยักหน้า หรี่ตาจ้องลวดลายประณีตพิสดารที่หางศร “ข้าย่อมเข้าใจ โดยทั่วไปทางการไม่ทำศรชนิดนี้”

 

 

ตัวศรทำด้วยเหล็กกล้า ประณีตเรียวยาวคมกริบกว่าปกติ สามารถยิงเข้ากระดูกได้

 

 

เรียกกันว่าศรทะลวงกระดูก

 

 

ถ้าบนศรมีพิษร้าย…เวลานี้ยาพิษคงเข้าสู่กระดูกและเส้นประสาทแล้ว สุดจะเยียวยาได้

 

 

อาวุธชนิดนี้อำมหิตที่สุด

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เห็นสีหน้าของหยวนเจ๋อแม้จะสงบ แต่ถ้าสังเกตก็จะเห็นว่าหัวไหล่ของเขาสั่นระริก ริมฝีปากที่เดิมทีขาวซีดอยู่แล้วยามนี้ปราศจากสีเลือดแม้แต่น้อย พอเห็นนางเข้ามา มุมปากงดงามของเขาก็เผยรอยยิ้มบางๆ แสดงว่ามิเป็นไร

 

 

แต่เขาหารู้ไม่ว่าใบหน้าของตนขาวซีดจนเกือบโปร่งใส ขับกับรอยยิ้มนี้ช่างเศร้าหมองแลเปราะบาง ราวกับว่าเป็นผลึกแก้วที่พร้อมจะแตกได้ทุกเมื่อ

 

 

ที่ทำให้นางหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูกคือหยวนเจ๋อหลับตาลง ราวกับอยากหลับตาพักพิงกับร่างของโจวอวี่ นางพลันกล่าวเสียงเย็นชา “ถ้าไม่มีใครรู้ว่าเป็นผู้ใดลงมือ เช่นนั้นพวกเจ้าก็เตรียมตายที่นี่ ฝังเป็นเพื่อนเขา”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋พูดจบ ก็กุมกระบี่เดินไปในทิศของพวกมือธนูด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

 

 

บรรดามือธนูเห็นร่างอ้อนแอ้นที่เหมือนเทพแห่งความตายก้าวเข้าหาทีละก้าว ก็พากันถอยหลังอย่างหวาดกลัวโดยไม่รู้ตัว

 

 

บรรดาหยิบหย่งที่ถือกระบี่ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นเจ้านายของตนเข่นฆ่าเฉียบขาดจนแทบจะทารุณเหี้ยมเกรียม

 

 

“เป็นผู้ใด”

 

 

เสียงของนางทุ้มต่ำเย็นเยียบเหมือนน้ำแข็ง มิใช่น้ำเสียงที่จงใจดัดให้ทุ้มต่ำเช่นสตรีที่ปลอมตัวเป็นบุรุษยามปกติ

 

 

แค่นาทีนี้ไม่มีใครได้ยินเสียงที่นุ่มนวลเยี่ยงสตรีอีกเลย

 

 

ที่ได้ยินเป็นเสียงที่แฝงกลิ่นอายสังหารจนแทบทำให้หัวใจผู้คนแข็งตัว

 

 

จนกระทั่งในที่สุด ในนาทีที่ชิวเยี่ยไป๋เงื้อกระบี่ขึ้น มือธนูคนหนึ่งก็สติแตกอย่างอดมิได้ ยื่นมือชี้นิ้วใส่พรรคพวกคนหนึ่ง “ข้าเห็น…เป็นเฉินซาน…เฉินซานยกมือสิ!”

 

 

เจ้ามือธนูที่ชื่อเฉินซานงงงันในพริบตา เหมือนนึกไม่ถึงว่าจะมีคนระบุตน แต่ภายใต้แววตาเย็นเยียบดุดันของชิวเยี่ยไป๋ นาทีนั้นเขาถอยก้าวหนึ่งตามสัญชาตญาณ จากนั้นก็หันหลังวิ่งหนีเลย

 

 

ชิวเยี่ยไป๋แค่นยิ้มเย็นชา มิได้ไล่ตาม หากแต่ยกมือใช้กระบี่อ่อนในมือขว้างใส่กลางหลังของเฉินซาน

 

 

กระบี่อ่อนยามจัดสร้างก็จงใจให้เบาบางและคมกริบเป็นพิเศษอยู่แล้ว การขว้างใส่โดยตรงเช่นนี้ พลานุภาพยังสู้หินก้อนหนึ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ

 

 

ทว่า…

 

 

“โอ้ย!” เจ้าเฉินซานที่วิ่งหนีพลันร้องโหยหวน เซถลาล้มลงกับพื้น กระบี่อ่อนของชิวเยี่ยไป๋ที่ขว้างออกไปปักลึกเข้าข้อเท้า

 

 

แต่เจ้าเฉินซานกลิ้งไปไม่กี่ตลบก็ไม่ขยับแล้ว

 

 

ชิวเยี่ยไป๋แววตาเย็นเยียบ ปลายเท้าจิกพื้นคราเดียวก็ถึงข้างกายเขา ยื่นมือคลำที่คอ ไม่มีชีพจรแล้ว นางจึงค่อยพลิกร่างขึ้นมา

 

 

เลือดสีดำกองหนึ่งทะลักจากมุมปากของเฉินซาน ดวงตาจ้องฟากฟ้าอย่างเงียบงัน

 

 

กัดลิ้นฆ่าตัวตาย

 

 

ดวงตาชิวเยี่ยไป๋ฉายแววโทสะแต่ฝืนสะกดไว้ ยื่นมือค้นตามตัวและแล้วก็พบหลอดเป่าพิเศษอันหนึ่ง

 

 

ถ้าดูที่ปากหลอดเป่าศรให้ละเอียด ก็จะพบว่ามีขนาดเดียวกับศรที่ปักอยู่บนไหล่หยวนเจ๋อ

 

 

เป๋าเป่ารีบเข้ามา ก้มลงตรวจศพของเฉินซาน จากนั้นชะงักมือเล็กน้อย คลำไปที่ใบหูของเฉินซานแล้วกระชาก หนังหน้าของเฉินซานถูกกระชากออกทันที เผยให้เห็นใบหน้าแปลกตาไร้แววชีวิตสีม่วงคล้ำจากการถูกพิษ

 

 

“ปลอมแปลงโฉมหรือ” ชิวเยี่ยไป๋งงงัน

 

 

ดูท่าเฉินซานตัวจริงตายไปแล้ว และถูกคนปลอมตัวมั่วเข้ามาในกลุ่มที่จะสังหารนาง

 

 

เป๋าเป่าครุ่นคิด พลันกระชากปกเสื้อคนแปลกหน้านี้ ก็พบว่าบนนั้นมีตราดอกบัวลักษณะพิสดารอย่างยิ่ง ดอกบัวมักทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความบริสุทธิ์สูงส่ง แต่ลวดลายบนดอกบัวบนผิวคนนี้กลับสดใสจนบาดตา ดูแล้วสะท้านใจ ชั่วร้ายเป็นที่สุด

 

 

ชิวเยี่ยไป๋แลดูภาพนั้น สมองหมุนจี๋นึกถึงภาพที่เคยเห็นในวัยเด็ก นางพึมพำเบาๆ “เจินเหยียนกง”

 

 

สีหน้าของเป๋าเป่าก็หนักอึ้งในพริบตา แววตาเขาเปลี่ยนเป็นอารมณ์มืดคล้ำยากจะบรรยาย

 

 

ชิวเยี่ยไป๋พลันหันกลับเดินจากไป ทิ้งคำพูดไว้ประโยคเดียว “ข้าจะพาหยวนเจ๋อไปสมทบกับคนของเราที่ตำบลก่อน เจ้ารั้งท้าย เหมยซูต้องรู้สึกว่าไม่ถูกต้องและไล่มาแน่”

 

 

เป็นคนของเจินเหยียนกงที่หมายหัวชีวิตของนาง แต่ยิงพลาดหรือว่าเดิมทีก็ต้องการชีวิตของหยวนเจ๋อกันแน่

 

 

เป๋าเป่ามองตามเงาหลังของนางที่สั่งคนพยุงหยวนเจ๋อลงเรือ ดวงตาของเขาฉายแววงุนงง จากนั้นรับคำเบาๆ “ขอรับ”

 

 

เรือที่มั่วเสียนนำมาไม่ใหญ่นัก เป็นเพียงเรือโดยสารทั่วไป วางเก้าอี้เต็มไปหมด แต่ยังดีที่มีห้องท้องเรือสำหรับเจ้าของเรือ

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ให้คนจัดแจงหยวนเจ๋อที่สลบไสลจนเรียบร้อย แล้วสั่งให้พวกหยิบหย่งไปต้มน้ำร้อน เตรียมผ้าขนหนูและมีดสั้น

 

 

โจวอวี่รู้ว่าชิวเยี่ยไป๋จะผ่าเอาหัวศรออก จึงรีบให้คนแยกย้ายไปเตรียมการ

 

 

ยังดีที่เรือลำนี้เดิมทีเป็นของพ่อค้า ข้าวของของเจ้าของเรือยังอยู่ครบ

 

 

ทุกอย่างเตรียมพร้อมอย่างรวดเร็ว โจวอวี่สั่งคนให้ช่วยชิวเยี่ยไป๋ถอดเสื้อของหยวนเจ๋อแล้วพยุงให้หยวนเจ๋อนอนลง

 

 

แต่ยามนี้ชิวเยี่ยไป๋ไม่มีกะจิตกะใจดื่มด่ำกับร่างของคนงาม กลับใจจดใจจ่อและลงมือฉับไว กรีดปากแผลหยวนเจ๋อเป็นรูปกากบาท จากนั้นก็ลงมือถอนศร

 

 

เลือดข้นคลั่กเหนียวหนืดทะลักออกมา โจวอวี่เห็นแล้วตัวอ่อนยวบ

 

 

หยวนเจ๋อที่หมดสติอยู่สั่นระริกแต่ไม่มีอะไรมาก

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เห็นหัวศรเป็นสีน้ำเงินเข้มก็อดมุ่นคิ้วมิได้ แต่จากนั้นนางหลับตาลง แล้วคลำชีพจรของหยวนเจ๋ออีก กลับพบว่าแม้ชีพจรจะอ่อนแต่ยังคงเต้นอยู่ และจังหวะการเต้นยังถือว่าปกติ ถึงกับไม่เหมือนถูกพิษแม้แต่น้อย

 

 

เวลานี้บนเรือไม่มีหมอ ไม่มียา นางจึงได้แต่ถอนใจคราหนึ่ง พันแผลให้หยวนเจ๋อแล้วสั่งให้โจวอวี่ไปพัก ตัวนางเองอยู่เฝ้าดูอาการ เดิมทีโจวอวี่จะปฏิเสธแต่ถูกนางไล่ให้ไปพักผ่อน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 261 พิษร้าย (2)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 261 พิษร้าย (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พูดจบ นางก็คร้านจะไยดีกับท่าทางเจ็บปวดระคนตกใจของมั่วเสียน จากนั้นกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ให้คนของเจ้ารีบพายเรือมานี่!”

 

 

มือธนูบนเรือเมื่อครู่เพียงทิ้งศรธนูในมือ แต่มิได้แล่นเรือเข้ามา

 

 

มั่วเสียนทั้งเจ็บทั้งกลัวไม่กล้าขัดความประสงค์ จึงให้สัญญาณขันทีน้อยข้างกายไปถ่ายทอดคำสั่งให้แล่นเรือเข้ามา

 

 

และเวลานี้เอง เป๋าเป่าก็สั่งให้เสี่ยวโหลวลงจากรถไปพาพวกหยิบหย่งกุมกระบี่คอยจับจ้องพวกมือธนู ป้องกันมิให้ก่อเหตุ จากนั้นก็เดินเข้ามา

 

 

เขาก้มลงมองดูศรบนไหล่ของหยวนเจ๋อ สีหน้าพลันหนักอึ้งแลดูชิวเยี่ยไป๋ “ลูกศรนี่มีความเป็นมา”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋พยักหน้า หรี่ตาจ้องลวดลายประณีตพิสดารที่หางศร “ข้าย่อมเข้าใจ โดยทั่วไปทางการไม่ทำศรชนิดนี้”

 

 

ตัวศรทำด้วยเหล็กกล้า ประณีตเรียวยาวคมกริบกว่าปกติ สามารถยิงเข้ากระดูกได้

 

 

เรียกกันว่าศรทะลวงกระดูก

 

 

ถ้าบนศรมีพิษร้าย…เวลานี้ยาพิษคงเข้าสู่กระดูกและเส้นประสาทแล้ว สุดจะเยียวยาได้

 

 

อาวุธชนิดนี้อำมหิตที่สุด

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เห็นสีหน้าของหยวนเจ๋อแม้จะสงบ แต่ถ้าสังเกตก็จะเห็นว่าหัวไหล่ของเขาสั่นระริก ริมฝีปากที่เดิมทีขาวซีดอยู่แล้วยามนี้ปราศจากสีเลือดแม้แต่น้อย พอเห็นนางเข้ามา มุมปากงดงามของเขาก็เผยรอยยิ้มบางๆ แสดงว่ามิเป็นไร

 

 

แต่เขาหารู้ไม่ว่าใบหน้าของตนขาวซีดจนเกือบโปร่งใส ขับกับรอยยิ้มนี้ช่างเศร้าหมองแลเปราะบาง ราวกับว่าเป็นผลึกแก้วที่พร้อมจะแตกได้ทุกเมื่อ

 

 

ที่ทำให้นางหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูกคือหยวนเจ๋อหลับตาลง ราวกับอยากหลับตาพักพิงกับร่างของโจวอวี่ นางพลันกล่าวเสียงเย็นชา “ถ้าไม่มีใครรู้ว่าเป็นผู้ใดลงมือ เช่นนั้นพวกเจ้าก็เตรียมตายที่นี่ ฝังเป็นเพื่อนเขา”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋พูดจบ ก็กุมกระบี่เดินไปในทิศของพวกมือธนูด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

 

 

บรรดามือธนูเห็นร่างอ้อนแอ้นที่เหมือนเทพแห่งความตายก้าวเข้าหาทีละก้าว ก็พากันถอยหลังอย่างหวาดกลัวโดยไม่รู้ตัว

 

 

บรรดาหยิบหย่งที่ถือกระบี่ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นเจ้านายของตนเข่นฆ่าเฉียบขาดจนแทบจะทารุณเหี้ยมเกรียม

 

 

“เป็นผู้ใด”

 

 

เสียงของนางทุ้มต่ำเย็นเยียบเหมือนน้ำแข็ง มิใช่น้ำเสียงที่จงใจดัดให้ทุ้มต่ำเช่นสตรีที่ปลอมตัวเป็นบุรุษยามปกติ

 

 

แค่นาทีนี้ไม่มีใครได้ยินเสียงที่นุ่มนวลเยี่ยงสตรีอีกเลย

 

 

ที่ได้ยินเป็นเสียงที่แฝงกลิ่นอายสังหารจนแทบทำให้หัวใจผู้คนแข็งตัว

 

 

จนกระทั่งในที่สุด ในนาทีที่ชิวเยี่ยไป๋เงื้อกระบี่ขึ้น มือธนูคนหนึ่งก็สติแตกอย่างอดมิได้ ยื่นมือชี้นิ้วใส่พรรคพวกคนหนึ่ง “ข้าเห็น…เป็นเฉินซาน…เฉินซานยกมือสิ!”

 

 

เจ้ามือธนูที่ชื่อเฉินซานงงงันในพริบตา เหมือนนึกไม่ถึงว่าจะมีคนระบุตน แต่ภายใต้แววตาเย็นเยียบดุดันของชิวเยี่ยไป๋ นาทีนั้นเขาถอยก้าวหนึ่งตามสัญชาตญาณ จากนั้นก็หันหลังวิ่งหนีเลย

 

 

ชิวเยี่ยไป๋แค่นยิ้มเย็นชา มิได้ไล่ตาม หากแต่ยกมือใช้กระบี่อ่อนในมือขว้างใส่กลางหลังของเฉินซาน

 

 

กระบี่อ่อนยามจัดสร้างก็จงใจให้เบาบางและคมกริบเป็นพิเศษอยู่แล้ว การขว้างใส่โดยตรงเช่นนี้ พลานุภาพยังสู้หินก้อนหนึ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ

 

 

ทว่า…

 

 

“โอ้ย!” เจ้าเฉินซานที่วิ่งหนีพลันร้องโหยหวน เซถลาล้มลงกับพื้น กระบี่อ่อนของชิวเยี่ยไป๋ที่ขว้างออกไปปักลึกเข้าข้อเท้า

 

 

แต่เจ้าเฉินซานกลิ้งไปไม่กี่ตลบก็ไม่ขยับแล้ว

 

 

ชิวเยี่ยไป๋แววตาเย็นเยียบ ปลายเท้าจิกพื้นคราเดียวก็ถึงข้างกายเขา ยื่นมือคลำที่คอ ไม่มีชีพจรแล้ว นางจึงค่อยพลิกร่างขึ้นมา

 

 

เลือดสีดำกองหนึ่งทะลักจากมุมปากของเฉินซาน ดวงตาจ้องฟากฟ้าอย่างเงียบงัน

 

 

กัดลิ้นฆ่าตัวตาย

 

 

ดวงตาชิวเยี่ยไป๋ฉายแววโทสะแต่ฝืนสะกดไว้ ยื่นมือค้นตามตัวและแล้วก็พบหลอดเป่าพิเศษอันหนึ่ง

 

 

ถ้าดูที่ปากหลอดเป่าศรให้ละเอียด ก็จะพบว่ามีขนาดเดียวกับศรที่ปักอยู่บนไหล่หยวนเจ๋อ

 

 

เป๋าเป่ารีบเข้ามา ก้มลงตรวจศพของเฉินซาน จากนั้นชะงักมือเล็กน้อย คลำไปที่ใบหูของเฉินซานแล้วกระชาก หนังหน้าของเฉินซานถูกกระชากออกทันที เผยให้เห็นใบหน้าแปลกตาไร้แววชีวิตสีม่วงคล้ำจากการถูกพิษ

 

 

“ปลอมแปลงโฉมหรือ” ชิวเยี่ยไป๋งงงัน

 

 

ดูท่าเฉินซานตัวจริงตายไปแล้ว และถูกคนปลอมตัวมั่วเข้ามาในกลุ่มที่จะสังหารนาง

 

 

เป๋าเป่าครุ่นคิด พลันกระชากปกเสื้อคนแปลกหน้านี้ ก็พบว่าบนนั้นมีตราดอกบัวลักษณะพิสดารอย่างยิ่ง ดอกบัวมักทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความบริสุทธิ์สูงส่ง แต่ลวดลายบนดอกบัวบนผิวคนนี้กลับสดใสจนบาดตา ดูแล้วสะท้านใจ ชั่วร้ายเป็นที่สุด

 

 

ชิวเยี่ยไป๋แลดูภาพนั้น สมองหมุนจี๋นึกถึงภาพที่เคยเห็นในวัยเด็ก นางพึมพำเบาๆ “เจินเหยียนกง”

 

 

สีหน้าของเป๋าเป่าก็หนักอึ้งในพริบตา แววตาเขาเปลี่ยนเป็นอารมณ์มืดคล้ำยากจะบรรยาย

 

 

ชิวเยี่ยไป๋พลันหันกลับเดินจากไป ทิ้งคำพูดไว้ประโยคเดียว “ข้าจะพาหยวนเจ๋อไปสมทบกับคนของเราที่ตำบลก่อน เจ้ารั้งท้าย เหมยซูต้องรู้สึกว่าไม่ถูกต้องและไล่มาแน่”

 

 

เป็นคนของเจินเหยียนกงที่หมายหัวชีวิตของนาง แต่ยิงพลาดหรือว่าเดิมทีก็ต้องการชีวิตของหยวนเจ๋อกันแน่

 

 

เป๋าเป่ามองตามเงาหลังของนางที่สั่งคนพยุงหยวนเจ๋อลงเรือ ดวงตาของเขาฉายแววงุนงง จากนั้นรับคำเบาๆ “ขอรับ”

 

 

เรือที่มั่วเสียนนำมาไม่ใหญ่นัก เป็นเพียงเรือโดยสารทั่วไป วางเก้าอี้เต็มไปหมด แต่ยังดีที่มีห้องท้องเรือสำหรับเจ้าของเรือ

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ให้คนจัดแจงหยวนเจ๋อที่สลบไสลจนเรียบร้อย แล้วสั่งให้พวกหยิบหย่งไปต้มน้ำร้อน เตรียมผ้าขนหนูและมีดสั้น

 

 

โจวอวี่รู้ว่าชิวเยี่ยไป๋จะผ่าเอาหัวศรออก จึงรีบให้คนแยกย้ายไปเตรียมการ

 

 

ยังดีที่เรือลำนี้เดิมทีเป็นของพ่อค้า ข้าวของของเจ้าของเรือยังอยู่ครบ

 

 

ทุกอย่างเตรียมพร้อมอย่างรวดเร็ว โจวอวี่สั่งคนให้ช่วยชิวเยี่ยไป๋ถอดเสื้อของหยวนเจ๋อแล้วพยุงให้หยวนเจ๋อนอนลง

 

 

แต่ยามนี้ชิวเยี่ยไป๋ไม่มีกะจิตกะใจดื่มด่ำกับร่างของคนงาม กลับใจจดใจจ่อและลงมือฉับไว กรีดปากแผลหยวนเจ๋อเป็นรูปกากบาท จากนั้นก็ลงมือถอนศร

 

 

เลือดข้นคลั่กเหนียวหนืดทะลักออกมา โจวอวี่เห็นแล้วตัวอ่อนยวบ

 

 

หยวนเจ๋อที่หมดสติอยู่สั่นระริกแต่ไม่มีอะไรมาก

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เห็นหัวศรเป็นสีน้ำเงินเข้มก็อดมุ่นคิ้วมิได้ แต่จากนั้นนางหลับตาลง แล้วคลำชีพจรของหยวนเจ๋ออีก กลับพบว่าแม้ชีพจรจะอ่อนแต่ยังคงเต้นอยู่ และจังหวะการเต้นยังถือว่าปกติ ถึงกับไม่เหมือนถูกพิษแม้แต่น้อย

 

 

เวลานี้บนเรือไม่มีหมอ ไม่มียา นางจึงได้แต่ถอนใจคราหนึ่ง พันแผลให้หยวนเจ๋อแล้วสั่งให้โจวอวี่ไปพัก ตัวนางเองอยู่เฝ้าดูอาการ เดิมทีโจวอวี่จะปฏิเสธแต่ถูกนางไล่ให้ไปพักผ่อน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+