เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! 313

Now you are reading เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! Chapter 313 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

< < 195 > >

อันตัวฉัน ‘ปัญญาพระเจ้า’ ‘มาเจล’ ชายผู้ที่มีชะตาจักต้องขึ้นเป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคต แม้จะเกิดมาในเขตุชนชั้นต่ำที่สุดอย่างเขตุสลัม แถมยังไม่มีพ่อมีแม่ด้วย แต่ว่าฉันก็ไต่เต้าขึ้นมาจากที่แห่งนั้นด้วยภูมิความรู้ด้านการวิจัย จนกระทั่งเริ่มมีชื่อเสียง ตั้งแต่ยังเล็กๆ ตอนนั้น ถ้าจำไม่ผิด น่าจะสิบขวบได้

ด้วยเส้นทางชีวิตที่เริ่มต้นจากต่ำที่สุดไปยังจุดที่สูงที่สุด นั่นถือว่าเป็นสตอรี่ลูกหนังที่ไม่เลว ทว่า จุดพลิกผันที่สองก็ได้เริ่มขึ้น จู่ๆฉันก็ซวยโดนพวกชั่วจับตัวไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ เหมือนว่าเขาจะติดต่ออะไรกับใครสักคนเกี่ยวกับเรื่องของฉันในวัยเด็ก นั่นคือช่วงเวลาที่น่ากลัวมากสำหรับเด็กคนหนึ่ง แต่อย่าได้เอาสามัญสำนึกธรรมดาของเด็กทั่วไปมายัดให้ฉันเชียว ฉันจะไม่พล่ามออกมาว่าฉันกลัวจนร้องไห้ เพราะฉันแข็งแกร่ง และเป็นเด็กที่เกิดมาพร้อมกับความรักแห่งโชคชะตา

ฉันได้พบกับ ‘วิญญาณระดับเทพ’ หมอนั่นเป็นพวกอวดเก่งที่พูดมาก ต่างกับฉันที่เป็นคนจริงไม่โม้เยอะ แต่ก็รู้สึกถูกชะตาทีเดียวเลยยอมรับให้มาเป็นขี้ข้าให้ฉัน และช่วยให้ฉันหลุดพ้นจากกลุ่มคนชั่วไปได้

รู้สึกจะชื่อ ‘โอลิเว่อร์’ ฉายา ‘ราชาผู้พิชิต’ แต่ว่าชื่อนั้นมันทับรอยกับฉัน เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้น่ะนะ ผู้จะต้องเป็นราชาและผู้พิชิตที่ยิ่งใหญ่อย่างฉันเลยลงมือเปลี่ยนชื่อเป็น ‘ปัญญาพระเจ้า’ แทน เท่านี้ก็เรียบร้อย ไม่ซ้ำรอยกันแล้ว

เมื่อหลุดพ้นมาได้ไม่นาน ไม่รู้ด้วยเรื่องอะไร ฉันก็โดนพาตัวมาที่ปราการลอยฟ้า ได้รับการดูแลอย่างดีจากที่นั่น และโดนส่งไปศึกษาต่อที่เมืองแห่งวิทยาการ ‘อิกดราซิล’ ทุบสถิติจบการศึกษาได้เร็วที่สุดก็มาทำงานให้กับอาณาจักรเกรล

ทว่าทำไปได้ไม่ถึงปี …ก็มาลงเอยอยู่ที่คุกนรก ‘คัลเซเรม’ ซะแล้ว

“ช่างมัน!! ราชาก็คือราชา!!”

ใช้เวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ ฉันก็ทดลองทำหลายๆวิธีจนได้ขึ้นเป็น ‘ดาวดาราเด่น’ แหละนะ บอกเลยว่าพวกดาวดาราเด่นมีแต่พวกกระจอกที่สู้ด้วยตัวเองไม่ค่อยจะได้ เป็นพวกที่มีดีแต่เหลี่ยม ซึ่งเจ้าพวกนี้นี่แหละหมูๆสำหรับฉัน มีหรือที่ฉันผู้นี้จะไม่ทันเหลี่ยมพวกแกน่ะหา?

