เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! 170

Now you are reading เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! Chapter 170 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

< <  122 > > 

ณ ท่าเรื่อของเกาะวาเรอร์

นับว่าโชคดีที่บริเวณท่าเรือไม่ได้รับความเสียหายอะไรมาก จะมีก็แค่ป่าด้านหลังที่โดนถางจนเละจากการต่อสู้เมื่อวันก่อน ..ผม ‘เรเซอร์ ดราแคล์’ อย่างที่เห็น ขณะนี้กำลังยืนอยู่ตรงหน้าคือเรือไอน้ำสีเทาขนาดยักษ์ มีธงเขียนไว้ว่า ‘ดราแคล์’

ใช่ นั่นคือเรือส่วนตัวของตระกูลดราแคล์ เป็นเรือของว่าที่เจ้าบ้านคนต่อไปอย่างแองเจลิน่า

เรือของตระกูลดราแคล์กำลังเทียบท่ากับท่าเรือที่ปลอดภัยดีราวกับอยู่คนล่ะมิติกับเกาะวาเรอร์

ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ ทิวทัศน์ข้างหลังนั้น–ผมหันไปมองและถอนหายใจออกมา

เละตุ๋มเป๊ะสุดๆ

เมื่อวันก่อน เรนได้ยกกองกำลังมาบุกเกาะวาเรอร์โดยที่ได้ร่วมมือกับเทพดาบ เป้าหมายคือชิงตัวยูจิและเบลลามี 

ทว่าระหว่างนั้นเทียนหลงกลับตื่นขึ้นอย่างกระทันหัน พร้อมกับจอมมารด้วย ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนทั้งทางผมและทางเรน ..อย่างไรก็ช่าง ด้วยเหตุการณ์ต่างๆนานาที่มากมายจนเกินไป ทำให้เกาะวาเรอร์มีสภาพอย่างกับเกาะที่โดนนิวเคลียร์ขนาดย่อมไปอย่างไรอย่างนั้นเลยล่ะ

ตัวเมืองในเกาะเองก็ได้รับความเสียหายมาก ที่พักอาศัยเกือบทุกที่ถูกทำลาย แน่นอนจำนวนเลขผู้เสียชีวิตเองก็ไม่ใช่น้อยก็จริง แต่หากดูรูปเหตุการณ์ แม้จะเป็นวิธีคิดที่น่ารังเกียจไปหน่อย แต่เกาะแห่งนี้ต้องรองรับการต่อสู้ระหว่างตัวตนที่แกร่งสุดในโลกหลายตน ไม่ว่าจะ จอมมารหรือเทียนหลงรึเทพดาบ หรือตัวผมเอง 

จะบอกว่าแค่มีคนรอดชีวิตได้สักคนก็บุญแล้วก็ได้ ..ไม่ควรคิดอย่างนั้นสินะ?

ผมหรี่ตามอง ‘พระเอก’ ที่ยืนอยู่หลังสุดของแถว ชื่อว่า ‘ยูจิ’ อย่างที่บอกว่าเป็นพระเอก เขาคือพระเอกไลท์โนเวลชื่อดังแห่งยุคในโลกเก่าของผม มีใบหน้าที่ออกไปทางหน้ารักกว่าหล่อตามสไตล์พระเอกแนวๆนี้ จุดเด่นคือความใจดีและรอยยิ้ม

แต่—ตั้งแต่เรื่องบนเกาะวาเรอร์จบไป ผมก็สัมผัสไม่ได้ถึงเอกลักษณ์ของยูจิเลย หากเป็นยูจิยามปกติเขาจะคอยมาปลอบใจทุกคน คงไม่ได้เห็นกลุ่มนักเรียนที่ทำหน้าเหมือนปลาตายเป็นเบือหรอก ไม่ใช่แค่กับนักเรียนคนอื่นแม้แต่พวกผมที่สนิทด้วยเป็นพิเศษ ยูจิก็ไม่คิดจะเข้ามาทักทายเลย ไม่มองหน้าด้วย เอาแต่มองไปที่ไหนสักแห่งซึ่งไม่ได้อยู่จุดๆนี้ ..อีกทั้งข้างๆของยูจิ ยังมีตัวตนที่น่าเหลือเชื่อคอยอารักษ์ขาอยู่ด้วย

มังกรสวรรค์ ตัวตนที่แข็งแกร่งทัดเทียมกับมหามังกร ‘เทียนหลง’ เองก็ได้จำแลงมาในร่างมนุษย์ผู้หญิง และอยู่กับยูจิมาตั้งแต่จบเรื่องแล้ว เธอคิดจะคุยกับผมอยู่บ่อยๆ แต่ไม่ได้มาแบบเป็นมิตรสักเท่าไหร่ หล่อนมักจะพูดแซะผมทุกครั้งที่จ้องหน้ากัน ไม่รู้ว่าจะเกลียดอะไรกันขนาดนั้น ..

ก่อนหน้านี้ผมไม่คุยกับยูจิเรื่องเทียนหลงมาแล้วด้วย ไม่ใช่ตัวตนอันตรายขนาดนั้นเพราะอยู่ในการควบคุมของยูจิ ต่อให้ไม่ชอบหน้าผมแต่ก็คงเมินคำสั่งยูจิแล้วมาซัดกับผมไม่ได้หรอก

อ๊ะ

ผมเผลอสบตากับเทียนหลง และตามที่คาดเธอมองแรงใส่ผม ผมได้แต่หยักไหล่ตอบและหันหน้าหนีกลับมาทางเดิม

อย่างที่เห็น

หลายอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว

ในทางที่เลวร้ายด้วยน่ะนะ

“เป็นอะไรไป”

ข้างๆผม หนุ่มหล่อมาดเข้มดูฉลาด แต่ผมยาวเกินไปจนดู Edgy เป็นเพื่อนสนิท(?)ของผมล่ะมั้ง 

“หายากนะเนี่ยที่เคียวยะเป็นห่วงคนอื่น”

“ฉันเนี่ยนะเป็นห่วง? หึ..!”

เคียวยะกอดอกและเชิดหน้าใส่

ผู้ชายด้วยกันพูดเองก็กระไรอยู่ หมอนี่เป็นคนที่มีดวงตาที่สวยสุดเท่าที่ผมรู้จักแล้ว แล้วก็เป็นซึนเดเระประเภท Toxic แต่ก่อนเรียนไอถ่อยเคียวยะ ตอนนี้น่ะเหรอ? เลิกแล้วล่ะ ยังไงซะหมอนี่ก็ปรับปรุงนิสัยขึ้นมากจากแต่ก่อน

“อย่าสำคัญตัวเองผิดไป”

เรื่องปากนี่ก็ปล่อยเขาไปเถอะ

..

เงียบเหลือเกิน

ถ้าเป็นเวลาปกติ ข้างๆผมจะมีเบลลามีอยู่ เธอจะพูดประมาณว่า

‘ว่าเพื่อนแบบนี้ไม่ดีนะ เคียวยะ’

แล้วเคียวยะที่ชอบโอ๋เบลลามีอย่างกับลูกก็จะตอบกลับว่า— ‘หึ’ แล้วเงียบใส่ดื้อๆเลย อย่างไรซะ อย่างน้อยก็หนึ่งวัน เคียวยะจะทำตามที่เบลลามีบอกโดยไม่แจ้งหรือขานรับอะไรก่อน ราวๆนี้

แต่วันนี้

บางทีอาจจะพรุ่งนี้ด้วย

คงจะไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อน เพราะเบลลามีที่ยืนอยู่ข้างผมกลับเงียบไม่พูดอะไรเลย ..เหมือนกับยูจิ เธอเองก็ได้รับผลกระทบอย่างมหาศาล จนติดนิสัยชอบทำหน้าอมทุกข์และไม่มองหน้าใครเลย

ผมและเคียวยะมองเบลลามีที่เป็นอยู่ตอนนี้ และถอนหายใจออกมาพร้อมกัน

“พี่สาวของแกมารับสินะ”

“เห็นว่าลางานมาเลยนะ เป็นพี่สาวที่ดีใช่มั้ยล่ะ ความรักของพี่น้องนี่ดีจังเลยเนอะ ฉันนี่โชคดีจริงๆที่มีพี่สาวอย่างนี้”

ผมพูดอย่างอารมณ์ดู แต่เคียวยะเหมือนจะไม่คิดอย่างนั้น

“ฝืนน่าดูเลยนะ”

“..อ่า ..ดูเหมือนอย่างนั้นสินะ”

พอโดนทักอย่างนั้น เล่นเอาพูดไม่ออกเลย

ดวงตามหาปราชญ์นี่อเนกประสงค์จังนะ ..

ไม่สิ

เมื่อกี้ไม่ต้องใช้ดวงตามหาปราชญ์ก็คงดูออกละมั้ง 

น่าอายจริงๆ

“ฉันไปยกของก่อน เธอเองก็มาด้วยเบลลามี”

“อือ”

เคียวยะกับเบลลามีเดินไปเอาของที่กองไว้ข้างหลัง ส่วนผมแบกไว้อยู่แล้วเลยยืนรอเรือไอน้ำเปิดให้เดินขึ้นไป

ระหว่างนั้นเรย์กับหนิงก็เดินมาหา

“แปลกแฮะที่พวกนายอยู่กันสองคน”

“อย่างที่เห็น ยัยหนิงเป็นหมาหัวเน่าไปแล้วแหละ”

หมาหัวเน่า? อ๋อ–ผมเหลือบมองทางเทียนหลงที่แย่งที่ยืนของหนิงไป

“ไม่ใช่หมาหัวเน่าสักหน่อย นี่แกอยากตายขนาดนั้นเลยใช่มั้ย หา!!?”

หนิงกระซากคอเสื้อเรย์จนขาแตะไม่ถึงพื้น

แรงเยอะสมเป็นมหามังกร

เธอตรงหน้าคือ ‘หนิง’ เป็นนางเอกหลักของพระเอกอย่างยูจิ มีสมญานามว่า ‘เจ้าหญิงมังกร’ เป็นหนึ่งในผู้หญิงที่สวยที่สุดบนโลก และมีจุดเด่นคือนิสัยที่ดูหัวสมัยใหม่ขัดกับสถานะเจ้าหญิงตัวเอง แต่ก็นะ อย่างที่ได้ยินว่าหมาหัวเน่าเลย ตอนนี้ได้สูญเสียสถานะที่คอยยืนเกาะแกะยูจิไปเสียแล้ว ช่างน่าเศร้า ใช่ น่าเศร้าของจริงเลย

“ดะ ดะ ดะ เดี่ยวก่อนๆ ทางนี้อุตส่าห์ได้รับความกรุณาจากเทพดาบมา จะให้มาตายเปล่าเอาตอนนี้นี่ไม่ไหวอ่ะ!”

“ถ้านั้นก็เงียบปากไปล่ะกัน ให้ตายสิ” หนิงโยนเรย์พื้นและทำเชิดใส่ “พวกมนุษย์นี่มันจริงๆเลย อ่อนแอไม่พอยังปากเสียอีก”

เมื่อเรย์พ้นจากความเป็นความตายแล้วก็วิ่งมาหลบอยู่หลังผมทันใด ทำตัวได้สมเป็น ‘เพื่อนพระเอก’ สุดๆ นิสัยอย่างนี้

‘เรย์ คามาเลีย’ เพื่อนพระเอกในไลท์โนเวล อย่างที่เห็นเป็นคนบ๋องหน่อยๆ

“ว่าแต่ขนของเยอะจริงนะ”

ผมทักหนิงที่แบกสัมภาระเยอะกว่าชาวบ้านราวห้าเท่าได้ 

“ของมันต้องมีอ่ะนะ ไม่เป็นไรหรอก ฉันแบกไหว”

แรงช้างขนาดนั้น ต่อให้มีเยอะกว่าเดิมอีกสิบเท่าก็ชิลๆ

ด้วยความที่หนิงหัวสมัยใหม่อย่างที่บอกไว้ เธอจึงชอบแต่งตัวสุดๆ พวกชุดเสื้อผ้า ของตกแต่งต่างๆนานาจึงเยอะกว่าชาวบ้านเขามาก พอมองหนิงก็ทำนึกถึงผู้หญิงในโลกเก่าผมเลย ว่าตามตรงแอบคิดถึงนิดหน่อยเหมือนกัน ได้เห็นหนิงทำตัวเหมือนพวกเธอที่อยู่ในโลกที่ชายไม่ได้เป็นใหญ่แล้วผมก็ปลื้มใจ ปนทุกข์ใจ เพราะกว่าจะออกจากบ้าน แต่งตัวนานชิบเป๋ง

..ผมมองหนิงและเรย์ที่บ่นกันไปมา แต่ขาดยูจิที่เป็นคนคอยห้าม

จะว่าโชคดีในความโชคร้ายก็ได้ที่สองคนนี้ไม่ได้เปลี่ยนไปมาก—-และใช่ ใช่ว่าจะไม่ได้เปลี่ยนเลย

‘..ฉัน..ยังอยากคุยกับยัยนั่นให้มากกว่านี้’

คำพูดของหนิงลอยเข้ามาในหัวผม ยัยนั่น หมายถึง ‘โซล่า เลนน่อน’ ที่อยู่ในสภาพไร้สติ ถึงแม้แพทย์จะระบุไว้ว่าแค่ไร้สติชั่วคราว แต่พวกเรารู้กันดีว่าอาการของโซล่ามันหนักกว่าตายเสียอีก

วิญญาณไม่อยู่แล้ว ต่อให้ฟื้นมาก็ไม่ใช่โซล่า ไปเกิดใหม่ก็ไม่ได้เพราะวิญญาณถูกทำลายทิ้ง

ความปารถนาที่อยากคุยกันมากกว่านี้ไม่มีทางเป็นจริงอีกแล้ว ผมเองก็คิดเหมือนกันหนิง ผมเองก็อยากคุยกับโซล่ามากกว่านี้ ..เรื่องราวที่ผมล่วงรู้จากในห้องพักของโซล่า มันมีหลายอย่างที่ผมอยากถาม มีเรื่องที่ผมสงสัย มีปริศนาอยู่มากมาย

แต่สำคัญที่สุด–ผมอยากขอบคุณเธอ

..แต่สายไปแล้ว

ผมจับขมับตัวเองและบีบมันสุดแรง

‘พอเลยค่ะๆ’

เสียงอันแสนคุ้นเคยดังขึ้นเหมือนทุกครั้ง

‘ยูนา’ วิญญาณระดับเทพที่ผมทำสัญญาด้วยตั้งแต่ตอนเด็ก เธออยู่กับผมมาตลอด เปรี่ยบเสมือนคนในครอบครัว

‘มาสเตอร์แรงเองก็ใช่จะน้อยๆ ขืนบีบมันอย่างนั้นเดี่ยวปัญหาก็ตามมาอีก’

นั่นสินะ ขอโทษด้วย

ผมผ่อนคลายอารมณ์ตึงเครียดลงเล็กน้อย

ยูนาเองก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย นับจากวันนี้ เธอจะคุยกับผมได้แค่ครึ่งวันเท่านั้น อีกครึ่งหนึ่งของวันยูนาจะอยู่ในสถานะหลับ เนื่องจากการใช้ [ดาบสะบั้นมิติ] พลังใหม่ที่ได้จากการอาศัยเช็ตติ้งข้อผิดพลาดของโลกของตัวเองในการสร้างมันขึ้นมา แน่นอนว่าต้องมีค่าใช้จ่ายนั่นคือเวลาชีวิตผมหนึ่งในสี่และสภาพหลับครึ่งวันของยูนา

ตอนนี้เวลาน่าจะราวๆสิบโมงเช้า ยูนาจึงพูดคุยกับผมได้ปกติ แต่จากนี้อีกไม่นานยูนาจะหลับ

โชคร้ายที่เวลาทำการณ์ของเธอคือ 00:00-12:00 ปกติ มนุษย์ใช้ชีวิตช่วง 12:00-24:00 มากกว่าแท้ๆ น่าเสียดาย

‘ยังไงก็ช่วยผ่อนคลายลงหน่อยเถอะนะคะ ฉันเกรงว่าตัวเองหลับๆอยู่แล้วมาสเตอร์จะทำอะไรห่ามๆจนฉันรู้ตัวอีกทีฉันก็กลายเป็นวิญญาณที่สถิตอยู่ข้างศพมาสเตอร์ แบบนั้นขำไม่ออกเลยนะคะ’

รู้แล้วน่า ฉันจะไม่ตายจนกว่าจะเคลียร์ปัญหาทุกอย่างได้

‘เข้าใจก็ดีค่ะ’

คุยจบเสียงยูนาก็ตัดไป 

ตึงๆๆๆๆ

เสียงเท้าดังรัวๆบริเวณท่าเรือ—ผมหันไปมองตามสัญชาตญาณ และพบกับสาวสวยที่ทำตัวอย่างกับเด็ก

“พี่มารับแล้วน้าาาาาาาา!!!!!”

‘แองเจลิน่า’ พุ่งเข้ากอดผมสุดแรง หากผมร่างกายไม่แข็งแรงพอ ผมคงจะปลิวไปตามแรงพุ่งชนของเจ้าหล่อนแล้ว

“เป็นไงบ้างจ๊ะน้องรัก เก็บอาหารครบหาหมู่รึเปล่า ได้อาบน้ำบ้างไหมเนี่ย ไหนขอเช็คหน่อยสิ”

“พอเลยๆ ไปได้แล้วอายเขาแย่”

ผมดันแองเจลิน่าออกแบบช้าๆ หล่อนก็ทำตัวเกาะแกะได้สมเป็นหล่อน

“เอ๋ น่าเสียดายจัง นี่มันฉากพบกันที่แสนน่าประทับใจของสองเราเลยนะจ๊ะ”

“แล้วเรเซลกับอันนามาด้วยปะ”

“เดี่ยวเถอะ สนใจสองคนนั้นก็ดีอยู่หรอก แต่ช่วยอย่าเผลอลืมพี่สาวไปด้วยจะได้ไหมเนี่ย หา??”

แองเจลิน่าดันหัวผมด้วยนิ้วชี้ ผมยิ้มตอบกลับเธอ 

ที่พูดนี่หยอกล้วนๆอาจมีใจจริงผมอยู่บ้างเล็กน้อย แต่เป้าหมายหลักของหยอกแองเจลิน่าเล่นน่ะนะ ใช่ ผมไม่ได้สนผู้หญิงมากกว่าพี่สาวหรอกนะ จริงๆนะ

“สรุปแล้วมาด้วยรึเปล่าครับ?”

“…โธ่ว” แองเจลิน่าหรี่ตามองแบบเซ็งๆ “ไม่มาหรอก เพราะพี่รีบมากระทันหันเลยให้อันนาช่วยดูงานแทน ตอนแรกพี่ก็ชวนเรเซลมาด้วยอยู่นะ แต่เจ้าตัวบอกว่าจะมาเจอเรเซอร์พร้อมอันนานี่สิ บอกว่าไม่แฟร์กับอันนา ..มิตรภาพนี่ดีจังนะ พี่ไม่เห็นจะมีโมเม้นท์แบบนี้บ้างเลย รู้เปล่า เรเซอร์ พี่น่ะนะ ตั้งแต่สมัยเรียนนี่ก็เดียวดาย พอมีคนมาคุยด้วยก็โดนพวกที่อ้างตัวว่าแฟนคลับมาไล่คนๆนั้นไปจนไม่กล้าทักพี่อีกเลย พี่จะไปทักใครคนอื่นเขาก็เกร็งไปหมด พวกผู้ชายเอาแต่คิดเองเออเองว่าพี่มีคู่หมั้นแล้วด้วย จีบใครไม่ยักจะติด เฮ้อ พอนึกๆดูแล้วเนี่ย—-”

เพราะแองเจลิน่าเริ่มบ่นอะไรตามประสาคนแก่แล้ว ผมเลยทำเมินและแบกของขึ้นเรือตามนักเรียนคนอื่นๆที่พอเรือเปิดก็ขึ้นไปกัน 

“นี่ไม่คิดจะฟังพี่บ่นหน่อยเหรอ …อ๊ะ”

ขณะที่แองเจลิน่ากำลังจะงอแง เบลลามีกับเคียวยะก็มาพอดี พอสังเกตุเห็นเพื่อนทั้งสองของผม แองเจลิน่าก็ค่อยๆสังเกตุรอบข้างว่ามีหนิงและเรย์อยู่ด้วย ยังไม่รวมนักเรียนรอบตัวที่มองมาทางนี้อีก

แองเจลิน่ากระแอ่มเบาๆปรับอารมณ์ และถึงจะทำอย่างนั้นก็ปกปิดความอายจากสีหน้าไม่ได้

คนรอบๆเริ่มซุบซิบกัน

“นี่ๆ อย่าบอกนะว่าท่านแองเจลิน่าเขา”

“เอาจริง?”

“โห อยากมีพี่สาวแบบนี้บ้างจริงเว้ย”

“ว่าไงดี อายแทนเลยแฮะ”

แองเจลิน่าเอ๋ย พี่สาวที่เคราพรักเอ๋ย

หน้าแดงแจ๋เลยนะ ทำตัวเป็นบราค่อนไม่สนสถานที่จึงต้องลงเอยอย่างนี้ล่ะนะ 

ผมหัวเราะขึ้นจมูก 

“เรเซอร์ ..อย่าแกล้งพี่สาวตัวเองสิ”

เพราะบรรยากาศผ่อนคลายลงกระมัง–เบลลามีถึงกลับมาพูดแบบปกติ

“อึก—”

แองเจลิน่าน้ำตาคลอมองเบลลามี และพุ่งเข้าไปกอดทันที

“ว่าแล้วเชียว เด็กคนนี้น่ารักจริงๆด้วย! สมกับเป็นว่าที่น้องสะใภ้ที่พี่คาดเอาไว้”

“..น้องสะใภ้..เหรอ”

เบลลามีหน้าแดงขึ้นมาขณะที่ถูกรัด

“ใช่สิจ๊ะ เรียกพี่ว่าพี่สาวก็ได้น้า”

“..อือ..ค่ะ”

ไม่ปฏิเสธซะทีเดียวแฮะ

แองเจลิน่าอมยิ้มและชายตามองไปที่ยูจิ ..

“หืม”

ทำเสียงนึกสนใจอะไรบางอย่างจบก็ปล่อยเบลลามี ก่อนปล่อยมีลูบหัวด้วย

“ทุกคนไปพักผ่อนได้เลยนะ ส่วนเรเซอร์ เดี่ยวมาคุยกับพี่เป็นการส่วนตัวทีนะ”

“..เข้าใจแล้วครับ”

 

****

“ไหนมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เล่ามาให้หมดแบบไม่ต้องปิดบังเลยนะ”

แองเจลิน่าพาผมมานั่งอยู่ในห้องพักส่วนตัวของเธอ เป็นห้องที่สวยสมกับเรือไอน้ำเฉพาะของตระกูลดราแคล์ดี ทว่า ..

“เมดคนนั้น..”

แน่นอน แองเจลิน่าในฐานะคนใหญ่คนโตต้องมีคนคอยดูแลอยู่ แต่แปลก แปลกจริงๆ

“คริสตีน่าเองจ้า จำไม่ได้แล้วเหรอ”

“จำได้สิพี่ ไม่มีทางลืมหรอก ..ก่อนที่ผมจะอธิบาย พี่ช่วยอธิบายก่อนได้มั้ยว่าเหตุใด ไอ้นักฆ่าที่คิดจะฆ่าพี่ตอนแรกมันถึงกลายมาเป็นเมดของพี่ได้เนี่ย”

‘คริสตีน่า’ หลายคนอาจลืมแล้ว ยกเว้นผม เพราะยังไงซะเธอก็คือตัวการณ์ที่ฆ่าพี่สาวผม ทว่า ตอนนี้หล่อนกลับอยู่ในชุดเมดพร้อมกับปลอกคอทาสที่ลงอาคมเอาไว้ด้วย

เรื่องความแข็งแกร่งคริสตีน่าเป็นบริวารให้แองเจลิน่าได้แบบไม่ต้องสงสัยเลย แต่ที่น่าสงสัยคือนักฆ่าบ้านไหนมันพลันตัวมารับใช้เป้าหมายตัวเองกันฟร้ะ

แล้วอีกอย่าง ผมเองก็รับไม่ได้ด้วย เพราะพี่สาวผมได้ตายเพราะมันแน่ถ้าไม่ได้มาช่วยไว้ ให้คนแบบนี้มาดูแลพี่สาวเนี่ยนะ?

ถึงกระนั้นผมก็คือสุภาพชน มิได้ต้องการแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา

“ไม่ได้เจอกันนานนี่ สบายดีสินะ แขนที่ขาดต่อคืนแล้วสิเนอะ รอดไปนะ”

“..คุณชายเรเซอร์เองก็ดูแข็งแรงดีนะ ตอนแรกคิดว่าจะตายก่อนวัยอันควรเพราะปากเสียอีก”

“เรื่องนั้นทางนี้ก็อยากย้อนเหมือนกันครับ คุณคริสตีน่า”

ผมกับคริสตีน่าจ้องตากันแรงจนเกิดเอฟเฟคประกายไฟขึ้น แองเจลิน่าเห็นก็กุมขมับ ทำเหมือนกับผมเวลาเครียด พวกเราสองพี่น้องมีวิธีแก้เครียดที่เหมือนกัน เป็นเรื่องน่าแปลก

“ว่าแล้วเชียวว่าเจอหน้ากันต้องเป็นอย่างนี้”

“ช่วยเอาเซบาสเตียนมาแทนด้วยครับ ผมอยากเจอหน้าเซบาสเตียนมากกว่ายัยนักฆ่ากระจอกนี่”

“เหอะ ไม่อยากได้ยินจากปากคุณชายที่เอาแต่หลบหลังอัศวินเวลาเจอหน้าฉันตอนนั้นเลยนะคะ”

“โห่ ปากแจ๋วดีนี่ ถ้าเป็นตอนนี้ฉันส่งเธอไปโลกหน้าพร้อมกับความมั่นหน้านั่นได้ง่ายๆเลยนะ จะลองมั้ยล่ะหา?”

คริสตีน่าวิเคราะห์เริ่มวิเคราะห์สภาพร่างกายผม ผมเองก็ทำตาม

..เก่งขึ้นจากตอนนั้นพอสมควรเลย ถ้าเป็นคริสตีน่าตอนนี้ระดับคงพอๆกับนักดาบขั้นบรรลุทั่วๆไป ยังไม่รวมความถนัดด้านการลอบสังหารของเจ้าตัวอีก ถ้าใช้วิธีต่อสู้ตามที่ถนัดน่าจะเหนือกว่าที่วิเคราะห์ไว้ไปอีกขั้น

อาจจะแกร่งกว่าชินเมื่อสามปีก่อนแล้วก็ได้

รวมๆผมประเมินคริสตีน่าไว้สูงทีเดียว แล้วทางคริสตีน่าละ? กำลังเหงื่อตกอยู่

“นะ น้องชายของท่านหญิงคือจอมเวทย์นี่คะ?”

“ใช่สิ ทำไมเหรอ”

“..ไม่มีอะไรค่ะ”

อีกฝั่งก็ประเมินผมไว้สูงเหมือนกันสินะ

“ก่อนอื่น แยกเลยๆ ฟังนะ เรเซอร์ พี่ไม่ได้คิดรับมามั่วๆหรอก ถ้าเป็นตอนนี้คริสตีน่าไว้ใจได้ ฝีมือเธอเองก็ไม่เป็นที่กังขา”

นั่นสินะ วัดแค่ฝีมือผมวางใจให้คอยปกป้องพี่สาวได้รองจากเซบาสเตียนเลย

“มีปลอกคอทาสด้วย เหตุผลที่จะฆ่าพี่ก็ไม่มีแล้วด้วย”

“…คริสตีน่า รู้อยู่ว่าเธอคงไม่บ้าพอจะทำเรื่องไร้สาระ แต่ถ้ามันไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดล่ะก็–แกไม่ได้ตายดีแน่”

คริสตีน่าตัวกระตุกก่อนจะปั้นยิ้มสู้ 

“ระ รับทราบค่ะคุณชาย”

..แองเจลิน่าดูดีใจนิดหน่อย

“เอาล่ะ เรเซอร์ ถ้านั้นก็ไปนั่งที่ได้แล้วจ๊ะ มีเรื่องต้องคุยกันอีก”

ผมลงไปนั่งตามที่แองเจลิน่าชวน จากนั้นก็เข้าเรื่อง

แองเจลิน่าเข้าโหมดจริงจัง และเอ่ยถามผมมาตรงๆ

“ช่วยเล่าความจริงบนเกาะวาเรอร์ให้พี่ทีสิ”

..เรื่องราวบนเกาะวาเรอร์

ผมตัดสินใจเล่าให้แองเจลิน่าฟังโดยไม่ปิดบัง ยกเว้นเรื่องตัวจริงของเบลลามี

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด