ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 249 ของฝากรัก (4)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 249 ของฝากรัก (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อีไป๋หน้าเครียดกว่าเดิม ตวาดเสียงกร้าว “บังอาจ พวกเจ้ามาเอะอะที่นี่ได้หรือ ยังไม่รีบถอยไปอีก!”

 

 

อานุภาพของอีไป๋ยังคงทำให้ผู้คนระย่อราวกับเทพสังหาร ทุกคนตะลึงกับที่ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่เหมือนเมื่อครู่ที่มีคนมุงดูหน้าบ้านเพียงยี่สิบสามสิบคน ครู่เดียวจึงมีเสียงเป่าปากอย่างไม่เห็นด้วย ทำเอาใบหน้าของอีไป๋เครียดจนเหมือนน้ำหมึกจะหยดก็มิปาน

 

 

ต้าสู่เห็นแต่แรกแล้วถึงฉากอานุภาพการสะกดคน ยามนี้จึงไม่ยอมให้เขาได้ที ดวงตาฉายแววเหี้ยมเกรียม “คุณหนูใหญ่บ้านข้ามิใช่คนเช่นนี้เด็ดขาด พวกเจ้าเดิมทีก็มิใช่องครักษ์คุณหนูใหญ่อยู่แล้ว แต่เป็นคุณชายจ้างมา แล้วองครักษ์บ้านข้าล่ะ ทำไมถึงไม่เห็นสักคน เมื่อวานคุณหนูใหญ่บ้านข้าเพิ่งจะทำพิธีเคารพบิดามารดา บัดนี้คุณชายเห็นเสบียงมากมายจึงคิดไม่ดีใช่หรือไม่ เลยทำคุณหนูบ้านข้าเสียหายแล้ว!”

 

 

คำพูดของต้าสู่ย่อมมีพิรุธอยู่ แต่ยามนี้ ‘ประชามติ’ เดิมทีก็พลุ่งพล่านอยู่บ้าง ‘กลุ่มคนจน’ เห็นพวกตนกำลังไร้ความชอบจึงพากันโกรธแค้น พริบตานั้นคำพูดของต้าสู่กลายเป็นเหตุผลที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาทันที จึงพากันกล่าวว่า “ใช่ พวกเจ้าไม่เพียงทำร้ายคุณหนูใหญ่ ยังคิดจะชิงเสบียงด้วยใช่ไหม”

 

 

“ข้าวสารชั้นดีราคาไม่เบา พวกเจ้าเจตนาไม่ซื่อแน่!”

 

 

“นั่นนะสิ คงมิใช่แค่ชิงเสบียง คงคิดจะยึดทรัพย์มรดกของคุณหนูใหญ่ด้วย!”

 

 

คนมากแรงเยอะ ความคาดเดาต่างๆ นานาทำให้การด่าว่าเต็มไปด้วยเนื้อหา ทำเอาอีไป๋โกรธจนแทบจะพาพวกองครักษ์เฉือนปากคนพวกนี้ให้หมด

 

 

ดวงตาเขาฉายแววสีเลือดแวบหนึ่ง แส้ยาวในมือหวดใส่คอหอยของต้าสู่ทันที

 

 

จัดการไอ้หัวโจกจอมปลุกปั่นนี่ก่อน!

 

 

แต่มือของเขาพลันถูกซวงไป๋ขวางไว้ เขามองดูซวงไป๋อย่างเย็นชาแววตาแข็งกร้าว “ปล่อยมือ!”

 

 

ซวงไป๋ส่ายหน้า กล่าวอย่างหนักอึ้งว่า “รอข้าเรียนถามนายท่านก่อน!”

 

 

การลงมือกับพวกกากเดนในเวลานี้ย่อมมิใช่เรื่องฉลาดอย่างเด็ดขาด พวกเขาชินกับการสังหารด้วยพยุหะอยู่แล้ว และยังเคยล้อมปราบกองทัพด้วย แต่หนึ่งเดียวที่ไม่เคยคือการเผชิญหน้ากับพวกกากเดน

 

 

กับกากเดนพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาสันทัดเลย แม้จะมิใช่ทำไม่ได้ก็ตาม แต่พวกเขาคงฆ่าชาวบ้านที่ถูกปั่นหัวจนหมดมิได้

 

 

ต้าสู่รอดชีวิตได้อย่างเฉียดฉิวจึงฉวยโอกาสกรีดร้องในพริบตา “แย่แล้ว จะฆ่าคนปิดปากแล้ว”

 

 

คนที่นำพากลุ่มขอทานมาก็คือขอทานน้อยคนที่ไปได้กล้องส่องทางไกลมาชื่อว่าเสี่ยวโหลว ยามปกติเขาถือว่าต้าสู่เป็นอาของเขา บัดนี้เห็นต้าสู่ตกอยู่ในอันตราย จึงร้องโวยวายตามทันที “โอ้มารดา พวกคนชั่วจะฆ่าปิดปากแล้ว พวกเรารีบช่วยคนเร็วเข้า จะได้ไปแบ่งเสบียงกัน!”

 

 

ว่าแล้วก็โถมเข้าไปอย่างไม่ฟังอีร้าค่าอีรม พอเขาพุ่งเข้าไป พวกขอทานเห็นมีคนนำและของขวัญที่ว่าก็ดึงดูดใจมาก จึงพากันร้องลั่นเฮโลกันพุ่งตามเข้าไป

 

 

เดิมที ‘กลุ่มคนจน’ ยังรีรออยู่ จะอย่างไรก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มีเลศนัย จู่ๆ วันนี้มีคนประกาศจะแจกทานแต่เช้าตรู่ แต่ก็ถูกความรู้สึกที่กลัวว่าเสบียงจะโดนคนแย่งไปเข้าครอบงำสติ

 

 

แต่โบราณมาแล้ว กฎหมายไม่มีการลงโทษคนหมู่มาก

 

 

พวกเขาจะ ‘ช่วยคน’ นี่ มิใช่หรือ

 

 

เห็นคนของทั้งสองฝ่ายกำลังโถมเข้าใส่กันอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ ซวงไป๋ก็หน้าเปลี่ยนสี สถานการณ์ควบคุมมิได้แล้ว

 

 

อีไป๋แววตาวาววับ กลิ่นอายการฆ่าฟันเข้มข้น กำลังจะสะบัดให้หลุดจากมือซวงไป๋ กลับพลันได้ยินประตูใหญ่เปิด  แอ้ด  เงาร่างสีแดงพลันถลันออกมา น้ำเสียงนุ่มนวลวังเวงดังขึ้น “คนที่มารับแจกข้าว โปรดไปเข้าแถวสองข้างทาง”

 

 

เงาร่างชุดแดงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นราศีก็ไร้เทียมทาน พริบตานั้นฝูงคนที่เตรียมจะโถมเข้ามาก็ชะลอฝีก้าว เพราะเกรงว่าจะไปชนเอาคนงามผู้คลุมหน้า

 

 

จนกระทั่งคนงามพูดจบประโยค ผู้คนทั้งสองฟากก็หยุดเท้าพร้อมกัน

 

 

ต้าสู่เห็นท่าไม่ดี กำลังคิดจะทำเป็นดีใจจนร่ำไห้โถมเข้าไป แต่เห็นแววตาอึมครึมเย็นเยือกของไป๋หลี่ชูจึงชะงักเท้าอย่างกริ่งเกรงและจู่ๆ ก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบ เสื้อแดงที่หรูหราดูคล้ายแช่เลือดมาจึงได้แดงฉานถึงเพียงนี้

 

 

ชั่วร้าย!

 

 

เขาถอยก้าวหนึ่งไม่กล้าส่งเสียงอีก

 

 

“ท่านคือคุณหนูใหญ่บ้านนี้หรือ” เสี่ยวโหลวเหมือนโคถึกไม่เกรงพยัคฆ์ถามอย่างข้องใจ

 

 

ไป๋หลี่ชูร่างกายชะงักกึก ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็เอ่ยขึ้นเสียงเย็น “ใช่”

 

 

พริบตานั้นอีไป๋กับซวงไป๋สยิวกายอย่างหนาวเหน็บเพราะความเย็นยะเยือกจากตัวของไป๋หลี่ชูที่เหมือนมีพลังโถมเข้าใส่

 

 

หลายปีแล้วที่ไม่เคยมีใครสามารถบังคับให้เจ้านายยอมรับในสิ่งที่เขาไม่ปรารถนาจะยอมรับ ไอ้สารเลวพวกนี้หรือจะพูดว่าใต้เท้าชิวก็ได้ ช่างหาเรื่องแหย่รังแตนเสียจริง

 

 

เดิมทีเสี่ยวโหลวก็แค่อยากถามให้หายข้องใจ แต่กลับเห็นไป๋หลี่ชูสั่งการอีไป๋กับซวงไป๋อย่าง

 

 

เฉยเมย “พวกเจ้าไปนำสมุดบันทึกเมื่อวานนี้มาสักหลายเล่ม แล้วให้คนมาจัดระเบียบถนนซ้ายขวาและแจกข้าวตามลำดับก่อนหลัง”

 

 

พอพูดจบ ฝูงคนทั้งสองฝ่ายยังจะมีใครกล้าพุ่งเข้าไปในบ้านอีก คำพูดประโยคเดียวของ

 

 

ไป๋หลี่ชูทำให้พวกเขาแย่งกันเข้าแถวสองฟากถนนทันที

 

 

เสี่ยวโหลวโมโหแทบตาย แต่จนใจที่อานุภาพของไป๋หลี่ชูบีบคั้นผู้คนมากเกินไปจนทุกคนยอมฟัง แค่อ้าปากคำเดียวก็ทำเอาพวกที่ถูกเขากระตุ้นมาตลอดเช้านี้พากันหัวหมุน

 

 

ไป๋หลี่ชูกวาดตาแลดูฝูงคนที่เหมือนตั๊กแตนอย่างเหยียดหยาม หมอกดำกระจายในดวงตา และแล้วก็หันกายจะเดินออกถนนด้านนอก

 

 

แม้ซวงไป๋จะรู้ว่าเจ้านายย่อมมีแผนในใจ ในเมื่อกล้าพูดเช่นนี้เชื่อว่าในบ้านคงมีการจัดแจงรอท่า แล้ว แต่ยังคงร้องเรียกไป๋หลี่ชูอย่างอดห่วงมิได้ “นายท่าน ท่านจะไปไหนหรือ”

 

 

ไป๋หลี่ชูร้องเฮอะเบาๆ “ย่อมต้องไปพบ ‘คู่หมั้นคู่หมาย’ ของข้า”

 

 

ว่าแล้ว เขาพลันแหงนหน้าขึ้นอย่างฉับพลันคล้ายรู้สึกตัว ดวงตางดงามหรี่ลงมองไปที่หอน้อยที่คั่นด้วยถนนสองเส้น

 

 

สายตาที่ทรงอานุภาพทะลุทะลวงทำเอาชิวเยี่ยไป๋แทบจะทึกทักว่าเขากำลังมองเห็นตนอย่างชัดเจนโดยผ่านกล้องส่องทางไกล มือที่จับอยู่จึงสั่นเล็กน้อย นางเบนกล้องตามสัญชาตญาณเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาที่น่าตกใจของคนผู้นั้น

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เลิกคิ้วอุทานเบาๆ “เหอะ ไวอะไรอย่างนี้ ตัวประหลาดชัดๆ”

 

 

ไป๋หลี่ชูครางเบาๆ คราหนึ่งและเตรียมจะข้ามถนนตรอกซอยไปพบ ‘คู่หมั้น’ แต่เดินยังไม่ถึงสองก้าวพลันได้ยินเสียงของมีคมปะทะกันดังขึ้นในบ้าน เขาขมวดคิ้วและหันกลับไปในบ้าน

 

 

พอเข้าบ้านก็เห็นทางด้านโน้น เงาร่างผอมโย่งสายหนึ่งกำลังแบก ‘ลูกหนังมนุษย์’ กลมดิกกระโดดออกจากกำแพงรั้ว องครักษ์สองคนมิได้ตามไป แต่กำลังน้าวเกาทัณฑ์เล็งใส่หลังพวกเขาอย่างเยือกเย็น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 249 ของฝากรัก (4)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 249 ของฝากรัก (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อีไป๋หน้าเครียดกว่าเดิม ตวาดเสียงกร้าว “บังอาจ พวกเจ้ามาเอะอะที่นี่ได้หรือ ยังไม่รีบถอยไปอีก!”

 

 

อานุภาพของอีไป๋ยังคงทำให้ผู้คนระย่อราวกับเทพสังหาร ทุกคนตะลึงกับที่ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่เหมือนเมื่อครู่ที่มีคนมุงดูหน้าบ้านเพียงยี่สิบสามสิบคน ครู่เดียวจึงมีเสียงเป่าปากอย่างไม่เห็นด้วย ทำเอาใบหน้าของอีไป๋เครียดจนเหมือนน้ำหมึกจะหยดก็มิปาน

 

 

ต้าสู่เห็นแต่แรกแล้วถึงฉากอานุภาพการสะกดคน ยามนี้จึงไม่ยอมให้เขาได้ที ดวงตาฉายแววเหี้ยมเกรียม “คุณหนูใหญ่บ้านข้ามิใช่คนเช่นนี้เด็ดขาด พวกเจ้าเดิมทีก็มิใช่องครักษ์คุณหนูใหญ่อยู่แล้ว แต่เป็นคุณชายจ้างมา แล้วองครักษ์บ้านข้าล่ะ ทำไมถึงไม่เห็นสักคน เมื่อวานคุณหนูใหญ่บ้านข้าเพิ่งจะทำพิธีเคารพบิดามารดา บัดนี้คุณชายเห็นเสบียงมากมายจึงคิดไม่ดีใช่หรือไม่ เลยทำคุณหนูบ้านข้าเสียหายแล้ว!”

 

 

คำพูดของต้าสู่ย่อมมีพิรุธอยู่ แต่ยามนี้ ‘ประชามติ’ เดิมทีก็พลุ่งพล่านอยู่บ้าง ‘กลุ่มคนจน’ เห็นพวกตนกำลังไร้ความชอบจึงพากันโกรธแค้น พริบตานั้นคำพูดของต้าสู่กลายเป็นเหตุผลที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาทันที จึงพากันกล่าวว่า “ใช่ พวกเจ้าไม่เพียงทำร้ายคุณหนูใหญ่ ยังคิดจะชิงเสบียงด้วยใช่ไหม”

 

 

“ข้าวสารชั้นดีราคาไม่เบา พวกเจ้าเจตนาไม่ซื่อแน่!”

 

 

“นั่นนะสิ คงมิใช่แค่ชิงเสบียง คงคิดจะยึดทรัพย์มรดกของคุณหนูใหญ่ด้วย!”

 

 

คนมากแรงเยอะ ความคาดเดาต่างๆ นานาทำให้การด่าว่าเต็มไปด้วยเนื้อหา ทำเอาอีไป๋โกรธจนแทบจะพาพวกองครักษ์เฉือนปากคนพวกนี้ให้หมด

 

 

ดวงตาเขาฉายแววสีเลือดแวบหนึ่ง แส้ยาวในมือหวดใส่คอหอยของต้าสู่ทันที

 

 

จัดการไอ้หัวโจกจอมปลุกปั่นนี่ก่อน!

 

 

แต่มือของเขาพลันถูกซวงไป๋ขวางไว้ เขามองดูซวงไป๋อย่างเย็นชาแววตาแข็งกร้าว “ปล่อยมือ!”

 

 

ซวงไป๋ส่ายหน้า กล่าวอย่างหนักอึ้งว่า “รอข้าเรียนถามนายท่านก่อน!”

 

 

การลงมือกับพวกกากเดนในเวลานี้ย่อมมิใช่เรื่องฉลาดอย่างเด็ดขาด พวกเขาชินกับการสังหารด้วยพยุหะอยู่แล้ว และยังเคยล้อมปราบกองทัพด้วย แต่หนึ่งเดียวที่ไม่เคยคือการเผชิญหน้ากับพวกกากเดน

 

 

กับกากเดนพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาสันทัดเลย แม้จะมิใช่ทำไม่ได้ก็ตาม แต่พวกเขาคงฆ่าชาวบ้านที่ถูกปั่นหัวจนหมดมิได้

 

 

ต้าสู่รอดชีวิตได้อย่างเฉียดฉิวจึงฉวยโอกาสกรีดร้องในพริบตา “แย่แล้ว จะฆ่าคนปิดปากแล้ว”

 

 

คนที่นำพากลุ่มขอทานมาก็คือขอทานน้อยคนที่ไปได้กล้องส่องทางไกลมาชื่อว่าเสี่ยวโหลว ยามปกติเขาถือว่าต้าสู่เป็นอาของเขา บัดนี้เห็นต้าสู่ตกอยู่ในอันตราย จึงร้องโวยวายตามทันที “โอ้มารดา พวกคนชั่วจะฆ่าปิดปากแล้ว พวกเรารีบช่วยคนเร็วเข้า จะได้ไปแบ่งเสบียงกัน!”

 

 

ว่าแล้วก็โถมเข้าไปอย่างไม่ฟังอีร้าค่าอีรม พอเขาพุ่งเข้าไป พวกขอทานเห็นมีคนนำและของขวัญที่ว่าก็ดึงดูดใจมาก จึงพากันร้องลั่นเฮโลกันพุ่งตามเข้าไป

 

 

เดิมที ‘กลุ่มคนจน’ ยังรีรออยู่ จะอย่างไรก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มีเลศนัย จู่ๆ วันนี้มีคนประกาศจะแจกทานแต่เช้าตรู่ แต่ก็ถูกความรู้สึกที่กลัวว่าเสบียงจะโดนคนแย่งไปเข้าครอบงำสติ

 

 

แต่โบราณมาแล้ว กฎหมายไม่มีการลงโทษคนหมู่มาก

 

 

พวกเขาจะ ‘ช่วยคน’ นี่ มิใช่หรือ

 

 

เห็นคนของทั้งสองฝ่ายกำลังโถมเข้าใส่กันอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ ซวงไป๋ก็หน้าเปลี่ยนสี สถานการณ์ควบคุมมิได้แล้ว

 

 

อีไป๋แววตาวาววับ กลิ่นอายการฆ่าฟันเข้มข้น กำลังจะสะบัดให้หลุดจากมือซวงไป๋ กลับพลันได้ยินประตูใหญ่เปิด  แอ้ด  เงาร่างสีแดงพลันถลันออกมา น้ำเสียงนุ่มนวลวังเวงดังขึ้น “คนที่มารับแจกข้าว โปรดไปเข้าแถวสองข้างทาง”

 

 

เงาร่างชุดแดงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นราศีก็ไร้เทียมทาน พริบตานั้นฝูงคนที่เตรียมจะโถมเข้ามาก็ชะลอฝีก้าว เพราะเกรงว่าจะไปชนเอาคนงามผู้คลุมหน้า

 

 

จนกระทั่งคนงามพูดจบประโยค ผู้คนทั้งสองฟากก็หยุดเท้าพร้อมกัน

 

 

ต้าสู่เห็นท่าไม่ดี กำลังคิดจะทำเป็นดีใจจนร่ำไห้โถมเข้าไป แต่เห็นแววตาอึมครึมเย็นเยือกของไป๋หลี่ชูจึงชะงักเท้าอย่างกริ่งเกรงและจู่ๆ ก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบ เสื้อแดงที่หรูหราดูคล้ายแช่เลือดมาจึงได้แดงฉานถึงเพียงนี้

 

 

ชั่วร้าย!

 

 

เขาถอยก้าวหนึ่งไม่กล้าส่งเสียงอีก

 

 

“ท่านคือคุณหนูใหญ่บ้านนี้หรือ” เสี่ยวโหลวเหมือนโคถึกไม่เกรงพยัคฆ์ถามอย่างข้องใจ

 

 

ไป๋หลี่ชูร่างกายชะงักกึก ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็เอ่ยขึ้นเสียงเย็น “ใช่”

 

 

พริบตานั้นอีไป๋กับซวงไป๋สยิวกายอย่างหนาวเหน็บเพราะความเย็นยะเยือกจากตัวของไป๋หลี่ชูที่เหมือนมีพลังโถมเข้าใส่

 

 

หลายปีแล้วที่ไม่เคยมีใครสามารถบังคับให้เจ้านายยอมรับในสิ่งที่เขาไม่ปรารถนาจะยอมรับ ไอ้สารเลวพวกนี้หรือจะพูดว่าใต้เท้าชิวก็ได้ ช่างหาเรื่องแหย่รังแตนเสียจริง

 

 

เดิมทีเสี่ยวโหลวก็แค่อยากถามให้หายข้องใจ แต่กลับเห็นไป๋หลี่ชูสั่งการอีไป๋กับซวงไป๋อย่าง

 

 

เฉยเมย “พวกเจ้าไปนำสมุดบันทึกเมื่อวานนี้มาสักหลายเล่ม แล้วให้คนมาจัดระเบียบถนนซ้ายขวาและแจกข้าวตามลำดับก่อนหลัง”

 

 

พอพูดจบ ฝูงคนทั้งสองฝ่ายยังจะมีใครกล้าพุ่งเข้าไปในบ้านอีก คำพูดประโยคเดียวของ

 

 

ไป๋หลี่ชูทำให้พวกเขาแย่งกันเข้าแถวสองฟากถนนทันที

 

 

เสี่ยวโหลวโมโหแทบตาย แต่จนใจที่อานุภาพของไป๋หลี่ชูบีบคั้นผู้คนมากเกินไปจนทุกคนยอมฟัง แค่อ้าปากคำเดียวก็ทำเอาพวกที่ถูกเขากระตุ้นมาตลอดเช้านี้พากันหัวหมุน

 

 

ไป๋หลี่ชูกวาดตาแลดูฝูงคนที่เหมือนตั๊กแตนอย่างเหยียดหยาม หมอกดำกระจายในดวงตา และแล้วก็หันกายจะเดินออกถนนด้านนอก

 

 

แม้ซวงไป๋จะรู้ว่าเจ้านายย่อมมีแผนในใจ ในเมื่อกล้าพูดเช่นนี้เชื่อว่าในบ้านคงมีการจัดแจงรอท่า แล้ว แต่ยังคงร้องเรียกไป๋หลี่ชูอย่างอดห่วงมิได้ “นายท่าน ท่านจะไปไหนหรือ”

 

 

ไป๋หลี่ชูร้องเฮอะเบาๆ “ย่อมต้องไปพบ ‘คู่หมั้นคู่หมาย’ ของข้า”

 

 

ว่าแล้ว เขาพลันแหงนหน้าขึ้นอย่างฉับพลันคล้ายรู้สึกตัว ดวงตางดงามหรี่ลงมองไปที่หอน้อยที่คั่นด้วยถนนสองเส้น

 

 

สายตาที่ทรงอานุภาพทะลุทะลวงทำเอาชิวเยี่ยไป๋แทบจะทึกทักว่าเขากำลังมองเห็นตนอย่างชัดเจนโดยผ่านกล้องส่องทางไกล มือที่จับอยู่จึงสั่นเล็กน้อย นางเบนกล้องตามสัญชาตญาณเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาที่น่าตกใจของคนผู้นั้น

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เลิกคิ้วอุทานเบาๆ “เหอะ ไวอะไรอย่างนี้ ตัวประหลาดชัดๆ”

 

 

ไป๋หลี่ชูครางเบาๆ คราหนึ่งและเตรียมจะข้ามถนนตรอกซอยไปพบ ‘คู่หมั้น’ แต่เดินยังไม่ถึงสองก้าวพลันได้ยินเสียงของมีคมปะทะกันดังขึ้นในบ้าน เขาขมวดคิ้วและหันกลับไปในบ้าน

 

 

พอเข้าบ้านก็เห็นทางด้านโน้น เงาร่างผอมโย่งสายหนึ่งกำลังแบก ‘ลูกหนังมนุษย์’ กลมดิกกระโดดออกจากกำแพงรั้ว องครักษ์สองคนมิได้ตามไป แต่กำลังน้าวเกาทัณฑ์เล็งใส่หลังพวกเขาอย่างเยือกเย็น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+