พอได้ขึ้นเป็นลำดับที่ 9 แล้ว ฉันคิดว่าการจะแหกคุกมันก็ทำได้ง่ายๆน่ะนะ แต่ว่าด้วยลักษณะนิสัยผู้เป็นราชาของฉัน ไม่มีทางที่จะถอนตัวไปง่ายๆหรอกนาจะบอกให้

ด้วยเหตุนั้นเอง

“ฉันจะไม่ออกจากที่นี่จนกว่าจะได้ขึ้นเป็บที่ 1 เข้าใจนะ?”

ฉันพูดคุยกับใครสักคนในห้องขังที่มีแต่ฉันเพียงผู้เดียว แน่นอน ฉันไม่ได้บ้า แค่กำลังสื่อสารกับเจ้าวิญญาณไม่รักดีอยู่

‘ที่นี่มีแต่พวกกระจอกแท้ๆ หมกมุ่นเป็นที่หนึ่งของที่นี่ไปไม่เห็นจะน่าภูมิใจตรงไหนเลยนะ ราชาของข้า’

“เหอะ โอลิเว่อร์ ไม่คิดว่านายจะปัญญานิ่มถึงเพียงนี้”

‘โอ๊ะ หมายความว่ายังไงละนั่น พูดแบบนี้ข้าก็โกรธเป็นนาจะบอกให้’

“เชิญโกรธให้เต็มที่เลย เจ้าโง่ ฟังนะ ที่นี่มีแต่พวกกระจอกที่มีดีแค่เหลี่ยมกับหมาหมู่”

‘ใช่เลยละ จึงไม่มีค่าพอให้ราชาของข้าพิชิตไม่ใช่รึ?’

“ราชามีเพียงแค่กำลังไม่ได้หรอก ..ที่นี่จะเป็นสถานที่ที่ช่วยลับคมเหลี่ยมของฉันให้ดียิ่งขึ้น เพื่อที่จะได้ทันเหลี่ยมของพวกกระจอกในโลกภายนอกได้ อย่างน้อยๆก็ในแง่วิธีการเอาตัวรอดของพวกกระจอก ฉันอยากจะพิชิตคัลเซเรมแห่งนี้จากใจจริง”

ถามว่าฉันรู้ได้อย่างไรถึงเหลี่ยมของตัวเองที่ไม่มากพอ คงต้องย้อนกลับไปช่วงงานประชุมโลกที่พลาดไปโดนเหลี่ยมของไอ้ราชามังกรนั่นเข้า ทำให้ฉันอยู่ในสภาพที่โดนหิ้วไปมาเป็นผ้าขีลิ้ว นั่นชวนฉันยัวะมากทีเดียว แต่ก็ถือว่าเป็นขั้นบรรไดสำคัญที่ถูกสร้างโดยโชคชะตาให้ฉันคนนี้ก้าวข้าม

‘จะว่าไปก็ใช่แฮะ ราชาของข้ามักจะตามเหลี่ยมใครไม่ทันสักเท่าไหร่ อย่างล่าสุดก็ ..’

“โดนเจ้าลีออนหลอกมาเข้าคุกเฉยเลย ที่เกิดขึ้นฉันไม่เรียกว่าประมาทนะ ฉันแค่ตามเหลี่ยมมันไม่ทันเท่านั้น”

ต้นเหตุที่ทำให้ฉันเข้าคัลเซเรมก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ แต่รู้ตัวอีกทีก็โดนลีออนสั่งทหารให้ลากเข้ามาที่นี่แล้ว เอาเป็นว่าต้นเหตุก็เป็นเพราะไอ้เจ้าชายเนิร์ดนั่นนี่แหละ

‘แล้วมันต่างอะไรกับตามเหลี่ยมไม่ทั–’

“ต่างกันสิ เพราะฉันไม่เคยประมาท”

…….

…….

‘สมกับเป็นราชาของข้า’

“ตามนั้น”

น้ำเสียงดูเสียดสีไม่เหมือนกับคำชม แต่ฉันไม่สนใจหรอก บางครั้งบางคราวก็เป็นเรื่องปกติที่ขี้ข้าจะตามความคิดของฉันไม่ทัน จะไม่ขอดูถูกสติปัญญา แต่จะขอดูถูกขีดจำกัดของพวกเราที่แตกต่างกันแทน

ฉันลุกขึ้นยืน และเริ่มวนไปขณะครุ่นคิดบางอย่าง

“ตัดสินใจได้แล้ว เป้าหมายที่มากด้วยเหลี่ยมแสนน่าสนใจ”

‘ใครกันหรือ มันผู้นั้นที่ราชาของข้าหมายมั่นจะกระทืบให้จมดิน’

ไม่ได้คิดจะกระทืบ แค่กะจะวัดเหลี่ยมด้วยเฉยๆ แต่ช่างมันละกัน วัดเหลี่ยมเสร็จก็กระทืบมันต่อด้วยก็ดี ดีเลยแหละ สุดจะน่าสนใจ

“ ‘ควีน’ ลำดับที่ 5 เป็นไง เจ้านั่นชอบวางก้ามทำตัวเป็นผู้คุมกฏอย่างไรอย่างนั้น เห็นแล้วอยากจะทลายกฏของมันทิ้ง แล้วตั้งตนเป็นกฏแทนเลย”

‘น่าสนใจอยู่นะ’

“ตัดสินใจตามนี้เลยละกัน”

ฉันลุกขึ้นหมายจะเดินออกจากกรงขังที่น่ารังเกียจนี้ ทว่าก็เหมือนจะมีแขกมาหาซะก่อน

‘ราชาของข้า โปรดระวัง ชายหญิงคู่นั้นตรงหน้า–ค่อนข้างอันตราย’

“พอจะรู้อยู่ ตัวฉันก็ไม่ได้ความจำสั้นขนาดลืมพวกอันดับสอง และสามข้างใต้เท้าฉัน”

ฉันชำเลืองมองผู้มาเยือน ….

“ไอ้หนุ่มขี้แอ็คฟอร์มดี กับยัยมือขวาของภัยพิบิตขี้แพ้นี่เอง ลมอะไรหอบพวกแกมากันล่ะหะ?”

 

****

ตรงหน้าของผมคือชายผมยาวประบ่าสีน้ำตาล ตัวค่อนข้างจะบางเมื่อเทียบกับผู้ชายด้วยกัน สูงราวๆร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรได้ เขาสวมแว่นที่หนามากจนยากจะเห็นดวงตา นอกเหนือจากนั้นคือการแต่งกายของเขาที่แม้ข้างในจะเป็นชุดนักโทษตามกฏระเบียบ แต่ข้างนอกคือเสื้อกาวน์ของนักวิทยาศาาสตร์

‘มาเจล’ ‘ปัญญาพระเจ้า’ คนเดียวกับที่งานประชุมโลกไม่ผิดแน่ ตัวจริงเสียงจริงเลย

ผมรู้จักเขาในฐานะคนที่มีชื่อเสียงด้านงานวิจัย และทักษะเวทมนตร์ที่สูง เขาถือว่าเป็นอัจฉริยะในระดับที่เป็นรองเพียง ‘เทพธิดาผู้สร้าง’ ‘โซล่า เลนน่อน’ เท่านั้น

งานวิจัยที่ขึ้นชื่อของเขาก็มีการพัฒนารถยนต์เวทมนตร์ที่อาจจะได้ใช้แทนรถม้าในอนาคต แล้วก็เรื่องเกี่ยวกับจุดอ่อนของมอนสเตอร์ระดับสูง กับโครงสร้างการทำงานของดันเจี้ยน เขาก็วิจัยซะหมดเปลือกระดับที่ทำให้นักผจญภัยทำงานได้ง่ายขึ้นมากๆ หลายต่อหลายครั้งที่เขาได้รับคำเชิญให้มาเป็นนักวิจัยของอิกดราซิลโดยตรง และหลายต่อหลายครั้งที่เขาถูกทาบทามโดยอาณาจักรแซร์อิซให้ไปร่วมงานด้วย แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธ เนื่องจากเหตุผลที่ว่าตัวเขาจะไม่ยอมเป็นลูกน้องใครทั้งนั้น

ถึงปากจะบอกแบบนั้น แต่ตามสถานะดั่งเดิม เจ้าตัวคือลูกจ้างของอาณาจักรเกรลแท้ๆ …เอาเป็นว่าผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเขาเท่าไหร่ แอบคิดว่าเขาเป็นคนเพี้ยนๆด้วย เพราะก็มีบ่อยๆที่เขาริเริ่มงานวิจัยแปลกๆ อาทิเช่น การคิดสร้างจักรยานที่วิ่งบนน้ำได้ แต่รวมๆผมนับถือเขาในสายงานนักวิจัยเหมือนๆกัน

“ยินดีทีได้พบกันอีกครั้งครับ ไม่แน่ใจว่าคุณมาเจลจะจำผมได้หรือเปล่า ผม ‘ยูจิ’ ครับ ส่วนทั้งสองคน ..”

“ ‘อลิซาเบธ’ ค่ะ”

“ ‘แจ็คสัน’ ครับ”

คุณมาเจลซึ่งยืนอยู่ในกรงพยักหน้ารับ

“จำได้สิ ไอ้เด็กขี้แอ็คที่มีมานาเยอะหน่อยแล้วทำโชว์”

น่าเศร้าที่คุณมาเจลมองผมอย่างนั้น แต่ก็ไม่คิดจะว่าอะไรหากสติปัญญาของเขายกให้ผมเป็นคนอย่างนั้น

“ส่วนหล่อนก็มือขวาของไอ้ขี้แพ้เรน เรื่องตอนงานประชุมโลกทำฉันได้แสบทีเดียว ไว้ว่างๆจะเอาคืน ..ต่อไปก็ ใครไม่รู้ แต่ขอแต่งตั้งให้เป็นตัวประกอบไม่มีชื่อละกัน”

“จะ แจ็คสันไงครับ พึ่งบอกไปเองนะ มาเจล”

“เติม ‘คุณ’ ด้วยสิ เจ้าตัวประกอบ”

….คนๆนี้ เล่นเอาผมหมดความนับถือเลย

คุณแจ็คสันหันมากระซิบข้างหูผม

“เขาออกจะเพี้ยนๆหน่อยนะครับ อย่าถือสาเลย”

“เกินคำว่าหน่อยไปแล้วนะครับ คนที่ใกล้เคียงกับเขา ..เอ่อ”

อย่างคุณ ‘เคียวยะ’ ยังไม่ขนาดนี้เลย ถึงคนๆนั้นจะปากคอเลาะร้าย แต่ออกเป็นคนเงียบๆมากกว่า แล้วไม่ได้มีกลิ่นคนขี้คุยโชยมาแต่ไกลอย่างคุณมาเจลด้วย ให้พูด คุณเคียวยะออกไปในแนวทางคนเงียบๆที่เก่งจริง และไม่คุยเยอะ เป็นด้านตรงข้ามของคุณมาเจลก็ไม่ผิดนักครับ

“เข้าเรื่องได้แล้ว เจ้าพวกขั้นบรรได”

ถึงจะไร้มารยาทไปหน่อย แต่ไม่ใช่เรื่องที่ควรใส่ใจสำหรับตอนนี้

ผมเป็นคนออกหน้าไปคุยเอง เพราะต้นเรื่องคือผม

“ผมอยากจะท้าคุณดวลครับ มาเจล”

“…..หึ ..หึ หึ หึ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!”

อยู่ดีๆคุณมาเจลก็ระเบิดหัวเราะออกมา เขารีบเดินออกจากกรงขัง และมายืนหยุดอยู่ตรงหน้าผม พอวัดกันตรงๆแล้ว เขาก็คงจะสูงกว่าผมเพียงหน่อยเดียว

คุณมาเจลหัวเราะลากยาวไปพอ ยังเสียงดังอีก แต่สุดท้ายในที่สุดเขาก็หยุดหัวเราะเสียที ทันทีที่เลิกหัวเราะแล้ว เขาก็ยื่นมือมากระซากคอเสื้อผมขึ้น

“ก่อนจะมาท้าทายราชา แกควรจะหาข้อดีของตัวเองมาอธิบายให้ฉันฟังก่อนนะ ว่าพวกแกมีค่าอะไรให้ฉันคนนี้ขยี้น่ะ”

“หมายถึงข้อแลกเปลี่ยนจากชัยชนะสินะครับ”

“ประมาณนั้น ฉันไม่คิดต่อสู้อย่างไร้ความหมายเหมือนพวกปัญญานิ่มหรอกนะ ทางนี้ต้องเดิมพันด้วยตำแหน่งดาวดาราเด่น แล้วทางแกมีอะไรดี?”

