เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! 337

Now you are reading เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! Chapter 337 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

< < 207 Sec2 > >

จักรวรรดิราชามังกรเต็มไปด้วยความวุ่นวาย

“ย๊ากกกก!!!!”

“วุ่นวายจริงๆเลยนะครับ”

“เห็นด้วย”

ทั้งสามตัวตนระดับตำนานเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด มันไม่ใช่การต่อสู้ 2-1 หรือ 1-2 หากแต่เป็นการตะลุมบอนอย่างมั่วชั่วที่จ้บต้นชนปลายไม่ถูก ศัตรูมีอยู่สองคนเหมือนๆกันหมด

ผู้กล้าแอสทอเรียสสะบัดดาบเข้าใส่จอมมารพร้อมกับประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ จอมมารโต้กลับด้วยเพลิงสีขาว

“จงเปล่งประกาย!!”

แสงศักดิ์สิทธิ์สีเขียวพวยพุ่งออกมาจากปลายดาบ อำนาจของดาบแห่งผู้กล้าสะบั้นเพลิงสีขาวทิ้งได้แบบไม่ยากเย็น ผู้กล้าก้าพริบตามาหยุดอยู่ตรงหน้าของจอมมาร พร้อมกับหมุนตัวหวดดาบเข้าใส่ลำตัวเต็มๆ

“ใช้ได้เลย ผู้กล้าลำดับที่ 100”

จอมมารหยุดปลายดาบไว้ได้ด้วยมือเปล่าที่เคลือบแสงศักดิ์สิทธิ์แบบเดียวกับผู้กล้า

“ผมมีชื่อว่า ‘แอสทอเรียส’ !”

“ไม่จำเป็นต้องคิดมากเลย ยังไงเสียก็ไม่ใช่ชื่อจริงนี่”

“ย๊ากก!!”

ตุ้มๆๆๆๆๆ!!! การปะทะกันของแสงศักดิ์สิทธิ์ดังสนั่นไปทั่วทั้งราชวังศ์ ผลลัพธ์ที่ปรากฏทำให้ผู้กล้าหน้าถอดสีอย่างช่วยไม่ได้

ดาบแห่งผู้กล้าเป็นดาบที่มีไว้กำจัดจอมมารไม่ใช่หรือไงกัน? ทำไมถึงทำอะไรไม่ได้เลย เข้าถึงตัวไม่ได้เลยแม้แต่เซนเดียว

“ย๊ากกกกกกกกกก”

“ตะโกนดังขึ้นไม่ได้ช่วยให้เก่งขึ้นหรอกนะ”

จอมมารกระโดดถอยหลังมา และเตรียมตัวจะทำอะไรบางอย่าง

ทว่า

“เอ๋?”

ตุ้ม!!!!

ร่างของจอมมารถูกเอเธอร์ถีบจากข้างหลังจนขาดเป็นสองส่วน ร่างสองส่วนนั้นกลิ้งไปมากกับพื้นอยู่หลายตลบ

“เล่นทีเผลอ”

“โทษฐานที่เมินกันครับ”

“อ๊ะ ทำได้ดีมากครับ ท่านเอเธอร์ ที่เหลือเดี่ยวผมจัดการเอ—อั้ก!”

ก่อนที่ผู้กล้าจะได้วิ่งตามจอมมารไปก็ถูกเอเธอร์ซัดเข้าที่กลางลำตัวจนกระอั้กเลือดออกมาก่อน 

“เมื่อกี้พวกเรายังสู้กันเองอยู่เลยนะครับ แอสทอเรียส”

“–คึก ย๊าก!”

“เกะกะครับ”

เอเธอร์หลบวิถีดาบ และเตะสวนด้วยท่าทางที่ดูเหมือนจะเบาบาง ทว่า–

 

ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

 

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกก!!!!!!”

ผู้กล้าปลิวไปกับแรงเตะที่มหาศาลประหนึ่งว่ารับการโจมตีทางกายภาพของ มอนสเตอร์แรงค์ S เข้าไปตรงๆจากมนุษย์ ร่างจึงปลิวไปกับแรงกระแทกนั่น ทะลุออกจากเขตุราชวังศ์ และลอยไปที่แห่งใดก็ไม่อาจทราบได้ ….

เอเธอร์หันหน้ากลับมาทางจอมมาร และพบว่าเธอรักษาร่างกายตัวเองเสร็จสรรพแล้ว

“ยังแรงดีเหมือนเคยนะ ท่านพี่”

“แน่นอนสิครับ ผมฝึกฝนตัวเองตลอดเวลา ตั้งแต่วันที่ถูกโยนไปในห้วงลึกของโลกใบนี้ก็ไม่เคยที่จะหยุดพัฒนาตัวเอง”

“ดูท่าจะรักเราสุดๆเลยสินะ พี่ชายคนนี้”

“ใช่ครับ รักมากๆเลยละ คิดอยู่ทุกวันเลยละว่าจะฆ่าด้วยวิธีไหนดี”

เอเธอร์กับจอมมารยิ้มให้กัน กระนั้นก็ล้วนเป็นรอยยิ้มที่กลวงโบ๋เหมือนกันทั้งคู่

“คราวก่อนใช้ดาบแห่งผู้กล้าฆ่าก็คิดว่ามันง่ายไปหน่อย คราวนี้เลยว่าจะลองใช้มือเปล่าฆ่าทิ้งดูน่ะครับ คิดเห็นอย่างไรบ้าง?”

“คิดว่าฆ่าให้ได้ก่อนแล้วค่อยพูดน่าจะดีกว่านะ”

“นั่นสินะ-ครับ”

เอเธอร์พุ่งไปประหนึ่งเดียวกับฟ้าผ่า เช่นเดียวกัน จอมมารก็อ่านการเคลื่อนไหวล่วงหน้าไว้ และสร้างเพลิงสีขาวขึ้นมาตั้งรับการโจมตี—แขนของเอเธอร์ทะลุผ่านเพลิงสีขาวเข้ามาได้

“แบบนี้ค่อนข้างจะแย่”

พริบตาเดียว เพลิงสีขาวก็ถูกขยี้ทิ้งจนหมด เอเธอร์เข้าประชิดจอมมารในระยะเผาขน พร้อมกับฝ่ามือที่เคลื่อนผ่านอากาศเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆในเวลาเพียงเชี่ยววินาที

“หยุดแค่นี้แหละ!!!!!!!”

ฟิ่วววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ใครสักพุ่งลงมาจากท้องฟ้า และเข้าขวางกั้นระหว่างจอมมารกับเอเธอร์เอาไว้

ฝุ่นควันขึ้นมาบดบังทิวทัศน์โดยรอบ แต่สิ่งแรกที่ปรากฏให้เอเธอร์เห็นก็คือ ‘ดาบทลายโลกา’ และเพลิงทำลายล้างจากตัวดาบที่สลายฝุ่นทั้งหมดทิ้ง

“เอเธอร์!! คิดจะทำอะไรท่านจอมมารกันน่ะหา!!?”

“อืม ยังส่งเสียงโวยวายได้ดีไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนะครับ ซาตาน”

“หนวกหู!!”

เอเธอร์ถอนยิ้มตอบกลับอย่างเรียบเฉย

“นี่ก็อยู่ในการคำนวณของเธอเหมือนกันรึเปล่านะ”

“ที่แน่ๆโลกใบนี้ไม่มีความบังเอิญหรอก”

“คงจะอย่างนั้นครับ เช่นนั้นครั้งนี้ผมขอลามือก่อนน่าจะดีกว่า การเข้าต่อสู้กับซาตานพร้อมกับจอมมารโดยตรงไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดนัก”

“มาหาเรื่องกันแล้วคิดจะเดินกลับก็กลับเลยแบบนี้ได้ที่ไหนกันละ ท่านพี่”

“ตามมาสิครับ ถ้าเกิดมีธุระอะไรละก็” เอเธอร์ยักไหล่ให้ “มองว่าครั้งนี้ตัวผมสู้ไม่ได้จนต้องหนีก็ได้นะครับ”

คุยกันจบ เอเธอร์ก็เดินหักซ้ายออกไปทางที่มีรูขนาดใหญ่จากการส่งแอสทอเรียสไปนอกราชวังศ์

ทำให้ที่แห่งนี้เหลือแค่จอมมารกับซาตาน

“ทำได้ดีมาก ซานต้า แล้วร่างของ โซล่า เลนน่อน ล่ะ? เก็บกู้มาแล้วหรือยัง?”

อนึ่ง จอมมารมักจะเรียก ซาตาน ว่า ‘ซานต้า’

“ค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ว่าแต่ไม่ตามเอเธอร์ไปจะดีเหรอคะ?”

“ไม่จำเป็นหรอก ทุกอย่างยังเป็นไปตามแผนอยู่”

จอมมารเดินออกจากที่แห่งนี้ไปคนละทิศกับเอเธอร์

“เช่นนั้นก็ไปต่อกันเถอะ ยังมีอีกหลายเรื่องที่พวกเราต้องทำ ..ก่อนจะถึงวันๆนั้น”

 

****

ณ ใจกลางของจักรวรรดิราชามังกรที่ถูกทำลายไป 

เรลันต้า พร้อมด้วยทหารจำนวนหลายนายเข้าปะทะกับทูตสวรรค์ มิคาเอล และสูญเสียชีวิตไปนับร้อยในเวลาไม่นาน ส่วนราเมียร์ เรลันต้าก็สั่งให้หนีไปพร้อมกับทหารจำนวนหนึ่งแล้ว ..

มิคาเอลบินอยู่เหนือทุกๆคน และใช้แสงโจมตีแบบสุ่มๆด้วยท่าทางเบื่อหน่าย จนกระทั่งเอเธอร์เดินมาถึง

“นานไปหน่อยนะคะ เอเธอร์”

“ขอโทษที่ให้รอครับ แล้วก็คว้าน้ำเหลวตามเคยครับ”

เอเธอร์เดินฝ่าวงล้อมทหารของแซร์อิซและจักรวรรดิราชามังกรมา เมื่อมายืนอยู่ข้างๆมิคาเอล เรลันต้าก็เดินมาร่วมวงด้วย

“เป็นการจับคู่ที่แปลกจริงๆนะ เอเธอร์”

“เรลันต้าไม่ใช่หรือครับนั่น ไม่ได้พบกันนานนะครับ”

“อ่า แล้วพอจะมีคำอธิบายให้รึเปล่า?”

เรลันต้าชี้ดาบคู่ใจที่มีมณีวายุติดเอาไว้เข้าใส่เอเธอร์

“บุกโจมตีจักรวรรดิราชามังกรอย่างรุนแรง ทั้งผู้คนและทรัพสินย์ถูกทำลาย ลักลอบเข้าราชวังศ์ ก่อความวุ่นวายสารพัด แค่นั้นไม่พอยังลงมือสังหารราชามังกรอีก เจ้ามีคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่!!?”

สายลมพุ่งผ่านหน้าของเอเธอร์ไป ราวกับคำเตือนจากเรลันต้า ..สามวิ? ไม่ สองวิ นี่คือเวลาจำกัดที่เรลันต้ารอฟังคำตอบจากเอเธอร์ หลังจากผ่านพ้นเวลานี้ไปจะเกิดสงครามระหว่างเขาและเอเธอร์อย่างแน่นอน

“ไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบายหรอกครับ”

“น่าเสียดายนะ เอเธอร์—ตายซะ!!!!”

เรลันต้ายกดาบขึ้นฟ้า มณีวายุส่องประกาย พายุโหมยักษ์พุ่งเข้าใส่เอเธอร์ เป็นการโจมตีกะเอาตายไม่ผิดแน่ อย่างน้อยๆก็มากพอจะถล่มอาณาจักรใดอาณาจักรหนึ่งได้ในคราเดียว

“สมกับเป็นผู้ที่ถูกเลือกโดยมณีวายุครับ”

แต่ว่า–ทุกสิ่งล้วนห่างชั้นกับเอเธอร์

เอเธอร์ใช้มือปัดพายุลูกโตทิ้ง และพุ่งเข้าไปใช้มือขวาสะบั้นแขนของเรลันต้าจนขาด

“อึก!”

เลือดพุ่งออกมาจากร่างเป็นลิตร เรลันต้าก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่พ้นระยะจู่โจมของเอเธอร์

“ทนเจ็บหน่อยนะครับ”

…..

…..

 

“ก็รู้อยู่หรอกว่าแกร่งเหมือนสัตว์ประหลาด แต่ใครจะคิดละว่ามันจะขนาดนี้ ..”

เรลันต้าหัวเราะแห้งๆ ขณะที่ตัวเขานอนกองอยู่กับพื้น ในสภาพที่แขนขาดหนึ่งข้าง ขาขาดหนึ่งข้าง แต่ตาหายไปหนึ่งข้าง เขาจมอยู่กับกองเลือด ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสเข้าขั้นปางตาย กระนั้นก็ยังฝืนเปล่งเสียงเป็นคำพูดออกมาได้

ระหว่างที่ราชาผู้ยิ่งใหญ่นอนบนกองเลือด ทหารรอบๆก็ตายไปทีละสิบๆคน ทีละร้อยๆคน จนกำลังใจการต่อสู้หดหายไป ต่อจากนี้จึงไม่ใช่สงคราม หากแต่เป็นการไล่ฆ่าฝ่ายเดียว ทหารเกินกว่าครึ่งที่ยังเหลือรอดวิ่งหนีเอาตัวรอด แทนที่จะสู้ถวายหัว เป็นเพราะพวกเขารู้ดีว่าความต่างระหว่างตัวเองกับเอเธอร์มันมากจนเกินไป ….

เมื่อไม่มีใครคิดจะสู้กับเขา เอเธอร์ก็ไม่คิดจะไล่ตาม ซึ่งแตกต่างกับมิคาเอลที่หัวเราะร่าเริงและไม่หยุดล่ามนุษย์ ..อย่างที่รู้ เธอมันเป็นพวกโรคจิตเกลียดมนุษย์ขั้นสุด

เอเธอร์ยืนมองซากศพมากมายอยู่ข้างร่างของเรลันต้า ..

“เอเธอร์ ..ถามอะไรหน่อยสิ”

“ว่าไงครับ”

“เจ้าตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ ..คงรู้ดีแก่ใจว่าที่ตัวเองทำมันหมายความว่าอะไร ..กลอเลียสตายไปแล้ว ผู้นำของจักรวรรดิราชามังกร ตัวตนที่มีอำนาจเกือบจะทัดเทียมกับอาณาจักรสี่มหาอำนาจ ..ต่อจากนี้โลกจะเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ตัวตนของเจ้าจะไม่ใช่วีรบุรุษของฟัฟนิร์อีกต่อไป”

“ไม่เคยคิดอยากจะเป็นวีรบุรุษเสียหน่อยครับ”

แม้ช่วงหนึ่งจะเคยรับนามของ ‘ผู้กล้า’ มาใช้ก็ตามที แต่นั่นก็แค่สิ่งที่คนอื่นแต่งตั้งให้เท่านั้น แรกเริ่มเดิมที เอเธอร์เวลานั้นคิดแค่ว่าวันๆหนึ่งจะฆ่าปีศาจได้มากขนาดไหนก็เท่านั้น ห่างไกลกับวีรบุรุษผู้อ่อนโยนไปมาก

“..นอกจากการตายของกลอเลียส ก็คงเป็นความตายของข้าด้วยเหมือนกัน ….คิดว่าอีกไม่นานน่าจะฝืนสังขารไม่ไหวแล้ว เพราะอย่างนั้นมันคงจะโกลาหลยิ่งกว่าที่ข้าจะจินตนาการถึงเสียอีก เจ้าพร้อมแล้วหรือยังที่จะต้องกลายเป็นศัตรูของโลก”

เอเธอร์แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า

“หากเทียบกับเป้าหมายของผม การเป็นศัตรูของโลกมันก็แค่ทางผ่านครับ ..ต่อให้ทุ่มสุดตัว พวกคุณจะไม่ได้แม้แต่แขนข้างเดียวของผม”

“…เจ้าดูถูกมนุษย์มากเกินไปแล้ว”

“มนุษย์มักจะยกหางเผ่าพันธุ์ของตัวเองมากเป็นพิเศษ นี่คือทฤษฎีที่คนสำคัญของผมเคยพูดเอาไว้ ผมไม่ได้ดูถูกมนุษย์ แต่พวกคุณต่างหากที่ยกหางตัวเองสูงจนเกินไป จนการกระทำของผมมันเหมือนกับการดูหมิ่น” เอเธอร์พูดออกมาด้วยใบหน้าแสนเย็นชา “มนุษย์ไม่ได้อ่อนแอ ผมยอมรับ แต่มนุษย์ไม่มีทางก้าวข้ามโชคชะตาไปได้”

เอเธอร์ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะยิ้ม

“เอาอย่างนี้เป็นอย่างไรครับ? ตัวผมจะรับหน้าที่เป็น ‘บททดสอบ’ ให้แก่มนุษย์เอง ก่อนที่จะถึงวันตัดสินยังมีเวลาพอจะพิสูจน์เรื่องที่คุณพูดอยู่บ้าง”

“……”

“เรลันต้า?”

“….”

……

นัยน์ตาหายไปจากดวงตาของราชาผู้ยิ่งใหญ่ ..

“สำหรับมนุษย์ก็ต้านท้านความตายไว้ได้นานทีเดียว ขอชื่นชมครับ”

เอเธอร์หยิบดาบของเรลันต้าขึ้นมา และเก็บมันไว้ภายในกระเป๋าเวทมนตร์ และออกเดินตามมิคาเอลที่ยังคงไล่ฆ่ามนุษย์อยู่ ..

 

****

ณ ทะเลสาปซึ่งห่างกับจักรวรรดิราชามังกรไม่มาก

ผู้กล้าลำดับที่ 100 แอสทอเรียสนอนอยู่ที่ริมทะเลสาปในสภาพที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลสาหัสภายใต้ชุดเกราะสีเงิน และไม่รู้ด้วยความบิงเอิญที่สะกดได้ว่า ‘โชคชะตา’ หรือเปล่า วินาทีที่เขาลืมตาตื่นอีกครั้งก็พบกับ ‘เจ้าหญิงมรกต’ ‘อาเบล’

เธอนั่งอยู่ข้างๆแอสทอเรียสผู้ถูกจับโยนแบบส่มๆ

“ท่านอาเบล ทำไมถึงโผล่มาที่นี่ได้กัน ..”

“แค่คาดเดาจากสิ่งที่เห็นเท่านั้นค่ะ ว่าแต่ว่า ใครกันที่เล่นงานท่านให้อยู่ในสภาพนี้ได้กันนะ ดิฉันรู้สึกสงสัยเหลือเกิน”

พอพูดขึ้นมาอย่างนั้น ผู้กล้าก็นึกถึงหน้าของเอเธอร์ขึ้นมาได้ รวมถึงเรื่องก่อนหน้านี้ทั้งหมด ด้วยความเจ็บใจจึงกัดริมฝีปากตัวเองจนเลือดฉิบออกมา

“…ช่วยร่ายฮิลให้ผมด้วยครับ ผมจำเป็นต้องไปสู้ต่อ ไม่ใช่แค่เอเธอร์หรือจอมมาร แต่คนจากบนฟ้าก็–”

“ไม่จำเป็นแล้วค่ะ”

อาเบลลูบศรีษะของผู้กล้าอย่างอ่อนโยน

“การต่อสู้จบลงแล้วค่ะ เมื่อสักครู่นี้เลย”

“…เอ๊ะ ทำไมกัน ผมหลับไปนานขนาดนั้นเลยเหรอ!?”

“ทุกอย่างก็แค่จบลงเกินกว่าที่ควรเท่านั้น ..ท่านแอสทอเรียส ฟังแล้วก็ช่วยใจเย็นๆด้วยนะคะ”

น้ำตาหลายเม็ดหยดลงใบหน้าของผู้กล้าแอสทอเรียส เจ้าหญิงมรกตร้องไห้ออกมาเป็นครั้งแรก

“ท่านพ่อตายแล้วค่ะ ..จักรวรรดิราชามังกรเองก็จบสิ้นแล้ว ….ทุกอย่างจบสิ้นแล้วค่ะ”

“…ไม่จริง”

“ท่านแอสทอเรียสได้โปรด ..ปกป้องดิฉัน ..”

ผู้กล้าแอสทอเรียสไม่รอช้าดึงร่างของอาเบลเข้ามาสวมกอด และประกาศออกมาอย่างหนักแน่น

“ไม่เป็นอะไรครับ จะต้องผ่านทุกอย่างไปได้ ผม ..จะอยู่เคียงข้างท่านเอง”

“…ดิฉัน..ดีใจเหลือเกินที่มีท่านอยู่ ..แอสทอเรียส”

อาเบลร้องไห้ขณะที่สวมกอดแอสทอเรียส ….ไม่นานน้ำตาก็หยุดไหล สีหน้าที่เจ็บปวดก็เลือนหายไปพร้อมๆกัน

เจ้าหญิงมรกตผู้เต็มไปด้วยความทุกข์ถูกลบหายไปในชั่วอึดใจเดียว แต่เรื่องนี้แอสทอเรียสไม่อาจทราบได้ เพราะเขาไม่ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของหญิงสาวที่ตนเองตกหลุมรัก

“นี่ ท่านแอสทอเรียส”

“ว่าอย่างไรหรือครับ?”

“…เพื่อดิฉัน ขออะไรบางอย่างได้หรือเปล่าคะ?”

“ครับ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร”

“ท่านช่วย–เป็นศัตรูกับมนุษย์ชาติได้หรือเปล่าคะ?”

“….เอ๊ะ?”

เจ้าหญิงมรกตกอดชายที่รักเธอยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดแน่นยิ่งขึ้น รอยยิ้มของเธอกว้างขึ้นเรื่อยๆอย่างน่าสยอง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด