เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! 19: ช่วยเหลือคุณพี่สาวที่รัก

Now you are reading เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! Chapter 19: ช่วยเหลือคุณพี่สาวที่รัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

< < 17 > >

ยามค่ำราวสี่ทุ่ม ในเวลานี้ บนโลกใบนี้ผมสามารถเห็นแสงจันทร์ได้อย่างชัดเจน

ผมกับชินกำลังเดินคู่กันด้วยท่าทีจริงจังขึงขังต่างกับปกติ

หลังจากรับคำอวยพรของแองเจลิน่าจบ ผมก็ตรงดิ่งไปหาชินทันทีเพื่อให้เขาช่วยด้วย

พอบอกทุกอย่างไปชินก็เชื่อผมหมดทุกอย่าง เพราะวิญญาณระดับเทพอย่างยูนาคือตัวตนซึ่งทำให้ต่อให้ผมพูดอะไรก็ดูน่าเชื่อถือขึ้นมากโข

ชินในชุดสูทสีขาวสง่า เขาจับ ‘ดาบทรงเรเปียร์’ ซึ่งอยู่ในฝักมาเหน็บกับเอวอย่างคล่องแคล่ว

“ท่านแองเจลิน่าจะถูกสังหารนั้นหรือครับ?”

ผมเล่าทุกอย่างให้ฟังโดยสังเขป เรื่องของแองเจลิน่าผู้จะถูกลอบสังหาร—ผู้กระทำผมไม่รู้แน่ชัด เพราะในเนื้อเรื่องไลทโนเวลไม่มีกล่าวถึงเลย …แต่ยังโชคดีละนะ ที่มีบอกเวลาอย่างชัดเจน

23 : 30 นั่นคือเวลาเริ่มลอบเข้าคฤหาสน์เพื่อไปสังหารแองเจลิน่า เนื่องมาจากนิสัยเสียของนักเขียนท่านนั้น แม้จะไม่ใช่นิยายแนวจริงจังมากหรือแนวย้อนยุคหรือสารคดีนิดๆ แต่เขากลับชอบระบุเวลาไว้ชัดเจนจนคนอ่านเผลอคิดไปว่า ‘เป็นระเบียบดีแฮะ’ ไรงี้ ทั้งๆที่ปกติเอาแต่จำชื่อตัวละครสลับกันจนวุ่นวายเวลาแก้งาน พับผ่าสิ

ยังไงซะผมก็ต้องขอบคุณเขา ไม่งั้นตอนนี้คงเอาแต่นั่งเครียดจะเป็นจะตาย เรื่องการลอบสังหารแองเจลิน่าแล้วละ

“อย่างที่ว่าไปนั่นแหละชิน เวลาประมาณห้าทุ่มครึ่งจะเป็นการลอบสังหารท่านพี่ เพราะฉะนั้น—ขอยืมพลังนายหน่อยสิ”

ผมไม่สามารถช่วยพี่สาวได้ด้วยตัวเอง ..ถึงจะพล่ามไว้ดิบดีก็ตาม แต่ผมเป็นเพียงเด็กที่วงจรเวทย์ไม่สมบูรณ์ พลังกายย่อมต่างกับพวกนักฆ่าแบบทามไม่ติดอยู่แล้ว เกิดห้าวไม่ดูตาม้าตาเรือผมคงได้นอนตายข้างพี่สาวสมใจอยากแหง แบบนั้นไม่เอาด้วยหรอก จึงจำเป็นต้องพึ่งชิน

ถ้าเป็นคนคนนี้สามารถจัดการได้แน่นอน

ชินยิ้มตอบกลับทันควัน

“น้อมรับบัญชาขอรับ”

ผมละอายใจจริงๆ …

“อ่า ..ถ้านั้นก็ขอสั่งการแบบไม่เกรงใจละนะ ถ้าผมพูดอะไรผิดพลาดขัดได้ตามสบายเลย ฉันเองก็ไม่ได้เชี่ยวชาญยุทธศาสตร์การต่อยตีเท่าไหร่สิ”

“..ต่อยตีสินะครับ? ฮะๆ เข้าใจแล้วขอรับ”

“ถ้านั้นก็”

ผมเล่าแผนการให้ชินฟัง

—–ในวันลอบสังหารแองเจลิน่า มันไม่ได้บอกกล่าวมาอย่างละเอียด ที่ผมรู้มีเพียงเวลาที่แน่ชัดเท่านั้น เพราะอย่างนั้นจึงต้องใช้——-แผนๆนี้

 

*******

 

งานเลี้ยงฉลองวันเกิดเรเซอร์จบลงแล้ว—–แองเจลิน่าผู้ซึ่งทักทายขุนนางทุกคนก่อนกลับเสร็จเรียบร้อย ได้ตรงมาที่ห้องนั่งเล่นของตัวเอง ท่าทางดูอ่อนล้าเพราะการคุยธุระไม่เว้นนาทีหลายชั่วโมงติดต่อกัน ถึงจะได้ยาใจอย่างน้องชายอันเป็นที่รักบ้าง แต่ก็เพียงชั่วอึดใจเดียวเท่านั้น

ไม่นานนักแองเจลิน่าก็ต้องไปทำงานต่อ แม้จะเป็นงานวันเกิดของน้องชายตามทีเถอะ ใจจริงเธออยากฉลองกันไม่กี่คนกับคนรู้จัก และเรเซอร์เท่านั้น น่าเสียดายที่พวกเขาสองคนเกิดมาเป็นขุนนางชั้นสูง

ยิ่งกว่านั้นตัวเธอยังเป็นถึงว่าที่ผู้นำตระกูลอีก เวลาผ่อนคลายในชีวิตแทบจะไม่มี—

“อา เมื่อยจังเลย”

แองเจลิน่าส่งเสียงเอื่อยเฉื่อย ทำท่าบิดขี้เกียจ พลางส่งเสียงสยิวชอบกล

เมื่อถึงห้องเธอก็ล้มฟุบกับเตียงทันที เหนื่อยสุดๆ ชั่งต่างกับลุคสาวแกร่งตามปกติของหล่อน

“…จะว่าไปเรเซอร์ตอนนี้เป็นยังไงบ้างนา”

เธอนึกถึงเจ้าน้องชายตัวแสบขึ้นมา

‘ของขวัญที่ให้ไปจะถูกใจมั้ยนะ?’   ‘แล้วสร้อยคอเนี่ยพอดีคอมั้ยนา?’ เป็นความคิดที่สมพี่สาวเหลือเกิน

แองเจลิน่าหวนนึกถึงวันเวลาที่อยู่กับเรเซอร์ เธอสนุกมากจริงๆ แล้วคิดว่าต่อให้ไม่สามารถมีสามีได้ ดั่งที่หวังไว้ เธอคงไม่หดหู่มากนัก ถ้าอย่างน้อยก็ได้อยู่กับน้องชายสุดรัก—–แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากมี ใช่ อยากมีสุดๆเลยละสามีน่ะ

การคุยกับเรเซอร์วันนี้ทำให้เธอไม่คิดจริงจังเรื่องสามีมาก จะมีก็ได้ ไม่มีก็ได้ ว่างั้นได้เลย แต่ถ้าเลือกได้ขอมีละ ชั่งย้อนแย้งจริงๆสาวสวยผู้นี้

‘มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ แต่ถ้าให้แนะนำคือมี’ ประมาณนี้

….เมื่อปล่อยให้ความคิดในหัวไหลผ่านไปง่ายๆ เปลือกตาของเธอจึงก็ค่อยๆดับลง ความอ่อนล้าเริ่มสะสม——-ทว่ากระจกหน้าต่างดันเปิดออกอย่างไม่ทราบสาเหตุ

สายลมพัดพาผ้าม่านพลิ้วไหว

แองเจลิน่าสงบนิ่งลง เธอไม่ได้ไร้พลังและสติ การที่เธอมาถึงจุดนี้ได้ไม่ได้มีเพียงมันสมองเท่านั้น กะอีแค่ความเป็นความตายเธอเจอมานับไม่ถ้วน เธอจึงตั้งสติได้

“ใครกัน?”

ไม่มีผู้ใดตอบกลับ—–แองเจลิน่าชักมือขึ้นฟ้าและร่ายเวทย์ทันที

“—–อย่ามาเมินกันนะ”

—–กองเพลิงขนาดกว้างเป็นตาข่ายยาวราว 6 เมตรและสูง 3 เมตรพุ่งเข้าใส่ตรงหน้า ใส่ตัวตนที่ไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่

พลันใดนั้นผู้มาเยือนจึงปรากฏ—ร่างสูง160ซม ซึ่งถูกบดบังด้วยคลื่นพลังงานสีดำ  สิ่งนั้นได้พุ่งใส่ตาข่ายเพลิงจนขาดสะบั้นกลายเป็นธุลี และพุ่งใส่แองเจลิน่าอีกต่อ

ความเร็วระดับนั้นแองเจลิน่าไม่สามารถตามได้ทัน——-เธอกำลังจะถูกฆ่า..หากว่าไม่มีแสงสีขาวพุ่งเข้ามากันไว้ละก็นะ ชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวสง่า มีนามว่า ‘ชิน’ เขาขัดขวางการโจมตีปิดท้ายของบุคคลลึกลับได้อย่างง่ายดาย เพียงการตวัดดาบหนึ่งครั้ง

ชินจ้องไปยันศัตรูตรงหน้าผู้เป็นอริกับนายเหนือหัว ขณะกำลังลอยบนฟ้าหลังป้องกันการโจมตีอันรุนแรง—–และฟาดดาบเข้าใส่มุมอับหวังเอาตาย—ไร้ซึ่งความลังเล สำหรับอัศวินการฆ่ามันต้องอย่างงี้นั่นแหละ

ศัตรูเองก็ใช่ว่าจะอ่อนแอ นักฆ่าพลิกตัวหลบการโจมตีของชิน และสวนกลับในชั่วอึดใจ และการโจมตีก็ถูกชินขัดอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะใช้เรเปียร์พุ่งแทง พร้อมกับเวทย์แสงสว่าง————-คลื่นความมืดของผู้มาเยือนแตกกระเจิงในพริบตาเดียว

บุคคลลึกลับตรงหน้าปรากฏร่างให้เห็น—หญิงสาวผมสีดำหางม้า มีดวงตาสีเหลืองทับทิม และรูปร่างสเลนเดอร์ด้วยส่วนสูงเพียง 160 ซ.ม. สวมเสื้อยเกาะสีดำ และกางเกงขาสั้น จากภายนอกทำให้อนุมานได้ว่าอายุราว 15 ปี

ชินชี้เรเปียร์ใส่หน้าสาวน้อยด้วยท่าทางห้าวหาญ เขาส่งจิตสังหารเต็มที่ต่างจากปกติ

“บอกนามและยอมจำนนลงซะ ถ้าหากเป็นเด็กอย่างเธอผมจะช่วยให้ไม่ถึงตายเอง”

เด็กสาวซึ่งได้ยินก็แสยะยิ้มราวกับเย้ยหยัน

“ยอดอัศวินชิน …ถึงจะรู้อยู่แล้วก็ตามว่าแกเองก็อยู่งานเลี้ยงด้วย แต่..ไม่ใช่ว่าแกคอยประคบประหงมเจ้าคุณหนูปากเสียอยู่หรือไง?”

“คุณหนูปากเสีย? ขออภัยด้วยขอรับ คุณไม่มีสิทธิ์มากล่าวหานายเหนือหัวของผม”

ชินเริ่มมีน้ำโห

“กรุณารักษาวินัยขอรับ เจ้าคนไร้มารยาท” ชินโพ่งอย่างเกรี้ยวการด

“พวกอัศวินก็เป็นซะแบบนี้ มีแต่หมาตัวใหญ่ที่ชอบกระดิกหางให้หมาตัวเล็ก ที่มีดีแค่บ้านรวยมีชาติตระกูล..เรื่องพวกนี้แม่งโคตรขวางหูขวางตาเลยวะ!’

เธอโพ่งออกมา และพุ่งเข้าใส่ชิน ไม่สิ—เธอเล็งแองเจลิน่าไว้ นักฆ่ารู้ดีว่าไม่สามารถต่อกรกับชินได้

แต่เธอประเมินชินต่ำไป—-ตู้ม!!!! แสงสีขาวพุ่งเข้าใส่ศัตรู และพริบตาเดียวเธอก็ลงไปกองกับพื้นในมุมอับของกำแพงห้อง

ที่เกิดขึ้นคือการตวัดดาบของชินเพียงครั้งเดียว เวทย์ชั้นสูง ‘แสง’ ผนวกกับวิชาดาบ ‘ดาบประกายแสง’ นั่นคือไพ่ตายของชิน การโจมตีที่เร็วที่สุดเท่าที่นักดาบขั้นสูงคนหนึ่งจะมีได้

ชินเดินเข้าไปหาศัตรู และมองต่ำลงมา

“คุณไม่ใช่คู่มือหรอกครับ”

“..อึก..เจ็บชะมัด”

สภาพของศัตรูสาวคนนี้ดูไม่ได้ในชั่วอึดใจเดียว เธอไม่ได้อ่อนแอ แม้จะเป็นนักฆ่าแต่ก็เก่งพอจะชนะอัศวินได้แน่นอน เพียงแต่—-ตรงหน้าคือชิน ชายผู้มีคุณสมบัติพอจะก้าวข้ามเซบาสเตียน ยอดอัศวินแห่งอาณาจักรฟัฟนิร์

เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนักฆ่ามีฝีมือทั่วไป คู่ต่อสู้ที่คู่ควรคือนักฆ่าระดับตำนาน หรือว่าระดับสุดยอดเท่านั้น

เธอรู้ถึงความแข็งแกร่งนั้นดี…

“—–ฝากไว้ก่อนเถอะ”

เธอจึงกล่าวมาเช่นนั้นและใช้ความเร็วที่มากกว่าพุ่งออกไปนอกหน้าต่าง———ตึ้ง!!! ร่างของเธอชนเข้ากับกำแพง? ไม่ใช่ เบื้องหน้าไร้กำแพง ไม่มีสิ่งใดขวางกั้นทั้งนั้น แต่กลับถูกสะกัดกั้นไว้

“ไอ้บ้าอัศวินจอมเหลี่ยมเอ๊ย!!!!”

นักฆ่าใช้พลังสุดตัวซัดกำแพงอากาศตรงหน้า …แต่ไม่สามารถสร้างความเสียหายอะไรได้เลย

——-ชินพุ่งไปด้านหลังของนักฆ่า

“เปล่าประโยชน์ขอรับ กำแพงตรงหน้าหาใช่กำแพงอากาศหรือว่าลูกเล่นตุกติก มันคือระดับขั้นสุดยอด——มันคือการแยกของมิติขอรับ อำนาจของนายเหนือหัวกระผม”

ชินตวัดขาเตะเข้ากลางหลังของนักฆ่าสาว จนเธอล้วงหล่นสู่พื้นและพุ่งผ่านตัวคฤหาสน์ไปด้วยความรุนแรง——-ร่างของนักฆ่าสาวปลิวกระเด็นไปนอกคฤหาสน์ ความรุนแรงการเตะนั้นไม่สามารถทำให้เธอขยับร่างกายได้เลย ทุกส่วนในร่างกายได้รับความเสียหายหนักเข้าขั้นวิกฤต

ซ้ำร้ายชินก็พุ่งตามร่างที่ลอยกระเด็นของเธอ

“——-บ้าเอ๊ย!!!”

นักฆ่าตวัดมีดในมือพุ่งใส่ แต่ถูกบล็อกไว้อย่างง่ายดายโดยการใช้ดาบกัน ไร้ซึ่งการตวัด ก่อนที่แสงสีขาวจะตวัดราวกับดาบผ่านตาของเธอ แขนของนักฆ่าขาดสะบั้นในพริบตาเดียว—–ชินตัดมันลงอย่างไร้ความปรานี

“อั้ก!!!”

เลือดสีแดงสาดกระเด็นไปทั่วผืนหญ้า และชินก็พุ่งตัวหลบเลือดเหล่านั้นชวนให้รู้สึกถึงความรังเกียจในเลือดของเธอ

ชินเนื้อมมือขึ้นไปจับแขนข้างสุดท้ายของนักฆ่าและเหวี่ยงลงพื้นอย่างสุดแรง—–ตู้ม!!!!!! แรงกระแทกนั่นดังสะบัดไปทั่วผืนป้า ราวกับแผ่นดินไหว ร่างของนักฆ่าสาวแน่นิ่งกับพื้นโดยไร้ซึ่งแรงต่อต้าน

แรงกระแทกนั่นทำให้เกิดฝุ่นควันขึ้น หากเป็นปกตินักฆ่าจะรีบหนีในโอกาสนี้…น่าเสียดายที่ร่างกายนั่นโดนบดขยี้จนเละเทะแล้ว

ตึง ตึง ..เสียงเท้าดังขึ้นข้างหูของนักฆ่า ใบหน้าของเธอพลันซีกเผือกเมื่อนึกถึงอัศวินชิน เพียงแต่ผู้ที่ย่างเท้าเข้ามาไม่ใช่ชิน แต่เป็น————-ผม

 

*****

 

ผมมองต่ำลงมาที่สิ่งมีชีวิตเบื้องล่าง ไอสารเลวผู้คิดจะพรากพี่สาวไปจากผม

แสงจันทร์สาดส่องให้เห็นถึงใบหน้าของศัตรู แม้จะงดงาม แต่ก็น่าขยะแขยงชอบกล

“รู้จักฉันดีสินะ?”

“…อ่า เรเซอร์ เจ้าลูกขุนนางไร้ค่า”

“รู้จักฉันดีเลยสินะ แล้วก็…ชินเล่นแรงไปหน่อย?”

เธอกัดฟันกรามตัวเองแน่นเมื่อถูกผมยั่วยุ

มันไม่ใช่เรื่องตลก อย่างน้อยก็สำหรับเธอละนะ ทั่วทั้งร่างเหลวแหลกจนต้องรักษาอย่างยาวนานตามวิทยาการเวทมนตร์ และเหนือสิ่งอื่นใดแขนของเธอก็ขาดไปแล้วด้วย

สำหรับโลกใบนี้แขนต่อใหม่ได้ไม่ยากหรอก หากเป็นการตัดธรรมดาโดยไร้ซึ่งคำสาปหรือคำสั่งในการโจมตี แต่ก็เจ็บเอาเรื่องอยู่ดี

“เออ ใครจะไปคิดละว่าอัศวินอายุแค่นี้มันจะเก่งโคตรๆ เนี่ย แล้วดันมาถูกใจไอเด็กสารเลวอย่างแกอีก เสียของดีเนอะ?”

“มันคือเครื่องพิสูจน์คุณค่าของฉันไงละ แต่แกพูดถูกใจฉันมากจริงๆ ที่ว่าชินเก่งเนี่ย พักนี้เขาเกิดน้อยใจละนะว่าตัวเองไม่เก่ง”

“..เหอะ คงไปเจอพวกระดับเทพมาละมั้งนั่น”

“นั่นสินา” 

จะว่าระดับเทพก็ระดับเทพแหละ ยูนาเอย เซเนียเอย ฟัฟนิร์เอย มีแต่ตัวที่โดนสลักชื่อไว้ในประวัติศาสตร์โลกทั้งนั้น

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ และจ้องเขม็งเธอด้วยดวงตาสีแดงดุดัน

“อธิบายเหตุผลมาซะ แล้วจะไว้ชีวิต”

“เป็นแค่เด็กวัยละอ่อนแท้ๆ ..คิดว่าการฆ่ามันง่ายขนาดนั้นหรือไง?”

พอได้ยินอย่างนั้นผมจึงส่งยิ้ม

“พูดถูกของเธอ แต่ว่านะ ความน่ารังเกียจอย่างหนึ่งของโลกใบนี้คือ—-การที่ผู้มีอำนาจไม่จำเป็นต้องเปื้อนเลือดยังไงละ มือนี้ของฉันจะไม่มีวันเปื้อนเลือดของเธออย่างแน่นอน”

ว่าแล้วชินก็ปรากฏตัวออกมาข้างผม

“ที่จะฆ่าเธอไม่ใช่ฉัน แต่เป็นชิน …ถ้ายังอยากมีชีวิตจงอธิบายมาซะ เจ้าโง่”

….นักฆ่าสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้

“ฉันชื่อ ‘คริสตีน่า’ อย่างที่เห็นรับจ็อบเป็นนักฆ่า”

“อายุเท่าไหร่? ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ไหน?”

“16 ปี อาศัยอยู่เมืองในสลัมไม่ไกลจากที่นี่มาก จึงสะดวกในการรับงาน”

ผมชักสีหน้าใส่คริสตีน่า 

“เป็นงานที่สะดวกดีเนอะ การฆ่าพี่สาวชาวบ้านเนี่ย ไอคุณนักฆ่า”

“…”

เอาเถอะ

“ใครเป็นผู้ว่าจ้าง”

“พวกทวีปสายน้ำ คนใหญ่คนโตที่เกี่ยวข้องกับ ‘อาณาจักรเนลยอน (มังกรธาตุน้ำ)’ ”

‘ทวีปเนลยอน’ เป็นหนึ่งในสี่ทวีปซึ่งตั้งชื่อตามมังกรธาตุ และมีอาณาจักรหลักตามชื่อทวีป ..เป็นประเทศมหาอำนาจไม่ต่างกับฟัฟนิร์เลย และการเมืองกับฝั่งฟัฟนิร์เองตอนนี้ก็กำลังดุเดือดจนแทบจะเกิดสงครามใหญ่กันได้ทุกเมื่อแล้ว

“ถ้าหากเป็นอาณาจักรเนลยอน การลอบสังหารคราวนี้ก็จัดว่าสมเหตุสมผลครับ”

“นั่นสินะ”

ดูเหมือนแองเจลิน่าเองก็มีอิทธิพลพอตัว แต่…การฆ่าแองเจลิน่าครั้งนี้ไม่ง่ายไปหน่อยนั้นหรnอ? ไม่มีคนคุ้มกันเธอเลยรึไง? ——มีผู้อยู่เบื้องหลังอีกทีในการจัดฉากเหตุการณ์นี้ขึ้นแน่นอน ไม่นั้นจะผิดสังเกตุไปมาก

“ชินรีบกลับกันเถอะ”

“เข้าใจแล้วขอรับ แล้ว..”

“รบกวนแบกหล่อนไปทีนะ”

ชินพยักหน้ารับผม และรีบมุ่งไปหาแองเจลิน่าทันที

“แบกให้มันนุ่มนวลหน่อยสิ”

“ถ้ายังอยากต่อแขนก็หุบปากไปซะ”

—–คริสตีน่าเงียบตลอดทาง

…จะว่าไปชื่อเจ้านักฆ่ามันคุ้นหูชอบกล …ชั่งเถอะ

 

********

 

“-ร เรเซอร์!”

พวกผมมาถึงโดยที่ใช้เวลาไม่นานนัก

แองเจลิน่าวิ่งมาหาพวกผมด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะสังเกตเห็นคริสตีน่า

“…เด็กคนนั้น?”

“นักฆ่าที่คิดปองร้ายท่านแองเจลิน่าขอรับ”

ทันทีที่แองเจลิน่าได้ยินเธอก็ระแวงคริสตีน่า ส่วนคริสตีน่าตอนนี้ก็ตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“ประหารมันเลยมั้ยท่านพี่?”

“-อ ไอสารเลว ไหงบอกว่าจะไว้ชีวิตไงเล่า!”

ผมแสยะยิ้ม

“คิดว่าฉันจะปล่อยไอ้เลวที่คิดฆ่าพี่สาวตัวเองไปง่ายๆ หรือไง? ตายสถานเดียวเฟ้ย อย่างหล่อนน่ะ” ผมชูนิ้วกลางอัดหน้า “แดกนิ้วกลางแล้วตายซะ อีเวร”

พลันใดนั้นคริสตีน่าก็หน้าซีกเผือก ทั้งแค้นและกลัวในเวลาเดียวกัน

“—ไม่หรอก พวกเราไม่ทำถึงฆ่าหรอก”

แองเจลิน่าขัดความคิดของผม แต่เธอไม่ได้รู้สึกสงสารหรือปราณีคริสตีน่าแน่นอน

“พี่ต้องการสอบปากคำเด็กคนนี้น่ะ แล้วก็อยากเก็บไว้เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญด้วย”

“อย่าให้มันได้อยู่ดีเชียวนะ”

“แน่นอนจ๊ะ”

สมกับเป็นพี่สาวของผม——คริสตีน่าเริ่มน้ำตาคลอเบ้า

“แล้วก็เรเซอร์เธอต้องอธิบายทุกอย่างให้ฟังด้วยนะ”

แองเจลิน่าโพ่งขึ้นขณะที่กอดอกอยู่

“..เอ่อ”

เธอดูโมโหเอาเรื่อง โกรธถึงขนาดที่แก้มป๋องเลย น่ารักชะมัดพี่สาวคนนี้

“รู้มั้ยว่าการจับคนร้ายมันอันตรายน่ะ อย่างน้อยๆ ก็ช่วยมานัดกับพี่หน่อยสิ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่พี่ก็รับฟังน้องเสมอนะถึงมันจะเหลวไหลก็ตาม ถึงคุณชินเขาจะแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ แต่น้องมีโอกาสเป็นอันตรายได้นะอย่าลืมสิ”

พลังพี่สาวสุดยอด

แองเจลิน่าลูบแก้มของผม

“รักตัวเองหน่อยสิจ๊ะ”

“…นั่นสินะครับ”

ผมยิ้มให้

“กวนตีน?”

“เปล่า”

ผมต่างหากที่อยากถามว่า ‘กวนตีน?’

 

******

 

ไม่รู้ผ่านมากี่ชั่วโมงแล้ว แต่รู้ตัวอีกทีฟ้าก็เริ่มสว่าง—ผมถูกพี่สาวของตัวเองเทศยกใหญ่เลยละ ชินเองก็โดนบ่นมากพอตัวเรื่องที่ให้ผมเป็นตัวนำทำเรื่องเสี่ยงตาย แน่นอนว่าเขาปริปากบอกเรื่องยูนาไม่ได้ จึงรับโทษไปอย่างแมนๆ

ไม่ว่าจะโลกไหนพี่สาวก็เทศน้องชายได้ยาวเหยียดดีเหลือเกิน

ผมกับชินยืนอยู่ตรงระเบียงคฤหาสน์ ขอบตาเราสองคนดำสนิท สภาพบ่งบอกว่าเมื่อคืนไม่ได้นอนเลย และกำลังแหงนมองพระอาทิตย์ขึ้น

“อยากนอนชะมัด”

“ถ้าไม่รังเกียจสนใจนอนตักกระผมก่อนมั้ยขอรับ?”

เพราะยังมีหลายเรื่องต้องคุยและทำการมากมาย โดยเฉพาะตัวการเบื้องหลังและจะจัดการยังไงกับคริสตีน่า ตัวผมจึงไม่ได้นอนไปด้วย เลยต้องฝืนทนจ้องพระอาทิตย์ขึ้นกับชิน

“..ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะอยู่กับนายถึงที่สุดเองสหาย”

“ไม่อาจขอรับ เรียกกระผมว่าบริวารก็พอแล้ว”

“อย่าเคร่งมันมากสิ”

ชินส่ายหัวให้ด้วยรอยยิ้ม

..เอาเถอะ

“..จะว่าไปพรุ่งนี้ ไม่สิ วันนี้นายก็ต้องกลับกองอัศวินแล้วสินะ.

ชินนิ่งเงียบ เขาพยักหน้ารับ

“คงจะอย่างนั้นขอรับ”

“น่าเสียดายจังนะ”

“นั่นสินะครับ”

….พวกเราเงียบและไม่พูดอะไรกันสักพัก

อยากอยู่กับชินมากกว่านี้ ผมคิดว่าพวกเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้มาก—–อยากรู้จักชายคนนี้มากกว่านี้

ตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้ เผมยังทำให้เขาเรียกผมว่าสหายไม่ได้เลย และการแยกจากกันครั้งนี้อาจเป็นการนำไปสู่ความตายชอบชินก็เป็นได้

“ท่านเรเซอร์ขอรับ”

“ว่าไง?”

ชินคุกเข่าลงกับพื้นและยื่นของบางอย่างให้——นั่นคือกล่องของขวัญขนาดใหญ่เท่าแขนของผม

“สุขสันต์วันเกิดครับ…ถึงจะเลยมาแล้วก็ตาม ขออภัยด้วยครับ”

“-อ อ่า! ไม่เป็นไรหรอกน่า! ขอบใจมากจริงๆ นะชิน”

ผมรับของขวัญขนาดใหญ่นั่น แน่นอนว่าหนักพอดู

“..ขอแกะเลยได้มั้ย?”

“ได้ขอรับ”

“ถ้านั้นก็ไม่เกรงใจละนะ”

ผมแกะกล่องของขวัญนั่น—–ปรากฏให้เห็นดาบทรงไทยในฝัก บ้านเกิดของผม…ดีไซน์คล้ายกันมากๆ

“นายเนี่ยรวยจริงนะ เอาดาบมีราคาแบบนี้มาให้ฉันได้เนี่ย”

พึ่งเจอกันเกือบเดือนเองแท้ๆ

“กระผมคิดว่าการเจอกันของเราสองคนมีค่าคู่ควรขอรับ นี่เป็นสินน้ำใจสำหรับผมซึ่งมาจากใจจริงล้วนๆ เพราะฉะนั้นมันไม่เกินตัวหรอกขอรับ”

“…จะใช้งานอย่างดีเลยละชิน”

“ยินดีขอรับ”

ผมเก็บดาบนั่นใส่กล่องดั้งเดิมและวางไว้ตรงพื้น——

“ชินกลับมาหาฉันให้ได้นะ”

ผมกล่าวออกไปอย่างหนักแน่น ชินซึ่งได้ยินก็คุกเข่าก้มหัวให้ผม

“ตามบัญชาขอรับ กระผมขอสาบานด้วยชีวิต จะไม่ยอม—–ตาย และกลับมาเป็นบริวารของท่านเรเซอร์อีกครั้ง”

“ฉันเองก็ขอสาบานเช่นกันว่าจะไม่มีใครก่อนนายจะกลับมา”

ชินขวยเขินเล็กน้อย ที่พูดน่าจะชวนเข้าใจผิด

“ขอบพระคุณมากขอรับ แต่ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับผมนะขอรับ”

“ไม่ได้ยึดติดสักหน่อย นายอุตส่าห์สาบานว่าจะไม่ยอมตายเพื่อมาหาฉัน ฉันก็ต้องสาบานสิว่าจะไม่มีใครนอกจากนาย …มันคือพันธสัญญายังไงละ”

ผมยื่นมือให้ชิน

“พวกเราจะเป็นสุดยอดนายบ่าวรักเดียวใจเดียวซึ่งกันและกัน แบบนี้ดีมั้ยชิน?”

“——ดีสุดๆ เลยขอรับ”

ถึงจะดูสองแง่สองง่ามไปหน่อย แต่ใครสนละ พวกเราทั้งสองจับมือยอมรับพันธสัญญานั้น เรื่องมันก็แค่นั้น

ผมเลือกได้แล้วละ องค์รักษ์ของผมก็คือ ‘ชิน’ นั่นแหละ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด