ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 238 ช่างเป็นวิธีที่ดีจริง (5)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 238 ช่างเป็นวิธีที่ดีจริง (5) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กลุ่มคนหยิบหย่งพากันร้องอย่างเสียดาย เฮ้อ พวกเขายังมี ‘ความดีความชอบ’ ที่เล่าไม่จบอยู่นะ!

 

 

ชิวเยี่ยไป๋กลับหัวร่อกล่าวว่า “ทุกคนเล่าได้ยอดเยี่ยม ข้าพอใจมาก แต่จะบอกอะไรให้รู้ก่อน ข้าคิดว่าในเมื่อพวกเจ้าไม่เหมาะกับวิธีการฝึกการสอนตามตำรา อย่างนั้นก็เล่นกันเลย เล่นจนได้ที่ เล่นจนเชี่ยวชาญ เล่นจนกลายเป็นยอดฝีมือ ข้าจะไม่ให้พวกเจ้าเสียใจเด็ดขาด!”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋พูดเช่นนี้ทุกคนพากันตื่นเต้นดีใจ

 

 

เล่น?

 

 

พวกเขาเก่งที่สุดอยู่แล้ว!

 

 

เจ้าเฝยหลงกำลังเลียนแบบต้าสู่ประจบประแจงชิวเยี่ยไป๋ ถือพัดด้ามหนึ่งคอยพัดวีให้เชียนจ่งของตน พอได้ยินเช่นนี้ก็หัวร่อร่าทันที “ใต้เท้าพูดถึงเรื่องที่พวกเราชำนาญที่สุดแล้ว ท่านว่ามาเลย จะเล่นอะไร ตีไก่แข่งหมา พนันหินควบม้า พวกเราได้หมด!”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋พยักหน้าเป็นเชิงชื่นชม “เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นเรื่องที่ดี แต่ในเมื่อจะเล่นก็ต้องเล่นอย่างมีกฎเกณฑ์”

 

 

ทุกคนตอบ ‘เห็นด้วย’ พร้อมกัน

 

 

การเล่นต้องมีกติกาจริง!

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ดูว่าพวกเขาเห็นพ้องแล้วจึงก้มลงกระซิบข้างหูเป๋าเป่า เป๋าเป่าหัวร่อคิกอย่างกลั้นไม่อยู่แล้วผงกศีรษะ “ขอรับ”

 

 

จากนั้นเขาก็มองดูบรรดาคนหยิบหย่งที่ดีใจจนออกนอกหน้า โดยยังไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตาย แล้วลุกขึ้นเดินไปชั้นบน

 

 

หนึ่งเดียวที่เฝ้าสังเกตท่าทางของชิวเยี่ยไป๋คือต้าสู่ ซึ่งพบว่าไม่ค่อยถูกต้อง ก่อนจากไปเจี่ยงอี้จ่างเหลือบมองทุกคนแวบหนึ่ง ดูอย่างไรก็เหมือนสมน้ำหน้าไม่มีเจตนาที่ดีเลย

 

 

แม้เขาจะไม่สบายใจ แต่เพิ่งคิดจะอ้าปากเตือนพวกพี่น้องกลับเห็นชิวเยี่ยไป๋ยื่นจอกมาถึงหน้าเขา คล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้มชำเลืองเขากล่าวว่า “ข้ากระหายแล้ว ต้าสู่ฉลาดขนาดนี้ย่อมรู้ว่าต้องทำอย่างไร”

 

 

ต้าสู่เห็นท่าทางคล้ายอมยิ้มแต่แววตาเย็นเยียบไร้รอยยิ้มแม้แต่น้อยของนางทำเอาสะดุ้ง รีบผงกศีรษะอย่างรู้ความ “ทราบขอรับ ย่อมทราบขอรับ”

 

 

ว่าแล้วเขาก็รีบรินน้ำบ๊วยถ้วยหนึ่งส่งให้ชิวเยี่ยไป๋อย่างระมัดระวัง

 

 

ชิวเยี่ยไป๋หรี่ตาอย่างพอใจ “ต้าสู่ เจ้าเป็นคนฉลาด พวกนั้นคงนับถือเจ้าสินะ”

 

 

คราวนี้ต้าสู่มิได้รีบร้อนจะอวดความดีความชอบ เพียงกล่าวอย่างถ่อมตัวว่า “ไม่หรอกขอรับ ข้าน้อยก็แค่เหมือนลิงตัวหนึ่งที่มั่วกับพวกเขา จะไปว่านับถือได้อย่างไร”

 

 

แม้เขาจะมิรู้ว่าชิวเยี่ยไป๋เชียนจ่งคนใหม่ที่ตอนเพิ่งขึ้นดำรงตำแหน่งทุกคนรุมกันต่อต้าน ทำอย่างไรจู่ๆ อี้จ่างหลายคนที่เดิมเป็นหัวโจกต่อต้านเขาจึงกลายเป็นช่วยเขากำราบลูกน้องจนอยู่หมัด แต่เมื่อพวกอี้จ่างยอมสยบแล้ว โดยเฉพาะเจี่ยงเฟยโจวที่แค้นมากเพราะถูกแย่งตำแหน่งเชียนจ่งไป ถึงกับช่วยจัดการกับลูกน้องที่คิดจะกระด้างกระเดื่องอย่างเข้มงวดที่สุด เมื่อเป็นเช่นนี้พวกเขาซึ่งเป็นแค่เบี้ยปลายแถวจึงไม่มีความจำเป็นต้องทำตัวเป็นอริกับเชียนจ่งคนนี้แต่อย่างใด

 

 

บวกกับหลังขึ้นดำรงตำแหน่งแล้ว เชียนจ่งคนนี้ก็ไม่ค่อยสนใจจะควบคุมพวกเขา ดังนั้นสำหรับพวกเขาแล้วจึงยิ่งไม่มีอะไรมาก จนกระทั่งในเวลาต่อมาเกิดเรื่องนั้นขึ้น ชิวเชียนจ่งคนนี้ถึงกับแบกรับแรงกดดันทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว คุ้มครองพวกเขาจนอยู่รอดปลอดภัย แม้ดูแล้วจะเหมือนกล้าหาญแต่ไร้แผนการ แต่จะมากหรือน้อยพวกเขาประดานี้ก็รู้สึกนับถือ

 

 

และวันนี้ดูแล้วชิวเชียนจ่งเข้ากับทุกคนได้ดี เป็นพวกเดียวกันได้ แต่อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่าคนผู้นี้มิใช่จะเข้ากันได้ง่ายเหมือนเปลือกนอก

 

 

ดังนั้นต้าสู่จึงพูดจาอย่างเกรงอกเกรงใจยิ่งขึ้น

 

 

ชิวเยี่ยไป๋หัวร่อ “ต้าสู่ เจ้าไม่ต้องถ่อมตัวจนเกินไป”

 

 

ว่าแล้วก็มิได้ใส่ใจกับท่าทางประจบประแจงของเขา เอาแต่ก้มหน้าก้มตาดื่มน้ำบ๊วย

 

 

ต้าสู่งงงัน สบตากับเฝยหลงที่โบกพัดอยู่ และตั้งสติเต็มที่รอรับใช้อยู่ข้างๆ ต่อไปด้วยใจตุ้มต่อม

 

 

จนกระทั่งผ่านไปพักใหญ่เป๋าเป่าพาคนคลุมหน้าสองคนลงมาจากชั้นบน ในมือพวกเขามีแส้สองอัน พริบตานั้นทำเอาต้าสู่ตื่นตัว

 

 

บรรดาคนหยิบหย่งมองดูพวกเป๋าเป่า แม้จะยังไม่รู้อะไร แต่หลายคนก็รู้สึกว่าผู้มาย่อมไม่มีเจตนาที่ดี ผู้มีเจตนาดีย่อมไม่มา

 

 

เฝยหลงตื่นตัวเล็กน้อยกล่าวกับชิวเยี่ยไป๋อย่างระมัดระวังว่า “ใต้เท้า ท่านหมายความว่าอย่างไร พวกเราจะไปกินเลี้ยงกันมิใช่หรือขอรับ”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋พยักหน้าอมยิ้มกล่าวว่า “ไม่ผิด ควรจะกินเลี้ยงกันได้แล้ว”

 

 

นางดีดนิ้ว ครู่เดียวเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

 

 

เป๋าเป่าส่งเสียงดัง “เข้ามา!”

 

 

ครู่เดียวประตูก็เปิด ‘แอ้ด’ คนคลุมหน้าอีกสองคนหิ้วถุงใบใหญ่เข้ามา

 

 

พวกเขาพอเข้ามาก็ผงกศีรษะคารวะชิวเยี่ยไป๋ก่อนแล้วเหลียวมองรอบๆ จากนั้นก็มุ่งตรงไปที่โต๊ะโป๊ยเซียนที่เพิ่งถูกขนออกมา และวางของในมือไว้บนโต๊ะ

 

 

พอเปิดถุงออก กลิ่นอาหารก็หอมฟุ้งทันที

 

 

บรรดาคนหยิบหย่งตาลุกวาว มีคนหนึ่งร้องลั่นทันที “ขาหมูแก้วน้ำแดงกับเป็ดโป๊ยเซียนของเหลาจุ้ยเซียน!”

 

 

“ยังมีหมูปั้นน้ำแดง หอยแมลงภู่ทอดด้วย!”

 

 

“หอยขมน้ำแดง ปลาผัดเปรี้ยวหวาน หัวปลาพริกสับ!”

 

 

“ยังมี…”

 

 

คนคลุมหน้าทั้งสองนำอาหารแต่ละอย่างออกจากถุงแล้วจัดเรียงบนโต๊ะ บรรดาคนหยิบหย่งพากันขานชื่ออาหารแต่ละจานราวกับเสี่ยวเอ้อร์ที่เป็นเด็กรับใช้ในเหลาสุรา

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เห็นพวกเขาน้ำลายหกเต็มชายเสื้อ ก็รู้สึกน่าขันและกล่าวกับเป๋าเป่าว่า “เจ้าให้พวกเขาอดเสียย่ำแย่เลยนะ”

 

 

ไม่ว่านางจะดูอย่างไรก็เห็นพวกเขารู้จักชื่ออาหารทุกจาน แต่ดูเหมือนจะไม่เคยลิ้มชิมรส

 

 

เป๋าเป่ากล่าวเรียบๆ ว่า “หยกไม่เจียรมิอาจเป็นภาชนะ ข้าน้อยก็แค่พอถึงเวลาอาหารก็ให้พวกเขายองกับมุมห้องกินข้าวต้มเท่านั้นเอง”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋พยักหน้า “ช่างเป็นวิธีที่ดีจริง”

 

 

อาหารของเหลาจุ้ยเซียนในสายตาของชิวเยี่ยไป๋ที่ทำกับข้าวเก่งแล้วเป็นเพียงอาหารธรรมดา รสชาติสีสันของแต่ละจานก็ใช่ว่าจะเหมือนต้นตำรับ แต่สำหรับกลุ่มคนที่อดจนหิวโซที่ไม่เคยได้แตะน้ำมันมานานแล้ว ย่อมโอชะเหมือนสวรรค์ประทาน

 

 

นางเห็นพวกเขาแม้อยากจะสวาปามให้หายหิว แต่กลับพยายามอดใจไว้ไม่กล้าลงมือ ก็รู้ว่าฝีมือที่เป๋าเป่าใช้กำราบพวกเขาเด็ดขาดเข้มงวดจริงๆ

 

 

เป๋าเป่ามองชิวเยี่ยไป๋ร้องหึเบาๆ “ข้านับเป็นอะไร คงเทียบฝีมือใต้เท้ามิได้!”

 

 

เป้าหมายความหวาดกลัวของคนประดานี้เปลี่ยนตัวทันที

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ไม่รับไม่ปฏิเสธ เลิกคิ้วมองดูกลุ่มบุตรหลานหยิบหย่งของตระกูลใหญ่ อมยิ้มกล่าวว่า “เฝยหลงพูดถูก ฟ้ามืดแล้ว ข้าเคยบอกไว้ว่าใคร ‘เล่น’ ได้ดีจะได้รางวัล บัดนี้ต้าสู่เจ้าไปกินได้แล้ว”

 

 

ต้าสู่งงงันและลังเลอยู่บ้าง รู้สึกว่าอาหารของคนผู้นี้คงกินยากอยู่ แต่เห็นสายตารุ่มร้อนของทุกคนจับจ้องที่เขาและพยาธิในท้องเขาก็ถูกกลิ่นหอมของอาหารยั่วจนขยุกขยิกแล้ว สุดท้ายจึงยังคงเดินลากเท้ากล่าวขอบคุณชิวเยี่ยไป๋พลางกะโผลกกะเผลกเข้าโต๊ะอาหาร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 238 ช่างเป็นวิธีที่ดีจริง (5)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 238 ช่างเป็นวิธีที่ดีจริง (5) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กลุ่มคนหยิบหย่งพากันร้องอย่างเสียดาย เฮ้อ พวกเขายังมี ‘ความดีความชอบ’ ที่เล่าไม่จบอยู่นะ!

 

 

ชิวเยี่ยไป๋กลับหัวร่อกล่าวว่า “ทุกคนเล่าได้ยอดเยี่ยม ข้าพอใจมาก แต่จะบอกอะไรให้รู้ก่อน ข้าคิดว่าในเมื่อพวกเจ้าไม่เหมาะกับวิธีการฝึกการสอนตามตำรา อย่างนั้นก็เล่นกันเลย เล่นจนได้ที่ เล่นจนเชี่ยวชาญ เล่นจนกลายเป็นยอดฝีมือ ข้าจะไม่ให้พวกเจ้าเสียใจเด็ดขาด!”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋พูดเช่นนี้ทุกคนพากันตื่นเต้นดีใจ

 

 

เล่น?

 

 

พวกเขาเก่งที่สุดอยู่แล้ว!

 

 

เจ้าเฝยหลงกำลังเลียนแบบต้าสู่ประจบประแจงชิวเยี่ยไป๋ ถือพัดด้ามหนึ่งคอยพัดวีให้เชียนจ่งของตน พอได้ยินเช่นนี้ก็หัวร่อร่าทันที “ใต้เท้าพูดถึงเรื่องที่พวกเราชำนาญที่สุดแล้ว ท่านว่ามาเลย จะเล่นอะไร ตีไก่แข่งหมา พนันหินควบม้า พวกเราได้หมด!”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋พยักหน้าเป็นเชิงชื่นชม “เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นเรื่องที่ดี แต่ในเมื่อจะเล่นก็ต้องเล่นอย่างมีกฎเกณฑ์”

 

 

ทุกคนตอบ ‘เห็นด้วย’ พร้อมกัน

 

 

การเล่นต้องมีกติกาจริง!

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ดูว่าพวกเขาเห็นพ้องแล้วจึงก้มลงกระซิบข้างหูเป๋าเป่า เป๋าเป่าหัวร่อคิกอย่างกลั้นไม่อยู่แล้วผงกศีรษะ “ขอรับ”

 

 

จากนั้นเขาก็มองดูบรรดาคนหยิบหย่งที่ดีใจจนออกนอกหน้า โดยยังไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตาย แล้วลุกขึ้นเดินไปชั้นบน

 

 

หนึ่งเดียวที่เฝ้าสังเกตท่าทางของชิวเยี่ยไป๋คือต้าสู่ ซึ่งพบว่าไม่ค่อยถูกต้อง ก่อนจากไปเจี่ยงอี้จ่างเหลือบมองทุกคนแวบหนึ่ง ดูอย่างไรก็เหมือนสมน้ำหน้าไม่มีเจตนาที่ดีเลย

 

 

แม้เขาจะไม่สบายใจ แต่เพิ่งคิดจะอ้าปากเตือนพวกพี่น้องกลับเห็นชิวเยี่ยไป๋ยื่นจอกมาถึงหน้าเขา คล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้มชำเลืองเขากล่าวว่า “ข้ากระหายแล้ว ต้าสู่ฉลาดขนาดนี้ย่อมรู้ว่าต้องทำอย่างไร”

 

 

ต้าสู่เห็นท่าทางคล้ายอมยิ้มแต่แววตาเย็นเยียบไร้รอยยิ้มแม้แต่น้อยของนางทำเอาสะดุ้ง รีบผงกศีรษะอย่างรู้ความ “ทราบขอรับ ย่อมทราบขอรับ”

 

 

ว่าแล้วเขาก็รีบรินน้ำบ๊วยถ้วยหนึ่งส่งให้ชิวเยี่ยไป๋อย่างระมัดระวัง

 

 

ชิวเยี่ยไป๋หรี่ตาอย่างพอใจ “ต้าสู่ เจ้าเป็นคนฉลาด พวกนั้นคงนับถือเจ้าสินะ”

 

 

คราวนี้ต้าสู่มิได้รีบร้อนจะอวดความดีความชอบ เพียงกล่าวอย่างถ่อมตัวว่า “ไม่หรอกขอรับ ข้าน้อยก็แค่เหมือนลิงตัวหนึ่งที่มั่วกับพวกเขา จะไปว่านับถือได้อย่างไร”

 

 

แม้เขาจะมิรู้ว่าชิวเยี่ยไป๋เชียนจ่งคนใหม่ที่ตอนเพิ่งขึ้นดำรงตำแหน่งทุกคนรุมกันต่อต้าน ทำอย่างไรจู่ๆ อี้จ่างหลายคนที่เดิมเป็นหัวโจกต่อต้านเขาจึงกลายเป็นช่วยเขากำราบลูกน้องจนอยู่หมัด แต่เมื่อพวกอี้จ่างยอมสยบแล้ว โดยเฉพาะเจี่ยงเฟยโจวที่แค้นมากเพราะถูกแย่งตำแหน่งเชียนจ่งไป ถึงกับช่วยจัดการกับลูกน้องที่คิดจะกระด้างกระเดื่องอย่างเข้มงวดที่สุด เมื่อเป็นเช่นนี้พวกเขาซึ่งเป็นแค่เบี้ยปลายแถวจึงไม่มีความจำเป็นต้องทำตัวเป็นอริกับเชียนจ่งคนนี้แต่อย่างใด

 

 

บวกกับหลังขึ้นดำรงตำแหน่งแล้ว เชียนจ่งคนนี้ก็ไม่ค่อยสนใจจะควบคุมพวกเขา ดังนั้นสำหรับพวกเขาแล้วจึงยิ่งไม่มีอะไรมาก จนกระทั่งในเวลาต่อมาเกิดเรื่องนั้นขึ้น ชิวเชียนจ่งคนนี้ถึงกับแบกรับแรงกดดันทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว คุ้มครองพวกเขาจนอยู่รอดปลอดภัย แม้ดูแล้วจะเหมือนกล้าหาญแต่ไร้แผนการ แต่จะมากหรือน้อยพวกเขาประดานี้ก็รู้สึกนับถือ

 

 

และวันนี้ดูแล้วชิวเชียนจ่งเข้ากับทุกคนได้ดี เป็นพวกเดียวกันได้ แต่อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่าคนผู้นี้มิใช่จะเข้ากันได้ง่ายเหมือนเปลือกนอก

 

 

ดังนั้นต้าสู่จึงพูดจาอย่างเกรงอกเกรงใจยิ่งขึ้น

 

 

ชิวเยี่ยไป๋หัวร่อ “ต้าสู่ เจ้าไม่ต้องถ่อมตัวจนเกินไป”

 

 

ว่าแล้วก็มิได้ใส่ใจกับท่าทางประจบประแจงของเขา เอาแต่ก้มหน้าก้มตาดื่มน้ำบ๊วย

 

 

ต้าสู่งงงัน สบตากับเฝยหลงที่โบกพัดอยู่ และตั้งสติเต็มที่รอรับใช้อยู่ข้างๆ ต่อไปด้วยใจตุ้มต่อม

 

 

จนกระทั่งผ่านไปพักใหญ่เป๋าเป่าพาคนคลุมหน้าสองคนลงมาจากชั้นบน ในมือพวกเขามีแส้สองอัน พริบตานั้นทำเอาต้าสู่ตื่นตัว

 

 

บรรดาคนหยิบหย่งมองดูพวกเป๋าเป่า แม้จะยังไม่รู้อะไร แต่หลายคนก็รู้สึกว่าผู้มาย่อมไม่มีเจตนาที่ดี ผู้มีเจตนาดีย่อมไม่มา

 

 

เฝยหลงตื่นตัวเล็กน้อยกล่าวกับชิวเยี่ยไป๋อย่างระมัดระวังว่า “ใต้เท้า ท่านหมายความว่าอย่างไร พวกเราจะไปกินเลี้ยงกันมิใช่หรือขอรับ”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋พยักหน้าอมยิ้มกล่าวว่า “ไม่ผิด ควรจะกินเลี้ยงกันได้แล้ว”

 

 

นางดีดนิ้ว ครู่เดียวเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

 

 

เป๋าเป่าส่งเสียงดัง “เข้ามา!”

 

 

ครู่เดียวประตูก็เปิด ‘แอ้ด’ คนคลุมหน้าอีกสองคนหิ้วถุงใบใหญ่เข้ามา

 

 

พวกเขาพอเข้ามาก็ผงกศีรษะคารวะชิวเยี่ยไป๋ก่อนแล้วเหลียวมองรอบๆ จากนั้นก็มุ่งตรงไปที่โต๊ะโป๊ยเซียนที่เพิ่งถูกขนออกมา และวางของในมือไว้บนโต๊ะ

 

 

พอเปิดถุงออก กลิ่นอาหารก็หอมฟุ้งทันที

 

 

บรรดาคนหยิบหย่งตาลุกวาว มีคนหนึ่งร้องลั่นทันที “ขาหมูแก้วน้ำแดงกับเป็ดโป๊ยเซียนของเหลาจุ้ยเซียน!”

 

 

“ยังมีหมูปั้นน้ำแดง หอยแมลงภู่ทอดด้วย!”

 

 

“หอยขมน้ำแดง ปลาผัดเปรี้ยวหวาน หัวปลาพริกสับ!”

 

 

“ยังมี…”

 

 

คนคลุมหน้าทั้งสองนำอาหารแต่ละอย่างออกจากถุงแล้วจัดเรียงบนโต๊ะ บรรดาคนหยิบหย่งพากันขานชื่ออาหารแต่ละจานราวกับเสี่ยวเอ้อร์ที่เป็นเด็กรับใช้ในเหลาสุรา

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เห็นพวกเขาน้ำลายหกเต็มชายเสื้อ ก็รู้สึกน่าขันและกล่าวกับเป๋าเป่าว่า “เจ้าให้พวกเขาอดเสียย่ำแย่เลยนะ”

 

 

ไม่ว่านางจะดูอย่างไรก็เห็นพวกเขารู้จักชื่ออาหารทุกจาน แต่ดูเหมือนจะไม่เคยลิ้มชิมรส

 

 

เป๋าเป่ากล่าวเรียบๆ ว่า “หยกไม่เจียรมิอาจเป็นภาชนะ ข้าน้อยก็แค่พอถึงเวลาอาหารก็ให้พวกเขายองกับมุมห้องกินข้าวต้มเท่านั้นเอง”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋พยักหน้า “ช่างเป็นวิธีที่ดีจริง”

 

 

อาหารของเหลาจุ้ยเซียนในสายตาของชิวเยี่ยไป๋ที่ทำกับข้าวเก่งแล้วเป็นเพียงอาหารธรรมดา รสชาติสีสันของแต่ละจานก็ใช่ว่าจะเหมือนต้นตำรับ แต่สำหรับกลุ่มคนที่อดจนหิวโซที่ไม่เคยได้แตะน้ำมันมานานแล้ว ย่อมโอชะเหมือนสวรรค์ประทาน

 

 

นางเห็นพวกเขาแม้อยากจะสวาปามให้หายหิว แต่กลับพยายามอดใจไว้ไม่กล้าลงมือ ก็รู้ว่าฝีมือที่เป๋าเป่าใช้กำราบพวกเขาเด็ดขาดเข้มงวดจริงๆ

 

 

เป๋าเป่ามองชิวเยี่ยไป๋ร้องหึเบาๆ “ข้านับเป็นอะไร คงเทียบฝีมือใต้เท้ามิได้!”

 

 

เป้าหมายความหวาดกลัวของคนประดานี้เปลี่ยนตัวทันที

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ไม่รับไม่ปฏิเสธ เลิกคิ้วมองดูกลุ่มบุตรหลานหยิบหย่งของตระกูลใหญ่ อมยิ้มกล่าวว่า “เฝยหลงพูดถูก ฟ้ามืดแล้ว ข้าเคยบอกไว้ว่าใคร ‘เล่น’ ได้ดีจะได้รางวัล บัดนี้ต้าสู่เจ้าไปกินได้แล้ว”

 

 

ต้าสู่งงงันและลังเลอยู่บ้าง รู้สึกว่าอาหารของคนผู้นี้คงกินยากอยู่ แต่เห็นสายตารุ่มร้อนของทุกคนจับจ้องที่เขาและพยาธิในท้องเขาก็ถูกกลิ่นหอมของอาหารยั่วจนขยุกขยิกแล้ว สุดท้ายจึงยังคงเดินลากเท้ากล่าวขอบคุณชิวเยี่ยไป๋พลางกะโผลกกะเผลกเข้าโต๊ะอาหาร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+