เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! 378

Now you are reading เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! Chapter 378 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

< < 233 > >

การต่อสู่ระหว่าง เรเซอร์ ดราแคล์ ยูนาพร้อมเซเนีย และวาราลี่กับไอน์ดำเนินไปอย่างดุเดือด แม้ฝั่งเรเซอร์จะได้เปรียบมหาศาล แต่ก็เป็นการยากในการจบการต่อสู้ลงให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากว่าทั้งวาราลี่และไอน์ก็แข็งแกร่งมากเช่นเดียวกัน ทั้งรูปแบบพลังยังยากต่อการเล่นเกมเร็วให้จบ

อาจจะเป็นเพราะรู้อยู่แล้วว่าสองคนนี้ถ่วงเวลาได้ดี มิคาเอลจึงได้ส่งมาหยุดเรเซอร์และยูนา สองตัวอันตรายที่สุดในสนามรบแห่งนี้เอาไว้

ตัดมิติ เปลวเพลิง การผูกมัดกฏ และแรงโน้มถ่วง เข้าปะทะกัน ยกเลิก หักล้าง แลกเปลี่ยนโจมตีกันอย่างบ้าคลั่ง

ทหารโดยรอบพากันหลบหลีกการต่อสู้เบื้องหน้า และรับมือกับเผ่าพันธ์จากสวรรค์ที่ออกอาละวาด รวมถึงมอนสเตอร์มากมายจากแดนนรกกินคน เป็นการยากที่ทหารทั่วไปจะรับมือได้ ทำให้ต้องมี ชิน ฟัฟนิร์คอยสนับสนุน แล้วก็–อานิม่า ซึ่งวิ่งผ่ากลางฝูงชนตรงดิ่งเข้ามาหาการต่อสู้สุดยิ่งใหญ่ของพวกเรเซอร์

เทพแห่งจิตวิญญาณผู้นี้ไม่น่าจะมาอยู่ในที่แห่งนี้ได้ เธอควรจะอยู่ที่กองกำลังฝ่ายอื่นมากกว่าไม่ใช่หรือไง-เรเซอร์เผลอหลุดความสนใจจากการต่อสู้ นั่นทำให้พลาดโดนไอน์จับทุ่มลงพื้นอย่างจัง จนร่างแหลก

“อั้ก!”

บัดซบเอ้ย เรเซอร์สบถพร้อมกับวิหคอมตะที่พวยพุ่งออกมาจากภายในร่างกาย ร่างที่แหลกเหลวกลับมามีก้ายเนื้อครบตามเดิม เรเซอร์ตัดสินใจเดินตรงไปหาอานิม่า

“มาทำไมที่นี่เนี่ย อานิม่า”

“โทษทีนะคะ คุณเรเซอร์ เผอิญว่าฉันมีธุระกับวาราลี่”

อานิม่าหยุดเดิน และจ้องไปที่วาราลี่ซึ่งลอยอยู่บนฟ้าในท่าผสานวงจรเวทย์เข้าหากัน

“แบบว่าไม่ได้พบกันนานนะ หลังจากที่เวฟจากไป”

“ทางนั้นก็ด้วยค่ะ”

ทั้งคู่บอกว่าไม่ได้พบกันนาน ทั้งๆที่พึ่งแยกทางกันได้ไม่กี่เดือนเองเท่านั้น

“แล้วมีธุระอะไรกับฉันเหรอ? อย่างที่เห็นตอนนี้ไม่ว่างสุดๆ”

แหงละ เธอถูกยูนาชี้ดาบเข้าใส่ และต้องพยายามหลบขอบเขตุการทำลายล้างสุดจะขี้โกงของเรเซอร์ตลอดเวลา การรับมือกับสองคนนี้ ต่อให้มีเพื่อนแท็คทีมเป็นสองต่อสองมันก็ยากบัดซบอยู่ดี โชคดีที่มีความสามารถเหมาะแก่การเอาตัวรอด ทำให้ยังพอเอาตัวรอดไปได้

ไม่ใช่เวลามาพูดคุย ว่าแล้วการโจมตีถัดไปของยูนาก็กำลังจะมาถึง วาราลี่กันฟันกรามแน่นเตรียมตั้งรับสุดความสามารถ

“ฉันจะพบกับเวฟอีกครั้ง และสร้างครอบครัวของพวกเราขึ้นมาใหม่”

“..ตั้งใจจะรอคอยวันที่วิญญาณของเวฟกลับคืนมานั้นเหรอ”

“ไม่ใช่ค่ะ จะออกตามหาให้พบต่างหาก” อานิม่าคว้าเอาดาบใหญ่เกินตัวเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเวทมนตร์ “พร้อมกันกับ ‘ดรากูล’ ”

ดาบโลหิตที่มีวิญญาณของ ราชาแวมไพร์ ดรากูล สิงสถิตอยู่ มันเป็นดาบแดงสีเลือดที่สง่างาม ทั้งวาราลี่และอานิม่าต่างพบเห็นมันมานับครั้งไม่ถ้วน จากข้างในร่างของเวฟที่โบกสะบัดดาบเล่มนี้มาตลอดหลายปี 

ความทรงจำมากมายย้อนกลับเข้ามาในหัวของอานิม่า และวาราลี่

“ตั้งใจจะบอกอะไรกับฉันกันแน่?”

“ยอมแพ้จากการต่อสู้ได้แล้ว ถ้าเกิดพวกเราทุกคนแพ้ ความฝันนั้นก็จะไม่มีวันเป็นจริง”

คงจะอย่างนั้น ต่อให้เทพมังกร หรือว่าทูตสวรรค์ชนะ ผลลัพธ์ก็คือโลกใบนี้จะเกิดความเปลี่ยนแปลงมหาศาลขึ้น และเป็นที่แน่นอนว่าอานิม่าน่าจะถูกกำจัด ครอบครัวที่วาดฝันเอาไว้ก็คงจะพัง มันก็จริง แต่ว่า ..การที่พวกมนุษยชาติชนะได้ก็ไม่ต่างกัน

“ถ้าฉันแพ้ ฉันก็จะตายจากโลกใบนี้เหมือนกัน ร่างกายนี้เวลานี้ฉันไม่สามารถควบคุมมันได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะทางไหน ครอบครัวของพวกเรามันก็พังไปนานแล้ว ..ยอมรับความจริงได้แล้วละมั้ง อานิม่า”

อานิม่าส่ายหัวตอบกลับ วาราลี่เห็นก็รู้สึกยัวะขึ้นมา เธอเปลี่ยนเป้าหมายมาเล่นงานอานิม่าแทน—-ยูนา และเรเซอร์ไม่คิดจะหยุดวาราลี่เอาไว้ พวกเขาปล่อยให้วาราลี่พุ่งไปหาอานิม่าง่ายๆ

ไม่มีทางที่อานิม่าจะสู้กับวาราลี่ได้ นั่นเป็นที่แน่นอน ทว่า ดาบโลหิตได้เลืองแสงขึ้น ร่างจำลองน้องสาวของเวฟสลาย และเผยให้เห็นร่างจริงอันสง่างามของอานิม่าอีกครั้ง

เลือนผมสีทองที่ลอยอย่างผิดธรรมชาติ ดวงตาสีทองเปล่งประกาย ผิวสีขาวราวหิมะ ร่างเล็กพร้อมส่วนสูงที่ตรงตามมาตรฐานเด็กผู้หญิงตัวเล็ก สวมชุดของทวยเทพอันเป็นสีขาวบริสุทธิ์ที่เผยให้เห็นผิวหนังเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่ได้ชวนให้เร้าอารมณ์หรืออะไรทั้งนั้น เป็นเพราะเธอผู้นี้ดูศักดิ์สิทธิ์เกินกว่าจะแตะต้องได้

เทพแห่งจิตวิญญาณคว้าเอาดาบโลหิตขึ้นมาเหวี่ยงใส่วาราลี่ แน่นอนเธอสามารถหลบหลีกการโจมตีได้ด้วยพลังกายที่เหนือกว่า และเข้าประชิดยืนอยู่ข้างๆ ต่อจากนี้เพียงอึดใจเดียว วาราลี่จะบดขยี้กายเนื้อของอานิม่าให้กลายเป็นเศษเนื้อ—-ทว่า

“—ดรากูล?”

ศัตรูตรงหน้าของเธอเปลี่ยนไปเป็นราชาแวมไพร์คนนั้น หนึ่งในครอบครัวคนสำคัญที่อยู่ร่วมกันมา วาราลี่เผลอผ่อนแรงลง และนั่นคือช่องว่าง อานิม่าในร่างแปลงกายเป็นดรากูลเคลื่อนตัวเข้ามาประชิด และ—-แปลงกายอีกครั้ง

กลายเป็นร่างของเด็กชายผมสีแดงสั้น ร่างใหญ่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ทั้งตัวมีแต่บาดแผล ดูเป็นผู้ชายนิสัยโหดเหี้ยม แต่จริงๆแล้วเป็นแค่เด็กอ่อนโยนคนหนึ่งที่รักครอบครัวตัวเองสุดหัวใจ วาราลี่รู้ถึงเรื่องนั้นดี เพราะเขาคือ ‘เวฟ’ แล้วก็รู้ดีด้วยว่านี่คือร่างแปลงกายของอานิม่า

แต่ว่า

“ขี้โกงชะมัด”

เธอหยุดมือ ต่อให้เป็นแค่ร่างจำแลง แต่ก็ยากเกินไปที่จะลงมือฆ่าได้ลงคอ ต่อให้ถูกควบคุมด้วยทูตสวรรค์ แต่จิตใต้สำนึกนี้ก็ทำให้เสียการควบคุมไปชั่วขณะหนึ่ง และนั่นก็เป็นวินาทีเดียวที่มากพอแล้วสำหรับอานิม่า

“ขอโทษด้วยนะ”

ร่างจำแลงสลายกลับไปเป็นอานิม่า เธอพร้อมด้วยดาบโลหิตพุ่งทะลุผ่านวาราลี่–การควบคุมวาราลี่กลับมาอีกครั้ง เธอผสานวงจรเวทย์เข้าหากัน ความเสียหายทั้งหมดจากดาบโลหิตจะหายไปจนหมด ทว่า

“คุณยูนา!!”

ยูนาพุ่งผ่าอากาศเข้าจากข้างหลังของวาราลี่ เธอเหวี่ยงดาบมหาภูตที่ย้อมด้วยการตัดมิติ วาราลี่ใช้วิชาไสยศาสตร์ผูกกฏอย่างรวดเร็วก็จริง แต่ก็ช้าเกินไปแล้ว

มิตินับพันถูกสร้างขึ้นแยกวิชาไสยศาสตร์ตรงหน้าออกจากมิติแห่งนี้ ขั้นตอนเพื่อกู้คืนวิชาไสยศาสตร์กลับคืนนั้นกินเวลาอย่างน้อยก็ห้าวินาที ซึ่งไม่มีทางทำทัน พร้อมกับการตัดมิติที่พุ่งนับหมื่นครั้ง เป็นประกายแสงสีม่วงที่สะบั้นได้ทุกสรรพสิ่ง

ปรี๊ด!!!!!!!!!!!! ร่างของวาราลี่ถูกย้อมด้วยแสงสีม่วง และรอยกระจกแตกมหาศาล

“ [สะบั้น] ”

“ตัวนอกฏฏเอ้ย”

ร่างของวาราลี่เลืองแสงอ่อนๆออกมา กายเนื้ออยู่คนละมิติกับโลกใบนี้ไปแล้ว กล่าวคือวาราลี่ได้ตายไปแล้วด้วยการตัดมิติของยูนา อีกไม่กี่วินาทีหลังจากนี้เธอจะหายไปจากโลกใบนี้

ยูนาหันปลายดาบเข้าใส่ไอน์ต่อ เช่นเดียวกัน เรเซอร์เคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนยูนา การต่อสู้สองต่อหนึ่งเป็นที่รู้ผลแน่ชัดอยู่แล้ว ..ไอน์หัวเราะแห้งๆอย่างช่วยไม่ได้ อีกไม่นานเขาเองก็คงจะตายตามวาราลี่ไป แต่ก็มีหรือจะยอมตายง่ายๆ

ระหว่างที่การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ..วาราลี่ก้มหน้ามองพื้นอย่างหดหู่ เธอจะหายไปจากโลกใบนี้ และจะต้องหวนคืนสู่วัฐจักรของโลก

“วาราลี่”

อานิม่าเอ่ยชื่อของเธอ นั่นทำให้ได้สติ และ

“หลอกกันได้นะยัยบ้า! อานิม่าแก บังอาจมาหลอกกันได้นะ ไอ้สารเลวเอ้ย!!!” วาราลี่สบถคำด่าออกมานับไม่ถ้วน “ไปตายซะยัยสารเลว!!”

“ขอโทษนะ”

“พอใจแล้วหรือยังที่ได้ฆ่าฉันด้วยตัวเองน่ะ จะสร้างครอบครัวด้วยกันนั้นเหรอ ด้วยการฆ่าฉันนั้นสินะ ถ้าฆ่าฉันแล้วครอบครัวของพวกเราจะกลับคืนมาว่างั้นรึไง—สารเลวเอ้ย ฉันเองก็ ฉันเองก็อยากจะเจอเวฟอีกครั้งเหมือนกันแท้ๆ!!”

และความปารถนานั้นก็ได้ถูกทำลายไปแล้ว ด้วยน้ำมือของคนในครอบครัวตัวเอง

“เพียงเท่านี้ ..ความปารถนาของเธอก็จะกลายเป็นจริงแล้ว พอใจแล้วรึยังล่ะหะ?”

“ไม่เลยสักนิด” อานิม่ากล่าว “แล้วก็ยังไม่ได้เป็นจริงสักหน่อย”

…..อานิม่ายื่นมือออกไปให้ เธอพยายามปั้นยิ้มสุดความสามารถ

“วาราลี่เองก็เหมือนกัน สักจะตามหาให้พบเหมือนกับเวฟ ต่อให้ต้องใช้เวลานับล้านปีก็ตามที แต่จะหาให้พบแน่นอน”

“..หา?”

“แล้วก็ ..ระหว่างนั้นจะหาวิธีทำให้ดรากูลกลับคืนร่างเดิมให้ได้ อาจจะลำบากไปหน่อย แต่สักวันจะสร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เพื่อทดแทนทุกอย่างที่ถูกทำลายลงเพราะฉัน”

อานิม่านำมือทาบหน้าอก กล่าวทุกคำพูดออกมาจากใจจริง

“ขอให้สัญญาว่าฉันจะเอาทุกอย่างที่เสียไปกลับคืนมาให้ได้ ..เพื่อการนั้นฉันถึงต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป”

“…ชิ”

วาราลี่ถอนหายใจเฮือกโต ก่อนทิ้งตัวลงไปนั่งกองกับพื้น

“ครอบครัวเป็นสิ่งที่วิเศษ ตัวฉันในช่วงมีชีวิตที่มุ่งหาแต่ความแข็งแกร่งอันเป็นที่สุด พอมาได้รู้จักกับคำว่าครอบครัวก็กลายเป็นแค่คนโง่คนหนึ่ง ..การได้ใช้ชีวิตกับเด็กที่เหมือนกับน้องชายอย่างเวฟ แล้วก็เธอกับดรากูลที่เหมือนเป็นผู้ปกครองร่วมนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตตอนนี้”

วาราลี่ทำท่าจะพูด แต่ก็ยั้งตัวเองไว้ จะพูด แต่ก็ยั้งตัวเองไว้ ..สุดท้ายใบหน้าก็แดงก่ำ เธอฝืนพูดความในใจออกมา

“ถ้าเพื่อครอบครัวแล้ว จะยอมตายให้ก็ได้ แล้วก็อย่าลืมมาตามหาฉันให้พบด้วยละ ..ต่อให้นานแค่ไหนก็จะรอ”

“สาบานด้วยชื่อของน้องสาวของเวฟ แล้วก็น้องสาวของวาราลี่และหลานของดรากูล”

“ยัยป้าล้านๆปีมาวางมาดเป็นน้องสาวตอนนี้ก็สายไปแล้วย่ะ ต่อจากนี้อายุหล่อนก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเกินขีดจำกัดคำว่าคุณป่าไม่รู้กี่ล้านเท่า เพราะอย่างนั้น ..ครั้งหน้าเปลี่ยนบทบาทบ้างก็ไม่เลวนะ”

ได้ยินอย่างนั้น อานิม่าก็หลุดขำออกมา เธอขำจนน้ำตาเล็ดเลยละ

“น่าสนใจอยู่นะ อาทิเช่นคุณป้าสาวไรงี้เหรอ?” อานิม่าหัวเราะจนตาทั้งสองข้างปิด เธอเช็ดน้ำตาปลายตาของตัวเอง และลืมตา “แต่อย่างเธอจะยอมมาเป็นลูกหรือหลานให้ฉันได้เหรอ…อ๊ะ”

เมื่อลืมตาอีกครั้ง วาราลี่ก็ได้หายไปโดยไม่มีสัญญาณอะไรบอก ..

“ไปซะแล้วเหรอ”

ถ้าได้คุยมากกว่านี้ก็คงจะดี แต่ก็ช่วยไม่ได้ เรื่องที่อยากคุยต่อจากนี้ไว้มาคุยกันต่อครั้งหน้าละกัน อานิม่าตัดสินใจอย่างนั้น พลางมองบนฟ้าซึ่งการต่อสู้ระหว่าง เรเซอร์ ยูนา และไอน์ก็ได้จบลงไปแล้วด้วยความพ่ายแพ้อย่างหมดรูปของไอน์

“..ฉันจะไปต่อ”

 

****

การต่อสู้ดำเนินไปกว่าสามชั่วโมงแล้ว อีกเพียงแค่หน่อยเดียว–อีกเพียงชั่วโมงเดียว เทพมังกรก็จะถือกำเนิด กระนั้นการต่อสู้ทั่วทั้งเขตุแดนนรกกินคนและคัลเซเรมก็ยังคงเต็มไปด้วยความวุ่นวายโกลาหล กล่าวคือสงครามยังดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด

ไม่ว่าจะจุดศูนย์กลางของสนามรบที่ปะทะกันอย่างดุเดือด หลอหลานๆส่วนของสนามรบก็ไม่ต่างกัน และตอนนี้หนึ่งในจุดสำคัญของการสู้รบ

ทูตสวรรค์ มิคาเอล พร้อมด้วยบริวารมากมายได้เข้าต่อสู้กับ–ทะเลสีรุ้งซึ่งปกคลุมทั่วทั้งผิวทะเลทราย? ชายธรรมดาผู้ถือครองดวงดาวไว้ในตาเป็นคู่ต่อสู้ให้แก่มิคาเอล พร้อมกับราชันย์มอนสเตอร์อย่างอีสเตอร์ และห้อยตามมาด้วยตัวไม่จำเป็นแบบมาเจล

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ สนุกจริงๆโว้ย! การได้สู้กับเธอมันทำให้ข้านึกถึงวันแรกที่ได้พบกัน!”

“หนวกหูแล้วรีบๆไปตายให้จบๆซะ!!”

แสงศักดิ์สิทธิ์ถูกกลืนกินโดยทะเลสีรุ้งจนหมด เพราะอย่างนั้นมิคาเอลเลยลงมาแลกหมัดกับโอลิเว่อร์ ส่งผลให้ชายผู้เป็นถึงราชาผู้พิชิตลงไปนอนคลุกฝุ่นหลายต่อหลายครั้ง และควรจะพ่ายแพ้ไปครั้งแล้วครั้งเล่า หากไม่มีการช่วยเหลือจากอีสเตอร์ซึ่งคอยคุมจังหวะไม่ให้มิคาเอลเล่นงานจนถึงที่สุดละก็-

“ผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งที่สุดที่เคยพบ ระวังไว้ด้วย”

แม้แต่อีสเตอร์ก็ยังลั่นวาจาเช่นนี้

“เพราะคาดเดาไว้แล้วว่าหนูอีสเตอร์จะมาช่วยได้ทันน่ะแหละ ถึงได้กล้าเสี่ยงเช่นนี้ หึๆ ความสนุกที่แท้จริงมันต่อจากนี้ไปต่างหาก มิคาเอลของข้ายังสุดยอดได้มากกว่านี้”

มิคาเอลคือตัวตนที่แข็งแกร่ง ลำพังอาวุธมากมายที่ได้รับสืบต่อมาจากโอลิเว่อร์ เธอก็ยังแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก อย่างน้อยๆการจะต่อกรให้สูสีหรือชนะเธอได้นั้นจำเป็นต้องใช้ตัวตนระดับ วีรสตรียูนาในช่วงรุ่นเรือง หรือไม่ก็เอเธอร์ เป็นอย่างต่ำ

“กะ ก็ไม่เท่าไหร่” มาเจลโพล่งขึ้นทั้งๆที่เกาะหลังอีสเตอร์อยู่

นี่เป็นการต่อสู้ สามต่อหนึ่ง ที่คล้ายกับสองต่อหนึ่ง เนื่องจากว่ามาเจลไม่ได้ช่วยอะไรเลยนอกจากวิ่งตาม แล้วเกาะหลังอีสเตอร์หนีภัยในบางจังหวะ

นอกเหนือจากนั้นไร้ประโยชน์สุดๆ แต่ก็ยังปากดี ทำให้มิคาเอลหงุดหงิดไม่ใช่น้อย

“ทิ้งๆเด็กนั่นไปไม่ดีกว่าหรือคะ? ดูก็รู้ว่าเขากำลังถ่วงแข้งถ่วงขาพวกโอลิเว่อร์กันอยู่”

“ไม่ได้หรอกครับ เห็นแบบนี้แต่ท่านผู้นี้เป็นนายเหนือหัวของข้าเชียวนะ ฮะๆๆๆ”

“เห๋? นายเหนือหัวสินะ มนุษย์ระดับต่ำขนาดนี้เนี่ยนะ ..โอลิเว่อร์ ดูท่าเราจะประเมินเจ้าสูงไปหน่อยนะ ในฐานะสามีของเรานั้นสอบตก ไม่มีตาเอาเสียเลย”

ได้ยินมิคาเอลดูถูกขนาดนั้น มาเจลก็กัดฟันกรามแน่นอย่างเจ็บใจ พลางขยับร่างกายไปมาด้วยความหงุดหงิด แต่นั่นก็เป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ เนื่องจากว่ามาเจลเอาแต่ดิ้นไปมาทำให้อีสเตอร์ที่แบกไว้บนหลังก็เริ่มรำคาญ และแทงศอกสวนไปข้างหลังเบาๆหนึ่งดอก

“อร้วดดดดดด”

แน่นอนดอกเบาๆของอีสเตอร์รุนแรงพอจะทำให้มาเจลอ้วกเป็นสีเลือด …มิคาเอลมองนายเหนือหัวของสามีตัวเองด้วยใบหน้าที่หดหู่เห็นได้ชัด

“อาจจะไม่เข้ากับบรรยากาศไปเสียหน่อย แต่นายของข้า ‘มาเจล’ จะกลายเป็นราชันย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดบนหน้าประวัติศาสตร์”

“นั่นคืออนาคตที่เห็นรึ?”

แม้จะไม่อยากเชื่อ แต่ถ้าโชคชะตามันกำหนดอนาคตไว้อย่างนั้นก็จะจำใจเชื่อ

“เปล่าหรอก ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เป็นอนาคตที่มองให้เห็นภาพจางๆยังยากไปเลยด้วยซ้ำ” 

“ถ้านั้นทำไมถึง”

“มันคือเรื่องที่ข้าวางเดิมพันเอาไว้ก็เท่านั้น”

โอลิเว่อร์ดีดนิ้วเรียกทะเลสีรุ้งมาอีกครั้ง

“ไม่คิดว่าการเดิมพันมันวิเศษบ้างเลยเหรอ? การเดิมเลยนะ การเดิมพันที่จะก้าวข้ามโชคชะตาเชียวนะ—เหมือนกับที่ข้าเคยทำไว้ในอดีตมากมาย บดขยี้โชคชะตาให้เละ และบีบมันออกมาให้เป็น ‘ทะเลสีรุ้ง’ มีแค่ผู้แล่นไปกับกระแสของโชคชะตาเท่านั้นที่จะทำอย่างนี้ได้!!”

น่าตื่นเต้น!!! สีหน้าที่เต็มไปด้วยเพลิงแห่งจินตนาการ นั่นคือใบหน้าที่มิคาเอลเห็นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนในอดีต ..เธอเผลอแก้มแดงขึ้นเล็กน้อย ท่าทางราวกับสาวน้อยในห้วงแห่งความรักกับยัยผู้หญิงท็อคซิคตัวแม่ ชวนให้ตลกนิดๆ

มิคาเอลคว้าเอาอาวุธมากมายจากกระเป๋าเวทมนตร์—จากนั้นก็เริ่มเอาจริงด้วยทุกอย่างที่มี

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด