ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 159 อาตมาไม่เคยมุสา (1)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 159 อาตมาไม่เคยมุสา (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ชิวเยี่ยไป๋ทอดถอนใจ “โลกนี้ประหลาดจริงหนอ หนึ่งเนื้อหนึ่งโลก พุทธะพูดความจริง”

 

 

โจวอวี่อดถามมิได้ “พุทธะเคยพูดเช่นนี้หรือ!”

 

 

อย่างไรก็ตาม ภาพที่เห็นนี้ทำเอาโจวอวี่อกสั่นขวัญแขวน จนต้องพยายามลบล้างความเชื่อที่มีมาค่อนชีวิตของตนเอง

 

 

โจวอวี่มองไกลออกไปเห็นมีตะเกียงผลึกแก้วของชาวเรือ และยังเห็นคนถืออาวุธจำนวนไม่น้อยที่นั่งเรือเล็กตรวจตราริมฝั่ง ไกลออกไปอีกเป็นภูเขาเตี้ยๆ ที่มีอาคารซึ่งมีคนปีนป่ายเหินบินไปมา

 

 

เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าสู่แดนยุทธจักรอย่างแท้จริง

 

 

ชิวเยี่ยไป๋แลดูเรือเร็วที่พุ่งมาหาเรือของตนอย่างยิ้มแย้ม

 

 

เรือลาดตระเวนลำนั้นมิได้เข้าใกล้ แต่คนบนเรือสะกิดปลายเท้าเหินกายข้ามมาลงเรือของชิวเยี่ยไป๋ แล้วกล่าวอย่างตำหนิว่า “คุณชายสี่ ท่านมาช้าเกินไป”

 

 

โจวอวี่เพ่งดู บุรุษเยาว์วัยท่าทางคล่องแคล่วที่แท้เป็นเสี่ยวชี

 

 

คือเสี่ยวชีที่ก่อนหน้านี้หน้าตาล่อกแล่กเอาแต่รับคำประจบประแจง

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ดีดนิ้วใส่หน้าผากเสี่ยวชีพลางหัวร่อ “พูดจาไม่รู้ที่ต่ำที่สูง”

 

 

เสี่ยวชีกุมศีรษะมองดูโจวอวี่ เลิกคิ้วกล่าวว่า “คุณชายสี่ ท่านยอมรับมันไว้อุ่นเตียงหรือ”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ตบกะโหลกอีกครั้ง ด่ายิ้มๆ ว่า “ไอ้บ้า เสี่ยวชี เจ้าชักคันแล้วหรือ ข้ารับเจ้าไว้อุ่นเตียงก็ได้นะ!”

 

 

โจวอวี่ได้ยินคำว่าอุ่นเตียงก็ใจเต้นโครมคราม ดูเหมือนจะคุ้นๆ แต่คำพูดต่อมาของชิวเยี่ยไป๋ทำเอาเขาเดือดดาลอยู่บ้าง

 

 

เสี่ยวชีรีบถอย สายตาจับจ้องที่คนตัวเปียกโชกบนพื้น แล้วกล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “คุณชายสี่ ท่านจะส่งศพซากหนึ่งเป็นของขวัญวันเกิดหัวหน้าหลินหรือ หัวหน้าหลินเป็นหัวหน้าผีน้ำ มิได้หมายความว่าจะชมชอบซากศพที่เปียกโชกนะขอรับ ท่านจะให้ทั้งทีน่าจะเลือกศพที่ผูกคอตายกระมัง!”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เห็นเสี่ยวชีพูดซี้ซั้ว แต่เรือกำลังเชื่อมต่อกัน พวกผีน้ำที่พอดียืนอยู่ข้าง ‘ศพ’ สีหน้าประหลาดในพริบตา

 

 

แม้จะรู้อยู่แล้วว่าคุณชายเจ้าสำนักหอซ่อนกระบี่เป็นคนพิสดาร แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะเล่นพิเรนทร์ถึงเพียงนี้

 

 

นางหัวร่อแล้วเตรียมจะจัดการกับเจ้าคนรับใช้งี่เง่า แต่ท่ามกลางสายตาของธารกำนัล ‘ศพ’ เปียกโชกพลันพลิกตัวและบังเอิญกอดขาของผีน้ำคนหนึ่ง แล้วถูตัวกับขาข้างนั้น เศษเนื้อและน้ำลายบนผิวเปื้อนไปทั้งขา จากนั้นก็อิงกับขา…หลับไป

 

 

หากมิใช่ผีน้ำเหล่านี้ผ่านการฝึกฝนเป็นอย่างดี คงมีคนกระโดดจากเรือแล้ว แต่ถึงอย่างไรพวกเขายังคงตกใจไม่น้อย

 

 

คนซวยที่ถูกกอดขาไว้มิได้สะบัดออก ยืนตัวแข็งทำหน้าปูเลี่ยนอยู่ตรงนั้น

 

 

“คุณชายสี่…นี่เป็น…”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋พยักหน้า มองดูผีน้ำที่ฉี่เกือบราดกล่าวว่า “เป็นดั่งที่เจ้าคิด คนที่กอดขาเจ้าไว้เป็นคน เขาคือ ไต้ซือเมิ่งอี๋…เจ้าสำนักซวีอู๋แห่งภูเขาซวีอู๋ เขามาอวยพรวันเกิดหัวหน้าใหญ่”

 

 

ภูเขาซวีอู๋ สำนักซวีอู๋ ไต้ซือเมิ่งอี๋

 

 

บรรดาผีน้ำมองหน้ากัน พวกผีน้ำถือได้ว่าข่าวคราวฉับไว แต่ไม่เคยมีใครได้ยินชื่อสำนักลึกลับนี้มาก่อน!

 

 

แต่บนโลกนี้ไม่มีใครอยากยอมรับว่าตนเองโง่หรือไม่รอบรู้

 

 

ดังนั้นบรรดาผีน้ำจึงอุทานพร้อมกันราวกับนัดไว้ว่า “ที่แท้คือไต้ซือเมิ่งอี๋ ช่างเสียมารยาทจริงเชียว”

 

 

ผีน้ำที่ถูกไต้ซือกอดขาไว้ ดูเหมือนจะผ่อนคลายลงแต่ยังคงจิตใจสับสน ถึงอย่างไรบุรุษปกติคนหนึ่งจู่ๆ ถูกบุรุษด้วยกันกอดไว้แล้วถูตัวกับท่อนขา แม้จะเป็นหลวงจีนและตัวเปียกโชก แต่ก็ยังรู้สึกจักกะจี้หัวใจไม่น้อย

 

 

เขาแลดูชิวเยี่ยไป๋แล้วถามอย่างยำเกรงว่า “เอ้อ คุณชายสี่ แล้วไต้ซือกอดขาข้าไว้ทำไม”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ถอนใจ “เพราะไต้ซือกำลังภาวนาอวยพรเจ้า”

 

 

นางหยุดลงแล้วกล่าวต่อ “การกอดขาเป็นพิธีกรรมการภาวนาให้พรของสำนักซวีอู๋”

 

 

ผีน้ำคนนั้นงงงัน ไม่รู้จะพูดอย่างไร

 

 

ผีน้ำอื่นๆ “โอ้ ไต้ซือช่างมีมุทิตาจิตจริง!”

 

 

โจวอวี่เห็นชิวเยี่ยไป๋พูดซี้ซั้วอย่างไม่กระดากปากก็รู้สึกสับสน หรือว่า…ตัวเขาซึ่งเป็นบุตรหลานตระกูลใหญ่ตัวจริง จะต้องลดตัวลงเกลือกกลั้วและฝากอนาคตไว้กับคนไร้ยางอายกระนั้นหรือ

 

 

เคราะห์กรรม เป็นเคราะห์กรรมจริงๆ

 

 

แต่พอหันไปมองเสี่ยวชี กลับเห็นเสี่ยวชีขยิบตาให้ สีหน้าบ่งบอกว่าโจวอวี่โลกแคบเองจึงไม่เคยเห็น นั่นทำให้โจวอวี่จึงยิ่งสับสนหนักขึ้น

 

 

