เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! 389

Now you are reading เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! Chapter 389 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

< < 244 Sec1 > >

ผมถูกลากมาภายในโลกของเรน—และไม่นานการต่อสู้ระหว่างพวกเรามันก็ได้เริ่มขึ้น

ตัวผม ‘เรเซอร์ ดราแคล์’ ‘ยูนา’ ‘เซเนีย’ และ ‘ชิน’ ได้รับบทบาทในโลกใบนี้ให้เป็นคู่ต่อสู้ตัดสินกับ ‘เทพมังกร’ ‘เรน’ 

ผมออกวิ่ง พร้อมกับยูนา และชิน พวกเราทั้งสามคนออกวิ่ง ขณะเดียวกัน เรนก็ออกวิ่งเหมือนกัน เป้าหมายที่เล็งไว้คนแรกไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผม เรนวิ่งสวนผมพร้อมกับยื่นมือมาข้างหน้าหมายจะกระซากหัวของผมเป็นที่แน่นอน

ไม่มีทางที่ผมจะรับมือกับเรนในตอนนี้แบบหนึ่งต่อหนึ่งได้ ทั้งอย่างนั้นกลับไม่มีใครวิ่งมาช่วยปัดป้องการโจมตีของเรนช่วยผม–เหตุผลเป็นเพราะตัวผมถูกช่วยด้วยวิธีอื่นแทนได้

“—หืม?”

ผมหลบการโจมตีของเรนได้อย่างน่าประหลาด-การสร้างมิติของเซเนียทำให้การเคลื่อนไหวของเรนช้าลงหนึ่งจังหวะ มากขนาดทำให้ผมหลบให้พ้นได้ไม่ยาก จากนั้นก็สวนกลับด้วยการระเบิดชั่วพริบตา เรนถีบตัวเองหนีการระเบิด ในจังหวะเดียวกันยูนาก็วิ่งเข้ามาจากข้างหลังพร้อมกับชิน

การสะบั้นมิติ และเพลิงมหามังกรตรงเข้าใส่เรนแบบพร้อมเพรียงกัน เรนทำเพียงกระโดดถอยหลังด้วยพลังกายที่เหนือกว่าหลบทุกอย่าง จากนั้นก็ถไลไปกับพื้น-เรนผสานมือเข้าหากัน ก่อนจะโพล่งออกมาทั้งรอยยิ้ม

“ [วิชาไสยศาสตร์]-[ต้นไม้โลก] ”

ต้นไม้ยักษ์สีดำงอกออกมาจากพื้น ทันทีที่มันปรากฏกระแสมานาก็เกิดความปั่นป่วน ผมหยุดวิ่งกระทันหัน พร้อมกับดีดนิ้วสามครั้ง

“ [เสริมโชค] [เสริมโชค] [เสริมโชค]”

พรแห่งจอมมารเข้าแทรกซึมร่างของผม และร่างของยูนากับชิน ..ผมจำได้ดี เอเธอร์เคยเล่าให้ฟังเมื่อตอนหลังจากเรื่องราวบนเกาะวาเรอร์ ต้นไม้โลกของเรนมันจะลดกำลังของอีกฝ่าย และเอาพลังที่ขโมยไปทำให้เรนได้เปรียบ วิธีหลุดพ้นจากมันมีแค่โค่นเรนให้เร็วที่สุด หรือไม่ก็เป็นข้อผิดพลาดของโลก

ผมใช้วิธีเอาส่วนหนึ่งของตัวเองที่เป็นข้อผิดพลาดของโลกไปให้กับอีกสองคน เพื่อให้ไม่อยู่ในขอบเขตุอำนาจของเรน

“นึกว่าเอเธอร์ไม่ได้เล่าให้ฟังซะอีกนะ”

“น่าเสียดาย แล้วก็ไปตายซะ!”

วงแหวนเวทย์นับสิบปรากฏขึ้นข้างหลังผม เปลวเพลิงคลั่งประทุขึ้นสั่นสะเทือนโลกทั้งใบของเรน-เรลันดาฟสามารถร่ายเวทย์ได้พร้อมกันสิบบท เพราะอย่างนั้นนี่แหละ

“ [เฟรมบาสเตอร์] ”

[เฟรมบาสเตอร์] ทั้งสิบบทพุ่งออกไปพร้อมกัน ยูนาสะบั้นมิติเสริมพลังทำลายและความเร็วให้แก่ผม ด้วยเหตุนั้นทำให้ความรุนแรงไม่ได้แตกต่างกับช่วงที่ผมยังทำพันธสัญญากับยูนาเลยแม้แต่น้อย

……

ทว่า

เฟรมบาสเตอร์กลับหายไปจากทิวทัศน์โดยรอบทั้งหมด

ไม่มีผลลัพธ์อะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น นอกจากทุกอย่างโดนลบหายไป ผมรวบรวมมานา และจะยิงมันอีกครั้ง

…..

ทว่า ก็เหมือนเดิม โดนลบหายไปมันซะทุกอย่างอีกแล้ว

“..หา?”

..ความสามารถของเทพมังกรนั้นเหรอ? 

ผมหน้าซีดเผือก-เรนมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าผมราวกับวาร์ปมา ไม่สิ คงจะวาร์ปมาจริงๆนั่นแหละนะ

“ชิ!”

ผมกระโดดถอยหลังออกมา เรนชี้หน้าผม ประกายแสงสีขาวผุดขึ้นที่ปลายนิ้วชี้นั้น ผมยกเรลันดาฟขึ้นมาปล่อยเพลิงทำลายล้างสวนกลับ แสงนั่นส่องประกายแวบหนึ่งก่อนพุ่งเข้าใส่—มันทะลุผ่านเพลิงของผมมาได้ เพลิงทำลายล้างหายวับไปกับตาทันทีที่สัมผัสกับแสงบ้าๆนั่น 

“ท่านเรเซอร์!”

ชินตวัดดาบเรเปียร์ ‘เซกเฟียร์’ ที่หุ้มด้วยเพลิงมหามังกรปัดลำแสงสีขาวของเรนไว้ได้ ทั้งๆที่ไม่นา่จะทำได้ ในเมื่อการโจมตีของผมมันไม่สามารถทำอะไรลำแสงนั่นได้เลยแท้ๆ

ผมก้าวเท้าถอยหลัง ยูนาวิ่งตีข้างใส่เรน เธอเหวี่ยงดาบมหาภูตที่หุ้มด้วยการตัดมิติและสร้างมิติพร้อมๆกันเข้าใส่เรน เรนสร้างดาบแสงสีขาวขึ้นมาปัดป้อง ทุกจังหวะการเคลื่อนไหวเป็นไปตามที่เรนต้องการ ด้วยพลังกายที่เหนือกว่าอย่างท่วมท้น ทำให้ของอย่างวิชาดาบมันไร้ค่า ยูนาตามความเร็วในการแลกดาบไม่ทัน สุดท้ายก็เกือบจะพลาดท่า หากไม่ได้ชินเข้าไปปัดไว้ให้เหมือนกับผมละก็–ทั้งยูนา และชินถีบตัวออกเว้นระยะห่างเล็กน้อย เรนยืนอยู่เฉยๆพร้อมรอยยิ้ม

“..เวทมนตร์ใช้ไม่ได้ผล?”

แสงสีขาวของเทพมังกร อาจจะเป็นอำนาจพิเศษของเทพมังกรก็เป็นไปได้ แต่ว่าผมไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเทพมังกรเลยสักนิด

ถ้าอย่างนั้นก็ต้องตั้งข้อสันนิฐาน

แสงสีขาวเหนือกว่าเวทมนตร์ แต่ว่าไม่ได้เหนือกว่า การสะบั้นมิติ การสร้างมิติ รวมถึงเพลิงมหามังกร–ตีความ มานารูปแบบพิเศษที่มีคุณสมบัติคล้ายกับข้อผิดพลาดของโลก 

การสะบั้นและสร้างมิติ เพลิงมหามังกร = แสงสีขาว 

แต่เวทมนตร์คือของที่ต่ำกว่ามานารูปแบบพิเศษ ทำให้มันโดนลบหายไปได้

แบบนี้นี่เอง ..ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำได้ตอนนี้ มีแค่วิหคอมตะ กับพรของจอมมารเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นก็ ..ไม่สามารถทำอะไรเทพมังกรได้เลยนั่นเอง

“ยูนา ชิน ..ดูท่าฉันจะไร้ประโยชน์สุดๆไปเลยแฮะ คราวนี้น่ะ”

“ก็ค่ะ ปกติมาสเตอร์ก็ไร้ประโยชน์อยู่แล้ว”

“เดี่ยวดิ!”

“ไม่ต้องห่วงค่ะ เพราะอยู่กับมาสเตอร์ที่ไร้ประโยชน์มาตลอด อะไรๆมันก็ไม่ได้เลวร้ายขึ้นหรอก แน่นอนว่าไม่ดีขึ้นด้วยเหมือนกันก็จริง ..ฉันจัดการเองค่ะ สั่งการด้วย”

ให้ตายสิยัยนี่ ทำไมชอบทำปากเสียใส่ผมตลอดเลยนะ พูดดีๆกันก็ได้แท้ๆ ผมถอนหายใจเฮือกโต ก่อนแสยะยิ้ม

“บู๊ให้เต็มที่เลย ยูนา ฉันกับชินมีหน้าที่สนับสนุนเธอ”

…..

“เวทีนี้เป็นของเธอ” ผมดีดนิ้ว “[เสริมพลังกาย] [เสริมสติปัญญา] [เสริมประสาทสัมผัส] [เสริมระยะมองเห็น] [เสริมความเร็ว] [เสริมความเร็วการร่ายเวทย์] [เสริมการลงดาบ] [เสริมการวิ่งหนี] [เสริมการวิ่งเข้าใส่] [เสริมกล้ามเนื้อ] [เสริมการลอยตัว] [เสริมการเดิน] [เสริมการเกาะผืนดิน] [เสริมกระปีนไต่] [เสริมการทรงตัว] ”

ผมมอบบัพทั้งหมดให้พร้อมกันสามคน รวมตัวผมเองด้วย–ยูนาตวัดดาบมหาภูต

“ [ตัดมิติ]-[ถลายขีดจำกัด] แบบคูณสาม”

กล่าวจบ ร่างของพวกผมทั้งสามคนก็มีรอยกระจกแตก ก่อนจะเลืองแสงสีขาวผ่องใสออกมา

การเตรียมการณ์ทั้งหมดพร้อมแล้ว–

“เตะตูดเรนซะ นี่คือคำสั่ง”

“รับทราบค่ะ”

กล่าวจบ–ยูนาในช่วงที่แข็งแกร่งที่สุดยิ่งกว่าในอดีตก็ได้พุ่งตรงเข้าใส่เรน ก

 

****

บนผืนทะเลทรายแดนนรกกินคน—ยูจิเข้าต่อสู้กับเทียแมธ โดยมีการสนับสนุนจากหนิง แต่มันก็ยังไม่มากพอจะทำให้ถึงขั้นสู้ได้อย่างสูสี

ยูจิถูกไล่ต้อนครั้งแล้วครั้งเล่า เช่นเดียวกับหนิงที่แม้จะอยู่ข้างหลังแต่ก็ยากจะพ้นการโจมตีของเทพมังกรได้ สุดท้ายผลลัพธ์ก็คือหนิงเกือบหัวหลุดราวสามสิบครั้งในไม่กี่นาที ยูจิตัวระเบิดนับร้อยครั้งในไม่กี่นาที โชคยังดีที่ทั้งสองสามารถฟื้นฟูร่างกายได้ ไม่อย่างนั้นก็ได้ตายไปไม่ต่ำกว่าร้อยรอบกันไปแล้ว ซึ่งแตกต่างกับเทพมังกรที่ยังไม่มีแม้แต่บาดแผลเดียว

ความแข็งแกร่งอันเป็นที่สุด–และแสงสีขาวปริศนาที่ทำให้การใช้งานมานาชั้นต่ำทั้งหมดนั้นไร้ค่า

เคียวยะมองดูการต่อสู้ด้วยสีหน้าที่เจ็บใจ ..ต่อให้ร่างกายกลับมาเป็นปกติ ตัวเองก็คงจะไร้ประโยชน์อยู่ดี พลังของเทพมังกรมันชวนให้คิดอย่างนั้นก็จริง แต่ว่าแรงปารถนาที่จะลุกขึ้นไปสู้อีกครั้งไม่มีทางโดนดับได้ง่ายๆ

ครั้งหน้าจะแกร่งยิ่งกว่านั้น เพราะอย่างนั้นสู้ได้แน่นอน เคียวยะอาศัยความรู้สึกนี้เรียกแรงฮึดให้ตัวเอง—อีกด้านหนึ่ง ปีศาจมหาบาปไม่สามารถแทรกการต่อสู้ระหว่างยูจิกับเทพมังกรได้ พวกเธอได้แต่คอยสนับสนุนจังหวะช่องว่างเล็กๆในการต่อสู้อย่างเดียวเท่านั้น

ยิ่งสู้กันนานเท่าไหร่ ยูจิก็ยิ่งเสียเปรียบเทพมังกรมากขึ้นเท่านั้น—อีกไม่นานคงจะแพ้ ไม่ว่าใครก็คิดไปในทางเดียวกัน

“อึก–!!”

และมันก็เป็นเช่นนั้น จังหวะสุดท้ายก่อนจะพลาดท่าให้แก่เทพมังกรนั้น–ทะเลสีรุ้งก็ได้พัดโถมเข้ามาเสียก่อน

“มาแล้วโว้ย!!!!!”

“วะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!! หลีกไปๆ นายของข้าจะโชว์ของ ฮ่าๆๆๆๆ!!!”

มาเจลผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของทะเลสีรุ้ง และโอลิเว่อร์ที่ส่งเสียงหัวเราะเป็นซาวด์อยู่ข้างหลังได้เข้าร่วมสู่สมรภูมิรบกับเทพมังกร แต่เหมือนว่าลีออนกับเกรลจะไม่ได้มาด้วย

“คุณมาเจล–”

“ตะ ตาแว่นไม่สมประกอบ!”

“หลีกไปๆ พวกไพร่ทั้งหลาย!”

ทะเลสีรุ้งซัดแยกยูจิออกจากเทพมังกร ทะเลสีรุ้งจำนวนมหาศาลได้นำพา ‘อีสเตอร์’ ตัวยักษ์มายังที่แห่งนี้ ตะขาบยักษ์ใหญ่พุ่งทะเลผ่านทะเลสีรุ้งมา มันอ้าปากค้างหมายจะเขมือบเทียแมธไปทั้งร่าง เทียแมธไม่พูดไม่จาใช้มือสองข้างปิดปากของอีสเตอร์ และจับโยนขึ้นฟ้า

“หา–?”

ทะเลสีรุ้งพลันดับไปทันทีที่อีสเตอร์โดนจับเหวี่ยงขึ้นฟ้า มาเจลกับโอลิเว่อร์หน้าถไลไปกับพื้นอย่างน่าอนาถ ผิดกับฉากเปิดตัว ทั้งสองรีบตั้งตัวกลับมายืน และถึงกับต้องขยี้ตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ยะ แย่ละ”

“อะ อะ ..”

 

“ “ อีสเตอร์ !!!! ” ”

 

“นี่พวกแกมากันทำไมเนี่ย ถามจริง!?” 

หนิงแหกปากตบมุกตามสไตล์ของตัวเอง

สองคู่หูนายเหนือหัวและขี้ข้าพากันแหกปากโวยวาย ให้แก่อีสเตอร์ที่โดนเหวี่ยงซะอย่างกับไร้น้ำหนัก เทพมังกรยกมือขึ้นฟ้า แสงสีขาวส่องประกายขึ้นที่ปลายฝ่ามือข้างนั้น—เป้าหมายคืออีสเตอร์ที่ลอยอยู่กลางอากาศ

“—-มาอีกจนได้”

เทียแมธลดมือของตัวเองลง ทำให้อีสเตอร์รอดพ้นจากเงื้อมมือของเทพมังกร สิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่าไปได้ เทียแมธหันความสนใจไปที่ท้องฟ้าสีมืดที่ ณ เวลานี้ถูกย้อมด้วยศรวารีนับหมื่นดอก—ทั้งหมดแล่นผ่านอากาศ และย้อยลงมาที่เทียแมธเป็นที่แน่ชัด เทียแมธยกมือขึ้นฟ้าอีกครั้ง แต่คราวนี้เป้าหมายคือศรวารีทั้งหมด

แสงสีขาวเปล่งประกาย และพุ่งออกไปด้วยความเร็วเสมือนแสง—ระหว่างทางการเคลื่อนที่มันได้แปรรูปกลายเป็นโล่แสงสีขาวกลางอากาศ โล่นั้นตั้งรับศรวารีทั้งหมดเอาไว้ได้ทั้งหมด

ปรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

การโจมตีทั้งหมดส่งมาไม่ถึง กระนั้นนี่มันก็แค่จุดเริ่มต้น

ไม่นาน บนท้องฟ้าก็ปรากฏนักรบในชุดเกราะวารีศักดิ์สิทธิ์

[เวลเดีย]-[วารีศักดิ์สิทธิ์] รูปแบบฟอร์มขั้นพื้นฐานของ เท็งงุ เบ็นจิโร่ นั่นเอง

“เทพมังกรเทียแมธ อย่าคิดว่าจะชนะได้ง่ายๆเชียวละ”

เบ็นจิโร่กู่เสียงร้องมาอย่างห้าวหาญ ความเชื่อที่ว่าเพศสตรีนั้นอ่อนแอหายไปพร้อมกับเสียงประกาศของเบ็นจิโร่ เธอผู้นี้คือสตรีผู้พิชิตท้องทะเล วีรสตรีผู้ยิ่งใหญ่ ตัวตนที่ใกล้เคียงกับคำว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในยุคสมัยนี้

แน่นอนว่าการปรากฏตัวของเธอมันมากด้วยอิมแพ็คมากกว่ามาเจลหลายเท่าตัวทีเดียว …

“บัดซบเอ้ย โดนแย่งซีนจนได้”

“พวกคนที่แข็งแกร่งอย่างผิดมนุษย์เนี่ยแย่งซีนชาวบ้านเก่งเหลือเกินนะ ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนเรื่องนี้ก็เหมือนกันนั้นสินะ ให้ตายเถอะ”

มาเจลกับโอลิเว่อร์ สองหน่อนี่พล่ามอะไรออกมากันนะ ..

“ถะ ถามจริงเถอะ พวกแกมาที่นี่ทำไมกันเนี่ย แล้วอีสเตอร์บนฟ้าล่ะ ไม่เป็นห่วงแล้วเรอะ” หนิงพูดบ่น

“ช่างเหอะน่า มันใช่เวลาที่ไหน เดี่ยวมันก็ตกลงมาเองแหละ” มาเจลตอบกลับแบบง่ายๆ

“ตอบได้เย็นชาชะมัด” หนิงหัวเราะแห้งๆ

ยูจิกระพริบตาปริบๆ พลางรักษาบาดแผลของตัวเอง ..

“มากันเยอะเหมือนกันนะครับนั่น ..”

“ฉันพร้อมแล้ว ยูจิ”

เคียวยะทักขึ้นจากข้างหลัง เจ้าตัวเดินผ่านยูจิไปพร้อมกับเมอัน—ในร่างชุดเกราะมนตรา [KY HOPE] และเมอันในร่าง [อาภรณ์เทพมังกร]-[เมอัน] 

เห็นดังนั้นยูจิจึงลุกขึ้นยืน ปัดเศษฝุ่นทั้งหมดออกจากร่าง 

“ถ้านั้นก็”

และเริ่มยกที่สองต่อทันที

 

****

นอกจากจุดศูนย์กลางที่เป็นการต่อสู้ของเทพมังกรแล้ว บริเวณรอบนอกก็เกิดการต่อสู้วงกว้างระหว่างเผ่าพันธ์จากสวรรค์ ซึ่งนำมาโดยราฟาเอลกับกาเบรียล และกองกำลังร่วมของสภาโลก ซึ่งนำมาโดยบุคคลระดับกองทัพผู้นำของแต่ละอาณาจักรยักษ์ใหญ่

การต่อสู้ดำเนินไปอย่างยากลำบาก เพราะอีกฝ่ายนั้นมีกาเบรียลและราฟาเอล

ทว่า ก็เป็นเช่นนั้นไปได้ไม่นาน

“บุก!!!!”

กองกำลังรบร่วมกลุ่มที่สองเคลื่อนพลเข้าสู่สนามรบ—และกองกำลังนั้นก็นำมาโดย

“ฆ่าทิ้งให้หมด!”

ราชาแห่งแซร์อิซ ‘การันเต้’ ที่ควรจะตายไปตั้งนานแล้ว สองทูตสวรรค์ตกใจเสียงดัง พวกเธอกัดฟันกรามแน่นและสบถออกมา

“จะวุ่นวายไปถึงขนาดไหนกันนะ!”

“ให้ตายสิ มิคาเอลก็ชิงตายไปก่อนอีก-!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด