เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! 78: vs มหาบาปเย่อหยิ่ง

Now you are reading เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! Chapter 78: vs มหาบาปเย่อหยิ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

< < 65  > >

เคียวยะวิ่งไม่หยุด ทุกการฝึกหนักของเขาตลอดหลายเดือนมานี้ได้สำริดผลสำเร็จ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเคียวยะไม่มีทางออกวิ่งอีกฝากของเมืองมาอีกฝากของเมืองได้แน่ๆ

เขานึกขอบใจตัวเองที่อดทนสู้มาตลอด ขณะเดียวกันก็นึกตำหนิตัวเองที่วิ่งได้เร็วสุดแค่นี้ เพราะเวลานี้เคียวยะต้องการไปถึงวิทยาลัยเวทมนตร์โดยเร็ว

เวลาไม่ถึงชั่วโมงก่อนหน้านี้ อาณาจักรฟัฟนิร์ได้ถูกรุกรานและมีหลายส่วนในตัวเมืองที่ได้รับความเสียดาย หนึ่งในนั้นก็น่าจะเป็นวิทยาลัยเวทมนตร์ที่มีตึกใหญ่หลายตึกทะลาย

เคียวยะอดเป็นห่วงเพื่อนของตัวเองไม่ไหว จนอยากโทษตัวเองที่ช้าเป็นเต่า—-เคียวยะใช้ดวงตามหาปราชญ์มองทะลุกำแพง วิเคราะห์คาดเดาทางที่เคียวยะวิ่งแล้วจะไปได้เร็วที่สุดและเก็บแรงได้มากที่สุด

เขาทำทุกวิทีทางที่มีประสิทธิภาพที่สุด หากให้คนที่มีพลังกายทัดเทียมเคียวยะ แต่ไม่มีดวงตามหาปราชน์ ออกวิ่งจากจุดเริ่มต้นมาวิทยาลัยเวทมนตร์ คนธรรมดาคงใช้เวลาหลายสิบนาที แต่เคียวยะใช้แค่เกือบๆสิบนาทีเท่านั้น

แม้จะเป็นอย่างนั้น เคียวยะก็รู้สึกช้าไปอยู่ดี ถ้าเป็นเรเซอร์คงถึงแล้ว—เคียวยะคิดอย่างนั้น

เคียวยะเปิดดวงตาปราชญ์อีกครั้ง และพบว่ามีฝูงชนขนาดใหญ่เดินสวนทางกับเขามาตรงหน้า

“ชุดเครื่องแบบวิทยาลัยนี่นา” เคียวยะวิ่งตรงไปทางสายตาที่เห็น “เห้ยยยย!!!!”

เคียวยะโบกมือทั้งกลุ่มนักเรียนที่พากันอพยพจากตัววิทยาลัยเวทมนตร์

ไอริสที่เดินนำอยู่หัวแถวเห็นเคียวยะจึงโบกมือทัก

“ปลอดภัยดีสินะ!?”

“ค่ะ นักเรียนทุกคนภายในรั้วโรงเรียนอยู่ในการดูแลของกรรมการนักเรียน”

เคียวยะใช้สายตากวาดไปทั่วฝูงชน ในนั้นมียูจิ เบลลามี โซเฟีย และกอรี่อยู่ คนในห้องเรียนที่สนิทด้วยทุกคนก็อยู่ดี แต่

“หายไปสามคนนะ”

ในระยะสายตาต่อให้ใช้ดวงตามหาปราชญ์ตรวจสอบก็ไม่พบตัวเรเซอร์ หนิง และเรย์

“ท่านหนิง ท่านเรเซอร์ และท่านเรย์รู้สึกว่าจะออกไปทำธุระนอกวิทยาลัยก่อนคะ คาดว่าน่าจะอยู่ข้างนอก”

เคียวยะพยักหน้ารับ ขณะนั้นเบลลามีและยูจิก็วิ่งตรงมาทางนี้

“เคียวยะ เรเซอร์หายไป”

“คุณหนิงกับเรย์ก็ด้วยครับ”

ทั้งสองโพล่งออกมาด้วยความร้อนลน คงจะเป็นห่วงมากแน่ๆ

“ก่อนหน้านี้ฉันอยู่กับเรเซอร์ หมอนั่นไม่เป็นไรหรอก ยัยหนิงกับเรย์ก็ด้วย”

ในสามัญสำนึก เคียวยะไม่คิดว่าเรเซอร์กับหนิงจะแพ้ใครได้ง่ายๆ สองคนข้างต้นเป็นบุคคลที่เคียวยะ ณ ตอนนี้ไร้หนทางชนะ ทางเรย์เองก็เป็นถึงนักดาบชั้นสูง 

‘ตามปกติ’ แล้ว ยากจะหาใครที่เก่งกว่าไอ้บ้าสามคนข้างต้นได้ ต่อให้หลงทางก็น่าจะหายห่วง

ทั้งอย่างนั้นทางเบลลามีกับยูจิก็ยังเป็นกังวลกับทั้งสองอยู่ จนส่งสายตาเหมือนสัตว์หน้าขนตัวเล็กน่ารักที่ทำตาเศร้าๆปนอ้อนพิลึก

“ยะ อย่ามาทำหน้าอย่างนั้นนะเฟ้ย”

“ “แต่ว่า/แต่” ”

“ผสานเสียงกันได้น่ารำคาญชะมัด ไม่เชื่อฉันให้จะเชื่อใครได้เล่า”

“มีคนที่แข็งแกร่งปรากฏตัวออกมา”

เบลลามีนึกถึงหน้าของการ์ปที่แกร่งขึ้นผิดหูผิดตา

“คิดว่ามันเอาเรเซอร์รึหนิงลงหรือไง?”

“..ก็จริง”

เบลลามียอมรับโดยง่าย 

“แล้วเรย์ล่ะครับ!?”

“ไอ้บ้านั่นหนังเหนียวจะตาย ต่อให้ตายก็ไม่ตายหรอก”

(*แม้ว่าในนิยายต้นฉบับบักเรย์จะตายตอนจบก็ตาม แต่อยู่กลางดวงสัตว์ประหลาดแล้วรอดได้นี่ก็หนังเหนียวพอแล้ว…)

“นั่นสินะครับ เรย์น่ะต่อให้ปางตายสิบรอบก็ไม่ตายหรอกครับ”

“ก็รู้นี่ อย่าไปสนมันเลย”

ยูจิเองก็ยอมรับและปล่อยความกังวลโดยง่าย ด้วยคำพูดกร่อมชุ่ยๆของเคียวยะ

“เข้าใจแล้วใช่มั้ย? เข้าใจแล้วก็ไปต่อแถวเดินขบวนต่อได้แล้ว”

เคียวยะเองก็ต้องทำงานที่คณะกรรมการนักเรียนต่อแล้วเช่นกัน

ตอนที่กำลังจะเริ่มเดินขบวนไปยังที่อพยพอีกครั้งนั้นเอง—ลูซิเฟอร์ก็โผล่ออกมาในสภาพที่เปื้อนเลือด

ทั้งเส้นผมสีดำสนิทและเสื้อโค้ทสีทวิฬ ตอนนี้ได้ถูกย้อมไปด้วยเลือดของใครบางคนที่ดูจะเยอะเกินคน ภาพลักษณ์ข้างต้นทำให้หลายคนพากันตกใจและกลัวลูซิเฟอร์ แต่เบลลามีกลับไม่มีความรู้สึกกลัวใดๆอย่างน่าประหลาดใจ

“ลูซี่!”

เบลลามีวิ่งไปหาลูซิเฟอร์ที่รู้จักกันในชื่อ ‘ลูซี่’

“ไม่เป็นอะไรใช่รึเปล่า?”

“ไม่มีปัญหาครับ”

กล่าวจบลูซิเฟอร์ก็โค้งตัวเข้าไปโอบกอดเบลลามีไว้ ..เอ๊ะ

เกิดเครื่องหมาย ‘?’ ขึ้นมาในหัวเบลลามี พร้อมกับเสียงกรี๊ดของทุกคนในโรงเรียน

“เดี่ยวนะ เบลลามีคนนั้นกอดกับใครน่ะ!?”

“เรเซอร์มันนกล่ะมั้ง เหอะๆ”

“นกเรเซอร์ล่ะ”

หลายคนพากันซุบซิบนินทา แต่ช่วงใหญ่จะไปในทางล้อเลียนบักเรเซอร์กัน

เบลลามียังอึ้งอยู่เลยไม่ได้ผลักลูซิเฟอร์ออก-แต่ถามกลับอย่างเกร็งๆแทน

“จู่ๆ ทำไมถึง?”

“ข้าไม่ได้พบกับท่านนานเสียจงเก็บอารมณ์คิดถึงไว้ไม่อยู่ ..ทั้งข้าและเหล่าสหายมหาบาปต่างคิดถึงท่านกันทั้งนั้นครับ”

..

“มหาบาป?”

“ครับ”

ลูซิเฟอร์ผละร่างตัวเองออกและลงไปจูบมือของเบลลามี นี่เป็นท่าทางที่บ่งบอกถึงสถานะได้ดี

ในมุมของลูซิเฟอร์เขาและเบลลามีคือนายบ่าว ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้น

ดวงตาของเบลลามีเริ่มสั่น เธอหวนนึกถึงเรื่องบางเรื่องที่คล้ายจะลืมไป ..ไม่สิ ที่ลืมไปแล้วต่างหาก เรื่องของตัวเธอเองที่หายสายสูญไปโดยไม่รู้ตัว

“ลูซี่..ลูซิ..ลูซิเฟอร์?”

เวลานี้ ทางเบลลามีเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกมา

“ไม่ได้พบกันเสียนานนะครับ ท่านจอมมาร”

ลูซิเฟอร์กล่าวทั้งรอยยิ้ม—ก่อนจะลุกขึ้นยืนและจูงมือเบลลามีเดินไปโดยไม่เอ่ยบอกอะไรเลย

“เดี๋ยวสิ!”

โซเฟียเดินเข้ามาคว้าแขนอีกข้างของเบลลามีไว้ และทันใดนั้นก็เกิดกระแสลมพร้อมกับหมัดที่แหวกอาการสวนมา

ลูซิเฟอร์ปล่อยหมัดความเร็วสูงใส่หน้าโซเฟีย โชคดีที่มันถูกหยุดไว้ได้ด้วยดาบสีเงิน

“เห้ยๆ จู่ๆก็ทำบ้าอะไรเนี่ยเอ็ง!”

เรย์โผล่ออกมากันโซเฟียไว้ได้ทันท่วงที

“ไม่เลว แต่แรงน้อยไปหน่อยนะครับ”

ลูซิเฟอร์ดึงหมัดกลับมาและปล่อยลูกเตะใส่แทน

“อั้ก!”

เรย์ถูกอัดเข้าเต็มๆจนตัวปลิวไปชนกับโซเฟียและพากันกระเด็น

ทั้งแรงและความเร็ว ลูซิเฟอร์เหนือกว่าเรย์ที่เป็นนักดาบมันไปหลายขั้น

“ทำไม?” เบลลามีถาม “ทำไมถึงทำอย่างนี้”

“ให้อภัยข้าด้วยครับท่านจอมมาร โปรดตามมาก่อน”

“[แค่นน่อนเอิร์ธ]”

เคียวยะกู่ร้องพร้อมกับปล่อยหินเวทมนตร์ออกจากปลายฝ่ามือเป็นสิบลูก ลูซิเฟอร์ใช้มือปลายปัดป้องทุกการโจมตีได้อย่างง่ายดาย—เคียวยะไม่รอช้าวิ่งเข้าใส่โดยหวังว่าจะช่วยเอาเบลลามีออกมาก่อน

“หลีกไปซะไอ้สวะ!!!”

เคียวยะซัดหมัดที่อัดแน่นด้วยเพลิง ลูซิเฟอร์จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการปะทะโดยการหลบ และหาจังหวะใช้หมัดซัดเคียวยะ ทว่ามันก็ไม่เป็นผล เพราะยูจิที่อยู่ข้างหลังได้อัด [ไฟเยอร์บอล] เข้าสู้

ลำดับแรก ลูซิเฟอร์ใช้มือเปล่าซัดบอลเพลิงของยูจิจนกลายเป็นลมตด ลำดับต่อไป ลูซิเฟอร์ใช้ศอกกระแทกหน้าเคียวยะที่เข้ามาหาเรื่องระยะประชิด

เคียวยะลงไปนอนหมอบ พร้อมกันนั้นลูซิเฟอร์ก็ปล่อมหมัดแย็ปที่มีความดันลมออกมากระแทกยูจิจนลงไปกองกับพื้น

“..เรย์ก็ดี เคียวยะก็ดี ..ไอ้หมอนั่นมันวันช็อตหมดทุกคนเลย”

นักเรียนพึมพำขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่น เพราะทั้งเคียวยะและเรย์ พวกเขาถือเป็นพวกท็อปด้านการต่อสู้ในรั้วโรงเรียน 

ไอริสที่อยู่ใกล้ที่สุดมองสถานการณ์วินิจฉัยอย่างรอบขอบก่อนเอ่ยถาม

“..เป้าหมายคือลักพาตัวนักเรียนวิทยาลัยเวทมนตร์หรือคะ”

ไอริสถามขึ้น ลูซิเฟอร์ตอบกลับทันที

“ถ้าอยากรอด ช่วยส่งตาท่านเบลลามีและท่านที่ชื่อยูจิมาให้ทางนี้”

“ว่าไงนะ?”

“ตามที่บอก ถือซะว่าข้าใจดีหาโอกาสรอดให้พวกท่านโดยสละชีวิตนักเรียนเพียงสองคน ในฐานะผู้นำท่านควรตัดสินใจโดยเน้นส่วนร่วม”

ลูซิเฟอร์ว่าให้ไอริสทิ้งเพื่อนไปสองคนโดยแลกกับชีวิตหน้าตาเฉย

“พูดอะไรของนายน่ะ”

“ตามมาก่อนครับท่านจอมมาร”

“..เราไม่ใช่จอมมารนะ”

“สักวันท่านจะเข้าใจเองครับ ทางข้าและสหายร่วมรบจะเป็นคนอธิบายให้ฟังก่อนที่วันนั้นจะมาถึงเอง เช่นนั้นแล้วก็โปรดตามมาก่อน”

เบลลามีส่ายหัวให้

“เราไม่ใช่จอมมาร”

“เมื่อชาติก่อนท่านเป็นครับ ชาตินี้เองก็ด้วย”

“ขอปฎิเสธ ..ต่อให้ชาติก่อนหน้าเราเป็นจริงๆ แต่ตอนนี้เราชื่อว่าเบลลามี”

“เรื่องนั้นน่ะแน่ใจหรือครับ?”

ลูซิเฟอร์หันหน้ากลับมามองเบลลามีอย่างเย็นชา ทั้งสายตาและถ้อยคำน้ำเสียเต็มไปด้วยความเย็ยยะเยือก

“ท่านแน่ใจหรือครับ ว่าตอนนี้ท่านเป็นตัวของท่านเอง มิได้มีสิ่งเจือปนใดๆ”

“..เรื่องนั้น”

เบลลามีเริ่มลังเล เพราะเรื่องของเรเซอร์เธอยังเอาไปเปรียบเทียบกับคนในความฝันอยู่เลย 

ว่ากันตามตรง เธออาจไม่มีสิทธิ์ยืนยันตัวตนก็ได้ว่าเป็นตัวของตัวเองดี

“ข้าทราบดีครับว่าท่านสูญเสียความทรงจำไป แต่อีกไม่นานพวกเราจะเข้าใจกันดีเหมือนแต่ก่อนครับ ท่านดิลุค—หรือให้เรียกว่า ‘โซโลมอน’ ดีครับ”

ทันทีที่นาม ‘โซโลมอน’ ออกจากปากลูซิเฟอร์ ใบหน้าของเบลลามีก็เปลี่ยนไปราวกับบางอย่างในตัวได้ถูกปลุกขึ้นมา

“..นั่นไม่ใช่เรา”

“สักวันท่านจะเข้าใจครับ ว่าแต่กุญแจยังอยู่กับท่านหรือไม่ครับ”

“ไม่ เราไม่เข้าใจ กุญแจที่ว่าคืออะไร ไม่เข้าใจ”

เบลลามีพยายามปฎิเสธทุกอย่างที่ไม่ใช่เธอ ..ใช่ พยายามมากเลยล่ะ

“ขอแค่มีสิ่งนั้น ความทรงจำและพลังของท่านจะถูกปลุก หากมีมันข้าจะรีบใช้มันให้ท่านตอนนี้เลยครับ ทั้งความปารถนา ความฝัน ความทรงจำ ข้าจะมอบให้ท่านเองครับ”

“เราไม่ต้องการ”

“ทุกอย่างอยู่ใกล้เพียงหยิบมือเท่านั้น ..จับมือข้าสิครับ ท่านจอมมาร”

ลูซิเฟอร์ยื่นมือให้เบลลามีด้วยรอยยิ้มที่สัตย์จริง

“..เราน่ะ”

รู้ตัวอีกทีเบลามีก็ขยับมือตอบรับคำเชื้อชวนที่เสมือนกับบทเพลงกร่อมเด็ก—แต่เธอก็ได้สติเมื่อนึกถึงหน้าเรเซอร์ และปัดมือลูซิเฟอร์ทิ้ง

“เรา..ก็คือเรา”

“อภัยให้ข้าด้วย”

ลูซิเฟอร์ใช้มือจับแขนเบลลามีและดึง—ทว่าบอลเพลิงจำนวนมหาศาลก็ได้พุ่งเข้าใส่ลูซิเฟอร์ซะก่อน

ลูซิเฟอร์หลบทุกอย่างได้ และหันไปมองเคียวยะผู้ร่ายเวทมนตร์

“[จังหวะแตะสายลม]”

เรย์เปิดใช้เทคยิคย่นระยะไปหาลูซิเฟอร์ และกวาดดาบเข้าใส่ลูซิเฟอร์อย่างรวดเร็วจนต้องถอยห่างจากเบลลามี

“[ดาบประกายแสง!]”

“[แคนน่อนเอิร์ธ]”

ทั้งเคียวยะและเรย์พากันโหมกระหน่ำการโจมตีใส่จนลูซิเฟอร์จำเป็นต้องถอยหนี

ลูซิเฟอร์หลบดาบเรย์และใช้หมัดรับมือกับดาบปกติของเรย์

“[ระบำวายุ]—[ดาบประกายแสง]”

เรย์ใช้งานท่วงท่าจู่โจมที่แรงที่สุด ณ ตอนนี้ของตัวเองออกไป

ระบำวายุที่ฟาดฟันด้วยความแรงประหนึ่งพายุ และดาบประกายแสงที่เพิ่มความเร็วและคมของวิทีดาบอย่างน่าเหลือเชื่อ 

สองเทคนิคดาบขั้นสูงถูกใช้ในการลงดาบมันมีพลังทัดเทียมกับดาบของนักดาบขั้นบรรลุ แน่นอนความเสียหายระดับนี้ลูซิเฟอร์ไม่บ้าพอจะเอาตัวเข้าแลกหรอก–แค่หลบก็พอ

ลูซิเฟอร์ก้าวเท้าหลบเป็นจังหวะ และทำเช่นนั้นซ้ำไปมา สลับบ้างตลอดการหลบตามวิทีดาบของเรย์

ไม่นานแรงที่ใช้ระบำวายุผนวกกับดาบประกายแสงก็หมดไป—–

“บะ บ้าน่า หลบได้หมดเลย!?”

เรย์หน้าเหว๋อเขาลงดาบต่อไปต่ออย่างอ่อนแรง

“เป็นดาบที่ดีนะครับ ว่าแค่ความแรงนั้นไม่ด้อยกว่านักดาบขั้นบรรลุเลย เพียงแต่-ไร้เอกลักษณ์ไปเสียหน่อย จะเป็นนักดาบสายไหนกันแน่ จงเลือกให้แน่เสียครับ”

แหงล่ะ เรย์เป็นเพียงนักดาบขั้นสูง แต่อย่างน้อยๆเขาก็ควรมีสไตล์ดาบที่ชัดเจนอย่างที่ลูซิเฟอร์ว่า ตัวเรย์เองก็รู้ถึงจุดด้อยของตัวเอง

“หลบไป!”

เรย์กระโดดหลบตามที่เคียวยะว่า-เคียวยะปล่อยเวทย์น้ำเข้าใส่

“ท่านเองก็ไม่เลว ในฐานะนักเวทย์แล้วไม่ธรรมดา ทว่า”

ลูซิเฟอร์พุ่งเข้าไปในวงหมัดของเคียวยะ

“ดูจะฝืนคลุกวงในมากไปหน่อยนะครับ นักเวทย์ควรรู้ตำแหน่งของตัวเอง”

“หนวกหู!”

เคียวยะออกหมัด ลูซิเฟอร์ทำดั่งเดิมคือหลบและสวนกลับจนเคียวยะตัวเซ

“[ไฟเยอร์บอล]”

ยูจิฟื้นขึ้นมาร่ายเวทย์อัดใส่—เหมือนเดิมคือหลบ

“[ดาบประกายแสง!!!!]”

เรย์กู่ร้องและวิ่งเข้าใส่อีกครั้ง และเหมือนเดิมคือหลบ

“หลบได้อีกแล้ว!”

“ช้า”

ลูซิเฟอร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่และพูดทักยูจิ

“ขอเตือน เตรียมรับแรงปะทะเสีย”

ไม่ทันขาดคำ บ้านเมืองแถวนั้นก็ถล่มพร้อมกับการ์ปที่พุ่งดิ่งทะลุผ่านบ้านเป็นสิบๆหลังประหนึ่งกระสุนปืนใหญ่

“–ยูจิ!!!”

การ์ปร้องสุดเสียงพร้อมใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม

“อึก!”

ยูจิตั้งท่ารับและถูกการ์ปพุ่งใส่-ลากไปทั้งอย่างนั้น

ทุกคนตกใจและจออกวิ่งตามยูจิ แต่ลูซิเฟอร์ก็พุ่งไปอัดนักเรียนที่คิดจะตามไปจนสลบ

“สัตว์ประหลาดเอ้ย!”

เคียวยะร่ายเวทย์ลมกระโชกจากระยะไกลใส่ ลูซิเฟอร์ทำเหมือนเดินคือหลบ

“ทักษะการต่อสู้ห่างกันไกลลิบฟ้าเลยนะครับ”

“บัดซบเอ้ย! ไอ้เรเซอร์มันก็ดี แกเองก็ดี ทำตัวได้น่าหมันไส้เป็นบ้า!”

ลูซิเฟอร์พุ่งมาอัดหน้าเคียวยะ พร้อมกับรุกรับกับเรย์ด้วยมือเปล่า

“โธ่เอ้ย!”

“[ไฟเยอร์บอล]”

ไอริสตะโกนแผดเสียงพร้อมกับบอลเพลิง นักเรียนรอบๆพากันยกมือขึ้นมาและปล่อยเวทมนตร์ที่แรงที่สุดของตัวเองออกไป

แม้จะหลบได้มันทุกครั้ง แต่ลูซิเฟอร์ไม่ได้เหนือมนุษย์พอจะหลบท่าโจมตีล้อมทิศได้ เช่นนั้นแล้ว–จำเป็นต้องใช้ทักษะอื่นของตัวเอง

ลูซิเฟอร์กำหมัดและพึมพำเบาหวิวโดยไม่หวั่นเกรงต่อมนตรานับร้อย

“[เกลียวมรณะ]”

บนมือของลูซิเฟอร์เกิดเกลียวสายลมสีดำขึ้นมา–ลูซิเฟอร์กำหมัดและปล่อยหมัดที่เหมือนกับเกลียวออกไปจนเวทมนตร์รอบๆพากันกระเจิงเหมือนกับเสียขวัญ

[เกลียวมรณะ] เวทมนตร์โบราณของปีศาจที่ไม่ได้ถูกบันทึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ เปี่ยมไปด้วยความแรงและความเร็วที่เสมือนสายลมแห่งความเสื่อมสลาย มีคุณสมบัติมีสิทธิ์พอจะขึ้นไปอยู่ [ขั้นบรรลุ] ได้ไม่ยาก 

นี่แหละท่าหากินของลูซิเฟอร์

“—เกลียวมรณะเนี่ยนะ ไม่เห็นรู้จักเลย”

เคียวยะบ่นพึมพำพลางเขม็งใส่ลูซิเฟอร์ผู้ไร้เทียมทานในที่แห่งนี้

“แต่เดิมก็เป็นการต่อสู้ที่ไม่เท่าเทียมอยู่แล้วครับ ยอมจำนนอย่างว่าง่ายจะดีกว่านะครับ”

“หนวกหูเป็นบ้า คิดว่าฉันจะยกยัยนี่ให้รึไง?”

ถ้าทำได้โดนเรเซอร์ฆ่าตายแน่ เคียวยะและทุกคนคิดอย่างนั้น

“นายเหนือหัวของข้าดูจะถูกรักน่าดู ในฐานะข้ารับใช้แล้วข้าปลื้มใจเหลือเกิน ในบารมีที่ไม่ว่าจะภพใดก็ยังเป็นผู้ใหญ่ยิ่ง”

เคียวยะเดาะลิ้นไม่พอใจ

“พล่ามอะไรไร้สาระอยู่ได้”

“ก็จริงของท่าน เช่นนั้นก็ได้เวลาเลิกเล่นแล้ว”

ลูซิเฟอร์ยกหมัดขึ้นมาและปลดปล่อยเกรียวมรณะขึ้นมา

“ครั้งนี้ ข้าจะฆ่าผู้มาขวางให้หมด”

“คิดว่าจะยอมเรอะ”

เรย์ตั้งท่าดาบอีกครั้ง เคียวยะตั้งท่าร่ายเวทมนตร์ นักเรียนทุกคนก็เช่นกัน

อย่างน้อยก็พวกเยอะกว่า หลายคนคิดเช่นนั้นและหันดาบและเวทมนตร์เข้าใส่ลูซิเฟอร์อย่างเบาปัญญา

..เบลลามียืนนิ่ง เธอก้มศรีษะลงและตัดสินใจเดินไปหาลูซิเฟอร์

“กุญแจที่ว่าใช่นี่รึเปล่า”

เบลลามีชูกุญแจสีขาวให้ดู

“ใช่ครับ ตามที่ท่านคิด”

“เอากุญแจนี่ไป แล้วจบกันได้มั้ย ทั้งเราและยูจิ ช่วยปล่อยพวกเราได้รึเปล่า..”

แม้แต่เบลลามีก็รู้ดีว่าไร้ทางสู้ สถานการณ์ตอนนี้ไม่ต่างกับแมงเว้าบินเข้ากองไฟ

“ไม่ได้ครับ ท่านจำเป็นต้องมาด้วย ท่านยูจิคนนั้นเองก็ต้องตายตามพันธสัญญา ทว่า”

ทว่า?

“หากท่านออกคำสั่งให้ข้า ต่อให้มันจะเป็นการทรยศต่อพันธสัญญา หรือเป็นการหันหน้าเข้าหาศัตรูของท่าน ข้าก็จะยินยอมแต่โดยดีโดยไม่สนถูกผิด ..ขอเพียงออกคำสั่งให้ข้าอีกครั้ง ในฐานะนายของข้า เพียงแค่นั้น ข้าก็จะขจัดศัตรูของท่านให้สิ้นไป

“เชิญออกคำสั่งได้เลยครับ”

ลูซิเฟอร์ยิ้มให้

“ลูซิเฟอร์—”

“อย่ารีบตัดสินใจไปเบลลามี”

เคียวยะเดินมากั้นกลางระหว่างทั้งสองคนไว้ก่อน

“ขอคุยด้วยหน่อยดิ ชื่อลูซิเฟอร์ใช่มั้ย”

“ตามนั้นครับท่าน ว่าแต่ทางท่าน”

“เคียวยะเฟ้ย”

ลูซิเฟอร์พยักหน้ารับ

“เช่นนั้นแล้วมีอะไร”

“แกจะเอาเบลลามีไปทำอะไร”

“ต้องการพาตัวไปเพื่อฟื้นความทรงจำ ไม่นานท่านผู้นี้จะกลับมาผงาดในฐานะนายของข้า”

“เบลลามีก็คือเบลลามีสิฟร้ะ แกจะไปรู้อะไรเกี่ยวกับเธอ”

“รู้ดีกว่าท่านล่ะกันครับ”

ลูซิเฟอร์พูดด้วยรอยยิ้มที่แฝงความชั่วร้ายเอาไว้

ถ้าเผลอพลั้งปากอะไรบางอย่างไปตอนนี้ เคียวยะอาจถึงฆาตได้โดยง่าย-แต่ แล้วมันจะทำไม? คิดว่าคนอย่างเคียวยะจะไปแคร์เชี่ยอะไรล่ะ

เคียวยะคือไอ้ถ่อยที่ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนก็ถ่อยได้ตลอด เป็นไอ้อวดดีที่ไม่เกรงกลัวใคร เป็นพวกบ้าพลังถือตัว นิสัยเสีย พูดข่มชาวบ้านไปเรื่อย ต้อให้ใกล้จะแพ้หรือใกล้จะชนะ ทุกการกระทำและคำพูดก็ยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

สุดยอดอวดเก่งคนนี้เนี่ยนะจะยอมแพ้? ถามจริงเถอะ คนอย่างนี้มันจะไปแคร์อะไรกับศัตรูที่เก่งกว่าตัวเองหลายเท่าตัวกัน

ในหัวต่อให้ฉลาดและมีดวงตามหาปราชญ์ คำตอบก็มีอย่างเดียวอยู่ดี—-ไม่ช้าก็เร็ว ตูหาทางชนะได้เองแหละ

“จะซัดหน้าแกให้แหลก”

“..มีเหตุผลอันใดต้องปกป้องขนาดนั้นด้วย”

เคียวยะแสยะยิ้ม

“ยัยนี่คือเพื่อน ..เป็นหนึ่งในสองคนที่ชุกฉันคนนี้มาจากขุมนรก—-ถ้าไม่ได้มีสถานะเพื่อน ยัยนี่และไอ้บ้าอีกตัวมันไม่ต่างอะไรกับพระเจ้าที่คอยเยียวยาจิตใจของฉันแล้วเฟ้ย!!”

ไอบ้าที่ว่าคือเรเซอร์ และพระเจ้าที่กล่าวถึงคือเรเซอร์และเบลลามี

เคียวยะนึกย้อนกลับไปตอนที่ตัวเขาถูกจับได้ว่าเป็นโจรขโมย กกน. ตอนเย็นที่น่าสิ้นหวัง ความชั่วร้ายที่ถูกเปิดโปง ความรู้สึกที่ว่าช่างแม่งแล้วชีวิตลอยเข้ามาในหัว ก่อนที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปเมื่อพบกับสองคนนี้

ไอ้ชั่วเดนสังคมถูกลูบหัวและปกป้อง ..ทั้งสองคนยิ้มให้เคียวยะ และได้เป็นเพื่อนกันในเวลาต่อมา

ถ้าไม่มีสถานนะเป็นเพื่อน ทั้งสองคนก็คือพระเจ้าในใจของเคียวยะ

“วันคืนห่วยๆ ชีวิตห่วยๆของฉันมันถูกทำลายโดยไอ้เบื้อกสองตัวนี้ ..ถ้าแกชิงตัวยัยนี้ไป มันก็เหมือนกับฉันโดนขโมยที่ยึดเหนี่ยวจิตใจไป ..ฉันอยากมีมาตลอด คนอย่างพวกมันน่ะ โหยหามาตลอดเลย อุตส่าห์ได้มาแล้วแท้ๆ จะให้จำใจยอมเสียไปมันไม่ใช่เรื่อง”

กล่าวจบเคียวยะก็กอดอกเชิดหน้า

“เทียบความสำคัญแล้ว แค่ยอมสละเวลาแลกหมัดกับแก และเตะตูดแกให้แหลกซะ มันดูคุ้มค่ากว่าเป็นไหนๆ”

“..หึ ฮ่าๆๆๆๆๆ พูดได้ดี”

ลูซิเฟอร์หัวเราะชอบใจ

“หา?”

“ท่านช่างคล้ายกับข้าเหลือเกิน สิ่งที่โหยหาน่ะจะเสียไปไม่ได้เด็ดขาดใช่มั้ย?”

“ตามนั้น”

“ทางข้าก็เหมือนกัน”

…ลูซิเฟอร์เช็ดน้ำตาที่เล็ดจากการหัวเราะออก และยิ้มให้เคียวยะอย่างจริงใจด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกับตอนเบลลามี

“อ่อนแออย่างพวกท่านน่ะปกป้องไม่ไหวหรอก”

“ลองดูมั้ยล่ะ?”

“เอาสิ”

ลูซิเฟอร์ยกหมัดขึ้นฟ้าพร้อมกับลมกรรโชกสีดำ

“–เกลียวมรณะ”

“——เกลียวมรณะ!!!!!”

เคียวยะพูดออกมาในเวลาไล่เลี่ยกับลูซิเฟอร์—ลูซิเฟอร์ถึงกับหน้าเหว๋อ เขาตกใจจนลกและสุดท้ากย็มองที่ปลายมือของเคียวยะที่มี [เกลียวมรณะ] อยู่

ลูซิเฟอร์จ้องเข้าไปข้างในดวงตาของเคียวยะ และได้คำตอบโดยทันที ..

“ผู้ถูกเลือกนี่เอง ..ท่านคือผู้ถูกเลือกโดยทวยเทพสินะ เคียวยะ!”

[ดวงตามหาปราชญ์] ได้เลือนแสงหลากสี และแปรเปลี่ยนเป็นสีทอง—ณ จุดนี้ดวงตาของเคียวยะไม่ใช่ [ดวงตามหาปราชญ์] อีกต่อไปแล้ว

“ยังไม่จบแค่นี้หรอกนะเฟ้ย!”

เคียวยะเร่งการคำนวณของตัวเองจนถึงขีดสุด และดัน [เกลียวมรณะ] ให้ไปไกลกว่าของลูซิเฟอร์

เกลียวมรณะของเคียวยะมันใหญ่ยิ่งกว่าของลูซิเฟอร์อีก

“ไปตายซะ!!!!”

เคียวยะพุ่งเข้าใส่ลูซิเฟอร์ และอัดเกลียวมรณะที่เหนือยิ่งกว่าของใครๆ—-ลูซิเฟอร์เองก็สวนกลับ

ปรี๊ด!!!!!! เสียงสายลมปะทะกันดังขึ้นจนบริเวณรอบๆเกิดเสียงสั่น

ภาพที่เคียวยะดันหมัดเข้าไปจนจะถึงตัวของลูซิเฟอร์ปรากฏให้เห็นทันทีที่ปะทะกัน

[เกลียวมรณะ] ของเคียวยะดีกว่าของลูซิเฟอร์หลายขุม—–

“ทำได้ดีมากเคียวยะ!”

เรย์วิ่งตีข้างมา และกระโดดฟาดดาบเข้าใส่ลูซิเฟอร์พร้อมกันกับเคียวยะที่ดันเวทมนตร์ของตัวเองจนจะติดตัวลูซิเฟอร์แล้ว

การต่อสู้ครั้งนี้รู้ผลแล้ว

ผู้ชนะคือทางเคียวยะ

ไม่สิ

คิดผิดไปหน่อย?

ดวงตาของลูซิเฟอร์แดงขึ้น พร้อมกับสายลมจากเกลียวมรณะที่รุนแรงขึ้นมา

“[อำนาจมหาบาป]—[ความเย่อหยิ่ง]”

พริบตาเดียวเกลียวปีศาจขอบเคียวยะก็ถูกซัดหายควับไป พร้อมกันนั้นก็โดนกระแทกเข้าป้องจากเกลียวมรณะจนลงไปนอนกับพื้น—–ตามด้วยเรย์ที่ถูกลูซิเฟอร์ที่เร็วขึ้นผิดหูผิดตาขยี้หน้าจนปลิวไปชนบ้านจนถล่ม

…ทั้งสองที่เกือบจะได้กำชัย เพียงพริบตาเดียวก็ได้ลงไปนอนคลุกกับพื้นหมดสติเป็นที่เรียบร้อย

“ในชั่วขณะหนึ่ง ข้าจะเหนือกว่าทุกสรรพสิ่ง นี่คืออำนาจมหาบาปของข้าเอง ..เสียใจด้วย เกือบจะชนะแล้วเชียวนะท่าน”

พูดทิ้งท้ายให้ผู้แพ้ทั้งสองคนจบ ลูซิเฟอร์ก็เดินมาหาเบลลามีและจะคว้ามือไว้อีกครั้ง

เพรี้ยะ ..มือของลูซิเฟอร์ถูกปัดออก

ลูซิเฟอร์หันขวับไปพบกับชายหนุ่มผู้มีเลือนผมสีทองและดวงตาสีแดงที่ ณ เวลานี้เขาเดือดดาลได้ที่

“..เรเซอร์”

เบลลามีเอ่ยทัก ..เรเซอร์หันมองทางเคียวยะและเรย์ที่นอนหมดสภาพอย่างเรียบเฉย และมองเศษซากตึกที่การ์ปพุ่งชนใส่ยูจิ หรือใบหน้าของนักเรียนรอบๆอย่างโซเฟีย และสุดท้ายก็ใบหน้าของเบลลามี

..เรเซอร์หันกลับไปมองลูซิเฟอร์ ก่อนที่คิ้วของเขาจะกระตุกหนึ่งที

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด