เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! 69: อุบัติเหตุ

Now you are reading เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! Chapter 69: อุบัติเหตุ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

< < 58 > > 

ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ผมไปให้หลายๆเรื่องมันบานปลาย บางครั้งผมเคยคิดว่าตัวเองเป็นคนฉลาดและเห็นแก่ส่วนร่วม แต่พอคิดดูดีๆผมมันก็แค่คนโง่ที่เห็นแก่ตัว

สถานการณ์ดังเบื้องหน้ามันยิ่งตอกย้ำความจริงที่ว่าผมคือไอ้โง่จอมเห็นแก่ตัวที่คิดว่าตัวเองฉลาดและเลือกวิทีทางที่ดีที่สุด

อา พระเจ้า ไม่สิ พระเจ้าน่ะได้ตายไปแล้ว ในยุคโบราณโดนเดอะแก็งจอมมารไล่ตบหมดแล้ว จะถามหรือขออะไรไปก็คงตอบไม่ได้ หรือต่อให้ยังมีอยู่ก็คงไม่มาตอบคนเขลาอย่างผมหรอก ถ้าอย่างนั้นแล้วตอนนี้ผมควรจะภวนากับสิ่งใดดีนะ

ผมแหงนหน้าขึ้นฟ้าพร้อมกับปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา

ตัวผมในตอนนี้ต้องการพระเจ้าในจิตใจล่ะ

พระเจ้าเอ๋ย ขาพเจ้าขอถามหน่อยเถิด ทำไมกันนะ ทำไมคนเราต้องแบกรับความรู้สึกของคนอื่นด้วยนะ ทำไมเรื่องโกหกมันถึงไม่มีจริงนะ โกหกมันผิดนักเหรอ การโกหกมันแย่ขนาดนั้นเลยเรอะ ในเมื่อถ้าเรื่องโกหกมันไม่มีขึ้นมาจะต้องมีคนร้องไห้นะ

ผมล่ะไม่เข้าใจเอาเสียเลย

วัน xx เดือน xx ปี xx

ณ งานเทศกาลโลหิตมังกร เรเซอร์ดราแคล์ได้ทำปรากฏการณ์รถไฟชนกันสี่ขบวนขึ้นใจกลางงานเทศกาล 

****

ผมมีเดตกับโซเฟียหลังหมดกะทำงาน น่าแปลกว่ามั้ย ความสัมพันธ์ของพวกเราภายในโรงเรียนมันก็แค่เพื่อน แต่ทำไมพวกเราถึงมีเดตล่ะ? เหตุผลนั้นแสนจะง่ายดาย ก็เพราะว่าตัวผมไม่ใช่ตัวผมยังไงล่ะ

หลายท่านอาจคิดว่าผมจะพล่ามเรื่องปรัชญาคำคม แต่ช้าก่อน น้ำหน้าอย่างผมไปพูดปรัชญาให้ใครฟังไม่ไหวหรอก ที่พูดน่ะก็ความหมายตรงๆเลย 

เรเซอร์ผู้นี้ไม่ใช่เรเซอร์ไงล่ะจึงสามารถเดตกับโซเฟียได้ ..เพราะผมในตอนนี้คืออลันแมน

ตอนนี้ผมสวมสูทแน่นเปรี้ยะไว้หนวดไว้เคราเต็มที่เพราะคาแรคเตอร์อลันแมนคือตาลุงจืดๆคนหนึ่ง ทั้งหน้าตาและฐานะไม่ได้ดีเด่นอะไร เป็นเพียงคนวัยสี่สิบกว่าๆแสนธรรมดา ทั้งอย่างนั้นฟ้ากลับประทานทำให้อลันแมนคนนี้มีสาวสวยมหาลัยเวทมนตร์อายุน้อยอย่างโซเฟียมาตกหลุมรัก และพัฒนาความสัมพันธ์ต่อๆมาจนเดตกันเป็นประจำ

เรื่องมันค่อนข้างยาวก่อนจะลงเอยเยี่ยงนี้ แต่ถ้าให้สรุปสั้นๆคือ..ผมไม่กล้าพอจะบอกความจริงให้โซเฟียฟัง รู้ตัวอีกทีก็ต้องตามน้ำเพราะอยากรักษาน้ำใจเธอ สุดท้ายความสัมพันธ์เลยพัฒนาเป็นดูๆใจกันไปเรื่อยๆก่อนซะอย่างนั้น

“เรื่องตลกอะไรกันนะ พับผ่าสิ รู้อย่างงี้น่าจะชิงบอกตั้งแต่แรก ..เฮ้อ มาถึงจุดนี้แล้วก็มีแต่ต้องไปให้สุด หล่อนสารภาพรักเมื่อไหร่ก็ปฎิเสธ..ถ้าจะลงเอยแบบนี้ไม่ปฎิเสธตั้งแต่แรกเลยล่ะตัวฉัน” 

บางที ไม่สิ จริงๆเลยแหละ ผมว่าผมค่อนข้างจะโง่เลย ถ้าเทียบกับค่าเฉลี่ยแล้วเนี่ยแล้วยังป็อดอีก กับเรื่องอื่นๆอาจไม่ใช่ แต่ถ้าเรื่องความรักผมเนี่ยสุดจะขี้ขลาดเลย แต่ทำไงได้เล่า ผมคือเชอร์รี่คุงที่ไร้ประสบการณ์มาตั้งแต่โลกเก่าเชียวนะ เนื้อหอมมาตลอดแท้ๆแต่ก็ยังรักษาชิงและสถานะโสดของตัวเองมาตลอดได้

กับผู้หญิงน่ะ แค่เพื่อนยังพอว่า แต่แฟนน่ะไม่ไหว ให้ตายยังไงก็ไม่ไหว ไม่เคยคิดอยากจะมีเลย แอบชอบชาวบ้านบ้างก็มีประปราย แต่เอาเข้าจริงผมไม่พร้อมจะมีแฟนหรอก

“ทำไงดี ทำไงดี ฉันควรทำยังไงด—”

“คุณอลันแมนนน! มาแล้วค่าาา”

สาวน้อยผู้อยู่ในห้วงความรักวิ่งโบกมือมาหาผมด้วยชุดไปรเวทน่ารักๆ เสื้อแขนยาวและเดรสสีดำเกี่ยวไหล่ เป็นแฟชั่นยอดนิยมในยุคนี้ 

ผมถูกภาพลักษณ์ที่สดใสสมวัยนั่นตรึงเอาไว้ไม่ให้แม้แต่กระพริบตา

“..จ้องมากไปแล้วคะ”

“ขะ ขอโทษนะหนูเอ้ย ลุงเห็นหนูแล้วนึกถึง”

ลูกสาว! พูดว่าลูกสาวออกมาสิ! 

ทุกท่านอาจไม่ได้สังเกตุแต่ผมแทนโซเฟียว่าหนูแทนคุณ เรื่องคำแทนตัวเองก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกันเพราะหวังจะเว้นระยะห่างสักหน่อย แต่เหมือนว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ..

“นึกถึงวัยรุ่นในบ้านเกิดลุงเลยล่ะ”

ผมเกลียดอลันแมนที่สุดเลย-

“เหรอ ถ้าคุณอลันแมนอายุเท่าๆกันก็ดีเลยนะ หนูจะได้พาไปเที่ยวได้เยอะๆ พารู้จักเพื่อนๆ สำคัญที่สุดจะได้รู้จักกันอย่างลึกซึ้งขึ้นมากๆด้วย”

“ระ เหรอ น่าเสียดายจังนะ”

“ไม่หรอกค่ะ” โซเฟียเขยิบเข้ามาใกล้ๆ “แค่นี้หนูก็มีความสุขมากพอแล้วคะ มากกว่านี้หนูคงเป็นคนบาปหนา ฮิฮิ”

เธอยิ้มประหนึ่งดอกทานตะวัน

..จะบอกความจริงไม่ได้เด็ดขาด ไม่ว่ายังไงก็ตาม

“วันนี้งานเทศกาลทั้งที นั่งกินอาหารร้านคุณแบ็คเถอะ”

“ปกติก็กินข้าวร้านคุณแบ็คอย่างเดียวไม่ใช่เหรอคะ? วันนี้งานเทศกาลทั้งทีด้วย เดินเที่ยวให้สมกับเดตดีกว่ารึเปล่าคะ ปกติพวกเราเอาแต่นั่งกินข้าวเล่นเฉยๆด้วยสิ”

จบกันแผนการณ์กินข้าวกันเฉยๆของผม-ไม่อยากทำให้มันเป็นเดตจริงๆน่ะนะเลยเลือกแวะกินร้านข้าวนานๆแล้วจบการเที่ยวตลอด แต่วันนี้วันพิเศษด้วย ไม่ได้ผลสินะ

“ถ้านั้นลองร้านอื่น”

“ให้ตายสิ คุณอลันแมนล่ะก็” โซเฟียถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เดตน่ะมันไม่ได้จบแค่ร้านอาหารหรอกนะ”

อะไรละนั่นการพูดเสมือนมืออาชีพนั่นน่ะ

“หนูดูจะรู้เรื่องเดตเยอะดีนะ”

“ก็นะ เห็นแบบนี้แต่หนูค่อนข้างเนื้อหอมเลย ..ประสบการณ์ความรักน่ะ บางทีอาจมีเยอะกว่าคุณอลันแมนอีกนะ”

โกหก หล่อนอ่านจากนิตยสารแนะนำมาอย่างเดียวแท้ๆ อย่ามาทำขิงจะได้มั้ย ว่ากันตามตรงโซเฟียก็ไร้ประสบการณ์เหมือนกับผมแหละ 

เอาเถอะ ตอนนี้ต้องตามน้ำละมั้ง วันเทศกาลทั้งทีตามใจเธอหน่อยจะเป็นไรไป

“เข้าใจแล้ว แล้วหนูอยากเที่ยวที่ไหนล่ะ”

“..โซนที่จุดซุ้มเล่นเกมดีมั้ยคะ เห็นว่ามีหมอดูเก่งๆอยู่ด้วย” 

โซนที่จัดซุ้มเล่นเกมก็ประมาณงานวัดบ้านเราที่มีให้ตักปลา มีให้เล่นชิงช้าสวรรค์และอื่นๆนั่นแหละ

“รับทราบ” 

“ไปกันเถอะค่ะ”

โซเฟียจูงมือผมไป การจับคู่ของพวกเราค่อนข้างแปลกทำให้หลายๆคนมองมา ระหว่างสาวน้อยวัยละอ่อนกับลุงแกวัยพ่อคน สำหรับโลกนี้เองก็แปลกตาเช่นกัน ถ้ามีคนที่โรงเรียนมาเห็นอาจโดนกระจายข่าวว่าโซเฟียรักกับลุงวัยพ่อเธอ หรืออย่างแย่อาจโดนคิดว่าเป็นเด็กเสี่ยก็ได้ เธอน่าจะรู้ดีแก่ใจ ถึงอย่างนั้นโซเฟียก็ยังยิ้มอย่างมีความสุข ไม่สนใจสายตาใครทั้งนั้น

จิตใจของโซเฟียช่างแข็งแกร่ง

ไม่นานพวกเราก็มาถึง โซนที่ว่ามีแต่เด็กไม่ก็คู่รัก ซึ่งก็ตรงตามที่คิดไว้เลย

“หมอดูๆ หมอดูเรื่องความรักอยู่ไหนนะ”

ในหัวของโซเฟียน่าจะมีแต่เรื่องหมอดูกระมัง เอาเถอะ สำหรับสาวๆแล้วของพวกนี้น่าจะเย้ายวลใจไม่น้อย

ผมชี้ไปทางซุ้มเล็กๆที่มีคนต่อแถวยาวเยียด

“แถวยาวจังนะ” โซเฟียบ่นอุบอิบหน่อยๆ “คุณอลันแมนรอได้ใช่รึเปล่าคะ?”

“ลุงมีเวลาสองชั่วโมง เอาตามที่หนูอยากเที่ยวเล่นเลยนะ”

“พูดแบบนั้นหนูก็ดูเป็นคนเห็นแก่ตัวสิค่ะ คุณอลันแมนมีใจให้หนูจริงๆรึเปล่าคะนี่”

แล้วผมไปมีใจให้หล่อนตอนไหนล่ะนั่น ไม่เคยบอกเลยวุ้ย! แต่ก็ไม่กล้าปฎิเสธโต้งๆอีก

“ฟังนะคุณอลันแมน หนูน่ะชอบคุณจริงๆนะอยากจะคบด้วย ถ้าดีอยากสานสัมพันธ์ไปถึงขั้นแต่งงานเลย ถ้าเป็นไปได้หนูอยากรู้ความชอบของคุณอลันแมนมากกว่านี้ จากใจจริงไม่ใช่มารยาท”

…รู้สึกผิดสุดๆเลย

“ร้านหมอดู..จะว่าไปมีร้านที่คนไม่เยอะอยู่ด้วยนะ”

ผมชี้ไปทางซุ้มเล็กข้างๆซุ้มที่คนต่อแถวกันยาว

“จะไปร้านนั้นแทนเหรอคะ?”

“แล้วแต่หนูเล..”

“จะไปร้านนั้นแทนเหรอคะ?”

นะ น่ากลัว! หน้าใกล้ไปแล้วด้วย! แล้วถามกันย้ำๆแบบนี้มันก็มีให้ตอบแค่ตัวเลือกเดี่ยวไม่ใช่รึไงเล่า

“ไปร้านคนน้อยๆจะได้มีเวลาเที่ยวเล่นเยอะคนด้วยน่ะ”

โซเฟียยิ้มอย่างพึงพอใจ

“เห็นด้วยคะ ไปกันเถอะ”

ผมโดนโซเฟียจูงมือเข้าร้านที่ไร้ผู้คน

ภายในร้านก็ตรงตามอิมเมจเป๊ะๆเลย รอบๆร้านประดับไปด้วยผ้าสีดำและเครื่องตกแต่งรูปดาวดูสมเป็นการดูดวง

ตัวเจ้าของร้านเองก็..สวมฮูดสีน้ำตาลไม่เปิดเผยหน้า แต่ตัวค่อนข้างจะบางทำให้อนุมานไปเองว่าเป็นผู้หญิงที่สูงมาตรฐานสาวเอเซีย 

“บรรยากาศเหมาะแก่การดูดวงสุดๆเลยนะคะคุณอลันแมน ทำไมถึงไม่มีคนมาก็ไม่รู้”

“นั่นสินะ ..ได้กลิ่นอายการดูดวงของจริงด้วยล่ะ”

“การดูดวงของจริงเหรอคะ?”

“ศาสตร์แห่งการเฝ้ามองน่ะ ถ้าเป็นการดูดวง จะใช้ธรรมชาติเป็นตัวตัดสิน-เรียกว่าหาค่าหน่วยดีกว่าดูดวง ศาสตร์นี้มักจะใช้กันในหมู่นักเล่นแร่แปรธาตุ เพราะเป็นการคำนวณสิ่งของจากความจริง”

แน่นอนว่าเก่งไม่เก่งจะได้ผลลัพธ์ต่างกันด้วย บางคนอาจได้แค่เปอร์เซ็นต์และบางคนอาจได้ตั้งแต่ชื่อและประวัติศาสตร์ตั้งแต่ถือวันถือกำเนิดมาเลย หรือเทพสุดคือเห็นอนาคต

และว่ากันตามตรง บรรยากาศที่ผมได้สัมผัส ในตัวห้องนี้เนี่ยไม่ธรรมดาเลย

ผมหรี่ตามองเจ้าของร้านดูดวง ..คนๆนี้ไม่ธรรมดา ขั้นต่ำเธอน่าจะเก่งศาสตร์แห่งธรรมชาติที่สุดในหมู่คนรู้จักของผมแล้ว

“นั่งก่อนเถอะ คุณชายและคุณผู้หญิง”

เธอแบมือไปทางเก้าอี้ให้ด้วยรอยยิ้ม พวกเราลงไปนั่งตามคำแนะนำ

“ยินดีที่ได้รู้จักนะ เดี๊ยนมีนามว่า ‘คาร่า’ เป็นหมอดูที่ชอบท่องไปทั่วโลก” คาร่ายิ้มให้สวยๆ “พวกคุณชื่ออะไรบ้างล่ะ”

“หนูโซเฟียคะ”

“ฉันเรเซ..อลันแมน”

โซเฟียมองผมอย่างงงนวยก่อนจะหันไปจดจ่อกับหมอดูคาร่า

“ให้เดาวันนี้มาดูเรื่องความรักสินะคะ

“ชะ ใช่ค่ะ..”

เดาถูกด้วยแฮะ นึกว่าจะเข้าใจผิดว่าเป็นพ่อลูกหรือหลานกับอาเสียอีก

“ความรักสินะ เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นจังนะ อืมๆ เอาล่ะ”

คาร่าหยิบกองไพ่ขึ้นมาและวางไว้บนโต๊ะ

“คุณผู้หญิงเลือกสักสามใบทีนะ แล้วหมอบไว้กับโต๊ะก่อน”

“ค่ะ”

โซเฟียหยิบตามที่ว่าแล้ว

“คุณชายต่อเลย”

ผมหยักหน้ารับและหยิบมาสามใบ หมอบไว้กับโต๊ะตามที่บอก

“ทีนี้ก็ช่วยเลือกการ์ดทีละใบนะ เป็นสามชุด ให้ประกบกันเป็นคู่”

ทำตามที่บอกเรียบร้อยแล้ว คาร่าก็พยักหน้ารักก่อนจะเริ่มเปิดไพ่คู่ชุดแรกที่เลือกโดยผมและโซเฟียโดยไม่เห็นรูป

“เดี๊ยนจะช่วยดูให้สามช่วงนะ 1.ความเข้ากันในปัจจุบัน 2.อีกฝ่ายคิดกับอีกฝ่ายยังไง และ 3.อนาคตจะได้ลงเอยกันมั้ย”

เดี่ยวสิ หัวข้อแต่ละอย่างมันสุดโต่งทั้งนั้นเลยนะเห้ย ไม่ใช่ว่าพวกหมอดูต้องพูดอ้อมๆเอาปลอดภัยและถูกใจลูกค้าไว้ก่อนเรอะ–อะ เอาเถอะ ตามฉบับหมอดูเก็บตังค์แล้วยังไงก็ต้องลงเอยด้วยการพูดสิ่งที่ลูกค้าอยากได้ยินท่าเดียวแหละ

“ลำดับแรกความเข้ากันในปัจจุบันนะ ..ค่อนข้างเข้ากันเลย จากภายนอก”

โซเฟียถอนหายใจโล่งอก เธอนำมือมาประกบกันอย่างตื่นเต้นพลางเล่ห์ๆมองผมตลอด

รอดไปที่หมอดูที่นี่ก็เหมือนกับที่อื่น

“ลำดับที่สอง อีกฝ่ายคิดให้กันยังไงบ้าง ..อุ้ย ตายแล้ว” คาร่าใช้นิ้วชี้แตะริมฝีปากตัวเองดูตกใจ “ฝ่ายหญิงคิดอยากจะแต่งงานเลยแหละ คิดว่าทุกวันทุกเวลาที่อยู่ด้วยมีความสุขมากๆ รักมากๆเลยล่ะ ดูจากค่าเปอร์เซ็นต์แล้วโอกาสจะไปมีคนใหม่ไม่มีเลย ต่อให้ผู้ชายคนใหม่จะดีกว่าแค่ไหน”

..นะ น่ายินดีจริงนะ

“..คุณอลันแมนคือรักแรกคะ ฉันอยากจะให้เป็นรักสุดท้ายด้วย” 

“ได้ยินก็หมดขึ้นแล้วนะเนี่ย หนุ่มสาวนี่ดีจัง เดีํยนรับพลังวัยรุ่นไม่ไหวหรอกนะบอกก่อน”

“พวกเราไม่ได้หวานกันขนาดนั้นสักหน่อยค่ะ..ฮิฮิ”

“นั่นสินะ คุณผู้หญิงจะคิดว่าไม่หวานกันมากก็ไม่แปลกหรอก ก็ฝ่ายชายน่ะไม่เคยคิดรักใคร่กับคุณเลยนี่”

…อ๊ะ เดี่ยวนะ ที่พูดเนี่ยมัน

“ไหนๆก็ไหนๆแล้วเดี๊ยนขอบอกเลยนะ คุณผู้ชายน่ะไม่เคยรู้สึกรักคุณผู้หญิงเลย ที่ทำก็แค่รับคำไปมาโดยมีคุณผู้หญิงพยายามจูงมืออยู่ฝ่ายเดียว-ฝ่ายชายไม่แม้แต่จะจับมือเดินไปด้วยกันเลยด้วยซ้ำ”

..เห้ย

“ดะ เดี่ยวสิครับ พูดอะไรของคุณเนี่ย”

“ช่วยเงียบปากทีนะ-คนโกหก”

-อึก

คาร่าพูดต่อ

“คุณผู้หญิงไม่เคยสังเกตุเลยเหรอคะ ว่าตัวเองน่ะไม่ได้เดินพร้อมกันกับคุณผู้ชาย เดินไปข้างหน้าคนเดียวไม่ใช่รึ พยายามมาก็ตั้งสองเดือนแล้วด้วย ฝ่ายชายกลับมีท่าทีเหมือนเดิมทุกประการ ทำเพียงตอบครับๆแล้วเดินตาม พยายามพูดโน้มน้าวไม่ให้ไปไหนไกลท่าเดียว อยู่แต่ร้านอาหารเฉยๆเหมือนพาหลานสาวมากินข้าวเล่น ..เดี๊ยนสรุปให้นะว่า-คุณผู้หญิงพยายาม แต่คุณผู้ชายหาทางจะไม่พยายาม ไม่ว่าจะคิดยังไงความสัมพันธ์แบบนี้ในอนาคตก็จบเห่”

….

….

…ผมหันไปมองโซเฟีย และก็ตามคาดเลย

ตอนนี้เธอตกใจสุดๆ

“..ที่พูดเนี่ยมีมูลเท่าไหร่คะ?”

“ให้พูดมากกว่านี้ก็ได้นะถึงเหตุผลทุกๆอย่าง ขอแค่ต้องการเดี๊ยนก็รู้ได้ แต่-มันไม่ดีกับคุณผู้ชายสักเท่าไหร่”

ยะ ยัยนี้อย่าบอกนะว่ารู้หมดเปลือกเลยน่ะ แค่ไพ่ดูดวงเนี่ยนะ!?

ผมหน้าซีกเผือก คาร่ายิ้มสนุกสนาน โซเฟียจะร้องไห้แล้ว

บ้าเอ้ย ไม่น่ามาร้านนี้เลยเว้ย!

“ลำดับต่อไป-”

“พอแล้วค่ะ ฉันไม่ขอฟังมากกว่านี้แล้ว”

โซเฟียลุกขึ้นและเดินออกจากซุ้มไป ..

“ซะ ซวยแล้ว ซวยแล้ว”

“น่าเสียดายนะคะ แต่ยังไงของพวกคุณก็คล้ายๆกันอยู่แล้ว”

“ทะ โทษทีนะ ผมเองก็ขอตัวก่อนเหมือนกัน”

“ฟังก่อนสิ”

“ไม่มีเวลาแล้ว!”

ผมวิ่งตามโซเฟียไป ปล่อยให้คาร่าเก็บไพ่ลำดับที่สามเอาไว้ ..

“..น่าเสียดายนะ..ไพ่ใบที่สามน่ะบอกว่าในอนาคตจะได้ลงเอยกันแท้ๆ ตอนอายุ30น่ะนะ ถึงฝ่ายชายจะมีภรรยาหลายคนก็เถอะนะ เดี๊ยนละเสียดายจริงๆ”

คาร่าถอนหายใจพลางเก็บไพ่ใส่กล่องตามเดิม จังหวะนั้นก็มีคนเข้ามาดูดวงต่อ

“ยินดีที่ได้รู้จักนะ เดี๊ยนมีนามว่า ‘คาร่า’”

“ทักทายซะห่างเหินเลยนะครับท่านเทพ”

ผู้ที่เข้ามาคือชายหนุ่มรูปงามอย่างกับหลุดมาจากภาพวาด เขาตัวสูงโปร่ง ไว้ผมทรูแบ็คสีดำ รวมๆดูหล่อก็จริงแต่ใบหน้านั้นไร้ความรู้สึก

“ก็ว่าใครกันมาจังหวะนรกที่คู่รักพึ่งทะเลาะกัน-คุณชายเรนนี่เอง” คาร่าส่งยิ้มไม่จริงใจให้

****

ผมวิ่งตามโซเฟียไป และคว้ามือของเธอไว้ได้ทัน

“ฟังก่อนสิ โซเฟีย”

“วิธีพูดคุณอลันแมนแปลกไปนะคะ”

ลืมตัวไปเลย 

โซเฟียหันกลับมามองผมด้วยใบหน้าที่เกรี้ยวโกรธ

“วิธีพูดเมื่อสักครู่คือตัวจริงของคุณอลันแมนสินะคะ”

“เข้าใจผิดแล้ว..หนู”

โซเฟียเบือนหน้าหนีผม เธอก้มหน้ามองพื้นและโพล่งขึ้น

“จริงๆที่หมอดูเขาพูดหนูแอบเชื่อนะคะ แล้วเพราะแอบเชื่อนี่แหละหนูเลยรู้สึกเสียใจที่ตัวเองไม่สามารถไว้ใจคุณอลันแมนได้ทั้งหมด ..ช่วยอธิบายให้กระจ่างด้วยนะ ..หนูเชื่อคุณอลันแมนกว่าหมอดูที่ไหนไม่รู้อยู่แล้ว” เธอฝืนยิ้มให้ผม

ขอโทษนะ เธอควรจะเชื่อหมอดูที่ไหนไม่รู้ที่ว่ามากกว่าผมอีก

“คือว่านะ..” 

ได้เวลาเริ่มการโกหกอีกรอบ—-เพื่อ?

โซเฟียอยากจะแต่งงานกับผม ไม่สิ อยากจะแต่งงานกับอลันแมนต่างหาก เธอคิดเป็นจริงเป็นจังกับคนที่ไม่เคยมีอยู่จริง แค่นั้นก็โหดร้ายพอแล้วไม่ใช่รึไง

ผมจะทำเหมือนความตั้งใจของเธอเป็นเรื่องไร้สาระไปถึงเมื่อไหร่กัน ..ทำไมผมถึงไม่คิดให้ได้และทำมันตั้งแต่แรกกัน ผมมันแย่ที่สุดเลย

พอกันทีกับการโกหก ผมคือเรเซอร์ที่ไม่ได้หลงรักโซเฟีย คิดกับเธอแค่เพื่อน พูดแค่นี้ก็พอแล้ว หน้ากากปลอมๆที่สวมอยู่ตอนนี้โยนทิ้งไปให้จบๆจะดีกว่า แล้วหลังจากนี้ค่อยรับมือกับความรู้สึกของเธออย่างซื่อตรงก็พอ-อย่างที่ควรจะเป็น!

“คือว่านะ..จริงๆแล้วฉันคือ—”

“..โซเฟีย..แล้วก็คุณอลันแมนที่ว่า”

..อย่ามาล้อเล่นนะ

เบลลามีทำไมมาอยู่แถวนี้ได้ล่ะ! 

“ทั้งสองคนเดตอยู่เหรอ ขอโทษที่เรามาขัดจังหวะนะ..” เบลลามีมองมาทางผม “..เรเซอร์ไม่ใช่เหรอ?”

…บอกทีว่าผมฟังไป

“เอ๊ะ?”

โซเฟียเผลอเปร่งเสียงออกมาจากลำคอโดยไม่รู้ตัว–หน้าผมพลันซีกเผือกเมื่อพบกับสถานการณ์ที่เลวร้ายเกือบที่สุด

ใช่ แค่เกือบ

“นายท่านเรเซอร์!!”

ในเวลาเดียวกันข้างหลังมีเมดสาวสองคนวิ่งมาหา

อีกคนคือเมดสาวสดใส อีกคนเป็นเมดสาวสายนิ่ง ทั้งสองวิ่งมาทางผมโดยที่เมดสาวร่าเริงนำหน้ามาพร้อมกับเรียกชื่อผมอย่างเปิดเผย

..ซวยแล้ว เลวร้ายที่สุด

ถูกเปิดเผยตัวจริงโดยเบลลามีไม่พอ ข้างหลังยังมีเมดๆที่รักสองคนตามมาด้วย เรเซลแล้วก็..อันนาแหงๆ! ไม่ได้เจอกันตั้งนานแต่โตขึ้นเยอะเลยแฮะ แต่ว่าไม่มีอารมณ์มายินดีด้วยเลย เพราะข้างหน้าผมก็มีสองคนที่มองมาทางผมอย่างตะลึงอยู่

เบลลามีและโซเฟียมองมาทางผมกันไม่วางตา เช่นเดียวกับเมดสาวสองคนข้างหลัง

…สถานการณ์เลวร้ายที่สุด

ผมกัดฟันกรามแน่นและเร่งความคิดของตัวเองหาอะไรสักอย่างมาช่วยให้แก้สถานการณ์ได้โดยดีที่สุด ..และไม่ทันการณ์

“ท่านเรเซอร์!”

เรเซลกระโดดมาคล้องคอผมไว้ 

“เดี่ยวสิเรเซล ชิงทำก่อนแบบนี้ไม่เหมือนที่คุยไว้เลยนี่ ขี้โกงจริงๆนะยัยเมดจอมยั่ว”

“มะ ไม่ใช่นะค่ะคุณอันนา แต่เผลอไป”

“ขี้โกงจริงๆ ดิฉันด้วยสิ”

อันนาพุ่งมากอดแขนข้างซ้ายผมไว้แน่น …เบลลามีและโซเฟียหันไปจ้องหน้ากันก่อนหันกลับมาทางผม

…จบเห่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด