ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 277 ประกาศจับชิว (2)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 277 ประกาศจับชิว (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พูดจบเขาก็ชักแขนออกจากอ้อมอกนาง

เสวี่ยหนูรู้สึกอ้อมอกว่างเปล่า หัวใจก็ว่างเปล่า จึงมองดูหยวนเจ๋ออย่างอาดูรอยู่บ้าง “ราชครู เสวี่ยหนูปรนนิบัติท่านมานานปี ไยท่านจึงไม่แยกแยะความใกล้ชิดหรือเหินห่างเช่นนี้”

พูดแล้วนางก็ถลึงตาใส่ชิวเยี่ยไป๋อย่างขุ่นเคือง

หยวนเจ๋อกล่าวเนือยๆ ว่า “เสวี่ยหนู กฎเกณฑ์ในวัดเข้มงวดมาก เจ้ากับข้าล้วนเป็นคนในวัด ทางที่ดีอย่าล้ำเส้น อย่าว่าแต่บุรุษกับสตรีมิควรใกล้ชิดแม้แต่การให้กับการรับ”

เสวี่ยหนูสีหน้าเขียวสลับขาว กัดริมฝีปาก ก้มศีรษะอย่างนอบน้อม ประนมมือรับคำ “เจ้าค่ะ น้อมรับบัญชาเทวะ”

เสวี่ยหนูเพิ่งพูดขาดคำ ก็เห็นชิวเยี่ยไป๋ที่จู่ๆ ก็อ้าแขนกว้างกล่าวกับหยวนเจ๋อว่า “ไหนๆ ก็จะจากกันแล้ว อาเจ๋ออยากให้ข้ากอดสักครั้งไหม”

เสวี่ยหนูได้ยินเงยหน้าขึ้นทันที มองดูชิวเยี่ยไป๋อย่างเหยียดหยาม กำลังออกปากถากถางเบาๆ “อาศัยเจ้า ก็คู่ควร…”

นางพูดยังไม่สิ้นเสียง หยวนเจ๋อกลับเอื้อมมือโอบชิวเยี่ยไป๋ไว้เบาๆ อย่างมิลังเล กล่าวเสียงนุ่มนวลว่า “ประสกเสี่ยวไป๋ แล้วพบกันใหม่”

ชิวเยี่ยไป๋มิสำรวมแม้แต่น้อย ชำเลืองมองจากบ่าของหยวนเจ๋อแลดูใบหน้าเขียวคล้ำของเสวี่ยหนู ยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “พบกันใหม่อาเจ๋อ”

ว่าแล้วนางก็โอบเอวเพรียวของอีกฝ่ายไว้และทำท่ากอดรัดเสียเลย ในมุมมองของหยวนเจ๋อดูแล้วเหมือนบริสุทธิ์ เป็นกอดที่ดีงามไม่เจือด้วยสิ่งใดแม้แต่น้อย

แต่…

สีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้มที่ชิวเยี่ยไป๋เผยให้เสวี่ยหนูเห็น มือที่กอดเอวของหยวนเจ๋อไขว้กันรัดไว้บนแผ่นหลัง ท่าทางนี้ดูแล้วเป็นกอดที่แสนสนิทสนม

แต่ไรมานางไม่เคยตระหนี่ที่จะขู่อย่างหยาบช้าใส่คนท้าทายที่น่าชังอยู่แล้ว

พริบตานั้นเสวี่ยหนูหน้าเขียวคล้ำจนเหมือนเหล็ก ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเขม้นใส่ชิวเยี่ยไป๋อย่างเกรี้ยวกราด หลังมือขาวผ่องที่กำดาบในแขนเสื้อมีเส้นเอ็นโปนออกมาสองเส้น

ชิวเยี่ยไป๋เห็นเสวี่ยหนูท่าทางเหมือนหัวใจโดนมีดทะลวงสองมีด อารมณ์เสียเพราะหยวนเจ๋อจะจากไปและการเดินท่องราตรีวันไหว้พระจันทร์ที่โดนคนทำลายจึงค่อยยังชั่วบ้าง

นางคลายมือ แลดูหยวนเจ๋อแล้วพยักหน้า “ข้าจะกลับแล้ว”

หยวนเจ๋อพยักหน้า มองตามชิวเยี่ยไป๋ที่หันกายลงเรือ พวกคนของสำนักหอซ่อนกระบี่บนเรือหลายลำที่มิทราบไปรู้ข่าวจากที่ใด เตรียมพร้อมในชุดรัดกุมยืนอยู่ที่กราบเรือแล้ว บนกราบเรือยังมีคนไม่น้อยถือศรธนูในมือเล็งมาบนฝั่งอย่างเอาเป็นเอาตาย

เรือใหญ่ที่รับคนของพวกตนกลับมาอย่างปลอดภัยชักใบทันที แล้วแล่นสู่ความมือมิดเบื้องหน้าต่อไป

หยวนเจ๋อยืนเงียบๆ บนฝั่ง มองดูเงาร่างบนหัวเรือที่เล็กลงทุกที ค่อยๆ ลับไปในม่านราตรี เขาถอนใจเบาๆ คราหนึ่ง “กลับวัดเถิด”

“เจ้าค่ะ!” เสวี่ยหนูผงกศีรษะรับคำอย่างนอบน้อมทันที แววตากวาดผ่านเงาสีเงินของเรือที่ไกลออกไป ดวงตาฉายแววเย็นเยียบ

สองเดือนต่อมา

ฤดูสารทที่ท้องฟ้าสดใสเช้าตรู่ แสงตะวันอันอบอุ่นสาดส่องใส่หมู่บ้านในภูเขาแห่งหนึ่งของเมืองเอกมณฑลเจียงจง หยดน้ำบนใบไม้เขียวขจีทอประกายสดใส สายลมจากท้องทุ่งที่ไกลออกไปโชยพัดกลิ่นอายของดินโคลนและหญ้าสด

เป็นวันฟ้าใสที่อากาศดีอีกวัน

ในหมู่บ้านครึกครื้นจอแจต่างจากความสงบยามปกติ ทุกแห่งหนมีคนกำลังเคาะฆ้องตีกลอง ตุ้มแช่ๆ เต็มไปหมด ผู้คนตะโกนร้องไปทั่ว “เริ่มแล้ว เริ่มแล้ว การแข่งหมาของหมู่บ้านต้าฮวางจะเริ่มแล้ว มาดูหมาดุที่สุด…ต้าชุนแข่งรอบตัดสินกับหมาอ้วนที่สุด…เฝยหลง แทงแล้วห้ามถอน ยกมือแล้วซื้อขาด ใครจะเดิมพันอีกไหมเอ่ย!”

เสียงฆ้องกลองผ่านไปถึงบ้านใหญ่ที่สุดของหมู่บ้านยิ่งส่งเสียงดัง

โครม!

ในที่สุดเสี่ยวชีทนไม่ไหวจึงปิดหน้าต่างอย่างแรง มองดูชิวเยี่ยไป๋ที่กำลังเขียนจดหมายกล่าวด้วยสีหน้าหนักอึ้งว่า “ข้าว่านะคุณชายสี่ ท่านมัวแต่ปล่อยให้ไอ้พวกต้าจ้วงกับชวนจื่อเที่ยวตีฆ้องตีกลองวันๆ แหกปากไปทั่ว เมื่อคืนจนยามสามถึงเงียบลง ทำตัวเหมือนพวกกวักวิญญาณไม่ยอมให้คนอยู่มีชีวิตด้วย!”

ชิวเยี่ยไป๋เป่าจดหมายในมือให้หมึกแห้งเร็วหน่อยพลางกล่าวอย่างไม่สนใจว่า “ข้ารับปากพวกเขา ถ้าพวกเขาผ่านการพิจารณารอบสอง จะปล่อยให้พวกเขาแข่งหมา จะได้ผ่อนคลายกันบ้าง”

เสี่ยวชีอึดอัด “คุณชายสี่ขอรับ ท่านก็ช่างวุ่นวายจริง ทดสอบอะไรกัน ยอดฝีมือของสำนักหอซ่อนกระบี่ของเราตั้งมากมายฝึกวิชาตัวเบาและสอนวิทยายุทธ์ให้พวกเขา มิใช่จะให้พวกเขานำไปจรรโลงการขโมยไก่กัดหมานะขอรับ ท่านมิรู้หรือว่าฉินอวิ๋นกับถังจู่หลายคน ทุกครั้งที่ทดสอบฝีมือพวกหยิบหย่งแทบจะกระอักเลือด!”

เขารู้ดีอยู่แล้วว่าเจ้านายของตนเป็นคนไม่ชอบทิ้งไพ่ตามกติกา แต่คราวนี้ไม่เป็นโล้เป็นพายไปหน่อยจริงๆ!

คุณชายสี่ให้ยอดฝีมือของตนเองจำนวนไม่น้อยทำการฝึกสอนคนหยิบหย่งของกองคั่นเฟิง เดิมทีทุกคนรู้สึกว่าการอบรมคนพวกนี้แม้จะไม่ง่าย ถึงอย่างไรพวกกองคั่นเฟิงส่วนมากก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว กระดูกและเส้นชีพจรแข็งแล้ว

แต่ในเมื่อพวกเขาเป็นอาจารย์ บวกกับเจ้าสำนักบอกไว้แล้ว ถ้าใครสอนลูกศิษย์ได้ดี เจ้าสำนักจะประทานรางวัลกับข้าวสามโต๊ะที่เจ้าสำนักลงมือเข้าครัวเอง!

ไม่มีใครในสำนักไม่รู้ฝีมือการทำอาหารของชิวเยี่ยไป๋ รสชาติที่เจ้าสำนักปรุงออกมาน่าสนใจยิ่งกว่าแก้วแหวนเงินทองเสียอีก จึงย่อมมีคนกระเหี้ยนกระหือรือเตรียมตัวเต็มที่

นึกไม่ถึงว่าการตัดสินของชิวเยี่ยไป๋ทำเอาทุกคนแว่นตกแตก นอกจากให้พวกหยิบหย่งต้องทุบน้ำปีนเขานั่งฝึกกำลังภายในทุกวันซึ่งเป็นการฝึกพื้นฐานแล้ว ยังขอให้พวกยอดฝีมือของหอซ่อนกระบี่มาสอนวิทยายุทธ์ที่แต่ละคนเชี่ยวชาญให้พวกหยิบหย่งอย่างละเอียดที่สุดด้วย และมิได้นำพาให้จะต้องฝึกท่าฝ่ามือหรือหมัดมวยที่จำเพาะเจาะจงให้ได้ เพียงให้สามารถป้องกันตัวและวิ่งหนีได้ ต่อให้เป็นการฝึกท่าร่างพวกหมามุดรูได้เร็วก็ยังดี

บรรดายอดฝีมือแม้จะรู้สึกว่าคนที่หอซ่อนกระบี่ฝึกออกมา เอาแต่ลูกไม้หมามุดรูและวิ่งหนีออกจะฝืนใจเกินไป แต่ยังคงทำเป็นเข้าใจและสอนตามความเหมาะสมของผู้เรียน

ต่อมา ชิวเยี่ยไป๋ยังอุตส่าห์อาศัยสายสัมพันธ์เชื้อเชิญพวกยอดคนในยุทธจักรที่เหมือนมังกรเทพยดาที่เห็นเศียรมิเห็นหางออกมาช่วยฝึกพวกหยิบหย่งด้วย คราวนี้เลยสารพันมีไปทุกอย่าง

ทั้ง ‘กรงเล็บเงินทอง’ ‘ข้ามถ้ำเซียน’ ‘ผู้เฒ่าทะลุฟ้า’ ‘เซียนพนัน’…สรุปแล้วแค่ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นนักเลงหัวไม้อันดับเก้าของยุทธจักร

กรงเล็บเงินทองคือมหาโจรระดับสูงสุด ข้ามถ้ำเซียนคือมหาโจรที่ชำนาญการเจาะรูปลิดบุปผา ว่ากันว่าเกือบขโมยเอาสนมขององค์จักรพรรดิด้วยซ้ำ ส่วนเฒ่าทะลุฟ้าคือคนที่ใช้วิชาตบตาปลอมตัวเป็นเซียนหลอกเงินชาวบ้าน เซียนพนันยิ่งไม่ต้องพูดถึงแน่นอน ถ้าเล่นพนันแล้วขี้โกงจนเลื่องชื่อจะถูกยุทธจักรออกคำสั่งไล่ล่า แม้แต่คนเลี้ยงม้าหัวปีศาจที่เจาะจงขโมยม้าชั้นดีของสำนักงานใหญ่ต่างๆ จนเหม็นคลุ้งก็เชิญมาด้วย…เอาคนพิสดารสารพัดพวกนี้มาสอนพวกหยิบหย่ง

นี่ก็ทำเอาคนของสำนักหอซ่อนกระบี่ได้ประจักษ์ว่า ครานั้นที่ชิวเยี่ยไป๋ติดตามเซียนเฒ่าเจ้าสำนักคนก่อนท่องยุทธจักร มีการคบหากว้างขวางเพียงใด

บรรดาคนหยิบหย่งไปเลือกเรียนวิชาจาก ‘คนขั้นเทพ’ ตามความสนใจของตนเอง ต้องเชี่ยวชาญในวิชาใดวิชาหนึ่งและเรียนควบอีกหลายวิชา แต่หลังเลือกเรียนแล้วต้องเข้าร่วมการทดสอบวิชานั้นๆ โดยถือคะแนนวิชาหลักเป็นสำคัญ คะแนนวิชาเลือกเป็นคะแนนเสริม ทุกครั้งคนที่รั้งท้ายสามอันดับคือไม่ผ่าน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 277 ประกาศจับชิว (2)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 277 ประกาศจับชิว (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พูดจบเขาก็ชักแขนออกจากอ้อมอกนาง

เสวี่ยหนูรู้สึกอ้อมอกว่างเปล่า หัวใจก็ว่างเปล่า จึงมองดูหยวนเจ๋ออย่างอาดูรอยู่บ้าง “ราชครู เสวี่ยหนูปรนนิบัติท่านมานานปี ไยท่านจึงไม่แยกแยะความใกล้ชิดหรือเหินห่างเช่นนี้”

พูดแล้วนางก็ถลึงตาใส่ชิวเยี่ยไป๋อย่างขุ่นเคือง

หยวนเจ๋อกล่าวเนือยๆ ว่า “เสวี่ยหนู กฎเกณฑ์ในวัดเข้มงวดมาก เจ้ากับข้าล้วนเป็นคนในวัด ทางที่ดีอย่าล้ำเส้น อย่าว่าแต่บุรุษกับสตรีมิควรใกล้ชิดแม้แต่การให้กับการรับ”

เสวี่ยหนูสีหน้าเขียวสลับขาว กัดริมฝีปาก ก้มศีรษะอย่างนอบน้อม ประนมมือรับคำ “เจ้าค่ะ น้อมรับบัญชาเทวะ”

เสวี่ยหนูเพิ่งพูดขาดคำ ก็เห็นชิวเยี่ยไป๋ที่จู่ๆ ก็อ้าแขนกว้างกล่าวกับหยวนเจ๋อว่า “ไหนๆ ก็จะจากกันแล้ว อาเจ๋ออยากให้ข้ากอดสักครั้งไหม”

เสวี่ยหนูได้ยินเงยหน้าขึ้นทันที มองดูชิวเยี่ยไป๋อย่างเหยียดหยาม กำลังออกปากถากถางเบาๆ “อาศัยเจ้า ก็คู่ควร…”

นางพูดยังไม่สิ้นเสียง หยวนเจ๋อกลับเอื้อมมือโอบชิวเยี่ยไป๋ไว้เบาๆ อย่างมิลังเล กล่าวเสียงนุ่มนวลว่า “ประสกเสี่ยวไป๋ แล้วพบกันใหม่”

ชิวเยี่ยไป๋มิสำรวมแม้แต่น้อย ชำเลืองมองจากบ่าของหยวนเจ๋อแลดูใบหน้าเขียวคล้ำของเสวี่ยหนู ยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “พบกันใหม่อาเจ๋อ”

ว่าแล้วนางก็โอบเอวเพรียวของอีกฝ่ายไว้และทำท่ากอดรัดเสียเลย ในมุมมองของหยวนเจ๋อดูแล้วเหมือนบริสุทธิ์ เป็นกอดที่ดีงามไม่เจือด้วยสิ่งใดแม้แต่น้อย

แต่…

สีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้มที่ชิวเยี่ยไป๋เผยให้เสวี่ยหนูเห็น มือที่กอดเอวของหยวนเจ๋อไขว้กันรัดไว้บนแผ่นหลัง ท่าทางนี้ดูแล้วเป็นกอดที่แสนสนิทสนม

แต่ไรมานางไม่เคยตระหนี่ที่จะขู่อย่างหยาบช้าใส่คนท้าทายที่น่าชังอยู่แล้ว

พริบตานั้นเสวี่ยหนูหน้าเขียวคล้ำจนเหมือนเหล็ก ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเขม้นใส่ชิวเยี่ยไป๋อย่างเกรี้ยวกราด หลังมือขาวผ่องที่กำดาบในแขนเสื้อมีเส้นเอ็นโปนออกมาสองเส้น

ชิวเยี่ยไป๋เห็นเสวี่ยหนูท่าทางเหมือนหัวใจโดนมีดทะลวงสองมีด อารมณ์เสียเพราะหยวนเจ๋อจะจากไปและการเดินท่องราตรีวันไหว้พระจันทร์ที่โดนคนทำลายจึงค่อยยังชั่วบ้าง

นางคลายมือ แลดูหยวนเจ๋อแล้วพยักหน้า “ข้าจะกลับแล้ว”

หยวนเจ๋อพยักหน้า มองตามชิวเยี่ยไป๋ที่หันกายลงเรือ พวกคนของสำนักหอซ่อนกระบี่บนเรือหลายลำที่มิทราบไปรู้ข่าวจากที่ใด เตรียมพร้อมในชุดรัดกุมยืนอยู่ที่กราบเรือแล้ว บนกราบเรือยังมีคนไม่น้อยถือศรธนูในมือเล็งมาบนฝั่งอย่างเอาเป็นเอาตาย

เรือใหญ่ที่รับคนของพวกตนกลับมาอย่างปลอดภัยชักใบทันที แล้วแล่นสู่ความมือมิดเบื้องหน้าต่อไป

หยวนเจ๋อยืนเงียบๆ บนฝั่ง มองดูเงาร่างบนหัวเรือที่เล็กลงทุกที ค่อยๆ ลับไปในม่านราตรี เขาถอนใจเบาๆ คราหนึ่ง “กลับวัดเถิด”

“เจ้าค่ะ!” เสวี่ยหนูผงกศีรษะรับคำอย่างนอบน้อมทันที แววตากวาดผ่านเงาสีเงินของเรือที่ไกลออกไป ดวงตาฉายแววเย็นเยียบ

สองเดือนต่อมา

ฤดูสารทที่ท้องฟ้าสดใสเช้าตรู่ แสงตะวันอันอบอุ่นสาดส่องใส่หมู่บ้านในภูเขาแห่งหนึ่งของเมืองเอกมณฑลเจียงจง หยดน้ำบนใบไม้เขียวขจีทอประกายสดใส สายลมจากท้องทุ่งที่ไกลออกไปโชยพัดกลิ่นอายของดินโคลนและหญ้าสด

เป็นวันฟ้าใสที่อากาศดีอีกวัน

ในหมู่บ้านครึกครื้นจอแจต่างจากความสงบยามปกติ ทุกแห่งหนมีคนกำลังเคาะฆ้องตีกลอง ตุ้มแช่ๆ เต็มไปหมด ผู้คนตะโกนร้องไปทั่ว “เริ่มแล้ว เริ่มแล้ว การแข่งหมาของหมู่บ้านต้าฮวางจะเริ่มแล้ว มาดูหมาดุที่สุด…ต้าชุนแข่งรอบตัดสินกับหมาอ้วนที่สุด…เฝยหลง แทงแล้วห้ามถอน ยกมือแล้วซื้อขาด ใครจะเดิมพันอีกไหมเอ่ย!”

เสียงฆ้องกลองผ่านไปถึงบ้านใหญ่ที่สุดของหมู่บ้านยิ่งส่งเสียงดัง

โครม!

ในที่สุดเสี่ยวชีทนไม่ไหวจึงปิดหน้าต่างอย่างแรง มองดูชิวเยี่ยไป๋ที่กำลังเขียนจดหมายกล่าวด้วยสีหน้าหนักอึ้งว่า “ข้าว่านะคุณชายสี่ ท่านมัวแต่ปล่อยให้ไอ้พวกต้าจ้วงกับชวนจื่อเที่ยวตีฆ้องตีกลองวันๆ แหกปากไปทั่ว เมื่อคืนจนยามสามถึงเงียบลง ทำตัวเหมือนพวกกวักวิญญาณไม่ยอมให้คนอยู่มีชีวิตด้วย!”

ชิวเยี่ยไป๋เป่าจดหมายในมือให้หมึกแห้งเร็วหน่อยพลางกล่าวอย่างไม่สนใจว่า “ข้ารับปากพวกเขา ถ้าพวกเขาผ่านการพิจารณารอบสอง จะปล่อยให้พวกเขาแข่งหมา จะได้ผ่อนคลายกันบ้าง”

เสี่ยวชีอึดอัด “คุณชายสี่ขอรับ ท่านก็ช่างวุ่นวายจริง ทดสอบอะไรกัน ยอดฝีมือของสำนักหอซ่อนกระบี่ของเราตั้งมากมายฝึกวิชาตัวเบาและสอนวิทยายุทธ์ให้พวกเขา มิใช่จะให้พวกเขานำไปจรรโลงการขโมยไก่กัดหมานะขอรับ ท่านมิรู้หรือว่าฉินอวิ๋นกับถังจู่หลายคน ทุกครั้งที่ทดสอบฝีมือพวกหยิบหย่งแทบจะกระอักเลือด!”

เขารู้ดีอยู่แล้วว่าเจ้านายของตนเป็นคนไม่ชอบทิ้งไพ่ตามกติกา แต่คราวนี้ไม่เป็นโล้เป็นพายไปหน่อยจริงๆ!

คุณชายสี่ให้ยอดฝีมือของตนเองจำนวนไม่น้อยทำการฝึกสอนคนหยิบหย่งของกองคั่นเฟิง เดิมทีทุกคนรู้สึกว่าการอบรมคนพวกนี้แม้จะไม่ง่าย ถึงอย่างไรพวกกองคั่นเฟิงส่วนมากก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว กระดูกและเส้นชีพจรแข็งแล้ว

แต่ในเมื่อพวกเขาเป็นอาจารย์ บวกกับเจ้าสำนักบอกไว้แล้ว ถ้าใครสอนลูกศิษย์ได้ดี เจ้าสำนักจะประทานรางวัลกับข้าวสามโต๊ะที่เจ้าสำนักลงมือเข้าครัวเอง!

ไม่มีใครในสำนักไม่รู้ฝีมือการทำอาหารของชิวเยี่ยไป๋ รสชาติที่เจ้าสำนักปรุงออกมาน่าสนใจยิ่งกว่าแก้วแหวนเงินทองเสียอีก จึงย่อมมีคนกระเหี้ยนกระหือรือเตรียมตัวเต็มที่

นึกไม่ถึงว่าการตัดสินของชิวเยี่ยไป๋ทำเอาทุกคนแว่นตกแตก นอกจากให้พวกหยิบหย่งต้องทุบน้ำปีนเขานั่งฝึกกำลังภายในทุกวันซึ่งเป็นการฝึกพื้นฐานแล้ว ยังขอให้พวกยอดฝีมือของหอซ่อนกระบี่มาสอนวิทยายุทธ์ที่แต่ละคนเชี่ยวชาญให้พวกหยิบหย่งอย่างละเอียดที่สุดด้วย และมิได้นำพาให้จะต้องฝึกท่าฝ่ามือหรือหมัดมวยที่จำเพาะเจาะจงให้ได้ เพียงให้สามารถป้องกันตัวและวิ่งหนีได้ ต่อให้เป็นการฝึกท่าร่างพวกหมามุดรูได้เร็วก็ยังดี

บรรดายอดฝีมือแม้จะรู้สึกว่าคนที่หอซ่อนกระบี่ฝึกออกมา เอาแต่ลูกไม้หมามุดรูและวิ่งหนีออกจะฝืนใจเกินไป แต่ยังคงทำเป็นเข้าใจและสอนตามความเหมาะสมของผู้เรียน

ต่อมา ชิวเยี่ยไป๋ยังอุตส่าห์อาศัยสายสัมพันธ์เชื้อเชิญพวกยอดคนในยุทธจักรที่เหมือนมังกรเทพยดาที่เห็นเศียรมิเห็นหางออกมาช่วยฝึกพวกหยิบหย่งด้วย คราวนี้เลยสารพันมีไปทุกอย่าง

ทั้ง ‘กรงเล็บเงินทอง’ ‘ข้ามถ้ำเซียน’ ‘ผู้เฒ่าทะลุฟ้า’ ‘เซียนพนัน’…สรุปแล้วแค่ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นนักเลงหัวไม้อันดับเก้าของยุทธจักร

กรงเล็บเงินทองคือมหาโจรระดับสูงสุด ข้ามถ้ำเซียนคือมหาโจรที่ชำนาญการเจาะรูปลิดบุปผา ว่ากันว่าเกือบขโมยเอาสนมขององค์จักรพรรดิด้วยซ้ำ ส่วนเฒ่าทะลุฟ้าคือคนที่ใช้วิชาตบตาปลอมตัวเป็นเซียนหลอกเงินชาวบ้าน เซียนพนันยิ่งไม่ต้องพูดถึงแน่นอน ถ้าเล่นพนันแล้วขี้โกงจนเลื่องชื่อจะถูกยุทธจักรออกคำสั่งไล่ล่า แม้แต่คนเลี้ยงม้าหัวปีศาจที่เจาะจงขโมยม้าชั้นดีของสำนักงานใหญ่ต่างๆ จนเหม็นคลุ้งก็เชิญมาด้วย…เอาคนพิสดารสารพัดพวกนี้มาสอนพวกหยิบหย่ง

นี่ก็ทำเอาคนของสำนักหอซ่อนกระบี่ได้ประจักษ์ว่า ครานั้นที่ชิวเยี่ยไป๋ติดตามเซียนเฒ่าเจ้าสำนักคนก่อนท่องยุทธจักร มีการคบหากว้างขวางเพียงใด

บรรดาคนหยิบหย่งไปเลือกเรียนวิชาจาก ‘คนขั้นเทพ’ ตามความสนใจของตนเอง ต้องเชี่ยวชาญในวิชาใดวิชาหนึ่งและเรียนควบอีกหลายวิชา แต่หลังเลือกเรียนแล้วต้องเข้าร่วมการทดสอบวิชานั้นๆ โดยถือคะแนนวิชาหลักเป็นสำคัญ คะแนนวิชาเลือกเป็นคะแนนเสริม ทุกครั้งคนที่รั้งท้ายสามอันดับคือไม่ผ่าน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+