“สำหรับเรื่องนั้น—ผมจะยอมเป็นทาสของคุณครับ”

“ของแบบนั้นแค่ชี้นิ้วให้มาเป็นทาสก็พอนี่?”

….ใช่แล้ว มาเจลก็มีสถานะเป็นดาวดาราเด่นเหมือนกับควีน เพียงแค่เขาชี้นิ้วสั่งผมก็ต้องเป็นทาสเขา แต่ว่าจุดเล็กๆนี้นี่แหละที่มาเจลแตกต่างกับดาวดาราเด่นอย่างควีน

ผมไปสบตากับคุณอลิซาเบธ และคุณแจ็คสัน พวกเราพยักหน้าให้กัน

“คุณพอใจเหรอครับ กับชัยชนะที่แค่ชี้นิ้วสั่ง”

“…หืม?”

“คุณพอใจเหรอครับ ที่ต้องทำตัวขี้ขลาดมุดกระดองเต่าที่มีชื่อว่าดาวดาราเด่นน่ะ?”

บอกตามตรงผมไม่ถนัดที่จะพูดอะไรแบบนี้เลย

“เอาสิครับ ถ้าศักดิ์ศรีของคุณมันมีแค่ความบ้าอำนาจที่ไร้ซึ่งพลังที่จับต้องได้นั่น ก็สั่งให้ผมมาเป็นขี้ข้าของคุณซะตอนนี้เลยสิ ..”

ผมสังเกตุสีหน้าของคุณมาเจล

“ถ้าว่าที่ราชาอย่างคุณขี้ขลาดพอจะทำน่ะนะ”

และมันก็เป็นไปตามที่คาดเอาไว้

คุณมาเจลระเบิดโทสะออกมา ใบหน้าของเขาแดงคล้ายจะระเบิดออก แอบเห็นภาพหลอนเป็นควันที่ปะทุออกมาจากบนหัวด้วย ดวงตาของเขาแดงก่ำ ทำใบหน้าเหมือนคนที่พร้อมจะฆ่าใครสักคนมันซะตรงนี้เลย ซึ่งสวนทางกับมือของเขาที่ปล่อยออกจากปกเสื้อของผม

“ฉันคงไม่ได้เข้าใจผิดสินะ? ฉันคนนี้กำลังโดนดูถูกอย่างหนักหน่วงอยู่?”

“ไม่ได้ดูถูกครับ แค่พูดความจริงออกมา”

“ความจริงสินะ ..ก็ได้ ฉันจะแสดงความจริงที่แท้จริงให้เห็นเอง—ความจริงที่ว่าคนอย่างแกมันไม่แม้แต่จะคนณมือของฉัน ความจริงที่ว่าแกมันมีดีแค่ลมปากที่พ่นออกมาใส่หน้าฉัน!!”

กำลังเดือดได้ที่เลยสินะครับ มาเจล แบบนี้แหละดี

“ถ้าอย่างนั้นแล้ว”

“เอาสิวะ จะดวลกับแกคืนนี้นี่แหละ ถ้าชนะก็เชิญเอาตำแหน่งดาวดาราเด่นไปเลย แต่ถ้าฉันชนะ จะขอให้แกเป็นขี้ข้าของฉัน แล้วก็ ..”

คุณมาเจลจ้องมาที่อลิซาเบธ ก่อนจะแสยะยิ้มออกมา 

“ยัยนี่ต้องมาเป็นขี้ข้าของฉันด้วยเหมือนกัน”

ใบหน้าของคุณมาเจลตอนนี้อาจดูโรคจิตคล้ายหวังอะไรที่ไม่ดีกับคุณอลิซาเบธ แต่ผมเชื่อว่าไม่น่าใช่ในเชิงๆนั้น ก็ใช่ ที่เขาหวังให้อลิซาเบธทำเรื่องไม่ดีให้เขา แต่ไม่น่าใช่เรื่องบัดสีพวกนั้นหรอก อย่างน้อยๆก็เรื่องนี้ที่ผมไว้ใจในตัวคุณมาเจล

“ทางผม?”

“ตัวประกอบอย่างแกก็ต้องมาด้วย ต่อให้เป็นพวกไม่ได้เรื่องก็ต้องมีข้อดีสักอย่างแหละ จงอุทิศชีวิตในฐานะขี้ข้าเพื่อฉันซะนะ”

“ยังไม่ได้ชนะสักหน่อยครับ คุณมาเจล”

“เรื่องชัยชนะมันถูกกำหนดตั้งแต่แรกเลยต่างหากละ ไอ้หนุ่ม”

คุณมาเจลน่าจะอายุเยอะกว่าผมแค่สองถึงสามปีเท่านั้นแท้ๆ แต่ดูวางมาดว่าตัวเองแก่กว่าเป็นสิบปีซะอย่างนั้น

“ตามฉันมาละกัน พวกเราจะไปที่กรงนกกัน”

“….”

“แค่ตามหลังฉันก็พอ ถ้ามีดาวดาราเด่นคนไหนมันกล้ามาแย่งเหยื่อของฉัน ฉันจะขยี้มันให้ตายเอง วางใจแล้วตามมาซะ”

“เข้าใจแล้วครับ”

สุดท้ายพวกผมก็ตัดสินใจเดินตามคุณมาเจลไป ระหว่างทางนั้นไร้ซึ่งอุปสรรคอะไร คนที่คิดจะเข้ามาหาผมก็ถูกสายตาของคุณมาเจลสะกดเอาไว้ พอเดินตามหลังของคุณมาเจลมันก็เริ่มชวนให้คิดว่าคนๆนี้นั้น–ง่ายที่จะเดินตาม

อาจจะเป็นเพราะ คุณมาเจลเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูง จนไม่รู้สึกเลยว่าเขาจะไปกลัวใครหน้าไหนได้

เทียบกับตอนมาหาคุณมาเจลที่แสนยากลำบากแล้ว การเดินกลับมากรงนกนั้นราบลื่น และใช้เวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น ….

“ขี้ข้ายูจิ”

“ครับ?”

“อย่าออมมือเชียวละ”

ก่อนที่จะเข้าไปในกรงนก เขาได้ทิ้งเมสเสจแสนสำคัญให้แก่ผม ..นั่นอาจเป็นคำพูดที่ดูจริงใจที่สุดของคุณมาเจลแล้วก็เป็นได้

“จะทุ่มสุดตัวครับ”

 

****

(มุมมองของ มาเจล)

ฉันสั่งให้เจ้าขี้ข้ายูจิไปห้องเตรียมตัวฝั่งตรงข้ามรอเลย ส่วนฉันก็เข้าห้องเตรียมตัวฝั่งเดียวกับทางเข้า พวกเศษเหลืออย่าง ขี้ข้าอลิซาเบธ กับขี้ข้าตัวประกอบลืมชื่อก็สั่งให้ไปนั่งรอบนที่นั่งผู้ชมเลย

‘โดนล่อให้มาสู้กันจนได้นะราชาของข้า’

“โดนล่อ? ฉันตอบรับด้วยใจจริงของตัวเองต่างหาก”

‘ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆก็ดีสิ เอาเป็นว่าอย่าแพ้ละกันนา เรื่องนี้มันเกี่ยวกับศักดิ์ศรีของข้าเหมือนกัน’

ทำไมฉันต้องสนศักดิ์ศรีของแกด้วยกัน โอลิเว่อร์ ศักดิ์ศรีของตัวเองก็รักษาด้วยตัวเองสิวะ

‘เด็กหนุ่มคนนั้นคือผู้ใช้วิญญาณระดับเทพเหมือนกัน ในฐานะวิญญาณระดับเทพข้าคงจะหัวเสียแน่ๆหากราชาของข้าไปพ่ายแพ้ให้คนบ้านเดียว(วิญญาณระดับเทพเหมือนกัน)กันเข้า’

อะไรกันก็รีบๆพูดซะสิ

“จะรับฝากคำขอมาก็ได้ ในฐานะผู้ใช้วิญญาณระดับเทพเหมือนกัน ไม่อยากจะแพ้ใครหน้าไหนอยู่แล้ว”

‘ต้องแบบนี้สิ เพราะแบบนี้นี่แหละ เจ้าเลยคู่ควรจะเป็นราชาของข้า มาเจล’

“แหงอยู่แล้ว …หืม?”

ระหว่างทางเดินที่ฉันกำลังมุ่งไปก็บังเอิญพบกับเป้าหมาย ที่อยากจะกระทืบให้จมดินเข้าโดยบังเอิญ

มีหรือที่จะไม่ทักทาย

“ไม่ได้พบกันนานนะจ๊ะ มาเจล”

“เออ ล่าสุดก็ตอนที่ฉันกระทืบขี้ข้าของหล่อนจนเยิน”

“แหม่ๆ ดูพูดเข้าสิ ช่วยรักษาหน้าลูกน้องของฉันหน่อยสิ”

“คติของฉันคือ ‘ศักดิ์ศรีของตัวเองก็ต้องรักษาด้วยตัวเอง’ ถ้าไม่อยากโดนกระทืบก็ก้มลงกราบแล้วสาบานว่าจะหักหลังควีน แล้วมาเป็นขี้ข้าฉันแทน ฝากไปบอกพวกขี้ข้าพวกนั้นด้วย”

พูดคุยแค่นั้น ฉันก็คิดจะเดินผ่านควีนไปเลย ทว่าก็โดนจับแขนไว้ไม่ให้ไปไหนก่อน

“มีเรื่องต้องบอก มาเจล อีกสักอย่างนะจ๊ะ” ควีนเขยิบมากระซิบข้างๆหู “เธอคือผู้ชนะในการต่อสู้”

“ปกติจะตาย”

“ไม่ได้หมายความอย่างนั้นสิ ที่อยากจะบอกคือ ยูจิจะต้องสู้โดยที่ยังโดนจำกัดความสามารถอยู่ ส่วนมาเจลสู้ได้แบบเต็มที่หายห่วงเลยน้า–ต่างหาก”

…….

“แน่นอนว่าไม่มีผู้คุมคนไหนฟังเธอหรอกนะจ๊ะ มาเจล ต่อให้บอกให้ถอดปลอกคอให้ก็ไม่มีใครทำตามเธอหรอก เพราะเธอมันดาวดาราเด่นที่ไร้อำนาจ”

…..

“ควีนนั่นคือการเหยียบย้ำศักดิ์ศรีในฐานะราชาผู้พิชิตของฉัน”

“แล้วมันทำไมเหรอจ๊ะ??”

“แปลว่าเหยื่อคนต่อไปคือแก รอวันที่ศักดิ์ศรีของแกถูกเหยียบย้ำโดยฉันคนนี้ได้เลย ไอ้ขี้ข้า”

ไม่มีอะไรที่จะต้องเสวนากับชนชั้นขี้ข้าอย่างยัยนี่แล้ว ฉันเดินไปต่อโดยไม่สนใจควีน พร้อมกับความรู้สึกที่กำลังเดือดได้ที่อยู่ในอก

ฉันเดินเข้าห้องเตรียมตัว ไม่สนใจอะไร เดินทะลุไปที่ภายในกรงนกทันที—คู่ต่อสู้ของฉันยืนอยู่ตรงหน้า

ไอ้ขี้แอ็คที่มีมานาเยอะหน่อยแล้วทำซ่า ..ฉันจะ—ขยี้ให้เละ!

“ก่อนของหวานอย่างควีน อาหารจานหลักคือแก ‘ไอ้ขี้ข้ายูจิ’ ”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด