เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! 17: คุณพี่สาวของตัวร้าย

Now you are reading เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! Chapter 17: คุณพี่สาวของตัวร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

< < 15 > >

ในห้องที่มืดมิด ไร้ซึ่งวี่แววของผู้คนและกลิ่นอายใดๆ ทว่าในห้องกลับมีชายร่างยักษ์รูปร่างแปลกประหลาดกำลังนั่งคุกเข่าตรงริมห้อง สิ่งนั้นไม่ใช่คน—–เด็กหนุ่มเปิดประตูเข้ามา และเอ่ยถาม เด็กหนุ่มรับรู้ถึงตัวตนเบื้องหน้านี้

“ใครเหรอครับ?”

ไร้ผู้ใดตอบกลับ—-เด็กหนุ่มวัยละอ่อนได้แต่ทำหน้าหงอ พลันจ้องไปยันมนุษย์ประหลาดตรงหน้าไม่วางตา

ตรงหน้า มนุษย์ประหลาดซึ่งมีสี่แขนและผิวกายสีฟ้า รอบตัวถูกประดับไปด้วยทองและเพชรพลอย เปลือยท่อนบนปรากฏให้เห็นร่างที่มีกล้ามเป็นมัดๆที่เหนือธรรมชาติ ท่อนล่างสวมกางเกงสีขาวขนาดยักษ์ซึ่งมีทองคาดอยู่หลายเส้น

ดวงตาของมนุษย์ประหลาดจับต้องที่เด็กหนุ่มไม่วางตา เขาสนใจในตัวตนตรงหน้าเพราะมีกลิ่นอายใกล้เคียงกับใครบางคนเมื่ออดีตกาล

‘มนุษย์ประหลาด’ เงียบลง ไม่ตอบสนองใดๆทั้งนั้น ใช้เพียงดวงตาสีเหลืองเป็นประกายราวกับนักล่าจ้องไปยันเบื้องลึกของเด็กหนุ่ม

หากเป็นไปตามปกติ เด็กตรงหน้าคงร้องไห้ไปแล้ว แต่–ไม่ใช่สำหรับเด็กผู้นี้ ภายในใจเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและน่าค้นหา เหนือสิ่งอื่นใดมนุษย์ประหลาดเบื้องหน้าไม่ได้มาร้าย เขารู้ตั้งแต่แรกเห็น เพียงแค่เจอกันเขาก็จับกลิ่นอายได้

ร่างกายของเด็กหนุ่ม ตัวตนของเด็กหนุ่มนั้นมหัศจรรย์ยากที่จะเข้าใจได้—ตัวตนที่เปี่ยมไปด้วยปริศนา ‘เด็กประหลาด’ กับ ‘มนุษย์ประหลาด’ จึงได้จ้องหน้ากัน

เพราะทั้งสองฝ่ายต่างประหลาดเหมือนๆกัน เด็กหนุ่มจึงยิ้ม รอยแสนไร้เดียงสา รอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยพลังงานแง่บวกนั่นทำให้มนุษย์ประหลาดพลันอึ้งไป

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ เอ่อ ..คุณชื่ออะไรเหรอ?”

“..อลัน”

เสียงทุ้มต่ำนั่นอย่างกับการข่มขวัญ มันทำให้น่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก—เพียงภายนอกเท่านั้น

“อลันสินะ สวัสดีครับ?”

เด็กหนุ่มยิ้มร่า และยื่นมือให้กับอลัน ดวงตาของอลันพลันเบิกกว้าง ยื่นมือให้สัตว์ประหลาด? ปริศนาเต็มไปหมด เด็กหนุ่มคนนี้มีแต่เรื่องแปลกประหลาด

“ทำไมคุณถึงนั่งอยู่ตรงนั้นตลอดหรือ?”

“…เพื่อสักวันจะมีใครสักคนที่มองเห็นผม …มาทำพันธสัญญ .. เพื่อเติมเต็มความปรารถนาซึ่งกันและกัน” อลันจ้องเข้าไปที่ดวงตาของเด็กหนุ่ม “ความปารถนานี้ สักวันจะต้องสมหวัง เพราะฉะนั้นต่อให้เป็นใครผมก็ยอม …ต่อให้ต้องเจอแต่กับอะไรซ้ำๆก็ตามที”

เด็กหนุ่มนึกสงสารเล็กน้อย เพราะคิดว่าอลันไม่มีเพื่อน แม้จะใช้คำพูดกำกวมไปหน่อยก็ตาม แต่น่าจะอนุมานได้ว่าไม่มีเพื่อน 

“มองเห็น? คนอื่นไม่เห็นคุณเหรอครับ?”

“ไม่ครับ มีเพียงท่านเท่านั้น”

“—-ถ้านั้นก็ทำสัญญากับผมสิ”

เด็กหนุ่มพลางยิ่มร่า และยื่นมือออกไป

“ถ้านายอยากออกจากที่แห่งนี้ก็จับมือผมไว้นะ”

“…คิดดีแล้วหรือครับ? การที่ผมจับมือตอบกลับจะหมายถึงชะตาชีวิตของท่านจะเปลี่ยนไปตลอดกาล—-ท่านคิดดีแล้วหรือ? บางทีท่านอาจจะต้องเสียใจไปตลอดกับเส้นทางนี้ บางทีอาจต้องสูญเสียมากมายนับไม่ถ้วน และบางที…อาจต้องร้องไห้” อลันก้มหน้าลง ราวกับมีผนึกความทรงจำไหลย้อนเข้ามา “ท่านจะต้องสูญเสียในตอนจบนะครับ คิดดีแล้วหรือ?” 

“-บ แบบนั้นน่ากลัวนะครับ”

“ใช่แล้วครับผม เพราะฉะนั้นจึง—คิดดีแล้วหรือ? ..คิดดีแล้วหรือที่จะทำให้ตัวเองไปถึงจุดจบเหมือนกับทุกๆครั้ง หากท่านปารถนาที่จะไม่ยอมรับ กระผมก็ไม่คิดบังคับอะไร”

“….ฮะๆ”

เด็กหนุ่มหัวเราะเจื่อนๆ พลางเกาแก้มเบาหวิว ใบหน้าของเขาก้ำกึ่งระหว่างชายหญิง เป็นคนที่ดูน่ารักอย่างน่าเหลือเชื่อ หากไม่สังเกตให้ดีคงคิดว่าเป็นเด็กสาวน่ารักไปแล้ว

เดฺ็กหนุ่มค่อยๆจ้องหน้าอลันกลับและพูดคำตอบแสนจะสั้นและห้วนกลับ–

“แค่เป็นเพื่อนกันเองครับ”

เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าอลันคิดอะไรอยู่ ว่าอลันเห็นอะไร เห็นอะไรในอนาคตเกี่ยวกับตัวเขา เพียงแต่ตอนนี้…

“…เพื่อน?”

“ใช่ครับ ผมกับนายจะเป็นเพื่อนกัน”

เด็กหนุ่มคว้ามือของอลันขึ้นมา และดึงด้วยแรงกายแสนกระจิดริด

“ยินดีที่ได้รู้จักในฐานะเพื่อนนะ ‘อลัน’ ”

ดวงตาของอลันเบิกโพลงกว้าง เขารู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงไร้เดียงสาของเด็กหนุ่มเท่านั้น เขาไม่ได้คิดไตร่ตรองอย่างดี เขาทำเพียงแค่จับมือของอลันไว้เพียงเพราะสงสาร หรือเห็นว่าอลันไม่มีใครก็เท่านั้น …แต่ว่า—-รู้ตัวอีกทีอลันก็ยอมรับมัน

‘ความรัก’ นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ—-ไม่ใช่แค่เชิงชู้สาว แต่เป็นอะไรที่เหนือยิ่งกว่านั้น มิตรภาพ? ไม่รู้ แต่ในใจของเขาเต็มไปด้วยความเห็นแก่ได้ไปชั่วขณะหนึ่ง รู้ทั้งรู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ดูถึงตอนจบนับๆล้านที่แสนจะเศร้าจนผู้เป็นนายต้องจมลงสู่ห้วงลึกแห่งน้ำตา ..แต่อลันไม่ผิดเสียหน่อย เด็กผู้นี้รับข้อเสนอเอง เพราะอย่างนั้น———-พันธสัญญาแสนจะเห็นแก่ตัวระหว่างพวกเขาทั้งสองจึงได้เริ่มขึ้น

อนาคตคราวนี้จะไปได้ไกลถึงไหนกันนะ

“——เข้าใจแล้วครับ”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ผมชื่อ ‘ยูจิ’ อย่างที่เห็นก็แค่เด็กทั่วๆไป”

พันธสัญญาแรกได้เริ่มขึ้นแล้ว เปรียบได้ดั่งปฐมบทที่แท้จริง ‘ยูจิ’ ชิ้นส่วนที่สำคัญที่สุดของโลกใบนี้ ชายผู้ที่โลกใบนี้ยอมหมุนรอบตัวให้เขา

 

*********

 

กึกๆ ๆ เสียงล้อรถม้ากระทบกับเศษหินข้างทางดังแบบเบาๆให้หงุดหงิดเล่น จนอยากจะกระทืบรถม้าเล่น แต่ด้วยวุฒิภาวะเล็กน้อยทำให้คุมอารมณ์ตัวเองไหว

แน่สิ ใครมันจะไปโวยวายกะอีแค่เสียงรถม้าดังละ? ถ้าจะมีก็มีแค่ ‘เรเซอร์ต้นฉบับ’ เท่านั้น แต่เสียใจด้วย ผมไม่ใช่ต้นฉบับ แต่เป็นรูปแบบใหม่ ผู้มาจากต่างโลกยังไงละ วะฮ่าๆ ไอ้พระเจ้าที่ส่งตัวบัคแบบผมมาจนเสียใจซะ เอ็งกำลังทำให้สมดุลโลกพังอยู่ละ 

“นี่ๆ เรเซล ท่านเรเซอร์หัวเราะพึมพำอะไรคนเดียวน่ะ สยองเนอะ”

“..ไม่ทราบค่ะ”

“ได้ยินนะ ทั้งสอง”

หลังจากเสร็จธุระที่ป่ามหาภูตติแล้วเรียบร้อย ผมจึงมุ่งหน้าไปสถานที่สำคัญต่อไป นั่นก็คือคฤหาสน์ของพี่สาวคนสำคัญของผม เพื่อเปลี่ยนแปลงชะตากรรมที่เธอจะต้องตายในคืนวันเกิดของผม ผมจึงได้ไปทำพันธสัญญากับยูนาและมุ่งไปหาเธอทันที

น่าตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะผมคือ ‘เรเซอร์’ และ ‘เรเซอร์รักพี่สาวคนนี้มากๆ’ ความรู้สึกของเรเซอร์ก็เป็นความรู้สึกของผม เพราะอย่างนั้นจึงอยากเจอพี่สาวอีกครั้งเร็วๆ และไม่อยากให้เธอตาย

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เพื่อบรรเทาความตื่นเต้นไว้ เมื่อหันขวาไปก็พบกับคนสามคนได้แก่ ‘อัศวินชั้นยอดชิน’ ‘เมดซุ่มซ่ามเรเซล’ และ ‘เมดปากเสียอันนา’ ที่เมื่อครู่พึ่งนินทาผมไป

พวกเขากำลังนั่งกันอย่างสงบเสงี่ยม ดูงดงามสุดๆ เว้นเพียงเรเซลที่ตื่นเต้นเช่นเดียวกับผม สมวัยละ สมวัย ยัยอันนามันแก่แดดอย่าไปนับเลย

ผมกอดอกพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง คิดในใจตามภาษาเด็กว่า ‘เมื่อไหร่จะถึงกันนะ’

“ไม่ได้เจอท่านพี่นานแล้วนี่นะ”

“ราวสองปีเศษๆ ได้คะ”

อันนาตอบอย่างงดงาม

“น่าคิดถึงจังนา …ท่านพี่ ‘แองเจลิน่า’ ตอนนี้หาสามีได้ยังนะ”

แม้แต่พี่สาวของผมยังมีชื่อแสนโหลย อย่าง ‘แองเจลิน่า’ ครอบครัวผมคือสมาคมรวมคนชื่อธรรมดา แต่กระนั้นดีกรีเธอเข้าขั้นระดับเทพเลย แม้จะเป็นผู้หญิงแต่ก็เป็นเลิศในทุกๆ ด้าน จนเป็นตัวเต็งรับช่วงต่อจากพ่อของผมเพียงคนเดียวเลยละ เมื่อผนวกกับผมที่เกเรไร้ทางเยียวยาแล้ว ยิ่งทำให้เธอมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก คนใหญ่คนโตในตระกูลเลือกเธอให้ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำตระกูลคนต่อไปกันหมดแบบขาดลอย

แน่นอนว่าสวยเอามากๆ ด้วย ถึงจะไม่เท่า ‘มหาภูตเซเนีย’ หรือ ‘ฟัฟนิร์’ ก็ตาม

‘ลืมไปคนหนึ่งคะ’

ไม่ยักจะจำได้ว่ามีเธออยู่ในลิสต์ด้วย ..ยูนาสวยก็จริงอยู่หรอก แต่เธอเป็นนักรบไม่มีเวลาไปทำให้ตัวเองสวยขั้นทำให้โลกถล่มได้หรอก กรณีของ เซเนียและฟัฟนิร์คือพลังส่งผลต่อความสวยด้วย เลยค่ะเนียเป็นมหาภูตจึงสวยโดยไม่ต้องทำอะไรเลย แค่เป็นภูตก็น่าจะงามเหนือพี่สาวไปโขแล้ว ส่วนฟัฟนิร์นั้นเป็นเจตจำนงศ์ของโลก สภาพย่อมดีเสมอต้นเสมอปลายไม่ต่างกับเซเนีย ต่อให้ตายบ่อยหรือลุยโคลนบ่อยเท่าใด

แต่ก็เอาเถอะ ถ้านิสัยไม่ดีต่อให้สวยแค่ไหนก็ไม่เอาหรอก ฟัฟนิร์ละหนึ่ง เซเนียเองก็น่าจะซ่าไม่น้อย แก่แล้วด้วยทั้งสองคน ผมไม่มีทางคิดเกินเลยกับพวกนี้หรอกบ่องตง

‘เหมือนหล่อค่ะ’ ยูนาเหมือนจะขึ้นเล็กน้อย

ดันทำให้โกรธซะแล้ว..โทษครับ

ผมรีบเปลี่ยนเรื่องที่คิดในหัวทันที ว่าแล้วก็ชวนเพื่อนๆวัยเดียวกับคุยดีกว่า

“อา—-จะว่าไปก็วันเกิดฉันแล้วด้วยสิพรุ่งนี้ …พวกเธอมีอะไรจะให้มั้ย?”

ทันทีที่ผมถามไปเช่นนั้นทั้งสามคนก็สะดุ้งเฮือกกัน ยกเว้นชินที่ยิ้มอย่างสง่าผ่าเผย 

“แน่นอนขอรับ”

สมกับเป็นยอดอัศวินดูแลเจ้านายดีเหลือเกิน

“…ดิฉันเตรียมไว้ให้แล้วนะคะ” อันนาเห็นว่าน้อยหน้าไม่ได้เลยโพ่งขึ้น 

“จริงเหรอ? ขอดูหน่อยสิ”

“-อ เอ๊ะ เอ่อคือ… (ไม่ได้เตรียมไว้เฟ้ย!) ..ความลับคะ?”

ยัยนี่ขยิบตาให้ด้วยแฮะ พยายามใหญ่เลย

“ตื่นเต้นจังๆ”

ผมรู้คำตอบที่แท้จริงของอันนาแก่ใจอยู่ละ ไม่ได้เตรียมไว้ละซิ พอพูดถึงพึ่งเริ่มเตรียมของ ฮึย!

“แล้วเรเซลละ?”

“…ความลับคะ? (ของจริง) ….!” หล่อนฝืนทำตามอันนา แต่เหมือนจะแพ้ภัยตัวเอง “-ข ขอโทษค่ะ ขอโทษที่ล้อเล่นล่วงเกินท่านเรเซอร์!”

“จะตั้งตารอเลย”

ผมจงใจเมินคำขอโทษเพราะมันเป็นปัญหาที่แก้ไม่จบ ยังไงสุดท้ายเจ้าหล่อนก็จะ ‘ขอโทษ’ ค่าอย่างเดียว

สรุปแล้วมีแค่อันนาที่ไม่ได้เตรียมของขวัญให้ผม ฮาๆ เอาเถอะ ผมไม่อะไรมากหรอก

…ไม่นานรถม้าก็จอดลง คงมาถึงแล้ว————————-ปั้ง!!!! รถม้าเปิดขึ้นอย่างรุนแรงที่ฝั่งของผม

ผมไม่ทันตั้งตัว ถูกสิ่งมีชีวิตคลั่งเบื้อหงน้ากระซากร่างจนลอยฟ้า ด้วยแรงประหนึ่งช้าง——มาแล้วสินะ!

“เรเซอร์!!!!!!! พี่รอมาตลอดเลยนา พี่รอน้องรักมาตลอดเลย!!!!!”

คนที่กระทำกับตัวร้ายอย่างผมเยี่ยงตุ๊กตาคือ ‘แองเจลิน่า’ พี่สาวของผมเองละ เธอมีเส้นผมสีทองเข้มเช่นเดียวกันเป็นทอน และดวงตาสีแดงดุดันอันเป็นเอกลักษณ์ของตระกูล กับหนองโพใหญ่สะบึ้ม และส่วนสูงราว 170 ซ.ม. ทั้งสวยและเท่ในเวลาเดียวกัน นั่นแหละพี่สาวของไอ้ตัวร้าย

อิมเมจเธอดูเป็นพวกเอาจริงเอาจัง มีแค่เวลาที่เจอกับผมนั่นแหละ ที่จะปล่อยตัวไปสนภาพลักษณ์ ทั้งกอดและกระซากน้องชายคนนี้อย่างบ้าคลั่ง โดยไร้ซึ่งการยืนอุทรใดๆ โดยรวมเป็นพี่สาวจอมวุ่นวายนั่นแหละ

“เรเซอร์ อา! ฟุดฟิด”

-ย ยัยนี่ไม่เจอกันแค่ 3 ปีเล่นดมเลยเรอะ

“เรเซอร์โตขึ้นเยอะเลย มาม๊ะ จุ๊บสวัดดี จุ๊บๆ!”

เธอหอมแก้มผมรัวๆ ไม่หยุด——เรเซลและอันนารู้ดีอยู่แล้วเลยไม่ตกใจ แค่เอือมหน่อยๆ ส่วนชินตอนนี้ถึงกับหน้าเหวอทีเดียว หายากแหละที่พี่น้องขุนนางจะสนิทกันถึงขั้นจับน้องเป็นตุ๊กตาได้

แต่ผมก็รู้แหละ จะปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้ มิเช่นนั้นร่างของผมคงได้กระดูกหักเพราะแรงกอดของ ‘โอเน่จัง’ แหงๆ

“-จ ใจเย็นก่อนเถอะครับท่านพี่”

“ท่าทางขัดขืนนั่นชอบที่สุดเลยจ้ะ!”

สมกับเป็นยัยวิปริตแห่งบ้านอยู่ไม่สุขราแคช่างมัน มีแค่ส่วนนี้แหละที่แกไม่ธรรมดาเลย

“-อ เอาเป็นว่าพอก่อนเถอะครับ อายผู้ชายบ้างสิครับ” ผมส่งสายตาไปทางชิน “เขามองอยู่นะ”

“ผู้ชาย? ถ้าเซบาสเตียนไม่มีอะไรต้องอายหรอกนะ แก่ปูนนั้นแล้วไม่มีแรงมาคิดมากหรอก” พี่สาวได้ใจเอาหน้ามาซุกหัวผมเลย “ถ้าตอนนี้พี่มีลูกคงส่งไปเลี้ยงหลานแล้วละ ..เสียดายเนอะ”

“เซบาสเตียนอายุเพียงสี่สิบเศษๆ(หน้าไม่ให้) เองนะครับ อายุเท่ากันกับท่านพ่อ แล้วเรื่องหลานก็พยายามเข้าละ เกรงว่าพ่อจะเป็นปุ๋ยก่อนได้เห็นหน้าหลาน ..แล้วเรื่องผู้ชายผมพูดจริงนะ” 

ว่าแล้วก็ชี้ไปทางชินซึ่งจ้องตาเป็นวาว

“…อุ๊ยตาย ดันเผลอทำมารยาทไม่น่าชมให้ซะแล้ว หล่อด้วยสิ… ด้วยค่ะบาสเตียนไม่เห็นบอกเลยว่ามีใครดูแลเรเซอร์ นอกจากเขา”

“เซบาสเตียนไม่มีทางลืมหรอก ท่านพี่ต่างหากที่ลืม”

“…ฮุฮุ ตายละ ช่างมันเถอะจ้ะ เอาเป็นว่าอย่าจดจำภาพเมื่อกี้เลยนะคะท่านสุภาพบุรุษ”

ชินพยักหน้าให้รัวๆ ทางเลือกมีซะที่ไหนเล่า

“ขอบคุณค่ะ …อ๊ะ เรเซลไม่เจอกันนาน อันนาก็ด้วย โตขึ้นเยอะเลยนะพวกหนู”

“ยินดีที่ได้พบอีกครั้งค่ะ ท่านแองเจลิน่า”

“ยินดีที่ได้พบค่ะ!” ลูกไก่กำลังหาอาหารอยู่ละ

พี่สาวตัวป่วนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะมองไปทางเรเซล

“เรเซลตามพี่สาวมานะจ๊ะ เดี่ยวโดนเรเซอร์แกล้งเอาอีก”

ว่าแล้วพี่สาวผมก็ดึงแขนอยู่ไม่สุขเซลให้ลงจากรถม้าเบาๆ แองเจลิน่าไม่ได้เห็นดีเห็นงามเรื่องที่ผมรังแกเรเซลนัก ถึงจะรักผมจนเข้าขั้นพิลึก แต่ก็รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด เป็นคนที่น่าชื่นชมเลยละ

แต่ถึงจะถูกแองเจลิน่าดึงตัวพาไปที่ปลอดภัย แต่ก็ไม่ขยับเขยื้อน เธอทำเพียงจ้องมาที่ผมด้วยสีหน้าลำบากใจ ..ไม่ใช่รู้สึกกลัวแต่อย่างไร

แองเจลิน่ารู้ถึงความผิดปกตินั่นได้ทันที

“…เรเซอร์กับอยู่ไม่สุขเซลมีอะไรเปลี่ยนไป?” แองเจลิน่าลูบคางตนเอง “อันนาก็ด้วย …อ๊ะ!”

เหมือนจะได้ข้อสรุปแล้ว

“ร้ายจริงๆ น้องพี่”

“ไม่รู้เลยว่าเข้าใจผิดหรือถูกกันแน่”

เรเซลยิ้มให้แองเจลิน่า

“-ท ท่านเรเซอร์นิสัยดีคะ”

“…ได้ยินแบบนี้ก็ปลื้มใจเลยจ้ะ เอาละๆ รีบเข้าคฤหาสน์กันได้แล้วนะ”

ว่าแล้วพวกผมก็เข้าไปในคฤหาสน์ขนาดยักษ์สุดๆ กัน

พี่สาวเตรียมอาหารหลากหลายรูปแบบมาให้กินกันแบบจุใจ แม้แต่เรเซลหรืออันนายังได้ร่วมกินด้วย ดูเหมือนว่าเธอจะเอ็นดูเรเซลเป็นพิเศษมากด้วย 

เมื่อกินอะไรเสร็จเรียบร้อยก็คุยเรื่องทั่วๆ ไป ก่อนจะตกเย็น จึงแยกย้ายไปอาบน้ำกัน

 

******

ณ ห้องอาบน้ำหญิงขนาดยักษ์ราวกับโรงอาบน้ำ

“…ไม่คิดเลยนะคะว่าท่านแองเจลิน่าจะให้เข้าแช่บ่อน้ำร้อนได้เนี่ย”

“นั่นสินะคะ ท่านแออยู่ไม่สุขเจลิน่ายังคงอ่อนโยนเหมือนเดิมเลย”

หญิงสาวสองคน ‘อันนา’ และ ‘เรเซล’ พวกเธอกำลังคุยกันโดยที่แช่บ่อน้ำร้อนอยู่ แน่นอนว่าต่างคนต่างใส่ผ้าห่มหนูไว้ และมีน้ำร้อนบดบังเรือนร่างไว้ทำให้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ซึ่งจุดนี้นับว่าเซฟ

“จะว่าไป ..คุณอันนาจะให้ของขวัญอะไรท่านเรเซอร์หรือคะ?”

เรเซลเชื่อในคำพูดทั้งหมอของอันนา กระทั่งเรื่องโกหกก็เชื่อสนิท .. อันนาตกที่นั่งลำบากซะแล้ว

“-ค คงเป็นกระเป๋าใส่ของสัมภาระทั่วไปเล็กๆ น่ะคะ ที่ติดไว้กับเอว”

“สุดยอดเลย! คุณอันนาเย็บเองหรอ!?”

“..ใช่ค่ะ ดิฉันเย็บเองกับมือเลยละ”

อันนาทุ่บอกอย่างมั่นใจ

เป็นเด็กขี่โกหกมันไม่ดี—–เธอรู้อยู่แก่ใจ แต่สถานการณ์มันบังคับ

“สุดยอดเลย …ฉันเทียบอันนาไม่ติดตลอดเลย…ฉันเย็บแค่ผ้าเช็ดหน้าให้ท่านเรเซอร์เอง นี่น่ะ”

เรเซลโชว์มือที่มีรอยแผลถลอกเล็กน้อย——–ยัยนี่บริสุทธิ์ชะมัด น่ารัก…เทียบกับฉันแล้วเนี่ยไม่ไหวเลย ..อันนาคิดเช่นนั้น

“…อยู่ไม่สุข พยายามมากเลยนะคะเนี่ย”

“ค่ะ ฉันอยากให้ท่านเรเซอร์ดีใจน่ะ”

“…สุดยอดเลยค่ะ ใช่ สุดยอดมากๆ เลยค่ะ ดิฉันยอมรับเลย แพ้ลาบคาบเลยค่ะ ควาเป็นสาวน้อยของฉันคือศูนย์สนิท”

อันนาไม่สามารถตอบกลับหรือโม้สวนได้เลยสักนิด

ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันเฮฮา สาวเจ้าของคฤหาสน์ก็เดินออกมาด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า เธอมั่นใจสุดๆ กับร่างกายที่สมหญิงยากจะหาได้

‘แองเจลิน่า’ ยิ้มร่าพลางมองเด็กสาวตัวเล็กทั้งสองกำลังคุยกันเรื่องของขวัญ ซึ่งจะให้น้องชายของตัวเอง—-เธอปลื้มใจสุดๆ

“แหม่ๆ กาลเวลานี่น่ากลัวจังเลยนะ ไม่กี่ปีก่อนยังทะเลาะกันจะเป็นจะตายอยู่เลย”

ทันทีที่ทั้งสองเได้ยินก็พากันเงียบกริบ แองเจลิน่าเดาถึงปฏิกิริยานั้นได้แต่แรกแล้ว จึงอยากหยอกล้อเล่นนิดหน่อย—-เธอจุ่มร่างลงกับน้ำร้อนข้างๆ อันนา และไม่ไกลจากเรเซลมาก แองเจลิน่าเอามือทาบหน้าอกขนาดใหญ่ ‘ฟูจิ’ และแสยะยิ้มดั่งนางร้าย

“—-แหม่ๆ จะว่าไปก็อายุ 12 กันแล้วนี่เนอะ เริ่มโตเป็นสาวกันแล้วนี่นา”

แองเจลิน่าคล้องเอวของอันนาด้วยท้วงท่าสยิว ทำให้อันนาแก้มแดง และเสียท่าอย่างง่ายดาย ทั้งๆที่เป็นผู้หญิงเช่นเดียวกัน

“อย่างเรเซลเองก็เริ่มมีหน้าอกนูนๆ แล้ว สวยกว่าเดิมขึ้นเยอะเลย สมหญิงมากๆ และอันนาเองก็…”

แองเจลิน่าลูบๆ นิดๆ คงเป็นการนวดโมจิรูปแบบใหม่ …แต่เธอเว้นช่วงพูดนานเกินไปจนผิดธรรมชาติ เหมือนจะรู้สึกผิดหน่อยๆด้วย

“เทียบกับเรเซลแล้วมันก็ …แหม่ เอาเป็นว่าขอโทษนะจ๊ะ”

สงสัยจะผิดหวังเล็กน้อย——อายุพึ่งสิบสองนี่เนอะ

“…ยินดีค่ะ (—-โว้ยยยยยยยยย อย่ามาจับกันตามใจชอบนะเว้ย! แล้วก็อย่าวิจารย์ด้วยโว้ย!)”

อันนาจะจดจำความอับอายนี้ไปชั่วชีวิต เรเซลจับหน้าอกที่นูนขึ้นของตัวเองและหน้าแดงเป็นมะเขือเทศ เธอถึงกับมุดตัวลงกับบ่อน้ำร้อนจนมีฟองสบู่ขึ้น

“หุ่นแบบนี้โตไปต้องเป็นนางตัวร้ายของชายหลายๆคนแน่ ..แน่นอนจะเป็นนางตัวดีของคนคนเดียวก็ได้เนอะ แต่ก่อนหน้านั้นต้อง——-ความรัก?”

“…(จะทำอะไรกันแน่ยัยนางร้ายนี่)” อันนาขบฟันกรามตัวเอง ด้วยความเสียหน้าปนอับอายทำให้เธอเกิดกลัวแองเจลิน่าขึ้น

“ความรักหรือคะ?” ทางเรเซลกลับพึมพำอย่างไร้เดียงสา

แองเจลิน่ายิ้มราวกับเหยื่อกินเบ็ดแล้ว

“ใช่แล้วจ้ะ เรเซลเคยมีความรักบ้างมั้ย?”

“…”

“…ว่าไงจ๊ะ?”

——-ใบหน้าของเรเซลแดงแจ๋ยิ่งกว่าเดิม

“..ไม่มีค่ะ คิดว่า”

โกหกหน้าด้านๆ

(กรี๊ด!!! เห็นแล้วดิฉันอายแทนเลย) อันนาร้องลั่นในใจ

“ไม่มีจริงๆ หรือจ๊ะ? อย่าง—เรเซอร์น่ะ อายุพอๆกันเลย”

อันนาตัวบิดไปมาด้วยความเขินอาย ถึงจะไม่ใช่ตัวเองที่โดนแต่ความรู้สึกบางอย่างก็แชร์กัน —(ยัยหนองโพนี่! กะจะมาแหย่กันเล่นจริงๆ ด้วย!)

“…-ม ไม่แน่ใจค่ะ”

(อย่าใช้คำว่าไม่แน่ใจสิฟร้ะอีลูกไก่!!) อันนาจะคลั่งตายแล้ว

เรเซลเบือนหน้าหลบ เนื้อตัวอยู่ไม่สุข ท่าทางเช่นนี้ใครเห็นก็ว่าเหมือนกัน

“ฮุฮุ”

แองเจลิน่าสนุกใหญ่เลย

“ว่าไงจ๊ะๆ”

“….-ถ ถ้าเด็กผู้ชายคนอื่นก็พอมีบ้างค่ะ จริงๆ แล้ว”

—————-มันก็มีเด็กผู้ชายอย่างเรเซอร์คนเดียวนั่นแหละ ละแวกนั้นน่ะ

(แล้วหล่อนก็ไม่เคยออกไปไหนด้วย โดยไม่มีเรเซอร์น่ะ!) อันนานึกหัวร้อนในใจ เพราะเรเซลเอาแต่พูดขุดหลุมฝังตัวเอง

“อืมๆ แล้วเด็กผู้ชายคนนั้นเป็นยังไงรึจ๊ะ?”

แองเจลิน่าใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกเรเซลผู้ไร้เดียงสา ทางเรเซลซึ่ง ณ ตอนนี้เผลอนึกไปว่ารอดแล้วจึงกำหมัดดีใจ โดยหารู้เลยว่าตนเป็นเพียงลูกไก่นกำมือปีศาจเท่านั้น

“-ท ท่านเร—–เด็กผู้ชายคนนั้น..”

(หลุดเกินไปแล้ว!)

“..เขาเป็นคนที่ดูพูดอะไรห้วนๆ นิดหน่อย -ล แล้วก่อนหน้านั้นทำไม่ดีกับฉันเยอะด้วยค่ะ”

(มันก็มีแค่คนเดียวนั่นแหละโว้ย! จะบ้าตาย!)

“แต่พักนี้จู่ๆ เค้าก็เปลี่ยนไป …ดูอ่อนโยนคะ ถึงจะยังพูดอะไรห้วนๆ อยู่บ้าง แต่ก็ให้เกียรติ และสุภาพ …ดูร่าเริงต่างกับแต่ก่อน ดูแก่นๆ ซ่าๆ บ้าดีเดือดชอบกลน่ะคะ อาจจะดูเกเรเหมือนเดิมแต่กลับใจดีขึ้นมากเลยค่ะ อย่างไม่กี่วันก่อนเค้าคนนั้นก็ยอมสละขนมปังราคาแพงให้เด็กที่โบสถ์ ..เค้ายังกลัวฉันเหงาด้วยค่ะ เลยชวนมาเล่นเกมกระดานกันแล้วหลับนอนกันทั้งอย่างนั้น -ค คนดีสุดๆ เลยค่ะ และ..เท่ดีคะ” เรเซลปิดหน้าตัวเอง “บางวันก็ฝันว่าใช้ชีวิตหลังแต่งงานกับเขาที่ชนบทด้วยคะ”

เรเซลจับเข่าของตัวเอง บิดไหล่เขินไปมา——-(โว้ยยยยย พูดขนาดนี้บอกชื่อมาก็ได้ค่ะ! อาย น่าอายชิบ เห็นแล้วอายแทนเลยค่า!!! อย่าพูดไปมากกว่านี้เลยนะ!!) อันนาจะตายอยู่ที่นี่แล้วละบ่องตง

แองเจลิน่าเองก็เริ่มเขินอายเมื่อเจอพลังสาวน้อยเข้าไป

“เป็นเด็กดีจังเลยนะ เด็กคนนั้น”

“-ช ใช่เลยค่ะ ทั้งใจดี และเท่! เท่มากๆ ค่ะ!”

———-(กรี๊ด!!!!!!) อันนาแทบจะสลบคาบ่อน้ำร้อน

“แหม่ๆ”

“แต่…ฉันเองก็ไม่แน่ใจค่ะ ว่ารู้สึกยังไงกันแน่ เอ่อ มันใช่ ‘รัก’ หรือเปล่าคะ?”

…อันนาชะโงกหูฟังสุดตัว ส่วนเรเซลก็ทำตาปริบๆ คาดหวังคำตอบ

ในฐานะผู้ใหญ่อย่าง ‘แองเจลิน่า’ เธอย่อมผ่านประสบการณ์ด้านความรักมามากอยู่แล้ว ยิ่งผู้คนสังเกตเห็นความสวยสง่า ย่อมรับรู้ได้ทันทีว่าเธอเคยผ่านเรื่องรักๆ มามากแล้ว——–ทว่า

“…-น นั่นสินะ”

จริงๆ แล้วหล่อนไม่เคยยุ่งเรื่องพวกนี้ตั้งแต่จำความได้ และตั้งแต่เริ่มทำงาน——เพราะการทำงานอย่างหนักหน่วงของเธอ ทำให้อายุอานามจะปาไป 22 ปีแล้วก็ตาม แต่! เรื่องความรักคือศูนย์ จริงๆ มีไปเตาะหนุ่มหล่อลูกขุนนางถูกสเป็คอยู่บ้างเป็นระยะๆ แต่พวกเขาดันถูกภาพลักษณ์บ้างานกับจริงจังของแองเจลิน่าทำให้พากันคิดว่าชวนคุยงานเท่านั้น และจบๆ กันไป…

สำคัญ จะให้คำแนะนำกับเด็กซึ่งตกในห้วงความรักแบบมั่วๆ ไม่ได้ ในฐานะผู้หญิงเหมือนกันย่อมรู้ดีแก่ใจ ทว่า—–ถ้าไม่บอกมันก็เสียฟอร์มสุดๆ แต่บอกมั่วๆ ก็ไม่ได้ เหตุนั้นเองสถานการณ์จึงย้อนกลับ

คนที่ไม่อยากตอบคำถามในตอนนี้คือ ‘แองเจลิน่า’ เองซะแล้ว นี่สินะที่เขาเรียกว่าการเดินหมากครั้งเดียวก็มากพอจะจบเกม

“ฮะๆ เรเซลถามถูกคนมากจ๊ะ”

“-จ จริงหรือคะ!?”

ภายนอกแองเจลิน่าดูผ่านเรื่องความรักมามาก

“…ใช่”

(…ท่าทางแบบนั้น หรือว่า!?) อันนาเดาได้แล้วว่าแองเจลิน่าไร้ประสบการณ์

“-จ จริงๆ แล้วฉันยังไม่รู้ใจตัวเองเหมือนกันคะ คือ …แค่อยากอยู่เคียงข้างและช่วยเหลือท่านเรเซอร์ แค่นั้นคะ”

หลุดมาแล้วนะนั่น แต่ชั่งมันประไร…บริสุทธิ์ซะจนไม่กล้าทักเลย

“…เรื่องนั้นน่ะนะ”

แองเจลิน่าซึ่งกำลังจนมุมเธอไม่มีทางเลือก และตัดสินใจบอกคำตอบสุ่มๆ เดาๆ ไป ตามหลักจิตวิทยา ทว่า—-เธอนึกถึงหน้าน้องชายได้พอดี

เธอรักน้องชายคนนี้ แต่ไม่ใช่ในฐานะผู้ชาย เธอรักในฐานะคนสำคัญ และสิ่งที่เหมือนกันก็คืออยากจะอยู่เคียงข้างด้วย ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอเริ่มรักและเอ็นดูน้องชายตัวเอง ถึงแม้เขาจะเลวระยำ แต่ก็ยังรัก—-…นั่นทำให้แองเจลิน่าพบคำตอบได้

“…อีกสามปี เรเซลลองถามใจตัวเองดูใหม่สิว่าอยากอยู่กับเขาในรูปแบบใด”

“ตอนนั้นค่อยถามตัวเองอีกรอบหรือคะ?

“ใช่จ้ะ มันมีคำที่บอกว่า ‘เวลาคือเครื่องพิสูจน์’อยู่ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องรีบหรอกนะ ถ้าอยากรับรู้ถึงความรู้สึกที่แน่ชัดของตัวเองน่ะ”

…เรเซลพยักหน้ารับไป

“…แล้วอันนาละ?”

“ไม่มีค่ะ”

ตอบทันควัน หนักแน่นชะมัด———-สุดท้ายก็ถูกรีดข้อมูลจนอับอายขายขี้หน้า

 

*******

 

หลังจากที่อาบน้ำเสร็จแองเจลิน่าจึงออกเดินเล่นยามเย็น พลางนึกถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงของก๊กเรเซอร์ (+อันนา เรเซล)

ทั้งสามคนตอนนี้ดูสนิทกันมาก เหมือนกับเพื่อนมากกว่าคนใช้เสียอีก ไร้ซึ่งการกลั่นแกล้งที่รุนแรงเหมือนแต่ก่อน ..เลี่ยงไม่ได้ที่จะแปลกใจ

คำพูดที่ว่า ‘กาลเวลาเปลี่ยน คนย่อมเปลี่ยน’ มันก็จริงอยู่หรอก แต่ไม่เร็วและหน้ามือเป็นหลังมือหน่อยหรือไง?

แต่เอาเถอะ ยังไงซะเรื่องที่แองเจลิน่าโฟกัสจริงๆ เป็น—-‘ความรัก’

หญิงวัยแองเจลิน่าสำหรับโลกแฟนตาซีควรมีคู่ครองได้แล้วละ เธอจึงถูกเรื่องราวความรักดึงดูดได้ง่ายตามค่านิยม

ในขณะที่เดินเล่นตรงริมระเบียงคฤหาสน์ก็คิดเล่นสนุกๆไปด้วย

“เรเซลชอบเจ้าน้องชายนั่นไปแล้วแน่นอน ทั้งเวลาที่อยู่ด้วยกันกับการเปลี่ยนไปของเรเซอร์คงทำให้ระยะห่างที่ใกล้นั่นกลายเป็นความรักสินะ …อืมๆ อาจถูกช่วยเล็กน้อยด้วย แต่”

คนที่น่าแปลกใจที่สุดไม่ใช่เรเซล แต่เป็นอันนา

“เด็กนิสัยเสียคนนั้นจู่ๆ ก็ดูบ้องแบ๊วน่ารักขึ้นมาเลย การแข่งขันลดลงความเครียดเลยต่ำลงรึ? แล้วอันนาก็น่าจะชอบเรเซอร์ไปแล้วด้วย แหม่ ไอน้องชายในอนาคตมีหวังได้เป็นเสือผู้หญิงแหงๆ …จะว่าไปทำอีท่าไหนเด็กอย่างอันนาดันไปชอบได้กันนะ?”

แองเจลิน่าเดินไปพลางพึมพำกับตัวเองจนกระทั่งไปสะดุดเข้ากับชายสองคน ซึ่งกำลังปะทะกัน

—เรเซอร์น้องชายของเธอ และคุณอัศวินรูปงามชิน

…น้องชายแสนขี้เกียจผู้หลงใหลในความอัจฉริยะของตนเอง และไม่คิดจะพัฒนาอะไรทั้งนั้น ตอนนี้กำลังฝึกฝนอย่างหนักในด้านที่ไม่ถนัดอย่างวิชาดาบ

แองเจลิน่ามองภาพนั้นก่อนจะผุดยิ้มบางๆ

“เปลี่ยนไปมากจริงๆด้วย” 

“—–อึบ!”

ตึง! แรงปะทะจากดาบไม้ดังกังวาน

“เมื่อกี้ยอดเยี่ยมมากขอรับท่านเรเซอร์”

“—ขอบคุณสำหรับคำชม!”

ผมใช้แรงดันทำให้ชินกระเด็นเล็กน้อย แน่นอนว่าอ่อนให้โดยกะพลังกายให้พอๆ กับผม

—–ผมฟาดดาบไม้สุดแรงใส่ข้างตัว

“สุดยอดเลยครับ!”

การโจมตีถูกปัดให้ไหลผ่านได้ง่ายๆ ร่างของผมจึงก้าวผิดจังหวะ และกำลังจะล้ม———–แต่ก็ถูกชินรับไว้ด้วยแขนข้างเดียว

“…พลาดอีกจนได้”

“ทำได้ดีแล้วขอรับ”

“หวังว่าจะเป็นนั้นนะ”

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ และยืนตั้งท่าอย่างขันแข็ง ก่อนจะสังเกตเห็นพระอาทิตย์ที่จะตกดินอยู่แล้ว 

ไม่ได้หนีนะบอกก่อน ผมไม่ได้หนีหรอกนะ

“…วันนี้พอแค่นี้ละกันนะ”

“เข้าใจแล้วขอรับ ขอบคุณสำหรับความกรุณาครับ”

“เช่นกันน่า”

ผมแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ซึ่งอีกไม่กี่ชั่วโมงจะเป็นวันเกิดของผม———ผมยิ้มเล็กน้อย

อีกราวสองปี ‘วงจรเวทย์’ ผมจะสมบูรณ์ ถึงตอนนั้นคงได้เล่นอะไรสนุกๆหลายอย่างเลย

“ชินนายจะให้อะไรเป็นของขวัญวันเกิดละ?”

ชินที่จู่ๆ ก็ถูกยิงคำถามจึงเงียบลง ใช้ความคิดเล็กน้อย ก่อนผุดยิ้มแสนจะน่ารัก

“…ความลับขอรับ”

“เป็นวันเกิดที่น่าลุ้นจริงเชียว”

—–พรุ่งนี้วันเกิดของผมจะได้เริ่มขึ้น พร้อมกันกับเหตุการณ์ลอบสังหารพี่สาวของผม

 

https://www.nekopost.net/novel/9632/17

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด