เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! 225

Now you are reading เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! Chapter 225 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

< < 143 Sec4 > >

เวฟไม่ใช่คนผิด เวฟก็แค่ถูกความโสมมของโลกนี้ทำให้แปดเปื้อนก็เท่านั้น—ก็แค่คนธรรมดาที่ถูกสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตากลั่นแกล้ง ผมรู้ดี แต่ก็เลือกจะพูดเช่นนั้นออกไป

อย่างที่บอก กับเวฟ หมอนี่ไม่ใช่คนที่ผมอยากจะปกป้อง หมอนี่คือบรรไดที่พาไปสู่การปกป้องคนสำคัญของผม จึงไม่จำเป็นต้องมีความเห็นใจทั้งนั้น แค่พูดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ต่อให้จะถูกเกลียดก็ช่างมันไป ..แลกกับการต้องสูญเสีย ผมเลือกถูกรังเกียจยังจะดีกว่า

เป้าหมายของผมคือกระตุ้นอานิม่าให้ถึงขีดสุด แล้วก็โค่นมัน ใช่แล้ว ผมจะเอาชนะไอ้ตัวที่เล่นงานเอเธอร์ซะอ่วมได้ให้ได้ พูดแบบนี้ก็กระไรอยู่ แต่เอเธอร์น่ะอวดดีเกินไป

จริงแท้แน่นอนเรื่องที่ว่าเอเธอร์แข็งแกร่งที่สุด แต่ไม่ว่าจะอย่างไร โลกนี้ก็มีสิ่งที่เรียกว่าการชนะทางและแพ้ทางตามธรรมชาติอยู่

อานิม่าคือความชั่วร้ายอันมหาศาล แข็งแกร่งขึ้นตามความรู้สึก จะบอกว่าเป็นผู้ที่มีพลังเสมือนไร้ขีดจำกัดตนหนึ่งบนโลกก็ว่าได้ เหมือนกับมหาบาปแห่งความโกรธ คู่ต่อสู้อย่างนี้ ให้ไปชนตรงๆน่ะ ต่อให้ยูจิลูกรัก GM ก็ไม่ทำหรอกโว้ย ให้พูดเอเธอร์ที่สู้กับอานิม่าตรงๆนี่สมองไหลสุดๆไปเลยละ

กลับมาที่การแพ้ทางตามธรรมชาติ ผมน่ะชนะทางอานิม่า ตรงที่มี ‘วิหคอมตะ’ อยู่ ที่เอเธอร์ลำบากในการรับมืออานิม่าเพราะเลือกวิธีเข้าชนตรงๆโดยที่ตัวเองไม่ได้มีมานาเหลือขนาดใช้เวทย์รักษาร่างกายตัวเองได้บ่อยๆ 

ผมอัดเพลิงสวนใส่กาวเหวี่ยงแขนของอานิม่า แน่นอนว่าเพลิงของผมพ่ายแพ้และร่างของผมก็โดนซัดปลิวกระเด็นไปไกลพร้อมกับแขนที่หลุดออกจากร่างอย่างง่ายดาย แต่ทั้งหมดก็ถูกเผาด้วยเพลิงสีทองและทำให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม

อีกอย่างหนึ่ง ..อานิม่าไร้สติปัญญา ไร้กลยุทธิ์รวมถึงทักษาต่างๆที่สิ่งมีชีวิตนั้นมี ประสิทธิภาพสูงสุดที่อานิม่าทำได้มีแค่อัดพลังทำลายล้างอันมหาศาลใส่คู่ต่อสู้อย่างมั่วซั่ว ซึ่งนั่นแหละเป็นจุดที่ง่ายต่อการรับมือ เพราะทางนี้จะนำอยู่เสมอสองถึงสามก้าว

“หนิงรักษาระยะ คอยซัพพอร์ตฉัน”

“เข้าใจแล้ว!”

ผมแสยะยิ้มและเข้าต่อสู้กับอานิม่าอย่างไม่ยากลำบาก

 

****

จะกลืนกินทุกอย่างให้หมดเลย ..จะกลืนกินความโหดร้ายทั้งหมด ความโศกเศร้าทั้งหมด จะกลืนกินความเป็นจริงทั้งหมด–ทุกอย่างบนโลกใบนี้มันเลวร้าย มีแต่ความโหดร้าย ที่แห่งนี้ไม่ใช่โลก มันคือนรก มันคือนรกไม่ผิดแน่ ตัวฉันกำลังใช้ชีวิตอยู่ในนรกที่แสนโหดร้าย นรกที่ไร้ซึ่งความเท่าเทียม นรกที่มอบวันคืนอันโหดร้ายให้แก่ฉัน กลับกัน บนพื้นนรกแห่งนี้ก็มีชีวิตที่แสนจะมีความสุขอยู่ ประหนึ่งว่าอยู่กันคนละสถานที่ พวกนั้นอยู่กินดี มีความสุขกับครอบครัว ได้รับความรักอย่างถูกต้อง ใช้ชีวิตต่อไปได้โดยไม่ต้องกลับว่าสักวันตัวเองจะตาย

เป็นนรกเหมือนกันแท้ๆ แต่ต่างกัน ที่แห่งนี้คือนรกที่คนอย่างฉันไม่มีทางจะขึ้นไปมีความสุขได้

เพราะอะไรกัน? 

คำตอบแสนง่ายดาย

เพราะว่าฉันคือฉันยังไงละ ฉันน่ะผิดมาตั้งแต่เกิดแล้ว วินาทีที่ลืมตาตื่น ฉันก็ไม่มีทางจะได้แตะต้องความสุขอีกต่อไปแล้ว

นี่แหละคือชีวิตของสวะไร้ค่า

ฉันเกลียดโลกใบนี้ ..เพราะอย่างนั้น จะกินทุกสิ่งทุกอย่างแล้วก็—คว้าความสุขมาให้ได้

ฉันเอื้อมมือออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทว่าจังหวะนั้น–เพลิงสีทองก็พวยพุ่งออกมาปกคลุมการมองเห็นทั้งหมด

อา ..น่ากลัว ..แต่ก็อบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ

 

****

ถึงจะบอกว่าชนะทางก็เถอะ แต่ที่ชนะทางก็มีแค่ผมเป็นนักเวทย์ที่มีการโจมตีรุนแรงในระดับหนึ่ง แล้วก็มีพลังการรักษาเป็นเลิศ การาวิเทีย เซปเตอร์เดธหรือมณีธาตุ ทั้งหมดที่พึ่งได้มาก็ส่งให้เซียนสร้างของอยู่ด้วย มีแค่ตัวเปล่าๆกับพลังของยูนาเท่านั้นแหละ ไม่ได้ชนะทางประเภทที่ว่าไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลย

จึงเป็นอีกครั้งที่ร่างของผมถูกอานิม่าซัดจนแทบจะกลายเป็นเศษเนื้อ–วิหคอมตะรักษาร่างกายผมกลับมาเหมือนเดิม กระนั้นอานิม่าก็ไม่รีรอพุ่งเข้าใส่ผมอย่างบ้าคลั่งต่อ หล่อนไม่สนใจหนิงที่กระหน่ำอัดเพลิงใส่ตัวเองเลย เอาแต่เล่นงานผมเอาลูกเดียว

แหงอยู่แล้ว เป้าหมายคือผม ผมเป็นคนที่ทำให้เวฟสุดที่รักของหล่อนเละเป็นขี้ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะโดนหมายหัวน่ะนะ

หนิงพุ่งตัวมาและแลกหมัดกับอานิม่าตรงๆเพื่อกันไม่ให้ผมโดนซ้ำ

แน่นอนว่า

“ย๊า—ดะ เดี่ยว โอ้ยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

แพ้แรงอานิม่าและโดนหมัดเสยจนลอยขึ้นไปบนฟ้านับสิบๆกิโลเมตรเพียงแค่กระพริบตา 

“ช่วยได้เยอะเลย!”

ผมตั้งหลักได้ และใช้ตัดมิติส่งตัวเองไปอยู่บนต้นไม้ที่ไกลจากจุดๆเดิมมาก จากนั้นก็ทำการกระหน่ำเวทย์เพลิงที่อัดด้วยการตัดมิติยกระดับคุณภาพโดยรวมทั้งหมด

“[ไฟเยอร์บอล]”

บอลเพลิงที่มีคุณภาพประหนึ่งเวทมนตร์โจมตีขั้นสูงพุ่งใส่อานิม่านับร้อยๆลูกติดต่อกัน อานิม่ารับเพลิงทั้งหมดเข้าไปตรงๆและกรี๊ดร้อง

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก จะฆ่าแก จะฆ่าแก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

อานิม่าปัดบอลเพลิงทิ้งหลังจากโง่รับไปตั้งนาน จากนั้นก็เขยื้อนมาหาผมด้วยความรวดเร็ว แรงลมจากการเคลื่อนไหวของหล่อนทำให้ต้นไม้ของป่าอาถรรพ์นับร้อยต้นปลิวไปกับแรงลม ทำเอาแอบคิดเลยว่าถ้าผมอยู่ในระยะใกล้ ร่างนี้คงจะโดนแรงลมจากการเคลื่อนไหวเปล่าๆนั้นอัดจนเจ็บสาหัส

น่ากลัวจริงๆแฮะ อำนาจของทวยเทพเนี่ย

เท่าที่ผมเคยรู้จัก

‘ออโรโบรอส(เทพแห่งวัฐจักร)’ การยกระดับพลังของตัวเองขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ทราบถึงที่มาที่ไปเป็นพลังปริศนาสุดบ้าบอ

‘เทียแมท(เทพแห่งจุดเริ่มต้น)’ สี่มหามังกรที่มีพลังเป็นอนันต์และมีร่างกายที่เป็นอมตะอย่างแท้จริง ว่ากันว่าตัวของเทียแมทคือผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าจอมมารและยูจิในช่วงสุดท้ายของเรื่อง—เพราะตามเรื่องราวแล้ว จอมมารต้องใช้ปีศาจแห่งโซโลม่อนรวมถึงปีศาจมหาบาปกว่าเจ็ดสิบคนในการรุมเทียแมท กว่าจะเอาเทพตนนี้ลงได้

กล่าวคือ เทียแมทคือผู้ถือครองพลังระดับบอสโลกละมั้งที่ไม่สามารถต่อกรได้ด้วยตัวคนเดียวน่ะ

‘บาคุนาว่า(เทพแห่งการสูญสิ้น)’ พลังในการช่วงชิงพลังอีกฝ่ายมา ไม่ทราบวิธีการและขั้นตอนเหมือนออโรโบรอส 

‘อาธีน่า(เทพแห่งความยุติธรรม)’ ดาบแห่งผู้กล้าที่ส่งทุกอย่างไปสู่ความถูกต้องได้ มีพลังมากพอจะปราบจอมมารได้

ทั้งหมดที่ว่ามา ผมเคยเจอก็แค่บาคุนาว่า นับว่าเป็นปัญหาทีเดียว ที่ชนะและเอาตัวรอดมาได้ถึงตอนนี้เป็นเพราะโชคดีกับผมแข็งแกร่งกว่าอีกฝ่ายโดยพื้นฐานน่ะนะ ตอนนี้ก็–

‘อานิม่า(เทพแห่งจิตวิญญาณ)’ พลังที่แปดเปื้อนกลายเป็นวิญญาณร้าย แข็งแกร่งและดุร้ายขึ้นได้ด้วยความรู้สึก เป็นพลังที่ยากจะคาดเดาและหยั่งถึง

ผลงานจนถึงตอนนี้ก็คือซัดเอเธอร์จนเลือดท่วมตัวได้ แล้วก็ล่าสุดเลยคือเล่นงานผมกับหนิงซะยับเยินเลย

ไม่รู้ว่าใกล้ตายมากี่ครั้งแล้ว อย่างที่บอกถ้าไม่มีวิหคอมตะ การจะสู้กับอานิม่าได้มันยากโคตรเลยละ

“แต่ว่าก็ว่าเถอะนะ ไม่ใช่ว่าถ้าเก็บสะสมความรู้สึกไปเรื่อยๆ อานิม่าอาจจะสู้กับเทียแมทได้ก็ได้แฮะ”

มีความเป็นไปได้ ในกรณีที่–มีเวลาให้เก็บสะสมความรู้สึกน่ะนะ

ผมกระโดดหลบการโจมตีของเทียแมทและกระหร่ำยิงเวทย์สวนกลับในทุกๆครั้งที่มีโอกาส ทำเช่นนั้นไปมาโดยที่ทิ้งระยะห่างไปด้วยทำให้อานิม่าอยากจะมาประชิดตัวผมได้ ทั้งๆที่หากดูแค่ความเร็วของเจ้าตัวน่าจะไล่ตามผมได้ไม่ยากแท้ๆ

ทั้งหมดเป็นเพราะค่าสติปัญญาที่เท่ากับศูนย์ ถึงจะได้พลังมาก็จะใช้มันแบบเปล่าประโยชน์ซะส่วนมากอย่างที่ผมบอกไปนั่นแหละนะ

“ขี้ขลาด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

“ทางนี้ไม่ปฏิเสธหรอกนะ”

ผมยิ้มสวยๆให้อานิม่าก่อนจะทำการร่ายเวทย์ใหญ่

อานิม่าเคลื่อนที่เข้าใส่ผม แต่ก็ถูกผมใช้ตัดมิติส่งกลับไปที่เดิมอยู่หลายครั้ง ทั้งๆที่หากใช้พลังที่ล้นออกมานี้ปกคลุมตัวเองสักหน่อยก็คงบีบให้ผมลำบากในการใช้ตัดมิติยากขึ้นน่ะนะ เพราะจำนวนครั้งต่อการฟาดฟันมันจะเยอะขึ้น

จะว่าไปยูนา ไม่ค่อยพูดเลยนะ

‘..ช่วงนี้รู้สึกง่วงบ่อยๆน่ะค่ะ’

วิญญาณง่วงได้ด้วยเหรอ? แปลกแฮะ ..หรือว่าผลข้างเคียงการใช้ดาบตัดมิต–

‘ล้อเล่นค่ะ แค่ไม่อยากคุยกับมาสเตอร์ผู้อัมหิตที่คิดจะฆ่าเด็กน้อยผู้ไม่รู้เรื่องอะไรก็แค่นั้น’ ยูนาหัวเราะขึ้นจมูก ‘แล้วมีอะไรหรือคะ?’

ล้อเล่นได้ไม่ดูสถานการณ์เลยแฮะยูนาเนี่ย เอาเถอะ จะว่าแต่ยูนาก็ไม่ได้แหละนะ ทั้งผมและยูนาก็เป็นแบบนี้มาตลอดนั่นแหละ

ตัดมิติใช้ฆ่าอานิม่าได้รึเปล่า

‘ถ้าเป็นดาบตัดมิติสามารถฆ่าได้ทั้งอานิม่าและเวฟในคราเดียวเลยค่ะ’

ก็จริง แต่ข้อแลกเปลี่ยนมันหินไปหน่อยน่ะนะ ทางนี้เคยใช้ไปตั้งสองรอบแล้วด้วย

‘ตัดมิติเปล่าๆใช้ฆ่าอานิม่าไม่ได้ค่ะ ฉันในตอนมีชีวิตอยู่ ต่อให้มีเซเนียอยู่ด้วยก็คงเอาอานิม่าลงยากเหมือนกัน แน่นอนว่าฉันไม่คิดว่าจะแพ้ แค่คิดว่าอย่างน้อยก็คงไม่มีฝ่ายไหนชนะเท่านั้นค่ะ’

แบบนี้นี่เอง ทีแรกตั้งใจว่าจะรีบๆจบเกมเร็วๆ แต่เหมือนจะไม่ได้แฮะ ตัวผมที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากยูนา มีหรือจะทำสิ่งที่สองตำนานอย่างยูนากับเซเนียได้

’มีแต่ต้องรับมืออานิม่าไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมดแรงไปเองค่ะ’

“ตามแผนเดิมสินะ เข้าใจแล้วละ”

‘แล้วอะไรสะกิดใจให้ถามเช่นนั้นกันคะ?’

…ไม่ใช่ว่ารู้อยู่แล้วรึไง อ่านจิตนึกคิดของฉันทั้งหมดได้ไม่ใช่รึไงเธอน่ะ

‘อยากได้ยินจากปากน่ะค่ะ เวลาที่คนหัวแข็งยอมพูดในสิ่งที่ไม่อยากพูดออกมา ว่าไงดีละคะ ..น่าตลกดี’

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวีรสตรีผู้เปี่ยมด้วยความดีงามคนนี้จะเห็นเจ้านายตัวเองเป็นตัวตลก ช่างโหดร้ายอะไรเยี่ยงนี้

แต่ก็นะ เป็นคุณสมบัติของผู้หญิงปากเสียที่จริงๆแล้วอ่อนไหวกับเจ้านายตัวเองนั่นแหละ อย่างที่เคยบอกเมื่อไม่นานมานี้ว่าคำพูดของยูนาไม่น่าเชื่อถือ ไว้ใจไม่ได้!

‘เชิญหลอกตัวเองไปเถอะค่ะ แต่ขอเตือน แทนที่จะมาเถียงกับฉัน เอาเวลาคิดหาวิธีรับมือการจู่โจมของอานิม่าต่อจากนี้ดีกว่านะคะ’

..นั่นสินะ

“แว้ะ!!!!!!!!!!!”

เป็นอีกครั้ง เป็นอีกครั้ง และเป็นอีกครั้งที่ผมโดนซัดจนร่างขาดออกหลายส่วน 

เจ็บ-โคตร!!!!

การสนทนากับยูนาที่แสนสั้น ผมเกือบตายโดยไม่รู้ตัวหลายครั้งเลยละ

แต่รอบนี่เหมือนจะซวยหน่อย ผมที่โดนแยกเป็นสี่ส่วนกลับมารวมเป็นเหมือนเดิมได้ ทว่าข้างหลังดันเป็นพื้นต่างระดับที่ต่างกันถึงสิบเมตร หรือก็คือโดนอัดเข้ามุมของเวทีการต่อสู้แล้ว

อานิม่ามาหาผมอย่างรวดเร็ว และเหวี่ยงแขนสีดำทมิฬเข้าใส่ผมเอียงตัวหลบได้ แต่จังหวะต่อไปก็ยากจะหลบ

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!”

อานิม่าส่งเสียงเหมือนจะปลุกใจตัวเอง จังหวะนั้นเองฮีโร่ก็ปรากฏ

บนฟ้าเกิดการสั่นสะเทือนมหาศาลขึ้น ไอความร้อนปกคลุมท้องฟ้า พื้นที่โดยรอบมีการระเหยขึ้นอย่างน่าสยองทั้งๆที่ไม่ใช่ของที่ระเหยได้แท้ๆ สาเหตุที่เป็นแบบนี้คืออำนาจของมหามังกรเพลิงฟัฟนิร์ที่สามารถเผามานาได้

ทุกสิ่งบนโลกล้วนมีมานาสถิตอยู่ แน่นอนว่าเพลิงปกติไม่อาจเผาได้ แต่เพลิงมหามังกรสามารถเผาได้ดังชื่อการเผาผลาญมานา

ไม่นานหลังจากที่พื้นที่โดยรอบละเหย–หนิงก็ปรากฏตัวบนฟ้าในท่ากระโดดถีบเหมือนไอ้มดแดงที่ตอนเด็กๆเคยดูบ่อยๆ

ร่างของหนิงถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิง โดยเฉพาะบริเวณเท้าที่มีเพลิงที่มีความรุนแรงสูงระดับที่แผ่กระจายรัศมีไกลนับกิโลเมตร โดยปกติ หนิงมักจะสู้โดยไม่ใช้พลังให้เอิกเกริกมากนัก เพราะมันไม่ปลอดภัยต่อคนอื่น แต่ตอนนี้หล่อนกลับใส่ทุกอย่างที่มีไปที่เท้าและจะถีบหน้าอานิม่าให้ได้—โกรธแล้วแหงๆคิดว่า

“ไป ..….”

เสียงของหนิงที่ไกลออกไปนั้นแสนลิบรี่ แม้จะพูดมากแค่ไหนก็ไม่ได้ยิน

“..ลง ..อี..”

อัดใจเดียว—ผมรีบวิ่งหนีจากที่แห่งนี้สุดตัว พร้อมกับเปิดวิหคอมตะคลุมทั่วทั้งร่างเอาไว้

“ยัยบ้านั่น ผีเข้าแล้วแหงๆ กะฆ่าตูไปด้วยรึไงวะนั่น บ้าไปแล้วแน่ๆ บัดซบเอ้ย” ผมวิ่งหน้าตั้ง “พอหัวร้อนแล้วก็คุมตัวเองไม่ค่อยจะอยู่เนี่ย น่ารำคาญชะมัดไอ้บ้าเอ้ย”

‘สมกับที่มีสายเลือดฟัฟนิร์นะคะ บางทีก็ทำอะไรไม่มีสมอง’

หล่อนก็เลิกหาเรื่องด่าฟัฟนิร์ได้แล้วโว้ย น่ารำคาญพอกันเล–

อานิม่าทำท่าจะตามผมมาทว่า—

 

“ไปลงนรกซะ อีแก่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

 

ก่อนที่ภาพจะตัด ผมเห็นใบหน้าของหนิงที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลสนิทที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

เปลวเพลิงระเบิดขึ้นกลางหัวของอานิม่า พริบตาเดียวก็เกิดการระเบิดเพลิงซ้อนขึ้นมานับสิบๆครั้ง

ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ผมปลิวไปกับแรงกระแทกนั่น โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมากเพราะมีวิหคอมตะคลุมทั่วทั้งร่างเอาไว้อยู่ ไม่รู้ปลิวไปไกลแค่ไหน แต่พอเสียงระเบิดสุดบ้าคลั่งหยุดลงผมก็เงยหน้าขึ้นมามองทิวทัศน์ที่มีแต่พื้นดิน ป่าไม้และผืนหญ้ารวมถึงแม่น้ำทั้งหมดโดนเผาจนเฮี้ยน

…อาณุภาพไม่เว่อร์ระดับ [โนอาห์คาโน่(ปืนใหญ่วันสิ้นโลก)] ก็จริง แต่ระดับนี่ก็น้องๆเวทมนตร์ล้างโลกเลยนะเนี่ย ..สมกับเป็นมหามังกรที่ได้รับพลังมาจากเทียแมท

ผมถอนหายใจเฮือกโต ก่อนลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นออกจากร่างกาย และใช้เวทย์ลมพัดควันทั้งหมดออกไป

….เอาจริงเหรอเนี่ย

โดนไปขนาดนั้นแท้ๆ แต่อานิม่ายังอยู่ กลับกัน หนิงดันโดนอานิม่าจับเหวี่ยงไปมาแทน

“ปล่อนฉันนะ ไอ้วัตถุโบราณ ไอ้วิตถารหลอกกินเด็ก อีแก่วิปริ–อ๊ากกกกกกก!!!!”

สภาพหนิงที่โดนเหวี่ยงอย่างรุนแรงจนต้องรักษาตัวเองตลอดเวลาเพื่อรักษาโฉมนั้นไม่น่าดูเอาซะเลย

ถึงไร้สติปัญญา แต่จิตวิญญาณดั่งเดิมก็คงอยู่แหละนะ ถึงได้ตอบสนองกับเรื่องที่หนิงพูดจนเปลี่ยนจากมุ่งเล่นงานแต่ผมมาเล่นงานหนิงแทนบ้าง

‘อานิม่าเหมือนจะแกร่งขึ้นอีกแล้วนะคะ ถ้ามากไปกว่านี้ มีสิทธิ์ที่มาสเตอร์จะใช้วิหคอมตะไม่ทันเอานะคะ’

ตอนนี้ผมไม่มีอุปกรณ์อื่นเลยนอกจากตัวผมเปล่าๆ คุณภาพของวิหคอมตะเลยลดลงมาระดับที่ผมสามารถตายได้เพียงแค่โจมตีให้ถูกวิธีก็พอแล้ว อย่างผมตอนนี้ ไม่มีความมั่นใจที่จะชนกับอานิม่าตรงๆแล้วรอดได้ชัวร์ๆแน่นอน ต่อให้พลังที่มีมันจะชนะทางก็เถอะนะ

ไม่สิ บางทีที่บอกว่าชนะทางอาจจะดูโม้เกินไป ผมก็แค่มีพลังที่ทำให้อานิม่าไม่สามารถจบเกมผมได้ง่ายๆก็แค่นั้น

ในเมื่อเป็นแบบนี้ ..

“ต้องถ่วงเวลาอีกนานแค่ไหนถึงสติจะกลับมากันนะ ..”

ผมพูดพลางมองหนิงที่โดนอานิม่าจับเหวี่ยงไปมาอย่างน่าสงสาร ..มหามังกรไม่มีทางตายอยู่แล้วนี่นะ ไว้ผมค่อยไปฮิลรักษาทีหลัง ตอนนี้ช่วยถ่วงเวลาให้ทีนะ หนิง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด