ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 156 ไต้ซือกับผีน้ำ (1)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 156 ไต้ซือกับผีน้ำ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พริบตานั้นโจวอวี่คิดว่าตนรู้สึกหลอนไปเอง จึงพาลถลึงตาใส่หลวงจีน เฮอะ หลวงจีนอะไรวะ…ประหลาดสิ้นดี กินเนื้อด้วย ต้องเป็นหลวงจีนปีศาจแน่

 

 

แม้จะมิรู้ว่าทำไมใต้เท้าของตนจึงรั้งตัวหลวงจีนปีศาจไว้ แต่ถ้าเจ้าหลวงจีนปีศาจคิดไม่ซื่อจะทำอะไรใต้เท้าละก็ เขาโจวอวี่ไม่ปล่อยมันไว้แน่!

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ย่อมไม่รู้ว่าสองคนที่อยู่ข้างหลังตนกำลังห้ำหั่นกันด้วยสายตา เพราะมัวแต่จดจ่อเพ่งมองหมอกดำพิศวงเบื้องหน้าที่หนาหนักขึ้นทุกทีและเงี่ยหูฟังเสียงน้ำไหล

 

 

อืม เกือบถึงแล้ว

 

 

เสียง  จ๋อม  ดังขึ้นบนผิวน้ำ คล้ายกับปลาบางชนิดกำลังสะบัดหาง พริบตานั้นชิวเยี่ยไป๋หรี่ตาลง สองมือที่ไพล่หลังพลันกางออกอย่างแรง มือหนึ่งคว้าคอเสื้อของโจวอวี่ อีกมือคว้าชายเสื้อของหลวงจีน ปลายเท้าเตะใส่กราบเรืออย่างแรง พุ่งทะยานสู่ฟากฟ้าราวสายรุ้ง

 

 

นาทีนี้นางแทบจะใช้กำลังภายในถึงสิบส่วน พุ่งตัวจากพื้นทะลุหมอกดำที่หนาหนักขึ้นทุกทีด้วยการกระโจนเพียงครั้งเดียว

 

 

โจวอวี่รู้สึกเบื้องหน้าของตนมีแต่ความมืดมิด จากนั้นก็ถูกใครคนหนึ่งคว้าไว้ข้ามหมอกดำสู่ฟากฟ้าราวเหาะเหิน ทันใดนั้นเบื้องหน้าก็สว่างขึ้น สว่างจนเห็นแสงเงินของจันทราสาดส่องรอบตัว ยังมีผิวน้ำกว้างใหญ่ของคลองขุดอยู่ใต้เท้าอีก

 

 

มิหนำซ้ำเขายังเห็นดวงจันทร์และดวงดาว นอกจากระลอกน้ำระยิบระยับแล้ว ยังมีแสงไฟเป็นจุดของเรือหาปลาอยู่ประปรายที่ขึ้นลงตามระลอกคลื่น งดงามเป็นที่สุด

 

 

ทว่า…พอตั้งสติได้เหลียวมองก็ต้องหน้าซีดเผือดและลนลาน เขามิรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่รู้สึกว่าสองเท้ามิได้สัมผัสกับพื้น ไร้ที่หยั่งเท้า หนึ่งเดียวที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวได้คือมือข้างที่ฉุดตนไว้

 

 

นี่คงไม่ปลอดภัยอย่างยิ่งกระมัง!

 

 

“ใต้…ใต้เท้า!” โจวอวี่พบว่าตนเองกำลังเหาะเหินในอากาศ จึงอยากถามคนที่พาตนเหาะเหินว่าเกิดอะไรขึ้นเป็นธรรมดา

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ไม่ตอบ เพียงเบ้ปากจ้องมองกลุ่มหมอกดำใต้เท้าอย่างเย็นชา พริบตานั้นก็มีเสียงทึบๆ ดังขึ้น คล้ายมีอะไรบางอย่างกำลังตวาดใส่กลุ่มหมอกดำ

 

 

ในที่สุด ราวสิบห้านาทีผ่านไป เรือน้อยลำนั้นพลันแล่นพ้นออกจากหมอกดำประหลาด

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ถอนหายใจเฮือกใหญ่ รีบกระชากสองคนที่ตนคว้าไว้กระโดดลงเรือ เรือลำนั้นราวกับรู้ว่านางจะกระโดดลง จึงหยุดแล่นและหมุนติ้วอยู่กับที่สองรอบอย่างน่าพิศวง ซึ่งพอดีอยู่ในรัศมีที่ชิวเยี่ยไป๋จะโดดลงเรือ

 

 

เห็นชัดว่าชิวเยี่ยไป๋กับอีกสองคนกำลังจะเหยียบพลาดตกลงในน้ำ แค่เพียงชิวเยี่ยไป๋ยักเอวคราหนึ่ง ร่างบนอากาศวาดเป็นเส้นโค้งงดงามแต่แข็งแรง แล้วหักมุมโดยไร้ที่หยั่งเท้ากลางอากาศ ดีดตัวลงสู่เรือน้อย ที่พิสดารคือลงไปพร้อมกับคนอีกสองคนและอาหารถุงใหญ่

 

 

อินชวนกงหรือคนถ่อเรือคนนั้นเห็นนางร่อนลงโดยไม่บุบสลายก็ตัวแข็ง แต่มิได้ทำอะไรอื่น

 

 

“ไอ้ผีตายซาก เมื่อครู่เจ้าทำอะไร เจ้าจงใจใช่หรือไม่!” โจวอวี่ไม่โง่ พอลงเรือยืนได้อย่างทุลักทุเลแล้ว ก็หันไปตวาดใส่อินชวนกงทันที

 

 

เมื่อครู่ใต้เท้าจู่ๆ ก็ออกกระบวนท่า ย่อมเป็นเพราะไอ้ผีเปรตนี่ลอบทำร้ายแน่

 

 

ชิวเยี่ยไป๋กลับยกมือห้ามไว้ ขวางโจวอวี่ที่หน้าตาดุดันมองดูอินชวนกงแล้วส่ายหน้าอย่างจนใจ หัวร่อเบาๆ กล่าวว่า “ความชมชอบเช่นนี้ของอินชวนกงไม่เปลี่ยนเลยนะ”

 

 

อินชวนกงมิได้โงหัวขึ้น เพียงหัวร่อเคี๊ยกๆ เหมือนเสียงโม่หินบดกัน สภาพผีโครงกระดูกหัวร่อ ทำเอาโจวอวี่ขนลุก ได้แต่จับจ้องอินชวนกงอย่างระแวดระวัง

 

 

อินชวนกงไม่มองเขาแต่หันไปทางชิวเยี่ยไป๋ “ไม่เจอะกันหลายปี พลังฝีมือของคุณชายสี่รุดหน้าจนน่าตกใจ ถึงกับบรรลุขั้นเหาะเหินเดินอากาศ น่านับถือจริงๆ!”

 

 

“อินชวนกงชมเชยเกินจริงแล้ว เย่ไป๋[1]ก็แค่ยังจำได้ว่าอินชวนกงมีกฎเกณฑ์และความรักชอบพิเศษเท่านั้นเอง” ชิวเยี่ยไป๋ตอบด้วยใบหน้าแฝงยิ้ม

 

 

อินชวนกง ข้ามฮวงโห สู่อินชว[2] ใครอยากโดยสารเรือจูงวิญญาณ ต้องทิ้งค่าผ่านทางไว้ เพียงแต่ค่าผ่านทางของอินชวนกง บางครั้งแค่เหรียญอีแปะอันเดียวก็พอ บางครั้งเป็นดอกไม้ดอกหนึ่งหรืออาจเป็นนิ้วคนนิ้วหนึ่ง หัวใจคนดวงหนึ่ง บางครั้งเป็นชีวิตคนทั้งเรือ…ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของอินชวนกง

 

 

อินชวนกงส่ายศีรษะแค่นเสียงเย็นชา “ในเมื่อชายสี่รู้กฎเกณฑ์ของข้า ไฉนจึงลงมือช่วยสองคนนั้นเล่า ข้าผู้ชราต้องการค่าโดยสาร และวันนี้ก็คือชีวิตของสองคนนี้!”

 

 

น้ำเสียงเย็นเยือก ฟังแล้วชวนสยอง

 

 

ชิวเยี่ยไป๋แลดูอินชวนกงพลางกล่าวเนือยๆ ว่า “เพราะสองคนนี้ข้าพามาเอง และอินชวนกงท่านลงมือไปคราหนึ่งแล้ว ตามกฎเกณฑ์การโดยสารเรือ จะลงมือซ้ำมิได้”

 

 

อินชวนกงตัวแข็งแล้วหัวร่อประหลาดเคี๊ยกๆ  “คุณชายสี่ ข้านับถือ!”

 

 

ว่าแล้วเขาก็ก้มหน้าที่เหมือนผีกะโหลกหันไปมองโจวอวี่ กล่าวอย่างดูแคลนว่า “ไอ้หนู เจ้ารอดชีวิตมาได้ ไม่ได้ไปเป็นเพื่อนกับพวกข้างล่างก็เพราะความสามารถของคุณชายสี่บ้านเจ้า วันนี้ข้าขี้เกียจถือสาเจ้า!”

 

 

น้ำเสียงของอินชวนกงยะเยือกเหมือนภูตผี ทำเอาโจวอวี่ตัวสั่นอย่างอดมิได้

 

 

เขาพลันรู้สึกว่าตนเองไม่เอาไหนจริงๆ ขณะจะอ้าปากด่ากลับก็ถูกชิวเยี่ยไป๋ฉุดบ่าไว้ นางชี้นิ้วไปที่กลุ่มหมอกดำ “เจ้าดูสิ”

 

 

โจวอวี่มองตามอย่างงงงัน พริบตานั้นจึงพบว่ากลุ่มหมอกที่ตนคิดว่ากินบริเวณกว้างมาก ที่แท้เป็นกลุ่มเล็กนิดเดียว และในกลุ่มหมอกยังพอจะเห็นน้ำสีดำสาดกระเซ็น นั่นเป็นน้ำวนลูกแล้วลูกเล่า จุดศูนย์กลางของน้ำวนยังมีวัตถุสีขาวผลุบๆ โผล่ๆ…นั่นเป็นแขนขาของมนุษย์ที่ตายแล้ว

 

 

พริบตานั้นโจวอวี่เหงื่อเย็นไหลพราก หากเมื่อครู่ใต้เท้ามิได้หิ้วพวกเขากระโจนขึ้น เกรงว่าป่านนี้ตนเองคงตกน้ำกลายเป็นหนึ่งในศพเหล่านั้นแล้ว

 

 

เขาเพิ่งคิดจะพูด พลันหางตาเหลือบเห็นด้านหลวงจีนผมเงินกำลังหลับตา ร่างส่ายโงนเงนตกลงไปในน้ำ

 

 

โจวอวี่ตกใจไม่ทันได้ถาม รีบยื่นมือไปคว้าหลวงจีนผมเงิน นึกไม่ถึงว่าไม่ทันเสียแล้ว

 

 

ตูม!  เสียงน้ำดังสนั่น หลวงจีนหงายหลังตกลงน้ำ

 

 

บังเอิญชิวเยี่ยไป๋หันมาเห็นฉากนี้พอดี จึงดึงสายรัดเอวดีดลงในน้ำทันที พอดีพันกับข้อเท้าคนผู้นั้น และลากขึ้นมาอย่างแข็งขืนเหมือนสาวเบ็ดลากปลา ลากเอาหลวงจีนถึงกราบเรือ เท้ายังอยู่เหนือผิวน้ำแต่ร่างกายส่วนอื่นยังจมอยู่ในน้ำ!

 

 

“ขึ้น!” ชิวเยี่ยไป๋หรี่ตาเล็กน้อยแล้วสะบัดเชือกในมืออย่างแรง พริบตานั้นหลวงจีนที่ห้อยหัวลงล่างและเปียกโชกก็ถูกดึงขึ้นเรือ!

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] เย่ไป๋ (叶白)  คือนามที่ ชิวเยี่ยไป๋ใช้ในยุทธภพ

 

 

[2] อินชวน (阴川)  หมายถึง แม่น้ำอเวจี 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 156 ไต้ซือกับผีน้ำ (1)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 156 ไต้ซือกับผีน้ำ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พริบตานั้นโจวอวี่คิดว่าตนรู้สึกหลอนไปเอง จึงพาลถลึงตาใส่หลวงจีน เฮอะ หลวงจีนอะไรวะ…ประหลาดสิ้นดี กินเนื้อด้วย ต้องเป็นหลวงจีนปีศาจแน่

 

 

แม้จะมิรู้ว่าทำไมใต้เท้าของตนจึงรั้งตัวหลวงจีนปีศาจไว้ แต่ถ้าเจ้าหลวงจีนปีศาจคิดไม่ซื่อจะทำอะไรใต้เท้าละก็ เขาโจวอวี่ไม่ปล่อยมันไว้แน่!

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ย่อมไม่รู้ว่าสองคนที่อยู่ข้างหลังตนกำลังห้ำหั่นกันด้วยสายตา เพราะมัวแต่จดจ่อเพ่งมองหมอกดำพิศวงเบื้องหน้าที่หนาหนักขึ้นทุกทีและเงี่ยหูฟังเสียงน้ำไหล

 

 

อืม เกือบถึงแล้ว

 

 

เสียง  จ๋อม  ดังขึ้นบนผิวน้ำ คล้ายกับปลาบางชนิดกำลังสะบัดหาง พริบตานั้นชิวเยี่ยไป๋หรี่ตาลง สองมือที่ไพล่หลังพลันกางออกอย่างแรง มือหนึ่งคว้าคอเสื้อของโจวอวี่ อีกมือคว้าชายเสื้อของหลวงจีน ปลายเท้าเตะใส่กราบเรืออย่างแรง พุ่งทะยานสู่ฟากฟ้าราวสายรุ้ง

 

 

นาทีนี้นางแทบจะใช้กำลังภายในถึงสิบส่วน พุ่งตัวจากพื้นทะลุหมอกดำที่หนาหนักขึ้นทุกทีด้วยการกระโจนเพียงครั้งเดียว

 

 

โจวอวี่รู้สึกเบื้องหน้าของตนมีแต่ความมืดมิด จากนั้นก็ถูกใครคนหนึ่งคว้าไว้ข้ามหมอกดำสู่ฟากฟ้าราวเหาะเหิน ทันใดนั้นเบื้องหน้าก็สว่างขึ้น สว่างจนเห็นแสงเงินของจันทราสาดส่องรอบตัว ยังมีผิวน้ำกว้างใหญ่ของคลองขุดอยู่ใต้เท้าอีก

 

 

มิหนำซ้ำเขายังเห็นดวงจันทร์และดวงดาว นอกจากระลอกน้ำระยิบระยับแล้ว ยังมีแสงไฟเป็นจุดของเรือหาปลาอยู่ประปรายที่ขึ้นลงตามระลอกคลื่น งดงามเป็นที่สุด

 

 

ทว่า…พอตั้งสติได้เหลียวมองก็ต้องหน้าซีดเผือดและลนลาน เขามิรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่รู้สึกว่าสองเท้ามิได้สัมผัสกับพื้น ไร้ที่หยั่งเท้า หนึ่งเดียวที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวได้คือมือข้างที่ฉุดตนไว้

 

 

นี่คงไม่ปลอดภัยอย่างยิ่งกระมัง!

 

 

“ใต้…ใต้เท้า!” โจวอวี่พบว่าตนเองกำลังเหาะเหินในอากาศ จึงอยากถามคนที่พาตนเหาะเหินว่าเกิดอะไรขึ้นเป็นธรรมดา

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ไม่ตอบ เพียงเบ้ปากจ้องมองกลุ่มหมอกดำใต้เท้าอย่างเย็นชา พริบตานั้นก็มีเสียงทึบๆ ดังขึ้น คล้ายมีอะไรบางอย่างกำลังตวาดใส่กลุ่มหมอกดำ

 

 

ในที่สุด ราวสิบห้านาทีผ่านไป เรือน้อยลำนั้นพลันแล่นพ้นออกจากหมอกดำประหลาด

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ถอนหายใจเฮือกใหญ่ รีบกระชากสองคนที่ตนคว้าไว้กระโดดลงเรือ เรือลำนั้นราวกับรู้ว่านางจะกระโดดลง จึงหยุดแล่นและหมุนติ้วอยู่กับที่สองรอบอย่างน่าพิศวง ซึ่งพอดีอยู่ในรัศมีที่ชิวเยี่ยไป๋จะโดดลงเรือ

 

 

เห็นชัดว่าชิวเยี่ยไป๋กับอีกสองคนกำลังจะเหยียบพลาดตกลงในน้ำ แค่เพียงชิวเยี่ยไป๋ยักเอวคราหนึ่ง ร่างบนอากาศวาดเป็นเส้นโค้งงดงามแต่แข็งแรง แล้วหักมุมโดยไร้ที่หยั่งเท้ากลางอากาศ ดีดตัวลงสู่เรือน้อย ที่พิสดารคือลงไปพร้อมกับคนอีกสองคนและอาหารถุงใหญ่

 

 

อินชวนกงหรือคนถ่อเรือคนนั้นเห็นนางร่อนลงโดยไม่บุบสลายก็ตัวแข็ง แต่มิได้ทำอะไรอื่น

 

 

“ไอ้ผีตายซาก เมื่อครู่เจ้าทำอะไร เจ้าจงใจใช่หรือไม่!” โจวอวี่ไม่โง่ พอลงเรือยืนได้อย่างทุลักทุเลแล้ว ก็หันไปตวาดใส่อินชวนกงทันที

 

 

เมื่อครู่ใต้เท้าจู่ๆ ก็ออกกระบวนท่า ย่อมเป็นเพราะไอ้ผีเปรตนี่ลอบทำร้ายแน่

 

 

ชิวเยี่ยไป๋กลับยกมือห้ามไว้ ขวางโจวอวี่ที่หน้าตาดุดันมองดูอินชวนกงแล้วส่ายหน้าอย่างจนใจ หัวร่อเบาๆ กล่าวว่า “ความชมชอบเช่นนี้ของอินชวนกงไม่เปลี่ยนเลยนะ”

 

 

อินชวนกงมิได้โงหัวขึ้น เพียงหัวร่อเคี๊ยกๆ เหมือนเสียงโม่หินบดกัน สภาพผีโครงกระดูกหัวร่อ ทำเอาโจวอวี่ขนลุก ได้แต่จับจ้องอินชวนกงอย่างระแวดระวัง

 

 

อินชวนกงไม่มองเขาแต่หันไปทางชิวเยี่ยไป๋ “ไม่เจอะกันหลายปี พลังฝีมือของคุณชายสี่รุดหน้าจนน่าตกใจ ถึงกับบรรลุขั้นเหาะเหินเดินอากาศ น่านับถือจริงๆ!”

 

 

“อินชวนกงชมเชยเกินจริงแล้ว เย่ไป๋[1]ก็แค่ยังจำได้ว่าอินชวนกงมีกฎเกณฑ์และความรักชอบพิเศษเท่านั้นเอง” ชิวเยี่ยไป๋ตอบด้วยใบหน้าแฝงยิ้ม

 

 

อินชวนกง ข้ามฮวงโห สู่อินชว[2] ใครอยากโดยสารเรือจูงวิญญาณ ต้องทิ้งค่าผ่านทางไว้ เพียงแต่ค่าผ่านทางของอินชวนกง บางครั้งแค่เหรียญอีแปะอันเดียวก็พอ บางครั้งเป็นดอกไม้ดอกหนึ่งหรืออาจเป็นนิ้วคนนิ้วหนึ่ง หัวใจคนดวงหนึ่ง บางครั้งเป็นชีวิตคนทั้งเรือ…ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของอินชวนกง

 

 

อินชวนกงส่ายศีรษะแค่นเสียงเย็นชา “ในเมื่อชายสี่รู้กฎเกณฑ์ของข้า ไฉนจึงลงมือช่วยสองคนนั้นเล่า ข้าผู้ชราต้องการค่าโดยสาร และวันนี้ก็คือชีวิตของสองคนนี้!”

 

 

น้ำเสียงเย็นเยือก ฟังแล้วชวนสยอง

 

 

ชิวเยี่ยไป๋แลดูอินชวนกงพลางกล่าวเนือยๆ ว่า “เพราะสองคนนี้ข้าพามาเอง และอินชวนกงท่านลงมือไปคราหนึ่งแล้ว ตามกฎเกณฑ์การโดยสารเรือ จะลงมือซ้ำมิได้”

 

 

อินชวนกงตัวแข็งแล้วหัวร่อประหลาดเคี๊ยกๆ  “คุณชายสี่ ข้านับถือ!”

 

 

ว่าแล้วเขาก็ก้มหน้าที่เหมือนผีกะโหลกหันไปมองโจวอวี่ กล่าวอย่างดูแคลนว่า “ไอ้หนู เจ้ารอดชีวิตมาได้ ไม่ได้ไปเป็นเพื่อนกับพวกข้างล่างก็เพราะความสามารถของคุณชายสี่บ้านเจ้า วันนี้ข้าขี้เกียจถือสาเจ้า!”

 

 

น้ำเสียงของอินชวนกงยะเยือกเหมือนภูตผี ทำเอาโจวอวี่ตัวสั่นอย่างอดมิได้

 

 

เขาพลันรู้สึกว่าตนเองไม่เอาไหนจริงๆ ขณะจะอ้าปากด่ากลับก็ถูกชิวเยี่ยไป๋ฉุดบ่าไว้ นางชี้นิ้วไปที่กลุ่มหมอกดำ “เจ้าดูสิ”

 

 

โจวอวี่มองตามอย่างงงงัน พริบตานั้นจึงพบว่ากลุ่มหมอกที่ตนคิดว่ากินบริเวณกว้างมาก ที่แท้เป็นกลุ่มเล็กนิดเดียว และในกลุ่มหมอกยังพอจะเห็นน้ำสีดำสาดกระเซ็น นั่นเป็นน้ำวนลูกแล้วลูกเล่า จุดศูนย์กลางของน้ำวนยังมีวัตถุสีขาวผลุบๆ โผล่ๆ…นั่นเป็นแขนขาของมนุษย์ที่ตายแล้ว

 

 

พริบตานั้นโจวอวี่เหงื่อเย็นไหลพราก หากเมื่อครู่ใต้เท้ามิได้หิ้วพวกเขากระโจนขึ้น เกรงว่าป่านนี้ตนเองคงตกน้ำกลายเป็นหนึ่งในศพเหล่านั้นแล้ว

 

 

เขาเพิ่งคิดจะพูด พลันหางตาเหลือบเห็นด้านหลวงจีนผมเงินกำลังหลับตา ร่างส่ายโงนเงนตกลงไปในน้ำ

 

 

โจวอวี่ตกใจไม่ทันได้ถาม รีบยื่นมือไปคว้าหลวงจีนผมเงิน นึกไม่ถึงว่าไม่ทันเสียแล้ว

 

 

ตูม!  เสียงน้ำดังสนั่น หลวงจีนหงายหลังตกลงน้ำ

 

 

บังเอิญชิวเยี่ยไป๋หันมาเห็นฉากนี้พอดี จึงดึงสายรัดเอวดีดลงในน้ำทันที พอดีพันกับข้อเท้าคนผู้นั้น และลากขึ้นมาอย่างแข็งขืนเหมือนสาวเบ็ดลากปลา ลากเอาหลวงจีนถึงกราบเรือ เท้ายังอยู่เหนือผิวน้ำแต่ร่างกายส่วนอื่นยังจมอยู่ในน้ำ!

 

 

“ขึ้น!” ชิวเยี่ยไป๋หรี่ตาเล็กน้อยแล้วสะบัดเชือกในมืออย่างแรง พริบตานั้นหลวงจีนที่ห้อยหัวลงล่างและเปียกโชกก็ถูกดึงขึ้นเรือ!

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] เย่ไป๋ (叶白)  คือนามที่ ชิวเยี่ยไป๋ใช้ในยุทธภพ

 

 

[2] อินชวน (阴川)  หมายถึง แม่น้ำอเวจี 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+