ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 273 กอดสักครั้ง (2)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 273 กอดสักครั้ง (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กว่าชิวเยี่ยไป๋จะได้สติ ปลายจมูกของตนก็แนบกับหัวไหล่ของหลวงจีน ได้กลิ่นกำยานจางๆ บนตัวเขา คราวนี้ไม่รู้เพราะอะไร กลิ่นกำยานนี้ดมแล้วเจือจางและสบายกว่าครั้งก่อน

รับรู้ถึงจิตใจบริสุทธิ์ที่หยวนเจ๋ออยากแสดงต่อนาง ชิวเยี่ยไป๋ลังเลครู่หนึ่ง มิได้ปฏิเสธแต่กล่าวเนือยๆ ว่า “อาเจ๋อขอบใจข้าทำไม”

เสียงนุ่มนวลสงบของหยวนเจ๋อดังที่ข้างหู “อาตมาขอบคุณพระโพธิสัตว์ที่ให้ท่านกับข้าผูกบุญสัมพันธ์ อาตมารู้ตัวว่าโง่งมต่อเรื่องทางโลก แต่วันเวลาเหล่านี้ประสกเสี่ยวไป๋ทำให้อาตมาได้พบเห็นแสงและเสียงที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน อาตมาพูดไม่เก่งแต่ก็รู้ว่านี่เป็นบุญกุศล”

ชิวเยี่ยไป๋ยิ้มน้อยๆ คางเกยกับไหล่เขาอย่างเกียจคร้าน กล่าวเนิบนาบว่า “ทำไม คนในเจินเหยียนกงคุ้มกันเจ้าดีเกินไปหรือ”

กอดนี้ อิงแอบเช่นนี้ช่างสบายจริง

หลายปีนี้ มีแต่คนอิงนางตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกอดนางเช่นนี้ ความรู้สึกสดใหม่มาก อาจเพราะกลิ่นกำยานบนตัวของหยวนเจ๋ออบอุ่นและบริสุทธิ์เสมอมา จึงทำให้ผู้คนรู้สึกวางใจอย่างประหลาด

หยวนเจ๋องงงัน เงยหน้ามองนาง “ท่านรู้หรือ”

ชิวเยี่ยไป๋เห็นท่าทางประหลาดใจของหยวนเจ๋อจึงเลิกคิ้วกล่าวว่า “หรือเจ้าจะให้ข้าถือว่าคำพูดพวกนั้นของเจ้าเหมือนลมผ่านหู”

หยวนเจ๋ออึ้งไป ครู่หนึ่งจึงส่ายหน้าช้าๆ แลดูชิวเยี่ยไป๋ด้วยสีหน้าสับสน พึมพำกับตนเองว่า “พูดหมดแล้วกระมัง หรือท่านยังตัดสินใจจะได้เอาหรือ”

ชิวเยี่ยไป๋ดูท่าทางหยวนเจ๋อแล้วก็งงไปหมด เจ้าหลวงจีนคนนี้กำลังพร่ำเพ้ออะไร

หยวนเจ๋อมองมาแล้วหัวร่อ “ไม่มีอะไร แค่นึกถึงบางเรื่องเท่านั้น”

เขาหยุดลง เอื้อมมือเสยผมสีเงินยวงที่ปรกหน้าแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านพูดไม่ผิด วังเจินเหยียนกงกับสิ่งที่อาตมาเห็นในระยะนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง”

“เจ้าเห็นอะไร” ชิวเยี่ยไป๋จำต้องบอกว่ายังคงอยากรู้อยากเห็นอยู่บ้าง หลวงจีนคนนี้โง่งมซึมเซาแต่ไหนแต่ไร ที่แสดงอานุภาพจริงคือตอนที่มีคนเหยียบของกินของเขาบนเกาะน้อย ดูแล้วเหมือนได้สติสตางค์อยู่บ้าง ยามปกติไม่ใช่กินก็นอน ตื่นขึ้นมายังสะลึมสะลืออยู่นั่นเอง

หยวนเจ๋อโค้งมุมปาก “อาตมาเห็นยุทธจักรที่แท้จริง หมดจดในบุญคุณความแค้น ขับม้าเหินเรือ เห็นความจริงใจภายใต้แผนการ เห็นความจริงใจและความทระนงในความสามารถของตนเองภายใต้หน้ากากเหลวไหล”

ชิวเยี่ยไป๋หรี่ตาเล็กน้อย หันไปมองพวกคนหยิบหย่งที่หลังรอดตายอย่างหวุดหวิดแล้ว กำลังดื่มเหล้าทายนิ้วอย่างครื้นเครง “ข้าจะเข้าใจว่าเจ้ากำลังชมข้าได้ไหม เจ้าชมข้าก็ไม่เป็นไร แต่จงอย่าให้ไอ้พวกผีทะเลพวกนั้นได้ยินเจ้าชมพวกมัน ไม่เช่นนั้นเกรงว่าคงหางชี้ฟ้าแล้ว”

หยวนเจ๋อหัวร่อคราหนึ่ง มองตามสายตานางไปยังความครึกครื้นใต้แสงไฟ เป็นกลิ่นอายของทางโลกล้วนๆ เขาถอนใจเบาๆ “ที่สำคัญอาตมายังมองเห็น…อิสรภาพ”

อิสรภาพ…

คราวนี้ชิวเยี่ยไป๋เออออด้วยอย่างไม่ง่ายนัก หยุดชั่วขณะแล้วกล่าวเนือยๆ ว่า “ใช่ อิสรภาพ…”

มิรู้เพราะอะไร นาทีนี้จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าคำนี้นับแต่นี้ไปจะห่างไกลจากนางจนสุดกู่

หยวนเจ๋อพลันเอนเข้าใกล้นาง ก้มหน้าลงเอื้อมมือช่วยเสยไรผมที่ถูกลมพัดจนยุ่งเหยิงไปทัดไว้หลังใบหู

“อีกสักครู่ อาตมาจะขึ้นจากเรือแล้ว จึงขออำลาก่อน”

เขาอยู่ใกล้ชิดถึงเพียงนี้ อากัปกริยานุ่มนวลจนแสนสนิทสนม ทำเอานางหายใจช้าลงเล็กน้อย สายตาตกอยู่ที่ดวงตาซึ่งมีขนตางอนยาวและนัยน์ตาสดใสสีเทาเงิน

มองดูใบหน้านี้ในระยะประชิด ยิ่งทำให้รู้สึกว่าผิวกายของหยวนเจ๋อขาวละเอียดจนแทบจะโปร่งใส

นางกล่าวอย่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวว่า “เจ้าจะไปหาคนของเจินเหยียนกงหรือ”

ได้ยินว่าหยวนเจ๋อจะจากไป จะบอกว่านางไม่รู้สึกสะทกสะท้อนเลยย่อมเป็นไปไม่ได้

“ไม่ พวกเขาจะมาหาข้าเอง” หยวนเจ๋อกล่าวพลางใช้ปลายนิ้วแตะจอนผมของนางให้เรียบร้อย ราวกับว่านี่เป็นงานชิ้นสำคัญ

ชิวเยี่ยไป๋เห็นท่าทางตั้งอกตั้งใจของเขาถึงกับไม่คิดจะห้ามปรามอากัปกริยาที่แสนสนิทสนมนี้

จู่ๆ นางก็ใจลอย “อืม…อย่างนั้นก็ดีแล้ว”

หยวนเจ๋อเก็บไรผมนางเสร็จพลันถามว่า “ประสกเสี่ยวไป๋ อาตมาจะขอให้ท่านรับปากเรื่องหนึ่งได้ไหม”

ชิวเยี่ยไป๋แลดูเขา รู้สึกว่าท่าทางของเขานุ่มนวลดุจสายน้ำ ทำให้ผู้คนรู้สึกหลอนเหมือนเมามายอยู่ในบึงน้ำใสอย่างอดมิได้ และกล่าวอย่างนุ่มนวลตามสัญชาตญาณว่า “เรื่องอะไรหรือ”

จู่ๆ หยวนเจ๋อก็หน้าแดงระเรื่อ สีชมพูเล็กน้อยบนผิวกายที่ผุดผ่องของเขากลายเป็นสีสันที่เย้ายวนผู้คน ชิวเยี่ยไป๋อดหรี่ตามิได้ มองดูรอยแดงชมพูนั้นถามอีกครั้ง “ไม่เป็นไร เจ้าบอกมาก็แล้วกัน ถึงอย่างไรเราก็คบหากันมา เจ้าบอกตรงๆ เถิด”

หยวนเจ๋อเห็นท่าทางของนาง คิดครู่หนึ่งแล้วกล่าวอย่างขวยเขินว่า “อาตมาหิวแล้ว”

พูดจบ เสียงโครกครากก็ดังจากท้องของเขา

ชิวเยี่ยไป๋ “…”

นางช่างโง่อะไรอย่างนี้ ถึงได้คาดหวังอะไรจากหลวงจีนโง่งมที่นอกจากเรื่องกินแล้วไม่นับญาติกับใครเลย!

“เจ้าอยากกินอะไร เดี๋ยวไปถึงก็ได้กินแล้ว” ชิวเยี่ยไป๋สีหน้าไร้ความรู้สึก พอพูดจบก็คิดจะหันกายไปเลย

แต่หยวนเจ๋อพลันดึงแขนเสื้อนางไว้ แล้วล้วงในแขนเสื้อของตนเอง หยิบป้ายยันต์ไม้ท้อออกมายื่นให้ชิวเยี่ยไป๋ ขณะเดียวกันกล่าวอย่างจริงใจว่า “มิรู้ว่าประสกเสี่ยวไป๋ยังจำได้ไหม วันนั้นเจ้ากับข้าตกน้ำพร้อมกัน ต่อมาอาตมาท้องหิวจริงๆ จึงกัดกินซาลาเปาที่วางบนอกท่านโดยไม่เจตนา อาตมายังจำได้ว่าซาลาเปานั้นนุ่มหยุ่นน่ากิน รสชาติดีมาก มิรู้ว่าประสกเสี่ยวไป๋ซื้อจากที่ใด ก่อนกลับวัดจะได้ให้คนไปซื้อสักเข่งหนึ่ง”

เขาจำได้ว่าแป้งที่ทำซาลาเปานั้นหมักได้ดีมาก เข้าปากนุ่มแต่ไม่เหลว ขบแล้วกุบกับดี

น่าจะเป็นฝีมือของพ่อครัวเก่า ก่อนหน้านี้พอเขาพูดถึงซาลาเปาประสกเสี่ยวไป๋เป็นต้องโมโห น่าจะเพราะเขาไปกินเอาซาลาเปาชั้นดีของอีกฝ่าย รับแล้วไม่คืนย่อมเสียมารยาท

“อาตมากับคนของเจินเหยียนกงระหว่างกลับราชธานีโดยทางน้ำ บังเอิญพลัดหลงกัน ดังนั้นบนตัวจึงไม่มีของมีราคาแต่อย่างใด เหลือแต่ป้ายยันต์ของเจินเหยียนกงที่พอจะให้ได้ ป้ายยันต์ไม้ท้อนี้ใช้ระดมสาวกของเจินเหยียนกงได้ส่วนหนึ่ง เห็นป้ายดุจเดียวกับเห็นเจ้าอาวาสหรืออาตมา บางทีประสกเสี่ยวไป๋อาจได้ใช้”

พูดจบ เขาก็นำป้ายยันต์ไม้ท้อสองอันใส่มือชิวเยี่ยไป๋อย่างจริงจัง

ชิวเยี่ยไป๋มองดูของในมือด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก แต่มิได้ปฏิเสธยัดเก็บไว้ในแขนเสื้อแล้วกล่าวว่า “ของนี่ข้ารับไว้ แต่รับยันต์ไว้ ไม่มีซาลาเปา”

หยวนเจ๋องงงัน “ประสกเสี่ยวไป๋ไยจึงคาใจเช่นนี้ อาตมาก็แค่อยากกินซาลาเปาของประสกเสี่ยวไป๋วันนั้นเท่านั้นเอง”

หรือว่าประสกเสี่ยวไป๋ไม่อยากให้ของนี้กับเขาเช่นเดียวกับเถ้าแก่จูของเหลาสุรานั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 273 กอดสักครั้ง (2)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 273 กอดสักครั้ง (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กว่าชิวเยี่ยไป๋จะได้สติ ปลายจมูกของตนก็แนบกับหัวไหล่ของหลวงจีน ได้กลิ่นกำยานจางๆ บนตัวเขา คราวนี้ไม่รู้เพราะอะไร กลิ่นกำยานนี้ดมแล้วเจือจางและสบายกว่าครั้งก่อน

รับรู้ถึงจิตใจบริสุทธิ์ที่หยวนเจ๋ออยากแสดงต่อนาง ชิวเยี่ยไป๋ลังเลครู่หนึ่ง มิได้ปฏิเสธแต่กล่าวเนือยๆ ว่า “อาเจ๋อขอบใจข้าทำไม”

เสียงนุ่มนวลสงบของหยวนเจ๋อดังที่ข้างหู “อาตมาขอบคุณพระโพธิสัตว์ที่ให้ท่านกับข้าผูกบุญสัมพันธ์ อาตมารู้ตัวว่าโง่งมต่อเรื่องทางโลก แต่วันเวลาเหล่านี้ประสกเสี่ยวไป๋ทำให้อาตมาได้พบเห็นแสงและเสียงที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน อาตมาพูดไม่เก่งแต่ก็รู้ว่านี่เป็นบุญกุศล”

ชิวเยี่ยไป๋ยิ้มน้อยๆ คางเกยกับไหล่เขาอย่างเกียจคร้าน กล่าวเนิบนาบว่า “ทำไม คนในเจินเหยียนกงคุ้มกันเจ้าดีเกินไปหรือ”

กอดนี้ อิงแอบเช่นนี้ช่างสบายจริง

หลายปีนี้ มีแต่คนอิงนางตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกอดนางเช่นนี้ ความรู้สึกสดใหม่มาก อาจเพราะกลิ่นกำยานบนตัวของหยวนเจ๋ออบอุ่นและบริสุทธิ์เสมอมา จึงทำให้ผู้คนรู้สึกวางใจอย่างประหลาด

หยวนเจ๋องงงัน เงยหน้ามองนาง “ท่านรู้หรือ”

ชิวเยี่ยไป๋เห็นท่าทางประหลาดใจของหยวนเจ๋อจึงเลิกคิ้วกล่าวว่า “หรือเจ้าจะให้ข้าถือว่าคำพูดพวกนั้นของเจ้าเหมือนลมผ่านหู”

หยวนเจ๋ออึ้งไป ครู่หนึ่งจึงส่ายหน้าช้าๆ แลดูชิวเยี่ยไป๋ด้วยสีหน้าสับสน พึมพำกับตนเองว่า “พูดหมดแล้วกระมัง หรือท่านยังตัดสินใจจะได้เอาหรือ”

ชิวเยี่ยไป๋ดูท่าทางหยวนเจ๋อแล้วก็งงไปหมด เจ้าหลวงจีนคนนี้กำลังพร่ำเพ้ออะไร

หยวนเจ๋อมองมาแล้วหัวร่อ “ไม่มีอะไร แค่นึกถึงบางเรื่องเท่านั้น”

เขาหยุดลง เอื้อมมือเสยผมสีเงินยวงที่ปรกหน้าแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านพูดไม่ผิด วังเจินเหยียนกงกับสิ่งที่อาตมาเห็นในระยะนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง”

“เจ้าเห็นอะไร” ชิวเยี่ยไป๋จำต้องบอกว่ายังคงอยากรู้อยากเห็นอยู่บ้าง หลวงจีนคนนี้โง่งมซึมเซาแต่ไหนแต่ไร ที่แสดงอานุภาพจริงคือตอนที่มีคนเหยียบของกินของเขาบนเกาะน้อย ดูแล้วเหมือนได้สติสตางค์อยู่บ้าง ยามปกติไม่ใช่กินก็นอน ตื่นขึ้นมายังสะลึมสะลืออยู่นั่นเอง

หยวนเจ๋อโค้งมุมปาก “อาตมาเห็นยุทธจักรที่แท้จริง หมดจดในบุญคุณความแค้น ขับม้าเหินเรือ เห็นความจริงใจภายใต้แผนการ เห็นความจริงใจและความทระนงในความสามารถของตนเองภายใต้หน้ากากเหลวไหล”

ชิวเยี่ยไป๋หรี่ตาเล็กน้อย หันไปมองพวกคนหยิบหย่งที่หลังรอดตายอย่างหวุดหวิดแล้ว กำลังดื่มเหล้าทายนิ้วอย่างครื้นเครง “ข้าจะเข้าใจว่าเจ้ากำลังชมข้าได้ไหม เจ้าชมข้าก็ไม่เป็นไร แต่จงอย่าให้ไอ้พวกผีทะเลพวกนั้นได้ยินเจ้าชมพวกมัน ไม่เช่นนั้นเกรงว่าคงหางชี้ฟ้าแล้ว”

หยวนเจ๋อหัวร่อคราหนึ่ง มองตามสายตานางไปยังความครึกครื้นใต้แสงไฟ เป็นกลิ่นอายของทางโลกล้วนๆ เขาถอนใจเบาๆ “ที่สำคัญอาตมายังมองเห็น…อิสรภาพ”

อิสรภาพ…

คราวนี้ชิวเยี่ยไป๋เออออด้วยอย่างไม่ง่ายนัก หยุดชั่วขณะแล้วกล่าวเนือยๆ ว่า “ใช่ อิสรภาพ…”

มิรู้เพราะอะไร นาทีนี้จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าคำนี้นับแต่นี้ไปจะห่างไกลจากนางจนสุดกู่

หยวนเจ๋อพลันเอนเข้าใกล้นาง ก้มหน้าลงเอื้อมมือช่วยเสยไรผมที่ถูกลมพัดจนยุ่งเหยิงไปทัดไว้หลังใบหู

“อีกสักครู่ อาตมาจะขึ้นจากเรือแล้ว จึงขออำลาก่อน”

เขาอยู่ใกล้ชิดถึงเพียงนี้ อากัปกริยานุ่มนวลจนแสนสนิทสนม ทำเอานางหายใจช้าลงเล็กน้อย สายตาตกอยู่ที่ดวงตาซึ่งมีขนตางอนยาวและนัยน์ตาสดใสสีเทาเงิน

มองดูใบหน้านี้ในระยะประชิด ยิ่งทำให้รู้สึกว่าผิวกายของหยวนเจ๋อขาวละเอียดจนแทบจะโปร่งใส

นางกล่าวอย่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวว่า “เจ้าจะไปหาคนของเจินเหยียนกงหรือ”

ได้ยินว่าหยวนเจ๋อจะจากไป จะบอกว่านางไม่รู้สึกสะทกสะท้อนเลยย่อมเป็นไปไม่ได้

“ไม่ พวกเขาจะมาหาข้าเอง” หยวนเจ๋อกล่าวพลางใช้ปลายนิ้วแตะจอนผมของนางให้เรียบร้อย ราวกับว่านี่เป็นงานชิ้นสำคัญ

ชิวเยี่ยไป๋เห็นท่าทางตั้งอกตั้งใจของเขาถึงกับไม่คิดจะห้ามปรามอากัปกริยาที่แสนสนิทสนมนี้

จู่ๆ นางก็ใจลอย “อืม…อย่างนั้นก็ดีแล้ว”

หยวนเจ๋อเก็บไรผมนางเสร็จพลันถามว่า “ประสกเสี่ยวไป๋ อาตมาจะขอให้ท่านรับปากเรื่องหนึ่งได้ไหม”

ชิวเยี่ยไป๋แลดูเขา รู้สึกว่าท่าทางของเขานุ่มนวลดุจสายน้ำ ทำให้ผู้คนรู้สึกหลอนเหมือนเมามายอยู่ในบึงน้ำใสอย่างอดมิได้ และกล่าวอย่างนุ่มนวลตามสัญชาตญาณว่า “เรื่องอะไรหรือ”

จู่ๆ หยวนเจ๋อก็หน้าแดงระเรื่อ สีชมพูเล็กน้อยบนผิวกายที่ผุดผ่องของเขากลายเป็นสีสันที่เย้ายวนผู้คน ชิวเยี่ยไป๋อดหรี่ตามิได้ มองดูรอยแดงชมพูนั้นถามอีกครั้ง “ไม่เป็นไร เจ้าบอกมาก็แล้วกัน ถึงอย่างไรเราก็คบหากันมา เจ้าบอกตรงๆ เถิด”

หยวนเจ๋อเห็นท่าทางของนาง คิดครู่หนึ่งแล้วกล่าวอย่างขวยเขินว่า “อาตมาหิวแล้ว”

พูดจบ เสียงโครกครากก็ดังจากท้องของเขา

ชิวเยี่ยไป๋ “…”

นางช่างโง่อะไรอย่างนี้ ถึงได้คาดหวังอะไรจากหลวงจีนโง่งมที่นอกจากเรื่องกินแล้วไม่นับญาติกับใครเลย!

“เจ้าอยากกินอะไร เดี๋ยวไปถึงก็ได้กินแล้ว” ชิวเยี่ยไป๋สีหน้าไร้ความรู้สึก พอพูดจบก็คิดจะหันกายไปเลย

แต่หยวนเจ๋อพลันดึงแขนเสื้อนางไว้ แล้วล้วงในแขนเสื้อของตนเอง หยิบป้ายยันต์ไม้ท้อออกมายื่นให้ชิวเยี่ยไป๋ ขณะเดียวกันกล่าวอย่างจริงใจว่า “มิรู้ว่าประสกเสี่ยวไป๋ยังจำได้ไหม วันนั้นเจ้ากับข้าตกน้ำพร้อมกัน ต่อมาอาตมาท้องหิวจริงๆ จึงกัดกินซาลาเปาที่วางบนอกท่านโดยไม่เจตนา อาตมายังจำได้ว่าซาลาเปานั้นนุ่มหยุ่นน่ากิน รสชาติดีมาก มิรู้ว่าประสกเสี่ยวไป๋ซื้อจากที่ใด ก่อนกลับวัดจะได้ให้คนไปซื้อสักเข่งหนึ่ง”

เขาจำได้ว่าแป้งที่ทำซาลาเปานั้นหมักได้ดีมาก เข้าปากนุ่มแต่ไม่เหลว ขบแล้วกุบกับดี

น่าจะเป็นฝีมือของพ่อครัวเก่า ก่อนหน้านี้พอเขาพูดถึงซาลาเปาประสกเสี่ยวไป๋เป็นต้องโมโห น่าจะเพราะเขาไปกินเอาซาลาเปาชั้นดีของอีกฝ่าย รับแล้วไม่คืนย่อมเสียมารยาท

“อาตมากับคนของเจินเหยียนกงระหว่างกลับราชธานีโดยทางน้ำ บังเอิญพลัดหลงกัน ดังนั้นบนตัวจึงไม่มีของมีราคาแต่อย่างใด เหลือแต่ป้ายยันต์ของเจินเหยียนกงที่พอจะให้ได้ ป้ายยันต์ไม้ท้อนี้ใช้ระดมสาวกของเจินเหยียนกงได้ส่วนหนึ่ง เห็นป้ายดุจเดียวกับเห็นเจ้าอาวาสหรืออาตมา บางทีประสกเสี่ยวไป๋อาจได้ใช้”

พูดจบ เขาก็นำป้ายยันต์ไม้ท้อสองอันใส่มือชิวเยี่ยไป๋อย่างจริงจัง

ชิวเยี่ยไป๋มองดูของในมือด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก แต่มิได้ปฏิเสธยัดเก็บไว้ในแขนเสื้อแล้วกล่าวว่า “ของนี่ข้ารับไว้ แต่รับยันต์ไว้ ไม่มีซาลาเปา”

หยวนเจ๋องงงัน “ประสกเสี่ยวไป๋ไยจึงคาใจเช่นนี้ อาตมาก็แค่อยากกินซาลาเปาของประสกเสี่ยวไป๋วันนั้นเท่านั้นเอง”

หรือว่าประสกเสี่ยวไป๋ไม่อยากให้ของนี้กับเขาเช่นเดียวกับเถ้าแก่จูของเหลาสุรานั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+