“เอ้อ…แล้วเมื่อไหร่ไต้ซือจะภาวนาเสร็จ” ผีน้ำคนนั้นไม่ชินกับพิธีกรรมเช่นนี้จริงๆ

 

 

ชิวเยี่ยไป๋หัวร่อเดินไปตบบ่าเขา “สบายใจเถิด เดี๋ยวเดียวเอง”

 

 

ว่าแล้วนางก็ยกเท้าถีบเบาๆ ใส่หน้าอกของไต้ซือ ปล่อยให้ไต้ซือนอนหงายแอ้งแม้งอีกครั้ง แล้วกลิ้งหัวทิ่มลงน้ำไป

 

 

“คุณชายสี่!”

 

 

“ใต้เท้า!”

 

 

“…”

 

 

พริบตานั้นทุกคนต่างงงงันไปกับการกระทำของชิวเยี่ยไป๋ เบิกตากว้างมองดูเงาร่างสีขาวของคนคนนั้นที่ค่อยๆ จมลงในน้ำ

 

 

โจวอวี่กระซิบข้างหูของชิวเยี่ยไป๋อย่างอดไม่ได้ “ใต้เท้า ท่านจู่ๆ ลงมือฆ่าเจ้าหลวงจีนทำไม”

 

 

ลากไอ้ตัวถ่วงมาตลอดทาง หรือเพียงเพื่อจะมาฆ่า ณ ที่แห่งนี้!

 

 

“ทั้งตัวมันสกปรกขนาดนี้ ไม่ล้างเนื้อล้างตัวหน่อยจะไปพบผู้คนได้อย่างไร ยิ่งนอนขี้เซาปลุกไม่ตื่น เช่นนี้เจ้าจะแบกมันไปหรือ” ชิวเยี่ยไป๋กล่าวเนือยๆ แล้วพลันสะบัดมือ สายรัดเอวเปียกชุ่มที่เดิมรัดอยู่ที่เอวก็ฟาดแหวกผิวน้ำลงไปพันไว้กับของหนัก พอออกแรงชักกลับ ร่างของไต้ซือเมิ่งอี๋ก็โผล่พ้นผิวน้ำอีกครั้ง

 

 

โจวอวี่ฟังแล้วจึงผงกศีรษะยิ้มๆ “ใต้เท้าเชิญต่อ!”

 

 

นึกถึงสภาพทุเรศทุรังของหลวงจีนที่เกลือกกับพื้นเมื่อครู่เขาก็อยากอาเจียน ไม่อยากแตะต้องมันแม้แต่ขุมขน!

 

 

ชิวเยี่ยไป๋แลดูหลวงจีนที่หลังฟาดกับพื้นแต่ไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย นึกในใจว่าน่านับถือหรือจนใจกันแน่ แต่เห็นได้ชัดว่าคนประหลาดคนนี้เป็นที่เคลือบแคลงของผู้คนเสียแล้ว

 

 

บรรดาผีน้ำต่างมองหน้ากันและนึกในใจว่า นี่มันอะไรกัน

 

 

ดูท่าจะเป็นเรื่องไม่ปกติธรรมดาเสียแล้ว

 

 

สายตาของชิวเยี่ยไป๋เหลือบผ่านถุงอาหารคาวข้างกายอย่างไร้เจตนา นางนึกไปนึกมาก็หันไปขยิบตาให้โจวอวี่กับเสี่ยวชี

 

 

เสี่ยวชีรับใช้เจ้านายหลายปีย่อมรู้ใจ ส่วนโจวอวี่เป็นคนฉลาดมีไหวพริบ จึงรู้ความหมายของนางอย่างรวดเร็ว แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนักว่านางคิดอะไรอยู่ แต่ทั้งสองกลับหัวร่อพร้อมกัน คนหนึ่งแสร้งทำเป็นไปพยุงหลวงจีน ใช้ร่างกายบดบังสายตาพวกผีน้ำ ปากร้องว่า “ไต้ซือ ท่านจะสรงน้ำบำเพ็ญเพียรก็แล้วแต่ท่าน แต่ก็ต้องดูสถานการณ์บ้างนะ…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 159 อาตมาไม่เคยมุสา (1)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 159 อาตมาไม่เคยมุสา (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ชิวเยี่ยไป๋ทอดถอนใจ “โลกนี้ประหลาดจริงหนอ หนึ่งเนื้อหนึ่งโลก พุทธะพูดความจริง”

 

 

โจวอวี่อดถามมิได้ “พุทธะเคยพูดเช่นนี้หรือ!”

 

 

อย่างไรก็ตาม ภาพที่เห็นนี้ทำเอาโจวอวี่อกสั่นขวัญแขวน จนต้องพยายามลบล้างความเชื่อที่มีมาค่อนชีวิตของตนเอง

 

 

โจวอวี่มองไกลออกไปเห็นมีตะเกียงผลึกแก้วของชาวเรือ และยังเห็นคนถืออาวุธจำนวนไม่น้อยที่นั่งเรือเล็กตรวจตราริมฝั่ง ไกลออกไปอีกเป็นภูเขาเตี้ยๆ ที่มีอาคารซึ่งมีคนปีนป่ายเหินบินไปมา

 

 

เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าสู่แดนยุทธจักรอย่างแท้จริง

 

 

ชิวเยี่ยไป๋แลดูเรือเร็วที่พุ่งมาหาเรือของตนอย่างยิ้มแย้ม

 

 

เรือลาดตระเวนลำนั้นมิได้เข้าใกล้ แต่คนบนเรือสะกิดปลายเท้าเหินกายข้ามมาลงเรือของชิวเยี่ยไป๋ แล้วกล่าวอย่างตำหนิว่า “คุณชายสี่ ท่านมาช้าเกินไป”

 

 

โจวอวี่เพ่งดู บุรุษเยาว์วัยท่าทางคล่องแคล่วที่แท้เป็นเสี่ยวชี

 

 

คือเสี่ยวชีที่ก่อนหน้านี้หน้าตาล่อกแล่กเอาแต่รับคำประจบประแจง

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ดีดนิ้วใส่หน้าผากเสี่ยวชีพลางหัวร่อ “พูดจาไม่รู้ที่ต่ำที่สูง”

 

 

เสี่ยวชีกุมศีรษะมองดูโจวอวี่ เลิกคิ้วกล่าวว่า “คุณชายสี่ ท่านยอมรับมันไว้อุ่นเตียงหรือ”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ตบกะโหลกอีกครั้ง ด่ายิ้มๆ ว่า “ไอ้บ้า เสี่ยวชี เจ้าชักคันแล้วหรือ ข้ารับเจ้าไว้อุ่นเตียงก็ได้นะ!”

 

 

โจวอวี่ได้ยินคำว่าอุ่นเตียงก็ใจเต้นโครมคราม ดูเหมือนจะคุ้นๆ แต่คำพูดต่อมาของชิวเยี่ยไป๋ทำเอาเขาเดือดดาลอยู่บ้าง

 

 

เสี่ยวชีรีบถอย สายตาจับจ้องที่คนตัวเปียกโชกบนพื้น แล้วกล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “คุณชายสี่ ท่านจะส่งศพซากหนึ่งเป็นของขวัญวันเกิดหัวหน้าหลินหรือ หัวหน้าหลินเป็นหัวหน้าผีน้ำ มิได้หมายความว่าจะชมชอบซากศพที่เปียกโชกนะขอรับ ท่านจะให้ทั้งทีน่าจะเลือกศพที่ผูกคอตายกระมัง!”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เห็นเสี่ยวชีพูดซี้ซั้ว แต่เรือกำลังเชื่อมต่อกัน พวกผีน้ำที่พอดียืนอยู่ข้าง ‘ศพ’ สีหน้าประหลาดในพริบตา

 

 

แม้จะรู้อยู่แล้วว่าคุณชายเจ้าสำนักหอซ่อนกระบี่เป็นคนพิสดาร แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะเล่นพิเรนทร์ถึงเพียงนี้

 

 

นางหัวร่อแล้วเตรียมจะจัดการกับเจ้าคนรับใช้งี่เง่า แต่ท่ามกลางสายตาของธารกำนัล ‘ศพ’ เปียกโชกพลันพลิกตัวและบังเอิญกอดขาของผีน้ำคนหนึ่ง แล้วถูตัวกับขาข้างนั้น เศษเนื้อและน้ำลายบนผิวเปื้อนไปทั้งขา จากนั้นก็อิงกับขา…หลับไป

 

 

หากมิใช่ผีน้ำเหล่านี้ผ่านการฝึกฝนเป็นอย่างดี คงมีคนกระโดดจากเรือแล้ว แต่ถึงอย่างไรพวกเขายังคงตกใจไม่น้อย

 

 

คนซวยที่ถูกกอดขาไว้มิได้สะบัดออก ยืนตัวแข็งทำหน้าปูเลี่ยนอยู่ตรงนั้น

 

 

“คุณชายสี่…นี่เป็น…”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋พยักหน้า มองดูผีน้ำที่ฉี่เกือบราดกล่าวว่า “เป็นดั่งที่เจ้าคิด คนที่กอดขาเจ้าไว้เป็นคน เขาคือ ไต้ซือเมิ่งอี๋…เจ้าสำนักซวีอู๋แห่งภูเขาซวีอู๋ เขามาอวยพรวันเกิดหัวหน้าใหญ่”

 

 

ภูเขาซวีอู๋ สำนักซวีอู๋ ไต้ซือเมิ่งอี๋

 

 

บรรดาผีน้ำมองหน้ากัน พวกผีน้ำถือได้ว่าข่าวคราวฉับไว แต่ไม่เคยมีใครได้ยินชื่อสำนักลึกลับนี้มาก่อน!

 

 

แต่บนโลกนี้ไม่มีใครอยากยอมรับว่าตนเองโง่หรือไม่รอบรู้

 

 

ดังนั้นบรรดาผีน้ำจึงอุทานพร้อมกันราวกับนัดไว้ว่า “ที่แท้คือไต้ซือเมิ่งอี๋ ช่างเสียมารยาทจริงเชียว”

 

 

ผีน้ำที่ถูกไต้ซือกอดขาไว้ ดูเหมือนจะผ่อนคลายลงแต่ยังคงจิตใจสับสน ถึงอย่างไรบุรุษปกติคนหนึ่งจู่ๆ ถูกบุรุษด้วยกันกอดไว้แล้วถูตัวกับท่อนขา แม้จะเป็นหลวงจีนและตัวเปียกโชก แต่ก็ยังรู้สึกจักกะจี้หัวใจไม่น้อย

 

 

เขาแลดูชิวเยี่ยไป๋แล้วถามอย่างยำเกรงว่า “เอ้อ คุณชายสี่ แล้วไต้ซือกอดขาข้าไว้ทำไม”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ถอนใจ “เพราะไต้ซือกำลังภาวนาอวยพรเจ้า”

 

 

นางหยุดลงแล้วกล่าวต่อ “การกอดขาเป็นพิธีกรรมการภาวนาให้พรของสำนักซวีอู๋”

 

 

ผีน้ำคนนั้นงงงัน ไม่รู้จะพูดอย่างไร

 

 

ผีน้ำอื่นๆ “โอ้ ไต้ซือช่างมีมุทิตาจิตจริง!”

 

 

โจวอวี่เห็นชิวเยี่ยไป๋พูดซี้ซั้วอย่างไม่กระดากปากก็รู้สึกสับสน หรือว่า…ตัวเขาซึ่งเป็นบุตรหลานตระกูลใหญ่ตัวจริง จะต้องลดตัวลงเกลือกกลั้วและฝากอนาคตไว้กับคนไร้ยางอายกระนั้นหรือ

 

 

เคราะห์กรรม เป็นเคราะห์กรรมจริงๆ

 

 

แต่พอหันไปมองเสี่ยวชี กลับเห็นเสี่ยวชีขยิบตาให้ สีหน้าบ่งบอกว่าโจวอวี่โลกแคบเองจึงไม่เคยเห็น นั่นทำให้โจวอวี่จึงยิ่งสับสนหนักขึ้น

 

 

“เอ้อ…แล้วเมื่อไหร่ไต้ซือจะภาวนาเสร็จ” ผีน้ำคนนั้นไม่ชินกับพิธีกรรมเช่นนี้จริงๆ

 

 

ชิวเยี่ยไป๋หัวร่อเดินไปตบบ่าเขา “สบายใจเถิด เดี๋ยวเดียวเอง”

 

 

ว่าแล้วนางก็ยกเท้าถีบเบาๆ ใส่หน้าอกของไต้ซือ ปล่อยให้ไต้ซือนอนหงายแอ้งแม้งอีกครั้ง แล้วกลิ้งหัวทิ่มลงน้ำไป

 

 

“คุณชายสี่!”

 

 

“ใต้เท้า!”

 

 

“…”

 

 

พริบตานั้นทุกคนต่างงงงันไปกับการกระทำของชิวเยี่ยไป๋ เบิกตากว้างมองดูเงาร่างสีขาวของคนคนนั้นที่ค่อยๆ จมลงในน้ำ

 

 

โจวอวี่กระซิบข้างหูของชิวเยี่ยไป๋อย่างอดไม่ได้ “ใต้เท้า ท่านจู่ๆ ลงมือฆ่าเจ้าหลวงจีนทำไม”

 

 

ลากไอ้ตัวถ่วงมาตลอดทาง หรือเพียงเพื่อจะมาฆ่า ณ ที่แห่งนี้!

 

 

“ทั้งตัวมันสกปรกขนาดนี้ ไม่ล้างเนื้อล้างตัวหน่อยจะไปพบผู้คนได้อย่างไร ยิ่งนอนขี้เซาปลุกไม่ตื่น เช่นนี้เจ้าจะแบกมันไปหรือ” ชิวเยี่ยไป๋กล่าวเนือยๆ แล้วพลันสะบัดมือ สายรัดเอวเปียกชุ่มที่เดิมรัดอยู่ที่เอวก็ฟาดแหวกผิวน้ำลงไปพันไว้กับของหนัก พอออกแรงชักกลับ ร่างของไต้ซือเมิ่งอี๋ก็โผล่พ้นผิวน้ำอีกครั้ง

 

 

โจวอวี่ฟังแล้วจึงผงกศีรษะยิ้มๆ “ใต้เท้าเชิญต่อ!”

 

 

นึกถึงสภาพทุเรศทุรังของหลวงจีนที่เกลือกกับพื้นเมื่อครู่เขาก็อยากอาเจียน ไม่อยากแตะต้องมันแม้แต่ขุมขน!

 

 

ชิวเยี่ยไป๋แลดูหลวงจีนที่หลังฟาดกับพื้นแต่ไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย นึกในใจว่าน่านับถือหรือจนใจกันแน่ แต่เห็นได้ชัดว่าคนประหลาดคนนี้เป็นที่เคลือบแคลงของผู้คนเสียแล้ว

 

 

บรรดาผีน้ำต่างมองหน้ากันและนึกในใจว่า นี่มันอะไรกัน

 

 

ดูท่าจะเป็นเรื่องไม่ปกติธรรมดาเสียแล้ว

 

 

สายตาของชิวเยี่ยไป๋เหลือบผ่านถุงอาหารคาวข้างกายอย่างไร้เจตนา นางนึกไปนึกมาก็หันไปขยิบตาให้โจวอวี่กับเสี่ยวชี

 

 

เสี่ยวชีรับใช้เจ้านายหลายปีย่อมรู้ใจ ส่วนโจวอวี่เป็นคนฉลาดมีไหวพริบ จึงรู้ความหมายของนางอย่างรวดเร็ว แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนักว่านางคิดอะไรอยู่ แต่ทั้งสองกลับหัวร่อพร้อมกัน คนหนึ่งแสร้งทำเป็นไปพยุงหลวงจีน ใช้ร่างกายบดบังสายตาพวกผีน้ำ ปากร้องว่า “ไต้ซือ ท่านจะสรงน้ำบำเพ็ญเพียรก็แล้วแต่ท่าน แต่ก็ต้องดูสถานการณ์บ้างนะ…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+